"อํานาจ" ของ "ตูโชว" (วาดวย curators ในเมืองไทย) Power of Display
โดย เถกิง พัฒโนภาษ
(on curatorial malpractice and inethical intervention of coporate sponsors in art exhibitions)
บันทึกของผูเขียน
เรื่องนี้เขียนขึ้นจากประสบการณตรงของผูเขียนในฐานะผูสรางสรรค งานทัศนศิลป เพื่อใหขอมูลตอสาธารณชนเกี่ยวกับขอปฏิบัติพื้นฐาน ที่ภัณฑารักษศิลปะรวมสมัย "ควรกระทํา" ตอศิลปน และเกี่ยวกับบท บาทที่องคกรธุรกิจเอกชน "ไมควรทํา" ในการสนับสนุนการจัด นิทรรศการศิลปะ เรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะผูเขียนหมดความอดทนกับความมั่วซั่ว และ ความเห็นแกได ที่เห็นอยูในการจัดนิทรรศการศิลปะรอบๆตัว ครั้ง แลวครั้งเลา จนครั้งลาสุด ซึ่งผูเขียนถูก ภัณฑารักษ(curator) "ขอ รอง" ใหเขารวม นิทรรศการนี้ถูกตั้งชื่อวา "inspired by the King" จัดแสดงระหวาง วันที่ 11 พฤษภาคม ถึง 13 มิถุนายน 2549 ที่ราน คา Playground ในซอยทองหลอ กรุงเทพฯ อยางไรก็ตามผูอานพึงเขาใจวา วัตถุประสงคหลักในการจัด นิทรรศการดังกลาว ก็เพื่อเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ป ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว แตวัตถุประสงคของเรื่องนี้ไม ตั้งใจพาดพิงหรือวิจารณการเฉลิมฉลองดังกลาวแตอยางใด ดังนั้น หากหลังจากเรื่องนี้เผยแพรออกไป แลวมีผูใดพยายามตีความพาด พิงไปในทางที่เสื่อมเสียตอการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ก็พึงทราบ วาผูนั้นไมประสงคดี เพราะผูเขียนเห็นดวยกับการเฉลิมฉลองสิริราช สมบัติและจงรักภักดีตอองคพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวอยางยิ่ง เรื่องนี้แบงเปน 5 ตอน ประกอบดวย 1. เหตุเกิดเมื่อ 11 พฤษภา 2549 2. "อํานาจ" ของ "ตูโชว" 3. เมืองไทย พศ.นี้ ใครๆก็ลุกขึ้นมาเปน curator ไดครับ 4. กรุงเทพ พศ.นี้ มีงานเปดนิทรรศการแทบทุกอาทิตย
เหตุเกิดเมื่อ 11 พฤษภา 2549 ผมรูดวยสัญชาตญาณที่สั่งสมจากการทํางานทางทัศน ศิลป ทั้งออกแบบและศิลปะมากวา 20 ป วาประติมากรรมที่ผมทําขึ้นใหมเฉพาะสําหรับงานนี้ ตองโดน "เลนของ" อะไรสักอยางแนๆ หลังจากพากเพียรโทรศัพทหาเหลา curators เพื่อขอเขาไปดูแลการติดตั้งงาน แตไดรับการปฏิเสธอยางหวนๆ ทุกครั้งวา… "จะเขามาทําไม เขามาก็คงไมมีประโยชน" บังเอิญผมเปนศิลปนงี่เงาที่ทะลึ่งเลือกทํางานซึ่ง …จําเปนอยางยิ่งที่จะตองใช "แสง" ที่มีลักษณะจําเพาะมากๆ …จําเปนอยางยิ่งที่ตองติดตั้งใน "สิ่งแวดลอม" ที่เหมาะสม งานของผมจึงจะ "เกิด" ได งานที่ ว า นี้ สื บ เนื่ อ งมาจากปริ ญ ญาเอกที่ ผ มใช เ วลาทํา กว า สี่ ป ที่ อั ง กฤษ ภายใต ก ารกํากั บ ของ Professor Andrew Stonyer ผูไดชื่อวาเปนผูที่ทําปริญญาเอกโดย การสร า งงานศิ ล ปะ สําเร็ จ เป น คนแรกของโลก กั บ Professor Tom Troscianko ผูที่เปนนักวิชาการมือ หนึ่งของโลกทางดาน Perceptual Psychology และ Computational Science งานทุกชิ้นของผมมีประเด็น สําคัญอยูที่ภาพลวงตาชนิดหนึ่งที่เกิดจากการที่คนเรา อาจเห็นวัตถุที่เวาเขาไป(concave) กลายเปนวัตถุที่นูน ออกมา(convex) และภาพลวงตาที่วานี้จะเกิดขึ้นไดก็ ตอเมื่อมีการจัดแสดงและการใหแสงที่เหมาะสม การติดตั้งและจัดแสดงงานของผม จึงจําเปนตองอาศัย ความเขาใจและความเชี่ยวชาญพอสมควร ไมใชคนอื่นจะทําไมได แตใครจะยนยอ 10 ป ลงเหลือสองวันไดครับ เพราะผม ใชเวลาทําวิจัย ทําความเขาใจเรื่องนี้ มาอยางตอเนื่อง ตั้งแตป 1996 พู ด สั้ น ๆก็ คื อ เขาคิ ด ว า เขาเป น ยิ่ ง กว า ไอน สไตนหรือ อยางไร ถึงคิดวาจะยนเวลาที่วานี้ได และจะติดตั้งงาน ของผมไดโดยไมมีผมชวย "ภายในเวลา 2 วัน"
วันที่ 11 พฤษภา 15.30 น. ไมกี่ชั่วโมงกอนเปดนิทรรศการ ผมเดินปลดปลอยพลัง งานสวนเกินออกจากตัว จากสถานีรถไฟฟาทองหลอ ไปถึง Playground (ใครเคยไปที่นั่นคงรูนะครับวามันลึกขนาดไหน โดยเฉพาะตอนบายสามที่แดดยังรอนเปรี้ยง) ที่บาเดินกลางแดดนานกวาครึ่งชั่วโมง ก็เพราะผมไมตองการใหตัวเองปะทุอารมณโกรธใสใคร จนวงแตกกันไปทั้งตึก Playground พอเดินไปถึงหอง นิทรรศการ ผมเจอ Kentaro Hiroki เพื่อนศิลปน ชาวญี่ปุน ที่ถูกลากมาเขารวมแสดงงานครั้งนี้ดวย เคนทาโร เดินทําหนาเซ็งๆมาหาผม ถามวา "งานของยูอยูไหน?" ผมกวาดตาไปรอบแกลเลอรี่ ก็หางานของตัวเองไมเจอ เคนทาโรยิ้มแหงๆบอกวา ตอนแรกงานเขาก็หางานของ ตัวเองไมเจอเหมือนกัน แตในไมกี่นาทีก็เห็นงาน ศิลปะของเขา "ถูกฆา" อยูบนผนังที่ทาสีน้ําเงิน-ขาวแดง ขนาดใหญมหึมา เบียดเสียดอยูกับงานของศิลปน คนอื่นๆรวมยี่สิบคน ที่สําคัญก็คือ งานของ เคนทาโร ถูกแขวนไวสูงถึง "ระดับสายตาเปรต" ทั้ง ที่เคนทาโรพากเพียรเขียน instruction สําหรับการ แสดงงานอย า งละเอี ย ดว า โดยเหตุ ที่ ง านของเขามี ขนาดเล็กมาก (เล็กเทาตั๋วรถเมลไทย และเปนภาพวาด เหมือนจริงของตัวรถเมลไทย) จึงจําเปนอยางยิ่งที่จะ ตอง "ทิ้งspace" ใหผูชมไดซึมซับงานอยางเงียบๆ (visually quiet) ผนั ง ธงชาติ ยั ก ษ นี่ เ องที่ เ ป น ที่ ร วมทั้ ง งานของ Brian Curtin จิตรกรชาวไอริช กับงานของ Earnest Chan และ Dovan Ong จิตรกรชาวสิงคโปร งานของทุกคนที่ ใช เ วลาสร า งนานนั บ เดื อ น และอุ ต ส า ห ส ง งานข า ม ประเทศมารวม ก็ถูก "ลงฑัณฑ" ดวยแถบธงชาติยักษ กับความยัดทะนานของงานในผนังยาวไมกี่เมตร ตอง ไมลืมบอกวา ชาวตางประเทศทุกคนที่สงงานมารวมครั้ง นี้ เปน 'connection' ที่มาจากผมและไบรอันลวน และ ที่เราไปลากเขาเขามาก็เพราะถูก "ขอรอง" (ไบรอัน เออเนสต กับ โดแวน คงรูแกวความมั่วของการ จัดงานนี้ จึงเลือกไมโผลหัวมารวมงานเปดนิทรรศการ เสียดื้อๆ ทําไมไมกระซิบผมหนอย???) อีกไมกี่นาที ผมก็ตองสยดสยองกับสิ่งที่แขวนอยูปลาย ขอบผนังลายธงชาติ … งานของผมเองครับ ประติ ม ากรรมที่ ผ มเตรี ย มการและหลั ง ขดหลั ง แข็ ง มา เกือบสองเดือน ถูก "รุมสังหาร" ดวยแสงไฟสปอต ไลทอลังการตระการตานับสิบดวง จนขาวโพลนไปทั้ง แผน ทั้ง form ทั้ง texture ที่หลังขดหลังแข็งทํา
ในสตูดิโอ สูญสลายกลายเปนแผนไฟเบอรกลาสโงๆ หนึ่งแผน แอบอยุที่มุมหอง หลังเสาหนาเกือบครึ่งเมตร เรื่องภาพลวงตา ซึ่งเปนเรื่องคอขาดบาดตายในงานของผม แหะแหะ… ไมตองพูดถึงครับ มันกลายเปนเรื่องที่ผมอวดอางขึ้นมาลอยๆ ไมเห็นมีใครเห็นเลย ผมเองยังไมเห็นเลยคราบบบบ ไอที่เดินปลดปลอยพลังงาน เกือบทะลุซอยทองหลอ ก็ ชวยไมไดแลวละครับคราวนี้ ทั้งแกลเลอรี่แตกฮือดวย เสียงจากพลังงานสวนที่เหลือทั้งหมดของผม เหลา curators กับทีมบริหารแกลเลอรี่ พยายามเขามาทําให ผม "สงบเสงี่ยม" ลงหนอย แขกเหรื่อไฮโซทั้งหลาย กําลังดาหนาเขามาในงานอีเวร(event)แหงเดือน จะได ไมตกใจแตกฮือ ส ว นเขาเหล า นั้ น ที่ ห ลอกให ผ มและเพื่ อ นส ง ผลงาน ศิลปะที่เปนเหมือน "ลูกของเรา" เขามาใหเขาเชือด จะไดไมเสียโอกาสที่จะพีอารตัวเองอยางที่ตองการ curator คนหนึ่งพยายามเขามาจัดแสงใหใหม …ใจดีจังนะครับ หลังจากที่ผมโทรขอเขามาดูการติดตั้ง ตั้งหลายวันกอนหนานี้ …ตั้งใจจังเลยนะครับ หลังจากที่ผมเขียน instruction อยางละเอียด กวาสี่หนา เพราะรูเลาๆวาจะโดนเลนของ แตไมรูวาจะโดนหนักขนาดนี้ มิตรรุนนอง ผูที่บังเอิญเปนผูบริหารระดับสูงของบริษัท ที่เปนสปอนเซอรนิทรรศการนี้ เดินเขามาปลอบ ทํานองวา มันคงไมไดดังใจรอยเปอรเซนตไปทุกอยาง หรอก ผมรูสึกขอบคุณน้ําใจไมตรีจากเขา แตผมก็ นึกในใจวา "ไองานผมที่เห็นอยูขางหนานี่ มันเปนซากเหลืออยูไมถึงสิบเปอรเซนตครับ" ผมคิดวา สังคมไทย รวมทั้งคนที่ทํางานเกี่ยวกับการจัด การศิลปะหลายคนในเมืองไทย ยังไมเขาใจความสําคัญ ในการใหความเคารพตองานศิลปะและเคารพความคิด ของผูสรางงานสักเทาไร ไมอยางนั้น วันที่ 11 พฤษภา 2549 คงไมกลายเปน "พฤษภาทมิฬ" สําหรับ งานศิลปะของผม และเพื่อนศิลปนนานาชาติทุกคน ที่ผมลากมารวมแสดงงาน (จบตอนที่ 1)