การวิจัย • เป็ นการค้นคว้า อย่างเป็ นระบบ มีเหตุมีผล เพ่ อ ื ผลิตความรู้ใหม่ ซ่ึงความรู้ใหม่ อาจเป็ นความรู้ใหม่ เชิงทฤษฏี หรือการประยุกต์ปฏิบัติก็ได้ แต่ต้องอยู่บนรากฐาน ของความถูกต้อง โดยต้องพยายาม หลีกเล่ย ี ง ความแปรปรวน และอคติต่าง ๆ ท่อ ี าจจะเกิดขึน ้ โดยใช้รูปแบบการวิจัย วิธีการวิจย ั และสถิติท่เี หมาะสม
Descriptive Research
การวิจัยเชิงบรรยาย การวิจยั เชิงพรรณนา
ตอบคำาถามว่า คืออะไร • WHAT IS?
• ค้นหาความจริงในปัจจุบัน เพื่อผลที่เกิดขึ้นทั้งปัจจุบันและอนาคต • พรรณนาสิ่งต่างๆ หรือบรรยายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น/บรรยายข้อมูลและคุณลักษณะของป รากฏการณ์/ของประชากร • เช่น การอยู่ก่อนแต่ง (LIVE IN) ของนักศึกษามหาวิทยาลัยไทย • ส่วนแบ่งการตลาดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยไทย
WHAT IS?
EXPERIMENTAL RESEARCH • WHAT WILL BE ? • ค้นหาคำาตอบว่าอะไรจะเกิดขึ้น • ศึกษาจากสาเหตุไปหาผล/ ถ้าเกิด X แล้วต้องเกิด Y หรือไม่ เป็นการหาความสัมพันธ์ของเหตุผลเชิงปรากฏการณ์
ขัน ้ ตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การกำาหนดปั ญหา การตัง้สมมติฐาน รวบรวมข้อมูลและ พิสูจน์สมมติฐาน ข้อสรุปจากการศึกษา ไม่สอดคล้องกับสมมติฐานท่ีตั ้ งไว้้
สอดคล้องกับสมมติฐานท่ีตัง้ไว่
รับรองสมมติฐาน ได้สมมติฐานใหม่
การวิจยั เชิงทดลอง • 1. Experimental Group (E) • 2. Control Group (C) • 3. Treatment (T)
Variables • • • • • •
Independent Variables (X) Dependent Variables (Y) Intervening Variables Extraneous Variables Control Variables Statistical Control
Research Design • True Experimental Design • QUASI-Experimental Design • Pre-Experimental Design
Experimental Study • Researcher assign exposure status to population
Population
New Treatment
Success Fail
Control or Standard Treatment
Success Fail
Random
Experimental study • Quasi Experimental study • No randomization
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
ตัวแปรอิสระ
(Independent Variables)
เป็ นต้นเหตุ เป็ นปั จจัยเส่ียง เป็ นตัวกำาหนด มีอิทธิพล
ตัวแปรตาม
(Dependent Variables)
Cross-sectional (Prevalence)
การวิจัยเชิงทดลอง
(Experimental Research)
ผูว้ ิจัยกำาหนด Exposure
การวิจัยเชิงพรรณนา
Longitudinal (Incidence)
(Descriptive Study)
การวิจัยโดยการสังเกต
ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบ
ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง
การวิจัยเชิงวิเคราะห์
ชนิดไปข้างหน้า
(Observational Research) Exposure เกิดตามธรรมชาติ
(Analytic Study) มีกลุ่มเปรียบเทียบ
(Cross-sectional)
(Cohort or Prospective)
ชนิดย้อนหลัง
(Case control or Retrospective)
Steps in preparing a research study THEORY Data Interpre tation Field problem Research problem
Discussion O1
O2
O3
Theoretical Framework Summary
Conceptual Framework
H1
H2
H3 Conclusion
Data gathering
• c
Participation of Community And Steak holder
Social Capital of Community -Community Culture --Community Context
Learning Process Promotion of Female Labor in Seafood Industries and Community for: participation of: -Problem Study -Planning -Action - Evaluation
Participation learning Techniques -Community meeting -AIC Process -Mind mapping -Focus group -Group visiting/ exchange ideas
1.Development of Female Labor Life Quality in three dimensions - Economic -Society Health 2. Development of Learning Process of Community Female Labor and Steak holder
Conceptual Framework • c
Basic of Family
Government Organization
-Environment of Family
-Public Health Station -Tambon Organization
-Relations of Family Community -leadership -health volunteer -Tambon council members -house wife -religious leader
Family -Parents -child care -Family members
Model of Pre-School Child Development by Family &Community Process of participation building and learning by AIC and meeting
Action
Evaluation the effect of Promotion Pre-School Child Development
การวิจัยแบบทดลอง เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล ด้วยการจัดสภาพการณ์ที่เกี่ยวข้อง และ มีการควบคุมตัวแปรภายนอกทั้งหมด รวมทั้งมีการจัดกลุ่มควบคุมไว้เปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นด้วยรูปแบบก ารทดลอง สามรถแบ่งได้เป็น 2 แบบ 1. การวิจยั แบบกึ่งทดลอง 2. การวิ จ ย ั แบบทดลองที แ ่ ท้ จ ริ ง การวิจัยแบบทดลองที่แท้จริง จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 2) มีการจัดกระทำา (Manipulation) 2) มีการควบคุม (Control) 3) มีการสุม่ (Randomization)
รูปแบบการวิจัยแบบก่ึงทดลอง เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล รูปแบบการวิจัยยังไม่ได้เป็นทดลองโดยแท้จริง เนื่องจากไม่มีการสุ่มตัวอย่างเข้าสู่กลุ่มตัวอย่างและกลุ่มควบคุม หรือไม่มีการจัดเป็นกลุ่มควบคุมไว้เปรียบเทียบผลทีเ่ กิดขึ้น
เมื่อ
O X R
การวัดผลก่อนและหลังการทดลอง ตัวแปรอิสระที่จดั กระทำา (treatment or intervention) การสุ่มตัวอย่างเข้าสู่กลุ่มทดลองและกลุม่ ควบคุม
1. รูปแบบกลุม่ เดียววัดครัง้ เดียว X
O
กลุ่มทดลอง
2. รูปแบบกลุม่ เดียววัดสองครัง้ O1
X
O2
กลุ่มทดลอง
3. รูปแบบกลุม่ เดียววัดสองครัง้ X
O1 O2
กลุ่มทดลอง กลุ่มทดลอง
4. รูปแบบสองกลุ่มวัดสองครัง้ O1
X
O3
O2
กลุ่มทดลอง
O4
กลุ่มควบคุม
5. รูปแบบกลุม่ เดียววัดหลายครัง้ แบบอนุกรมเวลา O1
O2
O3
X
O4
O5
O6
กลุ่มทดลอง
รูปแบบการวิจัยแบบทดลองท่ีแท้จริ ง รูปแบบการวิจัยแบบทดลองทีแ่ ท้จริงจะต้องมีกลุ่มทดลองและกลุม่ คว บคุม มีการจัดกระทำา และมีการสุ่มตัวอย่างเข้าสู่กลุ่มตัวอย่างแต่ละกลุม่ 6. รูปแบบกลุม่ เดียววัดครัง้ เดียว R R
X
O1
กลุ่มทดลอง
O2
กลุ่มควบคุม
7. รูปแบบสองกลุ่มวัดสองครัง้ R
O1
R
O3
X
O2
กลุ่มทดลอง
O4
กลุ่มควบคุม
2. รูปแบบการทดลองส่ก ี ลุ่มแบบโซโลม่อน (Solomon Four Group Design) O1 O1
X X
O2 O2 O2 O2
กลุ่มทดลอง กลุ่มควบคุม 1 กลุ่มควบคุม 2 กลุ่มควบคุม 3
การวิจัยแบบทดลองยังมีรูปแบบการทดลองอีกหลายแบบ ซึง่ มีการควบคุมตัวแปรภายนอก โดยใช้วีการทางสถิติมากขึ้น รูปแบบก็ยิ่ง ซับซ้อนมากขึ้น
N
Things of Analysis
Research Outline
1
เหตุท่ีมาของงานวิจัย
ความเป็ นมาและความสำาคัญของปั ญหา
2
ส่ิงท่ีตอ ้ งการทราบจากการวิจัย (Research Question)
วัตถุประสงค์ของการวิจัย ประโยชน์ (Research Objective)
3
ขอบเขตของการวิจัย
ประชากร ตัวอย่าง
4
ส่ิงท่ีเก่ียวข้องกับงานวิจัย
ตัวแปรในการวิจัย กรอบแนวคิด
5
ข้อความหรือคำาท่ีเป็ นปั ญหา
นิยามศัพท์เฉพาะ
6
คาดคะเนผลการวิจัย
สมมติฐานของการวิจัย (Research Hypothesis)
วิธีจำาแนกตัวแปรในการวิจัยมีอะไรบ้าง ? ในการระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ควรคำานึงถึงอะไรบ้าง ? รูปแบบและทิศทางของความสัมพันธ์มีอะไรบ้าง ? กรอบแนวความคิดคืออะไร มีความสำาคัญในการวิจัยอย่างไร ? ท่ีมาของกรอบแนวความคิดจากแหล่งใดบ้าง ? การแสดงให้เห็นถึงกรอบแนวความคิดในการวิจัยทำาได้โดยวิธีอะไรบ้าง ? ลักษณะของสมมติฐานท่ีดีเป็ นอย่างไร ? ลักษณะของสมมติฐานท่ีไม่ดีเป็ นอย่างไร ? จำาเป็ นหรือไม่ต้องมีสมมติฐาน ?
ACTION RESEARCH
การวิจยั เชิงปฏิบัติการ
GROUNDED THEORY(GT) • ทฤษฎีที่มาจากพืน้ ที่ • สรุปทฤษฎีจากข้อมูลของกระบวนการวิจัย • วิธีการย้อนกลับกับวิธีการวิจัยที่ทำากันทั่วไป(Traditi onal Methods)