Ebola : enlighten เมื่อแสงสว่างนำาทางพวกเขาสู…่ จะว่าไปแล้ว ผมเฝ้าติดตามวง Ebola มานานพอสมควร เมื่อปี 2539 ได้แล้วกระมัง เคยเห็นพวกเขาซ้อมดนตรีกันที่ห้องซ้อมแห่งหนึ่งย่านจรัญสนิทวงศ์ ด้านหน้าร้านมีกระดาษชิ้นหนึ่งแปะข้อความโฆษณาไว้ว่า “EBOLA กับ E.P.97” และก็มีอีกหลายคำาที่บ่งบอกว่าพวกเขาคือวงฮาร์ดคอร์ แหม !! สมใจขาเมทัลอย่างผมเสียจริง
หลังจากผมฟังงานอีพีชุดนี้ ก็ไม่แปลกใจอะไรเลยที่พวกเขาสามารถกระชากใจเด็กเมทัลอันเดอร์กราวนด์ทั่วกรุงเทพฯ ไว้ในกำามือในระยะเวลาอันสั้น พร้อมทั้งตอกยำ้าด้วยการตระเวนแสดงตามงานดนตรีต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเล่นต่อหน้าคนดูหลักสิบจนถึงร้อย และแน่นอนชื่อเสียงพวกเขาก็ยิ่งเป็นที่จดจำามากขึ้นในฐานะวงที่แสดงสดได้โคตรมันส์ที่สุด ต้องบอกว่าในยุคนั้น 2539 – 2543 ใครไม่เคยไปยืนเขย่าหัว สเตจไดรว์ ให้กับวงนี้ถือว่าไม่ได้ติดตามเมทัลพันธุ์ไทยอย่างแท้จริง
สมาชิกตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงทุกวันนี้ประกอบไปด้วย กิตติศักดิ์ บัวพันธ์ (เอ๋) ฟร้อนท์แมนของวง
ผู้รบั หน้าที่เอนเตอร์เทนผู้ชมและมักปลุกระดม (ในอดีต) ด้วยการแจกกล้วยคนดูให้สยิวไปตาม ๆ กัน วรรณิต ปุณฑริกาภา (กอล์ฟ) และ สุรพงษ์ บัวพันธ์ (โอ๋) กีตาร์คู่มาดนิ่งมาพร้อมกับริฟฟ์ดาวน์เทมโป้กระชากใจ เชาวลิต ประสงค์สิน (เอ) เบส และ พงพันธ์ โพธินิมิต (พัน) มือกลองร่างเล็กแต่ลลี าหวดเร้าอารมณ์ นี่คือกลุ่มสมาชิกอันเหนียวแน่นและไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เมื่อเด็กหนุ่มกลัดมันทั้งห้าเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ผลงานอัลบั้มเต็มชุดแรก In My Hate (1999) ก็ถูกประเคนออกมาภายใต้สังกัด
Justice Music สาวกอันเดอร์กราวนด์ทั้งหลายไม่มีใครไม่รู้จักผลงานชุดนี้ ถือว่าเป็นงานขึ้นหิ้งของวงการเมทัลไปแล้ว คล้อยหลังไปแค่ปีกว่า ๆ อัลบั้มชุด SATISFY (2001) ออกมายำ้าความสะใจในหมู่สาวกเชื่อโรคร้ายวงนี้ ด้วยความหนักหน่วงของซาวนด์กีตาร์ และเสียงร้องของเอ๋ และช่วงกลางปี 2002 อัลบั้มบันทึกการแสดงสด “EBOLA LIVE” ก็ออกมาเขย่ารูหใู ห้กระจุยกันไปข้าง ด้วยความที่เป็นวงขวัญใจเยาวชนพันธุ์ซาดิสม์ไปค่อนเมือง Warner Music Thailand ไม่พลาดที่จะเรียกพวกเขาเข้ามาเป็นวงในสังกัด พร้อมขัดสีฉวีวรรณพวกเขาเสียหน่อย (ซึ่งในขณะนั้นก็มียอดวงเมทัล “พล่าน” เข้าไปอยู่ใต้ชายคานี้ด้วย) ก่อนออกอัลบั้มเต็ม เริ่มด้วยการปล่อยงานคั่นเวลาด้วย Live To Play วีซีดีภาพการแสดงสดและบทสัมภาษณ์ของวง ให้สาวกตามเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่น ระเบิดลูกใหม่พร้อมที่จะทำาลายล้างวงการเพลงร็อคแล้ว POLE (2004) อัลบั้มที่มีเพลงฮิตติดหูติดใจสาวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ความเป็นไป” “จำา” ในความเป็นคน” และ “Get Out” ที่บรรดาสาวกทั้งใหม่และเก่าร้องตามกันได้ไม่เขอะเขิน ณ เวลานี้ชื่อเสียงของพวกเขาก็ป๊อปปูลาร์ในหมู่วัยรุ่นวัยคะนองแบบฉุดไม่อยู่ ด้วยฝีมือล้วน ๆ
อีกทั้งประสบการณ์การแสดงสดที่เข้าขั้นบ้าพลัง ทางวงก็ถูกอัญเชิญให้ไปเป็นวงเปิดให้กับงานคอนเสิร์ของวงร็อคระดับโลกอย่าง Linkin Park และ
Slipknot และแล้วห้าหนุ่มที่พ้นวัยกลัดมันไปเล็กน้อย มาพร้อมกับงานดนตรีที่ละเมียดละไมขึ้น แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเป็นเมทัล “ENLIGHTEN”
อีกผลงานคุณภาพจากห้าหนุ่มที่ในอดีตพวกเขายังเป็นเพียงแค่วงระดับอันเดอร์กราวนด์ฮาร์ดคอร์ มาถึง ณ จุดนี้
พวกเขากลายเป็นวงร็อคที่น่าจับตามองมากที่สุดประจำาปลายปี 2005 นี้ เชิญอ่านบทสัมภาษณ์เล็กน้อย ๆ ตามประสาคนพูดน้อยต่อยหนักกันเลยดีกว่า จุดเริ่มต้นของวง ? โอ๋ : พวกเราทั้งสี่คนมี เอ๋ กอล์ฟ พันและผมเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัย ปวช. ที่อาชีวศึกษาเสาวภาฯ ในตอนนั้นก็เริ่มฟังเพลงแบบหนัก ๆ กันแล้ว
เผอิญว่าชอบเหมือนกันเลยรวมตัวกันเป็นวงหาที่ระบาย เอ๋รับหน้าที่ร้องแล้วก็เล่นเบสไปด้วย พันเล่นกลอง ผมกับกอล์ฟเล่นกีตาร์ ไม่มีใครเล่นเป็นกันหรอกครับ แบบว่าใส่ ๆ ตามใจชอบ จนกระทั่งอยากเล่นเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาตอนเรียนที่ราชภัฎธนบุรี ก็มาเจอเอ ชวนให้มาเล่นเบสแทนเอ๋ เพราะว่าร้องไปเล่นไปไม่ไหว จากนั้นเราก็เริ่มซ้อมกันจริง ๆ จัง ๆ ถ้านับตั้งแต่ตั้งชื่อวง EBOLA มาก็ร่วมแปดปีได้แล้วครับ ในช่วงที่เป็นวงอันเดอร์กราวนด์ชีวิตขณะนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
?
โอ๋ : ก็ปกติทั่วไปตามวัยครับ เล่นไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร กอล์ฟ : ก็ตามวัยครับ ติดเพื่อน เฮไปไหนก็ไปด้วย เล่นให้เพื่อนดูในห้องซ้อม แต่เงินไม่ค่อยมี
พอขึ้นมาถึงจุดนี้ พวกคุณต้องฟันฝ่าอุปสรรคกันพอสมควร ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย ?
กอล์ฟ : ก็ต้องเริ่มจากสมัยก่อน พวกเราเล่นเพลงกันหนัก ไม่ค่อยมีห้องซ้อมดนตรีที่ไหนเขาให้ซ้อมกัน แบบว่าไม่มีที่ระบายออก สุดท้ายแล้วเราก็ได้เล่น
ได้ทำางานออกเป็นเดโมชิ้นนึง
โอ๋ : ไม่ค่อยมีอะไรมากครับ เพราะพวกเราในช่วงนั้นเล่นกันตามใจชอบ ไม่ได้ซีเรียสอะไร
ตั้งแต่อลั บั้มเต็มชุดแรก In
my hate ชุดสอง Satisfy และ Pole มีจุดแตกต่างอย่างไรบ้าง ?
โอ๋ : มันก็มีววิ ัฒนาการตามยุคสมัยของแต่ละชุดครับ ในชุดแรกก็เข้าขั้นหนักตามที่ชอบเล่นกัน ซึ่งถ้าคุณฟังชุดใหม่แล้วย้อนไปฟังงานชุดเก่า ๆ
คุณก็จะรู้เองครับว่าเราไม่เคยหยุดนิ่งกับแนวดนตรีของเรา ส่วนเนื้อร้องก็เป็นตามที่เราถนัด คือ ให้กำาลังใจ เป็นตัวของตัวเอง จนถึงล่าสุด enlighten มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง กับงานชุดใหม่นี้ ภาคดนตรี / เนื้อหาเพลง ?
เอ๋ : ร้องเบาขึ้นมั่งครับ (หัวเราะ) ส่วนเนื้อหาเพลงก็เหมือนเดิมครับ ได้พี่ ๆ MANGO TEAM มาช่วยเรื่องนี้ กอล์ฟ : ในภาคดนตรีเรามีเวลามากพอที่จะเก็บรายละเอียด เรียกว่าปราณีตมากขึ้น ทราบว่ามีทีมงานและเพื่อน ๆ พี่ ๆ เข้ามาช่วยมากมาย มีใครบ้าง ? เอ๋ : ก็ได้พี่ ๆ MANGO TEAM พี่กบ พี่อ๊อฟ พี่โป พี่เหนือ มาช่วยแนะเรื่องเนื้อร้องให้ดูดีขึ้น พี่โอ้ ดิ โอฬารฯ มาร่วมงานด้วย เป็นอย่างไรบ้าง ? กอล์ฟ : คือว่าเราทั้งหมดมีความคิดเห็นตรงกันว่าอยากได้แขกรับเชิญที่พิเศษจริง ๆ มาเล่นให้กับอัลบั้มชุดนี้ ก็มาคุยกันว่าพวกเราต่างมีฮีโร่ในใจคน ๆ
เดียวกันคือพี่โอ้ ดิ โอฬารฯ เราจึงเชิญพี่มาให้เกียรติเล่นพารท์โซโล่ในเพลง “สิ่งที่ฉนั เป็น” ได้ร่วมงานกับพี่เขาแล้วรูส้ ึกสุดยอดจริง ๆ ครับ ถ้าให้เชิญแขกพิเศษมาร่วมแจมได้อีกอยากจะได้ใครมา ?
เอ๋ : คงเป็นพี่ โป่ง ปฐมพงษ์ (หิน เหล็ก ไฟ) นี่แหละครับ ฮีโร่อีกคนของพวกเรา
มีอะไรเกิดขึน้ มั่งระหว่างการทำางานชุดนี้ พวกปัญหาต่าง ๆ ด้านเทคนิคการอัด การเล่น ? โอ๋ : ก็ไม่ค่อยมีครับ เพราะพวกเรามีการวางแผนกันไว้ล่วงหน้าว่าจะทำาอะไรก่อนหลัง ก่อนเข้าห้องซ้อมเราก็มีเดโมเพลงทั้งหมดอยู่แล้วด้วย ง่ายเลย
อีกอย่างพวกเราก็ซักซ้อมกันมาพอสมควร
กับอัลบั้มชุดทีแ่ ล้ว เป็นอย่างไรบ้าง ประสบความสำาเร็จเป็นที่น่าพอใจหรือเปล่า ? กอล์ฟ : ก็จัดว่าดีครับ มีคนรับรู้เพลงของพวกเรามาขึ้น ได้ไปแสดงสดมากขึ้น ในภาคกีตาร์ มีลูกเล่นมากขึ้น แบ่งพาร์ทการเล่นยังไร ? ใครเป็นหลัก ? โอ๋ : คือพวกเราเล่นกันมานานครับ เลยรู้กันกับกอฟล์ด้วยว่าต้องเล่นกันยังไง ภาคริทึ่มหลักผมจะเล่น ส่วนกอฟล์จะเล่นไลน์ประสาน
โซโล่บ้างนิดหน่อย
ช่วยบอกเทคนิคการปรับแต่งซาวนด์กีตาร์ของพวกคุณหน่อย ? กอล์ฟ : ไม่ค่อยมีอะไรมากมั่งครับ เราเน้นปรับหน้าตูแ้ อมป์โดยเน้นเสียงกลางมากขึ้นหน่อย โอ๋ : ผมว่าบางทีอาจจะแล้วแต่คนด้วยนะครับ อาจจะไม่ชอบซาวนด์แบบเราก็ได้ ลองหาทางปรับให้เข้ากับแนวทางของตัวเองจะดีกว่าครับ
หากถูกเรียกร้องให้กลับไปทำางานเพลงแบบจุดเริ่มต้นของวง ?
โอ๋ : มันเป็นเรื่องของอนาคตครับ เพราะทางวงเองก็อยากจะทำาเพลงให้ก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ไม่อยากย้อนกลับไปหาอดีตมากสักเท่าไหร่ กอล์ฟ : ผมว่าก็อาจจะเป็นไปได้นะ แต่ทั้งนี้เราอยากจะเล่นจากใจพวกเราเองต่างหาก โดยไม่ต้องมีคนมาเรียกร้อง
ถ้าเลือกได้ทางวงอยากให้ใครมาเป็น producer ให้ ?
เอ๋ : แหม ! ขอเป็น Ross Robinson (Slipknot, Machine Head, Sepultura ม, Korn) เลยละกัน เอ : คนมิกซ์ก็เป็น Scot Burn เลยนะ (หัวเราะทั้งห้อง)
ย้อนกลับมาที่ชุด enlighten ปล่อยมิวสิควิดีโอไปแล้วสองเพลง ผลตอบรับกลับมาเป็นไงบ้าง ? เอ๋ : ดีเลยครับ อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราถูกเชิญให้ไปเล่นงานอินดี้งานหนึ่ง ตอนที่เล่นเพลง “กลับสู่จุดเริ่มต้น”
คนที่มาดูงานต่างร้องเพลงนี้ตามกันได้ ทั้ง ๆ ที่ปล่อยงานชุดนี้ได้ไม่ถึงสัปดาห์ดี เจ๋งดีครับ อยากจะแนะนำาเพลงไหนให้ผู้อ่าน GMAG ฟังเป็นพิเศษไหม ?
เอ๋ : โดยส่วนตัวผมชอบเพลง “เส้นทแยงมุม” มากเลยครับ เนื้อหามันก็บอกถึง สิ่งไม่ดีของคนเรานี่แหละ อาจจะหลอกลวงกันทั้ง ๆ ที่คุยกันต่อหน้า
แต่ลับหลังเขาอาจจะพูดไม่ดีอะไรเกี่ยวกับเรา
ผมเชื่อว่าทางวงต้องถูกนำาไปเปรียบเทียบงานกับบรรดาวงในประเทศเองก็ดี หรือต่างประเทศ คุณจะบอกกับพวกเขาอย่างไร ? เอ๋ : อันนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะแต่ละคนความชอบก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางทีเขาอาจชอบวงร็อควงนี้ แต่ไปเทียบกับวงร็อคที่เล่นอีกแบบนึง
แล้วมันจะไปเหมือนกันได้อย่างไรละครับ ผมว่าเปรียบเทียบไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยด้วยซำ้า
กอล์ฟ : มันเป็นเรื่องของวงดนตรีที่มีชื่อเสียงไปเปรียบเทียบกับวงเล็ก ๆ หรือไม่ก็เอาวงเล็ก ๆ ไปเปรียบเทียบ คนส่วนใหญ่ก็จะรู้จักแต่วงที่โด่งดัง
กลายเป็นว่าวงเล็ก ๆ จะถูกมองว่าไปเล่นเหมือนเขา
เมื่อถึงจุดที่อิ่มตัวในแนวเพลง หากมีสองทางให้เลือกคือ ทำาเพลงเบาลง กับเลิกเล่น คุณเลือกทางไหน ? โอ๋ : ไม่รู้เหมือนกันครับ เป็นเรื่องของอนาคต กอล์ฟ : เอ๊ะ ! หรือว่าเราจะเลิกเล่นกันดี (หัวเราะ) แต่ละคนในตอนนี้ทำาอะไรกันอยู่บ้าง มีไซท์โปรเจค หรือการงานอื่นนอกเหนือจากเล่นดนตรี ? เอ๋ : ผมก็ยังทำางานอยู่ที่ร้าน CD Warehouse สยามเซ็นเตอร์ ไม่ได้ย้ายไปไหนครับ ส่วนเรื่องไซท์โปรเจคเคยคิดทำาเหมือนกัน แต่เกือบทำาเอาวงแตกเหมือนกัน (หัวเราะ) เอ : ผมทำางานด้านกราฟฟิคครับ ลางานออกมาเล่นดนตรี (ฮา) กอล์ฟ : ที่เหลือก็ไม่ได้ทำาอะไรครับ เล่นดนตรีกันอย่างเดียว มีโครงการที่จะไปเล่นที่ต่างประเทศหรือเปล่า หรือมีการส่งงานไปนำาเสนอยังประเทศต่าง ๆ ? เอ๋ : ก็มีนะครับ แต่ยังไม่คอนเฟิร์ม แต่ผมสังเกตว่าคนต่างประเทศก็มักมาซื้องานของทางวงไปฟังกัน ยิ่งเป็นคนญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะครับ
ทางวงผ่านงานแสดงสดมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับรากแก้ว มีโชว์ไหนที่ทำาให้คุณถึงต้องสะพรึงกลัวกับแฟนเพลงที่บ้าคลั่งเข้าขั้นพีค และก็ประทับใจโชว์ไหน ?
เอ๋ : โชว์ที่ประทับใจที่สุดต้องเป็นโชว์ที่เป็นวงเปิดให้กับวง Linkin Park ครับ แบบว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ เล่นต่อหน้าคนดูกว่าสี่หมื่นคน และทางวงยังได้รับเกียรติจากการถูกเลือกให้มาร่วมเล่นงานเดียวกัน ส่วนอีกงานที่ไม่เคยลืมเลยสำาหรับพวกเราก็คือโชว์ครั้งแรกในงาน Demonic
(งานรวมวงดนตรีแนว Metal ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ) เมื่อปี 2538 ภาพที่เห็นในวันนั้นคือ คนฟังที่ตามมาดูเราเล่นครั้งแรก ช่างบ้าคลั่งสิ้นดี ทั้งคนเล่นคนดูไปพร้อมกันหมด พีคจนเหมือนโอเวอร์โดส จัดว่าเป็นงานแจ้งเกิดของพวกเราอย่างแท้จริงครับ เหมือนโรงทำาคลอดให้วง EBOLA เป็นที่รู้จักกับชาวเมทัล ณ ขณะนี้มีวงระดับเยาวชนโผล่ขึ้นมามากมาย โดยมีแบบอย่างอย่างพวกคุณ มีเทคนิคอะไรแนะนำาให้พวกเขาไม่ท้อถอย หรืออยากจะประสบความสำาเร็จแบบพวกคุณ ?
กอล์ฟ : อดทนฝึกในสิ่งที่ตัวเองกำาลังเล่นอยู่ครับ โอ๋ : อย่าถอยเป็นใช้ได้ ต้องก้าวต่อไปครับ เอ๋ : สมัยนี้การนำาเสนองานออกมามันทำาได้ง่ายมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน คิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณล้มเลิกความตั้งใจ
สุดท้าย ฝากบอกถึงผู้อ่าน gmag อะไรก็ได้ ?
เอ๋ : หากใครที่ยังไม่เคยฟังงานของเรา ก็ลองฟังอัลบั้ม enlighten ดูนะครับ เพราะพวกเราพยายมนำาเสนองานดนตรีหนัก ๆ อีกแบบหนึ่งให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะดนตรีไม่ใช่มีแค่แนว ๆ เดียว รับประกันว่าคุณต้องชอบมันแน่นอน เอ : รักประเทศไทย สนับสนุนคนไทย ซื้อเทปซีดีคนไทยฟัง
กอล์ฟ : ลองฟังผลงานของพวกเราดูครับ อย่าเพิ่งตัดสินใจเพียงแค่เห็นหน้าปก โอ๋ : แน่นอน ครับว่าพวกเราตั้งใจทำางานและต้องการนำาเสนองานดนตรีสู่พวกคุณ และก็ขอขอบคุณทางนิตยสาร The Guitar Mag ที่มาสัมภาษณ์พวกเราด้วยครับ
- อัลบั้ม / เพลง ที่ฟังแล้วต้องสะดุ้งกับซาวนด์ของมันทุกครั้ง Band : Sepultura (1996) Album : Root พวกเราเติบโตมาในช่วงที่วง Sepultura กำาลังดังมากในบ้านเรา และก็ได้รับอิทธิพลมาพอสมควร Band : Deftone (1997) Album : Around The Fur เป็นอีกวงที่มีอิทธิพลกับพวกเรา งานชุดนี้ฟังทีไรต้องสะดุ้งเสียงร้องของ Chino ทุกที
Band : Incubus (2001) Album : Morning View พันมือกลองบอกว่า อัลบั้มชุดนี้เขาต้องทึ่งกับไลน์กลองของ Jose Pasillas เรียกว่าเป็นแรงบันดาลใจในการตีกลองของเขาเลย
Band : Metallica (1991) Album : Black Album เจ้าพ่อแทรช เมทัล กับงานที่เป็นอมตะนิรันด์กาล แค่เพียง Enter Sandman เพลงเดียว โลกคุณก็หยุดหมุนแล้วครับ
Band : Pantera (1990) Album : Cowboy From Hell สุดยอดอัลบั้มชุดแรกของเท็กซัสบอยจากนรก ท่อนริฟฟ์สดุ สยองของเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม มันทำาให้มือกีตาร์ทั้งโลกอึ้งเหมือนโดนสะกดจิต
และต้องรีบทำาความรู้จักกับ Dimebag Darrell