Baybeats 2005 : Alternative and Independent Music Festival In Singapore Chapter 1 : Returns For the Fourth Time
เคยมีใครหลายคนบอกไว้ว่า หากคุณชอบดนตรีร็อค หรือเป็นนักฟังเพลงสากลเข้าเส้น
ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปสัมผัสเทศกาลดนตรีกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Glastonbury ที่พี่เสกและที-โบนของเราได้ไปวาดลวดลายกับเขาด้วย ผมเองก็ฝันไว้เหมือนกัน อยากไปใจจะขาด แต่ ๆ ๆ ค่าใช้จ่ายที่แพงหูฉีก ไหนจะต้องหาตั๋วให้ได้ก่อนที่จะคิด แค่บัตรกว่าแสนใบ ขาย 3 ชั่วโมงหมด แล้วจะไปเหลือมาถึงท้องคนเอเชียหรือนี่ คิดว่าเทศกาลนี้คงต้องเป็นเพียงฝันสำาหรับคนงบน้อยอย่างผม
หรือจะเป็นเทศกาลดนตรีกลางแจ้งแบบเอเชียด้วยกันเองอย่าง Fuji Rock Festival, Summer Sonic ของประเทศญี่ปุ่น
สองงานนี้ก็จัดว่าเจ๋งสุดในแถบเอเชีย นี่ก็อยากเอาขาไปสัมผัสพื้นที่นั่นใจจะขาด แต่ ๆ ๆ ก็มีข้ออ้างเดิม ๆ คือ ค่าใช้จ่าย ตั๋ว ที่พัก อาหาร ในญีป่ ุ่นคงไม่ต้องบอกเล่าให้มากว่า สุดยอดค่าครองชีพอันดับหนึ่งของโลก (แล้วบ้านเราละ ?) ทำางานอีกกี่ปีกว่าจะได้ไป นักดนตรีขวัญใจไม่แก่งั่กกันไปหมดแล้วเหรอ ? นี่ก็เป็นอีกเทศกาลดนตรีที่ผมคงแห้วเช่นเคย แต่…บางทีความฝันทุกอย่างมันเป็นจริงเสมอหากเราลงมือทำาแล้วหยุดเพ้อถึงมัน สักวันภาพที่วาดฝันมันก็จะมาปรากฎตรงหน้าเราเอง จริงไหม ??? ถ้าไม่นับงานดนตรีแถบเอเชียทั้งหมด งานดนตรีระดับบิ๊กละแวกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็คงมีบ้านเราละครับ อย่าง Fat Festival นี่ก็จัดว่าใหญ่แล้ว เหมือนเมื่อปีที่แล้ว 2 วัน วงดนตรีนับไม่ถ้วน เวทีแบ่งเป็นโซน เรียกว่าดูกันแฉะ แต่ด้วยความใหญ่ของมันทำาให้การเสพอรรถรสแบบเต็มอิ่มขาดไปอย่างน่าเสียดาย คงพอทราบว่าคนเยอะมาก ๆ มีทั้งมาชมกันจริง (ส่วนน้อย) ชมกันแบบเล่น ๆ จนถึงมาเดินประกวดแฟชั่น !! อือมม น่าคิดเหมือนกันว่าหากมีแต่คนที่ต้องการเสพดนตรีกันจริง ๆ จะเหลือเพียงกี่เปอร์เซนต์ เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้เมื่อธุรกิจเพลงมันผูกอยู่กับกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น และมันก็เป็นอย่างนี้ทั่วโลก
กับอีกงานหนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำา เฝ้าติดตามจนกระทั่งปีนี้ก็ได้ไปเยือนสมใจอยาก (และก็มีทุนพอเดินทางไปเสพ) เพิ่งได้ไปสัมผัสกับเทศกาลนี้เป็นครั้งแรก Baybeats มหกรรมดนตรี Alternative and Independent
Music Festival ที่ประเทศสิงคโปร์
สุดยอดงานอินดี้ร็อคภาคพื้นตะวันออกเฉียงใต้ ทีป่ ีนี้ 2005 นับเป็นการจัดครั้งที่ 4 ของแดนลอดช่อง
ใช่ว่าเป็นการสนับสนุนเงินทุนจากผลิตภัณฑ์ทุนนิยมประเภทแอลกอฮอลล์ ฟาสต์ฟู้ดส์ มอมเมาเยาวชนทั้งหลาย
แต่ได้รับการสนับสนุนจากเอกชนและภาครัฐของที่นั่น โดยมี Esplanade (ประมาณศูนย์วัฒนธรรม หอศิลป์ของสิงคโปร์) เป็นผู้สนับสนุนการจัด สถานที่ริมแม่นำ้าสุดจ๊าบ และมี Volkswagen ค่ายรถยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมันร่วมเทงบจัดทุกปี ฝ่ายการจัดและดำาเนินงานคัดสรรวงก็มีค่ายเพลงอิสระมาร่วมแจมด้วย Wake Me Up Music, Rockstar Collective, WallWork
Records, Double Yellow Line มหกรรมดนตรีริมแม่นำ้าสิงคโปร์ Baybeats ในแต่ละครั้งก็จะมีบรรดาวงดนตรีอินดี้ร็อค (ไม่อิงกระแส) แท้ ๆ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง บางวงอาจมีชื่อเสียงอยู่บ้างจนถึงโนเนม จากหลายประเทศ อาทิ อเมริกา, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, อังกฤษ, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และประเทศไทย อ๊ะ ๆ ๆ กรุณาอย่าแปลกใจเพราะมีวงบ้านเราไปร่วมแสดงศักยภาพกับเขาด้วย แล้วก็ไม่เคยทราบข่าวหรือรู้เรื่องมาก่อน ก็ชื่องานบอกอยู่แล้วว่า Alternative
Independent วงที่ไปร่วมสังฆยนาส่วนใหญ่จึงไม่ใช่วงประเภทสิงสถิตย์ค่ายบิ๊กเบิ้ม หรือเสนอหน้าตามหน้าจอโทรทัศน์ การคัดเลือกวงจากทีมงาน Baybeats เขาดูจากฝีมือ และความเป็นวงอิสระแท้ ๆ ครับ จนบางวงก็จนปัญญาที่จะไปหาข้อมูลมาได้ (ปีที่แล้ว 2004 วงจากประเทศไทยคือ Venus Butterfly) สำาหรับเทศกาลนี้ก็จะจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนกรกฎาคม เป็นช่วงเข้าหน้าฝนพอดี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก งานเอาท์ดอร์โชว์กลับมาจัดช่วงนี้ สำาหรับ Baybeats ปีนี้ 2005 เป็นปีที่พิเศษ (สำาหรับผม) อีกครั้งหนึ่ง อันเนื่องมาจาก ยอดวงขวัญใจชาวพั้งค์ร็อคเด็กกอทอมอ Brand New Sunset ได้รับเกีรยติถูกอัญเชิญไปร่วมงานในปีนี้ด้วย โอ้วววเย้ เย้ เย้ (รายละเอียดวง BNS หาอ่านได้ใน Gmag ฉบับ 365) ไม่ใช่เรื่องฟลุค้ หรือใช่กำาลังภายในใต้โต๊ะเหมือนใครบางคน แต่ไปเตะตามือกีตาร์หนุ่ม Daniel Sassoon ณ วง Electrico (ยอดวงพ็อพร็อคสิงคโปร์) จะว่าไปแล้ว (ขอแอบเล่า) ในช่วงที่ Electrico มาโปรโมตอัลบั้มเมื่อต้นปีทผี่ ่านมา ผมมีโอกาสได้พบกับทางวงและพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องแวดวงดนตรี และผมก็ชวนทางวงให้ไปชม Brand New Sunset ที่กำาลังมีโชว์อยู่อีกวัน ไหน ๆ ก็มาแล้วก็ไปชมให้หายข้องใจกันหน่อยว่า บ้านเราก็มีวงอินดี้ร็อคดี ๆ
เหมือนกัน หลังจากโดนกระแทกด้วยเพลงไทยอินเตอร์พั้งค์ร็อค เจ้าตัวมาบอกกับผมว่า “สะดุดใจอย่างแรง” ฝีมือ ทีมเวิร์คอย่างนี้ เอาไปเสนอพรรคพวกที่จัดงาน
Baybeats ได้สบาย ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน การติดต่อชักชวนให้ไปโชว์ก็เริ่มขึ้น นั่นหมายถึง การเดินทางของผมก็เริ่มต้นขึ้นด้วยเหมือนกัน ฉบับหน้า ค่อยมาแถลงไขรายละเอียดกันอีกครั้ง พร้อมด้วยภาพบรรยากาศเจ๋ง ๆ อีกเพียบ
Part 2 : Let’s Go ! กำาหนดการเดินทางไปชมงาน Baybeats ในครั้งนี้ ผมเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเซิรจ์หาข้อมูลจากเวบไซท์ ชี้แจงวันเวลา กำาหนดการของงานที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 – 17 กรกฎาคม ข้อมูลวงที่มาเล่นในปีนี้ และที่สำาคัญส่งอีเมล์หาเพื่อนชาวสิงค์โปร
กะว่าจะไปขออาศัยพักที่บ้านเสียหน่อย เพราะอัตราราคาที่ซุกหัวนอนที่นั่นแตะหลักพันทั้งน้าน ไม่ว่าจะเป็นเกสต์เฮ้าส์แบบธรรมดา ก็ยังเกือบพันอยู่ดี ไหนผมจะต้องผจญภัยอยู่อีก 4 วัน การคำานวนเงินค่าใช้จ่ายต้องแม่นยำาครับ
สำาหรับการเดินทางไปประเทศสิงค์โปร คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร สายการบินแบบประหยัดอย่าง Air Asia คงเป็นทางเลือกแรก ๆ
ของคนงบน้อยอย่างผม ค่าตั๋วเดินทางไปกลับอยู่ที่สามพันกว่าบาท เพียงแต่ว่าต้องจองล่วงหน้านานหน่อยและเลือกเดินทางไฟลต์เช้าตรู่คือเจ็ดโมง แค่นี้ก็เซฟเงินในกระเป๋าได้หลายอยู่ หรือจะเอาแบบประหยัดลงไปอีกพร้อมชมทิวทัศน์ ก็นั่งรถเลื้อยไปทางหาดใหญ่ ผ่าน อ.สะเดา เข้ามาเลเซีย ไป Johor
Bharu ใต้สดุ ของมาเลย์ ข้ามด่านตรง Johor ใช้เงินเดินทางไม่เกิน 1,700 บาท แต่เสียเวลาอย่างน้อย 25 ชั่วโมง เชิญเลือกเดินทางกันตามอัธยาศรัย ผมออกเดินทางเช้าตรู่วันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกของงานที่จะเริ่มขึ้นในตอนหัวคำ่าวันเดียวกัน อาการงัวเงียของมนุษย์กลางคืนอย่างผม เล่นซะออกอาการเบลอ ๆ จนเกือบขึ้นเครื่องบินไม่ทัน เหตุเพราะเดินหาประตูทางเข้าไม่เจอ ใครที่เคยออกนอกประเทศ น่าจะทราบดี ป้ายบอกทางยัวเยี้ยพอ ๆ กับป้ายริมถนน อ้อ ! มาสิงคโปรไม่ต้องขอวีซ่านะครับ เพราะจะได้วีซ่าอัตโนมัติ 30 วัน
ระหว่างที่นั่งอยู่บนเครื่อง เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้ไปสัมผัสแวะชมประเทศเพื่อนบ้านที่ได้ชื่อว่าพัฒนาไปไกลกว่าประเทศระแวกเดียวกัน แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ประเทศเล็ก ๆ แต่ด้วยรัฐบาลส่งเสริมด้านการศึกษา ความรู้ เศรษฐกิจอย่างจริงจัง รวมถึงไม่ค่อยมีการคอรัปชั่นให้เห็น คณะรัฐบาลไม่เปลี่ยนมือบ่อย ก็ทำาให้โครงการของรัฐที่เอื้อกับประชาชนสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง (เหมือนประเทศไหนหว่า ?) และที่นี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์ของนักช้อปมือเติบอีก ดูดเงินชาวไทยไปไม่น้อย ที่สำาคัญผมกำาลังจะเห็นสนามบินชางกิ (Changi) ที่ได้รับการจัดอันดับติด 1 ใน 10 สนามบินสวยระดับโลก และเป็นสนามบินที่ผู้ที่เคยไปอยากกลับมาใช้บริการอีก อือม เพียงแค่ประตูหน้าบ้านก็ทำาให้แขกเหรื่อรู้สึกดีกันแล้วนะเนี้ย ระยะเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเศษ (ไวกว่านั่งรถเมล์จากสนามหลวงไปบางแค)
นกเหล็กทะยานฟ้าก็นำาพาบางกอกบอยคนนี้มายืนอยู่ใต้สุดของด้ามขวานทอง สัมผัสแรกคืออากาศที่เย็นสบายไม่ร้อนจนเกินไป เข้าไปในตัวอาคารผู้โดยสารก็รู้ซึ้งเลยว่า “สมคำารำ่าลือ” บรรยากาศช่างแตกต่างจากสนามบินดอนเมืองเอามาก ๆ ปลอดโปร่ง
เดินถัดเข้าไปก่อนถึงที่ตรวจหนังสือเดินทาง (Immigration) จะพบกับร้านค้าปลอดภาษี ร้านอาหาร เหมือนเดินอยู่ในห้างชัด ๆ
เรียกนำ้าย่อยบรรดานักช้อปกันตั้งแตกก้าวเข้าประเทศ จุดแจกเอกสารข้อมูลการเดินทางก็มีอยู่ทั่ว มุมบริการอินเตอร์เน็ทฟรีก็มีให้ เรียกว่ามาคนเดียวไม่มีหลงแน่นอน เพราะไกด์บุ๊คกับแผนที่เดินทางที่ไปหยิบมาเจาะลึกรายละเอียดมาก ชื่นชมความงามพอหอมปากหอมคอ
ก็ต้องไปแลกเงินมาใช้เสียหน่อยในอัตรา 24.95 บาท ต่อ 1 ดอลล่าห์สิงค์โปร ควักเงินไทยไปหกพันกับอีกสิบบาทได้มาแค่สองร้อยเหรียญ แล้วจะพอใช้ไหมเนี้ย
? ระบบการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองหรือจะไปตามที่ต่าง ๆ ก็แสนจะง่าย ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT (Mass Rapid Transit) ก็สามารถไปได้ทั่วทั้งเกาะ ซึ่งมีทั้งหมดสามสายเชื่อมต่อกัน อัตราค่าตั๋วรถไฟเริ่มที่ 0.80 เหรียญ ถึง 1.80 เหรียญ (เอา 25 บาทคูณ) หรือถ้าคุณใช้บ่อยก็สามารถซื้อบัตร ez-link ยังเอาไปใช้รูดจ่ายตอนขึ้นรถเมล์ก็ได้ สนนราคาบัตร ez-link 15 เหรียญ รวมค่าประกันบัตร 5 เหรียญ ใช้หมดคืนเงินประกัน หรือถ้าคุณมีเงินหนาหน่อยก็ใช้บริการ 935 (รถแท๊กซี่ เก้าขึ้นรถสามสิบห้าบาท อ๊ะ ๆ มุขนะครับ) ขอเฟิร์มว่าถ้างบน้อยจริง ๆ หลีกเลี่ยงแท๊กซี่จะดีมาก เฉพาะค่าเปิดมิเตอร์ก็ 2.40 เหรียญ (ระยะทาง 1 กิโลเมตร) เข้าไปแล้ว และจะขึ้นอีก 10 เซนต์ทุก ๆ 225 เมตร นี่ยังไม่นับรวมค่าเซอร์วิสชารจ์นะครับ คิดว่าจะนั่งดีไหมล่ะ ? เพื่อไม่เสียเวลา ผมซื้อตัว๋ รถไฟ MRT ดิง่ ตรงไปสถานี City Hall ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับ Esplanade สถานที่จัดงาน Baybeats และสถานีนี้คุณยังสามารถเดินชมย่านธุริกิจห้างร้าน และถนนช็อปปิ้งขึ้นชื่อ Orchard Rd. และใกล้ ๆ กันก็เป็นย่านไฃน่าทาวน์
เดินตามแผนที่ไปเรื่อยก็จะเข้าสู่ย่านคนอินเดีย หรือ Little India ได้แต่เดินครับ เพราะไม่ได้สนใจที่จะมาจับจ่ายใช้สอย แต่ความรู้สึกในการเดินชมเมืองบ้านเขา รูส้ ึกสบายอย่างบอกไม่ถูก อยากให้ลองมาสัมผัสกันเอง รายละเอียด และตารางการแสดง
สำาหรับงาน Baybeats โดยปกติจะจัดแค่สองเวทีหลัก คือ Chillout Stage กับ The Arena สำาหรับเวทีแรก ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า สบาย ๆ และตั้งอยู่ริมแม่นำ้า คือวงทีข่ ึ้นเล่นเวทีนี้จะเป็นวงหน้าใหม่เน้นเพลงพ๊อพหวานแววจนถึงอิเล็คทรอนิกส์ ซาวนด์ บางวงก็ออกไปทางบริทร็อค (Brit
Rock) ส่วนเวทีสองจะเริ่มเป็นวงระดับมีชื่อเสียง เน้น performance เจ๋ง ๆ และแนวเพลงก็เพิ่มดีกรีความมันส์เล็กน้อยจนถึงคลั่ง พ๊อพพั้งค์ ร็อค อีโม ว่ากันไป และเวทีย่อยเล็ก ๆ อีกหนึ่ง Village เป็นที่แสดงคั่นเวลาของวง เน้นกีตาร์อะคูสติก เหมือนโชว์ตัวก่อนเล่นมากกว่า ทั้งสามเวทีจะอยู่ไม่ไกลกันมาก เดินไปมาไม่เหนื่อย ตารางเวลาการแสดงก็จะเลื่อมเล็กน้อย เพื่อหลีกไม่ให้ชนกัน เรียกว่าเสร็จเวทีนี้ไปดูเวทีนั้นต่อได้เลย ลองมาดูตารางการแสดงกันหน่อย
(แสกนให้ด้วย) มีวงไหนที่พอรู้จักกันบ้างไหม ทีแ่ น่ ๆ Electrico เคยเห็นพวกเขาเล่นที่กรุงเทพฯ แล้ว ส่วน Brand New Sunset
ผมเดินทางมาก็พวกเขาด้วยเช่นกัน ฮา ๆ ๆ ๆ ส่วนวงที่เหลือก็ต้องติดตามฟังกันดูว่าเล่นได้ดีขนาดไหน เป็นเสน่ห์อีกอย่างเวลามาชมคอนเสิรต์ ต่างบ้านแบบไม่รู้ว่าแต่ละวงมันเป็นไง
งานวันแรก เปิดการแสดงตอนสองทุ่ม และมีแค่เวทีละ 3 วงเท่านั้น เป็นการเรียกนำ้าย่อยก่อนวันจริง ก่อนเดินไปชมดนตรี ก็ต้องเสพบรรยากาศรอบ ๆ ของบริเวณ Esplanade Hall ในช่วงกลางคืนสวยงามอย่าบอกใคร อากาศเย็นติดริมนำ้า ถ้าพาเพื่อนหญิงรู้ใจมาด้วย คงดีไม่น้อย
หนุ่มสาวหลายคู่นั่งทอดหุ่ยจู๋จี๋กันอย่างออกรส จนไปถึงกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มกลัดมันที่พร้อมสนองตอบความรักให้กับหญิงสาวที่เกิดถูกใจในวันนั้น เห็นแล้วก็คิดถึงงานดนตรีที่ไหนบ้างแห่ง สองทุ่มตรง Chillout Stage โหมโรงด้วยวงเจ้าถิ่น The Pinholes ดูจากการแต่งตัวย้อนยุคแล้วน่าสนใจไม่น้อย พอเพลิน ๆ เน้นเพลงจังหวะร็อคบาง ๆ พอคัว่ สาว จบจากเวทีนี้ ผมก็เดินไปที่ The Arena เพื่อชม B – Quartet วงเจ้าถิ่นเช่นเคย สมกับที่มาเล่นเวทีนี้ครับ เพลงมันส์ใช่ได้ โยกกลับไปเวทีชิล Oddstar 13 (Malaysia) กำาลังขับกล่อมด้วยนักร้องนำาหญิง ในสไตล์ดนตรีพ๊อพร็อค ใส ๆ เพลิดเพลินชั่วครู่ ก็เริ่มรู้สึกว่ามีผู้ชมหนาตาเรื่อย ๆ ทำาให้การจับจองที่ชมของผมเริ่มมีปัญหา My Squared Circle (Singapore) วงที่สองฝั่งอะรีน่า
กำาลังเปิดฉากความสนุก ผมก็ได้ยืนฟังไกล ๆ เพราะการ์ดด้านหน้าไม่ให้นำากระเป๋าเข้าไปในงาน สร้างความหงุดหงิดอย่างยิ่ง สองวงสุดท้ายสำาหรับคืนแรกของงาน
ShameJoannShame (Singapore) มาในแนวเพลงชวนดิ้น 1 หญิงเล่นคีย์บอร์ด กับกีตาร์และกลอง Naked Breed (Malaysia) ที่เล่นได้สมกับหน้าตาบ่งบอกอายุวง สำาเนียงร็อคยุค 80 เตะเข้าเต็มหู มันส์จริง ๆ จบคืนแรกไปอย่างไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าที่ควร เพราะเสียเวลาเดินไปเดินมาและหิว ไม่กล้าซื้ออะไรมาก ของแพงจนคิดแล้วคิดอีก ข้าวมื้อแรกของผมก็ปาไปตอนเกือบเที่ยงคืน ด้วยข้าวกล่องราคา 80 กว่าบาท เฮ้อออ ย่างเข้าสู่วันที่ 2 ของงาน Baybeats ผมเดินสำารวจบริเวณสถานที่อีกครั้ง ด้านใน Esplanade จะเป็นทั้งที่จัดแสดงงานศิลปะทุกแขนง ไม่ว่าจะจิตรกรรม ศิลปการแสดง ดนตรีทุกประเภท ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ด้านใต้ก็จะเป็นทางเดินเชื่อมไปกับห้างร้านและรถไฟใต้ดินสถานี City Hall เห็นแล้วก็อิจฉาความงดงามของสถานที่ เมื่อไหร่จะมีแบบนีท้ ี่บ้านเราบ้างหนอ ? กลับเข้ามาบริเวณงาน ก็มีซุ้มขายเทป ซีดีไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่ก็เป็นค่ายที่มาร่วมจัดงานครั้งนี้ วงที่มาเล่นในวันนี้มีฝั่งละ 6 วงครับ และแน่นอน ไฮไลท์ของคืนนี้ก็ไม่ใช่ใคร วงพั้งค์ร็อคจากแดนสยาม Brand New Sunset จะขึ้นเล่นตอนสามทุ่มตรงที่ Arena Stage นั่นเอง ซึ่งวันนี้จากการคาดคะเนผู้ชมด้วยสายตา น่าจะมีผู้มาร่วมงานกว่า 5,000 คน ผมขอไล่เรียงรายชื่อวง แนวทางของฝั่ง Arena Stage กันก่อนนะครับ Set For Glory (Singapore) แนว Power Pop Punk ค่อนข้างมีชื่อและไปเซ็นสัญญากับค่ายในอินดี้ในอเมริกามาแล้ว , Plush (Malaysia) วงหกชิ้นที่เล่น modern rock , Love Me Butch (Malaysia) ใครที่ชอบแนวหนัก ๆ แบบ post hardcore ผสมการร้องแบบ scremo emotihon ต้องวงนี้เลย เจ๋งมากครับ และในอีกไม่ช้าคาดว่าจะมาสร้างความปั่นป่วนในกรุงเทพฯ แน่นอน และไม่พลาดที่ผมจะจับวงนี้มาชำาแหละกึ้นส์ให้ผู้อ่านในโอกาสต่อไป Brand New Sunset หนึ่งเดียวจากไทยแลนด์ ที่พกเพลงใหม่ไปเต็มอัตราศึก นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงสมาชิกโดยเอา ตูน มือกลองมาทำาหน้าที่ร้อง และได้บลูม เพื่อนสมัยเด็กของทางวง รู้สึกว่าแนวทางออกไปในทิศทางความหนักอีกทวีคูณ วันแสดงเล่นสะเด็กสิงค์โปรต้องทึ้งนำ้าแตกกันไปค่อนงาน Surreal (Singapore) กับ Power Pop Punk / Emotional ทีก่ ำาลังฮิตในหมู่วัยรุ่นทั่วไป และไฮไลท์สำาหรับคำ่าคืนที่สอง ณ Arena Stage
Brandtson อินดี้ร็อคจากอเมริกา ที่เล่นเพลงค่อนข้างติดหู บาดอารมณ์สาวกำาลังอกหักอย่างยิ่ง (เผอิญไม่ใช่ผมนะสิ ก็เลยได้แต่ยืนฟังเพลิน ๆ )
สำาหรับเวทีนี้
คนค่อนข้างแน่นมากครับ ผูช้ มที่เข้าไปก็น่าจะร่วมสามพันคน ซึ่งถ้าด้านในเต็มเมื่อไหร่ การ์ดที่ยืนเฝ้าด้านนอกก็จะไม่ให้เข้า งานดูฟรีก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
มาดูที่ Chillout Stage Lunarin (Singapore) วงพ็อพร็อคสามชิ้นที่มีมือเบสหญิงและร้องไปด้วย ฟังติดหูดีครับสำาหรับวงนี้ Disco
Biscuits (Singapore) วงชื่อแปลกที่เล่นแนวพ็อพร็อค Free Love (Malaysia) เป็นอีกวงที่มีลลี าการเล่นได้น่าทึ่งในสไตล์อินดี้ร็อคแบบ Pavement, Sonic Youth, The Pixies เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากผู้ชมได้พอสมควร Vertical Rush (Singapore)
ดูเหมือนเป็นอีกวงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในบ้านตัวเอง ดูจากผู้ชมที่แห่กันมาชมหนาตามาก จนแทบไม่มีที่ยืน พวกเขาเล่นเพลงค่อนข้างติดหูตามแบบฉบับอินดี้ร็อคใส
Furniture (Malaysia) เป็นอีกวงที่เล่นเพลงได้เพราะมาก หากคุณเคยฟังวงอย่าง Bell&Sebastian ละมุนละไมไพเราะ แบบแอมเบียนซาวนด์ ต้องติดตามวงนี้ครับ มาถึงวงสุดท้ายของเวทีนี้ I Am David Sparkle (Singapore) ที่เน้นความไพเราะแบบวง Furniture เรียกว่าก่อนจากกันวันนี้ฟังเพลงพวกเขาแล้วต้องนอนฝันดีไม่มีสะดุ้ง หลังจากจบวงสุดท้ายก็จะมีสองกลุ่มดีเจมาเปิดแผ่นให้ดิ้นกัน โดย Poptart และ Twilight Action Girl ซึ่งวงหลังเคยเดินทางมาเปิดแผ่นที่กรุงเทพฯ มาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาจะเปิดเพลงบริทพ๊อพ, ร็อค ยุค 90 ๆ
มาให้กระโดดโลดเต้นก่อนแยกย้าย ซึ่งผมคงไม่อยู่ดแู น่ ผมหงายข้อมือดูเวลา นี่ก็ล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มกว่า ๆ ผมเองก็ต้องรีบไปขึ้นรถไฟก่อนเที่ยงคืน บ้านเพื่อนที่ไปขออาศัยก็ช่างไกลเหลือเกิน ต้องนั่งรถไฟอีก
40 นาทีกว่าจะถึง ไม่อย่างนั้นคงได้นั่งรถแท๊กซี่แน่ ๆ ซึ่งถ้านั่งไปโดนชาร์จเพิ่มแน่นอน วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการเบียดเสียดผู้คนที่มามากมายเหลือเกิน อีกทั้งโดนฝนที่โปรยปรายมาเป็นระยะ ๆ
Part 3 : The End
วันสุดท้ายของงาน Baybeats ทำาผมหมดเรี่ยวแรงในการยืนชม เหนื่อยล้ามาจากเมื่อวาน ซึ่งวงไฮไลท์ที่ผมอยากชมตามเสียงเล่าลือว่าเล่นดีคือวง
Copeland จากอเมริกา ซึ่งพวกเขาเล่นเพลงแบบอินดี้ร็อคเนื้อหาโดนใจสาวเป็นส่วนใหญ่ และที่ไม่พลาดคือวง Electrico (Singapore) ที่เคยมาเล่นงานพัทยามิวสิคเฟสติวลั ที่บ้านเราเมื่อต้นปี ถ้าใครได้ชมก็คงรู้ว่าเพลงพวกเขาเจ๋งแค่ไหน และอีกวง Kate Of Kale (Singapore) พ็อพพั้งค์ แบบวง Green Day, Sum 41, Blink 182 เรียกเสียงเฮผู้ชมตลอดการแสดงช่วงหัวคำ่า เพียงแค่สามวงนี้ก็เพียงพอแล้วสำาหรับในวันนี้ ส่วนเวที Chillout Stage ผมไม่ได้ไปยืนชมมากนัก แค่เดินผ่านไปผ่านมา เนื่องจากคนเยอะมาก ๆ จนขี้เกียจไปเบียดกับใครอีกแล้ว เช้าตรู่วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนเดิม บรรยากาศเย็นยะเยือกด้วยไอฝนที่ตกมาตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดบ่าย ผมต้องเดินทางกลับไปด้วยความเมื่อยล้าอย่างสาหัส กลับดึกทุกคืน เดินวันละไม่ตำ่ากว่าสิบกิโลเมตร สนามบินชางกิอยู่ตรงหน้า เช็คอินขึ้นเครื่องกลับบ้านโดยหัวใจที่อิ่มเอมด้วยเสียงดนตรีที่ยังคงกึกก้องในหัวใจ ทุก ๆ อย่างกำาลังผ่านไป และกลายเป็นอดีตที่น่าจดจำา รายงานการตะลุยดูงานมหกรรมดนตรีอินดี้ร็อค ณ สิงค์โปรในครั้งนี้ นับเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกครั้งหนึ่ง ที่ผมอยากให้คุณมาสัมผัสด้วยตาของคุณเองเหลือเกิน เพราะนอกจากจะได้พบวงดนตรีฝีมือจากหลากหลายประเทศแล้ว ถือว่ามาเปิดโลกทัศน์อะไรใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ซึ่งผมก็หวังไว้ว่าหากคุณผู้อ่านได้อ่านการรายงานชิ้นนี้แล้วเกิดอาการอยากไปชมบ้าง ผมก็ถือว่าประสบความสำาเร็จแล้วครับ ถึงแม้ว่างานนี้จะไม่ใหญ่โตอลังการ แต่นี้เป็นงานดนตรีอินดี้ร็อคอีกงานที่นา่ จดจำาอีกงานหนึ่ง ถ้าปีหน้ายังมีโอกาสได้ไปอีก ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศมาให้ชมกันอีกครับ