นา ยพงศ ์บ วร คว ะช าต ิ เลขประจำาตัว 5001612026
Andrew Johnson
“...หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง (Civil War) ประธานาธิบดีลินคอล์นและ แอน ดร ู ว์ จอห ์น สั น รองประธานธิบดีซึ่งมาจากรัฐฝ่ายใต้ได้วางแผนเพื่อที่จะนำามลรัฐทางภาคใต้ที่แยกตัวออกไปกลับมารวมดัง เดิม โดยการประกาศนิรโทษกรรมและการฟื้นฟู (Proclamation of Amnesty and Reconstruction) แต่ แผนการนี้ยังไม่ได้ดำาเนินการให้สำาเร็จในสมัยของลินคอล์นทั้งนี้เพราะเขาถูกลอบสังหารในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1865… แอน ดร ู ว์ จอห ์นสั น (Andr ew J oh ns on) ในฐานะรองประธานาธิบดีของลินคอล์นจึงเข้าดำารง ตำาแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 17 ตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา จอห์นสันคงคณะรัฐมนตรีชุดเดิมไว้และไม่ ได้แต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นรองประธานาธิบดี จอห์นสันคงนโยบายเดิมของลินคอล์นพร้อมกับตัดสินใจจะให้การ อภัยโทษแก่บุคคลระดับหัวหน้าของฝ่ายใต้ รวมทั้งผู้ก่อนสงครามกลางเมืองทั้งหมด ซึ่งทำาให้พวกหัวรุนแรง (Radical Republicans) ไม่พอใจและผิดหวังในตัวจอห์นสันเป็นอย่างยิ่ง จอห์นสันได้ใช้อำานาจของ ประธานาธิบดีในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในมลรัฐทางใต้ และระมัดระวังในการออกเสียงและเข้ารับราชการของ บุคคลบางกลุ่ม ต่อมาจอห์นสันได้ให้การยืนยันว่ามลรัฐทางใต้ต้องล้มเลิกในการประกาศแยกรัฐ และรัฐบาล กลางไม่ต้องร่วมรับใช้หนี้สงครามกลางเมือง สำาหรับประชากรในทางใต้ต้องให้สัตย์ปฏิญาณในการแก้ไขเพิ่ม เติมที่ 13 (The Thirteenth Amendment) ว่าด้วยการปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ อย่างไรก็ดีเจตนารมย์ของจอห์นสันที่พยายามดำาเนินรอยตามลินคอล์นกลับถูกขัดขวางโดยรัฐสภาของ สหรัฐที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ โดยต้องการจะใช้การลงโทษมลรัฐทางใต้มากกว่านี้ จอห์นสันได้ใช้สิทธิยับยั้ง กฎหมายฟื้นฟูบูรณะที่ลงโทษมลรัฐฝ่ายใต้ของรัฐสภาหลายฉบับ แต่ก็ถูกยืนยันด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ผ่าน กฎหมายทุกฉบับเช่นเดียวกัน ในทีส่ ุดสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ลงคะแนนเสียงฟ้องร้อง (Impeachment) ประธานาธิบดีจอห์นสันออกจากตำาแหน่ง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกา แต่ผลของการลงคะแนน
เสียงตัดสินของวุฒิสภาที่ต้องการคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภาที่จะลงโทษปลดจอห์นสันขาดไป เพียงหนึ่งเสียงเท่านั้น ทำาให้จอห์นสันถูกตัดสินยกฟ้อง และได้ดำารงตำาแหน่งประธานาธิบดีจนหมดสมัย...”