1 หัตถการจำาเป็นทางตาสำาหรับแพทย์เวชปฎิบัติทัว ่ ไป
. .
ผศ นพ สุเรนทร์ วิริยะเสถียรกุล
หัตถการที ่
1 : Technique
the lacrimal system
for diagnostic probing and irrigation of
การล้างท่อนำา ้ ตามีประโยชน์ในกรณีเมือ ่ เกิดอุบัติเหตุต่อเปลือกตา
โดยเฉพาะบริเวณหัวตา
เพือ ่ ทดสอบว่ามีการฉีกขาดของท่อนำา ้ ตาหรือไม่และจะนำาไปส่่การรักษาทีถ ่ ่กต้องต่อไป
ร่ปที ่
1
แสดงถึงโครงสร้างของท่อนำา ้ ตา
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
2
(คัดลอกจาก Basic and Clinical Science Course Section 7. San Francisco : American Academy of Ophthalmology, 1999-2000 ; 226.)
ร่ปที ่
2
แสดงถึงการใช้เข็มสอดเข้า
lower canaliculi
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
3 อุปกรณ์
1. ยาชาหยอดตา 2. Syringe
ขนาด
2 ml.
3. นำา้ เกลือ 4. เข็มเบอร์ 23-25 เซนติเมตร
ทีฝ ่ นปลายและดัดส่วนปลายเข็มเป็นมุม
45
องศา ยาวประมาณ
1
(irrigation canula)
5. สำาลีแห้ง 6.Punctum dilator ขัน ้ ตอนการปฎิบัติ
1.
หยอดยาชาในตาข้างทีจ ่ ะตรวจ
2.
อาจต้องขยายร่เปิ ด
3.
ใช้กระบอกฉีดยาทีม ่ ีนำา ้ เกลือพร้อมเข็มทีเ่ ตรียมไว้ค่อย ๆ สอดผ่าน
แนวตัง้
2
(punctum)
ด้วย
punctum dilator
มม. แล้วหักมุมฉากในแนวนอนอีกประมาณ
8
มิลลิเมตร
punctum
ใน
(ด่ร่ป 1, 2)
4.
ก่อนจะฉีดนำา ้ เกลือเพือ ่ ทดสอบให้ใช้สำาลีแห้งซับนำา ้ ตาบริเวณหัวตาให้แห้งก่อน
5.
การแปลผล เมือ ่ ฉีดนำา ้ เกลือแล้ว ถ้ามีนำา ้ เกลือพุ่งขึน ้ มาบริเวณหัวตา แสดงว่ามีการ
ฉีกขาดของท่อนำา ้ ตา แต่ถ้าปกติจะมีนำา ้ เกลือลงคอและมีรสเค็ม
หัตถการที ่
2 : Corneal and conjunctival foreign bodies removal
เมือ ่ มีเศษสิง่ ของทีป ่ ลิวเข้าตา จะทำาให้เกิดอาการเจ็บ เคืองตา นำา ้ ตาไหลมาก แพทย์จะต้อง พิจารณาแยกแยะเป็นประเด็นดังนี ้
1.
มีเศษขยะอย่่ทีก ่ ระจกตาหรือเยือ ่ บุตาหรืออย่่ใต้เปลือกตาบน
2.
เศษโลหะทะลุล่กตาหรือไม่
3.
มีการติดเชือ ้ หรือไม่
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
4
ร่ปที ่ อุปกรณ์
1.
3
Corneal foreign body
ยาชาหยอดตา
2. Forceps 3.
แสดงการเขีย ่
เข็มเบอร์
ปลายแหลม
25
4. Ophthalmic drill
สำาหรับ
removed rust ring
ขัน ้ ตอนการปฎิบัติ
1.
หยอดยาชาในตาข้างทีเ่ ศษขยะเข้าตา
2.
กรณีเศษขยะมีหลายชิน ้ และติดไม่แน่นให้ล้างตาด้วยนำา ้ เกลือหรือเช็ดออกด้วยไม้พัน
สำาลี
3.
กรณีเศษขยะทีเ่ ยือ ่ บุตามักจะรักษาได้ผลด้วยวิธีที ่
2
แต่ถ้าติดอย่่ใต้เปลือกตาจะต้อง
พลิกหนังตาบนด่ทุกครัง้ แล้วเขีย ่ ออกด้วยเข็มหรือคีบออกด้วย
4.
กรณีเศษเหล็กฝั งทีก ่ ระจกตาให้เขีย ่ ออกด้วยเข็มเบอร์
ร่วมด้วย
5.
(rust ring)
ให้ใช้เข็มเขีย ่ ออกหรือใช้
ถ้าไม่มีการติดเชือ ้ ให้รักษาเช่นเดียวกับ
ให้รักษาเช่นเดียวกับ
25
forceps
ปลายแหลม
ต่อกับไซริงค์
ophthalmic drill
corneal abrasion
ถ้ามีสนิม ข่ดออก
แต่ถ้ามีการติดเชือ ้
corneal ulcer
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
5 หัตถการที ่
3 : Applying pressure patches
เป็นการปิ ดตาทีค ่ ่อนข้างแน่น เพือ ่ รักษาภาวะ
corneal abrasion
ซึง่ อาจจะเกิดจากมี
เศษขยะเข้าตาหรือถ่กขีดข่วนด้วยของปลายแหลม จะมีอาการปวดเคืองตามาก ส้่แสงไม่ได้ นำา ้ ตาไหล มาก ถ้าส่องไฟไปทีก ่ ระจกตา จะตรวจพบมี สี
irregular corneal light reflex
หรือย้อมติด
fluorescein
ร่ปที ่
4
แสดงการปิ ด
Pressure
patching
อุปกรณ์
1.
ยาชาหยอดตา
2. eye pad 1-2
2
ชิน ้
3.
ผ้าก๊อซ
4.
พลาสเตอร์ชนิดเหนียว กว้างขนาด
5.
ยาปฎิชีวนะชนิดขีผ ้ ึง้
ชิน ้ นิว้ ยาว
5-6
นิว้ จำานวน
6
ชิน ้
(antibiotic eye ointment)
ขัน ้ ตอนการปฎิบัติ
1.
1
หยอดยาชาในตาข้างทีม ่ ี
corneal abrasion Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
6 2.
ให้ผ้่ป่วยหลับตาให้สนิท
แล้วเช็ดทำาความสะอาดรอบ
ๆ
70
ตาด้วย
%
alcohol 3.
ป้ายยา
ประมาณ
lens
antibiotic eye ointment
1
เซนติเมตร ยกเว้นกรณีเกิด
4.
เริม ่ ต้นปิ ด
2
ใช้พลาสเตอร์ชนิดเหนียว
eye pad
6
ปิ ดระหว่างหน้าผากและกระด่ก เพือ ่ ป้องกันไม่ให้กระพริบตา
6.
นัดติดตามผล
ก็ให้ปิด
24
ชัว ่ โมง ถ้า
pressure patching
1. โรคก้งุ ยิง
โดยทัว ่ ไปโรคก้งุ ยิง
aureus
บริเวณ
corneal abrasion ต่อไปและนัดอีก
incision
(hordeolum)
2-3
or Moll
บริเวณโคนขนตา ส่วน
meibomian gland
ใน
ชิน ้ บนตาทีห ่ ลับ ชิน ้ ที ่
1
พับครึง่
eye pad
โดย
2
โรคคือ
staphylococcus
eyelids
ซึง่ มีการติดเชือ ้ บริเวณ
จะแบ่งเป็น
glands of Zeis
internal hordeolum
tarsal plate
ถ้าเกิด
corneal ulcer
บ่อย ๆ มี
ของ
ลดลงและไม่มีการติดเชือ ้
วัน จนกระทัง่ หาย
จะเกิดจากเชือ ้
sebaceous glands
external hordeolum (stye)
ชัว ่ โมงแทน
ด้านข้าง ต้องปิ ดให้ตึงและเกิดแรงกดบนตา
4 : Incision and curettage
โรคบริเวณเปลือกตาทีม ่ ักจะได้รับการทำา
แต่จะ
2
ชิน ้ ที ่
การติดเชือ ้ แทรกซ้อน ก็ให้เปิ ดตาและรักษาต่อไปแบบ
หัตถการที ่
eye pad
ชิน ้ ทีต ่ ัดเตรียมไว้แล้วมาปิ ดทับบน
zygoma
2-4
eye pad 1
โดยวาง
ชิน ้ ทีข ่ ยุ้มเป็นก้อนหรืออาจใช้
วางลงบนหนังตาแล้วปิ ดทับด้วย
ทุก
ยาว
contact
จาก
pressure patching
pseudomonas
pressure patching
สนิท แล้วตามด้วยก๊อซ
5.
corneal abrasion
หรือวัสดุทีป ่ นเปื้ อนสกปรกมาก จะไม่ปิด
หยอดหรือป้ายยาปฎิชีวนะทีค ่ รอบคลุมเชือ ้
lower fornix
เข้าตา บริเวณ
เป็นการติดเชือ ้ บริเวณ
จึงอย่ด ่ ้านในและตำาแหน่งจะส่งขึน ้ ไป
จากขอบตา โดยส่วนใหญ่โรคนีจ ้ ะหายได้เองหรือตอบสนองดีต่อการประคบนำา ้ อุ่น จะทำา
incision
เมือ ่ มีขนาดใหญ่ขึน ้ Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
7 2. Chalazion ของ
meibomian granuloma
meibomian glands
soft tissue กับ
หรือ
เกิดจากมี
obstruction
ทำาให้มีการแทรกซึมของไขมัน เข้าไปส่่
tarsus
และ
ของเปลือกตาโดยรอบเกิดการอักเสบเฉพาะทีค ่ ลำาได้เป็ นเม็ดตำาแหน่งเดียว
Internal hordeolum
compression
ร่วมกับ
ภาวะนีมั ้ กจะเรือ ้ รังและไม่หายโดยการทำา
lid scrubbing
hot
การรักษาทีไ่ ด้ผลคือการทำา
Incision
and curettage ร่ปที ่
5
แสดงถึงโครงสร้างของเปลือกตา
(คัดลอกจาก Practical ophthalmology. 4 edition. San francisco th
: American academy of ophthalmology, 1996 ; 234) อุปกรณ์
1.
ยาชาหยอดตา
2. 2 % xylocaine with adrenalin 3. Syringe
และเข็มฉีดยาเบอร์
4. Eyelid clamp
หรือ
20, 27
chalazion clamp
5. Blade No.11 Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
8
6. Curette
ร่ปที ่
6
แสดงการใช้
Chalazion clamp
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
9
ร่ปที ่
7
แสดงการทำา
Vertical incision
กรณี
internal hordeolum
ขัน ้ ตอนการปฎิบัติ
1.
ให้ผ้่ป่วยนอนราบบนเตียง
2.
หยอดยาชาในตาข้างทีจ ่ ะเจาะ ถ้าเป็นเด็กเล็กต้องดมยาสลบ
3.
ฉีด
2 % xylocaine with adrenalin
external hordeolum hordeolum 4.
การทำา
incision
ตามแนว
5.
ใส่
จะทำา
กรณี
conjunctiva chalazion
ผ่าน
lid margin 2-3 ให้ตรงกับ
chalazion clamp
conjunctiva
horizontal หรือ
การลง
มิลลิเมตร
ส่วนของ
แล้วเจาะผ่านผิวหนังด้านบน ส่วนกรณี
plate
internal
conjunctiva
hordeolum
external hordeolum
จะทำา
กรณี
internal hordeolum
ส่วนกรณี
vertical Incision
ส่วนของ
ส่วนกรณี
external hordeolum
chalazion clamp
lesion
จะต้องพลิกหนังตาแล้วฉีดผ่าน
skin crease
จะทำาห่างจาก
แน่นพอสมควร กรณี
หรือ
จะฉีดผ่านผิวหนังโดยตรง
chalazion
Incision
chalazion Incision
หรือ
รอบ ๆ
แล้วล๊อค
clamp
plate
จะอย่่ด้านใต้
ให้
internal hordeolum
จะอย่่ด้านบนผิวหนัง ต้องพลิกหนังตาพร้อมกับ
แล้วจึงเจาะผ่าน
conjunctiva (ด่ร่ป 6)
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
10 6.
ใช้
blade
curettle 7.
เมือ ่
เบอร์
ข่ด (ด่รป ่
11
เจาะโดยทำา
incision
ดังทีได้ ่ อธิบายไว้ในข้อ
1.
แล้วจึงใช้
7)
curettage
เสร็จ ให้คลายล็อคและนำา
chalazion clamp
ต้องเย็บปิ ดแผลแต่ให้กดห้ามเลือดจนหยุด บางครัง้ อาจต้องกดต่ออีก
หัตถการที ่
4
1
ออกไม่
ชัว ่ โมง
5 : Fundus examination with direct ophthalmoscope
ส่วนประกอบของ
direct ophthalmoscope
1.1 Battery handle recharge battery
เป็นด้ามมือจับมี มีทัง้ ชนิด
battery
2.4 V
และ
ในด้าม
3.6 V
ปัจจุบันจะนิยมใช้
นอกจากนีย ้ ังมีชนิดใช้
ไฟฟ้าด้วย
1.2
Head of ophthalmoscope
1.2.1 Viewing aperture filter
ประกอบด้วย
บางรุ่นอาจมี
dust cover
ช่วยลดแสงสะท้อนจากกระจกตาได้ถึง
1.2.2 Lens selection disc dial up lens
หรือ
rekoss disk
-25 diopter
ภาพเสมือนหัวตัง้ มี
minus lens
+40 diopter
เพือ ่ ทีจ ่ ะปรับโฟกัสได้
15
เท่า
(เป็น
ซึง่ เปรียบเทียบทีร ่ ะยะ
25
ซม.)
เป็น
field of view
ต้องการก็จะแสดงตัวเลขให้เห็นโดย
built-in
จะให้ภาพทีข ่ ยาย
เมือ ่ มองผ่านเลนส์ทีต ่ ัง้ ทีศ ่ ่นย์
angular magnification
เป็น
ในคนสายตายาว จะต้อง
ปรับไปทางบวก ส่วนคนสายตาสัน ้ จะต้องปรับไปทางลบ ชัดเจน
polaroid
95 %
สามารถปรับไปทางบวกจากศ่นย์ จนถึง
และปรับไปทางลบจากศ่นย์จนถึง
เป็น
ประมาณ
plus lens
5
องศา เมือ ่ เลือกเลนส์ที ่ จะเป็นตัวเลขสีดำา
และ
จะเป็นตัวเลขสีแดง
1.2.3 Aperture selection disc
สามารถปรับเปลีย ่ นได้ตามความต้องการ
ซึง่ จะมีหลายแบบเช่น
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
11
• Full spot
aperture
จะเป็น
ใหญ่
• Small spot
จะใช้ด่ผ่าน
• Red-free filter spectrum
แตกต่างกัน
ขนาดเล็ก
filter
สีเขียวตัดแสงสีแดงออกจาก
microaneurysm
เพือ ่ ด่ว่าพยาธิสภาพบนจอประสาทตาน่นหรือบุุมลงไป
3 diopter
จะเท่ากับ
และ
• Fixation target
1
ความ
มิลลิเมตร
จะใช้ช่วยวัดขนาดหรือเส้นผ่าศ่นย์กลาง
ของเส้นเลือด โดยจะเพิม ่ ขีดละ
หรือ
pupil
ได้ดี
• Reticule or grid
central
pupil
ของแสง จะด่เส้นเลือด,
nerve fiber layer • Slit
จะใช้
มาตรฐาน ใช้ด่ผ่าน
0.2
มิลลิเมตร
ใช้เพือ ่ ตรวจการมองภาพของผ้่ป่วยว่าเป็น
eccentric fixation
1.2.4 On/off switch and rheostat control
เป็นป่ ุมใช้ปิด-เปิ ดและ
สามารถปรับความเข้มของแสงได้
ข้อจำากัดของ
2.
direct ophthalmoscope
ขัน ้ ตอนการตรวจ
1.
ด่ได้เฉพาะ
2.
ไม่มี
posterior pole
stereopsis,
โดยจะใช้ยาร่วมกันระหว่าง
phenylephrine tropicamide) dilation
eye จะมี
ประมาณ
dept of focus
Direct ophthalmoscope
การช่วยให้ตรวจง่ายขึน ้ วิธีหนึง่ คือ
dilation)
ไม่มี
45
drop)
(pupillary
การใช้ยาหยอดตาขยายม่านตา
sympathomimetic drug (2.5-10 % และ
parasympatholytic
rapid onset, short duration นาที กลับส่่ปกติใน
4-8
และ
drug
(1%
adequate
ชัว ่ โมง ข้อห้ามในการขยายม่านตา คือหลีก Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
12 เลีย ่ งในกรณีทีม ่ ี
anterior
intraocular lens
chamber
หรือกรณีทีก ่ ำาลัง
ตืน ้ มาก,
observe
Iris-supported
กรณีใช้
อาการทางระบบประสาทอย่่
ขัน ้ ตอนทีค ่ วรปฏิบัติมีดังนี ้
1.
ควรอธิบายให้ผ้่ป่วยเข้าใจและให้ความร่วมมือ ไม่ควรใช้เวลาตรวจนานเกินไป
2.
ควรจะตรวจในห้องมืด หรือค่อนข้างมืด ผ้่ป่วยและผ้่ตรวจควรจะอย่่ในระดับเดียวกัน
3.
ให้ผ้่ป่วยนัง่ หรือนอน
มองตรงไปข้างหน้า โดยผ้่ตรวจจะต้องใช้ตาข้างทีม ่ องผ่าน
direct ophthalmoscope ของผ้่ตรวจมองผ่าน
aperture
ตรวจตาข้างเดียวกันของผ้่ป่วยเสมอ เช่น ใช้ตาขวา ของ
direct ophthalmoscope
เพือ ่ ตรวจตา
ขวาของผ้่ป่วย ส่วนตาซ้ายก็ปฎิบัติทำานองเดียวกัน
4.
ใช้มือข้างทีจ ่ ะตรวจจับด้ามของเครือ ่ งมือ โดยใช้นิว้ ชีเ้ ลือก ใช้นิว้ ชีป ้ รับ
5.
lens selection disc
ระยะไกลมากกว่า
15
ให้เปิ ดไฟ แล้วมองผ่าน
ซม. ซึง่ ถ้าถ่กต้องจะเห็น
ค่อย ๆ เลื่อน
2-3 ไม่
8.
ไปทีต ่ ำาแหน่งเลขศ่นย์
direct
aperture
เล็งหา
red reflex
จาก
pupil
เต็ม
aperture
pupil
ของเครือ ่ งมือ ไปส่่
ให้อย่่ในแนวเดียวกันเสมอไม่ว่าจะตรวจบริเวณใดของจอประสาทตา
ก็ตาม ต้องเคลือ ่ นไหวในลักษณะทีเ่ ป็น หลังจากเห็น
ทีต ่ ้องการและ
ส่วนมือทีถ ่ ือด้ามของ
พยายามรักษาแนวของแสงจากร่ม่านตาของผ้่ตรวจไปส่่ ร่ม่านตาของผ้่ป่วย
7.
rekoss disk
ใช้มืออีกข้างทีว ่ ่างช่วยดึงหนังตาบนขึน ้
ophthalmoscope 6.
หรือ
aperture
red reflex
ของ
axis
pupil
เดียวกันเสมอ และรักษาแนว
direct ophthalmoscope
ซม. โดยที ย ่ ังคงให้ผ้่ ป่วยมองไปที ่
accommodate
focusing lens refractive error
ที ่
เราจะเริม ่ เห็น
distance
retina
lens selection disc ของผ้่ตรวจหรือผ้่ป่วย(ถ้ามี),
ของผ้่ตรวจ หรือเพือ ่ ชดเชยความลึก-หนาของ
ให้คงที แ ่ ล้ว จะต้อง
เข้าใกล้ตาของผ้่ ป่วยในระยะประมาณ
distance target
โดยนึกว่าเป็ นการด่ไปที ่
เมือ ่ เข้าใกล้ตาของผ้่ป่วย
axis
และผ้่ ตรวจก็พยายาม
ด้วย
แต่ยังไม่ชัด
จะต้องเริม ่ ปรับ
โดยใช้นิว้ ชี ้ สามารถจะชดเชย ป้องกัน
accommodation
retinal lesion
ทีต ่ รวจพบ
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
13
9.
การลด
corneal light reflex
สามารถทำาได้โดย
9.1
polaroid
การใช้
aperture 9.2
ใช้
จะช่วยลด
ก็จะช่วยทำาให้ตรวจจอประสาทตาได้ดีขึน ้ ซึง่
filter
dust
ตรงตำาแหน่ง
corneal reflection
small spot aperture
ของ
95 %
ได้ถึง
แต่ขณะเดียวกัน
cover
วิธีนีจ ้ ะทำาให้แสงส่องไป
ทีจ ่ อประสาทตาลดลงด้วย
9.3
พยายามส่องลำาแสงไปทีขอบ ่
อาศัยการฝึ กฝน
10. Fundus evaluation
pupil
มากกว่า
center
ของ
pupil
ซึงจะต้ ่ อง
เป็นขัน ้ ตอนทีส ่ ำาคัญก่อนจะนำาไปส่่ความถ่ก-ผิดของการ
วินิจฉัยโรค มีข้อควร ปฎิบัติดังนี ้
10.1
เริม ่ จากการตรวจ
optic disc, peripapillary, retinal blood
vessels 10.2
blood vessel
ส่วน
superonasal,
จะด่ไปพร้อมกับ
inferonasal,
background
เริม ่ จาก
inferotemporal
และ
superotemporal quadrant 10.3
จะด่
macula
ไกลมา
fix
เป็นลำาดับสุดท้าย โดยอาจให้ผ้่ป่วยเปลีย ่ นจากการ
แสงหรือผ้่ป่วยยังคง
ด้านข้างมาตรงกับแนว
10.4
layer 10.5
หรือความผิดปกติของ
การใช้
10.6
การใช้
reflex
vascular wall
หรือ
nerve fiber
ได้
จะช่วยบอก
distortion
ของ
ได้
fixation target
สังเกตุว่าจุด
ของผ้่ป่วยก็ได้
จะช่วยบอกความผิดปกติของ
Slit beam aperture
retinal lesion
ที ่
ทีไ่ กล แต่ผ้่ตรวจเลือ ่ นเครือ ่ งมือจาก
distance axis
red-free filter
การใช้
fix
fix
central
ของ
ให้ผ้่ป่วยมองแสงจากเครือ ่ งมือ แล้วผ้่ตรวจ
target
ตรงกับ
central foveal
eccentric location
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
14
11. Fundus record
ขัน ้ ตอนนีจ ้ ำาเป็นต้องมีมาตรฐานทีเ่ หมือนกัน เพือ ่ ทีจ ่ ะได้สือ ่ กัน
เข้าใจและด่แลผ้่ป่วยอย่างต่อเนือ ่ งได้ ของ
retina
และ
โดยเฉพาะ
diagram
optic disc
จักษุแพทย์จะมีการเขียน โดยกำาหนด
drawing chart
color code
แทนสิง่ ทีต ่ รวจพบ
แต่ในระดับของแพทย์ทัว ่ ไปจะเน้นเฉพาะการเขียนสิง่ ทีต ่ รวจพบลงบน
ร่ป
fundus
อย่างง่าย ๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง
1.
A
guide
to
the
use
of
Ophthalmoscope
in
the
eye
examination. New York : Welch Allyn Inc. (Booklet Distributed with Direct Ophthalmoscope). 2. Basic and Clinical
Science Course Section 7. San
Francisco : American Academy of Ophthalmology, 19992000 ; 140-142, 226. 3. Douglas JR, Mark FP, eds. The Wills Eye Manual. 3
rd
ed.
Philadelphia : Lippincott Williams & Wilkins, 1999 ; 23-26, 515-516. 4.
Fraufelder FT. Hordeolum (Stye). In : Fraunfelder FT, Roy FH, Meyer SM, eds. Philadelphid : W.B Saunders Company, 1980; 424-425.
5.
Fred MW II, ed. Practical Ophthalmology. 4 edition. San th
Francisco : American Academy of Ophthalmology, 1996 ; 234-236, 297-352,375-377.
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
15
6.
Herbert JG. Chalazion. In : Roy FH, ed. Master Techniques in Ophthalmic Surgery. USA : Williams & Wilkins, 1995 ; 370-373.
7.
ปรีชา เมฆานันท์. การใช้
Direct Ophthalmoscope.
กรุงเทพ
:
เรือนแก้วการพิมพ์,
2530.
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46