จักษุเวชศาสตร์ป้องกัน
(Preventive Ophthalmology)
.
นพ แมนสิงห์ รัตนสุคนธ์ บทนำ า
ปั จจุบัน
ปั ญหาจักษุสาธารณสุขได้รับการสนใจมากขึ้น
(Preventive Ophthalmology)
โดยเฉพาะในแง่ของจักษุเวชศาสตร์ป้องกัน
ทัง้ นี้ ก็เพื่อจุดประสงค์หลักในอันที่จะป้ องกันและรักษาโรคทางตาที่
เราสามารถค้นหาและทำาการรักษาได้ก่อนที่ผ้ป่วยจะส้ญเสียการมองเห็น เป็ นการลดภาระของผ้้ป่วย ครอบครัวและสังคมในที่สุด
(1)
(Preventive
จักษุเวชศาสตร์ป้องกันในผ้้ป่วยเด็ก
pediatric patients) 1.1)
การป้ องกัน
Amblyopia
eye diseases)
เพื่อลดจำานวนของผ้้พิการทางสายตา
Amblyopia
Ophthalmology
(Prevention of amblyopia)
คือภาวะที่มีการลดลงของการมองเห็น โดยไม่พบความผิดปกติอ่ ืน ๆ ซึ่งเกิดขึ้นได้ตัง้ แต่เกิดจนถึงอายุประมาณ
6 - 7
in
อัน
the
(organic
ปี สาเหตุเชื่อกันว่าเกิดจากไม่มีการก
ระตุ้นการมองเห็นอย่างเหมาะสมตัง้ แต่เกิดหรือในช่วงระยะแรก ๆ ของชีวิต ซึ่งสาเหตุท่ีพบบ่อยได้แก่
-
การรักษา
6
ให้ได้ก่อนอายุ
amblyopia
strabismus
Anisometropia Occlusion
Amblyopia -
7
ปี
(Esotropia, Exotropia)
คือ ภาวะที่สายตา 2 ข้างสัน ้ ยาวไม่เท่ากันอย่างมาก เช่น
Congenital cataract, ptosis
ที่สำาคัญที่สุด คือ
early detection
เพื่อนำ าผ้้ป่วยมารักษาตามสาเหตุต่าง
ๆ
ข้างต้น
เป็ นต้น
ในกลุ่มผ้้ป่วยเด็กที่เราสงสัย โดยกลุ่มผ้้ป่วยที่มีโอกาสเกิด
ได้คือ ผ้้ป่วยเด็กที่มีตาเหล่ทัง้ เหล่เข้าและออก โดยเฉพาะผ้้ป่วยที่มีตาเหล่อย่้ข้างเดียว ไม่ใช่ตาเหล่
สลับข้าง,ผ้้ป่วยที่มีหนั งตาตกปิ ดบังร้
kocoria
เช่น ตาเหล่เข้าหรือออก
pupil
ทัง้ หมด, ผ้้ป่วยที่มี
ตัง้ แต่เกิดหรือในช่วงอายุน้อย ๆ,
abnormal red reflex
หรือมี
leu
ผ้้ป่วยที่มองเห็นภาพต่าง ๆไม่เท่ากันในตาแต่ละข้าง หรือผ้้ป่วยที่มี
พฤติกรรมในการมองผิดปกติไป เช่น ชอบเอียงคอหรือชอบเงยหน้ าอ่านหนั งสือเป็ นต้น ปั จจุบัน
age)
จักษุแพทย์หรือกุมารแพทย์
ด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อ
จะสายเกินไป
1.2)
มักจะนิ ยมตรวจการมองเห็นในเด็กก่อนวัยเรียน(preschool
early detection
การป้ องกันตาติดเชื้อในเด็ก
ผ้้ป่วย
amblyopia
ให้ได้ก่อนที่จะถึงวัยเรียน ซึ่งอาจ
(Prevention of congenital infection)
2 ภาวะตาติดเชื้อในเด็ก เป็ นได้ทัง้ แบบที่ไม่รุนแรง จนถึงรุนแรงมาก ซึ่งผ้้ป่วยอาจส้ญเสียการมองเห็นได้ตัง้ แต่ เด็ก ภาวะเหล่านี้ ได้แก่
neonatal conjuncti vitis,
syphilis, herpes virus tal conjunctivitis สำาคัญได้แก่
หรือ
คือ ภาวะที่
การติดเชื้อ
cytomegalovirus
conjunctiva
จากมารดา เป็ นต้น ในแง่ของ
Neisseria gonorrheae, Chlamydiae, herpes simplex, Stap
umoniae
Streptococass pne
ซึ่งเชื้อเหล่านี้ มักจะ expose ต่อตาเด็กในช่วงที่คลอดตามปกติ บางเชื้อจะรุนแรงและ progr
อาการของผ้้ป่วยที่เราควรสงสัยว่าจะมี
ตัง้ แต่ในระยะแรกเกิด
neonatal conjunctivitis
(neonatal period)
ตัง้ แต่แรกคลอด,
การใช้ erythromycin
erpetic lesion rly detechion
คือ เด็กมี
discharge
ใน
topical silver nitrate eye drop
eye ointment,
การผ่าตัดคลอดทางหน้ าท้องหากพบมี h
ในมารดา เป็ นต้น ทำาให้ภาวะเหล่านี้ลดน้ อยลง แต่กย ็ งั จำาเป็ นอย่างยิ่งสำาหรับแพทย์ทจ่ี ะต้อง ea ภาวะนี้ให้ได้โดยเฉพาะระยะหลังคลอดหรือใน nursary
ส่วนภาวะการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น
antibody
Syphilis, rubella
ตัง้ แต่ระยะก่อนคลอด
systemic diseases nfection
Neisseria gonorr
หนั งตาบวม เปิ ดตาไม่ได้ ตาแดง บางครัง้ อาจมีไข้รว่ มด้วย
ปั จจุบน ั ได้มก ี ารป้ องกันภาวะนี้อย่างแพร่หลาย ได้แก่ การใช้
ค้นหา
และ
อย่างรวดเร็วจนอาจทำาให้กระจกตาทะลุและส้ญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้เช่น
heae
neona
ของเด็กติดเชื้อจากมารดาหรือสิ่งแวดล้อม โดยเชื้อที่
hylococcus aureus, Haemophilus species ess
rubella, toxoplasma,
นอกจากนี้
room
นัน ้ มารดาควรจะได้รบ ั วัคซีนป้ องกันหรือตรวจ
เพื่อป้ องกันความผิดปกติของเด็กทัง้ ในแง่
toxoplasmosis
ocular
ที่เกิดในเด็กมักจะเกิดจาก
และ
primary i
ของมารดาขณะตัง้ ครรภ์แพทย์จึงควรแนะนำ าให้มารดาหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงในการติดเชื้อ เช่น ควรกินเนื้ อ
สัตว์สุก ล้างผักผลไม้ให้สะอาด หรือล้างมือสมำ่าเสมอเป็ นต้น
1.3)
(Preventive Ophthalmology in child
การป้ องกันการทำาร้ายเด็ก
abuse)
การทำาร้ายเด็ก (child
abuse)
คือการทำาร้ายเด็กทัง้ ตัง้ ใจและไม่ตัง้ ใจ จากพ่อแม่ผ้เลีย ้ งเด็กหรือผ้้ท่ีอย่้
ใกล้ชิด ผ้้ป่วยมักจะไม่สามารถบอกแพทย์ได้โดยตรง จึงจำาเป็ นอย่างยิ่งที่แพทย์จะต้องให้การวินิจฉั ย เพื่อป้ องกันมิให้เด็ก กลับไปถ้กทำาร้ายได้อีก ลักษณะสำาคัญของ child
abuse (หรือ shaken baby Syndrome)
คือการที่เด็กถ้กจับเขย่าอย่างแรงแล้วทำาให้เกิดมี ocular
preretinal ge
หรือ vitreous
หรือ subdural
signs
hemorrhages
hemorrhage
แต่จะไม่มี
ต่าง ๆ เช่น intraretinal,
ร่วมกับอาจมี intracranial
external signs
hemorrha
ของ head
injury
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
3 ให้เห็น ดังนั ้น ในกรณี ท่ีเราตรวจพบ unexplained
โดยเฉพาะตำ่ากว่า 3 ปี โดยไม่มีหลักฐานอื่นของ head
use
injury,
ในเด็กที่อายุน้อย ๆ
แพทย์ผ้ตรวจควรจะต้องสงสัย child
ab
ไว้เสมอ
1.4)
Early detection of the pediatric ocular diseases
1.4.1)
Leukocoria,
เห็นตัง้ แต่เกิดหรือหลังเกิดเล็กน้ อย
(Retinoblastoma) ity (ROP) แพทย์ในทันที
ผ้้ใหญ่
retinal hemorrhage
คือ
หรือ
คือภาวะที่เห็นร้ม่านตาเป็ นสีขาว
สาเหตุท่ีสำาคัญและต้องรีบให้การรักษาคือ
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจาก
infection
1.4.2)
ต่าง ๆ ดังนั ้นหากตรวจพบ
buphthalmos
คือ
diameter
นอกจากนี้ อาจพบ
หรือ
ก็ได้ ดังนั ้นเมื่อตรวจพบเด็กที่ตาโตผิดปกติ
bilateral
ia, epiphora ต่อไป
ควรจะสงสัย
1.4.3)
ของผ้้ป่วย
premature
หนั กแรกคลอดตำ่าและได้รับ
vascularization
อาจ
มะเร็งของจอประสาทตา
cataract, retinopathy of prematur leukocoria
Congenital glaucoma,
จะมีลักษณะของ
(White pupil)
ต้อหินที่เกิดในเด็กมีลักษณะที่ต่างจากใน
ตาโตกว่าปกติและ
corneal edema
หรือ
ในเด็กแล้ว ควรจะส่งต่อจักษุ
increase
opacity
cornea
ซึ่งอาจเป็ น
ขาวขุ่น ร่วมกับเด็กมี
congenital glaucoma
corneal
unilateral
photophob
และรีบส่งต่อจักษุแพทย์เพื่อทำาการรักษา
Retinopathy of prematurity (ROP)
คือภาวะที่
retina
ไม่สามารถเติบโตหรือพัฒนาได้ตามปกติ มักเกิดในเด็กที่คลอดก่อนกำาหนดมาก ๆ มีนำ้า
Oxygen therapy
ตามด้วย
abnormal retinal
นาน ๆ ทำาให้เกิด
retinal hemorrlage
หรือ
retinal detachment
ใน
ที่สุด หากไม่ได้รับการรักษาที่ถ้กต้องผ้้ป่วยอาจส้ญเสียการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว การรักษาที่สำาคัญที่สุด คือ แพทย์ จะต้องส่งตรวจเพื่อด้ภาวะ เท่ากับ
1500
therapy (2)
early detechtion
ROP
ภาวะ
ROP
เสมอ โดยเฉพาะในเด็กคลอดก่อนกำาหนดที่นำ้าหนั กแรกเกิดน้ อยกว่าหรือ
กรัม หรือ อายุครรภ์น้อยกว่า
36
สัปดาห์ หรือเด็กคลอดก่อนกำาหนดที่ได้รับ
เป็ นระยะเวลานาน โดยระยะเวลาที่เหมาะสมในการส่งตรวจคือ 4
จักษุเวชศาสตร์ป้องกันเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางตา
ocular injuries)
ให้เร็วที่สุด แพทย์โดยเฉพาะกุมาร
- 6
Oxygen
สัปดาห์หลังคลอด
(Preventive ophthalmology in the
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
4 2.1)
(Prevention
การป้ องกันอุบัติเหตุทางตาจากการ ทำางาน
occupational injuries)
of
the
อุบัติเหตุทางตาจากการทำางาน สามารถเกิดได้ในทุกลักษณะ เช่น การมีเศษฝ่ ุนหรือเศษเหล็กกระเด็นเข้าตา มี
สารที่เป็ นกรดหรือด่างเข้าตา
(chemical burn)
หรือแม้แต่
retinopathy
จากลำาแสงเชื่อมโลหะ ดัง
นั ้นจึงควรให้การศึกษาและคำาแนะนำ าแก่ผ้ปฏิบัติงานเหล่านั ้นให้ใส่เครื่องป้ องกันเสมอขณะทำางาน
โดยเฉพาะแว่นตา
ป้ องกัน (gogles) และให้การวิจฉั ยอย่างรวดเร็วในกรณี ท่ีสงสัยว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น
2.2)
การป้ องกันอุบัติเหตุทางตาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
accident)
(Prevention of the car
ผ้้ป่วยที่ขับรถจักยานยนต์ควรจะต้องสวมใส่หมวกกันน็ อคที่เหมาะสม คือ มีกระจกคลุมด้านหน้ า และคลุมทัว่ ทัง้ ศรีษะ เพื่อป้ องกันทัง้ เศษฝ่ ุน เศษหินที่จะกระเด็นเข้าตาและลดอันตรายที่จะเกิดกับตาและศรีษะโดยเฉพาะบริเวณ
occipital area อุบัติเหตุ
2.3)
ส่วนผ้้ขับรถยนต์ควรจะคาดเข็มขัดนิ รภัยเสมอเพื่อป้ องกันศีรษะกระแทกพวงมาลัยขณะเกิด การป้ องกันอุบัติเหตุทางตาจากกีฬา
injuriex) -
จากสถิติของ
3
อันดับแรก คือ
seball
elbow contact
หรือ
the
มากกว่า
racquet sport
sports พบว่า กีฬา
basketball, baseball & softball,
racquet sports เช่น tennis, squash หรือ
of
US Consumer Product Safety Commission
ที่มีอุบัติเหตุทางตามากที่สุด
nger
(Prevention
โดย
basketball
มักจะมีอุบัติเหตุในลักษณะ
ball - to - eye contact
ซึ่งตรงกันข้ามกับ
perforated eye ball
วิธีท่ด ี ีท่ีสุดในการป้ องกัน คือ การเล่นกีฬาอย่างระมัดระวัง และการใช้แว่นที่ทำาด้วย
2.4) รังสี
protection
ไปจนถึง
polycarbonate
(Prevention of radiation injuries)
ทัง้ จากการเชื่อมโลหะ และจากลำาแสงอาทิตย์ สามารถเกิดอันตรายแก่ตาได้
หลายลักษณะ เช่น การเชื่อมโลหะ หากไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน อาจทำาให้เกิดกระจกตาอักเสบ (keratitis) ปวดตา แสบตา และมีนำ้าตาไหลขึ้นมาทันทีทันใด นอกจากนี้ รังสี
pterygium
c
ควรจะเหมาะสมกับกีฬาชนิ ดนั ้น ๆ
การป้ องกันอุบัติเหตุจากรังสี
ultraviolet (UV)
fi
ba
นอกจากนี้ กีฬาชนิ ดอื่น ๆ ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ในทุกลักษณะ เช่น
orneal abration, hyphema, posterior segment hemorrhage
โดยการออกแบบ eye
และ
และเนื้ องอกชนิ ดต่าง ๆ เช่น
UV
ยังเชื่อว่าอาจทำาให้เกิด
basal cell carcinoma
หรือ
ผ้้ป่วยจะ
cataract,
melanoma
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
5 eye filter
เป็ นต้น ดังนั ้น ผ้้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเชื่อมโลหะ ควรจะ ใช้
ที่เหมาะสม บุคคลที่มโี อกาสถ้กแสง
อาทิตย์มาก ๆ ก็ควรใช้แว่นตากันแดด และทาครีมกันแดดอย่างสมำ่าเสมอ
Solar retinitis (eclipse retinopathy)
คือ ภาวะเฉพาะของ
ชนิ ดหนึ่ งที่เกิดจากการมองด้ดวงอาทิตย์ขณะที่มีสุริยคราสโดยไม่ผ่านแผ่นกรองแสง ทำาให้เกิด จากลำาแสงอาทิตย์ท่ี
4 - 6
focus
maculopathy
retinal injury
ลงบนจุดรับภาพ จนเกิดการบวมเป็ นแผลหรือเป็ นร้ในที่สุด ภาวะนี้ อาจหายไปได้เองใน
เดือน หรืออาจจะส้ญเสียการมองเห็นอย่างถาวรก็ได้ ดังนั ้น ภาวะ
Solar retinitis
จึงเป็ นภาวะที่
ป้ องกันได้ หากแพทย์ให้คำาแนะนำ าอย่างถ้กต้องและเหมาะสม คือไม่ควรด้สุริยคราสด้วยตาเปล่า ควรจะใช้แผ่นกรองแสง ชนิ ดหนา หรือไม่ควรด้เลย
(3)
(Preventive ophthalmology in the
จักษุเวชศาสตร์ป้องกันภาวะตาติดเชื้อ
ocular infection) 3.1)
(Prevention
การป้ องกันภาวะตาแดง
keratoconjunctivitis) ภาวะตาแดงระบาด
adenovirous
(Epidemic
of
epidemic
keratoconjunctivitis)
เกิดจากเชื้อ
มักจะแพร่ระบาดจากการสัมผัสโดยตรง เช่น มือ เสื้อผ้า เป็ นต้น พบว่า จักษุแพทย์หรือแพทย์
โดยทัว่ ไปเอง มักจะติดเชื้อหรือเป็ นผ้้แพร่เชื้อให้ผ้อ่ ืนเสียเอง จากการไม่ระวัง และไม่ตระหนั กในการทำาความสะอาด เครื่องมือ หรือล้างมืออย่างสมำ่าเสมอก่อนที่จะตรวจผ้้ป่วยรายต่อ ๆ ไป การแพร่ระบาดของภาวะตาแดงนี้ มักจะเกิดขึ้น เป็ นระยะ ๆ ดังนั ้น แพทย์ทัว่ ไปควรจะให้การวินิจฉั ยและตระหนั กในการที่จะให้คำาแนะนำ าแก่ผ้ป่วยในการป้ องกันการ แพร่เชื้อ เช่น การล้างมือให้สะอาด การไม่ใช้เสื้อผ้า สิ่งของร่วมกับผ้้อ่ ืน หรือการใช้มือจับต้องตาหรือขยีต ้ าแล้วไปจับต้องผ้้ อื่น เป็ นต้น
3.2) ภาวะ
การป้ องกันภาวะแผลของกระจกตา (Prevention
corneal ulcers
หรือมีส่ิงแปลกปลอมเข้าตา
barrier
ทำาให้
เกิดจากการติดเชื้อของ
epithelium
ของ
ป้ องกันการติดเชื้อได้ เชื้อโรคที่เข้าไปอาจจะมาจาก
เศษฝ่ ุน เศษดินเป็ นต้น ผ้้ป่วยมักจะมีประวัติ trauma ต่อ แสบตา มีนำ้าตาไหล และ
discharge
Corneal abrasion , lesion
of corneal ulcers)
cornea cornea
flora
ของ
cornea
ที่มักตามหลังการเกิด
abration
หลุดหายไปไม่สามารถทำาหน้ าที่เป็ น
conjunctiva
เอง หรือเศษผง
มาก่อน ไม่มากก็น้อย ต่อมาจะเริ่มเคืองตา
มากขึ้น ดังนั ้น แพทย์ควรจะให้การรักษาตัง้ แต่แรกเริ่ม คือ พยายามรักษา
ให้หายโดยเร็ว แต่หากสงสัยว่าเริ่มมี
ที่ cornea มีสีขาวขุ่น หรือเห็น
ส่งต่อจักษุแพทย์โดยเร็ว นอกจากนี้ ในผ้้ป่วยที่ใส่
infection
hypopyon
ควรจะรีบให้
contact lens
แล้วเช่น เริ่มมี
discharge
antibiotic
ชนิ ดเข้มข้นหรือ
อย่้เป็ นประจำา ก็เป็ นกลุ่มผ้้ป่วยที่มีความเสี่ยง Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
6 cornea
ส้งต่อการติดเชื้อของ
ซึ่งไม่ว่าจะเป็ น
cont act lens
ชนิ ดใด หากทำาความสะอาดไม่ดีพอ ใส่
นานเกินไป หรือนำ ้ ายาล้างไม่สะอาด จะมีโอกาสติดเชื้อได้อย่างรุนแรงเสมอ เช่นการติดเชื้อ
pecies
และ
Acanthamaeba
ตา ไม่มากก็น้อย มี
discharge
เป็ นต้น ดังนั ้น หากผ้้ป่วยที่ใส่
infection)
contact lens
หรือความผิดปกติใด ๆ ควรแนะนำ าให้ผ้ป่วยหยุดใส่
ทันที แล้วรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
3.3)
Pseudomonas s เกิดอาการเคือง
contact lens
(Prevention of postoperative
การป้ องกันภาวะการติดเชื้อหลังผ่าตัด
ภาวะการติดเชื้อหลังผ่าตัด มักจะเป็ นภาวะหนึ่ งที่ทำาให้ผ้ป่วยส้ญเสียการมองเห็นได้ แพทย์ควรจะให้คำา
แนะนำ าในการด้แลปฎิบต ั ิหลังผ่าตัดอย่างชัดเจน เช่น ใช้นำ้าสะอาดล้างหน้ า โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ไม่ควรให้นำ้าถ้กแผล ผ่าตัด การใช้ฝาครอบป้ องกันในช่วงเวลานอนหรือการหยอดยาอย่างถ้กวิธี ไม่ควรเปิ ดฝายาหยอดตาทิง้ ไว้ หรือวางไว้กับ พื้น ไม่ควรให้มือถ้กปากขวดยา เป็ นต้น นอกจากนี้ หากผ้้ป่วยมีความผิดปกติ เช่น ตามัวลง ตาแดง มี มากขึ้น ปวดตา ควรส่งปรึกษาจักษุแพทย์ผ้ผ่าตัดทันที
(4)
จักษุเวชศาสตร์ป้องกันเกี่ยวกับยา
discharge
(Preventive ophthalmology in the ocular
toxicology) 4.1)
Topical drugs; 4.1.1)
หรือ
Corticosteroid :
systemic route
ส่วนผสมของ
cataract
steroid
สามารถทำาให้เกิด
เช่น ทำาให้เกิด
และความดันล้กตาส้ง
ยาในกลุ่ม
complication
corneal ulcer
steroid
ไม่ว่าจะใช้เป็ น
topical
ทางตาได้เสมอ โดยเฉพาะยาหยอดตาที่มี
หากใช้ในผ้้ป่วย
(Steroid-induced glaucoma)
abration,
ทำาให้เกิด
โดยเฉพาะภาวะ
glauco
ma
จากยา จะเป็ นภาวะที่รุนแรง แต่ผ้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ในระยะเริ่มแรก จนกว่าจะถึง
ที่พบว่า
visual field
เสียอย่างมากและสายตาเริ่มแย่ลง ดังนั ้น การใช้ยา
steroid
late stage
ในผ้้ป่วยตา จึงต้องใช้
อย่างระมัดระวัง และอย่้ในความด้แลของจักษุแพทย์เสมอ ไม่แนะนำ าให้ใช้เป็ นยา สำาหรับแพทย์ทัว่ ไปในการรักษาโรค ตาแดง
4.1.2)
Anesthetic drugs;
4.1.3)
Antiglaucoma drugs;
การณ์จะทำาให้เกิดแผลในกระจกตา หรือการติดเชื้ออย่างรุนแรงได้ ฝ่ ุนเศษดินเข้าตา ทำาให้ผ้ป่วยขยีต ้ าอย่างรุนแรงจนเกิดแผลได้
stenosis
ต่อ
puncta
หรือ
conjunctiva
ยาชาเฉพาะที่ หากใช้เป็ นประจำาหรือร้้เท่าไม่ถึง เนื่ องจากผ้้ป่วยจะไม่มีความร้้สึกเจ็บปวดหากมีเศษ ยารักษาโรคต้อหิน โดยทัว่ ไปอาจทำาให้เกิด
ได้ ยาบางชนิ ด เช่นกลุ่ม
beta-blocker
ที่มักจะ
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
7 asthma
ใช้เป็ นยาตัวแรกในการรักษาต้อหิน อาจทำาให้ผ้ป่วยที่เป็ น
pilocarpine 4.2)
ยากลุ่ม
อาจทำาให้ตาอักเสบหรือเกิด iridocyclitis เป็ นต้น
Systemic drugs Corticosteroid :
4.2.1) systemic drugs
ก็มีโอกาสเกิด
autoimmune
maculopathy
topical route
เช่นเดียวกับ
ocular complications
4.2.2) Chloroquine; รักษา
มีอาการแย่ลง,
disease
ปั จจุบันมีการใช้ ต่าง
ได้หากใช้เป็ นระยะเวลานาน
ๆ
หากใช้เป็ น
ได้เช่นกัน แต่โอกาสจะน้ อยกว่า
chloroquine
ยาตัวนี้ จะทำาให้เกิด
มากขึ้น โดยเฉพาะเพื่อ
keratopathy
และ
ดังนั ้น ควรจะส่งผ้้ป่วยที่ใช้ยานี้ พบจักษุแพทย์เป็ นประจำา โดย
เฉพาะหากมีอาการผิดปกติ เช่น การมองเห็นสีเปลี่ยนแปลงไป หรือตามัวลงเป็ นต้น เพราะภาวะนี้ หากหยุดยาได้ทันใน ระยะเริ่มแรก อาจจะหายหรือไม่ progress ต่อไปได้
4.2.3) ทำาให้เกิด
Ethambutol,
optic atrophy
อย่างใกล้ชิด
ทัง้
4.2.4)
ข้างได้ โดยมักจะไม่
Others,
แอลกอฮอล์ท่ีทำาให้เกิด optic
(5)
2
ยาที่รักษาวัณโรค โดยเฉพาะ
atrophy
reversible
ethambutol
จึงควรจะสังเกตุอาการผ้้ป่วยเหล่านี้
ยาอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อตา ได้แก่ ไอโอดีน ,
(Preventive
Ophthalmology in
systemic and genetic diseases)
(DR)
Systemic
disease;
ที่พบบ่อยที่สุดคือ
ที่อาจทำาให้ส้ญเสียการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มผ้้ป่วย
หวาน ควรจะได้รับการตรวจ
fundus
มะเกลือ หรือ
ได้เช่นกัน
จักษุเวชศาสตร์ป้องกันเกี่ยวกับโรคทางกายและโรคทางพันธุกรรม
5.1)
อาจ
ทุกคนและสมำ่าเสมอ เริ่มตัง้ แต่
Diabetic retinopathy
IDDM.
ดังนั ้นผ้้ป่วยที่เป็ นเบา
first diagnosis
ว่าเป็ นเบาหวาน
จากนั ้น จักษุแพทย์จะเป็ นผ้้ให้การวินิจฉั ยความรุนแรงของ DR และนั ดผ้้ป่วยตามความเหมาะสมต่อไป กลุ่มผ้้ป่วย
DR
ที่เป็ น
cotton wool spots eripheral retina
high risk
จำานวนมาก หรือพบ
หรือเห็น
ในอันที่จะส้ญเสียการมองเห็น คือ ตรวจ
neovascularization
fundus
พบ
บน disc หรือบริเวณ
preretinal, vitreous hemorrhage
p
ซึ่งเมื่อพบอาการ
แสดงเหล่านี้ ควรจะส่งต่อไปยังจักษุแพทย์โดยเร็ว
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
8 5.2)
Genetic disease;
โรค ทางพันธุกรรมที่แสดงออกทางตา
มีตัวอย่างเช่น
childhood diabetes, retinitis pigmentosa, retinoblastoma, neurofi bromatosis, albinism
หรือ Down’s
ทำา
ได้ตัง้ แต่ตัง้ ครรภ์ เพื่อให้บิดามารดา กุมารแพทย์และจักษุแพทย์ สามารถวางแผน
prenatal diagnosis
syndrome
เป็ นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้ หลายโรคสามารถ
การรักษาได้อย่างถ้กต้องและเหมาะสม
(6)
dry
type
Early detection of treatable ocular diseases 6.1)
AMD และ
Age - related macular degeneration (AMD) คือภาวะที่
wet type
macula ทัง้
มี
degeneration
2 types
จาก
aging change
แบ่งเป็ นชนิ ด
สามารถทำาให้การมองเห็นส้ญเสียได้อย่างถาวร โดยเฉพาะ
wet
แต่หากได้รับการรักษาอย่างถ้กต้องในระยะเริ่มต้นโดยแสงเลเซอร์ ก็อาจชะลอการเสียสายตาไปได้ ผ้้ป่วยกลุ่ม
นี้ จะมีอาการตามัว หรือเห็นภาพบิดเบีย ้ ว หรือเกิด
scotoma
ขึ้นเมื่ออายุมากกว่า
ป่ วยปรึกษาจักษุแพทย์โดยไว นอกจากนี้ ในกรณี ท่ีผ้ป่วยมีประวัติเป็ น
AMD
50
ปี จึงสมควรแนะนำ าให้ผ้
ในตาข้างหนึ่ งแล้ว ก็ควรจะแนะนำ าให้
ผ้้ป่วยสังเกตุอาการในตาอีกข้างหนึ่ งเสมอ โดยเฉพาะอาการตามัว หรือเห็นภาพบิดเบีย ้ วซึ่งอาจจะให้ผ้ป่วยใช้
r’s grid
เป็ นประจำาที่บ้าน หากมีความผิดปกติขึ้น ก็ควรจะพบแพทย์ทันที
6.2)
Primary open angle glaucoma (POAG)
กลุ่มผ้้ป่วยที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิด
family history
ของ
POAG
ovascular disease ผ้้ป่วย ระยะ late
Amsle
POAG
stage
POAG
ในครอบครัว, ผ้้ป่วย
หรือผ้้ป่วยที่มี retinal
จะไม่มีอาการปวด จะมีเพียง
POAG
หรือมีความสัมพันธ์กับการพบ
myopia,
ผ้้ป่วยเบาหวาน ผ้้ป่วยที่มี
vein occlusion
visual field
คือ ผ้้ป่วยที่มี
cardi
เป็ นต้น
ผิดปกติ และการมองเห็นลดลงในช่วง
ของโรค ดังนั ้น แพทย์อาจจะไม่สามารถให้การวินิจฉั ยได้หากไม่ให้ความสนใจเพียงพอ วิธีค้น
หาโรคที่ดีท่ีสุด คือ การซักประวัติครอบครัวและภาวะเสี่ยง,
ophthalmoscope
การวัดความดันตาและการด้
Optic disc
ด้วย
ในผ้้ป่วยที่อายุมากหรือผ้้ป่วยที่เราสงสัยเป็ นต้น
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46
9 ----------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------
The end
เอกสารอ้างอิง
1. American Academy of Ophthalmology. Basic and clinical
science course. Section 10. Glaucoma. San Francisco : American Academy of Ophthalmology, 1997-1998.
2. American Academy of Ophthalmology. Basic and clinical science
course.
Section
12.
Retina
and
Vitreous.
San
Francisco : American Academy of Ophthalmology, 19971998.
3. Kanski JJ. 4.
5.
Clinical Ophthalmology. 3
Butterworth-Heinemann, 1994. Vanghan
DG.,
Ophthalmology. 14
th
Asbury ed.
T,
Riordan-Eva
Norwalk :
Appleton & Lange, 1995.
อภิชาติ สังคาลวณิ ช, ญาณี เจียมไชยศรี.
พับลิซซิ่ง ,
2540 : 264 - 271.
rd
จักษุเวชศาสตร์ป้องกัน
:
ed. London : P.
General
จักษุวิทยา. กรุงเทพ ฯ
:
โฮลิสติก
Block : Ambulatory care/15 มี.ค 46