บทคัดยอ นายสัตวแพทยวิชิต กองคํา และยุพเยาว โตคีรี : การจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวิน สวนสัตวนครราชสีมา : หนา
75
การวิจัย เรื่อง การจัดการคอกแมวน้ําและนกเพนกวินสวนสัตวนครราชสีมา ไดทําการศึกษาลักษณะทั่วไปของ อาคารแสดงแมวน้ําและเพนกวิน ศึกษาการจัดการคอก การดูแลสัตว การฝก รวมถึงศึกษาคุณภาพสิ่งแวดลอมบางประการ ในพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อทราบสถานการณปจจุบันของการจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวิน ศึกษาสภาพแวดลอม บางประการภายในคอกแมวน้ําและเพนกวิน และเพื่อนําขอมูลที่ไดไปเปนฐานขอมูลในการจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวิน ในสวนสัตวนครราชสีมา โดยมีระยะเวลาในการศึกษาวิจัย 1 ป ผลการศึกษา พบวา ลักษณะทั่วไป ของพื้นที่อาคารแสดงแมวน้ําและเพนกวิน ประกอบดวย 4 สวน คือ คอกกัก เล็ก คอกกักใหญ สวนแสดงแมวน้ํา และคอกแสดงเพนกวิน โดยคอกกักใหญมีแมวน้ําอาศัย 5 ตัว คอกกักเล็ก 3 ตัว เมื่อไมมี การแสดงแมวน้ําจะอาศัยในคอกกัก ผูชมดูแมวน้ําไดในสวนแสดงแมวน้ํา ซึ่งมีการแสดงวันปกติวันละ 2 รอบ วันหยุดวัน ละ 4 รอบ สําหรับเพนกวินชมไดตลอดเวลาผานหองกระจก ที่ภายในออกแบบใหคลายธรรมชาติ และมีการปรับสภาพ อากาศใหเย็น เหมาะสมกับการดํารงชีวิตของนก มีเพนกวินอาศัยอยู 10 ตัว การจัดการคอก การปฏิบัติงานดูแลคอกนั้นทําไดดี พนักงานมีการแบงงานทําและรับผิดชอบในหนาที่ ทั้งการ สรางพื้นที่ มีความสอดคลองกับหลักวิชาการ แตก็ยังมีพื้นที่บางสวนที่ไมสะดวกตอการปฏิบัติงานทําความสะอาด ซึ่งเกิด จากการออกแบบทีต่ องการใหใกลเคียงธรรมชาติ และการตอเติมพื้นที่ภายหลัง การใหอาหารและการฝก แมวน้ํา ใหเปนปลาทู วันละ 30 กิโลกรัม ตอแมวน้ํา 8 ตัว โดยแมวน้ําที่ยังไมฝกจะให ทั้งตัว สวนแมวน้ําที่ฝกแลวจะหั่นเพื่อใหตามโปรแกรมการฝก เพนกวินจะใหปลาทูขางเหลือง วันละ 2.5 กิโลกรัม ตอนก เพนกวิน 10 ตัว โดยจะวางปลาทั้งตัวไวในถาดใหนกมากินเอง ปลาเปนปลาสดแชแข็ง มีการใหวิตามินเพื่อบํารุงสัตว โดย การยัดไวในอาหารดวย สําหรับการฝกสวนสัตวมีบุคลากรที่ไดผานการอบรม และสามารถฝกสัตวได ในดานคุณภาพสิ่งแวดลอมยังไมไดมาตรฐานเทาที่ควร เพราะคุณภาพน้ํายังไมไดมาตรฐาน โดยคุณภาพน้ําใน คอกกักแมวน้ําใหญมีคุณภาพต่ําที่สุด รองลงมา คือ คอกกักแมวน้ําเล็ก และคอกแสดงเพนกวิน ตามลําดับ สวนพื้นที่แสดง แมวน้ํามีคุณภาพน้ําดีมาก เนื่องจากมีการบําบัดน้ําอยางมีประสิทธิภาพ สําหรับลักษณะอากาศ พบวา อุณหภูมิและความชื้น อยูในสภาวะปกติ แตแสงสวางในคอกกักแมวน้ําใหญ คอกแมวน้ําเล็กและสวนแสดงเพนกวินยังมีแสงสวางไมเพียงพอ ดังนั้น ในการจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวิน เพื่อใหคุณภาพสิ่งแวดลอมดีดวยนั้น ตองคํานึงถึงวิธีการจัด การใน หลายสวน ไดแก การปรับเปลี่ยนการใหอาหาร โดยใหสัตวกินอาหารบนบกแลวทําการกวาดเศษอาหารมิใหตกคางอยูนาน การพิจ ารณาเติมอากาศลงในบอน้ํ าที่มีอ อกซิเจนต่ํา หรือปรั บปรุงระบบบํ าบัดน้ําใหสามารถใชงานไดดี ควรจั ดระบบ ระบายอากาศใหหอง สงเสริมความรูเกี่ยวกับระบบบําบัดน้ําเสียใหกับพนักงาน และควรมีผู เชี่ยวชาญไว และหากตอง
2 กอสรางเพิ่มเติมควรคํานึงถึงผลกระทบตอระบบเดิม เพื่อใหสามารถจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวินอยางมีประสิทธิภาพใน อนาคต
3
ABSTRACT
Wichit Kongkam and Yuppayao Tokeeree : The Captive Management of Cape Fur Seal and Humboldt Penguin at Nakhonratchasima Zoo : 75 page
The Captive Management of Cape Fur Seal and Humboldt Penguin at Nakhonratchasima Zoo studied about the generalization of cape fur seal and penguin exhibited building, the captive management, the animal take-caring, the animal training, and some environment qualities in the area. The purpose of this research is to find out the present situation about cape fur seal and penguin captive management. The study also investigates some environments qualities inside the cape fur seal and penguin captive. Data obtained will be used as a data resource for the management of cape fur seal and penguin captive at Nakhonratchasima Zoo. The study found that the generalization of cape fur seal and penguin exhibited building consists of 4 parts; the small captive, the big captive, cape fur seal exhibit, and penguin exhibit. The big captive consists of 5 cape fur seals while the small captive consists of 3 cape fur seals. The cape fur seal lives in the captive when it has no show. People can see the cape fur seal through the cape fur seal exhibit. Normally, there are 2 rounds per each day for the cape fur seal show except for a holiday which has 4 rounds per day. For penguins, people always see them through the glass room which is well naturally designed for penguin. There are 10 penguins living inside the penguin captive. Regarding to the captive management, the study found that the captive was well managed by the staffs of the zoo. The area was constructed through the theoretical framework. However, some areas caused a difficulty in cleaning because of the designed and the additive construction. With reference to the nourishment, the staff gave 30 kg. of a fish of the mackerel kind for 8 cape fur seals per day. For the un-trained cape fur seal, the staff gave them all a fish of the mackerel kind, but the staff gave a slice of a fish of the mackerel kind to the trained cape fur seal according to the training program. For penguins, the staff gave 22.5 kg. of a fish of the mackerel kind to 10 penguins per day by put it in a tray and let the penguins ate by themselves. The staff also gave some vitamins by put it inside a fish of the mackerel kind in order to nourish them. According to the training, the zoo has staffs which were already trained. So, those staffs have the ability to train the cape fur seal and penguin. For the environment qualities, the study found that the cape fur seal and penguin captive had an insufficient standard about the environment quality because the water quality was not in a standard. From the study, the big cape fur seal captive had the lowest water quality, and followed by the small cape fur seal captive and the penguin exhibited captive in order. However, from the study, the cape fur seal exhibit had a very good water quality because of in this area had an efficiency water treatment system. According to the air condition, the study found that the temperature and the humidity was in normal condition but there were insufficient light in the big and small cape fur seal captives and the penguin exhibit. Thus, in order to manage the captive to have good environment, we should consider to many processes in the captive management. Firstly, we should change the nourished practice by let the animals have there foods in land areas and then clean up the areas. Secondly, give more air into a pond which has low oxygen, overhaul the water
4 treatment system to work more efficiency. We also should make a ventilate system in the room, giving a knowledge about the water treatment to the staffs, and find out some specialists to work there. Finally, if we need to make an additional construction, we should care about the ex-system in order to make an efficient management of the cape fur seal and penguin captives in the future.
5
กิตติกรรมประกาศ การวิจัยเรื่อง การจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวิน สวนสัตวนครราชสีมา ไดดําเนินการจน สําเร็จ ลุลว งไปดวยดีในครั้งนี้นั้น ขอขอบคุณ สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแหงชาติ ที่ไดใ หทุน สนับสนุนการวิจัย ตลอดการวิจัยครั้งนี้ ขอขอบคุณองคการสวนสัตวแหงประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ ผูอํานวยการองคการ สวนสัตว นายโสภณ ดํานุย ที่ ใ หก ารสนับสนุนในการทําวิจัย ขอขอบคุณนายสัต วแพทยสุเมธ กมลวรนารถ ที่ ไดใ หก ารสนับสนุน และให คําแนะนํ า และขอขอบคุณ ผู อํานวยการสวนสัต ว นครราชสีมา นาวาอากาศโทกระวี กรีฑาพล ซึ่งไดอํานวยความสะดวกในการเขาไปเก็บขอมูลของ นักวิจัย และสนับสนุนการทําวิจัยครั้งนี้ เชนกัน ขอขอบคุณ เจาหนาที่ดูแลเพนกวินและแมวน้ําของสวนสัต วน ครราชสีมาทุก ทาน ที่ได อํานวยความสะดวกในการเก็บขอมู ล และใหค วามชว ยเหลือในการจดบัน ทึก ข อมูลตา งๆ ใน ภาคสนาม ทั้งยังใหความรวมมือในการใหสัมภาษณขอมูลตางๆ เปนอยางดียิ่ง และขอขอบคุณโปรแกรมวิชาวิทยาศาสตรสิ่งแวดลอม ศูนยวิทยาศาสตรและวิทยาศาสตร ประยุกต คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร ไดอนุเคราะหเครื่องมือใน การเก็บและตรวจวัดตัวอยาง จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
6
สารบัญ
บทคัดยอ ABSTRACT กิตติกรรมประกาศ สารบัญ สารบัญภาพ สารบัญตาราง บทนํา วัตถุประสงค ขอบเขตการศึกษา การตรวจเอกสาร วิธีการศึกษา ผลและวิจารณ สรุปและขอเสนอแนะ เอกสารอางอิง ภาคผนวก ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข
หนา ก ข ค ง จ จ 1 2 2 3 27 30 52 55 57 56 64
7
สารบัญภาพ ภาพที่ 1 ลักษณะและสวนตางๆ ของอาคารแสดงแมวน้ําและเพนกวินในสวนสัตว นครราชสีมา 2 ลักษณะกระเบื้องโมเสคแกวที่ใชปูพื้นสวนแสดง และคอกกักแมวน้ํา 3 ลักษณะภายในหอง ของคอกกักแมวน้ํา 4 ลักษณะของสวนตางๆ ในบริเวณสวนแสดงแมวน้ํา และการมองผานกระจก ใสเพื่อชมแมวน้ําใตน้ํา 5 ลักษณะภายในคอกแสดงนกเพนกวิน และการดํารงชีวิตภายในคอกแสดง 6 การเตรียมปลาเพื่อใหอาหารแมวน้ําและเพนกวิน 7 การฝกแมวน้ําของครูฝก สวนสัตวนครราชสีมา 8 ตัวอยางการแสดงความสามารถของแมวน้ําในสวนสัตวนครราชสีมา
หนา 31 32 32 33 36 39 41 42
สารบัญตาราง ตารางที่ 1 2 3 4 5
คุณภาพน้ําในคอกกักแมวน้ําใหญ คุณภาพน้ําในคอกกักแมวน้ําเล็ก คุณภาพน้ําในสวนแสดงแมวน้ํา คุณภาพน้ําในสวนแสดงแมวน้ํา ลักษณะของอากาศบางประการในคอกกักแมวน้ําใหญ คอกกักแมวน้ําเล็ก สวนแสดงแมวน้ํา และสวนแสดงเพนกวินที่ตรวจวัดในชวงเวลา 40 วัน
หนา 44 45 47 48 50
8
การจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวิน สวนสัตวนครราชสีมา The Captive Management of Cape Fur Seal and Humboldt Penguin at Nakhonratchasima Zoo บทนํา สวนสัตวนครราชสีมา ไดกอตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมและจัดแสดงสัตวนานาชนิด ใหผูที่สนใจได เขาชม ศึกษา ทําความรูจักกับชีวิตสัตว ในการนําสัตวตามธรรมชาติเขามาเลี้ยงในคอก หรือกรงเลี้ยง นั้น จําเปนอยางยิ่งที่จะตองมีการสรางคอกใหสอดคลองกับชีวิตความเปนอยูของสัตวชนิดนั้นๆ โดย การเลียนแบบสิ่งแวดลอมของคอกหรือกรงใหคลายกับธรรมชาติมากที่สุด โดยเฉพาะอยางยิ่งปจจัยที่ มีผลโดยตรงกับชีวิตสัตว เพื่อใหผูชมไดสัมผัสกับสัตวเหมือนเชนที่อยูในธรรมชาติ อยางไรก็ตาม ในสมัยกอนนั้น การนําสัตวมาแสดงในสวนสัตว ทั้งในและตางประเทศมิได ใหความสนใจตอการดูแลสภาพแวดลอม แตอยางใด ใหความสนใจเพียงตัวสัตว ซึ่งทําใหสัตวตอง อยูในสภาพแวดลอมที่ไมดีเทาที่ค วร สงผลเสียตอการดํารงชีวิต ของสัต ว ตอมานักวิชาการไดใ ห ความสนใจสิ่งที่อยูรอบตัวสัตวมากขึ้น ทั้งเรื่องอาหาร น้ํา ที่อยูอาศัย และปจจัยแวดลอมอื่นๆ มากขึ้น มีการบําบัดสิ่งแวดลอม และปรับสภาพใหเหมาะกับสัตวแตละชนิด สวนสัตวนครราชสีมาไดตระหนักถึงการนําสัตวเขามาแสดง ซึ่งเพนกวินและแมวน้ํา ก็เปน สัตวที่ทางสวนสัตวไดเห็นถึงความสําคัญและนํามาจัดแสดง เพื่อใหผูสนใจไดชม และศึกษา ซึ่งทั้ง สองชนิดเปนสัตวตางถิ่นที่นําเขามาจากตางประเทศ ดังนั้น การนําเขามาเลี้ยงหรือแสดงจะตองมีการ ดูแลเปนพิเศษ สราง จัดการที่อยูอาศัยและสิ่งแวดลอมใหสัตวเหลานั้นสามารถอยูอาศัยไดอยางปกติ ในการนี้สวนสัตวนครราชสีมาเองก็ไดใหความสําคัญ เชนกัน ดังนั้น ในการวิจัยครั้งนี้จึงทํา การวิจัยการจัดการคอกเพนกวินและแมวน้ําที่เลี้ยงในสวนสัต วนครราชสีมา รวมถึงการศึกษาถึง สิ่งแวดลอมบางประการที่มีผลตอชีวิตสัตวดวย ทั้งนี้เพื่อใหสามารถเลี้ยง ดูแลสัตวเหลานี้ไดอยาง เหมาะสม และจะไดนําผลการวิจัยไปประยุกตใชในการปรับปรุงและพัฒนากรงเลี้ยงของแมวน้ําและ เพนกวินตอไป
9
วัตถุประสงค 1. เพื่อศึกษาสถานการณปจจุบันของการจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวินในสวนสัตว นครราชสีมา 2. เพื่อศึกษาสภาพแวดลอมบางประการที่อยูภายในคอกแมวน้ําและเพนกวินในสวนสัตว นครราชสีมา 3. เพื่อนําขอมูลที่ไดไปประยุกตใชเปนฐานขอมูลในการจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวิน ของสวนสัตวนครราชสีมา
ขอบเขตการศึกษา ศึกษาสภาพการจัดการและคุณภาพสิ่งแวดลอมบางประการ ของคอกแมวน้ําและเพนกวิน ในสวนสัตวนครราชสีมา โดยมีระยะเวลาศึกษาวิจัย 1 ป
10
การตรวจเอกสาร 1. สวนสัตวนครราชสีมา สวนสัตวนครราชสีมา ตั้งอยูที่เลขที่ 111 หมู 1 ถนนราชสีมา – ปกธงชัย ตําบลไชยมงคล อําเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เปนสวนสัตว 1 ใน 5 แหง ขององคการสวนสัตวในพระบรม ราชูปถัมภ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม จัดตั้งขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2532 ในสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหวัณ เปนนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีพิธี เปดอยางเปนทางการ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2539 โดยมี ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท ประธาน องคมนตรีและรัฐบุรุษ เปนประธานในพิธีเปด ดวยแนวความคิดและรูปแบบการจัดสรางสวน สัตวที่ทันสมัย สะดวกสบายและปลอดภัยในการเที่ยวชม ทําใหไดรับความสนใจจากนักทองเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวตางประเทศ รวมแลวปละกวา 450,000 คน โดยสวนสัตวมีการจัดรวบรวมสัตวปานานาชนิด เพื่อประโยชนในการศึกษา อํานวยความ สะดวกและบริการในการเที่ยวชม แกประชาชน ทั้งยังสงเสริม บํารุง อนุรักษและขยายพันธุสัตวปา ไว เพื่อมิใหสูญพันธุไป มีการจัดดําเนินการเกี่ยวกับสถานที่เลี้ยงสัตวใหเหมาะสมกับสัตวเลี้ยงแตละ ชนิด โดยใหมีสภาพใกลเคียงกับธรรมชาติความเปนอยูของสัตวนั้น ๆ จัดทําตกแตงและปรับปรุง บริเวณสถานที่ภายในสวนสัตว ใหเหมาะสมกับเปนที่พักผอนหยอนใจของประชาชนอยางแทจริง ซึ่งจะเปนการสงเสริมการทองเที่ยวที่ไดทั้งความรูและอนุรักษสิ่งแวดลอมดวย นอกจากจะเปนแหลงทองเที่ยวเชิงอนุรักษ โดยเนนใหสัตวที่นํามาเลี้ยงและจัดแสดงไดอยู อยางสบายใกลเคียงกับธรรมชาติเดิมแลว ยังไดจัดสรรพื้นที่เปนสวนสาธารณะ(Public Area) ซึ่ง ประกอบไปดวยลานน้ําพุ พลาซา ลานความรู อาคารขอมูลขาวสารนิทรรศการ(Zoo Information) อุทยานสัตวโลกลานป สวนสัตวเด็กและสวนสัตวศึกษา(Children ‘s Zoo & Zoo School) ได เนรมิตโลกของเด็กและสิ่งแปลกใหมที่มากไปกวาคําวา “สวนสัตว” ไวในเนื้อที่กวา 15 ไร เปด บริการทุกวันไมเวนวันหยุดราชการ ปจจุบันสวนสัตวนครราชสีมา มีสัตวปาชนิดตาง ๆ ในความดูแล ทั้ง 3 ประเภท (สัตวปก, สัตวเลื้อยคลาน, สัตวเลี้ยงลูกดวยนม) กวา 1,180 ชีวิต ซึ่งสวนใหญเปนสัตวปาจากตางประเทศ มากมายหลายชนิดที่นาสนใจ คือ คอกสัตวแตละคอกกวางไมนอยกวา 4 ไร ทําใหสัตวปาสวน ใหญมีชีวิตอยูอยางสบายคลายถิ่นเดิม (www.koratzoo.or.th)
11
2. แมวน้ํา แมวน้ํ าเป น สัต ว เลี้ย งลูก ด ว ยน้ํ านม ที่อาศัยอยูบริเ วณชายฝ ง ในมหาสมุทรตอนใตและ แอฟริกาใต ซึ่งแมวน้ําที่สวนสัตวนครราชสีมานํามาแสดงนั้น คือ แมวน้ําเคปเฟอรซีล (Cape Fur Seal) หรือมีชื่อวิทยาศาสตรวา Arctocephalus pusillus pusillu (www.chiamaizoo.com) มีถิ่นที่อยู อาศัยแถบชายฝงทะเลของประเทศนามิเบีย ชายฝงตะวันตกและตอนใตของแอฟริกาใต เปนแมวน้ํา ที่มีขนาดเล็ก ลักษณะของตัวผูที่โตเต็มที่มีความยาวของลําตัว ประมาณ 2.15 เมตร มีน้ําหนักเฉลี่ย 274 กิโลกรัม ขนตามลําตัวสีเทา สวนตัวเมียจะมีขนาดเล็กกวา เมื่อโตเต็มที่ ขนาดของลําตัวมีความ ยาวประมาณ 1.2-1.6 เมตร น้ําหนักเฉลี่ย 57.4 กิโลกรัม (40-80 กิโลกรัม) ขนตามลําตัว มีสีน้ําตาล ปนเทา ดานทองมีสีจ างลง ในชวงฤดูรอนกอนจะถึงฤดูผสมพันธุตัว ผูอาจมีน้ําหนัก มากกวา 360 กิโลกรัม มีอายุขัยประมาณ 25 ป (ดูภาพในภาคผนวก ข) มีถิ่น ที่อยูอาศัยในเขตมหาสมุ ทรตอนใต คือ ออสเตรเลีย แทสมาเนีย แอฟริกาใตและ แองโกลา ซึ่งแมวน้ําออสเตรเลียเฟอรซีล ถิ่นที่อยูม ีอาณาเขตตามชายทะเลในเกาะแทสเนียและทวีป ออสเตรเลีย สวนแมวน้ําเคบเฟอรซีล อยูตามเกาะและชายฝงของแอฟริกาใตตั้งแตทางตอนใตของ ประเทศแองโกลา ตามชายฝงของประเทศนามิเบีย ในเขตจังหวัดเคบจนถึงอาวอัลกอร โดยถิ่นที่อยูจะเปนเกาะที่อยูไกลจากชายฝง ซึ่งเกาะที่เปนที่รูจักกันแพรหลายเชน The Seal Island in Algoa และ The Seal and False Bay เปนตน ซึ่งลักษณะเกาะจะเปนเกาะขนาดเล็กที่เปน โขดหิน ที่เกิดขึ้นจากการขึ้นลงของน้ํา หรือเปนแหลมทีย่ ื่นเขาไปในทะเลที่มีการขึ้นลงของน้ําสูง การเคลื่อนที่ของแมวน้ําบนพื้น ดินโดยใชครีบหนาและครีบหลังที่หัน ไปดานขางลําตัว เหลี่ยมของฝามือที่ครีบหนาจะชวยในการยึดโดยเฉพาะในหินที่ลื่น นอกจากนี้แมวน้ํายังเปนสัตวที่ ปนปายไดดีและสามารถโดดทิ้งตัวจากที่สูง ซึ่งสวนหนาอกจะรับแรงกระแทกจากการกระโดดได อาหารของแมวน้ํา พบวา 80 เปอรเซ็นตของอาหารจะไดจากการกินฝูงปลาขนาดเล็ก เชน ปลาซารดีน แองโชวี เมคเคอเรล ฯลฯ สวนสัตวทะเลชนิดอื่นที่แมวน้ํากินเปนอาหาร เชน ปลาหมึก กุง ในการกินอาหารแมวน้ําจะกระจายกันออกหากินและกินอาหารตางกัน มีกรณีที่แมวน้ํา 2-3 ตัวจะ กินอาหารรวมกัน ในแมวน้ํารุนหนุม-สาวจะกินกอนกรวดเขาไปในพื้นที่กระเพาะอาหารประมาณ 25 เปอรเซ็นต การสืบพันธุของแมวน้ํา บริเวณที่มีการขยายพันธุ จะมีลักษณะเปนโขดหินหรือบางแหงเปน หาดทราย บริเวณเหลานี้จะใชในชวงฤดูผสมพันธุ ตัวผูจะมาประกาศอาณาเขต แลวตัวเมียจะตามมา
12
ตัวผูจะทําหนาที่ปกปองอาณาเขตของตัวเองไมใหตัวอื่นล้ําเขามาในอาณาเขตจนกวาตัวเมียที่อยูใน อาณาเขตของตนจะถูกผสมทั้งหมด ในชว งหลายสัปดาหกอนที่จ ะถึงฤดูกาลผสมพัน ธุ จํานวนของแมวน้ําที่เขามาบนพื้น ที่ ชายฝงจะลดลงอยางเห็นไดชดั ตัวผูที่เปนตัวเต็มวัยจะหาแหลงผสมพันธุ โดยกอนหนานี้ ตัวผูจะตอง กินอาหารเพื่อสะสมไวในรูปของไขมันที่ชั้นใตผิวหนัง และกลามเนื้อ ซึ่งอาหารนั้นจะตองเพียงพอ สําหรับการอยูในชายฝงโดยไมออกไปหากินเปนเวลา 6 เดือน โดยพลังงานสวนใหญจะใชใ น ประกาศและรักษาอาณาเขตและกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวของกับการสืบพันธุ ตัวผูที่โตเต็มที่จะมาเริ่มประกาศและปกปองอาณาเขตในชวงเดือนตุลาคม ตัวเมียจะตามมา ในสัปดาหตอมาและออกลูก ลูกทีอ่ อกสวนใหญจะออกมาในชวงตอนปลายพฤศจิกายนและชวงตน เดือนธันวาคม โดย 90 เปอรเซ็นต จะออกภายในชวง 34 วัน ลูกแมวน้ําที่ออกใหมมีความยาว 0.6-0.7 เมตร โดยมีน้ําหนัก 4.5-7.0 กิโลกรัม สีขนลําตัว เปนสีดํา มีการผลัดขนในชวงแรกในชวงเดือนมีนาคม-เมษายน เปนสีออกเงินปนน้ําตาลที่คลายกับ ตัวเต็มวัย ลูกที่เกิดใหมจะกินนมแมในชวงชั่วโมงแรกของการเกิดและแมจะอยูกับลูกประมาณ 1 สัปดาห ซึ่งภายหลังออกลูกแลวตัวเมียสามารถกลับเปนสัดไดภายใน 5-6 วัน หลังจากที่ลูกเกิด ระยะเวลาตั้งทองของแมวน้ํานั้นมีระยะเวลาประมาณ 1 ป หลังจากที่ออกลูกประมาณ 1 สัปดาห แมของลูกแมวน้ําจะออกทะเลเพื่อหาอาหารกิน ซึ่งอาจใชระยะเวลาหลายวัน เมื่อกลับมาที่ ชายหาดแมแมวน้ําจะตะโกนเรียกลูกของตัวเองซึ่งจะมีเสียงตอบรับที่หลากหลายจากลูกแมวน้ําหลาย ตัวจนในที่สุดแมวน้ําจะรูโดยกลิ่นของลูกที่เปนกลิ่นเดียวกับกลิ่นบริเวณที่เคยอยู แมวน้ํามีศัตรูตามธรรมชาติ คือ ปลาฉลามและวาฬเพชฌฆาต สวนลูกแมวน้ําจะถูกลาโดย หมาในหลังสีน้ําตาล(Brown Back Jackal) และไฮยีนาสีน้ําตาล สถานภาพของแมวน้ําในปจจุบัน เปนสัตวในภาคผนวกที่ 2 ของอนุสัญญาไซเตส มีก าร ประมาณประชากรของแมวน้ําแอฟริก าใตที่ 1.5-2 ลานตัว โดยที่ 2 ใน 3 ของประชากร อยูใน ประเทศนามิเบีย การฆาแมวน้ําเคปเฟอรซีล ไดทํากันอยางตอเนื่องตั้งแตป ค.ศ. 1600 และมีตัวเลข ประมาณวาตั้งแตป ค.ศ. 1900 เปนตนมามีการฆาแมวน้ําชนิดนี้ประมาณ 2.7 ลานตัวซึ่งสวนใหญ เกิดขึ้นในนามิเบีย และตั้งแตป 1980 เปนตนมามีความตองการอวัยวะเพศของแมวน้ําตัวผู เพื่อทํา เปนยากระตุนทางเพศในกลุมผูบริโ ภคคนจีน (Far Eastern) ซึ่งบางครั้งพบวามีก ารฆาแมวน้ํา
13
แอฟริกาใตเพียงเพื่อเอาอวัยวะเพศเพียงอยางเดียว และมี แมวน้ําจํานวนเล็ก นอยที่ตายเนื่องจาก สภาวะมลภาวะที่เกิดในทะเล มีการลาแมวน้ําแอฟริกาใตเพื่อผลประโยชนทางการคา ซึ่งทําเปนประจําทุกป โดยฤดูการ ลาแมวน้ําจะทําในชวงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ในป ค.ศ. 1988 มีการกําหนดจํานวนแมวน้ําที่ จะถูกลาเพื่อการนี้ เปนลูกแมวน้ํา 35,000 ตัว แมวน้ําทีโ่ ตเต็มที่แลว 5,000 ตัว ไดมีแผนการที่จะ สรางโรงงานสําหรับการแปรรูป สิ่งตางๆที่ไดจากแมวน้ํา เชน แปรรูปไขมัน โรงงานทํารองเทา โรงงานฟอกหนัง เนื้ออัดกระปอง รานขายผลิตภัณฑ พิพิธภัณฑ และที่ไดราคามากคือ อวัยวะเพศ ของแมวน้ําตัวผู ซึ่งโรงงานนี้มคี วามตองการเพิ่มจํานวนสําหรับแมวน้ําที่จะลาในแตละป ในป 1994 มีการคาดกันวามีแมวน้ําประมาณ 200,000 ตัว ที่ตายในบริเวณชายฝงทะเลของ นามิเบียโดยสาเหตุการตายเกิดจากการขาดอาหารและอดอาหาร ทั้งนี้การที่จํานวนปลาลดลงอยาง มากก็เนื่องมาจากการเกิดมลภาวะสิ่งแวดลอมในทองทะเลนั่นเอง อยางไรก็ตามการลาแมวน้ําในแอฟริกาใตถูกหยุดไวตั้งแตป 1990 โดยที่มีความพยายามที่ จะปกปองแมวน้ํานั้นมีมาตั้งแตป ค.ศ. 1973 โดย The Sea Birds and Seal Protection Act ซึ่ง มุงหวังที่จะปกปองสัตวอยางสมบูรณ และใหรัฐบาลอนุญาตในการลาแมวน้ําเปนครั้งคราว ในบาง กลุมของแมวน้ํา ในชวงป ค.ศ. 1973 ถึง ค.ศ. 1982 มีการฆาแมวน้ํารุนลูก 18,750 ตัว และตัว เต็มวัย 530 ตัว โดยเฉลี่ยตอป จากป ค.ศ.1983 จนถึงปจจุบันโดยเฉลี่ยแลวจะฆาแมวน้ํารุนลูกป ละ 3,500 ตัว และในรุนโตเต็มที่แลว 4,300 ตัว นอกจากนี้ยังมีแผนการที่จะจํากัดจํานวนของ แมวน้ําเคปเฟอรซีล ที่อยูรอบๆ เกาะ The Island of Malgas ในป ค.ศ. 1999 เพื่อเปนการปกปอง นกเคบเจนเน็ท ที่พึ่ ง ฟ ก ออกจากไข ใ หม ๆ บนเกาะ ซึ่ งมั ก จะโดนล า จากแมวน้ํา เคปเฟอร ซี ล (www.south African and Australia fur seal.com)
14
3. เพนกวิน นกเพนกวินเปนชื่อสามัญ (Common Name) สําหรับนกที่บินไมไดที่มีถิ่นที่อยูในทะเล ซึ่ง สวนใหญจะเปนน้ําที่เย็น ตามชายฝงใน ซีกโลกตอนใต (Southern Hemisphere) เปนนกที่วายน้ําเกง มีรูปรางเปนรูปลูกปนตอปโด ซึ่งจะชวยลดแรงเสียดทานทําใหเหมาะกับการเคลื่อนที่ในน้ํา มีปกที่มี การเปลี่ยนรูปเปนครีบที่มีลักษณะบางแข็ง เพื่อใชในการสรางแรงขับเคลื่อนในการวายน้ํา กระดูก ของนกเพนกวินจะมีความแตกตางจากนกทั่วไปคือกระดูกจะแข็งแนน ไมมีโพรงอากาศเพื่อชวยใน การเพิ่มน้ําหนักตัวเพื่อชวยในการคงระดับใตน้ําในชวงการดําน้ํา เมื่ออยูบนพื้นดินการเดินของนก เพนกวินจะเดินเตาะแตะคลายเปด นกเพนกวินจะเขามาที่ฝงเพื่อผสมพันธุ แตชีวิตสวนใหญของนก เพนกวินจะใชเวลาประมาณ 80 เปอรเซ็นต อยูใ นทะเล รูปรางและลักษณะของนกเพนกวินมีหลายขนาดตั้งแตขนาดเล็กที่สุด คือนกเพนกวินลิตเติ้ล (Little Penguin , Eudyptula minor) ที่หนัก 1.1 กิโลกรัม ความสูงที่ 40 เซนติเมตร และขนาดใหญ ที่สุดคือ นกเพนกวินเอ็มเพอเรอ (Emperor Penguin, Aptenodytes forsteri) เมื่อโตเต็มทีจ่ ะหนัก 30 กิโลกรัมและความสูง 115 เซนติเมตร นกเพนกวินทุกชนิดมีสวนหลังสีดํา สวนหัวและหนาอกสีขาว อยางไรก็ตามแตละชนิด ของนกเพนกวินก็จะมีลักษณะที่แตกตางกันไป เชน นกเพนกวินในจีนัส Eudyptes จะมีขนเปนแผง สีเหลืองสดบนหัว นกเพนกวินอะดีเลยจะมีวงแหวนสีขาวรอบตาทั้งสองขาง ลักษณะอื่นที่มีความ แตกตางกัน เชน ที่สวนหัวและคอจะไมมีขนเปนสีชมพู ลักษณะเปนจุดหรือเปนแถบสีดํา ที่หนาอก สีขาว ลักษณะของจะงอยปากจะมีความหลากหลาย เชน สีดําหรือแดง ขนาดจะมีตั้งแตสั้นและทูไป จนถึงยาวและโคง ที่นิ้วเทาของนกเพนกวินจะมีพังพืด ลักษณะของทั้งสองเพศจะคลายกัน ถึงแมวา แนวโนมของตัวผูจะน้ําหนักมากกวาตัวเมียและขนาดของจะงอยปากจะเล็กกวา นกเพนกวินเปนนกที่สามารถปรับตัวกับอากาศที่หนาวได โดยมีขนที่สั้น แข็งและแนน เพื่อชวยในการกันน้ําที่ชวยลดการสูญเสียความรอนออกจากรางกาย อาณาเขตและถิ่นที่อยู ถึงแมวานกเพนกวินเปนนกที่อยูในสิ่งแวดลอมที่หนาวเย็น แตมีนก เพนกวินอยู 2 ชนิด ที่อยูในถิ่น ที่อยูที่เปน น้ําแข็งของขั้วโลกใต คือ อะดีเลยเพนกวิน (Adelie Penguin , Pygoscelis adeliae) และนกเพนกวินเอ็มเพอเรอ(Aptenodytes forsteri) โดยสวนใหญจะ อยูทางตอนเหนือหรือรอบขั้วโลกใต หรือในเขตที่อบอุนที่หางจากขั้วโลกใตออกมาอีก
15
บริเวณที่มีความหลายหลายของชนิดนกเพนกวิน คือ ทางตอนใตของประเทศนิวซีแลนดมี นกเพนกวินอยู 7 ชนิดและที่เกาะฟอคแลนดมีนกเพนกวิน 5 ชนิด บริเวณทีม่ ีประชากรของนกเพนกวินอยูหนาแนนมากที่สุด คือ บริเวณชายฝงของ แหลม แอนตารคติก (The Antarctic Peninsula) ทางตอนเหนือของทวีปแอนตารกติก นกเพนกวินที่มีขนาดเล็กพันธุหนึ่งที่อยูในเกาะกาลาปากอส อยูทางใตของเสนศูนยสูตรลง มา คือ นกเพนกวินกาลาปากอส (Galapagos Penguin, Spheniscus mendiculus) ยังมีนกเพนกวินอีก หลายพันธุที่อยูในถิน่ ที่อยูตามชายฝงทะเลตอนใตของทวีปอเมริกาใตและตอนใตของแอฟริกาใต ที่ มีอากาศคอนขางรอนแตอาศัยกระแสน้ําเย็นเพื่อชวยใหดํารงชีวิตอยูได นกเพนกวินเปนนกที่วายน้ําเกงและใชเวลาสวนใหญอยูในน้ํา การเดินทางในระยะทางยาว โดยการดําน้ํา การเคลื่อนที่โดยการใชครีบที่มีลักษณะคลายใบพายและใชเทาที่มพี ังพืดทําหนาที่เปน หางเสือ การกระโดดเคลื่อนตัวเหนือผิว น้ําเพื่อหายใจ การเคลื่อนที่บนบกโดยการเดินเตาะแตะ สวนบนพื้นหิมะบางครั้งอาจใชสวนทองแลวไถลตัวไปขางหนาโดยใชครีบปกชวย นกเพนกวินทุกชนิดจะกินอาหารในน้ํา อาหารที่กินเชนปลา ปลาหมึกและกุง โดยการหา อาหารกินจะวายน้ําใกลผิวน้ําและเคลื่อนตัวอยางรวดเร็วเพื่อจับเหยื่อ การผสมพันธุ การสรางรัง การวางไข พฤติกรรมการจับคู ผสมพันธุ สิ่งเหลานี้เกิดขึ้น บนพื้นดิน พฤติกรรมทั้งหมดจะเกิดขึ้นเปนระยะเวลาประมาณมากกวา 100 วันซึ่งในชวงนี้นก เพนกวินจะไมกลับไปที่ทะเลเพื่อหาอาหาร มีนกเพนกวินบางชนิด เชน นกเพนกวินอะดีเลยที่ สามารถสูญเสียน้ําหนักถึง 30 เปอรเซ็นต นกเพนกวินหลายชนิดที่จะมีการสรางรังรวมกันตั้งแต นอยกวา 100 คูจนถึงหลายพันคูใ นบริเวณเดียว ซึ่งพบวาในหนึ่งตารางเมตรจะมีคูนกสรางรังวางไข ถึง 3 คู แตนกเพนกวินบางชนิดจะวางไขแยกอยูคูเดียวคือ Fiordland Penguin (Eudyptes pachyrhynchus) และ นกเพนกวินตาเหลือง (Yellow–eyed Penguin, Megadyptes antipodes) การที่นกเพนกวินอยูรวมกันเปนกลุมเพื่อดําเนินพฤติกรรมเพื่อขยายพันธุ ทําใหนกเหลานี้ ไดเรียนรูพฤติกรรมในฝูงและการกระตุนจากพฤติกรรมของตัวอื่นในฝูง นกเพนกวินจะมีการแสดง ทาทางและเสียงรองหลากหลายเพื่อปกปองรังวางไขของตัวเองและเพื่อหานกที่เปนคูของตน นกเพนกวินสวนใหญจะทํารังวางไขบนพื้นดินในที่โลง ซึ่งรังจะเปนแองที่อยูระหวางกอน หิน ขนาดใหญห รือหญา รองรังดว ยหิน กอนเล็ก หรื อหญา ในนกเพนกวิ น ขนาดเล็ก เช น นก
16
เพนกวิน ฮัมโบลท และนกเพนกวิน แมคเจนเลนนิค จะขุด เปน โพรงลงไปในดินซึ่งมีค วามยาว ประมาณ 1 เมตร ซึ่งอาจเปนบริเวณใตพุมไม หรือเปนรูในชองหิน นกเพนกวินคิงสและนก เพนกวินเอ็มเพอเรอจะไมสรางรัง แตจะวางไขไวที่ดานบนของเทาและปกคลุมไขดวยสวนลางสุด ของทอง นกเพนกวินสวนใหญจะวางไขที่มีขนาดเทากันซึ่งอาจเป นสีขาวหรือเขียว มีนกเพนกวิน คิงสและนกเพนกวินเอ็มเพอเรอที่วางไขครั้งละ 1 ฟอง นกเพนกวินที่มีหงอนที่หัว (The Crest penguin) จะวางไข 2 ฟอง โดยฟองแรกจะใหญกวาฟองที่สองและลูกนกฟองที่สองจะเติบโต แต ลูกนกที่เกิดจากฟองแรกมักจะตาย ลูกนกที่ออกจากไขใหมจะมีขนเสนเล็กๆ ลูกนกไมสามารถสรางความรอนใหกับรางกาย ของตัวเองอยางเพียงพอ รวมทั้งตองรับอาหารจากพอแม พอและแมนกจะสํารอกอาหารที่ยอยแลว ปอนใหที่ปากลูก ลูกนกจะอยูที่รังเพื่อรับความอบอุน รับอาหารและการปกปองจากพอและแมนก ซึ่งจะกินเวลาหลายสัปดาห โดยชวงของการปกปอง (Guard period) จะมีความแตกตางกัน เชน นก เพนกวินลิตเติ้ลจะใชเวลา 15 วัน ในนกเพนกวินคิงสและนกเพนกวินเอ็มเพอเรอจะใชเวลา 40-50 วัน ในชวงนี้แมและพอนกจะสลับกันกกลูกนกเพื่อใหความอบอุนแกลูกนก และลงทะเลเพื่อหา อาหารใหลูกนก ในนกเพนกวินอะดีเลย นกเพนกวินเกนโตจะแบงเวลาเทากันตัวละหนึ่งถึง สองวัน สวนในเครทดเพนกวินจะมีเฉพาะตัวผู และนกเพนกวินเอ็มเพอเรอจะมีเฉพาะตัวเมียที่ทําหนาที่กก ลูกนก ในนกเพนกวินที่มีขนาดกลาง พอและแมนกจะเริ่มกลับไปหากินในทะเลเมื่อลูกนกอายุได 20-30 วัน เหลาลูกนกจะมีการรวมตัวกันอยางหลวมๆ ที่เรียกวา “Creches” ซึ่ง พอและแมนกจะ กลับมาปอนอาหารแกลูกนกทุกวันหรือทุก 2-3 วัน เมื่อพอแมนกมาที่ฝงก็จะสงเสียงรองหาลูกและ รอการตอบกลับจากลูกนก ซึ่งทั้งพอ แมนกและลูกสามารถรับรูซึ่งกันและกันไดจากเสียงรอง ทําให ทั้งสองฝายมาหากันไดอยางถูกตองถึงแมวาจะมีลูกนกนับเปนพันตัวที่อยูรวมกันก็ตาม ชวงตอมาคือระยะที่พอและแมนกจะเริ่มลดปริมาณอาหารที่ปอนนกลงจนกระทั่งหยุดปอน อาหาร ตอมาก็จะเปนชวงระยะลูกนกหมดชวงอยูรวมใน Creche ซึ่งลูกนกจะมีอายุในราว 20-30 วัน ขน down หลุดไปและขนชุดแรกขนเต็มกอนที่ลูกนกจะลงทะเลเพื่อหาอาหารกินดวยตนเอง มีนกเพนกวินหลายชนิด ที่เมื่ออายุ 1 หรือ 2 ป จะกลับมาที่ฝูงนกเดิมเพื่อผสมพันธุ ในนก เพนกวินพันธุ Macaroni และ King จะเริ่มผสมพันธุเมื่ออายุ 5-8 ปและอายุขัยของนกเพนกวินอยูที่ 15-20 ป
17
เมื่อลูก นกออกจากฝูงที่เกิดแลว นกที่โตแลวเชน พอและแมน กจะกลับไปหากินในทะเล และเก็บสะสมไขมันในรางกายเพื่อที่จะกลับมาที่ฝูงเดิมของตัวเองอีกครั้งเพื่อผลัดขน นกเพนกวิน จะใชเวลาประมาณ 2-4 สัปดาหที่ขนจะงอกใหมจนกระทั่งขนเต็มตัวอีกครั้ง ในชวงที่มีการผลัดขน นกเพนกวินจะยืนนิ่งไมคอยเคลื่อนไหว ไมลงน้ําเพื่อหาอาหารกิน บางครั้งอาจเสียน้ําหนักไป 50 เปอรเซ็นต สถานการณของจํานวนประชากรนกเพนกวิน ประชากรของนกเพนกวินสวนใหญมีจํานวน มาก ยกเวน นกเพนกวิน Erect-crested, นกเพนกวินตาเหลืองและนกเพนกวินกาลาปากอส ที่อยูใน Red List of Threatened of The World Conservation Union นกเพนกวินมีศัตรูตามธรรมชาติไมมากนัก บนพื้นดินจะมีนกนางนวล นกพีทริล จะมากิน ไขและลูกนกเพนกวิน ในทะเลจะโดน แมวน้ําเสือดาว(Leopard seal) ลานกเพนกวินที่โตเต็มที่แลว หรือในบางพื้นที่รังของนกเพนกวินอยูในพื้นเดียวกันกับพื้นที่ผสมพันธุของแมวน้ํา ซึ่งแมวน้ําตัวผู จะทําลายรังหรือแมกระทั่งฆานกเพนกวินที่โตเต็มที่ เนื่องดวยบริเวณที่เปนแหลงผสมพันธุของนกเพนกวิน มักจะเปนเกาะที่ไมมีผูคนอาศัยอยู ในครั้งอดีตที่ผานมากลาสีเรือจะฆานกเพนกวินโดยเฉพาะนกเพนกวินคิงสที่อยูบนเกาะฟอคแลนด เกาะ Macquarie เพื่อใชเปนน้ํามันหลอลื่นและเปนเชื้อเพลิง ในบางเกาะซึ่งแตเดิมเปนเกาะที่ไมมี คนอยู แตในเวลาตอมามีคนเขาไปอยูอาศัย เชน เกาะกาลาปากอสและบางสวนของนิวซีแลนด มี การนําเอาสัตวเลี้ยงเขาไป เชน สุนัข แมว หนู จะเขาไปกินไขและลูกนกของนกเพนกวินหรือเขา ไปรบกวนฝูงนกเพนกวิน ในปจจุบันปญหาที่คนสรางขึ้น เชน ปญหาจากน้ํามันจากเรือขนสงน้ํามันรั่ว โลกรอน การ ทําประมงที่มากเกินไป ซึ่งปญหาเหลานี้สงผลกระทบตอจํานวนของนกเพนกวิน เพนกวินที่แสดงในสวนสัตวนครราชสีมาเปนเพนกวินชนิดที่เรียกวา ฮัมโบลดเพนกวิน หรือมีชื่อวิทยาศาสตรวา Spheniscus humboltdi เปนเพนกวินที่มีรูปราง ลําตัวรูปกระสวย หรือ ลูกปนตอรปโด มีขนสีขาวที่หนาทองและอก สวนดานขางลําตัวและหลังเปนสีดํา ซึ่งขนจะสั้นและ กันน้ําได โดยสวนปกจะมีการพัฒนามาเปนครีบเพื่อเหมาะกับการวายน้ํา มีครีบอกที่แข็ง และแคบ ยาว มีนิ้วเทาที่มีหนังเปนพังพืดคลายเทาเปด ไมสามารถแยกเพศไดจากการดูจากลักษณะภายนอก (ดูภาพในภาคผนวก ข)
18
การเคลื่อนที่ นกเพนกวินฮัมโบลดสามารถวายน้ําไดอยางคลองแคลว โดยความเร็วปกติอยู ที่ 7 กิโลเมตรตอชั่วโมง แตในกรณีที่วายอยางรวดเร็วความเร็วจะอยูที่ 14 กิโลเมตรตอชั่วโมง เนื่องจากรูปรางที่เหมาะกับการเคลื่อนที่ในน้ํา แตการเคลื่อนที่บนบกจะชาซึ่งจะเดินเตาะแตะเหมือน เปด แตความสามารถในการกระโดดจะทําไดดีอยางไมนาเชื่อโดยสามารถกระโดดไดเทากับความ สูงเมื่อนกอยูในลักษณะยืน ถิ่นที่อยู จะอาศัยอยูในชายฝงทะเลดานตะวันตกของทวีปอเมริกาใต ในประเทศเปรู และ ตอนเหนือของประเทศชิลี พฤติกรรม จะอยูกันเปนฝูงใหญ รวมกับนกน้ําชนิดอื่นๆ โดยนอกฤดูผสมพันธุจะอาศัยอยู ในทะเลเปนสวนใหญ ขึ้นมาบนฝงนอยมาก อาหารที่นกเพนกวินฮัมโบลด กินเปนปลาขนาดเล็กที่อยูรวมกันเปนฝูง เชน ปลากระตัก ปลาซารดีน โดยหากินใกลชายฝงไมออกไปไกลถึงทะเลลึก การหาอาหารจะลาเหยื่อเปนกลุมเล็กๆ โดยการดําน้ําอยางรวดเร็วเพื่อจับปลา ความลึกที่นกชนิดนี้ดําลงไปคือที่ 15 เมตร สามารถอยูในน้ํา ไดนาน 2 นาที การสืบพันธุ เริ่มผสมพันธ เมื่ออายุ 3 ป จะผสมพันธุกับคูนกเดิมในปกอน ตัวผูจะมาถึง บริเวณที่ผสมพันธุกอนตัวเมียเพื่อสรางรัง ทํารังเปนโพรงดินหรือโพรงหินที่อยูใกลทะเล โดยการ สรางรังจะทํารังใกลกับสมาชิกตัวอื่นในฝูง และตัวเมียจะมาถึงพอดีในชวงที่สรางรังเสร็จ ตัวเมียจะ ฟกไขนาน 39 วัน โดยทั้งสองตัวชวยกันฟกไข ลูกนกที่ออกมาใหมจะเปนสีเทา ทั้งตัวผูและตัว เมียจะชวยกันดูแลลูกที่เกิดใหม เมื่ออายุได 6 สัปดาห สีขนจะเริ่มเปลี่ยนไปคลายกับตัวเต็มวัย และสมบูรณเต็มที่เมื่ออายุ 1 ป ลูกนกจะอยูกับพอ แมตัวเองจนกระทั่งอายุ 3 เดือน
19
4. การจัดการคุณภาพน้ําในสวนแสดงสัตวเลี้ยงลูกดวยนม (Water Quality in Management in Aquatic Mammal Exhibit) คุณภาพน้ําในสวนพื้นที่สําหรับการแสดงสัตวถือวาเปนสิ่งสําคัญ เพราะเปนแหลงน้ําให สัต วไดใ ชประโยชนใ นชีวิต ประจําวัน นอกจากคุณ ภาพน้ําแลว สภาพภูมิทัศนที่สวยงามไดถู ก ออกแบบใหเหมาะสมกับการใชงาน เชน การทําคูน้ําหรือลําธารเพื่อกันสัตวหลุดออกมานอกบริเวณ หรือสวนแสดง ก็เปนสิ่งสําคัญดวย อันจะทําใหเหลงน้ําสามารถใชงานไดหลายอยาง การจัดการคุณภาพน้ําในชวง 10-15 ปกอนที่ผานมา การบําบัดน้ําในสวนแสดงนั้นยังไมเปน ที่รูจัก จะใชการเปลี่ยนถายน้ํา โดยปลอยน้ําเกาออกทั้งหมดและเติมน้ําใหมเขาไป ซึ่งการเปลี่ยนน้ํา นั้น ไมไดมีการตรวจวัดคุณภาพน้ํา แตใชวิธีการสังเกตดวยสายตา เมื่อน้ําเริ่มเปนสีเขียวมาก หรือได กลิ่นของน้ําวาเหม็นเนา และเห็นวาสมควรที่จะตองเปลี่ยน จึงทําการเปลี่ยน นอกจากนั้น ยังไมรูถึง วิธีการประเมินคุณภาพน้ํานั้นทําดวยวิธีการใด (Daryl J. Boness,1996) ในอดีต การนําสัตวมาแสดงในสวนสัตว จะเนนใหความสําคัญกับชนิดสัตวเปนหลัก แต การใหความสําคัญกับสุขภาพ การจัด การสวนแสดง และสิ่งแวดลอมรอบรอบตัว สัต ว เปนเรื่อง รองลงมา แตในปจ จุบัน สวนสัตวจํานวนมากที่ ได ใ หค วามสําคัญกับการจัด การสว นแสดงและ สิ่งแวดลอมสัต ว ซึ่งรวมทั้งการจัด การที่จ ะใหน้ําในสว นแสดงสัต วมีคุณ ภาพดี ที่จ ะสงผลดีตอ สุข ภาพของสัต วและสรางความพึงพอใจแกผูเที่ยวชมดว ย ในสว นแสดงที่มีคูน้ํา บอน้ําเพื่อใช ตกแตงสวนแสดง มีการใชไมบอยครั้งนักจากสัตว ปริมาณเชื้อโรคที่สะสมอยูจะไมมาก การใชงาน สวนใหญจึงอยูที่การเปนสวนตกแตงมากกวา แตหากการดํารงชีวิตของสัตวมีกิจกรรมที่ตองใชงาน แหลงน้ําบอยครั้ง การสะสมของเชื้อโรคและของเสียก็จะมากขึ้นดวย มีสิ่งแวดลอมหลายดานที่มีผล ตอสัตวดังจะไดกลาวตอไป 4.1 เชื้อโรคที่มีผลตอสุขภาพสัตว ในการจัดการพื้นที่แสดงสัตวใหมีคุณภาพจําเปนตองคํานึงถึงการจัดการสิ่งแวดลอมให เหมาะสม เพื่อใหสัตวมีสุขภาพดีคือการจัดการสิ่งแวดลอมใหปราศจากเชื้อโรค นอกจากนี้ยังตอง เลียนแบบธรรมชาติโดยการจัดสภาพแวดลอม ใหสารเคมี สภาพทางกายภาพ เชน (แสง อุณหภูมิ) ใกลเคียงกับถิ่นที่อยูเดิม ในกรงเลี้ยงการเกิดเชื้อโรคอาจไมเหมือนกับการเกิดเชื้อโรคในปา ตัวอยางเชน เชื้อรา Fusarium solani ซึ่งมีอยูทั่วไปในน้ํา แตปรากฏวาไมทําใหเกิดโรคผิวหนัง แตถาน้ํามีอุณหูมิที่อุน
20
ขึ้นพบวาเชื้อราชนิดนี้จะทําใหเกิดโรคขึ้นได เมื่อมาพิจารณาชนิดของเชื้อโรคตางๆแลว เรายังไม สามารถคาดเดาวาเชื้อโรคใดจะทําใหเกิดโรคได ดังนั้นจึงเปนการยากที่เราจะกําหนดตัววัดคุณภาพ น้ําวาควรจะใชแบคทีเรียตัวใดเปนตัวบงชี้ได จากขอกําหนดโดยกระทรวงสาธารณสุข กําหนดมาตรฐานคุณภาพน้ําสําหรับสระวาย น้ํา ไดกําหนดใหใชแบคทีเรียโคลิฟอรมเปนตัวชี้วัดวามีเชื้อโรคมากถึงระดับที่ทําใหเกิดโรคหรือไม โดยการทดสอบสัปดาหละหนึ่งครั้ง ในระดับคุณภาพน้ําที่ยอมรับไดคือไมเกิน 1,000 โคโลนีตอน้ํา 100 ลิตร (Daryl J. Boness,1996) ซึ่งตัวของแบคทีเรียชนิดนี้เองก็ยังมีขอสงสัยเชนเดียวกันวามี เหตุผลเพียงพอที่จะใชเปนตัววัดหรือไม แตเนื่องจากยังไมมีตัวบงชี้ตัวอื่นที่ดีกวา ในสวนสัตวบางแหงไดนําเอาแบคทีเรียโคลิฟอรมไปใชวัดในสัตวเลี้ยงลูกดวยนมที่อยู ในน้ําตลอดเวลาหรืออยูบางเวลา รวมทั้งในบอน้ําหรือคูน้ําที่มีสัตวถายของเสียลงไป 4.2 สารเคมีและดัชนีทางกายภาพ ในขอกําหนดที่ออกโดย USDA ไมไดมีการระบุถึงระดับมาตรฐานของสารเคมีและ ตัวชี้วัดทางกายภาพ รวมทั้งขอมูลในดานสารเคมีที่มีผลเปนอันตรายตอตัวสัตวยังมีนอยอยู (ในสัตว เลี้ยงลูกดวยนมที่อยูในน้ํา) มีสารเคมีหลายตัวที่เชนแอมโมเนีย ไนเตรท ไนไตรท ที่เราพบในน้ําธรรมชาติที่จะ นํามาเปนน้ําดื่มหรือน้ําในสระน้ํา เราตองมีการตรวจวัดเสียกอนเนื่องจากตองทราบ ถึงระดับของ มลภาวะหรือระดับของความเปนพิษวาสูงเกินไปหรือไม The U.S Environmental Protection Agency’s recommend ไดกําหนดระดับสูงสุดของ สารทั้ง 3 ตัวที่ผสมในน้ําไวที่แอมโมเนีย 0.05 มิลลิกรัมตอลิตร ไนเตรท 10 มิลลิกรัมตอลิตร และไนไตรทที่ 1 มิลลิกรัมตอลิตร ซึ่งสารเหลานี้เกิดจากสิ่งปฏิกูลที่สัตวขับถายออกมา สิ่งเนาเปอย ที่เกิดตามธรรมชาติ ยังไมมีขอมูลที่แสดงวาสารเหลานี้มีผลอยางไรกับสัตวเลี้ยงลูกดวยนมที่อยูใน น้ํา และในสวนสัต ว สว นใหญ ก็ไม ไดมี ก ารติด ตามที่จ ะวัด ปริมาณสารเคมีเหลานี้ (Daryl J. Boness,1996) ตัวอยางของสารเคมีที่มีพิษตอตัวสัตว เชน ทองแดง ซึ่งมีก รณีที่เกิดขึ้น ในแหลงน้ํา ธรรมชาติ และมีการใชทองแดงในสระน้ําเพื่อใชเปนตัวกําจัดสาหราย
21
ในการใชคลอรีน เพื่อทําน้ําประปา เปน วิธีการที่ปฏิบัติกันมานานและเปน ที่ยอมรับ แตก็มีคําถามเกิดขึ้นเชนกันในกรณีสารเคมีที่เปนอันตรายที่เกิดขึ้นจากตัวของคลอรีนเองทําปฏิกิริยา กับสารที่มีอยูสิ่งแวดลอมนั้น การใชค ลอรีนในสระน้ํา โดยทั่ว ไปจะควบคุมไมใ หสูงกวา 1.0 มิลลิกรัมตอลิตร (ในชวงที่มีคนมาใชบริการ) ซึ่งถาสูงกวานี้จะเกิดการระคายเคืองตอผิงหนังและ ดวงตาได ในสวนของสัตวที่อยูในน้ําอาจใชระดับที่สูงกวานี้ได เนื่องจากสัตวอยู ในน้ําเปนระยะ เวลานาน สามารถปรับตัว ได ซึ่งนอกจากที่กลาวมานี้จ ะไดนําเสนอขอมูลตางๆ ของดัชนีทาง กายภาพ และเคมีที่มีผลตอสิ่งมีชีวิตในน้ําดังจะไวในขอตอไป 4.3 ปริมาณของเกลือของน้ําและความเค็ม ความเค็ม ของน้ําหมายถึง ปริมาณของของแข็ง(Solid) หรือเกลือแรตางๆโดยเฉพาะ โซเดียมคลอไรดที่ละลายอยูใ นน้ํา การวัด คิด เปน หนว ยน้ําหนักของสารดังกลาว เปน กรัมตอ กิโลกรัมของน้ําหรือสวนในพันสวน (part per thousand , ppt) (สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตลําปาง, มปป) ความเค็มของน้ํามีคาแตกตางกันไป ทางดานการประมง แบงประเภทน้ํา ตามระดับความเค็มดังนี้ น้ําจืด (Fresh water) มีความเค็มระหวาง 0-0.5 ppt น้ํากรอย (Brackish water) มีความเค็มระหวาง 0.5-30 ppt น้ําเค็ม (Sea water) มีความเค็มมากกวา 30 ppt ขึ้นไป (ชาญยุทธ คงภิรมยชื่น, 2533) ปริมาณความเค็มของน้ํามีผลตอระบบการควบคุมปริมาณน้ําภายในรางกาย เนื่องจาก ผลของความแตกตางของแรงดันออสโมติค ระหวางภายในตัวสัตวน้ําและน้ําภายนอก สัตวน้ําจืดจะ มีแรงดันออสโมติคภายในตัวสูงกวาน้ําที่อยูภายนอก ดังนั้น น้ําภายนอกจึงสามารถแทรกซึมเขาสู รางกายไดงาย สัตวน้ําจืดจึงตองพยายามขจัดน้ําสวนเกินออกไป ในทางตรงกันขามกับสัตวน้ําเค็มที่ อยูในทะเลจะมีแรงดันออสโมติคต่ํากวาน้ําทะเล ดังนั้น น้ําภายในตัวก็จะออกนอกรางกายไดงาย สัตวทะเลจึงตองพยายามเก็บรักษาปริมาณน้ําไวใหมาก สําหรับสัตวน้ําที่อาศัยบริเวณน้ํากรอยจะมี การปรับ ตัว ใหทนทานกับสภาพความเค็มไดหลากหลาย หรื อมีชว งความทนทานที่ก ว าง จึง มี ความสามารถในการปรับตัวและทนทานตอการเปลี่ยนแปลงแรงดันออสโมติคไดดี โดยปกติสัตว น้ําจืดจะมีเลือดที่มีความเขมขนสูงกวาน้ําภายนอกประมาณ 6 เทาของแรงดันออสโมติค หรือ เทากับความเขมขน 7 ppt ของเกลือโซเดียมคลอไรด ดังนั้นสัตวน้ําจืดทั่วไปจะสามารถอยูในน้ําที่มี
22
ความเค็มไดประมาณ 7 ppt และบางชนิดสามารถอาศัยอยูในน้ําที่มีความเค็มสูงกวานี้ได (ไมตรี ดวงสวัสดิ์ และคณะ, 2528) มีรายงานการเกิดกระจกตาหรือแกวตาขุนในสัตวกลุมแมวน้ํา (Pinniped) ที่อยูในน้ําจืด ความขุ น ของตาจะลดลงที่ อ ยู ใ นน้ํ า ที่ มี ก ารผสมของเกลื อ ทะเลลงไป มี ร ายงานอี ก ว า มี 67 เปอรเซ็นต คือ 100 ตัวใน 149 ตัวที่แสดงอาการตาขุนเมื่ออยูในน้ําจืดและ 22 เปอรเซ็นต แสดง อาการตาขุนเมื่ออยูในน้ําเค็ม ในสวนสัตว 5 ใน6 แหงที่มีบอขนาดเล็กผสมเกลือทะเลลงไปพบวามี ผลในการลดอาการขุนของตาได แตปญหาการเกิด กระจกตาขุน ในสัตวกลุม Pinniped ที่อยูในกรงเลี้ยงยังเปนปญหาที่ เกิดขึ้นจากหลายปจจัยรวมกัน อีกปจจัยที่พูดถึงคือ แสงสะทอนที่เกิดจากกนสระและผนังดานขาง ของสระ จึงมีคําแนะนําใหใชสีที่มืดทากนสระเพื่อลดแสงสะทอน อุณหภูมิก็เปนสิ่งที่มีผลตอตัวสัตว ถึงแมเราจะทราบอุณหภูมิของน้ํา ในถิ่นที่อยูของ สัตวชนิดนั้นๆ แตเราไมทราบถึงความทนทานของสัตวแตละชนิดวามีมากนอยเพียงใด ตัวอยางเชน ถานําหมีขาวมาเลี้ยงในสถานที่ที่อุณหภูมิสูงกวาถิ่นที่อยูเดิมจะเกิดอาการขนรวง 4.4 ความโปรงแสงและความขุนของน้ํา ความโปรงแสงของน้ําจะชวยใหการมองตัวสัตวขณะอยูในน้ําชัดเจนขึ้น และแสดงถึง ปริมาณของสารแขวนลอยที่มีอยูในน้ํา ความขุน เปน วิธีการวัดเชิงปริมาณของของวัตถุที่ มีการ แขวนลอยอยูในน้ํา โดยการวัดมี 2 วิธีคือ Nephelometric turbidity unit (NTU) และ Jackson turbidity unit (JTU) สิ่งที่เกี่ยวของที่ทําใหการมองผานน้ําดูดีขึ้นคือ การแยกเอาสารแขวนลอยออกจากน้ํา มุมที่มอง ความเขมของแสงที่สองผานลงมา การมองจากดานบนลงลางตองการระดับของความใส ของน้ํานอยกวาการมองจากดานขางผานกระจกเขามา มีการวัดในสระน้ําที่มีภาพการมองผานน้ําที่สวยงามโดยมองเห็นกนสระที่ลึก 6 เมตร ที่ National Zoo รัฐวิชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา วัดระดับของความขุนพบวามีคาที่ 3-4 NTU และในมุมมองดานขางที่มองผานกระจกระดับของความขุนจะตองไมม ากกวา 2 NTU (Daryl J. Boness,1996)
23
4.5 ความนําไฟฟา จากการรวบรวมของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตลําปาง กลาววา ความนํา ไฟฟาเปนการวัดความสามารถของน้ําที่จะใหกระแสไฟฟาไหลผาน คุณสมบัติขอนี้ขึ้นอยูกับความ เขมขน ชนิด ของอิออนที่มีอยูใ นน้ํา และอุณหภูมิที่ทําการวัด สารตางๆ ที่ใ หอิออนแกน้ํา ไดแก สารประกอบอนินทรียสาร เชน กรดอนินทรีย เกลือและดาง ความนําไฟฟาไมไดเปนคาเฉพาะอิออนตัวใดตัวหนึ่งแตเปนคารวมของอิออนทั้งหมด ในน้ํา คานี้ไมไดบอกใหทราบถึงชนิดของสารในน้ํา บอกแตเพียงวามีการเพิ่มหรือลดของอิออนที่ ละลายน้ําเทานั้น กลาวคือ ถาคาความนําไฟฟาเพิ่มขึ้นแสดงวาสารที่แตกตัวในน้ําเพิ่มขึ้น หรือคา ความนําไฟฟาในน้ําลดลงแสดงวาสารที่แตกตัวไดในน้ําลดลง คาความนําไฟฟา สามารถชี้วัด ถึง ความเขมข น ของแรธาตุหรือสารประกอบ หรื อ ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ํา (Total Dissolved Solids, TDS) อยางไรก็ตามคาความนําไฟฟาไมได แสดงใหทราบถึงชนิดของสารในน้ํา เพียงแตแสดงใหเห็นวามีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสารอิออน ที่ละลายในน้ําเทานั้น คาความนําไฟฟาจะเปนสัดสวนและเปนปฏิภาค โดยตรงกับปริมาณของแข็ง ทั้งหมดที่ละลายน้ํา ในแหลงน้ําแหลงใดแหลงหนึ่งจะมีคาความนําไฟฟาที่คอนขางคงที่ นอกจากนี้ยังทําใหทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของความเขมขนของสารละลายที่มีอยู ในน้ํา ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล หากมีการเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ก็แสดงวามีสิ่งผิดปกติ เกิดขึ้น ถาในแหลงน้ําธรรมชาติมีคาความนําไฟฟาสูงจะมีผลทั้งทางตรงและทางออมตอการ บริโภค การเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว โดยจะไปทําใหโครงสรางและหนาที่ของระบบนิเวศใน แหลงน้ํานั้นๆเปลี่ยนแปลงไปดวย กลาวโดยสรุปแลวคาความนําไฟฟามีความสัมพันธกับปริมาณ ความเขมขนของของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ํา (TDS) รวมทั้งความเค็มของน้ําดวย 4.6 ไนโตรเจน (Nitrogen) สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตลําปาง (มปป.) กลาววา สารประกอบไนโตรเจน ในแหลงน้ํา มีความสําคัญในวงจรชีวิตของพืชและสัตว เคมีของไนโตรเจนคอนขางยุงยาก เนื่องจาก ไนโตรเจนมีว าเลนซีไดหลายคา การเปลี่ยนวาเลนซีนี้ เกิด ขึ้น โดยสิ่งที่มีชีวิต แบคทีเรียสามารถ เปลี่ยนแปลงวาเลนซีของไนโตรเจนใหมากขึ้นหรือนอยลงขึ้นอยูกับสภาวะที่มีออกซิเจนหรือไมมี
24
ออกซิเจน ในแงของอนินทรียเคมีสารประกอบไนโตรเจนไดมากมายหลายรูปในวาเลนซีที่แตกตาง กันถึง 7 คา คือ NH3 (-3), N2 (0), N2O (+1), NO (+2), N2O3 (+3), NO2 (+4), N2O5 (+5) สําหรับทางดานสัตวน้ํามีการศึก ษาไนโตรเจนใน 3 รูปแบบ คือ แอมโมเนีย (NH3) ไนไตรท (NO-2) และ ไนเตรท (NO-3)สารประกอบพวกนี้อ ยูใ นรูป ปุยหรื อ เกลือ ปสสาวะ สว น สารประกอบพวกอินทรียไนโตรเจน ไดแก โปรตีน กรดอะมิโน กรดนิวคลีอิค ซึ่งเปนสวนประกอบ ของรางกายพืชและสัตว ในอุจจาระ ในปุยคอก ซึ่งแอมโมเนีย (NH3) มักพบอยูในรูปของเกลือแอมโมเนียมคลอไรด และเกลือของ แอมโมเนียมซัลเฟต ซึ่งเมื่อถูกยอยสลายจะใหกาซแอมโมเนีย รูปแบบของแอมโมเนียที่เปนพิษตอ สัตวน้ํา จะอยูในรูปที่ไมแตกตัว(NH3) สวนแอมโมเนียในรูปที่แตกตัวนั้น(NH+4) จะไมมีพิษตอสัตว น้ํา นอกจากจะมีความเขมขนสูงมากๆ สําหรับแอมโมเนียในรูปไมแตกตัวนั้น จะสามารถในการ แพรกระจายผานผนังเซลลไดดี เนื่องจากไมมีประจุไฟฟา และสามารถละลายไดดีในไขมัน ซึ่งเปน องคประกอบสวนหนึ่งของผนังเซลล ไนไตรท (NO-2) พบในรูปของ สารประกอบโซเดียมไนเตรท หรือแคลเซียมไนเตรท สารประกอบเหลานี้เปนผลพลอยไดจากการยอยสลายแอมโมเนีย ไนไตรทเปนสารที่เกิดขึ้นจาก กระบวนการ Nitrification โดยมีการเปลี่ยนแปลงมาจากแอมโมเนีย ในสภาวะที่มี pH ต่ําหรือเปน กรด จะมีปริมาณไฮโดรเจนอิออนสูง ซึ่งไฮโดรเจนอิออนจะทําปฏิกิริยากับไนไตรทไดกรดไนตรัส (Nitrous acid) ซึ่งจะมีพิษตอสัตวน้ําสูง ไนเตรท (NO-3) ไนเตรท ไนเตรทมีความสําคัญตอการเจริญของแพลงกตอนพืชและ พืชน้ํา ดังนั้น ปริมาณไนเตรทจึงสามารบอกกําลังการผลิต (Productivity) ของแหลงน้ําได ซึ่ง แพลงกตอนพืชจะใชไนเตรทในการสรางโปรตีน การเกิดไนเตรท เกิดจากกระบวนการออกซิเดชัน ไนไตรทเปนไนเตรท นอกจากนี้ยังไดมาจากการใสปุยซึ่งมีธาตุไนโตรเจนเปนองคประกอบ จาก การชะลางซึ่งจะพบวาบริเวณปากอาวหรือปากน้ําจะพบไนเตรทในปริมาณที่สูง ทางดานประมงไน เตรทไมถือวามีค วามเปน พิษ ตอสัต วน้ําโดยตรงนอกเสียจากมีค วามเขมขน สูงมาก สําหรับการ บริโภคน้ําที่มีไนเตรทสูง จะกอใหเกิดอันตรายตอรางกาย โดยจะทําใหเกิดโรคตอระบบโลหิต ซึ่ง เรียกวา Methemoglobinemia (ชาญยุทธ คงภิรมยชื่น, 2533) ปฏิกิริยาเคมีข องสารเหลานี้ จะผานกระบวนการ Mineralization เพื่อเปลี่ยนรูป จาก สารอินทรียไปเปนอนินทรียสาร ซึ่งมีแบคทีเรียเปนตัวสําคัญในการทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลง และ อาจเปลี่ ยนกลั บไปมาไดโ ดยแบคทีเ รีย โดยกระบวนการ Ammonification, Nitrification และ
25
Denitrification กระบวนการดั ง กล าวมีค วามสํ า คัญ เกี่ ยวกับ วัฏ จั ก รเคมีข องน้ํา เพราะทํ าให มี สารอาหารของพืชน้ําและสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ สามารถนําไปใชได ในสภาพกรดโดยกลุมแบคทีเรียที่ เรียกวา Nitrifying bacteria จะทําการยอยสลายแอมโมเนียโดยแบคทีเรีย เรียกวา กระบวนการ Nitrification และจากไนไตรท ไม ส ามารถอยูใ นสภาพคงที่ เพราะถู ก แบคทีเ รี ยย อ ยสลายต อ กลายเปนไนเตรท ดังนั้นจึงมักพบไนไตรทในปริมาณต่ํา ดังสมการ NH3
Acid solution
NH+4
2NH+4+3O2
Nitrosomonas
2NO-2+4H+ + energy + 2H2O
2NO-2+ O2
Nitrobacter
2NO-3 + energy
เมื่อมีสภาพขาดออกซิเจน (Anaerobic) หรือในสภาพที่มีออกซิเจนแตมีอินทรียวัต ถุ มากพอ จะเกิดกระบวนการ Denitrification เนื่องจากแบคทีเรีย ซึ่งทําหนาที่ลดออกซิเจนในไนเตรท ใหเปนไนไตรท จากไนไตรทใหเปนไนตริกออกไซด และกาซไนโตรเจน ตามลําดับ กาซไนโตรเจน จะระเหยขึ้นสูอากาศ ดังสมการ NH3 2NH+4 + 3O2 2NO-2 + O2
Acid solution Nitrosomonas Nitrobacter
NH+4 2NO-2 + 4H+ + energy + 2H2O 2NO-3 + energy
นอกจากนี้ น้ํา จะสู ญเสี ยไนโตรเจน โดยการะเหยในรู ปของก าซแอมโมเนี ย ซึ่ ง แอมโมเนียเราจะพบได 2 แบบ คือแอมโมเนียมอิออนซึ่งแตกตัวไดงาย (Ionized Ammonia) สวน ใหญจะพบในสภาพน้ําเปนกรด กับกาซแอมโมเนีย ซึ่งไมแตกตัว (Unionized Ammonia) ซึ่งมักจะ พบในสภาพน้ําเปนดาง ดังสมการ NH3 + H2O
2 NO+4 + OH-
การใหอาหารที่มีโปรตีนสูงในบอเลี้ยงปลา เศษอาหารหรือของเสียที่มีอยู จะทําให ปริมาณแอมโมเนียในน้ําสูงขึ้น ซึ่งจะเปนพิษตอสัตวน้ําได โดยจะมีผลทําใหการเจริญเติบโตของ ปลาลดลงเนื่องจากเหงือกถูกทําลาย คือบริเวณเหงือกจะมีการเพิ่มจํานวนของเซลล (Hyperplasia) เซลลบางเซลลจะมีการขยายใหญขึ้น มีการรวมตัวกัน (Hypertrophy) เซลลบวมน้ํา(Edema) และ การเสื่อมสภาพของเซลล(Cellular degeneration) ทําใหความสามารถในการนําออกซิเจนเขาสู
26
รางกายนั้นลดลง โดยฮีโมโกลบินของเลือด จะสูญเสียความสามารถในการรวมกับออกซิเจน และ มีผลทําใหการกําจัดคารบอนไดออกไซดของรางกายไดนอยลง (ชาญยุทธ คงภิรมยชื่น, 2533) 4.7 คลอรีน (Chlorine) ปกติ ใ นแหลง น้ํา ธรรมชาติจ ะไม มีค ลอรีน ปะปนอยู แตใ นการเพาะเลี้ ยงสัต วน้ํ า บางครัง้ มีความจําเปนตองมีการใชคลอรีนในการฆาเชื้อโรค หรือโรคพยาธิในบอปลา หรือบางครั้ง ผูเพาะปลาจะใชน้ําประปาซึ่งมีค ลอรีน ปะปนอยู เพื่อฆาเชื้อ โรค ปริม าณคลอรีน เพียงเล็ก นอ ย สามารถฆาเชื้อโรคได จากการทดลองในหองปฏิบัติการกับปลากะพงขาว และกุงกามกราม พบวา คลอรีนในระดับความเขมขนประมาณ 0.2-0.5 มิลลิกรัม/ลิตร สามารถทําใหสัตวทดลองตายภายใน 48 ชั่วโมง และถาอุณหภูมิสูงขึ้น ความเปนพิษของคลอรีนก็จะสูงขึ้นดวย ดังนั้น น้ําที่จะนํามา เพาะเลี้ยงสัตวน้ํา จึงไมควรหลงเหลือคลอรีนอยูเลย ถาหากมีก็ไมควรเกินกวา 0.01 มิลลิกรัม/ ลิตร การกําจัดคลอรีนทําไดโดยพักน้ําไวซักระยะหนึ่ง และมีการใหอากาศ คลอรีนที่หลงเหลืออยูจะทํา ปฏิกิริยากับสารประกอบอื่นๆ ในน้ําและจะถูกทําลายโดยแสงสวางหรืออาจะกําจัดโดยการเติมสาร โซเดียมไทโอซัลเฟต (Na2S2O3) คลอรี น สามารถละลายน้ํ า ได แ ละเกิ ด กรดไฮโปรคลอรั ส (Hypochlorous acid) ดังสมการ Cl 2 + H2 O
HOCl + H+ + Cl-
Hypochlorous acid จะแตกตัวออกไปไดอีกเปน Hypochlorite ion ดังสมการ HOCl
H+ + OCl-
ปฏิกิริยาดังกลาวถูกควบคุมโดยความเปนกรดเปนดาง(pH) และอุณหภูมิข องน้ําแต ปฏิกิริยาดังกลาวเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว (ไมตรี ดวงสวัสดิ์ และคณะ, 2528) นอกจากนี้การเติมคลอรีนลงไปเพื่อการกําจัดเชื้อโรคในกระบวนการบําบัดน้ํา ยังคงมี สว นที่ต กคางอยู ซึ่งตองมีความเชี่ ยวชาญและระมัด ระวังในการเติม เนื่องจากการใชคลอรีน ใน ปริมาณที่มากอาจทําปฏิกิริยากับอินทรียวัตถุ ซึ่งในการใชคลอรีน สามารถบําบัดแบคทีเรียได การ ใชคลอรีนในสระน้ํา โดยทั่วไปจะควบคุมไมใหสูงกวา 1.0 มิลลิกรัมตอลิตร
27
4.8 อุณหภูมิ Leslie A. Dierauf (1990) กลาววา อุณหภูมิมาตรฐานสําหรับสัตวกลุม Pinniped ใน คอกกักจะไมมีการกําหนดแตอุณหภูมิที่สูงเกินไปเปนสิ่งที่ตองใหความสําคัญ ในพื้นที่นอกอาคาร เชน สระน้ําสําหรับสวนแสดง การเตรียมรมเงา เชน หลั งคาคลุม หรือการลดอุณหภูมิอื่นๆ เชน การพนละอองน้ําฝอย ระดับอุณหภูมิที่เริ่มเปนอันตรายสําหรับสัตวกลุมนี้คือ มากกวา 79 องศา ฟาเรนไฮต การแสดงพฤติก รรมของสัต วก ลุมนี้บนพื้น ที่บนบกในระดับของอุณ หภูมิตาง เชน ชว ง อุณหภูมิที่เปนชวงสบายคือ 10-15 องศาเซลเซียส ในชวงอุณหภูมิ15-20 องศาเซลเซียสจะเริ่มใช ครีบยกลําตัวขึ้น ถาอุณหภูมิมากกวา 30 องศาเซลเซียสแมวน้ําชอบที่จะดําน้ําเลน 5. ปลาและการใหอาหารแมวน้ํา การใหอาหารจะตองคํานวณปริมาณอาหารที่จะใหกับสัตวกลุม Pinniped (กลุมพวกแมวน้ํา วอลรัส สิงโตทะเล) ซึ่งจะคิดเปนประมาณ 8-10 เปอรเซ็นตของน้ําหนักตัว โดยแบงอาหาร ออกเปน 2-3 มื้อ และอาจตองเพิ่มเปน 5-6 มื้อ สําหรับสัตวที่อายุยังนอยรวมทั้งปริมาณที่ใหตอง ใหเปน 12-15 เปอรเซ็นต และเนื่องจากวิตามินและเกลือสูญเสียไปในชวงการละลายน้ําแข็งจึง จําเปนตองมีการเพิ่มเกลือและวิตามินเขาไปดวย ไดแก ใหวิตามินบี 1 ไทอามีนที่ปริมาณ 100-500 มิลลิกรัมตอวัน หรือให 25-39 มิลลิกรัมตอปลา 1 กิโลกรัม โดย Thiaminase activity จะทําลาย วิตามินบีหนึ่ง 25 มิลลิกรัมตอปลา 1 กิโลกรัม อาจการเพิ่มเกลือใหสําหรับสัตวในกลุม Pinnipeds ที่อยูในน้ําจืด มีบางรายงานที่กลาววา Northern Fur Seal ไมตองเติมเกลือแมวาอาศัยอยูในน้ําจืด แตมีรายงานกอนรายงานฉบับดังกลาว นั้นใหขอมูลโดยใหคําแนะนําวาตองเติมเกลือในปลาที่จะเปนอาหารแกแมวน้ําในปริมาณ กรัมของ เกลือตัวปลาหนึ่งกิโลกรัมตอวัน ปลาที่ใ หค วรเปน ปลาหลายชนิด คละกัน จะดีกวาการใหปลาเพียงชนิด เดียว ปลาเฮอริง (Herring) ปลาเมคเคอเรล(Mackerel) ปลาสเมลท(Smelt) และปลาหมึก คือ ชนิดของปลาที่ ใหกับ สัตวในกลุมแมวน้ํา (Pinnipeds) อาจจะใหไดตอเนื่อง กัน 4-5 วัน และควรจะมีการการเปลี่ยนชนิด อาหารเพื่อใหการยอยอาหารของแมวน้ําเปนปกติ
28
สําหรับคุณภาพของปลา ปลาที่มีคุณภาพดี มีลําดับในการพิจารณา คือ มีปริมาณของไขมัน สูง ลําดับตอมาเปนพลังงาน หมายถึงความมากหรือนอยของแคลอรีตอน้ําหนัก 1 กรัม และถัดมา คือปริมาณของน้ําที่ไดจากกระบวนการออกซิเดชัน เปอรเซ็นตของไขมันที่มีในปลาแตละชนิดจะมี ความผันแปรไปตามชนิดของปลา ฤดูกาล อายุ เพศ สิ่งแวดลอมของถิ่นที่อยูของปลาชนิดนั้นๆ อุณหภูมิที่หนาวเย็นของน้ําจะยิ่งทําใหไขมันที่ไมอิ่มตัวที่มีในปลามีมากขึ้น มีสัตวในกลุม Penniped ที่มีความไวตอคารโบไฮเดรต โดยเฉพาะกับไดแซคคาไลดแลคโตส (Disaccharide Lactose) ในสิงโตทะเลแคลิฟอรเนีย(California Sea Lion) ที่กินอาหารที่มีปริมาณ ของคารบอไฮเดรตสูง เชน ปลาหมึก จะทําใหเกิด อาการถายเหลว เนื่องจากอาหารดังกลาวมี ปริมาณของแลคโตส ซึ่งสิงโตทะเลชนิดดังกลาวไมมีเอนไซมแลคเตส ดังนั้น การเลือกชนิดปลาที่มี ปริมาณของคารโบไฮเดรตนอยจึงเปนอีกปจจัยที่ตองใหความสําคัญ การเตรียมปลา ซื้อปลาทีม่ ีการควบคุมคุณภาพ ซึ่งเปนมาตรฐานเดียวกับนํามาใหคนกิน ปลาสดเก็บในถุงพลาสติคที่มีปริมาณของอากาศนอย เก็บไวในอุณหภูมิ -20- -30 องศาเซลเซียส ไมควรเก็บอาหารไวนานเกิน 6 เดือน และในปลาเมคเคอเรล ไมควรเก็บไวนานเกิน 3 เดือน ในขั้นตอนการเตรียมปลาเพื่อใหสัตวกิน เชนในการละลายน้ําแข็งออกจากตัวปลา ตองทํา ใกลเคียงกับเวลาที่ใหอาหารมากที่สุด การละลายน้ําแข็งใหใชหองที่มีความเย็นหรือแชในน้ําเย็น ไมควรแชในน้ําระดับอุณหภูมิหอง การเก็บปลาที่สัตวไมกินแลวใหรีบเก็บภายใน 24 ชั่วโมงหลัง การใหปลา อาการอาหารเปนพิษจากการกินเนื้อปลาที่มีสีดํา (Scombroid Poisoning) เนื่องจากการเก็บ ปลาที่ไมดีพอ อาการที่แสดงคือ กระหายน้ํา วิงเวียนศีรษะ ปวดทอง อาเจียน ถายเหลว คัน บวม น้ําทั่วตัว การหายใจผิดปกติ เยื่อเมือกคล้ํา ช็อกและตายติดตามมา ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นในคนจะเปน อาการเชนเดียวกันกับที่เกิดในแมวน้ําที่กินปลา Atlantic Mackerel ที่คุณภาพไมดี แนวทางการ ปองกันการเกิด Scrombroid Poisoning จากปลา Mackerel เชน เก็บปลาออกจากคอกสัตวภายใน 12 ชั่วโมงหลังจากที่ละลายน้ําแข็งออกจากตัวปลา ในกระบวนการละลายน้ําแข็งออกจากตัวปลาไม ควรใชวิธีการละลายที่ปลอยใหกระบวนการละลายถึงอุณหภูมิหอง สิ่งสําคัญอีกอันหนึง่ ในการนําปลาเมคเคอเรล คือ การตัดเอาครีบตางๆ ออก ซึ่งครีบเหลานี้ จะทําใหเกิดการเจ็บภายในปากของสัตวและอาการที่เกิดตามมาคือการเบื่ออาหาร
29
การใหอาหารสําหรับแมวน้ําซึ่งอยูร วมกัน เปน ฝูง ตองมั่นใจวาน้ําในสระสะอาดและพื้น สะอาด ชั่งน้ําหนักปลาทั้งหมดและใสไวในถัง ยัดวิตามินตามปริมาณที่คํานวณโดยใสที่เหงือกของ ปลา โยนปลาที่ละตัวโดยใหตัวจาฝูงกอน พยายามที่จะใหแมวน้ําแตละตัวไดรับอาหาร โยนปลาที่ เหลือทั้งหมดลงที่พื้นหรือลงในสระน้ํา โดยกระจายหลายที่เพื่อใหทุกตัวไดรับอาหาร ซึ่งการให อาหารดวยวิธีนี้ใชการสัตวที่มีสุขภาพดี ซึ่งจะใชเวลาไมนาน หลังจากนั้นเก็บเศษปลาที่เหลือเปน ชิ้นแลวชั่ง ทําความสะอาดถังน้ําใหเรียบรอย บันทึกการใหอาหารเชนปริมาณอาหารที่ให ปริมาณที่ เหลือ พฤติกรรมที่สังเกตได สวนการใหอาหารกับสัตวเฉพาะตัว ในกรณีการใหอาหารกับสัตวฝูง และมีสัตวบางตัวที่ ลังเลที่จะออกจากสระน้ํา เพื่อมากินอาหาร ซึ่งอาจโดนขมจากสัตวตัวอื่นหรือความแข็งแรงไมเพียง พอที่จะแยงชิงอาหารได ควรตองใชวิธีการใหอาหารแบบเฉพาะตัว โดยกําหนดปริมาณปลาที่จะให สัตวกินโดยดูจากประวัติการกินอาหารของสัตว จากนั้นชั่งน้ําหนักของปลาที่ละลายน้ําแข็งออกแลว ใสอาหารไวในถาดอาหารซึ่งตองใชถาดเดิม สําหรับสัตวตัวเดิม ใสเกลือ หรือวิตามิน หรือในกรณี สัตวปวยการใสยาเม็ดไวที่เหงือกของปลา ใชน้ําเย็นราดที่ตัวปลาเพื่อเพิ่มความนากินมากขึ้น ผูที่จะ นําอาหารไปใหสัตวกินใหสวมถุงมือและนําอาหารยื่นใหสัตวกิน ถาสัตวรับอาหารไปกิน ปลาตัวถัด มาจึงยื่นตัวที่สอดยาไวใตครีบเหงือก ถาสัตวกินอาหารใหเอาอาหารทั้งหมดวางลงในน้ําบริเวณที่ สัตวอยู ถาสัตวลงั เลที่จะกินอาหารอาจจับตัวปลาไปมาเพื่อใหแมวน้ําสังเกตเห็นอาหาร ถาสัตวไม กินอาหารตอแลวก็เก็บปลาทั้งหมดขึ้นมา แลวนําปลาที่เหลือไปชั่งน้ําหนัก จดบันทึกปริมาณอาหาร ที่สัตวกิน พฤติกรรที่สัตวแสดง สําหรับน้ําสัตวในกลุม Pinniped ไดน้ําจากสองแหลง คือ หนึ่งจากปลาที่กินเขาไปโดยที่ ประมาณน้ําที่ไดจากปลาประมาณ 60-85 เปอรเซ็นต สองจากกระบวนการเบตาออกซิเดชันไขมัน (beta oxidation of dietary fats) การกินน้ําทะเลจึงมิใชแหลงน้ําสําคัญที่สัตวไดรับ สัตวที่เลี้ยงใน กรงเลี้ยง เชน California sea lion และ northern elephant seal จะกินน้ําจากพื้นของคอกกักหรือ ดังนั้น การเตรียมน้ําจืดไวใหสัตวกินจึงเปนสิ่งที่จําเปนดวย 6. สภาพแวดลอมของ Aquatic Birds สําหรับสภาพแวดลอมของนกน้ํา (Aquatic birds) นั้นประกอบดวย 6 ออเดอร 23 แฟมิลี Michale K. Stoskopf และ Suzanne Kennedy-Stoskopf(1986) ไดศึกษาและกลาวไวดังตอไปนี้ สิ่งแวดลอมของนกน้ําขนาดของพื้นที่ สวนใหญของนกในออเดอรนี้จะเปนนกที่อยูเปนฝูง พฤติกรรมการทํารังอยูภายในฝูง พฤติกรรมการผสมพันธุจะมีสวนในการกระตุนนกตัวอื่นๆ ภายใน
30
ฝูง ความตองการพื้นที่ในสวนแสดงนั้นมีความแตกตางกับตามชนิดของนกและการออกแบบพื้นที่ ของสวนแสดง โดยสวนประกอบที่สําคัญ เชน บริเวณทํารังวางไข (Nesting Area) บริเวณที่กําบัง สายตาจากผูเที่ยวชม (Sight Barrier) ทางลงไปยังสระน้ําของนก(Water Access Route) ซึ่งถาทําได อยางเหมาะสมจะเปนการลดพฤติกรรมการถือครองพื้นที่ระหวางนกได มีสูตรการคํานวณบริเวณที่ ใชเปนที่วางไขในนกเพนกวิน (The smallest appropriate area for nesting) ดังนี้ SA = (1.5 h)2 x N/2 โดยที่ SA เปนพื้นที่ที่ตองการ h เปนความสูงของนกชนิดนั้นๆ N เปนจํานวนนกเพนกวินที่มีสูงสุดในสวนแสดงนั้นๆ ความตองการพื้นที่น้ําในสวนแสดงในนกเพนกวิน ตองการความลึกอยางนอย 1 เมตร และตองการพื้นที่น้ํามากกวาพื้นที่บนบก 2-3 เทา พื้นผิว (Substrate) น้ําเปนพื้นผิว ที่มีความสําคัญในสวนแสดง ถึงแมวานกเพนกวินจะ สามารถดํารงชี วิต ในน้ําจืด ได แตก ารเพิ่มเกลือทะเลในอาหารที่ใ หแกน กเป น สิ่ งที่ตองปฏิบั ติ เพื่อใหตอมเกลือ (Salt Gland) ยังทํางานเปนปกติ ปญหาที่มักเกิดขึ้นในมุมมองภาพใตน้ําผานกระจก คือ นกเพนกวินเปนนกที่มีการถายมูล จํานวนมากและมีการปลอยขนเสนเล็กๆ ออกเกือบตลอดเวลา การแกไขปญหา เพื่อใหไดภาพที่ สวยงามตองมีการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากตัวสัตว เชน การทําใหตกตะกอน การทําใหรวมกันเปน กอน ความถี่ที่เพียงพอในการหมุนเวียนน้ําเพื่อเขาสูกระบวนการกรองดวยระบบแบบอัดแรงดัน นอกจากนั้น ยังมีน้ํามันที่ออกจากตัวปลาซึ่งจะลอยอยูเหนือผิวน้ํา ซึ่งน้ํามันนี้จะทําใหการ ปกกันการเปยกน้ําของตัวนกลดลง ถาปลอยใหน้ํามัน ของปลามีการสะสมมากขึ้น จะสงผลตอ ระบบการรักษาอุณหภูมิของรางกายนก การใชสกิมเมอรเพื่อดูดเอาน้ํามัน ที่อยูที่ผิวน้ํานี้ออกไปจะ เปนวิธีการชวยที่ดี น้ํามันที่เกิดจากมูลของนก เศษปลาที่นกกินไมหมดจะมีผลกระทบตอระบบกรองทั้งแบบที่ กรองดวยทรายหรือกรองดวยปะการัง ทําใหการเปลี่ยนตัวกรองตองทําบอยครั้งขึ้นซึ่งเปนคาใชจาย
31
ที่สูง หรือแมแตในระบบกรองที่มีคุณภาพการเปลี่ยนน้ําทั้งหมด(ประมาณสัปดาหละหนึ่งครั้งเปน สิ่งที่ตองทําเพื่อคงคุณภาพน้ําที่ดีไว พื้นที่บนบกเปนสิ่งที่จําเปนตองมีไวเพื่อใหนกตัวแหงอยางสมบูรณ รวมทั้งสวนของเทาดวย พื้นที่ปกกันการเกิดบาดแผลที่เทาไดดีเชน กรวดกอนเล็ก ทราย ทรายสําหรับใหแมวถายปสสาวะ บริเวณที่นกจะลงสูน้ําตองมีความชันที่พอเหมาะ ซึ่งตองทําไวหลายๆจุด อุณหภูมิที่มากกวาเกิน 30 องศาเซลเซียสจะมีผลกระทบตอตัวนก ถึงแมวาจะเตรียมรมเงา น้ําที่พนเปนละอองฝอย น้ําสําหรับวายน้ําที่ปรับอุณหภูมิใหเย็น เนื่องจากนกชนิดนี้ตองมีการควบคุมอุณหภูมิ ทําใหนกเพนกวินตองอยูในหองที่คอนขาง มิดชิดเพื่อใหรักษาอุณ หภูมิในไวได นกเพนกวินเปน นกที่มีก ารถายมูลเปนจํานวนมาก ถาหอง ดังกลาวมีการระบายอากาศที่ไมดี การระบายอากาศจึงเปนปญหาที่เกิดขึ้น และที่จะสรางปญหาแก นกเพนกวินและผูเลี้ยงสัตวคือสปอรของเชื้อรา การใชเครื่องกรองอากาศจึงเปนทางเลือกที่จะเปน ตัวชวยได โดยตองเปนแบบ 95 เปอรเซ็นต Effective Biological HEPA Filter แตถาหองมีการ ระบายอากาศที่เพียงพอและมีการจัดการเรื่องการทําความสะอาดที่เพียงพอ เครื่องกรองอากาศอาจ ไมจําเปนตองใชก็ได ในการติดตั้งเครื่องกรองอากาศตองติดตั้งในจุดที่จะสามารถที่จะเปลี่ยนแผนกรองอากาศได งาย โดยเฉพาะในพื้น ที่บกที่ใ ชดินเหนียว เครื่องกรองอากาศตองสามารถจับแอมโมเนีย เพื่อ ควบคุมระดับของแอมโมเนีย ซึ่งจะเปนสาเหตุของทางเดินหายใจเรื้อรังที่จะเกิดกับนกที่อยูในหอง และผูเลี้ยงสัตว แสงและเสียง นกที่อยูในทะเลทุกชนิดจะมีความไวกับชวงแสงในบางชวงแสง ในชนิดที่ อาศัยอยูที่ขั้วโลกชวงแสงจะมีความสําคัญอยางมาก ตอความสําเร็จในการสืบพันธุ ในสวนของ เสียงไมวาจะเปนเสียงของคนหรือเสียงอื่นๆ เชนเครื่องจักรจะมีผลตอนกกลุมนี้ทุกชนิด การสุขาภิบาล สิ่งที่ตองระวังมากในการจัด การนกกิน ปลาคือ การเตรียมปลาที่ จ ะเปน อาหารแกนกเนื่องจากอาหารจะเปนสาเหตุสําคัญในโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
32
ในการทําความสะอาดสวนตางผูเลี้ยงสัตวตองสวมถุงมือและใสหนากากปดปากจมูก และ ในชวงที่กําลังทําความสะอาดอยูตองทําดวยความนิ่มนวลเนื่องจากมีนกบางชนิดที่ตื่นตกใจไดงาย สาเหตุการเกิดโรคระบาดสวนใหญในนกเพนกวินคือบริเวณที่นกวางไขและน้ําที่มีในคอก อาหาร อาหารเปนเรื่องที่มีความสําคัญ เนื่องจากเปนสาเหตุประการหนึ่งที่ทําใหเกิดการ ปว ยพรอมๆ กัน ของนกหลายๆ ตัว พบวาในถิ่น ที่อยูตามธรรมชาติก ารตายของนกกลุมนี้จ ะมี สาเหตุเริ่มตนจากเรื่องของอาหาร โดยปจจัยในเรื่องของอาหารเชน คุณคาทางอาหารของชนิดปลา ที่ใหกับนก การใหชนิดปลาที่หลากหลายจะทําใหคุณคาทางอาหารที่ใหกับนกมีความสมดุลมากกวา จากปลาชนิดใดชนิดหนึ่ง สิ่งที่มักเกิดขึ้นกับการใหปลาชนิดใดชนิดหนึ่งติดตอกันเปนชวงเวลานาน จะทําใหนกติดปลาชนิดนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนชนิดปลาทําใหนกไมยอมกินปลาชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจเกิด ปญหาในกรณีที่ปลาบางชนิดจะมีปริมาณมากหรือนอยที่ขึ้นกับฤดูกาลเชนกัน การใหวิตามินและเกลือแรเสริมเขาไปในอาหารเปนเรื่องที่มีความจําเปน มีตัวอยางกรณีเกิด การปว ยเนื่ องจากผลเรื่องอาหารเชน การขาดวิต ามิน ในกลุมที่ละลายในไขมัน ได (Fat-soluble Vitamins) มีผลใหเกิดโรคกลามเนื้อตาย (Muscular Necrosis)ในฝูงนกกระทุงสีน้ําตาล ในนก Alcids การตายของลูกนกเนื่องจากการขาดวิตามินบี โดยที่ลูกนกเหลานี้กินปลา Smelt และนกชนิดนี้ตายเนื่องจากน้ําหนักที่ลดลง เนื่องจาก ปลา Smelt จะขาดกรดไขมัน 2 ตัว ที่มีความจําเปนในการผลัดขนและตอระบบสืบพันธุของนกเพนกวินและเกิดขึ้นกับนกชนิดอื่นอีก หลายชนิด การจดบันทึกขอมูล นกเพนกวินเปนนกที่อยูกันเปนฝูง การจดบันทึกขอมูลและติดตามการ เปลีย่ นแปลงในนกแตละตัวเปนสิ่งที่เปนปญหา โดยปญหาคือการที่จะสามารถรูวานกตัวใดคือตัวใด โดยมองจากระยะไกล เมื่อไมสามารถวานกตัวใดคือตัวใดการจะติดตามผลเรื่องการรักษา เรื่องราว ในระยะยาวจึงไมเกิดขึ้น ในนกที่มีขายาวการใชหวงขาเหนือสวน Tibiotarsal Joint แตนกเพนกวิน เปนนกที่ขาสั้นและอวน การใชหวงที่ขาจึงไมเหมาะ การทําหวงที่ครีบจึงเปนบริเวณที่เหมาะสม กวา ซึ่งแบบหวงที่ทําใหการมองจากระยะไกลชัดเจนมากขึ้นคือการใชหวงที่มีแถบสี เมื่อเราสามารถบอกไดวานกตัวใดเปนตัวใดแลว เราจะสามารถติดตามสุขภาพนกแตละตัว ได การจดบันทึกปริมาณอาหารที่สัตวกินไดแตละวัน ก็จะเปนตัวเลขที่ชวยใหเราสามารถคํานวณ ปริมาณปลาที่จะตองสั่งในแตละวัน เมื่อเราทําการวิเคราะหอาหารที่ใหกับนก ก็จะเปนการติดตาม สภาพของนกในฝูงวามีการเปลี่ยนแปลงวาเปนอยางไรบาง
33
การจดบัน ทึก ในเรื่ องพฤติก รรม เรื่องการเปลี่ยนแปลงของรางกายสัต ว ทําใหสามารถ จัดการกับสัตวไดถูกตองมากขึ้น เชนวงจรการผลัดขน การฟกไข การเลี้ยงลูกออน และที่สําคัญอีก หัวขอหนึ่งคือน้ําหนักของนกแตละตัว ซึ่งควรทําสัปดาหละหนึ่งครั้ง การทําที่ชั่งน้ําหนัก โดยให พื้นที่สวนหนึ่งสามารถสามารถวางแทนที่ดวย เครื่องชั่งน้ําหนัก ไดและไลนกใหรวมอยูจุดหนึ่ง และใหนกผานจุดตาชั่งครั้งละ 1 ตัว การชั่งน้ําหนักซึ่งทําสัปดาหละหนึ่ง โดยทําในชวงที่เขาไปทํา ความสะอาด น้ําหนักจะเปนตัวบงชี้ที่สําคัญเนื่องจาก น้ําหนักจะไมมีความเกี่ยวเนื่องกับการผลัดขน และชวงฤดูผสมพันธุ ซึ่งถาน้ําหนักนกลดลงแสดงถึงความผิดปกติ ที่อาจเริ่มเกิดขึ้นกับตัวนกแลว ซึ่งแนวทางการแกไขก็อาจจะมามองที่สภาพสิ่งแวดลอมภายในคอกและอาหารที่ใหปลากินทุกวัน (Michale K. Stoskopf และ Suzanne Kennedy-Stoskopf,1986)
34
วิธีการศึกษา อุปกรณ 1. เครื่องวัดความเขมแสง 2. เครื่องวัดความชื้นสัมพัทธ 3. เทอรโมมิเตอร 4. เครื่องมือ Multifunction analysis 5. เครื่องมือ UV Visible spectrophotometer 6. เครื่องมือ Turbidity meter 7. เครื่องแกววิทยาศาสตร 8. สารเคมีสําหรับการวิเคราะห บีโอดี ดีโอ ไนไตรท แอมโมเนีย คลอรีน และโคลิฟอรม แบคทีเรีย 9. ขวดเก็บตัวอยางน้ําพลาสติก และขวดแกวปลอดเชื้อ 10. กระดาษกรอง 11. ลังน้ําแข็ง/กลองโฟม 12. ถุงพลาสติกและยางรัด 13. กระดาษกาวยน และปากกาเคมีชนิดถาวร 14. เครื่องเขียน
35
วิธีการ ในการศึกษาการจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวินของสวนสัตวนครราชสีมาไดมีวิธีการศึกษา ดังนี้ 1. ทําการศึกษาสภาพทั่วไปของคอกแมวน้ําและเพนกวิน โดยการศึกษาจากลักษณะพื้นที่ การกอสราง และการศึกษาจากเอกสารการดําเนินงานที่ผานมา 2. การศึกษาการจัดการทั่วไป เชน การใหอาหาร การเลี้ยง การฝก ทําการศึกษาโดยใช วิธีการสัมภาษณจากผูเลี้ยงประจําคอกตางๆ 3. การศึกษาดานคุณภาพสิ่งแวดลอม ทําการศึกษาโดยการเก็บตัวอยางและตรวจวัดคุณภาพ สิง่ แวดลอม โดยมีวิธีการดังนี้ 3.1 การตรวจวัดคุณภาพน้ํา 3.1.1 ตรวจวัดคุณภาพน้ําในสวนของแมวน้ํา ทําการเก็บตัวอยางคุณภาพน้ําในบอ กักแมวน้ําทั้ง 2 บอ ตามระยะเวลาการกักและปลอยน้ํา โดยคอกกักใหญมีระยะเวลาการกักและปลอย ที่ระยะเวลา 2 วัน และคอกกักเล็ก ที่ระยะเวลา 3 วัน เพื่อใหทราบวาน้ํามีความสกปรกมากหรือนอย เมื่อมีกิจกรรมของแมวน้ํา และสวนแสดงจะทําการเก็บตัวอยางเพื่อวิเคราะหคุณภาพน้ําเชนเดียวกัน กับคอกกัก แตทําการติดตามเปนระยะเวลา 7 วันครั้ง เนื่องจากในสวนแสดงไมมีการเปลี่ยนน้ํา แตจะ ใชการบําบัดน้ําและน้ําที่บําบัดแลวจะหมุนเวียนกลับเขาบอแสดงเชนเดิม 3.1.2 การตรวจวัดคุณภาพน้ําในสวนของเพนกวิน ทําการเก็บตัวอยางคุณภาพน้ําใน สวนแสดงเพนกวิน ตามระยะเวลาการกักและปลอยน้ําเชนกัน โดยมีระยะเวลาการกักและปลอยที่ ระยะเวลา 7 วัน 3.1.3 ดัชนีที่ตรวจวัด ไดแก คาออกซิเจนที่ละลาย ความเปนกรด-ดาง คาความนํา ไฟฟา คาบีโอดี อุณหภูมิ ไนไตรท แอมโมเนีย ความเค็ม ความขุน โคลิฟอรม และคลอรีน ซึ่งจะวัด ในสวนแสดงแมวน้ําเทานั้น เนื่องจากมีการเติมเพื่อการบําบัด แตในสวนอื่นๆ มิไดมีการใชคลอรีน แตอยางใด
36
3.2 การตรวจวัดสภาพอากาศ การวัดอากาศจะทําการเก็บขอมูลดานอุณหภูมิ ความชื้น ในบรรยากาศ และความเขมของแสง โดยทําการเก็บทุกวันของชวงระยะเวลาที่ทําการศึกษา จากนั้น ก็นําไปวิเคราะหขอ มูลตอไป 4. ทําการวิเคราะหและประมวลผลการศึกษา 5. เขียนและจัดทํารายงานการวิจัย
37
ผลและวิจารณ ในการศึกษาการจัดการคอกแมวน้ําและเพนกวินในสวนสัตวนครราชสีมาครั้งนี้นั้น ไดทํา การเก็บขอมูลในดานตางๆ ไมวาจะเปนดานสภาพทั่วไปของพื้นที่คอกแมวน้ํา และนกเพนกวินที่ทาง สวนสัตวไดจัดสรางขึ้นใหสัตวไดอาศัย ทั้งในสวนคอกกัก และสวนแสดง นอกจากนี้ยังมีการศึกษา เกี่ยวกับการ ดานการจัดการคอก การดูแลทําความสะอาด ดานการดูแลสัตว การใหอาหาร รวมถึง การศึกษาดานสภาพแวดลอมที่สัตวไดอาศัยอยู ทั้งสภาพอากาศ น้ํา เปนตน ซึ่งสิ่งตางๆ เหลานี้ลวน สําคัญกับการดํารงชีวิตของสัตวที่ไดนํามาแสดงไวในอาคารหรือคอก อันจะนําไปสูการจัดการที่ เหมาะสมกับสัตวเหลานี้ในอนาคตดวย ทั้งนี้ การวิจัยครั้งนี้ไดแสดงผลการศึกษาดังตอไปนี้ 1. การศึกษาสภาพทั่วไป สวนที่ใ ชแสดงแมวน้ําและเพนกวินนั้น ทางสวนสัต วนครราชสีมาไดสรางเปนอาคารที่ ออกแบบมาเพื่อเปนที่อยูอาศัยและแสดงโดยเฉพาะ มีการจัดบริเวณพื้นที่เปนหลายสวนดวยกัน โดย จะแยกสวนเปนสวนของแมวน้ําและเพนกวินคนละสวนแตอยูในอาคารหลังเดียวกัน ซึ่งในสวนของ แมวน้ํานั้นจะประกอบไปดวยสว นที่เปนคอกกักเล็ก คอกกักใหญ และสวนแสดง นอกจากนี้ยังมี ทางเดินอยูระหวางกลางดวย สวนของนกเพนกวินก็จะมีสวนแสดงและหองกักขนาดเล็กที่เชื่อมตอ กัน ดังแสดงแบบกอสรางอาคารในภาพที่ 1 และมีรายละเอียดเพิ่มเติมในภาคผนวก ก ซึ่งสามารถ แสดงลักษณะของพื้นที่แตละสวนดังนี้ 1.1 คอกแมวน้ํา คอกแมวน้ําแบงออกเปน 3 สวนดวยกัน ไดแก คอกกักแมวน้ําเล็ก คอกกักแมวน้ําใหญ และสวนแสดง ซึ่งแตละสวนก็มีความแตกตางกัน ดังตอไปนี้ 1.1.1 คอกกักแมวน้ําเล็ก เปนหองมีประตูเขาออก มีขนาด พื้นที่ 4 x 4 ตารางเมตร มี พื้นที่สวนที่เปนบอน้ํา 2 x 2 ตารางเมตร สามารถกักเก็บน้ําไดประมาณ 4 ลูกบาศกเมตร ในน้ํามีการ เติมเกลือเพื่อปรับระดับความเค็มของน้ํา บอน้ําในคอกกักเล็กจะมีการเปลี่ยนน้ําทุก 3 วัน เปนพื้นที่ที่ แมวน้ําใชอาศัยอยูในชีวิตประจําวัน พื้น ของคอกปูดวยกระเบื้องโมเสคแกว ดังแสดงในภาพที่ 2 เพื่อใหแมวน้ําเคลื่อนที่ไดงายและไมระคายผิวของแมวน้ํา มีเครื่องปรับอากาศจํานวน 1 เครื่อง และ พัดลมดูดอากาศ จํานวน 1 เครื่อง ซึ่งพัดลมดูดอากาศจะเปดเฉพาะตอนที่พนักงานเขาไปทําความ สะอาด เปนระยะเวลาประมาณ 10 นาที สวนในชวงเวลาอื่น ไมเปด เนื่องจากตองควบคุมอุณหภูมิ ในหอง ซึ่งการเปดพัดลมดูดอากาศจะทําใหความเย็นลดลง และสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟา แตการที่ไม
38
ระบายอากาศจะทําใหระบบการหมุนเวียนอากาศไมดี ดังนั้น การพิจารณาติดพัดลมดูดอากาศขนาด เล็กอาจจําเปนตองทํา ดังแสดงภาพลักษณะภายในหองในภาพที่ 3
ภาพที่ 1 แปลนกอสรางอาคารแสดงแมวน้ําและเพนกวินในสวนสัตวนครราชสีมา
39
ภาพที่ 2 ลักษณะกระเบื้องโมเสคแกวที่ใชปูพื้นสวนแสดง และคอกกักแมวน้ํา
ภาพที่ 3 ลักษณะภายในหอง ของคอกกักแมวน้ํา 1.1.2 คอกกักแมวน้ําใหญ ลักษณะภายในหองจะคลายกับคอกกักเล็ก แตมีขนาดใหญ กวา โดยเปนหองมีประตูเขาออก ขนาดพื้น ที่ 8 x 4 ตารางเมตร มีพื้นที่สว นที่เปนบอน้ํา 2.5 x 4 ตารางเมตร สามารถกักเก็บน้ําไดประมาณ 10 ลูกบาศกเมตร ในน้ํามีการเติมเกลือเพื่อปรับระดับ ความเค็มของน้ํา บอน้ําในคอกกักเล็กจะมีการเปลี่ยนน้ําทุก 2 วัน เปนพื้นที่ที่แมวน้ําใชอาศัยอยูใน ชีวิต ประจําวัน พื้น ของคอกปูดว ยกระเบื้องโมเสคแกว และในคอกกัก ใหญมีเครื่องปรับอากาศ
40
จํานวน 2 เครื่อง และพัดลมดูดอากาศ 1 เครื่อง เชน กัน ตั้งอุณ หภูมิไวที่ 20 องศาเซลเซียส ทําให ภายในหองมีอุณ หภูมิเฉลี่ยที่ 24.8 องศาเซลเซียส การเปดพัดลมดูดอากาศจะเปด เฉพาะในชวงที่ พนักงานเขาไปทําความสะอาด ประมาณวันละ 30 นาที 1.1.3 สวนแสดง สวนแสดงเปนสวนที่ใชในการแสดงความสามารถของแมวน้ํา เปนบอ น้ํา และลานแสดงซึ่งลานแสดงนั้นออกแบบเพื่อใหการเคลื่อนไหวของแมวน้ําเปนไปตามธรรมชาติ จึงปูพื้นดวยกระเบื้องโมเสคแกว มีการสรางหินเทียมเพื่อเลียนแบบธรรมชาติและสรางความสวยงาม ขณะที่ชมการแสดง สวนบอน้ํา เปนบอที่รูปรางไมแนน อนแตโคงมน เพื่อไมใ หเกิดอันตรายตอ แมวน้ํ า ทั้ ง ยั ง ช ว ยลดแรงกระแทกได อี ก ด ว ย ซึ่ ง การก อ สรา งนี้ ส อดคล อ งกั บ ข อ มู ล ของ J.R. GERACI(1986) ที่กลาววาสระน้ําที่เปนรูปทรงกลมจะดีกวามีเหลี่ยมมุม ซึ่งมีผลดีตอการตอการไหล ของน้ํา โอกาสที่จะเกิดการเสียดสีกับผนังสระจะนอยลง และการเลือกวัสดุและวิธีการกอสรางที่ ตองเก็บน้ําได ไมระคายเคืองสรางบาดแผลแกตัวสัตว ทําความสะอาดไดงาย ทนตอแรงกระแทก สวนแสดงมีพนื้ ที่บกประมาณ 80 ตารางเมตร พื้นที่น้ําประมาณ 90 ตารางเมตร มีความลึก ประมาณ 2.3 เมตร ซึ่งสวนแสดงนี้สรางใหชมไดทั้งการนั่งชมบนอัฒจรรย และเคลื่อนไหวใตน้ําที่ สามารถชมผานกระจกได เมื่อดูจากทางเดินดานลาง ดังแสดงในภาพที่ 4 นอกจากนี้มีระบบบําบัด น้ําติดตั้งไวเพื่อใหน้ํามีคุณภาพดี และมีโปรแกรมการแสดง โดยในวันปกติมีการแสดง 2 รอบ และ วันหยุด เสารอาทิตยมีการแสดง 4 รอบ
ลานแสดง ลานแสดง
ลานแสดงและบอน้ํา อัฒจรรยนั่งชมการแสดง
จุดชมภาพใตน้ําขณะแสดง ภาพใตน้ําขณะแสดง
ภาพที่ 3 ลักษณะของสวนตางๆ ในบริเวณสวนแสดงแมวน้ํา และภาพจากการมองผานกระจกใส ขณะชมแมวน้ําใตน้ํา
41
การสรางสวนแสดงของสัตวนั้น Leslie A. Dierauf (1990) กลาววา ขนาดของสระน้ํา ของ สัตวในกลุม Pinniped จะใชความยาวลําตัวเฉลี่ยเปนตัวเลขที่ใชคํานวณขนาดของสระน้ําและพื้นที่ บก (Dry Resting Area , DRA ) จากสูตรตอไปนี้ DRA สําหรับสัตวหนึ่งตัวคือ ความยาวเฉลี่ยของตัวเต็มวัยยกกําลังสอง x 1.5 DRA สําหรับสัตวตัวที่สองคือ ความยาวเฉลี่ยของตัวเต็มวัยยกกําลังสอง x 1.4 DRA สําหรับสัตวตัวที่สามคือ ความยาวเฉลี่ยของตัวเต็มวัยยกกําลังสอง x 1.3 พื้นที่ของสระน้ํา = 2/3 ของ DRA ขนาดเสนผานศูนยกลางของสระน้ําอยางนอย = 1.5*ความยาวลําตัวเฉลี่ย พื้นที่บก (DRY RESTING AREA) ยกตัว อยางเชน Northern fur seal ( NFS ) ขนาดความยาวลําตัวเฉลี่ยที่ 5.5 ฟุต DRA สําหรับ NFS = 36.3+33.3+30.2 = 268 ตารางฟุต สระน้ําควรมีเสนผานศูนยกลางอยางนอย 12 ฟุต ความลึกของสระน้ําอยางนอย 3 ฟุต ความลึกของสระน้ําอยางนอย 3 ฟุต หรือ ½ ของความยาวลําตัวโดยเฉลี่ย แตถาลึกกวานี้ก็ ได ซึ่งหากเมื่อเปรียบเทียบกับแมวน้ําในสวนสัตวนครราชสีมาที่มีแมวน้ํา จํานวน 8 ตัว ขนาด ลําตัว เฉลี่ยเมื่อโตเต็มที่ 1.2 เมตร หรือ 4 ฟุต จากการคํานวณ พบวา แมวน้ําตองการพื้น ที่บก (DRA)เทากับ 147.2 ตารางฟุต หรือ 13.25 ตารางเมตร พื้นที่สระน้ํา เทากับ 98.13 ตารางฟุต หรือ 8.83 ตารางเมตร มีขนาดเสนผาศูนยกลาง 6 ฟุต หรือประมาณ 1.8 เมตร ซึ่งพื้นที่ที่ทางสวนสัตว ออกแบบมานั้นมีพื้นที่บกประมาณ 80 ตารางเมตร พื้นที่น้ําประมาณ 90 ตารางเมตร มีสวนแหลงน้ํา ที่กวางที่สุด 10.3 เมตร สวนที่แคบที่สุด 6.5 เมตร ดานยาว มีสวนที่ยาวที่สุด 18.0 เมตร ซึ่งเมื่อ เปรียบเทียบกับขนาดที่แมวน้ําตองการถือวา การออกแบบนั้นสามารถออกแบบไดอยางเหมาะสม 1.2 คอกแสดงเพนกวิน สําหรับคอกเพนกวิน เปนหองระบบปด ที่มีกระจก เพื่อใหผูเขาชม ไดมองผานเขาไปได หองมีขนาดประมาณ 5x12 ตารางเมตร พื้นที่ในหองมีทั้งสวนที่เปนบก และ แหลงน้ํา ซึ่งเมื่อกักน้ําสูงสุดสวนที่ลึกที่สุดจะลึกประมาณ 2.8 เมตร มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ขนาด 25,000 บีทียูพรอมระบบฟอกอากาศจํานวน 3 ชุด ซึ่งจะทําใหมีการปรับอุณหภูมิภายในหอง
42
ใหเหมาะสมกับการอยูอาศัยของเพนกวิน ซึ่งภายในหองจําลองลักษณะสภาพแวดลอม เชน โขดหิน แหลงน้ํา เพื่อใหสภาพแวดลอมที่อาศัยของนกมีความใกลเคียงกับธรรมชาติมากที่สุดดังแสดงในภาพ ที่ 5 นอกจากนี้ยังเชื่อมกับหองกัก แตในการดําเนินชีวิตสวนใหญของเพนกวิ นจะอยูในหองแสดง สําหรับแสดง สวนหองกักในขณะนี้ไมคอยไดใชงาน เนื่องจากตองการใหนกเพนกวินผสมพันธุจึง ใหอยูแตในสวนแสดง ซึ่งมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 บีทียู พรอมระบบฟอกอากาศ และพัดลมดูดอากาศไว เพื่อใหอากาศถายเทไดสะดวกดวย อยางไรก็ตาม ภายในหองยังตองประสบปญหาอยูบาง อันไดแก การสรางหินเทียมที่มี ความลาดชันสูง ทําใหไมสะดวกในการปน ปายของนก และการสรางหินเทียมจะทําใหทําความ สะอาดไดยาก เนื่องจากพื้นไมเรียบ และเมื่อนกถายมูลออกมาจะทําใหเกิดการขังของมูลในรองหิน เทียม ทําใหเกิดการสะสม หมักหมม และสงกลิ่นเหม็น ซึ่งการเปดพัดลมดูดอากาศเฉพาะในชวงทํา ความสะอาดพอชวยลดกลิ่นไดบาง หากเปดทั้งวันจะทําใหอากาศดี แตสิ้นเปลืองพลังงาน
ภาพที่ 5 ลักษณะภายในคอกแสดงนกเพนกวิน และการดํารงชีวิตภายในคอกแสดง
43
คอกนกเพนกวินมีการออกแบบใหสอดคลองกับหลักวิชาการ ที่นกตองการแหลงน้ําที่ลึก มากกวา 1 เมตร และมีพื้นที่พอเพียง เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับการศึกษาของ Michale K. Stoskopf and Suzanne Kennedy-Stoskopf (1986) แตอยางไรก็ตามการออกแบบยังไมไดคํานึงใหมีพื้นที่น้ํา เปน สองในสามสวนของพื้นที่ทั้งหมด 2. การจัดการคอก ในสวนของการจัดการคอกนั้นทําการศึกษาการบําบัดของเสีย การทําความสะอาดคอก รวมถึงการปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งสามารถแสดงผลการศึกษาไดดังตอไปนี้ 2.1 การบําบัดน้ําในแตละคอก ในพื้นที่แตละสวนมีการบําบัดของเสียที่สัตวปลดปลอย ออกมา ซึ่งมีทั้งการใชเทคโนโลยีในระดับสูง และระดับอยางงาย ดังนี้ 2.1.1 การบําบัดน้ําในคอกกักแมวน้ําใหญ ไมมีระบบบัดน้ําแตจะใชการเปลี่ยนน้ําทุก 3 วัน เนื่องจากวา น้ําในคอกกักใหญจะปนเปอนดวยมูลจําปริมาณมาก ในขณะที่เครื่องกรองน้ํา มี ขนาดเล็กและจะตันเมื่อผานน้ําเขาไป จึงประยุกตใชระบบทอและเครื่องสูบน้ําในกรณีที่สูบน้ําออก แทนการผานถังกรอง มีการเติมเกลือทะเลเพื่อปรับความเค็มของน้ํา ในการปลอยน้ําออกจะปลอย ออกสูบอเกรอะเพื่อรองรับน้ํากอนระบายทิ้ง 2.1.2 การบําบัดน้ําในคอกกักแมวน้ําเล็ก จะมีการเปลี่ยนน้ําทุก 2 วัน ไมมีการบําบัดน้ํา เนื่องจากเปนคอกที่มีลักษณะของของเสียเชนเดียวกันกับคอกกักใหญ ในการปลอยน้ําออกจะปลอย ออกสูบอเกรอะเพื่อรองรับน้ํากอนระบายทิ้ง 2.1.3 การบําบัดน้ําในบอแสดงแมวน้ํา มีระบบบําบัดที่ดี โดยมีระบบบําบัด จะดูดน้ํา จากบอ เขาสูต ะกรากรองกอนจากนั้น น้ําจะไหลเขาสูถังกรองซึ่งเปน ระบบการกรองดว ยทราย จากนั้นน้ําจะไหลเขาไปปรับอุณหภูมิของน้ําดวยชิลเลอร แลวผานระบบการเติมคลอรีนเพื่อฆาเชื้อ โรคและสาหราย จากนั้นเขาสูระบบการปรับพีเอช ใหอยูในชวง 7.4-7.6 จากนั้นน้ําก็จะถูกปลอย กลับเขาสูบอดังเดิม ซึ่งสามารถดูลักษณะของระบบบําบัดไดในภาคผนวก ข ซึ่งจะประมวลภาพการ วิจัยไว 2.1.3 การบําบัดน้ําในคอกแสดงนกเพนกวิน ในชวงแรกยังไมมีระบบการบําบัดใชการ ถายน้ําทิ้งอยางเดียว ทุก 3 วัน ในชวงป 2545 ไดทําการปรับปรุงระบบการบําบัดน้ําโดยเพิ่มถัง กรองขนาดเล็ก 1 ถัง และเพิ่มโอโซน ทําใหยืดการถายน้ําเปน 7 วัน โดยน้ําจากบอในสวนแสดง
44
เพนกวินจะถูกดูดไปผานตะกรากรองกอนแลวจึงไหลเขาสูถังกรองทราย จากนั้นจึงไหลเขาระบบ โอโซนเพื่อฆาเชื้อโรค แลวจึงไหลกับเขาสูบอเพนกวินดังเดิม ซึ่งสามารถดูลักษณะของระบบบําบัด ไดในภาคผนวก ข เชนกัน อยางไรก็ตามในการปลอยน้ําทิ้งจากคอกกักเล็ก คอกกักใหญและสวนคอกแสดงเพนกวินสู สิ่งแวดลอม โดยที่มิไดผานการบําบัดนั้นจะทําใหมีผลตอสิ่งแวดลอมภายนอก โดยเฉพาะอยางยิ่ง คุณ ภาพน้ําในบริเวณใกลเคียง ซึ่งจะสงกลิ่น เนาเหม็น และรบกวน ผลกระทบตอดิน ทั้งยังเปน ผลกระทบตอเนื่องถึงสัต วประเภทอื่น และการเกิดโรคได ดังนั้น ควรมีการบําบัดกอนที่จ ะปลอย ออกไป หรือสรางระบบบําบัดในสวนที่จะปลอยออกมาดวย ซึ่งหากมีการบําบัดที่ดีน้ําจะสามรถ นําไปหมุนเวียนใชใหมได หรืออาจใชในการทํารดน้ําตนไมได 2.2 การทําความสะอาดคอก ในแตละคอกจะมีพนักงานที่เปนทั้งผูเลี้ยง ครูฝก ดูแลพื้นที่ ที่จะคอยปฏิบัติหนาที่ของ ตนโดยมีตารางการปฏิบัติงานในวันปกติ ดังตอไปนี้ เวลา 08.00-08.15 08.15-09.00 09.00-09.30 09.30-09.45 09.45-10.00 10.00-11.00 10.30-11.00 14.00-14.30 14.30-15.00 15.00-15.30 15.30-16.30 16.30-16.40
การปฏิบัติงาน นับจํานวนสัตว กวาดทางเทา ถนน ลางคอกเพนกวิน ลางคอกแมวน้ํา เตรียมอาหาร หั่นปลา ทําความสะอาดสวนแสดง ดูดตะกอน ดูระบบเครื่องกรอง แสดงรอบแรก ฝกแมวน้ําชุดเล็ก โชวแมวน้ํารอบที่ 2 ฝกแมวน้ํารอบที่ 2 เปลี่ยนน้ํา ตกแตงสถานที่ภายนอก นับจํานวนสัตว สับเปลี่ยนแอร เปดไฟ สลับเครื่องกรอง
45
สําหรับในการทําความสะอาดคอกนั้นจะทําโดยเก็บมูลหรือเศษอาหารออก จากนั้นลาง บริเวณนั้นดวยน้ําที่มีแรงดัน ใชน้ํายาฆาเชื้อโรคราดที่พื้นซึ่งเปนระดับความเขมขนที่เหมาะสมรอ อยางนอย 10 นาที หรือขึ้นกับชนิดและความเขมขนของน้ํายาฆาเชื้อโรคแลวลางพื้นอีกครั้งดวยน้ํา สะอาด ซึ่งคนที่ทําความสะอาดตองระวังละอองของน้ําที่กระเด็นขึ้นมาตองใชผาปดจมูกใหเรียบรอย และในการเลือกน้ํายาฆาเชื้อโรค ตองคํานึงถึง ประสิทธิภาพในการฆ าเชื้อโรค พิษ ตกคาง การกัดกรอนวัสดุในคอก ราคา ความกวางขวางในการฆาชนิดของเชื้อโรค ความเขมขนที่ พอเหมาะในการใช สามารถใชไดอยางตอเนื่องโดยไมทําใหเชื้อโรคเกิดการดื้อยา ซึ่งการทําความ สะอาดนี้สอดคลองกับวิธีการของ Leslie A. Dierauf(1990) และนอกจากนี้สวนสัตวนครราชสีมามี สัตวแพทยคอยดูแลอยางสม่ําเสมอ จากรายละเอียดทําใหทราบถึงลักษณะการจัดการคอกซึ่งเจาหนาที่ไดมีการแบงงานกัน ทําอยางเปนระบบทําใหสัตวที่อยูในพื้นที่มีความคุนเคย และสามารถใชชีวิตอยูในคอกไดอยางปกติ 3. การใหอาหาร การใหอาหารจะทําโดยการเลือกซื้อปลาที่มีก ารควบคุมคุณ ภาพ ไดมาตรฐาน และเปน มาตรฐานเดียวกับนํามาใหคนกิน เก็บปลาสดในถุงพลาสติกที่มีปริมาณของอากาศนอย เก็บไวใน หองเย็นอุณหภูมิ -20- -30 องศาเซลเซียส ในขั้นตอนการเตรียมปลาเพื่อใหสัตวกิน ตองทําในชวง ที่ใกลกับการใหอาหารปลามากที่สุด โดยการละลายน้ําแข็งออกจากตัวปลา ทําการละลายน้ําแข็งใน น้ําเย็น โดยพนักงานจะละลายน้ําแข็งในกระติก เมื่อละลายจะทําความสะอาดปลาแลวจึงนําไปให สัตวกิน เมื่อสัตวกินอาหารเสร็จแลว จะทําการเก็บปลาที่สัตวไมกินแลวใหรีบเก็บภายใน 24 ชั่วโมง หลังการใหปลา ในการใหอาหารแมวน้ําจะใหอาหาร 30 กิโลกรัมตอวัน สําหรับแมวน้ํา 8 ตัว ที่ทางสวนสัตว มีอยู ซึ่งในการใหอาหารเมื่อละลายอาหารเสร็จแลวจะใหอาหารโดยแมวน้ําที่ยังไมผานการฝกจะให โดยโยนปลาทั้งตัวให สวนแมวน้ําที่ฝกแลวจะใหอาหารตามโปรแกรมการฝกโดยจะหั่นปลาเปน ทอ นก อ น ซึ่ งช ว งเวลาการให อาหารจะ มี 2 ช ว งคื อ เวลา 10.30 นาฬิ ก า และ 16.00 นาฬิ ก า นอกจากนี้ มีการใหวิตามินโดยการยัดไวในปลาที่จะใหดวย การใหอาหารเพนกวิน สวนสัตวมีนกเพนกวิน จํานวน 10 ตัว จะใหอาหารโดยการใหปลา ทั้งตัว วางใสถาด แลวนําไปไวในสวนแสดงนกเพนกวิน โดยปริมาณอาหาร 2.5 กิโลกรัมตอวัน มี
46
ระยะเวลาการใหอาหาร 2 ครั้ง คือ เวลา 10.30 นาฬิกา และ 15.00 นาฬิกา ซึ่งวิธีการเตรียมปลา ดัง แสดงในภาพที่ 6 ก-ช ตอไปนี้
ก.
ข.
ค.
ง.
จ.
ฉ.
ช.
ภาพที่ 6 การเตรียมปลาเพื่อใหอาหารแมวน้ําและเพนกวิน ก. ตูแชปลาในคลังอาหาร ข. ปลาแชแข็งกอนละลายน้ําแข็ง ค. การละลายน้ําแข็งในกระติกน้ําแข็ง ง. ปลาภายหลังแช ตัวบนปลาทูสําหรับแมวน้ํา ตัวลางปลาทูขางเหลืองสําหรับเพนกวิน จ. การหั่นปลาสําหรับฝกแมวน้ํา ฉ. วิตามินเสริม ช. การยัดวิตามินในปลากอนใหสัตวกิน
47
4. การฝกและการแสดง การฝกแมวน้ําทําไดโดยการใชวิธี บริช ใชอาหารเปนตัวกระตุนใหแมวน้ําทํางาน ซึ่งเปน วิธีการสื่อสารกับสัตวเลี้ยงลูกดวยนม จะเปนตัวบอกและควบคุมพฤติกรรมที่ถูกตองที่ผูฝกตองการ ใหสัตวทํา ซึ่งในวิธีการจะตองมีสัญญาณบอกวาสัตวทําถูกตองกอน จึงจะใหรางวัล จะไมใหเลยใน ขณะที่ทําถูก สัญญาณนี้จะเปนตัวถวงเวลาในชวงที่แมวน้ําแสดงพฤติกรรมและครูฝกใหอาหาร เรียก สัญญาณนี้วา สัญญาณบริช เพราะมันเปนตัวที่ทําใหแมวน้ําไดเรียนรูพฤติกรรม สัตวจะเรียนรู สัญญาณวาเมื่อมันทําถูกจะตองกลับไปหาครูฝกเพื่อรับรางวัล วิธีที่จะสอนใหสัตวเรียนรูสัญญาณนี้ กอนที่จะใหอาหารนั้น จะแนะนําใหสัตวไดรูถึงสัญญาณนั้น เชน เปานกหวีด หลังจากนั้นเวลาเราให สัญญาณกับสัตวเราจะใชสัญญาณควบไปดวย ในเวลาไมนานสัตวจะเริ่มเรียนรูวาเมื่อไดยินสัญญาณ นี้มันจะไดทําใหถูกตองและไดรับรางวัล การฝกใหสัตวมีพฤติกรรมใหม เริ่มจากการการใชมือฝกพฤติกรรมในระยะใกลๆ กอน จากนั้นเพิ่มระยะเปาหมายใหไกลออกไปโดยการใชไมตอแลวแขวนเปาหมายไว เริ่มโดยการแตะ เปาหมายบนสัตวเบาๆ หลังจากนั้นจากนั้นก็เปานกหวีดพรอมกับใหสัญญาณ และก็ใหรางวัล ทํา อยางนี้หลายๆ รอบ ขั้นตอไปถือเปาหมายใหหางไกลขึ้นแลวรอใหสัตวเขามาแตะเปาหมายพอถึง ชวงนี้แลวสัตวจะรูวาเมื่อมันมาแตะเปาหมายแลวจะไดรางวัล ดังนั้นมันจะเขามาแตะเปาหมาย แลว ครูฝกจึงเปานกหวีดทันทีแลวใหรางวัลกับสัตวทันที ฝกหลายหลายหน แลวคอยๆ เพิ่มระยะทาง สัตวก็จะปรับพฤติกรรมไปเรื่อย ๆ การฝกที่ซับซอนขึ้น เชน การฝกใหแมวน้ํากระโดด เริ่มจากการที่ครูฝกใชไมแตะที่ปลาย จมูกแลวเพิ่มความสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแมวน้ํากระโดดสูงขึ้น และสูงถึง 3 เมตร ใหนําลูกบอลไปแขวน ไว พอสิ้นสุดการฝกแลวแมวน้ําควรที่จะมายืนบนกอนหินขางครูฝกได การฝกตองอาศัยระยะเวลา และตองคอยปรับพฤติกรรมไปเรื่อย ๆ หากมีการผิดพลาดก็จะเริ่มจากขั้นตอนแรกใหม ในการแสดง สัตวจะตองมีการแสดงที่หลากหลาย เพราะฉะนั้น การฝกจึงจําเปนตองใหสัตวเรียนรูสัญญาณของ พฤติกรรมดวย ใหสัตวรูวาเมื่อเห็นสัญญาณที่ครูฝกแสดงออกและอาจใชอุปกรณชวยควบคูกันไป เมื่อสัตวจําได ก็จะแสดงพฤติกรรมและทาการแสดงที่ถูกตองออกมา และในการที่สัตวไมตอบโตจะ ไมบังคับหรือลงโทษสัตว จะเริ่มฝกใหมเชนกัน ดังแสดงภาพการฝกในภาพที่ 7
48
ภาพที่ 7 การฝกแมวน้ําของครูฝก สวนสัตวนครราชสีมา สวนการแสดงของแมวน้ํา ในการแสดงแมวน้ํา ที่ผานการฝกแลวของสวนสัตวนครราชสีมา ประกอบดวยแมวน้ํา 4 ตัว จากแมวน้ํา 8 ตัว ไดแก แมวน้ําชื่อ ฟาฟา แดง อวน และปุกกี้ ซึ่งในการ แสดงนั้นมีความยาวประมาณ 30 นาที ประกอบดวยการแสดง หลายรายการ อาทิเชน แมวน้ําเลี้ยง บอล โดยแมวน้ําชื่อฟาฟา โดยครูฝกจะโยนบอลลงน้ําแลวใหแมวน้ําไปเก็บลูกบอลแลวเลี้ยงลูกบอล มาสงใหครูฝก ทาเลี้ยงตะกรอ โดยแมวน้ําชื่อฟาฟา เชนกันโดยแมวน้ํายืนอยูที่แทนแลวครูฝกจะโยน ลูกตะกรอใหแมวน้ํารับและสงกลับมาใหครูฝก ทาหาของใตน้ําโดยแมวน้ําชื่ออวน ครูฝกจะโยนของ ลงไปในน้ําโดยกอนโยนจะแตะของที่จมูกแมวน้ํากอนแลวจึงโยนลงไปในน้ําใหแมวน้ําไปหาของมา ให ทาหามกินปลา โดยแมวน้ําชื่ออวน ครูฝกจะใหแมวน้ํานอนดูชิ้นปลาที่วางไวบนโขดหิน แตหาม กินจนกวาครูฝกจะสั่ง และทานี้ใหผูชมมีสวนรวมในการสั่งดวยการปรบมือ แตแมวน้ําจะไมกิน จนกวาครูฝกจะปรบมือ 1 ครั้ง ทาแขงเก็บบอลโดยแมวน้ําปุกกี้ อวนและฟาฟา โดยครูฝกจะโยนบอล ลงน้ําแลวใหทั้ง 3 ตัวลงไปเก็บบอลแขงกัน ทารับจานรอนของแมวน้ําชื่ออวน ครูฝกจะโยนจานรอน ใหแมวน้ํารับมาคืน ครู โดยจะรับทั้งบนบกและในน้ํา ทาเลี้ยงลูก บอลขามสิ่งกีด ขวาง ทาการเลน วอลเลยบอลกับครูฝก การรับหวง การกระโดดลอดหวง การยืนสองขาโดยใชครีบหาง ซึ่งการแสดง ตางๆ จะแสดงประกอบการบรรยายที่สรางบรรยากาศสนุกสนาน ทําใหผูชมไดรับความบันเทิงอยาง เต็มที่ ในการแสดงนั้นไดแสดงภาพการแสดงในภาพที่ 8 ในการเขาชมการแสดงแมวน้ํามีคาเขาชม ในราคาเด็ก คนละ 5 บาท ผูใหญคนละ 20 บาท
49
ภาพที่ 8 ตัวอยางการแสดงความสามารถของแมวน้ําในสวนสัตวนครราชสีมา
50
5. คุณภาพสิ่งแวดลอมในคอกแมวน้ําและเพนกวิน การศึกษาคุณภาพสิ่งแวดลอมแบงออกเปน 2 ดานดวยกัน ได แกการศึกษาคุณภาพน้ํา และ การศึกษาลักษณะอากาศบางประการดังตอไปนี้ 5.1 คุณภาพน้ํา 5.1.1 คุณภาพน้ําในคอกกักแมวน้ําใหญ จากการศึกษาคุณภาพสิ่งแวดลอมในคอกกักแมวน้ําใหญโดยการศึกษาคุณภาพน้ํา พบวามีผลการศึกษาดังนี้ คุณภาพน้ํา พบวาน้ําในคอกกักแมวน้ําใหญมีคุณภาพน้ําที่ปลอยเข าคอนขางดี เนื่องจากเปนน้ําใหม ที่ยังไมมีกิจ กรรมใด ๆ ของแมวน้ํา แตภ ายหลังจากกักน้ําไวต ามระยะเวลา พบวาน้ํามีคาความสกปรกมากขึ้น โดยพบวาคามีคาไนโตรเจน-แอมโมเนีย คาแบคทีเรียโคลิฟอรม คาบีโอดี และคาความขุนของน้ําสูงขึ้นจนเกินคามาตรฐานของแหลงน้ําผิวดินประเภทน้ําทะเล คา ออกซิเจนละลายก็ลดต่ําลงมากจนแทบไมเหลืออยูเลย จึงทําใหคุณภาพน้ําในคอกกักมีคุณภาพต่ํา และอาจเปนอันตรายตอแมวน้ําได ดังแสดงคาคุณภาพน้ําในตารางที่ 1 ซึ่งจากตารางที่ 1 จะพบวาคาออกซิเจนละลายที่เหลืออยูมีคาเฉลี่ยเพียง 0.24 มิลลิกรัมตอลิตรเทานั้น ในขณะที่ปริมาณออกซิเจนละลายน้ําควรมีไมต่ํากวา 3 มิลลิกรัมตอลิตรจึง จะทําใหสิ่งมีชีวิตสามารถดํารงชีวิตอยูได อยางไรก็ตาม แมวน้ําเปนสัต วที่ไมไดใชชีวิตอยูในน้ํา ตลอดเวลา ดังนั้น การขาดออกซิเจนของน้ําจึงไมมีผลตอการหายใจ แตจะมีผลกับความสกปรกของ น้ําที่อาจทําใหเกิดความเปลี่ยนแปลงในดัชนีอื่นๆ เชน ปริมาณกาซ แบคทีเรีย เปนตน สําหรั บคา ไนโตรเจนในรูปของไนไตรท นั้น ไมเกิ น คามาตรฐาน เนื่อ งจาก กระบวนการที่แบคทีเรียนําไปใชประโยชน แตพบวามีปริมาณ ไนโตรเจน-แอมโมเนียที่สูงมาก ซึ่ง คาที่ควรพบกําหนดไวไมเกิน 0.05 มิลลิกรัมตอลิตร ในขณะที่คาเฉลี่ยของแอมโมเนียที่พบสูงถึง 17.69 มิลลิกรัมตอลิตร รูปแบบของแอมโมเนียที่เปนพิษตอสัตวน้ํา จะอยูในรูปที่ไมแตกตัว (NH3) ซึ่งสามารถในการแพรกระจายผานผนังเซลลไดดี เนื่องจากไมมีประจุไฟฟา และสามารถละลายได ดีในไขมันซึ่งเปนองคประกอบสวนหนึ่งของผนังเซลล สวนแอมโมเนียในรูปที่แตกตัวนั้น (NH+4) จะไมมีพิษตอสัตวน้ํา นอกจากจะมีความเขมขนสูงมากๆ
51
ขอควรระมัดระวังอีกประการสําหรับไนโตรเจนในน้ํา คือ หมั่นตรวจคาความ เปนกรด-ดางของน้ํา ไมใหน้ําเปนกรด เพราะจะทําใหเกิดพิษได ซึ่งเมื่อพิจารณาจากตารางที่ 1 แลว ถือวาน้ํา ยังมีคุณภาพดี เนื่องจากมีสภาวะคา pH ใกล 7 คือเปนดางออน และกรดออน ตารางที่ 1 คุณภาพน้ําในคอกกักแมวน้ําใหญ ดัชนี
รอบที่ 1
รอบที่ 2
รอบที่ 3
เฉลี่ย
น้ําเขา
น้ําออก
น้ําเขา
น้ําออก
น้ําเขา
น้ําออก
น้ําเขา
น้ําออก
อุณหภูมิ ( C)
28.20
24.80
27.10
24.10
28.00
24.10
27.77
24.33
ความเปนกรด-ดาง
6.92
8.49
6.77
7.77
6.51
8.24
6.73
8.17
ออกซิเจนละลาย 6.40 (มก./ล.) ความนําไฟฟา (ไมโคร 31900 ซีเมนต) ของแข็งละลายทั้งหมด >2000 (มก./ล.) ความเค็ม(ppt) 20.00
0.24
3.51
0.36
4.14
0.34
3.51
0.24
147400
172800
97600
93800
106100
99500
117030
>2000
>2000
>2000
>2000
>2000
>2000
>2000
35.00
126.60
140.00
68.80
70.00
71.80
81.67
บีโอดี(มก./ล.)
9.64
9.70
3.70
20.00
1.60
20.50
4.98
16.73
ไนไตรท(มก./ล.)
0.25
0.03
0.08
0.17
0.11
0.01
0.11
0.07
แอมโมเนีย(มก./ล.)
7.25
0.26
0.30
32.47
2.25
20.35
2.52
17.69
ความขุน (NTU) โคลิฟอรม แบคทีเรีย (MPN/100ml)
8.16 14000
1.44 490000
1.76 3300
9.89 49000
4.08 1100
12.30 4900
4.67 6133
7.88 181300
นอกจากนี้ปริมาณโคลิฟอรมแบคทีเรียที่พบในน้ํา พบวามีคาสูง ซึ่งเกิดจากการ ที่น้ํามีค วามสกปรก มีก ารปนเปอนของอุจจาระของสัตว และเศษอาหาร ซึ่งแบคทีเรียพวกนี้จ ะ กอใหเกิดโรค เชนโรคทองรวง โรคไขไทฟอยด และอหิวาตกโรค ฉะนั้นการมีโคลิฟอรมแบคทีเรีย สูงจึงเปนสิ่งไมดีตอสุขภาพสัตวดวย หากพิจารณาตามมาตรฐานน้ําทะเลแลวควรมีไมเกิน 20,000 เอ็มพีเอ็นตอ 100 มิลิลิตรในน้ําผิวดินที่มิใชทะเล และไมเกิน 1,000 เอ็มพีเอ็นตอ 100 มิลลิลิตรในน้ํา ทะเล (กรมอนามัย,2539) ดังนั้น ในการดูแลคอกตองมีการจัดการที่สะอาดมากขึ้น
52
5.1.2 คุณภาพน้ําในคอกกักแมวน้ําเล็ก จากการศึกษาคุณภาพสิ่งแวดลอมในคอกกักแมวน้ําเล็กโดยการศึกษาคุณภาพน้ํา พบวา ผลการศึกษาใกลเคียงกันกับคอกกักแมวน้ําใหญ ทั้งนี้เนื่องจากทั้ง 2 บริเวณมีกิจกรรมของ แมวน้ําที่คลายกัน แตอยางไรก็ตามในภาพรวมคอกกักแมวน้ําใหญมีแนวโนมความสกปรกที่สูงกวา ทั้งนี้อาจเปนเพราะในคอกกักใหญมีกิจกรรมมากวา เนื่องจากมีแมวน้ําอาศัยอยู ถึง 5 ตัว แตในคอก กักเล็กมีแมวน้ําเพียง 3 ตัวเทานั้น ดังไดแสดงขอมูลคุณภาพน้ําในตารางที่ 2 ตารางที่ 2 คุณภาพน้ําในคอกกักแมวน้ําเล็ก ดัชนี
รอบที่ 1
รอบที่ 2
รอบที่ 3
เฉลี่ย
น้ําเขา
น้ําออก
น้ําเขา
น้ําออก
น้ําเขา
น้ําออก
น้ําเขา
น้ําออก
อุณหภูมิ ( C)
27.30
-
28.10
23.10
28.20
22.30
27.87
22.70
ความเปนกรด-ดาง
6.28
-
6.04
8.12
6.48
8.25
6.27
8.19
ออกซิเจนละลาย 7.83 (มก./ล.) ความนําไฟฟา 20900 (ไมโครซีเมนต) ของแข็งละลายทั้งหมด >2000 (มก./ล.) ความเค็ม(ppt) 12.60
-
3.31
0.92
3.38
2.02
4.84
1.47
-
90100
91100
86300
90600
65770
90850
-
>2000
>2000
>2000
>2000
>2000
>2000
-
65.30
65.70
61.90
65.50
46.60
65.60
บีโอดี(มก./ล.)
0.78
-
3.90
18.80
3.30
11.83
2.66
15.32
ไนไตรท(มก./ล.)
0.04
-
0.01
0.20
0.00
0.24
0.02
0.22
แอมโมเนียม(มก./ล.)
4.85
-
0.42
4.02
0.00
20.31
1.76
12.16
ความขุน (NTU) โคลิฟอรม แบคทีเรีย (MPN/100ml)
5.56 16000
-
0.87 7900
31.70 23000
3.00 2300
8.43 11000
3.14 11633
20.07 17000
53
5.1.3 คุณภาพน้ําในสวนแสดงแมวน้ํา จากการศึกษาคุณภาพน้ําในสวนแสดงแมวน้ํา ซึ่งเปนสวนที่ประชาชนจะไดชม การแสดงและการปรากฏตัวของแมวน้ํา ดังนั้น บอน้ําจึงมีความจําเปนตองดูดีอยูเสมอ ทําใหน้ําใน บอนี้จะมีการบําบัดและหมุนเวียนอยูตลอดเวลา ซึ่งจากการตรวจสอบคุณภาพน้ํา พบวาน้ํามีคุณภาพ ดีมาก ทุก ดัชนีอยูในสภาวะปกติและไมเกินคามาตรฐานแหลงน้ําผิวดิน ยกเวนคาแอมโมเนียที่มี คาเฉลี่ยเทากับ 1.32 มิลลิกรัมตอลิตร นอกจากนี้ในคอกแสดงยังไดทําการตรวจสอบปริมาณคลอรีน เนื่องจากมีการเติมจากระบบบําบัดน้ําเสีย โดยคาที่พบมีคาเฉลี่ยเทากับ 0.11 มิลลิกรัมตอลิตร ซึ่งเปน ปริมาณที่สูง จากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตลําปาง (มปป.) พบวาคลอรีน ในระดับความเขมขนประมาณ 0.2-0.5 มิลลิกรัมตอลิตร สามารถทําใหสัตวทดลองตายภายใน 48 ชั่ว โมง และถา อุณ หภูมิสู งขึ้น ความเปน พิษ ของคลอรีน ก็จ ะสูงขึ้น ด ว ย ดัง นั้น น้ําที่ จ ะนํามา เพาะเลี้ยงสัตวน้ํา จึงไมควรหลงเหลือคลอรีนอยูเลย ถาหากมีก็ไมควรเกินกวา 0.01 มิลลิกรัมตอ ลิตร ซึ่งการกําจัดคลอรีนทําไดโดยพักน้ําไวซักระยะหนึ่ง และมีการใหอากาศ อยางไรก็ตาม แมวน้ํา อาจทนทานตอคลอรีนไดสูงกวานี้ เนื่องจากมิไดใชชีวิตในน้ําตลอดเวลา แตมีการใชในลักษณะของ สระวายน้ํา ซึ่งการใชคลอรีนในสระวายน้ํา โดยทั่วไปจะควบคุมไมใหสูงกวา 1.0 มิลลิกรัมตอลิตร ซึ่งถาสูงกวานี้จะเกิดการระคายเคืองตอผิงหนังและดวงตาได และสัตวที่อยูในน้ําอาจใชระดับที่สูง กวานี้ได เนื่องจากสามารถปรับตัวได ซึ่งในกรณีของสวนสัตวนครราชสีมาการมีคลอรีนในน้ํานั้น ยังไมเกินมาตรฐานของสระวายน้ํา แตเกินมาตรฐานของการเพาะเลี้ยงสัตวน้ํา ดังนั้น จึงไมสงผลตอ แมวน้ํา อีกทั้งพื้นที่เปนลักษณะเปด มีลมพัดผาน การระเหยของคลอรีนในสระน้ําจึงเปนไปไดงาย ดังนั้น โดยสภาพพื้นที่ก็สามารถลดปริมาณคลอรีนไดในระดับหนึ่ง
54
ตารางที่ 3 คุณภาพน้ําในสวนแสดงแมวน้ํา ดัชนี
รอบที่ 1
รอบที่ 2
รอบที่ 3
เฉลี่ย
อุณหภูมิ ( C)
28.60
27.30
27.10
27.67
ความเปนกรด-ดาง
6.72
6.74
6.89
6.78
ออกซิเจนละลาย (มก./ล.)
9.97
6.84
5.82
7.54
ความนําไฟฟา (ไมโครซีเมนต)
10970
52000
49500
37490
ของแข็งละลายทั้งหมด (มก./ล.)
>2000
>2000
>2000
>2000
ความเค็ม(ppt)
6.30
34.30
32.50
24.37
บีโอดี(มก./ล.)
6.70
0.50
2.31
3.17
ไนไตรท(มก./ล.)
0.121
0.155
0.137
0.14
แอมโมเนียม(มก./ล.)
1.431
1.176
1.344
1.32
ความขุน (NTU)
0.78
0.50
0.43
0.57
โคลิฟอรม แบคทีเรีย (MPN/100ml)
>2
>2
>2
>2
คลอรีน (มก./ล.)
0.13
0.12
0.09
0.11
5.1.4 คุณภาพน้ําในคอกเพนกวิน สําหรับคอกเพนกวินนั้นเนื่องจากมีการขังน้ําเปนระยะเวลานานถึง 7 วันตอ รอบ การเปลี่ยนถายน้ํา จึงทําการเก็บตัวอยางขณะที่น้ําเขาในวั นแรก เมื่อระยะเวลาผานไปถึงชวงกลาง ของการกักเก็บคือในวันที่ 4 ของรอบ และวันที่ 7 ซึ่งเปนวันปลอยน้ําออก พบวา คุณภาพน้ําในบอ แสดงเพนกวินนั้นมีคาออกซิเจนในชวงแรกคอนขางสูง ทั้งนี้เนื่องจากการปลอยน้ําเขาไปจะปลอย ในลักษณะที่น้ํากระเซ็น ตกกระทบพื้น ทําใหปริมาณออกซิเจนในน้ําเพิ่มขึ้น ภายหลังจากกักน้ําไว แลว ออกซิเจนลดลงเหลือนอยตั้งแตใ นชว งวัน ที่ 4 ทั้งนี้เนื่องจากออกซิเจนในน้ําถูก ใชไปกับ กระบวนการยอยสลายสารอินทรียที่ปนเปอนมากับการใหอาหาร เศษอาหาร อีกทั้งน้ํายังเปนน้ํานิ่ง อยูภายใตหองปด ทําใหโอกาสการไดรับออกซิเจนลดลงดวย นอกจากนี้ในบอน้ําของคอกเพนกวิน ยังพบวามีปริมาณแอมโมเนียที่สูง ควร ไดรับการบําบัดออกไป เพราะอาจทําใหเกิดอันตรายตอสิ่งมีชีวิตได ซึ่งการทําความสะอาดพื้นคอก
55
โดยลางมูลบนบกอยางระมัดระวังมิใหไหลลงไปในสระน้ําก็มีสวนชวยในการลดความสกปรกได สวนในคาดัชนีคุณภาพน้ําดานอื่นยังถือวาอยูในภาวะที่ปกติ ดังแสดงรายละเอียดในตารางที่ 4 ตารางที่ 4 คุณภาพน้ําในสวนแสดงเพนกวิน ดัชนี
รอบที่ 1
รอบที่ 2
รอบที่ 3
เฉลี่ย
น้ําเขา กลาง น้ําออก น้ําเขา กลาง น้ําออก น้ําเขา กลาง น้ําออก น้ําเขา กลาง น้ําออก อุณหภูมิ ( C) ความเปนกรด-ดาง ออกซิเจนละลาย (มก./ล.) ความนําไฟฟา (ไมโครซีเมนต) ของแข็งละลายทั้งหมด (มก./ล.) ความเค็ม (ppt) บีโอดี(มก./ล.) ไนไตรท(มก./ล.) แอมโมเนียม(มก./ล.) ความขุน (NTU) โคลิฟอรม แบคทีเรีย (MPN/100ml)
28.40 6.50 6.33
25.60 7.00 1.39
24.30 7.67 1.17
27.50 7.06 5.68
25.00 6.98 1.32
24.10 7.51 0.64
27.80 6.56 4.53
25.30 7.19 1.60
27.00 27.90 7.13 6.71 0.91 5.51
25.30 7.06 1.44
25.13 7.44 0.91
2630 15520 23000 16740 22000 28000 16960 21000 18970 12110 19507 23323 264.0 >2000 >2000 1664.0 >2000 >2000 1685.0 >2000 1895.0 1204.3 0.70 1.00 0.052 0.703 0.68 11000
0.70 1.44 0.320 1.926 0.91 -
1.10 2.20 0.035 3.930 0.58 8000
0.80 1.60 0.238 1.505 0.84 2300
1.10 2.70 0.330 5.227 1.40 -
1.40 7.20 0.236 9.577 1.54 8000
0.80 2.00 0.063 0.505 0.49
1.10 4.20 0.200 3.818 0.98
800
-
0.90 5.00 0.153 5.423 1.64 14000
-
-
0.77 1.53 0.12 0.90 0.67
0.97 2.78 0.28 3.66 1.10
1.13 4.80 0.14 6.31 1.25
4700
-
10000
อยางไรก็ตามจากผลการศึกษาของทั้ง 4 บริเวณ คือ คอกกักใหญ คอกกักเล็ก สวนแสดง แมวน้ํา และสวนแสดงเพนกวิน พบวาคาความนําไฟฟามีคาสูง ซึ่งมีผลทําใหคาของแข็งละลายมีคา สูงตามไปดวย ซึ่งคาความนําไฟฟามีความสัมพันธกับปริมาณความเขมขนของของแข็งทั้งหมดที่ ละลายน้ํา (TDS) รวมทั้งความเค็มของน้ําดวย การวัดคาความนําไฟฟาเปนการวัดความสามารถของ น้ําที่จะใหกระแสไฟฟาไหลผาน คุณสมบัติขอนี้ขึ้นอยูกับความเขมขนของอิออนที่มีอยูในน้ํา และ อุณหภูมิที่ทําการวัด สารตางๆ ที่ใหอิออนแกน้ํา ไดแก สารประกอบอนินทรีย เชน กรดอนินทรีย เกลือและดาง ความนําไฟฟาไมไดเปนคาเฉพาะอิออนตัวใดตัวหนึ่งแตเปนคารวมของอิออนทั้งหมดในน้ํา คานี้ไมไดบอกใหทราบถึงชนิดของสารในน้ํา บอกแตเพียงวามีการเพิ่มหรือลดของอิออนที่ละลาย น้ําเทานั้น กลาวคือ ถาคาความนําไฟฟาเพิ่มขึ้นแสดงวาสารที่แตกตัวในน้ําเพิ่มขึ้น หรือคาความนํา
56
ไฟฟาในน้ําลดลงแสดงวาสารที่แตกตัวไดในน้ําลดลง(สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตลําปาง ,มปป.) นอกจากนี้ น้ําที่แมวน้ําและเพนกวินใชประโยชนยังมีการเติมเกลือเพื่อใหมีความสอดคลอง หรือเปนการเลียนแบบสภาพแวดลอมที่ใหคลายพื้นที่ธรรมชาติ คือทําใหน้ํามีความเค็มดวย ความ เค็มที่วัดไดนั้นเทียบเทากับความเค็มของน้ําทะเล ยกเวนในสวนคอกเพนกวินเทานั้นที่น้ํามีความเค็ม ต่ํา จึงควรพิจารณาเพิ่มปริมาณเกลือลงไปอีก เพื่อใหใกลเคียงธรรมชาติ ทั้งนี้การเติมเกลือลงไปทํา ใหน้ํามีความเค็มจะชวยทําใหสัตวมีสุขภาพดี และลดอาการตาฝาของแมวน้ําดวย นอกจากการเติม เกลื อ ลงในน้ํ า แล ว ทางสวนสั ต ว ยั ง มี ก ารใส เ กลื อ ลงไปในอาหาร เพื่ อ ให สั ต ว ยั ง คงอยู ใ น สภาพแวดลอมที่ใกลเคียงเดิม 5.2 ลักษณะอากาศ นอกจากการตรวจวัดคุณภาพน้ําแลวยังไดทําการศึกษาลักษณะอากาศบางประการใน พื้นที่ทั้ง 4 สวน โดยการตรวจวัดเปนระยะเวลาติดตอกัน จํานวน 40 วัน ซึ่งพบวามีผลการศึกษา ดัง ตารางที่ 5 ซึ่งจากตารางจะเห็นวา อุณหภูมิของสวนที่เปนคอกกักแมวน้ําทั้งสองแหงมีอุณหภูมิที่ไม สูงนัก โดยมีคาเฉลี่ยที่ 24.8 และ 23.9 องศาเซลเซียส มีความชื้นคอนขางสูง แตมีแสงนอย ทั้งนี้ เนื่องจากเปนพื้นที่ที่อยูในหอง อยางไรก็ตามการที่มีความชื้นคอนขางสูงตองมีการระบายอากาศใหดี มิเชน นั้นอาจทําใหเกิด เชื้อราในพื้นที่ได สําหรับในพื้น ที่สวนแสดงแมวน้ํา อุณหภูมิคอนขางสูง ทั้งนี้ เนื่องจากที่บริเวณดังกลาวเปนพื้นที่คอนขางเปดโลงทําใหไดรับแสดงและอุณหภูมิเต็มที่ สวน พื้นที่ในคอกแสดงเพนกวินนั้นเนื่องจากมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศทําใหอากาศคอนขางคงที่ และ มีค วามชื้น นอยกวาพื้น ที่อื่น เพราะมีก ารระบายอากาศและติด ตั้งเครื่องฟอกอากาศทําใหมีก าร หมุนเวียนภายในหองดี แตอยางไรก็ตามเนื่องจากการเปนหองทําใหไดรับแสงนอยจึงมีคาของแสง สวางที่ต่ําดวย เชนกัน
57
ตารางที่ 5 ลักษณะของอากาศบางประการในคอกกักแมวน้ําใหญ คอกกักแมวน้ําเล็ก สวนแสดง แมวน้ํา และสวนแสดงเพนกวินที่ตรวจวัดในชวงเวลา 40 วัน บริเวณ คอกกักแมวน้ําใหญ คอกกักแมวน้ําเล็ก สวนแสดงแมวน้ํา สวนแสดงเพนกวิน
อุณหภูมิ ( C) ต่ําสุด สูงสุด เฉลี่ย 22 27 24.8 21 26 22
27 38 25
23.9 31.5 23.9
ความชื้น(%)
แสงสวาง
ต่ําสุด สูงสุด เฉลี่ย ต่ําสุด สูงสุด เฉลี่ย 67 95 76.92 3 7 3.6 53 60 51
92 95 91
75.38 82.05 68.64
3 44 3
7 1265 9
3.7 515.4 6.2
ดังนั้น จากผลการศึกษาจะพบวาในหองมีขอควรปรับปรุง คือ หองคอนขางมืด ซึ่งอาจ มีผลตอการดํารงชีวิตของสัตว โดยเฉพาะอยางยิ่งเพนกวินซึ่งใชชีวิตอยูในบริเวณนั้นตลอดเวลา จึง ควรมีการคํานึงถึงปริมาณแสงที่เหมาะสมดวย แตอยางไรก็ตามนกเพนกวินที่สวนสัตวก็ยังมีสุขภาพ รางกายแข็งแรง ทั้งยังมีพฤติกรรมการจับคูผสมพันธุ ซึ่งแสดงถึ งการใชชีวิตตามปกติของนก อาจ สันนิษฐานไดวา ภาวะแสงนอยยังไมมีผลตอนก 6. ปญหาและอุปสรรคจากการจัดการ จากการศึกษานอกจากทั้ง 5 ดานที่ไดรายงานมา ยังพบวาในการดําเนินการตองประสบ ปญหาหลายประการอันเนื่องมาจากการกอสรางที่เพิ่มเติมขึ้นภาพหลัง การออกแบบที่ตองการให คลายธรรมชาติ แตขาดความสะดวกในการทํางาน การที่ระบบไมทํางาน ดังจะไดกลาวตอไปนี้ 6.1 ปญหาจากการไมมีผูเชี่ยวชาญดูแลระบบบําบัดอยางตอเนื่อง จึงทําใหระบบบางสวนใช การไมได เชน บอเกรอะ ถังกรองทราย เมื่อเกิดปญหาจากการเปลี่ยนทราย การอุดตัน ซึ่งเมื่อปรับ ระบบการกรองใหม หากขาดผูชํานาญ หรือมีความรูเพียงพอ ก็ทําใหระบบที่ออกแบบมาเปนการสูญ เปลา 6.2 ปญหาการกอสรางเพิ่มเติม เปนอุปสรรคตอการทําความสะอาด และทําใหการทําความ สะอาดเปนไปไดยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสวนของกระจกที่สวนแสดงแมวน้ํา การเกิดรอยคราบบน กระจกเกิดจาก คราบน้ําที่กระเด็นขึ้นมา การแกไขตองลงไปขัดดวยแปรงพลาสติก ซึ่งเดิมยืนขอบ บนแลวใชแปรงดามยาวขัดลงมา เมื่อมีการสรางอัฒจรรยเพิ่ม ทําใหโครงสรางมีการเปลี่ยนแปลง ยืนบนผนังปูนเหนือกระจกไมได ตอนนี้ถาจะทําความสะอาดตองลงในน้ําอยางเดียว ใช หวงยาง
58
ไมได เมื่อออกแรงขัดหวงยางจะหนีออกจากกระจก ตองใชคนลงไปในน้ําแลวจับที่หัวนอต เปลือง แรงงานมากกวางานจะเสร็จ ดังนั้น การออกแบบตองมองถึงการทํางานใหสะดวก 6.3 ปญหาจากการรั่ว ซึมของโครงสรา ง เช น ที่ร อยตอ ของกระจก บริเ วณสว นแสดง เพนกวินและแมวน้ํา ซึ่งทําใหมีผลตอปริมาณน้ําภายใน การปนเปอน และทัศนียภาพที่ไมสวยงาม 6.4 ปญหาที่ตองประสบอีกประการก็คือการมีโครงสรางที่แมจะไมมีผลตอการดํารงชีวิต ของแมวน้ํา ก็เปนอุปสรรคตอการแสดง เชน การที่บริเวณของบอแสดงมีกอนหินเทียม ทําใหทัศนะ การชม ไมชัดเจน บดบังผูชมที่เขาชมการแสดงแมวน้ํา หรือการที่อัฒจรรยแคบเกินไป เทาของผูชม ดานบนชิดกับผูที่นั่งดานลาง เปนตน ซึ่งจากการศึกษาทั้งหมดที่ไดกลาวมานั้น ผูวิจัยไดนําเสนอภาพและขอมูลการนําเสนอไวใน ภาคผนวก ข เพื่อใหผูที่สนใจไดเห็นภาพชัดเจน ยิ่งขึ้น
59
สรุปและขอเสนอแนะ จากผลการศึกษาทั้งลัก ษณะทั่วไป การจัดการคอก การใหอาหาร การฝกและแสดง และ คุณภาพสิ่งแวดลอม จะพบวาทุกดานมีความสัมพันธซึ่งกันและกัน และสามารถสรุปผลการศึกษาได ดังนี้ ลักษณะทั่วไปของพื้นที่อาคารแสดงแมวน้ําและเพนกวิน ประกอบดวย 4 สวน ดวยกัน คือ พื้นที่คอกกักเล็ก พื้นที่คอกกักใหญ พื้นที่สวนแสดงแมวน้ํา และพื้นที่สวนของคอกเพนกวิน ซึ่งใน การชมเพนกวินผูชมสามารถชมไดตลอดเวลา ในพื้นที่ สวนคอกเพนกวินที่เปนหองกระจก ภายใน จําลองสภาพภูมิประเทศพื้นน้ํา และพื้นบก ใหคลายกับธรรมชาติ และมีการปรับสภาพอากาศใหเย็น เหมาะสมกับการดํารงชีวิตของนกได สําหรับการชมแมวน้ําผูชมปกติจะไดเห็นเมื่อแมวน้ํามีการ แสดงในสวนแสดงแมวน้ํา โดยวันปกติจะมีการแสดงวันละ 2 รอบ วันหยุดจะมีการแสดงวันละ 4 รอบ มีคาธรรมเนียมในการชม สําหรับผูใหญ คนละ 20 บาท เด็กคนละ 5 บาท หรือมองผานหอง กระจกดานลางของสวนแสดง โดยไมตองเสียคาใชจาย แตจะไมไดชมการแสดง สวนในคอกกัก ใหญและคอกกักเล็ก เปนที่อยูอาศัยของแมวน้ํา โดยคอกกักใหญมีแมวน้ํา 5 ตัว คอกกักเล็ก 3 ตัว ในขณะที่ไมไดแสดง แมวน้ํา จะใชชีวิตสวนใหญในคอกกัก ดานการจัดการคอกของแมวน้ํา และเพนกวินนั้น มีการจัดระบบบําบัดน้ําเสียที่ดีในสว น แสดงแมวน้ํา สวนในคอกกักทั้ง 2 หอง และสวนคอกนกเพนกวินยังไมดีเทาที่ควร เนื่องจากขาด ผูเชี่ยวชาญดูแลระบบ ทําใหระบบทํางานไมเต็มที่ อยางไรก็ตามถือวาทําไดมีประสิทธิภาพในระดับ หนึ่ง เนื่องจากสอดคลองกับหลักวิชาการ สวนการออกแบบคอก การเลือกใชวัสดุตางๆ การจัดสวน ใหแมวน้ําและเพนกวินอยูน ั้นมีความเหมาะสม เนื่องจากไดพิจารณาใชวัสดุอุปกรณที่ไมเกิดอันตราย ตอสัตว เชน การปูพื้นดว ยกระเบื้องโมเสคแกว เพื่อลดการระคายเคืองผิว การออกแบบใหมีพื้น ที่ ขนาดเหมาะสม เปนตน แตอยางไรก็ตามก็ยังมีโครงสรางบางสวนที่ไมสะดวกตอการปฏิบัติงาน ทําความสะอาด เนื่องจากการตอเติมในภายหลัง เชน กระจกของสวนแสดงแมวน้ํา เปนตน การใหอาหารแมวน้ําและเพนกวินมีการใหอาหาร แมวน้ําเปนปลาทู วันละ 30 กิโลกรัม ตอ แมวน้ํา 8 ตัวโดยแมวน้ําที่ยังไมฝกจะใหทั้งตัว สวนแมวน้ําที่ฝกแลวจะหั่น เพื่อใหตามโปรแกรมการ ฝก สวนเพนกวินจะใหปลาทูขางเหลือง วันละประมาณ 2.5 กิโลกรัม ตอนกเพนกวิน 10 ตัวโดยจะ วางปลาทั้งตัวไวในถาดใหนกมากินเอง โดยปลาที่ใหเปนปลาสดแชแข็ง นอกจากนี้มีการใหวิตามิน เพื่อบํารุงสัตว โดยการยัดไวในอาหารดวย
60
การฝกและการแสดงแมวน้ํา สําหรับการฝกแมวน้ําใชการฝกที่เรียกวา บริช โดยใชอาหาร เปนตัวกระตุนใหแมวน้ําทํางาน ซึ่งเปนวิธีการสื่อสารกับสัตวเลี้ยงลูกดวยนม จะเปนตัวบอกและ ควบคุมพฤติกรรมที่ถูกตองที่ผูฝกตองการใหสัตวทํา ซึ่งในวิธีการจะตองมีสัญญาณบอกวาสัตวทํา ถูกตองกอน จึงจะใหรางวัล และเมื่อควบคุมทางายๆ ที่ใหฝกได ก็จะเพิ่มความยากและสลับซับซอน ขึ้น ซึ่งในขณะนี้สวนสัตวนครราชสีมามีครูฝกที่สามารถฝกแมวน้ําเองได สวนการแสดงของแมวน้ํา ในการแสดงแมวน้ํา ที่ผานการฝกแลวของสวนสัตวนครราชสีมาประกอบดวยแมวน้ํา 4 ตัว ไดแก แมวน้ําชื่อ ฟาฟา แดง อวน และปุกกี้ ซึ่งในการแสดงนั้นมีความยาวประมาณ 30 นาที วันธรรมดา แสดงวันละ 2 รอบ วันหยุด แสดงวันละ 4 รอบ ในดานคุณภาพสิ่งแวดลอมยังไมไดมาตรฐานนัก ซึ่งพบวาคุณภาพน้ํายังไมไดมาตรฐาน โดยคุณภาพน้ําพื้นที่คอกกักแมวน้ําใหญ เปนคอกที่มีคุณภาพน้ําต่ําที่สุด พื้นที่รองลงมาเปนคอกกัก แมวน้ําเล็ก ถัดมาเปนคอกแสดงเพนกวิน ซึ่งน้ําทั้ง 3 บอตองมีการปรับปรุงคุณภาพน้ํา ในเกือบทุก ดาน ดังนั้น ควรพิจารณาการปรับปรุงระบบบําบัดที่มีอยูใหมีประสิทธิภาพ และเพิ่มระบบบัดเขาไป เพื่อชว ยในสว นของระบบที่มีอยูแลวบําบัดไมได สวนในพื้นที่สว นแสดงแมวน้ําเนื่องจากมีการ บําบัด น้ําที่มีประสิทธิภ าพหมุน เวียนตลอดเวลา จึงทําใหน้ํามีคุณ ภาพดีมาก แตตองมีก ารกําจัด คลอรีน ที่ตกคางอยูเนื่องจากมีปริมาณสูงเกินไป สําหรับลักษณะอากาศ พบวาอุณหภูมิและความชื้นอยูในภาวะปกติ แตปริมาณแสงในหองที่ เปนคอกกักแมวน้ําใหญ และคอกกักแมวน้ําเล็ก และสวนแสดงเพนกวินนั้นคอนขางมือ ควรมีการจัด แสงสวางใหพอเพียง สําหรับในการจัดการทุกดานนั้น หากมีการจัดการที่ดี ก็จะทําใหปจจัยอื่นดีตามไปดวยโดย จากการศึกษาจึงมีขอเสนอแนะในแนวทางการจัดการดังตอไปนี้ 1. มีขอเสนอแนะในการปรับเปลี่ยนการใหอาหารจากที่เคยใหสัตวกินในน้ํามากินบนบก และการทําความสะอาดอยางดีกอนจะทําใหคุณภาพน้ําดีขึ้น 2. การกวาดเศษอาหารที่ตกคางจะทําใหลดเศษสิ่งตกคางบนพื้นที่ลง พรอมทั้งชวยลดการ ทํางานของจุลินทรีย อัน ทําใหมีสิ่งที่เกิดผลดีต ามมาคือการที่ออกซิเจนจะเหลืออยูในน้ํามากขึ้น เนื่องจากกิจกรรมการยอยสลายของจุลินทรียลดลง ดังนั้น ควรเก็บเศษอาหารใหเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ อยางยิ่งในพื้นที่เขตโซนรอน เชนในประเทศไทย จุลินทรียจะทํางานไดเร็วมาก เนื่องจากอุณหภูมิ เหมาะสม เพราะฉะนั้น การเนาของซากสัตวจะเปนไปอยางรวดเร็ว จึงตองรีบเก็บเศษอาหารกอนที่
61
จะเนา นอกจากนี้การลางทําความสะอาดพื้นผิว ตองระมัดระวังอยาใหน้ําชะสิ่งปฏิกูลลงในสระน้ํา ก็จะชวยลดการปนเปอนได 3. หากมีก ารเติมอากาศลงในน้ําที่บอน้ําในคอกกัก ใหญ กัก เล็ก และเพนกวิน จะทําให คุณภาพน้ําดีขึ้น ซึ่งการเติมอากาศอาจทําไดดวยวิธีการอยางงาย เชน การนํากังหันน้ําขนาดเล็กเขาไป ใช หรือสูบน้ําใหหมุนเวียนน้ําออกมารับออกซิเจนแลวปลอยใหไหลยอนกลับเขาไปใหม ทั้งยังชวย ลดปริมาณกาซที่เปนพิษในน้ําไดดวย หรือพิจารณาเพิม่ ระบบบําบัดเขาไป แตอยางไรก็ตาม การเพิ่ม ระบบบําบัดเขาไปตองศึกษารายละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาระบบที่เหมาะสมที่สุด และตองใชผูที่มีความ ชํานาญดวย 4. ในบอน้ําของสวนแสดงแมวน้ํา มีปริมาณคลอรีนสูง ซึ่งมีผลตอสุขภาพตาของแมวน้ํา กอนที่แมวน้ําจะมีการแสดงควรพักน้ําไวซักระยะหนึ่ง และมีการใหอากาศเพื่อลดปริมาณคลอรีน หรือควรเติมอากาศเพื่อเรงการระเหยได ทั้งในการเติมคลอรีนเพื่อบําบัดน้ํา ควรเติมในปริมาณที่ เหมาะสมดวยเพื่อไมใหมีเหลือตกคางมากเกินไป 5. และเนื่องจากระบบระบายอากาศในคอกกักแมวน้ําทั้งคอกกักเล็กและใหญ ไมคอยดีนัก จึงควรจัดระบบระบายอากาศใหดี เพื่อปองกันปญหาการเกิดเชื้อรา การสะสมของเชื้อโรคและ จะ ชวยใหภายในหองไมมีกลิ่นเหม็น และปองกันกาซบางชนิดที่เปนอันตรายตอสุขภาพสัตวและคนได 6. ควรมีการสงเสริมความรูเกี่ยวกับระบบบําบัดน้ําเสียใหพนักงานใหมากยิ่งขึ้น ทั้ งนี้ถา เปนไปไดควรจัดพนักงานที่มีความชํานาญเฉพาะดานไว 7. หากจําเปน ตองมีการกอสรางเพิ่มเติม ควรคํานึงถึงการจัดการระบบเดิม มีการติดตาม ตรวจสอบ ปรับปรุงพื้ น ที่อย างสม่ํ าเสมอ และในสว นที่ ชํารุ ด ควรมีก ารแกไ ขเพื่อ สว นแสดงมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึน้ ควรมีที่ปรึกษาดานวิศวกรรมสิ่งแวดลอมมาชวยดูแลระบบบําบัด หากทาง สวนสัตวไมมีผูเชี่ยวชาญดานนี้โดยตรง
62
เอกสารอางอิง กรมอนามัย. 2539. คูมือการตรวจวิเคราะหคุณภาพสิ่งแวดลอม. กระทรวงสาธารณสุข, กรุงเทพฯ. 363 น. เกรียงศักดิ์ อุดมสินโรจน. 2542. การบําบัดน้ําเสีย ( WATER TREATMENT ). หจก.สยามสเตชัน นารี ซัพพลายจํากัด, กรุงเทพฯ. ชาญยุทธ คงภิรมยชื่น. 2533. คูมือปฏิบัติการคุณภาพน้ําทางการประมง. คณะเกสตรศาสตรบางพระ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล, ชลบุร.ี 85 น. ไมตรี ดวงสวัสดิ์ และจารุวรรณ สมศิร.ิ 2528. คุณสมบัติของน้ําและวิธีวิเคราะหสําหรับการวิจัย ทางการประมง. ฝายวิจัยสิ่งแวดลอมสัตวน้ํา สถาบันประมงน้ําจืดแหงชาติ, กรุงเทพฯ. 115 หนา . สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตลําปาง. มปป. คุณภาพน้ําทางการประมง. แผนกประมง สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล, ลําปาง. 87 น. แบบงานกอสรางสวนแสดงแมวน้ําเพนกวิน โดย อ.วีรพันธ ไพศาลนันท บ.พีแอลดีไซน Daryl J Boness . 1996. Wild Mammals in Captivity, Chapter 23, Water Quality in Aquatic Mammals Exhibits. University of Chicago Press, USA. P 231-240. J.R. Geraci.1986. Marine Mammals (Cetacea, Pinnipedia, and Sirenia ), chapter 47 Zoo and Wild Animals Medicine, 2 edition, W.B. Saunder company, Philadelphia. P 750-797. J.D. Skinner and RHN Smithers. 1990. Cape Fur Seal, The Mammals of The South African Subregion. The University of Pretoria, Republic of South Africa. P 523-526. Leslie A. Dierauf. 1990. CRC Handbook of Marine Mammal Medicine: Health, Disease, and Rehabilitation. Boca Ratom, Fla. CRC Press. 735 p. Michael K. Stoskopf and Suzanne Kennedy-Stoskopf. 1986. Aquatic Bird, chapter 23, Zoo and Wild Animals Medicine. 2 edition. W.B. Saunder company, Philadelphia. P 294-309
63
www.chiamaizoo.com www.koratsoo.or.th www.south African and Australia fur seal.com www.zoothailand.org
64
ภาคผนวก
65
ภาคผนวก ก แบบอาคารแสดงแมวน้ํา
66
67
68
69
70
71
ภาคผนวก ข ประมวลภาพงานวิจยั
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82