รหัสวิชา อ 31101 หน่วยกิจ 1.5 หน่วย
ชื่อรายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1 เวลาเรี ยน 3 คาบ / สัปดาห์
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 รวมตลอดรายวิชา 60 คาบ
คําอธิบาย การใช้ภาษาเพื่อสื่ อสารในหัวข้อเกี่ยวกับ การศึกษา สังคม วัฒนธรรมประเพณี การเมือง การกีฬา การประกอบอาชี พ สถานที่ การเดิ นทางท่องเที่ยว อย่างเหมาะสมตามกาลเทศะและมารยาทสังคม อ่าน วิเคราะห์ตีความ ข้อมูล ข่าวสาร บทความ สารคดี บันเทิงคดี สื่ อเป็ นความเรี ยงและไม่ใช่ความเรี ยงในแบบ ต่ างๆ จากสื่ อ สิ่ งพิมพ์ หรื อสื่ ออิ เ ล็ก ทรอนิ ก ส์ อธิ บายโครงสร้ างประโยคข้อความตามหลักภาษา และ นําไปใช้อย่างมีเหตุผล ค้นคว้า นําเสนอข้อมูล ความคิดเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์ และ เหตุการณ์ต่างๆ ด้วย วิธีการที่หลากหลาย เข้าร่ วมกิจกรรมและนําความรู ้ไปใช้อย่างมีวิจารณญาณ เห็ นประโยชน์ของการใช้ภาษาอังกฤษในการแสวงหาความรู ้เชื่ อโยงกันกับกลุ่มสาระอื่น เพื่อ ขยายโลกทัศน์จากแหล่งการเรี ยนรู ้ที่หลากหลาย สามารถใช้ภาษาสื่ อสารในรู ปแบบต่างๆ ตามสถานการณ์ ในชุมชนและสังคม รหัสตัวชี้วดั รวม 9 ข้อดังนี้ อ 1.1 ม.4 – 6/1 อ 1.1 ม.4 – 6/4 อ 1.2 ม.4 – 6/2 อ 1.2 ม.4 – 6/4 อ 1.2 ม.4 – 6/5 อ 1.3 ม.4 – 6/3 อ 2.1 ม.4 – 6/2 อ 4.2 ม.4 – 6/1 อ 4.2 ม.4 – 6/2
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่ างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) สาระที่ 1 ภาษาเพือ่ การสื่ อสาร มาตรฐาน อ 1.1 เข้าใจและตีความเรื่ องที่ฟังและอ่านจากสื่ อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน อ 1.2 มีทกั ษะการสื่ อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู ้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิ ทธิภาพ มาตรฐาน อ 1.3 นําเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่ องต่างๆ โดยการ พูดและเขียน สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน อ 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนําไปใช้ได้ อย่างเหมาะสม มาตรฐาน อ 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และวัฒนธรรมไทย แล้วนํามาใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม สาระที่ 3 ภาษากับความสั มพันธ์ กบั ชุ มชนและโลก มาตรฐาน อ 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
โครงสร้ างรายวิชาพืน้ ฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่ างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) วิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน 1 รหัสวิชา อ 31101 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรียน 60 ชั่วโมง / 1.5 หน่ วยกิจ คะแนนเต็ม 100 คะแนน ลําดับ 1
2
ผลการเรียนรู้
สาระสํ าคัญ (Key Concept)
วิเคราะห์ความ, สรุ ปความ, Present ตี ค วาม และแสดงความ - Simple tense คิดเห็น - Continuous tense - Perfect tense - Perfect Continuous tense Past - Simple tense - Continuous tense - Perfect tense - Perfect Continuous tense Future - Simple tense - Continuous tense - Perfect tense - Perfect Continuous tense
ชื่อหน่ วย การเรียนรู้
เวลา (ชม.)
นํา้ หนัก คะแนน
Tenses
15
20
15
20
1. พูดและเขียนเพื่อขอและ โครงสร้างของ Passive voice ใน Passive voice ให้ขอ้ มูล Tense ต่างๆ 2. พู ด และเขี ย นบรรยาย Passive voice ใน Present ความรู ้ สึกและแสดงความ - Simple Tense คิดเห็นของตนเอง - Continuous Tense - Perfect Tense Passive voice ใน Past - Simple Tense - Continuous Tense
ลําดับ
ผลการเรียนรู้
3
1. บอกและเขียนคําแนะนํา คํา ชี้ แจง คํา อธิ บ าย เช่ น ประกาศ คําแนะนําในคู่มือ การใช้งาน 2. พูดและเขียนเพื่อขอให้ ข้อมูล 3. พูดและเขียนบรรยาย ความรู ้สึก และแสดงความ คิดเห็นของตนเอง 4. ตั้ ง คํ า ถ า ม แ ล ะ ต อ บ คํา ถามตามความคิ ด เห็ น ของตนเอง
4
พูดและเขียนเพื่อขอและให้ ข้ อ มู ล บรรยาย อธิ บาย เปรี ยบเที ย บและแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่ อง/ ประเด็น/ ข่าว/ เหตุการณ์/ ที่ ไ ด้ฟั ง และอ่ า นมา อย่า ง เหมาะสม
สาระสํ าคัญ (Key Concept) - Perfect Tense Passive voice ใน Future และ Modal Verb - Future Simple tense - Future Continuous tense - Future Perfect tense - Modal verb แบบ passive หน้าที่ของกริ ยาช่วย - V. to be , V. to do - V. to have - กลุ่ม Modal Verb รู ปแบบของกริ ยาช่วยใน Tense ต่างๆ - V. to be , V. to do - V. to have - กลุ่ม Modal Verb ความหมายต่างๆของกริ ยาช่วย เมื่อ เข้าประโยคต่างๆ - V. to be , V. to do - V. to have - กลุ่ม Modal Verb การใช้ Article a , an , the และ no article ที่เป็ น กฎต่ า งๆ และในรู ปของสํ า นวน ภาษาในชีวิตประจําวัน
ชื่อหน่ วย การเรียนรู้
เวลา (ชม.)
นํา้ หนัก คะแนน
Anomalous Verb (กริ ยาช่วย)
15
20
Article and Noun
7
10
ลําดับ
ผลการเรียนรู้
5
จับใจความสําคัญ วิเคราะห์ และสรุ ปความ ตีความ และ แสดงความคิดเห็นจากการ ฟั งและการอ่านเรื่ องที่เป็ น สาระคดี และบัน เทิ ง คดี พร้ อ มทั้ง ให้ เ หตุ ผ ล และ ยกตัวอย่างประกอบ
สาระสํ าคัญ (Key Concept) Pronoun รู ปแบบต่างๆ - Personal pronoun - Indefinite pronoun - Possessive adjective
ชื่อหน่ วย การเรียนรู้
เวลา (ชม.)
นํา้ หนัก คะแนน
Pronoun and Adjective
8
10
สอบปลายภาค
20 60
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 รายวิชา อ 31101 ชื่อวิชาภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน 1 จํานวนนํา้ หนัก / 15 หน่ วยกิจ ภาคเรียนที่ 1
100
ลําดับ
หน่ วยการเรียนรู้
รายละเอียดผลการเรียนรู้
1
Tense
Tense 12 แบบ : Present - Simple tense, Continuous tense, Perfect tense, Perfect Continuous tense Past - Simple tense, Continuous tense, Perfect tense, Perfect Continuous tense Future - Simple tense, Continuous tense, Perfect tense, Perfect Continuous tense
2
Passive voice
3
Anomalous verb
4
Article and Noun
5
Pronoun and Adjective
โครงสร้างของ Passive voice ใน Tense ต่างๆ 9 tenses และ Passive voice ในกลุ่มของ Modal Verb โครงสร้าง, หน้าที่, ความหมาย, รู ปแบบต่างๆของ กริ ยาช่วย V. to be, V. to have, V. to do และ Modal Verb การใช้ Article : a , an , the และ no article ในรู ปแบบ ไวยากรณ์ และสํานวนภาษา การใช้ Pronoun : Personal pronoun และ Indefinite pronoun รวมถึงการใช้ Possessive pronoun
มาตรฐานการเรียนรู้
อ 1.1 อ 1.2 อ 1.3
อ 1.1 อ 2.1 อ 1.2 อ 1.3 อ 4.2 อ 1.1 อ 1.2 อ 1.1 อ 1.3 อ 2.1
UNIT 1 Tense
UNIT 2 Passive voice
UNIT 3 Anomalous verb
UNIT 4 Article
UNIT 5 Pronoun and Adjective
ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ภาคเรียนที่ 1
1
หน่ วยการเรียนรู้ ที่1 Tense เป็ นเรื่ องราวเกี่ยวกับเวลา ในภาษาอังกฤษจะแตกต่างกับภาษาไทย ตรงที่กริ ยาใน ภาษาอังกฤษสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาได้ แต่ในภาษาไทยกริ ยาจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราจะรู ้วา่ เหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาใดนั้น ต้องดูจากกริ ยาวิเศษณ์ที่บอกเวลา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 นี้นกั เรี ยน จะต้องทบทวน Tense ต่างๆ ให้มีความชานาญมากขึ้น ความรู ้พ้นื ฐานที่ตอ้ งใช้ในการเรี ยน Tense คือ กริ ยา 3 ช่อง ในครั้งนี้บทเรี ยนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 จะประกอบไปด้วย Tense 12 tenses.
Present Simple tense รู ปแบบ : ประธาน + กริ ยาช่องที่ 1 (ถ้าประธานเป็ นเอกพจน์ กริ ยาต้องลงท้ายด้วย S) ลักษณะที่ใช้ กับ Tense นี้ 1) ใช้กบั เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริ งเสมอ เช่น The sun rises in the east.
The moon goes round the sun.
Thai students wear uniforms.
An elephant is big.
มักเป็ นความจริ งทางวิทยาศาสตร์ ตามธรรมชาติ กฎระเบียบ กฎหมาย 2) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางครั้ง มักจะมี Adverb of time เหล่านี้อยู่ every, always, often, usually, generally, in general etc. เช่น
He always sings in the morning. Mary walks to school everyday. They often have dinner late.
2
3) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางครั้ง มักจะมี adverb of time เหล่านี้อยู่ sometimes, at times, from time to time, occasionally, off and on, once a week, twice a week etc. เช่น
My friends sometimes have lunch late. I go to the zoo at times.
4) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานๆครั้ง หรื อแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย มักจะมี Adverb of time เหล่านี้อยู่ once in a while, hardly, rarely, scarcely, seldom etc. เช่น
The doctor hardly has holidays. My mom teaches me cooking once in a week.
5) ใช้กบั เหตุการณ์ที่ไม่มาทางเกิดเลย หรื อไม่เคยทาเลย มักจะมี คาว่า never, never ever. เช่น
The sun never rises in the west. John is lazy. He never does any housework.
3
Exercise 1 จงเขียนกริยาในวงเล็บให้ เน้ น present simple tense 1. My friend (
) in Bangkok.
2. My brother and sister ( 3. All of them ( 4. Suree always ( 5. Karuna (
) hard every day. ) their best. ) in the bathroom.
) many friends.
6. Water (
) at 100 degree Celsius.
7. People (
) helmets on their motor bikes.
8. Mr. James ( 9. I sometimes ( 10. Everybody (
) to Rome every month. ) up late. ) happy in Thailand.
4
การสร้ างประโยคคาถามและปฏิเสธใน Present simple การสร้างประโยคคาถามและปฏิเสธในประโยค Present simple มักจะใช้ Do และ Does ช่วย เช่น
She comes here in the morning. - She doesn’t come here in the morning. - Does she come here in the morning? They get up very early. - They don’t get up very early. - Do they get up very early?
ข้ อสั งเกต : กริ ยาที่เติม s จะใช้ does ช่วยและเมื่อใช้ does ช่วยกริ ยาหลักจะต้องตัด s ทิ้ง แต่ถา้ ในประโยคนั้น มี is am are (V. to be) ไม่ตอ้ งใช้ do และ does เช่น
He is a policeman. - He isn’t a policeman. - Is he a policeman?
แต่สาหรับ has have ที่แปลว่า “มี” จะต้องใช้ do does หรื อใช้ has have เลยก็ได้ เช่น
Mary has many dogs. - Does Mary have many dogs? หรื อ Has Mary many dogs? - Mary doesn’t have many dogs. - Mary hasn’t many dogs.
5
Exercise 2 จงเปลี่ยนประโยคเหล่ านี้ให้ เป็ นประโยคคาถามและปฏิเสธ Ex: She sleeps late everyday - Does she sleep late every day? - She doesn’t sleep late every day. 1) Monic has beautiful hair.
2) She walks very fast.
3) I like shopping.
4) Jane and Joe play tennis in the evening.
5) That dog is fierce.
6
6) Those people are soldiers.
7) My mom cooks deliciously.
8) They want to have some drink.
9) The sun is red today.
10) We seem to get sick.
7
Present continuous tense รู ปแบบ : is/am/are + V.ing 1) เป็ น tense ที่บรรยายถึงเหตุการณ์ที่กาลังเกิดในปั จจุบนั มักจะมีคาว่า now, right now, at present, at the moment, หรื อ อยูห่ ลังประโยคคาสัง่ เช่น
The student is working at the moment The dog ate barking now Stop talking! I’m teaching
2) ใช้กบั เหตุการณ์ที่กาลังจะเกิดในอนาคตที่เห็นชัดเจนว่าเกิดขึ้นแน่นอน เช่น
It’s cloudy.
It’s raining.
I’m graduating next month. 3) ใช้กบั เหตุการณ์ในอนาคต ที่ได้มีการเตรี ยมการวางแผนไว้ ซึ่งอาจจะเกิดหรื อไม่ก็ได้ เช่น
We are having a party in the garden next week. (ถ้าฝนตกก็จะไม่สามารถจัดงานได้ แต่ได้เกิดการวางแผนไว้แล้ว)
8
Exercise 3 จงเปลี่ยนกริยาในวงเล็บเป็ น Present continuous. 1) The Policeman _________________________ (look) for the bank robbers. 2) Mary _________________________ (swim) in the pool. 3) The birds _________________________ (fly) into the sky. 4) Mook _________________________ (sleep) in a big sofa at present. 5) Dang _________________________ (clean) the room today. 6) Paew and Mim _________________________ (ski) on the hill. 7) My daughter _________________________ (feed) the hens. 8) You and I _________________________ (play) chess right now. 9) Turn off the tap. It _________________________ (drip) 10) Be careful! The car _________________________ (run) towards us.
Exercise 4 จงเปลี่ยนประโยค Present continuous ให้ เป็ นประโยคคาถามและปฏิเสธ Ex: He is running to the shop. - Is he running to the shop? - He isn’t running to the shop. 1) Mary is having breakfast.
9
2) Sunee and Wichai are talking to Mary.
3) I am tidying up my room.
4) The doctor is looking at the man.
5) The telephone is ringing.
ข้ อสั งเกต กริ ยาบางชนิดจะไม่สามารถใช้ Present continuous tense และ Continuous ได้เช่น 1) กริ ยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัส : see, hear, smell, taste, feel เช่น I see my boss now ไม่ใช่ I’m seeing my boss now. 2) กริ ยาที่เกี่ยวกับความจุหรื อมี have, contain, consist, compose เช่น I have 2 sisters now ไม่ใช่ I’m having 2 sisters now. 3) กริ ยาที่ไม่สามารถควบคุมให้เกิดหรื อไม่เกิด เช่น like, love, hate, understand, dislike, forget, remember, recall, realize, recognize, ere.
10
Present perfect tense รู ปแบบ has/have + Verb ช่อง 3 1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบนั มักจะมีคาบอกเวลาเหล่านี้ since for, so far, up to the, present time. เช่น
Nat has studied in this school for 5 years. Maliwan hasn’t met her family since last year. They haven’t seen the movie so far.
2) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีต จนจบลงในช่วงเวลาใกล้ปัจจุบนั มักจะมีคาบอกเวลาว่า yet, already, lately, recently, just. เช่น
He hasn’t done any homework yet. Minnie and Mike have already had lunch. We have talked to him lately. She has bought a new car recently.
“Yet” จะใช้กบั ประโยค คาถาม ปฏิเสธ แปลว่า ยัง “Already” จะใช้กบั ประโยคคาถามและบอกเล่าแปลว่า แล้ว 3) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเป็ นประสบการณ์ที่ผา่ นมาในอดีตโดยมักจะมีคาบอกเวลา ดังนี้ ever, never, once, twice, three times, many times, several times, etc. เช่น
Our parents have been to Hong Kong many times. She has eaten snake meat before. Have you ever met the king?
11
4) มักจะใช้กบั คาถาม How long เช่น
How long has he been in this house? How long have you worked in that company?
5) ใช้กบั เหตุการณ์ในอดีตแต่ส่งผลมาถึงปั จจุบนั เช่น
I have had my hair cut.
การสร้างประโยคคาถามและปฏิเสธในประโยคนี้ให้ใช้กริ ยา has และ have ได้เลย เช่น
Dara has just seen her boss - Dara hasn’t seen her boss? - Has Dara seen her boos? The dogs have driven for half an hour. - The dogs haven’t driven for half an hour. - Have the dogs driven for half an hour.
12
Exercise 5 จงเปลี่ยนประโยคให้ เป็ น Present perfect tense Ex: The show has started for half an hour. 1) It _______________________ (rain) since this morning. 2) The truck driver _______________________ (sleep) in the truck for one hour. 3) My dad _______________________ (work) in that company for 10 years. 4) We _______________________ (just meet) her. 5) The dogs _______________________ (already be wash) by me. 6) Mr. Joseph _______________________ (live) by himself so far. 7) Her face _______________________ (be dirty). 8) The teacher _______________________ (not teach) tenses yet. 9) My children _______________________ (swim) in the river for an hour. 10) I _______________________ (learn) Chinese up to now.
13
Present perfect continuous tense รู ปแบบ : Has/Have been + V.ing Tense นี้จะมีลกั ษณะคล้ายกับ Present Perfect เพียงแต่จะเน้นการกระทาว่าเกิดต่อเนื่องไม่หยุดเลย ตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบนั มักจะมีคาว่า since for หรื อ all+เวลา เช่น all night, all day เช่น
She has been sitting on that chair all day. I have been reading books for 5 hours. It has been raining all night.
Exercise 6 จงเปลี่ยนประโยคให้ เป็ น Present perfect continuous tense. 1) The student _______________________ (study) English for 2 hours. 2) My mom _______________________ (cook) in the kitchen all this morning. 3) The dog _______________________ (bark) all night. 4) The driver _______________________ (drive) his car for 4 hours in a roll. 5) The teacher _______________________ (teach) since 9 o’clock. ข้ อสั งเกต 1) กริ ยาในกลุ่มที่ไม่ใช่ continuous tense ที่ได้อธิบายไปแล้วในหัวข้อ Present continuous tense จะไม่ ใช้กบั Present perfect continuous ด้วย เช่น He has heard a lot about my stories so far. ไม่ใช่
He has been hearing a lot about my stories so far.
2) กริ ยาที่ช่วงสั้นจะไม่ใช้ tense นี้เช่นกัน เช่น reach, finish, arrive.
14
Exercise 7 จงเปลี่ยน Tense ให้ ถูกต้ องตามรู ปประโยคอย่ างเหมาะสม 1) Thai student _______________________ (wear) uniforms to school. 2) I _______________________ (feel) so cold since yesterday. 3) The tree _______________________ (grow) up so far. 4) Look at that boy! He _______________________ (fall) into the pond. 5) The birds usually _______________________ (sing) in the morning. 6) The singers _______________________ (sing) for 2 hours in a roll. 7) The reporters _______________________ (report) the latest news every morning. 8) The people _______________________ (struggle) hard for their lives now. 9) Our friends _______________________ (do) many mistakes recently. 10) The patients _______________________ (wait) for the doctors all week. 11) I _______________________ (not understand) what he is talking about. 12) My men _______________________ (wear) perfume up to now. 13) He _______________________ (grow) beard for 10 years. 14) They _______________________ (not work) at the moment. They _________________ (sleep). 15) Our sons _______________________ (not go) to school on Sundays. 16) I often _______________________ (clean) my room once a week. 17) She _______________________ (not know) the truth yet. 18) Who _______________________ (visit) my friends lately? 19) Listen! I _______________________ (hear) somebody walk outside. 20) The traffic _______________________ (be jammed) since 9 o’clock.
15
Past tense รู ปแบบ : Subject +V.2 (คาถามและปฏิเสธ ใช้ Did ช่วย) Tense นี้จะใช้กบั เกตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตมักจะมีคาบอกเวลาดังนี้ yesterday, last, ago, the other day, this morning หรื อ มีปีในอดีตแสดงอยู่ เช่น
The thieves broke into my house last night. The girl ran to school this morning. The electricity went out yesterday.
การทาให้ เป็ นประโยคคาถามและปฏิเสธ 1) ใช้ Did เข้ามาช่วยและเปลี่ยนกริ ยาหลักจากช่อง 2 กลับเป็ นรู ปแบบ infinitive (กริ ยาเดิมที่ไม่ผนั ) เช่น He came home late 2 days ago. - Did he come home late 2 days ago? - He didn’t come home late 2 days ago. แต่ถา้ ในประโยคมี was were หรื อ had ที่แปลว่ามี ไม่จาเป็ นต้องใช้ did ให้ทาเป็ นคาถามและปฏิเสธ ได้เลย เช่น
They were absent yesterday. - Were they absent yesterday? - They weren’t absent yesterday. She had a big house. - Had she a big house?
- She hadn’t a big house.
16
ข้ อสั งเกต Had ที่แปลว่ามีในบางไวยากรณ์ก็ให้ใช้ did ช่วย เช่น
She had a big house. - Did she have a big house? - She didn’t have a big house.
Exercise 8 จงเปลี่ยนกริยา ให้ เน้ นรู ป Past simple tense 1) She ____________________ (swim) in the canal last night. 2) They ____________________ (drive) to the office 3 days ago. 3) I ____________________ (do) all of my home work. 4) Mac and Mint ____________________ (play) badminton last week. 5) She ____________________ (get) up early this morning. 6) He ____________________ (be) a teacher 10 years ago.
Exercise 9 จงนาประโยคที่ได้ จาก Exercise 8 มาเปลี่ยนเป็ นประโยคคาถามและปฏิเสธ เช่น
I caught a bad cold yesterday. - Did you catch a bad cold yesterday? - I didn’t catch a bad cold yesterday.
17
Past continuous tense รู ปแบบ Subject + was/were + V.ing 1) Tense นี้จะใช้กบั เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่มีเวลาที่เฉพาะเจาะจงบ่งบอกโดยคาบอกเวลา จะเป็ น คาลักษณะเดียวกันกับ Past simple tense แต่จะมีเวลาเจาะจง เช่น yesterday this time, last night at 9 หรื อ yesterday morning เป็ นต้น เช่น
James was reading yesterday morning. We were having an exam last Saturday. She was going shopping at 8 this morning.
2) จะใช้กบั การบรรยาย ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต 2 เหตุการณ์มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นและดาเนินไป เรื่ อยๆ จนกระทัง่ มีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา เช่น
When she was crossing the road, she saw a wallet.
หล่อนข้ามถนนเป็ นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและดาเนินไปเรื่ อยๆ จนกระทัง่ หล่อนได้มาพบ กับกระเป๋ าสตางค์ เป็ นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทรก การใช้ลกั ษณะนี้มกั จะมีคาเชื่อม When, While, as เป็ นตัวเชื่อม เช่น
She slipped and fell while she was running. We were reading when the light went out. As everybody was talking, the teacher walked in.
3) ใช้บรรยายเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์โดยที่ท้งั สองเหตุการณ์น้ นั ดาเนินไปเรื่ อยๆ ไม่มาแทรก หรื อขัดจังหวะกัน เช่น
While I was reading, some of my friends were sleeping.
ฉันอ่านหนังสือ เพือ่ นบางคนยังนอนหลับ เป็ นสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดาเนินไปโดย ไม่มีอะไรมาแทรกกัน ในลักษณะนี้จะใช้คาเชื่อม When, While, as เช่นกัน เช่น
When Mac was watering the garden, his father was reading a paper.
18
Exercise 10 จงเปลี่ยนประโยคเหล่ านี้ให้ เป็ นรู ป Past continuous tense 1) They ____________________ (exercise) in the garden this time yesterday. 2) Carla ____________________ (cook) all day last Sunday. 3) The teacher ____________________ (walk) home at nine last night. 4) When I met her, she ____________________ (talk) to her friends. 5) While he ____________________ (drive) along the road, he saw his mom. 6) As she ____________________ (stroll) along the beach, she fainted. 7) That man ____________________ (have) his sandwich while his girlfriend ____________________ (feed) the birds.
Exercise 11 จงเลือกใช้ past simple และ past continuous อย่ างเหมาะสม 1) When I ____________________ (see) her, she ____________________ (sleep) on the floor. 2) As my mom ____________________ (have) a baht, the light ____________________ (go) out. 3) Mitch _________________ (drive) along the road when a boy _________________ (run) across. 4) As the teacher ______________ (teach) in the class, the student _______________ (play) games. 5) When I ____________________ (walk) into the room, they ___________________ (watch) TV.
19
Past perfect tense รู ปแบบ Had + V. ช่อง 3 1) ใช้กบั เหตุการณ์ในอดีตสองเหตุการณ์ โดยมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดก่อนและจบก่อน เราจะใช้
Past
perfect tense และ อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดหลังและจบทีหลัง ใช้ Past simple tense โดยมักจะมี คาเชื่อม before, after, หรื อ when เช่น
After I had talked to him, he cried. She had changed her dress before I got to her house. When we got home, mom had already cooked.
2) ใช้กบั เหตุการณ์ที่บอกถึงลาดับเหตุการณ์ ใน indirect speech เช่น
She told me that she had been to Chainmail. เหตุการณ์ที่เธอเล่าให้ฉนั กับไปเชียงใหม่ ล้วนแล้วแต่เป็ นเหตุการณ์ในอดีตทั้งสิ้น เพียงแต่
การไปเชียงใหม่เป็ นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน แล้วหล่อนก็มาเล่าเรื่ องไปเชียงใหม่ให้ฉนั ฟังภายหลัง
Exercise 12 จงเลือกใช้ past simple tense หรือ Past perfect tense อย่ างเหมาะสม 1) The bird ____________________ (fly) away before the dog ____________________ (wake) up. 2) After I ____________________ (know) the truth, she ____________________ (go) away. 3) The night ________________ (fall) when the children ____________________ (arrive) home. 4) You and I ________________ (finish) our work before we __________________ (go) shopping. 5) You ____________________ (know) who ____________________ (steal) my watch?
20
Past perfect continuous tense รู ปแบบ Had + been + V.ing Tense นี้จะใช้แบบเดียวกันกับ Past perfect tense เพียงแต่เหตุการณ์ที่เกิดก่อนจบก่อนนั้นมักจะมีคา บอกเวลา since for อยูด่ ว้ ย หรื อไม่มีก็ได้ แต่กริ ยานั้นต้องแสดงอาการเกิดขึ้นเป็ นช่วงเวลายาวนาน พอสมควร เช่น
My parents had been working in that office for 10 years before they retired. After I had been sitting for an examination, I felt very tired. They drove away after they had been talking to my parents for 1 hour.
Exercise 13 จงเปลี่ยนประโยคเหล่ านี้ให้ เป็ น Past perfect continuous. 1) After the student ____________________ (play) in the field for 2 hours, they returned home. 2) The dog ____________________ (sleep) for an hour before it started to run. 3) I turned off the lights after I ____________________ (do) my work.
ข้ อสั งเกต กริ ยาช่วงสั้น และกริ ยาต้องห้ามกลุ่ม Continuous ไม่ใช้กบั Past perfect continuous ด้วยเช่นกัน เช่น I had felt sick before I started to run. ไม่ใช่ I had been feeling sick before I started to run.
21
Future simple tense รู ปแบบ : Subject + will/shall +V. infinitive กลุ่ม
Future นี้เป็ นกลุ่มที่ใช้กบั เหตุการณ์ในอนาคต บางครั้งการแสดงความเป็ นอนาคตการจะใช้ is
am are going to + V. infinitive ก็ได้ มีรายละเอียดแตกต่างจากการใช้ will/shall บางอย่า มักจะมีคาบอกเวลา เช่น Tomorrow, next + เวลา, soon, tonight etc. เช่น
She will visit you soon. หรื อ She is going to visit you soon They will eat pizza for lunch tomorrow. หรื อ They are going to eat pizza for lunch tomorrow. We shall see the doctor next week. หรื อ We are going to see the doctor next week.
ข้ อสั งเกต Shall จะใช้กบั ประธาน We และ I เท่านั้นนอกนั้นใช้ will ทั้งหมดแต่ปัจจุบนั นี้ will จะใช้ได้กบั ทุกประธานแล้วรวมทั้ง I กับ We ด้วยเช่นกัน
การทาประโยค Future simple tense ให้ เป็ นปฏิเสธ และ คาถาม 1) ใช้ will หรื อ shall สร้างได้เลย โดยมีรูปอยูใ่ นการปฏิเสธ คือ won’t และ shan’t ตามลาดับ 2) ถ้าเป็ น is am are going to ให้ใช้ is am are สร้างคาถามและปฏิเสธได้ทนั ที เช่น He will sing a Chinese song tomorrow. - He won’t sing a Chinese song tomorrow. - Will he sing a Chinese song tomorrow? I shall go soon. - I shan’t go soon. - Shall I go soon?
22
Exercise 14 จงเปลี่ยนประโยคให้ เป็ น Future simple tense (ทั้งแบบ will/shall และ is am are going to) 1) Malee and Mali ____________________ (ride) horses tomorrow. 2) Pat ____________________ (close) her company next month. 3) My mom ____________________ (retire) next two years. 4) We ____________________ (look) for a good job to do. 5) I ____________________ (have) a nice party with friends tonight.
Exercise 15 ให้ นาประโยคข้ างต้ นมาเปลี่ยนเป็ นประโยคคาถามและปฏิเสธ (ทาเฉพาะ will/shall)
23
Future continuous tense รู ปแบบ : Subject + will/ shall + be + V.ing Tense นี้ใช้กบั เหตุการณ์ที่กาลังเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผูพ้ ดู จะมัน่ ใจว่า ณ เวลาหนึ่งในอนาคต ใคร หรื อสิ่งใด ต้องกาลังทาอะไรอยู่ มักจะมีคาบอกเวลาในอนาคต ตามด้วยเวลาที่เฉพาะเจาะจง เช่น tomorrow this time, tomorrow at nine, tonight at 11 โดยบางครั้งจะมีบุพบท by (ราวๆ, ณ เวลาราวๆ) รวมด้วย เช่น
By noon tomorrow, we will be having lunch. She will be sleeping by six tomorrow.
Exercise 16 จงเปลี่ยนประโยคเหล่ านี้ให้ เป็ น Future continuous tense 1) The doctor ____________________ (examine) his patients by 10 to 12 tomorrow. 2) By next Saturday this time, we ____________________ (lie) on the beach. 3) We ____________________ (have) a good time at the party to night. 4) By 2 a.m. in the morning I ____________________ (still watch) TV. 5) The student ____________________ (take) the exam all day tomorrow.
24
Future perfect tense รู ปแบบ : Subject + will/shall + have + V.3 ใช้กบั เหตุการณ์ที่ได้เสร็จสิ้นไปแล้วในอนาคต (แต่ยงั ไม่เสร็จในปั จจุบนั ) เช่น ตึกนี้กาลังก่อสร้าง อยูค่ าดว่าจะสร้างเสร็จในเดือนธันวาคมปี หน้า Tense นี้จะใช้คาบอกเวลาในอนาคตเหมือนกับ Future continuous tense แต่จะมีเวลาเฉพาะเจาะจง หรื อไม่มีก็ได้ เช่น
We are working for this project now and we will have finished it by next week. The Students will have left home by three thirty.
Exercise 17 จงเปลี่ยนประโยคให้ อยู่ในรู ปของ Future perfect tense 1) This building ____________________ (be built) by next year. 2) We ____________________ (arrive) at Hua-Hin by noon tomorrow. 3) I ____________________ (graduate) from this school by next two years. 4) By next year, the population number ____________________ (rise) to 70 million. 5) Malinee ____________________ (wake) up at 10 o’clock.
25
Future perfect continuous รู ปแบบ : Subject + have been + V.ing Tense นี้จะใช้กบั เหตุการณ์แบบเดียวกับ Future perfect แต่จะมีคาบอกเวลาประเภท since for รวมอยูด่ ว้ ยแสดงถึงการกระทาในอนาคต ที่สิ้นสุดลงหลังจากทามาเป็ นเวลา …. เช่น
By next year I have been studying here for 10 years. My father will have been working in UN for 15 years next month.
Exercise 18 จงเปลี่ยนประโยคให้ เป็ น Present perfect continuous tense 1) The student ____________________ (walk) for 2 hours when they arrive at the site. 2) We ____________________ (read) for 10 hours when it’s dinner time. 3) When the teacher calls, I ____________________ (sleep) for 7 hours.
ข้ อสั งเกต กลุ่ม Future tense ทั้งหมดสามารถใช้ร่วมกับ กลุ่ม Present ได้ โดยเฉพาะ Present simple โดยมี คาเชื่อมประเภท When After, Before, Until, Till, if etc. เช่น
If it rains, I will stay home. She will wait here until he comes in here. When I get home, my mom will be watching TV. Everybody will have left when I have been full.
Present simple tense มักจะอยูห่ ลังคาเชื่อมเสมอ
26
Exercise 19 จงเลือกใช้ tense ตามความเหมาะสม (ในกลุ่ม Future และ Present) 1) If I ____________________ (know) the truth, I ____________________ (tell) my teacher. 2) When she ____________________ (arrive) here, I ____________________ (leave) already. 3) You ____________________ (never believe) it until you __________________ (see) it yourself. 4) Please ____________________ (keep) the door closed when you _________________ (come) in. 5) They ____________________ (pay) you back before they ____________________ (go). 6) Mom ____________________ (sleep) when we ____________________ (get) home. 7) After Manee ____________________ (have) lunch, she ____________________ (go) shopping. 8) We _________________ (study) hare for 10 years when the teacher ________________ (resign). 9) I ____________________ (not tell) your secret to anybody as long as you ____________________ (please) me. 10) The sun __________________ (rise) by the time a lazy man ____________________ (wake) up.
27
แบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Tenses 1) He usually ____________ after having lunch. A. Sleep B. Sleeping C. Slept D. Sleeps 2) Listen! Someone ____________ to our room. A. is walking B. walks C. walked D. has walked 3) Malee ____________ English since she was ten. A. is learning B. learns C. has learnt D. learnt 4) I’m still at home. It ____________ for almost 3 hours. A. has been raining B. rained C. rains D. rain
28
5) After we ____________ the film we ____________ home. A. saw/ returned B. had seen/ returned C. see/ return D. see/ would return 6) The girl ____________ an accident the other days. A. is having B. will have C. has D. had 7) When I saw her, she ____________ on the floor. A. lies B. lay C. was lying D. had lain 8) By the end of this year, she ____________ here for almost 15years. A. will work B. will have been working C. will have worked D. would work
29
9) Don’t call him at 9 tomorrow, he ____________. A. will sleep B. would sleep C. will be sleeping D. will have slept 10) It’s dark ad cloudy. I think it ____________ soon. A. is going to rain B. would rain C. rains D. rained 11) The students didn’t like their new teacher because he ____________ them violently. A. punishes B. punish C. punished D. is punishing 12) We ____________ some shopping this time yesterday. A. did B. were doing C. do D. have done
30
13) Every time I see you, you ____________ a uniform but today you _________ a T-shirt and jeans. A. wear/ wear B. wears/worn C. wear/ were wearing D. wore/ are wearing 14) If my boss arrives, ____________ me. A. call B. calls C. calling D. called 15) Let’s pick her up at 10. She ____________ ready then. A. Would be B. is C. will be D. be 16) My husband ____________ to weak. A. has just gone B. just went C. just been D. is just
31
17) I ____________ here until the ____________. A. wait/ set B. is waiting/ is setting C. shall wait/ sets D. wait/ is setting 18) I’m glad to see you here again but I ____________ your name. A. couldn’t remember B. remember C. can’t remember D. am remembering 19) She said that she ____________ then a ride home. A. would be giving B. would give C. was given D. would gave 20) A: May I talk to Jane, please? B: Sorry, she ____________ another line. A. will have B. has is having C. had
32
เฉลยแบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Tense 1.
11.
2.
12.
3.
13.
4.
14.
5.
15.
6.
16.
7.
17.
8.
18.
9.
19.
10.
20.
33
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 2 Passive Voice (ถูกกระทา) Passive voice คือ การกลับโครงสร้างให้ประธาน เป็ นกรรม และกรรมเป็ นประธาน เช่น สุนขั กัดฉัน เป็ น Active voice เป็ น ฉันโดนกัดโดยสุนขั โดยปกติแล้วเราจะสามารถกลับ Active เป็ น passive ได้ทุกกรณี ยกเว้นกริ ยาใน active เป็ นกริ ยา intransitive คือกริ ยาที่ไม่มีกรรมมารับ เมื่อไม่มีกรรมก็ทาเป็ น passive ไม่ได้ เช่น เขานอนหลับบนเตียง จะ เป็ นบนเตียงถูกนอนหลับโดยเขาไม่ได้ นอนหลับเป็ นอกรรมกริ ยา และ บนเตียงก็เป็ นกริ ยาวิเศษณ์บอก สถานที่ ไม่ใช่กรรม ในประโยค Active voice นั้นจะมี 12 tenses แต่สาหรับ passive voice จะมีเพียงแค่ 9 tenses เท่านั้น กลุ่ม perfect continuous (present, past, future) จะไม่ทา passive voice ในบทที่ 2 นี้เราจะได้เรี ยน passive voice 9 tenses และ passive voice ในกลุ่ม modal verb บางตัวพอ เป็ นพื้นฐาน ในการเรี ยนต่อระดับสูง หัวใจของ
Passive voice คือ V. to be + V.3
Passive voice: Present simple รู ปแบบ : is/am/are + V.3 เช่น
He drinks milk every day. = Milk is drunk (by him) every day. I always do homework. = Homework is always done (by me). The students greet their teacher. = Their teacher is greeted by the students.
34
ข้ อสั งเกต 1) ในประโยค Passive voice คาว่า by me, you, him, her, them, us, it มักจะละไว้ไม่ตอ้ งใส่ แต่ใส่ก็ไม่ ผิด แต่บางประโยคจะดูประหลาด 2) By people, someone, anyone, no one, them etc. ก็มกั ไม่ใส่
Exercise 1 จงเติม is am are +V.3 ลงในประโยค Passive voice เหล่ านี้ 1) The dogs ____________ often ____________ by my dad. (feed) 2) These roses ____________ ____________ from the garden. (pick) 3) The book ____________ ____________ by the students. (borrow) 4) Uniforms ____________ ____________ every day. (wear) 5) The show ____________ ____________ every night. (perform) 6) Many letters ____________ sometimes ____________ late. (send) 7) The newspaper ____________ hardly ____________ by mom (read)
Exercise 2 จงเปลี่ยนประโยค Active voice ให้ เป็ น Passive Voice. เช่น
I see the post man every day. - The postman is seen by me every day. 1) She leaves her daughter every Sunday. ______________________________________________________________________________ 2) The dog always chases the cat. ______________________________________________________________________________
35
3) The students do a lot of homework. ______________________________________________________________________________ 4) My parents feed many golden fish. ______________________________________________________________________________ 5) Waree doesn’t eat the meat in the table. ______________________________________________________________________________
Passive voice: Present continuous tense รู ปแบบ : is/am/are + being + V.3 เช่น
She is painting her wall now. - Her wall is being painted by her now. I am buying some groceries. - Some groceries are being bought by me. -
Exercise 3 จงเติมรู ปแบบของ Passive voice ใน Present continuous ให้ สมบูรณ์ 1) The girl ___________________ (teach) how to behave well. 2) My homework ___________________ (do) by my mom. 3) The cookies ___________________ (bake) in the oven. 4) The tomatoes ___________________ (sell) out. 5) I ___________________ (attack) by many hard questions.
36
Exercise 4 จงเปลี่ยนประโยค Present continuous tense ใน Active voice เป็ นรู ป Passive 1) The girls are answering the letters. ______________________________________________________________________________ 2) He is singing a Chinese song. ______________________________________________________________________________
3) I am reading a cartoon book now. ______________________________________________________________________________ 4) At present, the people are protecting the belongings. ______________________________________________________________________________ 5) The boy is looking for a robot toy. ______________________________________________________________________________
ข้ อสั งเกต ประโยคที่มี Preposition ตามท้ายก็สา Preposition ตามปกติ เช่น
She is waiting on her customers. - Her customers are being waited on.
37
Passive voice: Present perfect tense รู ปแบบ : has/have + been +V.3 เช่น
I have launched a new project for 2 days. = A new project has been launched for 2 days. The workmen haven’t built any houses since last year. = Any house hasn’t been built by the workmen since last year.
Exercise 5 จงเติมรู ปแบบของ Passive voice ใน Present perfect tense. 1) The magazines ___________________ (print) on the king’s birthday. 2) She ___________________ (send) to the hospital since last night. 3) We ___________________ (fell) that news recently. 4) The missing boys ___________________ (not find) yet. 5) The order ___________________ (place) to the waitress for an hour.
Exercise 6 จงเปลี่ยนประโยค Active voice ใน Present perfect tense ให้ เป็ นรู ป Passive voice 1) She has sent many messages to her friends. ______________________________________________________________________________ 2) I have met a nice guy for two years. ______________________________________________________________________________
38
3) They haven’t found any true friends. ______________________________________________________________________________ 4) Mary has bought a new house already. ______________________________________________________________________________ 5) We have heard that song before. ______________________________________________________________________________
Passive voice: Past simple tense รู ปแบบ : was/were + V.3 เช่น
The children ate some eggs yesterday. - Some eggs were eaten by the children yesterday. My uncle picked up some fruits this morning. - Some fruits were picked up by my uncle this morning. The teacher didn’t drink beer. - Beer wasn’t drunk by the teacher.
Exercise 7 จงเติมรู ปแบบของ Passive voice ใน Past simple tense. 1) His girl friend drove a Toyota Corona. ______________________________________________________________________________ 2) The tourist guide took us to Wat Pho. ______________________________________________________________________________
39
3) They threw stones into the river. ______________________________________________________________________________ 4) The government started the project last year. ______________________________________________________________________________ 5) The police caught the thief yesterday. ______________________________________________________________________________ 6) We didn’t find any gold. ______________________________________________________________________________
ข้ อสั งเกต ถ้าประธานเป็ น no one, nothing, nobody etc. ประโยค Passive จะเป็ นปฏิเสธและไมต้องใส่ by เช่น
Nobody saw him. = He wasn’t seen. Nothing hurt her. = She wasn’t hurt.
Passive voice: Past continuous tense รู ปแบบ : was/were + being + V.3 เช่น
The doctors were operating the patients. - The patients were being operated the doctors. I was reading a magazine when she called. - A magazine was being read by me when she called.
40
Exercise 8 จงเติมรู ปแบบของ Passive voice ใน Past continuous tense. 1) While the show ___________________ (perform), the light went out. 2) The cassettes ___________________ (play) at that time. 3) The students ___________________ (punish) when I walked past. 4) My noodle dog ___________________ (carry) by my mom. 5) The toys ___________________ (keep) away.
Exercise 9 จงเปลี่ยนประโยค Past continuous ใน Active voice ให้ เป็ น Passive. 1) Mook was talking about a ghost story. ______________________________________________________________________________ 2) Mary and Pam were telling a great lie. ______________________________________________________________________________ 3) My teachers were preaching the students. ______________________________________________________________________________ 4) He wasn’t writing a report. ______________________________________________________________________________ 5) The photographer was taking a photo. ______________________________________________________________________________
41
Passive voice: Past perfect tense รู ปแบบ : had + been + V.3 เช่น
She had told him the bad news. - He had been told the bad news by her. หรื อ The bad news had been told to him by her. The farmers had looked after their cattle. - Their cattle had been looked after by the farmers.
Exercise 10 จงเติมรู ปแบบของ Passive voice ใน Past perfect tense 1) My old car ___________________ (sell) to my neighbor. 2) The schedule ___________________ (rearrange) by the organizer. 3) The meat ___________________ (eat) all by my friends. 4) The exercise books ___________________ (hand) in this morning. 5) The expenses ___________________ (hold up) till next year.
Passive voice: Future simple tense รู ปแบบ : will/shall + be + V.3 เช่น
He will tell his father tomorrow. - His father will be told (by him) tomorrow. She will take to her husband. - Her husband will be talked to (by her).
42
Exercise 11 จงเติมรู ปแบบของ Passive voice ในรู ป Future simple tense 1) The movie __________________________ (show) to the public next week. 2) I __________________________ (kiss) by him. 3) The dog __________________________ (treat) by the vet. 4) The books __________________________ (keep) on the shelves. 5) All the room __________________________ (reserve) soon.
Exercise 12 จงเปลี่ยนประโยค Active voice ใน Future simple tense ให้ เป็ น Passive voice 1) The boys will play games in the yard. ______________________________________________________________________________ 2) I shall ride that white horse. ______________________________________________________________________________ 3) They will read this novel next year. ______________________________________________________________________________ 4) The merchants will sell these fruits tomorrow. ______________________________________________________________________________ 5) You will write to your mom. ______________________________________________________________________________
43
Passive voice: Future continuous tense รู ปแบบ : will/shall be + being + V.3 เช่น
They will be cleaning this room at 10 tomorrow. - This room will be being cleaned (by them) at 10 tomorrow.
ข้ อสั งเกต Future continuous tense มักไม่ใช้เป็ น Passive voice จะพบมากใน Active voice เท่านั้น
Passive voice: Future Perfect tense รู ปแบบ : will/shall have + been + V.3 เช่น
The manager will have seen her by noon tomorrow - She will have been seen by the manager by noon tomorrow. They will have learnt everything by next year. - Everything will have been learnt (by them) by next year.
Exercise 13 จงเติมรู ปแบบ Passive voice ใน Future perfect tense ให้ ถูกต้ อง 1) The building will __________________________ (build) by next 2 years. 2) These letters will __________________________ (mail) by tomorrow. 3) The girls will ___________________________ (send) to her parents. 4) The project will __________________________ (do) by next month.
44
ข้ อสั งเกต เมื่อประโยค Passive voice มี Adverb of manner ประกอบด้วยตาแหน่งของ Adverb จะอยู่ ระหว่าง Verb to be กับ Verb ช่อง 3 เช่น
English is widely spoken. The girls were well known. My homework will be completely done.
Passive Voice: Modal verb และ is/am/are going to Modal verb คือ will, would, shall, should, can, could, may, might, must etc. ใน Passive voice จะใช้ be + V.3 ตามหลัง Modal verb และ is/am/are going to เช่น
She can teach him. - He can be taught. I must tell my friends. - My friends must be told. My dad is going to buy a new car. - A new car is going to be bought (by my dad). They might hit the target. - The target might be hit (by them). She couldn’t find a good job. - A good job couldn’t be found (by her). We shall feed our fish. - Our fish will be fed.
45
แบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง Passive Voice 1) Homework ___________ by noon tomorrow. A. will be doing B. must be done C. is done 2) Our body ___________ every year. A. should be checked B. is bring checked C. will checked 3) The program ___________ last week. A. is being rescheduled B. is rescheduled C. was rescheduled 4) Everybody ___________ to the party. A. was inviting B. has been invited C. will have invited 5) Chinese ___________ in many countries. A. is now spoken B. is being spoken C. is spoken now
46
6) The books ___________ if you have a member card. A. would be taken out. B. are taken out. C. can be taken out. 7) The hotels ___________ during Songkran days. A. are fully booked B. are booked fully C. have been booked 8) The teachers ___________ leaving the school this morning. A. are seen B. were seen C. should be seen 9) The party ___________ in the ball room now. A. might be held B. is held C. is being held 10) Suthorn Phoo ___________ as a great poet. A. is well known B. was well known C. has known well
47
11) The national an them ___________ in the morning and in the afternoon. A. was sung B. is to be sung C. must be singing 12) The cheque ___________ by its owner. A. should be signed B. must be signed C. has signed 13) The treasure ___________ somewhere in this room. No one can find it up to now. A. has been hidden B. was hidden C. is being hidden 14) The employees in this company ___________ last year A. have been well paid. B. are being well paid C. were well paid 15) When I opened the pen, the eggs ___________ by the hens. A. are being hatched B. was hatched C. were being hatched
48
16) The computer ___________ all night. It’s hot. A. is being operated B. will be operated C. has been operated 17) All students ___________ to do this work since last month. A. have been assigned B. were assigned C. will be assigned 18) Mary houses ___________ before the king arrived. A. had been thoroughly cleaned B. have been thoroughly cleaned C. would be thoroughly cleaned 19) Before she ___________ by the line man, she had made many mistakes. A. will be warned B. was warned C. is being warned 20) Once he ___________ about the bad news, he ran away. A. has been told B. is told C. was told
49
เฉลยแบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง Passive voice 1.
11.
2.
12.
3.
13.
4.
14.
5.
15.
6.
16.
7.
17.
8.
18.
9.
19.
10.
20.
50
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3 Anomalous verb (กริยาช่ วย) Anomalous Verb หรื อบางคนจะเรี ยกว่า Auxiliary verb หรื อ Helping verb กริ ยานี้ตะทีความพิเศษ กว่ากริ ยาอื่นๆ ตรงที่สามารถเน้นปฏิเสธ ได้ดว้ ยการเติม not ข้างหลัง และโยกไปอยูห่ น้าประธานได้เมื่อเป็ น ประโยคบอกเล่า กริยาช่ วยมีดังต่ อไปนี้
Verb to be
Verb to have
Verb to do
กลุ่ม Modal
บอกเล่า
ปฏิเสธ (ย่อ)
บอกเล่า
ปฏิเสธ (ย่อ)
บอกเล่า
ปฏิเสธ (ย่อ)
บอกเล่า
ปฏิเสธ (ย่อ)
is
isn’t
has
hasn’t
do
don’t
will
won’t
am
am not*
have
haven’t
does
doesn’t
would
wouldn’t
are
aren’t
had
hadn’t
did
didn’t
shall
shan’t
was
wasn’t
should
shouldn’t
were
weren’t
can
can’t
could
couldn’t
may
mayn’t
might
mightn’t
must
mustn’t
need
needn’t
dare
daren’t
ought to
oughtn’t to
*am not ไม่มีรูปย่อ จะย่อโดยเขียน I’m not แทน.
51
is / am / are / was / were (Verb to be) กริ ยา Verb to be นี้แปลว่าเป็ น อยู่ คือ หรื อจะใช้ประกอบกับ Verb + ing แปลว่ากาลังทา (Present continuous tense หรื อ Past continuous tense) เช่น
She is in that house. - She isn’t in that house. - Is she in that house? He was a teacher 2 years ago. - He wasn’t a teacher 2 years ago. - Was he a teacher 2 years ago. Manee and Mana are good students. - Manee and Mana aren’t good student. - Are Manee and Mana good students? You are running home. - Are you running home? - You aren’t running home.
52
Exercise 1 จงเติมกริยา Verb to be ในรู ปปฏิเสธหรือคาถามที่เหมาะสม Ex:
Suree wasn’t at school yesterday. Am I wrong?
1) Mathew _______________ here today. 2) _______________ he is the zoo now? 3) The students _______________ lazy today. 4) _______________ they lazy yesterday? 5) Everybody _______________ working at the moment. 6) The dog _______________ fierce when it was young. 7) _______________ it biting us? 8) My daughters _______________ ready to go now. 9) _______________ they talking to Joe at present? 10) The secretary _______________ in the office now.
53
Do / Does / Did (Verb to do) กริ ยา do, does, did ทาหน้าที่ดงั นี้ 1) ใช้เน้นรู ปประโยคจะแปลว่าจริ งๆ เช่น I meet him every night. - I do meet him every night. She goes to church on Sundays. - She does go to church on Sundays. They ate many fruits. - They did eat many fruits. 2) ช่วยสร้างประโยคปฏิเสธ และ คาถาม ใน Present simple tense (do, does) และ Past simple tense (did) เมื่อใช้ do, does, did เข้าช่วย กริ ยาหลักที่ตามหลังต้องเป็ นกริ ยา infinitive เสมอ เช่น
She doesn’t go home. ไม่ใช่ I didn’t like coffee.
She doesn’t goes home.
ไม่ใช่ I didn’t liked coffee.
Does he walk to school? ไม่ใช่ Does he walks to school? Did they come late?
ไม่ใช่ Did they came late?
Exercise 2 จงเติมรู ปปฏิเสธ ของ Do, Does, Did ให้ เหมาะสม 1) The students _______________ know the truth. 2) I _______________ like ice cream when I was young. 3) My cats _______________ eat their food two days ago. 4) Sunee _______________ cross the street. 5) People _______________ go to Europe in writer.
54
Exercise 3 จงเติม Do, Does, Did ในประโยคคาถามให้ ถูกต้ อง 1) _______________ he go to China last month? 2) _______________ the manager feel well today? 3) _______________ they play tennis yesterday? 4) _______________we have to go now? 5) _______________ it rain in California?
ข้ อสั งเกต
กริ ยาช่วยที่เป็ นคาถามอาจจะอยูใ่ นรู ปปฏิเสธก็ได้เช่น Don’t they love their friends? Didn’t she come last night? และเวลาตอบให้ตอบเป็ น Yes / No ตามปกติเหมือนคาถามบอกเล่าธรรมดา
Has / Have / Had (Verb to have) กริ ยา Verb to have จะสร้างเป็ นประโยคคาถามและปฏิเสธได้น้ นั มีอยู่ 2 กรณี คือ 1) อยูใ่ นประโยคแล้วแปลว่า มี เช่น
Ha has ten bath. - He hasn’t ten bath. - Has he ten bath? They have many dogs. - They haven’t many dogs. - Have they many dogs?
55
2) ใช้ประกอบกริ ยาช่อง 3 ใน Present / Past perfect tense. เช่น
You have spoken to her. - You haven’t spoken to her. - Have you spoken to her? Mary has gone there. - Mary hasn’t gone there. - Has Mary gone there? We had been here before. - We hadn’t been here before. - Had we been here before?
แต่ จะใช้ นอกเหนือจากนี้ไม่ ได้ เช่ น She had lunch late. ซึ่ง had ในที่น้ ีแปลว่า กิน ต้องเป็ น
She didn’t have lunch late.
Jack has a bath every night. ซึ่ง has ในที่น้ ีแปลว่า อาบน้ า ต้องเป็ น
Does Jack have a bath every night?
They had a good time last night. ซึ่ง had a goo ในที่น้ ีแปลว่า มีความสุข ต้องเป็ น
Did they have a good time last night?
Suda has to pay for a new dress. ซึ่ง has ในที่น้ ีแปลว่า ต้อง ต้องเป็ น
Does Suda have to pay for a new dress?
56
ข้ อสั งเกต บ่อยครั้งที่ has have had ที่แปลว่า มี จะสามารถใช้ do does did มาช่วยสร้างประโยคคาถามและ ปฏิเสธ ก็ถือว่าถูกเหมือนกัน เช่น
Malee has a lot of homework. จะใช้ Malee doesn’t have a lot of homework. หรื อ Malee hasn’t a lot of homework. ก็ได้ We have two hour. จะใช้ Have we two houses? หรื อ Do we have two hours? ก็ได้
Exercise 4 จงสร้ างประโยคคาถามจากประโยคต่ อไปนี้ให้ ถูกต้ อง 1) Everybody has been ready to start. ______________________________________________________________________________ 2) Nipa has got some questions. ______________________________________________________________________________ 3) The people have to pay tax. ______________________________________________________________________________ 4) I have breakfast at 6 o’clock. ______________________________________________________________________________ 5) My dad has 3 cars. ______________________________________________________________________________
57
Exercise 5 จงสร้ างประโยคปฏิเสธจากประโยคต่ อไปนี้ให้ ถูกต้ อง 1) The cattle have grazed along the path. ______________________________________________________________________________ 2) Mint has a good time here ______________________________________________________________________________ 3) The principal had to give a speech. ______________________________________________________________________________ 4) Our parents have their cars washed every day. ______________________________________________________________________________ 5) The birds have sung for one hour. ______________________________________________________________________________
กริยากลุ่ม Modal verb “Will” จะแสดงความเป็ นอนาคตทั้งหมด ในกลุ่ม Future ทั้งหมด เช่น He will tell you tomorrow. “Would” มี 3 ลักษณะคือ 1) แปลว่า จะ ในอดีตเช่น He said he would tell you. จะไม่ใช้ He said he will tell you. 2) ใช้ประกอบคาว่า like เป็ น would like แปลว่าอยากจะ ไม่ถือว่าเป็ นรู ปอดีตเลย เช่น
He would like a cup of tea. Would you like something to drink?
58
3) ใช้ประกอบคาว่า rather หรื อ prefer เป็ น would rather, would prefer แปลว่า อยากมากกว่า และไม่ ถือว่าเป็ นรู ปอดีตเช่นกัน เช่น
She would prefer to stay home.
Exercise 6 จงเขียนประโยคคาถามและปฏิเสธจากประโยคบอกเล่ าต่ อไปนี้ Ex: She will be stay here. - She won’t stay here. - Will she stay here? 1) They will drive to the park. ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2) Everybody will understand. ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3) The teacher would fail him. ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 4) The dog would run away quickly. ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________
59
5) The sun will shine again. ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________
Shall / shan’t จะแสดงความเป็ นอนาคตในกลุ่ม Future tense แต่จะใช้กบั ประธาน I และ we ในประโยคคาถาม “Shall I” จะมีความหมายเป็ นการเสนอตัว เช่น Shell I help? = ให้ฉนั ช่วยไหม? “Shall we” จะมีความหมายชักชวน เช่น Shall we dance? = มาเต้นรากันไหม?
Can / can’t มีความหมายในเชิงภาษาเช่น 1) แสดงความสามารถ และไม่สามารถ เช่น I can speak China. My mom can’t cook. James can’t wake up early. 2) แสดงถึงความเป็ นไปได้ และความมัน่ ใจว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เกิด/ ไม่ใช่แน่นอน เช่น
She can be come today. (แปลว่าหล่อนสามารถมา หรื อ อาจจะมา) It can be true. (มันอาจจะถูก) It can’t be true. (มันไม่ถูกแน่) It can’t be her. (มันไม่ใช่หล่อนแน่)
3) แสดงถึงการอนุญาตหรื อห้าม
60
เช่น
You can swim in the pool. (อนุญาตให้วา่ ยน้ าในสระได้) You can’t dress casually in the temple (ห้ามแต่งกายไม่สุภาพในวัด)
4) ขอความช่วยเหลือ / ขอร้อง / ขออนุญาต เมื่อเป็ นประโยคคาถาม เช่น
Can I borrow the book? (การขออนุญาต) Can I help? (การเสนอความช่วยเหลือ) Can you drive me home? (ขอความช่วยเหลือ)
May / mayn’t แปลว่า อาจจะ / อาจจะไม่ แสดงความน่าจะเป็ นในอนาคต เช่น
He may come today. (เขาอาจจะมาในวันนี้) It may rain tonight. (ฝนอาจจะตกคืนนี้) She mayn’t help him (หล่อนอาจจะไม่ช่วยเขา)
May ถ้าใช้เป็ นคาถามควบคู่ไปกับ I จะมีค่าเท่ากับการขออนุญาตที่เป็ นทางการ เช่น
May I come in, please? May I sit down here?
May ถ้าใช้คู่กบั pronoun หรื อ คานามอื่นๆ จะเป็ นการอวยพร เช่น
May God bless you! May you be healthy!
Might / mightn’t แปลว่า อาจจะ / อาจจะไม่ เช่นกัน ใช้เหมือนกับ may และ mayn’t ที่แปลว่าอาจจะ ภาษาอังกฤษ แบบอังกฤษ กล่าวว่า ถ้าความเป็ นไปได้ในการเกิดมากกว่าจะใช้ may แต่ถา้ ความเป็ นไปได้ที่เกิดน้อยกว่าจะ ใช้ might แต่สาหรับปั จจุบนั สามารถใช้แทนกันได้เลย เช่น
He might fail the exam.
61
She mightn’t know the truthใ Mary might buy a new house might อาจจะเป็ นอดีตของ may ใน indirect speech ได้ เช่น
He said “I may fail the test” - He said that he might fail the test. She asked “May I come in?” - She asked if she might come in.
Must / mustn’t แปลได้หลายความหมาย เช่น 1) เป็ นคาสัง่ หรื อ คาสัง่ ห้าม เช่น You must clean the room now. You mustn’t tell anybody else. I must be diligent. 2) เป็ นการคาดคะเน อย่างมัน่ ใจมาก It must rain today.
She must know him.
Must ที่แปลว่าต้อง จะมีรูปเดียวไม่มีรูปอดีต แต่ must จะมีความหมายเหมือนกับ had to, have to หรื อ had to และเมื่อกล่าวถึงอดีต จะใช้ had to แทน ส่วน have to จะใช้คู่กบั will/ shall ใน Future tense เช่น
She told me that she had to go then. I must (have to) see him tomorrow. She must (have to) walk slowly.
62
แต่
We had to study hard when we were young.
และ
I will have to study hard next year.
have / has got to มีค่าเท่ากับ have / has to
Mustn’t = not allowed to แสดงการห้าม หรื อไม่อนุญาตให้ทา เช่น You mustn’t eat anything in the bedroom. - You aren’t allowed to eat anything in the bed. Mook mustn’t sleep in the classroom. - Mook isn’t allowed to sleep in the classroom.
Need / needn’t / not have to Need แปลว่า จาเป็ นต้อง จะมีการใช้ได้ท้งั รู ปของกริ ยาแท้และกริ ยาช่วย สังเกตรู ปประโยคนี้ I need to go now.
ฉันจาเป็ นต้องไปแล้ว
I needn’t go now.
ฉันไม่จาเป็ นไปแล้ว
หรื อในการตั้งประโยคคาถาม เช่น Need I do that? Do I need to do that? *need มักจะตามด้วย to infinitive แต่ถา้ ใช้เป็ นกริ ยาช่วยเลย จะตามด้วย infinitive ที่ไม่มี to
63
Needn’t = not have to ตัวอย่างเช่น Sam needn’t go to school on Saturday. - Sam doesn’t need to go to school on Saturday. หรื อ Sam doesn’t have to go to school on Saturday. Mick and Mind needn’t pay - Mick and Mind don’t need to pay. หรื อ Mick and Mind don’t have to pay.
mustn’t VS needn’t mustn’t คือคาสัง่ ห้ามไม่ให้ทา แต่ needn’t แปลว่าไม่จาเป็ นต้องทา (แต่จะทาก็ได้ไม่ผดิ ) เช่น
You mustn’t catch fish. ที่หมายถึงห้ามจับปลาในบริ เวณนี้หากจับจะโดนลงโทษ You needn’t catch fish. คุณไม่จาเป็ นต้องจับปลา (แต่จะจับก็ได้) We mustn’t tell anybody. เราจะต้องไม่บอกใครๆ We needn’t tell anybody. เราไม่จาเป็ นต้องบอกใครๆ (แต่จะบอกก็ได้)
Should / ought to / had better should, ought to, had better มีความหมายว่า ควรจะ ไม่มีรูปอดีต หรื ออนาคต หมายถึง การแนะนา ว่าใคร ควรทาอะไร มีรูปปฏิเสธดังนี้
shouldn’t, oughtn’t to, had better not
64
ตัวอย่างเช่น รู ปประโยคบอกเล่า
She should revise. She ought to revise. She had better revise.
คาถาม
Should she revise? Ought she to revise? Had she better revise?
ปฏิเสธ
She shouldn’t revise. She oughtn’t to revise. She had better not revise.
Could 1) เป็ นอดีตของ can เช่น He says that he can go. - He said he could go. 2) เป็ นคาถามแล้วมีความหมายเชิงขอร้องอย่างสุภาพ, การเสนอความช่วยเหลืออย่างสุภาพ, การ อนุญาตอย่างสุภาพ โดยไม่มีความหมายเป็ นอดีตเลย เช่น Could I help? การเสนอให้ความช่วยเหลืออย่างสุภาพ Could you do me a favour? การขอร้องอย่างสุภาพ Could I use your computer? การขออนุญาตอย่างสุภาพ
65
Exercise 7 จงเลือกเติม Modal verb ตามความเหมาะสม 1) We ________________ walk again after we had our legs operated. 2) It’s dark I think it ________________ rain. 3) The students ________________ pay attention to the lessons. 4) He said he ________________ leave here the following day. 5) ________________ I ask you some questions? 6) Birds ________________ fly but ________________ (not) crawl. 7) What ________________ you like to order, sir? 8) We ________________ (not) talk when sitting an exam. 9) ________________ we go shopping together this afternoon. 10) It’s holidays, we ________________ (not) go to a school. 11) ________________ he to learn Chinese? 12) The teacher ________________ to plan the lesson well. 13) I ________________ rather stay home than go out. 14) If he were tell, he ________________ win the game. 15) Girls ________________ be calm and well behaved.
66
แบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Anomalous verb 1) ________________ you want something to eat, John? a. Are b. Does c. Did d. Do 2) Where ________________ he walking to? a. will b. does c. are d. is 3) ________________ you go shopping tomorrow? a. Must b. Will c. Can d. Are 4) Patty ________________ know the place when she was there. a. doesn’t b. didn’t c. isn’t d. wouldn’t
67
5) Peter ________________ walk on his hands now because he is old. a. won’t b. isn’t c. can’t d. couldn’t 6) We ________________ fail the exam if we ________________ read. a. will / aren’t b. may / won’t c. shall / mustn’t d. might / don’t 7) Who ________________ you talking to when I greeted you? a. would b. are c. were d. will 8) ______________ say anything when he’s here. a. Won’t b. Don’t c. Not d. Doesn’t
68
9) She has got three sister, ______________? a. is she b. does she c. hasn’t she d. doesn’t she 10) My mom ______________ cook because no one was at home last week. a. didn’t need to b. mustn’t c. needn’t to d. doesn’t have to 11) When ______________ I say is calling please? a. shan’t b. shall c. do d. would 12) The girl you saw last night ______________ to school today. a. doesn’t go b. won’t go c. don’t go d. mustn’t go
69
13) A: Who broke my glass? B: Jay ______________ it. a. doesn’t b. do c. did d. didn’t 14) He ______________ in the office when I arrived there. a. won’t b. wasn’t c. isn’t d. doesn’t 15) They have to take a taxi to the office, ______________? a. haven’t they b. didn’t they c. do they d. don’t they 16) ______________ you pass me that bottle of fish sauce? a. Could b. May c. Do d. Did
70
17) Let’s have a party, ______________? a. won’t we b. will we c. shan’t we d. shall we 18) I am wrong, ______________? a. aren’t I b. amn’t I c. will I d. shall I 19) We ______________ know who is going to win the game. a. do b. are c. did d. were 20) ______________ God bless all my students. a. Can b. Will c. May d. Might
71
เฉลยแบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Anomalous Verb 1.
11.
2.
12.
3.
13.
4.
14.
5.
15.
6.
16.
7.
17.
8.
18.
9.
19.
10.
20.
72
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 4 Noun and Article Noun (คานาม) คือคาที่ใช้เรี ยกแทน คนสัตว์ สิ่งของ หรื อ สิ่งที่ไม่มีรูปร่ างตัวตน คานามจึงสามารถ แบ่งได้เป็ น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือนามที่เป็ นรู ปธรรม (concrete noun) คือนามที่สามารถสัมผัสได้โดยประสาท สัมผัสเช่น นักเรี ยน คน โรงเรี ยน โต๊ะ เก้าอี้ โทรศัพท์ สุนขั ส้ม ฯลฯ คานามที่เป็ นรู ปธรรมจะแบ่งออกเป็ น คานามที่นบั ได้และ คานามที่นบั ไม่ได้ - คานามที่นบั ได้ (countable noun) คานามที่นบั ได้น้ นั เมื่อเป็ นเอกพจน์จะต้องใช้คา นาหน้า (determiner) a, an หรื อ คานาหน้าอื่นๆ และเมื่อเป็ นพหูพจน์จะต้องเติม s, es หรื อเปลี่ยนรู ปคานามเพือ่ บ่งบอกความเป็ นพหูพจน์ เช่น foot เป็ น feet - คานามที่นบั ไม่ได้ (uncountable noun) จะเป็ นคานามที่มีลกั ษณะเป็ น ผง , เส้น , เนื้อ , น้ า, อากาศ ฯลฯ จะไม่มีรูปเอกพจน์ หรื อ พหูพจน์ ดังนั้น คานามนับไม่ได้จะไม่ใช้กบั a, an และไม่เติม s 1) นามที่เป็ นนามธรรม (abstract noun) คือคานามที่เป็ นนามธรรมจะไม่มีตวั ตนสัมผัสไม่ได้ ส่วนใหญ่ จะเป็ นคานามที่ข้ นึ ต้นด้วย การ หรื อ ความ เช่น ความรัก ความโกรธ ความหลง ความเมตตา การเงิน การนอน ฯลฯ และคานามประเภทนี้ ถือเป็ นคานามนับไม่ได้ (uncountable noun)
เมื่อคานามในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็ นนับได้และนับไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมีคานาหน้าเพือ่ บ่งบอกสภาพ คานาม (Determiner) ที่จาเป็ นในระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 คือ a, an, the
Article Indefinite article ได้แก่ a, an ใช้นาหน้านามนับได้ที่เป็ นเอกพจน์ แบบกล่าวทัว่ ๆไป ไม่เจาะจงว่า ต้องเน้นเป็ นอันไหนหรื อสิ่งไหน a + N. เอกพจน์ an + N. ที่ข้ นึ ต้นด้วยสระ A, E, I, O, U และตัว H ที่ออกเสียงเวียงเป็ น อ
73
Exercise 1 จงเติม a, an หน้ าคานามต่ อไปนี้ _________ apple
_________ honest boy
_________ banana
_________ house
_________ office
_________ university
_________ article
_________ umbrella
_________ European man
_________ unicorn
_________ aunt
_________ newspaper
_________ job
_________ island
_________ unusual thing
_________ pen
_________ inn
_________ province
_________ American
_________ cat
_________ good old man
_________ bad boy
Definite article ได้แก่ The จะใช้นาหน้าคานามที่เป็ นเอกพจน์ หรื อ พหูพจน์ก็ได้ แต่ลกั ษณะของ คานามนั้นต้องเป็ นนามที่ช้ ีเฉพาะเจาะจงว่าเป็ นอันไหน สิ่งไหน หรื อคนไหน เช่น
A dog is an animal.
สุนขั คือสัตว์ชนิดหนึ่ง (ทัว่ ๆไป) The dog under that table is mine. สุนขั ตัวที่อยูใ่ ต้โต๊ะนั้นเป็ นของฉัน (เฉพาะเจาะจง)
74
ข้ อสั งเกต a, an จะใช้ร่วมกับ There is หรื อ has, have, had แม้วา่ ความหมายมันจะดูเฉพาะเจาะจง เช่น
I have a dog. ฉันมีสุนขั ตัวหนึ่ง แม้วา่ จะรู ้วา่ หมาตัวนั้นเป็ นหมาของฉันก็จะไม่ใช้ The There is a dog under that table. มีสุนขั ตัวหนึ่งอยูใ่ ต้โต๊ะ
การบอกสถานภาพ, อาชีพโดยมี V. to be (is, was) ประกอบก็ใช้ a, an เช่น
She is a teacher in this school.
Exercise 2 จงเติม a, an หรือ the 1) There is _________ girl in my house. 2) _________ girl in my house is Lucy. 3) _________ pen you gave me has broken. 4) I want to have _________ good friend. 5) Wipa bought _________ handbag. 6) I read _________ article yesterday. 7) _________ article which you read is boring. 8) He is _________ honest man in town. 9) I like _________ orange in the basket. 10) My dad wants to have _________ new house.
75
เพิ่มเติมการใช้ The The จะใช้กบั คานามดังต่อไปนี้ 1) คานามที่มีลาดับประกอบเช่น The first boy the second shop. 2) คานามที่เป็ นที่สุดเช่น The most beautiful girl. , The prettiest teacher. , The fattest man. 3) สิ่งที่เป็ นคานามทางภูมิศาสตร์ เช่น มหาสมุทร ทะเล ทะเลทราย คลอง อ่าว ช่องแคบ แม่น้ า และ ภูเขา กับหมู่เกาะ ที่เติม s ฯลฯ The Pacific
The Nile
The China Sea
The Suez
The Sahara
The gulf of Thailand
*ภูเขาลูกเดียว, ยอดเขาจะไม่ใส่ article เช่น He can see Fuji every day. แต่ We could see the Alps when we went to Europe เช่นเดียวกับกับชื่อเกาะถ้าเป็ นเกาะเดียวไม่ตอ้ งใส่ Article 4) สิ่งปลูกสร้างที่เป็ นสาธารณะ หรื อ สาหรับประชาชนมากมายที่สามารถมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น
The National museum The Bangkok library The Dusit hotel The Lido The Lumpini Park
แต่ถา้ เป็ น museum, park, hotel โดยไม่มีชื่อนาหน้าประกอบให้ใช้ a, an แทน เช่น a park, a hotel
76
5) ชื่อหนังสือพิมพ์ และหนังสือสาคัญ เช่น
The Thai Rath The Daily News The Bible
6) สิ่งเดียวในโลก, จักรวาล The world
The sun
The earth
The moon
The equator
The universe
7) The + เครื่ องดนตรี เช่น
I play the piano but she plays the guitar.
8) The + นามสกุลที่เติม s แปลว่าตระกูล เช่น
The Browns ตระกูลบราวน์ The Lins ตระกูลหลิน
9) The + adj. บางคาและแปลว่าเหล่าคน (พหูพจน์) เช่น
The poor เหล่าคนจน The rich เหล่าคนรวย The old เหล่าคนแก่ The young เหล่าคนหนุ่มสาว The + สัญชาติ เช่น The Chinese เหล่าคนจีน
77
10) The + ขั้นกว่า, the + ขั้นกว่า จะเป็ นสานวนว่า ยิง่ …. ก็ยงั …. เช่น
The richer he becomes, the unhappier he feel. คนรวยยิง่ รวยเท่าไหร่ ยงิ่ ทุกข์เท่านั้น
11) เมื่อคานามกล่าวซ้ าเป็ นครั้งที่ 1 ครั้งแรกจะใช้ a, an ครั้งที่ 2 จะเป็ น the เช่น
A dog is running away. Do you see the dog?
No article ในบางครั้งคานามบางอย่างไม่ตอ้ งใส่ Article ใดๆเลยได้แก่ 1) ทวีป เช่น Asia, America 2) ประเทศ เช่น India, Thailand, England ยกเว้นประเทศเช่น The Philippines, The Netherlands และประเทศที่ข้ นึ ต้นด้วย The united, The union หรื อ The republic 3) จังหวัด รัฐ เมือง ฯลฯ เช่น Bangkok, New York, London, Washington 4) ถนน เช่น Petburi road, Park avenue 5) ชื่อคน เช่น Jim, Jenny, Sunisa, Walailuk 6) ชื่อเฉพาะต่างๆ เช่น Chulalongkorn 7) ชื่อกีฬา เช่น I play the piano but he likes to play soccer. 8) ฤดูกาล เช่น winter, summer, spring etc. ยกเว้น the rainy season 9) มื้ออาหาร เช่น breakfast, lunch, dinner 10) ภาษา เช่น I speak English but my friend speaks Thai. 11) คานามนับไม่ได้หรื อ คานามพหูพจน์ที่กล่าวโดยทัว่ ไปไม่เจาะจง เช่น Salt is salty. , Sugar is sweet. , Children like ice cream.
78
สานวนสาคัญที่ตอ้ งจา tell the truth
พูดตามจริ ง
clear the table จัดโต๊ะ
tell a lie
พูดปด
wash the dishes ล้างจาน
tell the time
บอกเวลา
at the end
make the bed
จัดเตียง
in the beginning เริ่ มต้น
go to church
go to prison
go to school
go to hospital
go to chess
go to town
go to market
แต่
make friends
ผูกมิตร ทาความรู ้จกั
shake hand
จับมือกัน
ตอนจบ
go to the city
do/ earn a living หาเงิน/ เลี้ยงชีพ
at home
ที่บา้ น
by day กลางวัน
at work
ที่ทางาน
by night กลางคืน
at down
ยา่ รุ่ ง
by plane โดยเครื่ องบิน
at daybreak
รุ่ งสาง
by bus โดยรถประจาทาง
at night
ตอนค่า
by train
โดยรถไฟ
79
at noon
เที่ยงวัน
on foot
at sunset
ยามอาทิตย์ตก on horseback
เดินไป ขี่มา้
have a headache
in a hurry
have a fewer
have a good time
have a cold
as a rule ตามปกติ
have a cough
take a trip เดินทาง
have a pain
do a favor ช่วยเหลือ
Exercise 3 จงเติม article ที่เหมาะสมและที่จาเป็ น 1) He plays ____________ tennis besides ____________ violin. 2) I am in ____________ hurry. I have ____________ important date. 3) She has got ____________ flu so she is at ____________ home. 4) Mr. Andrews works by ____________ night, not by ____________ day. 5) Jim usually goes to ____________ church on ____________ Sundays. 6) Pass me ____________ salt on the desk and I will give you ____________ dollar. 7) ____________ Gold is very precious. 8) There is ____________ man who is waiting to see you outside. ____________ man is tall and handsome.
80
9) ____________ more you learn, ____________ clever you are. 10) ____________ peoples in Hong-Kong speak ____________ Chinese and ____________ English. 11) ____________ English drink ____________ tea. 12) Would you please do me ____________ favor? 13) My house is on ____________ Sukumvit road ____________ Bangkok. 14) She went to ____________ Europe. 15) My family has ____________ breakfast last on ____________ weekend. 16) They often have ____________ snow in ____________ winter. 17) My father has made many trips around ____________ world. 18) In ____________ beginning ____________ earth was very hot. 19) Nipon is ____________ first student in the class. 20) _________ Samsoms are going to __________ United Kingdom and stay in __________ London.
81
หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 5 Pronoun and Adjective Pronoun คือ คาที่ใช้เรี ยกชื่อแทนคานาม เมื่อตัวการจะกล่าวคานามซ้ าเป็ นครั้งที่สองสาม แต่ pronoun เมื่อเป็ นประธานและกรรมอาจมีรูปต่างกัน รู ปประธาน
รู ปกรรม
I
me
You
you
We
us
They
them
He
him
She
her
It
it
จงเปลี่ยนคานามที่ขีดเส้ นใต้ ให้ เป็ น Pronoun ที่ถูกต้ อง เช่น
Mac is talking to Jane. = He, Her
1) Bill and I went to the pub with Joe. = 2) Mary reads a newspaper in the morning. = 3) The students study English at night. =
82
4) Mark is looking at the dogs. = 5) Miat and you will ride on an elephant. = 6) People drink coffee in the morning. = 7) Did Georg and Mary bring a present home? = 8) Susan enjoys listening to the story about ghosts. = 9) I need some stamps. = 10) Our parents will call you and me. =
83
Possessive Form Possessive
Possessive
ADJ.
Pronoun
My
mine
Your
yours
Our
ours
His
his
Her
hers
its
(its)
their
their
Bill
Bill’s
men
men’s
boy
boy’s
ladies
ladies’
the dog
the dog’s
ตัวอย่ างประโยค - This is our school. - It is ours. - I lost my pen. - Do you see mine. - This is Bill’s house
84
การใช้ Possessive pronoun นั้นจะแสดงความเป็ นเจ้าของโดยทีละคาถามไว้ในฐานที่เข้าใจแต่อยูๆ่ จะใช้ลอยๆ ไม่ได้ เช่น I want mine.
= ฉันต้องการของของฉัน
เราจะไม่รู้เลยว่าของของฉันคืออะไร แต่ลองพิจารณาประโยคนี้ Please give me back my book, I want mine.
= เอาหนังสือฉันคืนมาฉันต้องการของของฉัน
mine จะมีค่าเท่ากับ หนังสือของฉันทันที
Exercise 1 จงใช้ Possessive adjective และ Possessive pronoun ให้ ถูกต้ อง 1) You bought a new book. It is _____________. 2) I love _____________ dog, it’s _____________. 3) Mr. Brown drives to _____________ office in the morning. He drives to ___________ every day. 4) Mary usually cooks for __________ husband and she has dinner with __________ every evening. 5) We don’t like _____________ flat so we are going to sell _____________ to Mr. Jones. 6) They invited _____________ friends to the party. They wanted to have fun with _____________. 7) My dog always bites _____________ toy. 8) The students take _____________ homework at home and they have to hand in _____________ tomorrow morning. 9) Elizabeth needs to see ___________ son. __________ has been away to Hong Kong for a month. 10) Could you pass me _____________ pen in your hand?
85
Self / Selves form Personal form
Possessive form
Selves / Self - form
เอกพจน์
เอกพจน์
เอกพจน์
I – me
my – mine
myself
You – you
your – yours
yourself
He – him
his – his
himself
She – her
her – hers
herself
it - it
its – (its)
itself
พหูพจน์
พหูพจน์
พหูพจน์
we – us
our – ours
ourselves
they – them
their – theirs
themselves
you – you
your – yours
yourselves
การใช้ self / selves form 1) ใช้ในการสะท้อนการกระทา เพือ่ สาหรับตนเอง (reflexive) เช่น
He made himself a cake. เขาทาเค้กให้ตวั เอง She talked to himself.
เขาพูดกับตัวเอง
We looked at ourselves in the water.
เขามองตัวเองในแม่น้ า
2) ใช้ในการเน้นย้าว่ากระทาโดยตัวเองไม่มีใครทา ไม่มีใครช่วย เช่น
He saw the accident himself. Mary cut herself.
เขาเห็นอุบตั ิเหตุดว้ ยตัวเขาเอง
แมรี่ ทามีดบาดนิ้วตัวเอง
86
ลองสังเกตประโยคเหล่านี้ The king gave some food to the poor themselves. พระราชามอบอาหารให้กบั เหล่าคนจน (ไม่ได้ให้กบั ใคร) The king gave some food to the poor himself. พระราชามอบอาหารให้กบั คนจนด้วยพระองค์เอง 3) ใช้ by + self / selves form แล้วมีความหมายว่าโดยลาพัง ไม่มีใคร เช่น
I live by myself.
อยูต่ วั คนเดียว
He made a cake by himself. ลองสังเกต
เขาทาเค้กคนเดียวไม่มีใครช่วย
He made a cake by himself.
ทาเองไม่มีใครช่วย
He made a cake himself.
เขาไม่ใช่ใครอื่นที่ทาเค้ก
Exercise 2 จงเติมรู ป Self / Selves form ให้ ถูกต้ อง 1) The little girl hurt _____________ when she fell. 2) We protect _____________ form the rain with an umbrella. 3) We enjoyed _____________ at the concert last night. 4) The policemen shot _____________ by accident. 5) Be careful with the knife. You can cut _____________ with it. 6) The child is not old enough to dress _____________. 7) The dog hurt _____________ when it jumped. 8) Don’t blame _____________ for the mistake. 9) Susan said that she _____________ saw the man enter the room. 10) The principal _____________ will take to her.
87
One, Ones
จะใช้แทนคานามที่กล่าวซ้ าแต่เป็ นคนละชิ้น คนละอัน ลองสังเกตจากตัวอย่างต่อไปนี้ เช่น
I don’t need that book. It is expensive.
ฉันไม่ตอ้ งการหนังสือเล่มนั้นแล้วมันแพงเกินไป (มันก็คือหนังสือเล่มนั้นอยู)่ I don’t need that book. I need this one. ฉันไม่ตอ้ งการหนังสือเล่มนั้นแล้วฉันต้องการเล่มนี้ (คนละเล่มกัน)
Exercise 3 จงแทนคานามในวงเล็บด้ วย one หรือ ones 1) The first bus was full, so I took the second _____________ (bus). 2) This bus goes to Bangsan, _____________ (that bus) goes to Pattaya. 3) I don’t like to ride in my taxi, I like a new _____________ (taxi). 4) We have tree big tables and two small _____________ (tables). 5) We are going to sing old songs and new _____________ (songs). 6) That camera is small, but it is a good _____________ (camera). 7) This chair is more comfortable than that _____________ (chair). 8) These lessons are easy, but those _____________ (lessons) are difficult. 9) Do you want a big bottle or a small _____________ (bottle)? 10) I didn’t bought that pen I bought this red _____________ (pen).
Both, All, Either and Neither. Both จะมีความหมายว่าทั้งคู่ เช่น - Both boys are diligent. (เด็กผูช้ ายทั้งคู่ขยัน) - Both of the boys are diligent.
88
All แปลว่าทั้งหมดโดยมีต้งั แต่ 3 ขึ้นไป เช่น - All houses are new. - I gave them all. - We saw all of them. Either คือหนึ่งจากจานวนสอง มีความหมายว่าให้เลือกอันใดอันหนึ่ง เช่น - Either answer is correct. - Either of the answer is correct. - Either bus goes to Pattaya. Neither คือไม่ใช่ท้งั สอง เช่น - Neither of them goes to school. (ไม่มีเด็กคนไหน(จาก 2คน)ไปโรงเรี ยน)
Each, Every, All Each = แต่ละ (พิจารณาทีละคน ที่ละสิ่ง) Every = ทุกๆ (พิจารณาดูโดยองค์รวม) All = ทั้งหมด (มีความหมายเหมือน every) - Each ตามด้วยคานามเอกพจน์ - Each of the ตามด้วยคานามพหูพจน์ - Every ตามด้วยคานามเอกพจน์ - Every ตามด้วยคานามพหูพจน์ได้ให้ความหมายเป็ นทุกๆ ช่วง เช่น every ten years. (หลัง Each มี of, the ได้แต่ไม่ใช่กบั Every) - All ตามด้วยคานามพหูพจน์และคานามนับไม่ได้ - All + of the ตามด้วยคานามพหูพจน์และคานามนับไม่ได้
89
ข้ อสั งเกต Each, Every, All จะใช้สานวนตั้งแต่สามขึ้นไป ในขณะที่ Both, Either, Neither คือจานวนสอง ตัวอย่ างประโยค Each child has a toy.
เด็กแต่ละคนมีของเล่นของตัวเอง (มีเด็กมากกว่า 2 คนอยูท่ ี่นนั่ )
- Each of the children has a toy. - Every child has a toy. - All children have toys. - All of children have toys.
สรุป Either Neither
Either boy is right. + นามเอกพจน์
Neither boy is right.
Both
+ (The) + นามเอกพจน์
Both (the) boys are right.
All
หรื อ Them / us
All (the) boys are right.
Either of
Either of the boys is right.
Neither of
+ (The) + นามเอกพจน์
Neither of the boys is right.
Both of
หรื อ Them / us
Both of the boys are right.
All of
หมายเหตุ
All of the boys are right.
They both
= both of them
We both
= both of us
They all
= all of them
We all
= all of us
90
No, None No + นามเอกพจน์ (นับได้ / นับไม่ได้)
She had no time. She has no friend.
No + นามพหูพจน์
I saw no books here.
No = Not a …. Not any + นามนับได้ที่เป็ นพหูพจน์/ นับไม่ได้ เช่น
It is no good.
= It is not a good thing.
I have no dog / dogs at home.
= I don’t have any dogs at home.
None = ไม่มีเลย (คน สัตว์ สิ่งของ) None ได้ต่อเมื่อรู ้วา่ คานามที่หมายความถึงคืออะไร
จะใช้ เช่น
You have a lot of friends but I have none. None = no friends แต่ถา้ I need none.
= none ไม่สามารถสื่อความอะไรได้เลย
Some/ Anyone, Some/ Anybody, Some/ Anything. ทั้งหมดแปลว่า ใครบางคน someone = somebody, anyone = anybody ประโยคบอกเล่าจะใช้ some ประโยคปฏิเสธจะใช้ any ตัวอย่ าง
I heard someone/ body talking in that room. I didn’t hear anyone/ body talking in that room. Did you hear anyone/ body talking in that room?
91
No one/ body, Nothing No one = ไม่มีใครเลย = (not anyone) Nothing = ไม่มีอะไรเลย = (not anything) ตัวอย่างเช่น
She didn’t see anyone. = She saw no one/ nobody. They don’t eat anything. = They eat nothing.
ข้ อสั งเกต คาว่า Someone/ Somebody/ Something/ anyone/ anybody/ anything จะมีค่าเป็ นเอกพจน์ กริ ยาที่ตามมาต้อง เป็ นเอกพจน์ เช่น
Somebody is ไม่ใช่ are No one has ไม่ใช่ have
None เป็ นเอกพจน์ เช่นกันแต่ None of the students หรื อ นามพหูพจน์ จะใช้กบั กริ ยา พหูพจน์เช่น Now of them are right
92
แบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง Pronoun and Adjective 1) Is there __________ in the office? a. anybody b. somebody c. none d. neither 2) A: Will you buy any groceries today? B: No, I will buy __________. a. something b. anything c. no one d. none 3) A: Have you forgot __________? B: No I haven’t, I have everything. a. something b. no one c. none d. anything
4) __________ of the dogs is fierce, you can play with them. a. Neither
c. None
b. Either
d. Every
93
5) You can have __________ pie or ice cream. Choose one please! a. all b. neither c. both d. either 6) __________ children have got their own books. a. all b. either c. neither d. none 7) I have given all my pencils to __________ child. a. any b. none c. all d. each 8) __________ in this room is poor. a. all b. both c. no one d. something
94
9) My dad doesn’t like this tall student. He likes that short __________. a. any b. one c. ones d. some 10) __________ of you can sit here. We still have two empty seats. a. Any b. None c. All d. Both 11) He prefers talking to these boys to these __________. a. one b. ones c. all d. none 12) Her daughters are twins but __________ of them is clever. They always fail the test. a. All b. Either c. Neither d. none
95
13) They __________ didn’t go to school yesterday. I saw them at home. a. every b. some c. any d. both 14) When I arrived home, __________ had been away. a. something b. nothing c. none d. everybody 15) __________ in the world is certain. It’s an absolute fact. a. No one b. Nothing c. Everything d. Anything 16) Please keep __________ in order before the principal visits. a. none b. everything c. nothing d. something
96
17) I think he knows __________ of them. He didn’t greet anyone. a. either b. both c. nothing d. none 18) I don’t have __________ money at the moment. I will return all to you next week. a. any b. some c. each d. every 19) There must be __________ in my bag. It’s morning. a. nothing b. anyone c. something d. someone 20) __________ I need is money. I don’t want anything else. a. Any b. All c. Every d. Some
97
เฉลยแบบทดสอบหน่ วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง Pronoun and Adjective 1.
11.
2.
12.
3.
13.
4.
14.
5.
15.
6.
16.
7.
17.
8.
18.
9.
19.
10.
20.
98
แบบวัดผลสั มฤทธิ์ทางการเรียน วิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน 1 (อ 31101) ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 จานวน 40 ข้ อ 1) I __________ him several times last week. a. didn’t see b. don’t see c. haven’t seen d. am not seeing 2) When I __________ James, he __________ lunch in the cafeteria. a. saw/ is having b. see/ was having c. am seeing/ had d. saw/ was having 3) A: How long __________ in the town? B: For almost 10 years. a. did you live b. have you been c. are you d. will you be
99
4) She __________ on the beach at this tune tomorrow. a. will be lying b. would be lying c. is lying d. lies 5) A: Where are you going, dear? B: I __________ to the museum with friends. a. will go b. go c. am going d. went 6) A: It’s boring, isn’t it? B: Yes, we __________ in the taxi for 2 hours. a. have been sitting b. have seat c. will have sat d. are sitting 7) The doctor told me that he __________ to Chiengmai the month after. a. would have moved b. will move c. will be moving d. would move
100
8) Everybody __________ of him since he __________ the school. a. hasn’t heard/ left b. didn’t hear/ leaves c. haven’t heard/ leaves d. doesn’t hear/ left 9) Last night, I __________ my wallet after I __________ my granny at home. a. lost/ visited b. lose/ visit c. had lost/ visited d. have lost/ visited 10) A: Bob, can you anybody walking outside? B: No, I __________ nobody at the moment. a. could hear b. am hearing c. heard d. hear 11) The thieves __________ yet. The police are looking for them. a. have been catching b. will be caught c. haven’t been caught d. aren’t caught
101
12) I was born in Bangkok but __________ in Chiengrai by my aunts. a. was brought up b. brought up c. being brought up d. bring up 13) They __________ for three years when they got their first child. a. had married b. were married c. had been married d. married 14) I’m sorry, I’m late. I __________ about the program. a. haven’t been told b. have told c. have been told d. have been telling 15) Soonthorn Phu __________ for his great poetry. a. is widely knowing b. is known widely c. is being known d. is widely known
102
16) Paul has to study hard. He __________ hang out with friends just once in a while. a. must b. could c. can d. will 17) You __________ go out tonight. It’s your examination day tomorrow. a. won’t b. mustn’t c. shouldn’t d. mightn’t 18) You __________ come so early. The class begins late in the afternoon. a. mustn’t b. mayn’t c. needn’t d. couldn’t 19) Our parents __________ stay home than go out. a. would rather b. need c. had better d. ought to
103
20) We had a lot of time so we __________ hurry. a. needn’t to b. didn’t need to c. won’t need d. don’t need to 21) Let’s go and have some snacks, __________? a. won’t we b. will we c. shan’t we d. shall we 22) Stop talking and study, __________? a. won’t you b. shall we c. will you d. wouldn’t you 23) I’m well qualified for the position, __________? a. am not I b. am I c. can I d. aren’t I
104
24) Wichai is __________ outstanding guest for our seminar. a. an b. a c. the d. – 25) The students are having __________ lunch in __________ school’s cafeteria. a. the, b. -, the c. -, d. a, the 26) __________ New York is one of the most famous cities in __________ United States. a. the, a b. -, c. -, the d. the, the 27) In this country, __________ poor become poorer and poorer, __________ rich become richer and richer. a. -, b. the, the c. the, d. a, a
105
28) Our sister likes to play __________ violin and __________ swimming in her free time. a. the, the b. a, a c. the, d. -, a 29) Fuji is __________ most beautiful mountain in __________ world. a. -, the, the b. -, the, c. -, -, the d. the, the, the 30) __________ Houses in Thailand are not too expensive but __________ ones in England are expensive. a. the, the b. the, c. -, d. -, the 31) I met __________ on the way home yesterday. a. mine friend b. an old friend of mine c. my old friend d. my friend old
106
32) Mary and __________ will talk about __________ wedding reception tonight. a. Me, our b. I, my c. I, our d. Me, your 33) Mr. Winnie are going to take to __________ girlfriend by __________. a. his, himself b. his, him c. him, hisself d. him, himselves 34) __________ the girls will hand in their reports one by one. a. None b. Each of c. Nobody of d. Every 35) I saw __________ strange looking into our house but mom didn’t see __________. a. someone, no one b. anyone, anyone c. someone, anyone d. someone, someone
107
36) __________ likes hi, although he is kind. a. Somebody b. Nobody c. Anybody d. Everybody 37) You can come __________ on Monday or Tuesday. I have nothing important to do. a. both b. neither c. none d. either 38) If you walk slowly, there will be __________ left for you to eat. a. nothing b. none c. no one d. nobody 39) I invited Mr. and Mrs. Benards to my party but __________ could come. They were busy. a. none b. both c. neither d. either
108
40) Jane has just had twin babies. __________ of them are very cute. a. One b. Both c. All d. Neither
109
เฉลยแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน 1 (อ 31101) 1.
11.
21.
31.
2.
12.
22.
32.
3.
13.
23.
33.
4.
14.
24.
34.
5.
15.
25.
35.
6.
16.
26.
36.
7.
17.
27.
37.
8.
18.
28.
38.
9.
19.
29.
39.
10.
20.
30.
40.