ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
การศึกษาเบื้องตนเกี่ยวกับคาทางโลหิตวิทยาโคนมเพศเมียของสมาชิก สหกรณโคนมไทยเดนมารก หวยสัตวใหญ จํากัด สุรวัฒน ชะลอสันติสกุล1# จรูญ ศรีออนเลิศ1 จารุณี เกษรพิกุล1
บทคัดยอ การศึกษาทางคาโลหิตวิทยาของโคนมที่มีสุขภาพดี เพศเมีย จํานวน 50 ตัวของเกษตรกร ผูเลี้ยงโคนมรายยอยที่เปนสมาชิกสหกรณโคนมไทย-เดนมารก หวยสัตวใหญ จํากัด ผลการศึกษา พบวาจํานวนเม็ดเลือดแดง มีคาเฉลี่ยเทากับ 5.32 x 106 เซลลตอมิลลิลิตร มีพิสัยคือ 2.88 - 8.38 x 106 เซลลตอมิลลิลิตร จํานวนเม็ดเลือดขาว มีคาเฉลี่ยเทากับ 0.014 x 106 เซลลตอมิลลิลิตร มีพิสัยเทากับ 0.002 – 0.034 x 106 เซลลตอมิลลิลิตร การศึกษาชนิดของเซลลเม็ดเลือดขาว พบ ชนิดแบนดนิวโทรฟล (Band Neutrophil) เฉลี่ย 0.5% เซ็กเม็นตนิวโทรฟล (Segmenter Neutrophil) เฉลี่ย 24.4% อิโอซิโนฟล (Eosinophil) เฉลี่ย 4.6% แบโซฟล (Basophil) เฉลี่ย 1.0% ลิมโฟไซต (Lymphocyte) เฉลี่ย 65.1% และโมโนไซต (Monocyte) เฉลี่ย 4.4% ตามลําดับ
คําสําคัญ : โคนม, คาโลหิตวิทยา
43
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5 1 #
คณะสัตวศาสตรและเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี ผูรับผิดชอบบทความ
Preliminary Studies on Hematological Profile of Dairy Cow of Huay Sat Yai Thai-Denmark Dairy Cooperative Limited’s Members Surawat Chalorsuntisakul1# Jaroon Sri-Onlerk1 Charunee Kasornpikul1
Hematological Profile study of 50 healthy dairy cows was RBC 5.32 x 106cell/ml (2.88 - 8.38 x 106cell/ml). WBC 0.014x106 cell/ml (0.0024 – 0.034 x 106 cell/ml.), Band Neutrophil is 0.5%. , Segmenter Neutrophil 24.4%. , Eosinophil 4.6%. , Basophil 1.0%. , Lymphocyte 65.1%. and Monocyte 4.4%
Keyword : Dairy Cow, Hematology
44
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5 1
Faculty of Animal Science and Agricultural Technology, Silpakorn University # Corresponding Author
บทนํา โคนมเปนสัตวเลี้ยงที่ไดรับความนิยมอยางแพรหลายในประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลให การสงเสริมการเลี้ยงโคนมอยางจริงจัง ผลผลิตที่ไดจากโคนมที่มีความสําคัญและมีคุณคาทาง โภชนาการสู ง คื อ น้ํ า นม โคนมจะให น้ํ า นมที่มี คุ ณ ภาพ โคนมจํ า เป น ต อ งมี สุ ข ภาพดี วิ ธี ก าร ตรวจสอบสุ ข ภาพโคนมที่ มี ก ารตรวจสอบกั น อย า งกว า งขวาง คื อ การตรวจค า โลหิ ต วิ ท ยา (Hematology) ซึ่งเปนวิธีที่งาย สะดวกและสามารถประมวลผลไดรวดเร็ว อุปกรณและวิธีการ สัตวทดลอง โคนมเพศเมียในระยะใหนมที่ 3 ถึง 5 ที่มีสุขภาพดี ที่เลี้ยงในเขตพื้นที่ของ ต.ปาเด็ง อ.แกงกระจาน จ.เพชรบุรี และ ต.หวยสัตวใหญ อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ จํานวน 50 ตัว วิธีการทดลอง 1. ทําการซักประวัติและตรวจคัดกรองเบื้องตนเพื่อจําแนกเฉพาะโคเพศเมียในระยะใหนม ที่ 3 ถึง 5 ที่มีสุขภาพดีเทานั้น 2. เก็บเลือดจากบริเวณเสนเลือดดําที่บริเวณหาง (Cocygeal vein) จากนัน้ เก็บเลือดไวใน หลอดเก็บเลือด ที่มีสารปองกันการแข็งตัวของเลือดชนิด EDTA ผลการทดลอง จากการศึ ก ษาค า โลหิ ต วิ ท ยาของโคนมเพศเมีย จากตั ว อย า งเลื อ ดของโคนมเพศเมี ย จํานวน 50 ตัวอยาง จากการนับเม็ดเลือดแดง(Red blood cell count) พบวามีคาเฉลี่ยประมาณ 5.32 x 106 cell/ul พิสัยในชวง 2.88-8.38 และจํานวนเม็ดเลือดขาว(White blood cell count) พบวามีคาเฉลี่ยประมาณ 1.38 x 104 cell/ml พิสัยในชวง 2.40-3.35 x 103 การจําแนกเม็ดเลือดชนิดตางๆโดยคิดจาก 100% ของจํานวนเม็ดเลือดที่นับไดมีคาตางๆ ดังนี้ เม็ดเลือดแดงมีคาเฉลี่ยที่ไดจากการทดลองมีคา 5.32 x 1012 cell/l สําหรับคาเฉลี่ยของเม็ด เลือดขาวที่ไดจากการทดลอง คือพบวามีคาเฉลี่ย 1.38 x 104 cell/mm2 ในการจําแนกเม็ดเลือด ขาวแตละชนิดสามารถจําแนกออกไดเปน 6 ประเภท คือ Band neutrophil, Segmented
45
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
neutrophil, Eosinophil, Basophil, Lymphocyte และ Monocyte. จากการนับจํานวนเม็ดเลือด ขาวโดยคิดจาก 100% พบวาเม็ดเลือดขาวแตละชนิดมีคาที่ไดจากผลการทดลองดังนี้ Band neutrophil มีคาที่ไดจากผลการทดลอง คือ 0.5% Segmented neutrophil มีคาที่ไดจากผลการ ทดลอง คือ 24.4% Eosinophil มีคาที่ไดจากผลการทดลอง คือ 4.6% Monocyte มีคาที่ไดจาก ผลการทดลอง คือ 4.4% Basophil มีคาที่ไดจากผลการทดลอง คือ 1.0% Lymphocyte มีคาที่ได จากผลการทดลอง คือ 65.1% ดังแสดงผลสรุปในตารางขางลางนี้ ตารางที่ 1 : การหาคาเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว ( n=50 ) ดัชนี คาเฉลี่ย RBC count (x106เซลล/มิลลิลิตร) 5.32 WBC count (เซลล/มิลลิลติ ร) 13,815.54
พิสัย 2.88 - 8.38 2,400 - 33,500
ตารางที่ 2 : คาเม็ดเลือดขาวที่จําแนกเปนชนิดตางๆ ( n=50 ) ดัชนี (%cell/ul) ผลการทดลอง Band neutrophil 0.5 Segment neutrophil 24.4 Eosinophil 4.6 Monocyte 4.4 Basophil 1.0 Lymphocyte 65.0 กราฟที่ 1 การนับเม็ดเลือดขาวแตละชนิด (n=50) 70 60 Band Neutrophils
50
Segmented Neutrophils
40
Eosinophils
30
Lymphocyte
20
Monocyte
10
Basophils
0
คาเฉลี่ยเมื่อเทียบจาก 100 เซลล
46
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
ภาพแสดงลักษณะทางกายภาพของเม็ดเลือดชนิดตางๆ ภาพที่ 1 เม็ดเลือดแดงมีลักษณะกลม มีเสนผาน ศูนยกลางประมาณ 7.5 ไมโครเมตร ตรงกลางเวาเขา หากันทั้งสองดาน (biconcave)
ภาพที่ 2 Eosinophil มีขนาด 10-15 ไมโครเมตร นิวเคลียสติดสีมวงน้ําเงิน มีแกรนูลขนาดเล็ก กลม ติดสี แดง
ไมโครเมตร นิวเคลียสของนิ
ภาพที่ 3 Basophil มีขนาดเซลล 11-14 นิวเคลียสติดสีมวงแดง มีรูปรางคลาย โทรฟล
ภาพที่ 4 Band neutrophil นิวเคลียสมีลักษณะติด สีมวงเขม โดยแยกจาก Segmented neutrophil โดยดู ที่นิวเคลียสเปนรูปตัวเอส ( S ) หรือตัวยู ( U )
47
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
ภาพที่ 5 Segmented neutrophil มีขนาดเซลล 1015 ไมโครเมตร นิวเคลียสติดสีมวงเขม
ภาพที่ 6 Monocyte มี ข นาดเซลล 13-18 ไมโครเมตร นิวเคลียสมีรูปรางไมแนนอน
ภาพที่ 7 Lymphocyte เปนเซลลสวนใหญที่พบใน กระแสโลหิตของโคเฉลี่ย 58 % โดยจะพบลิมโฟซัยต 3 ขนาด คือ 1. ขนาดเล็ก 7 -10 ไมโครเมตร 2 .ขนาดกลาง 10-12 ไมโครเมตร 3.ขนาดใหญ 13-15 ไมโครเมตร
สรุปและวิจารณ การหาคาเม็ดเลือดแดง (RBC Count) จากการทดลองพบวาเม็ดเลือดแดงมีคา 5.32 x 1012 cell/l เมื่อเปรียบเทียบกับศิริชัย (2528)ซึ่งพบวาคาเม็ดเลือดแดงมีคา 5.61 x 1012 cell/l ซึ่งใหผลใกลเคียงกัน วิน (ม.ม.ป.)ทําการ ทดลองหาคาเม็ดเลือดแดงในโคพบวาคาเม็ดเลือดแดงในโคมีคา 7.0 x 1012 cell/l ซึ่งมีความ 48
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
แตกตางกันเล็กนอย จากการศึกษา Silva, et al. (1999) รายงานคาเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดงในโค วามีคา ประมาณ 5.0-10.0 x 1012 cell/l และ Kumar, et al. (2000) พบวาคาเฉลีย่ เม็ดเลือดแดง ในโคมีคา 5.12-9.48 x 1012 cell/l เมื่อเปรียบเทียบจากคาทีท่ ําการทดลองคือ 5.32 x 1012 cell/l พบวามีความแตกตางกันเพียงเล็กนอยตางกันประมาณ 2.0-3.0 cell/l นอกจากนี้ Pospis, et al. (1985) รายงานคาเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดงในกระบือวามีคาประมาณ 9.76 x 1012 cell/l ซึ่งคาที่ได มีปริมาณไมแตกตางกันมากนัก การหาคาเม็ดเลือดขาว (WBC Count) จากการทดลองพบวาเม็ดเลือดขาวมีคา 13,815.54 cell/mm2 เมื่อเปรียบเทียบกับวิน (ม.ม.ป.) และ Silva, et al. (1999) ซึ่งพบวาคาเม็ดเลือดขาวมีคา 4,000-12,000 cells/ mm2 ซึ่งมี ความแตกตางกันเพียงเล็กนอย ศิริชัย (2528) ทําการทดลองหาคาเม็ดเลือดขาวในโคพบวามีคา เทากับ3,100-10,060 cell/mm2 นอกจากนี้ Pospis, et al. (1985) รายงานคาเฉลี่ยของเม็ดเลือด ขาวในกระบือพบวามีคาประมาณ 5,100-12,400 cell/mm2 ซึ่งคาที่ไดมีปริมาณไมแตกตางกัน มาก ลักษณะเม็ดเลือดแดงที่พบจะมีลักษณะเวาสองดาน มีขนาดเสนผานศูนยกลางเฉลี่ย 5.8 ไมโครเมตร เม็ดเลือดขาวมีการแยกชนิดของเม็ดเลือดขาวออกเปน Band neutrophil , Segmented neutrophil , Eosinophil , Basophil , Lymphocyte , Monocyte การหาคาเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟล จากการทดลองพบวาเม็ดเลือดขาวมีคา 13,815.54 cell/mm2 เม็ดเลือดขาวชนิด Neutrophil แบงออกเปน 2 ชนิด คือ Band neutrophil และ Segmented neutrophil โดยมีคาที่ได จากการทดลองพบวา Band neutrophil มีคา 0.5% เมื่อเปรียบเทียบกับ Jain (1993) และ สถาพร และเสาวนิต (2531) พบวาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Band neutrophil มีคา 0.5% ซึ่งมีความ สอดคลองกัน ศิริชัย (2528) และ Silva (1999)ทําการทดลองพบวาคาเม็ดเลือดแดงในโคมีคาอยู ใชวง 0.0-4.0% ซึ่งมีคาสอดคลองกับที่ที่ไดจกการทําการทดลองคือ 0.5% สําหรับ Segmented neutrophil พบวามีคาที่ไดจากการทดลองเทากับ 24.4% เมื่อเปรียบเทียบกับ Jain (1993) พบวา คาเม็ดเลือดขาวชนิด Segmented neutrophil มีคา 28.0% ซึ่งมีความแตกตางกัน Silva (1999) ทําการทดลองหาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Segmented neutrophil ในโค พบวามีคาอยูในชวง 15.045.0 % และเมื่อนําผลการทดลองไปเปรียบเทียบกับสถาพรและเสาวนิต (2531) ซึ่งพบวาคาเม็ด เลือดขาวชนิด Segmented neutrophil มีคาอยูที่ 25.7% ซึ่งมีความแตกตางกับผลการทดลองที่ได เพี ย งเล็ ก น อ ย และศิ ริ ชั ย (2528)ทํ า การทดลองพบว า ค า เม็ ด เลื อ ดขาวชนิ ด Segmented 49
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
neutrophil มีคาอยูในชวง 12.0-54.0% ซึ่งมีความสอดคลองกับคาที่ไดจากการทดลองคือ 24.4% โดยการแยก Segmented neutrophil สามารถดูจากลักษณะของนิวเคลียสติดสีมวงเข็ม โดยมี เสนใย ( filament ) แยกจากพลู ( lobe ) ไมชัดเจนโดยทั่วไปจะเห็นเปนรอยคอดของนิวเคลียส Cytoplasm ติดสีเทาชมพู มี Granule ละเอียดสีชมพูคลายฝุนกระจายทั่วไป Band neutrophill ที่ ไ ด จ าการทดลองจากตั ว อย า งที่ ทํ า การวั ด ได มี ค า 0.5 % โดยเม็ ด เลื อ ดขาวชนิ ด Band neutrophill นิวเคลียสมีลักษณะติดสีมวงเขมความแตกตาง ของ Band neutrophill และ Segment neutrophil สามารถสังเกตจากลักษณะนิวเคลียสของ Segment neutrophil คือ นิวเคลียสเปนรูปตัวเอส ( S ) หรือตัวยู ( U ) และมีดานทั้งสองของนิวเคลียสขนานกัน และมีดาน ทั้ง สองของนิ ว เคลี ย สขนานกั น ถ า มี ร อยกิ่ว ของนิว เคลี ย ส ก็ จ ะยัง คงมี ความกว า งมากกว า ครึ่งหนึ่งของเสนผานศูนยกลางของนิวเคลียส Neutrophil บอกไดถึงสุขภาพของสัตวตอการติด เชื้อของสัตว โดยการปลอย Neutrophil ออกสูกระแสเลือด ซึ่งถาติดเชื้อรุนแรง Neutrophil ที่ อายุนอยคือ Band neutrophill จะถูกปลอยออกมาดวย การแกไขในการตรวจวัดควรทําอยาง รวดเร็ว ไมควรเก็บเลือดไวในสารกันเลือดแข็งตัวนานเกิน 12 ชั่วโมงทั้งนี้เพื่อปองการเสียสภาพ ของเลือดและลดความคลาดเคลื่อนของผลการทดลองในกรณีที่มีการติดเชื้อปรสิตคาเม็ดเลือดขาว ชนิด Neutrophil ในโคนมมีคา 35.62+10.44 และ ในโคเนื้ออยูที่ 33.43+9.55 (Silva, et. al. 1999) การหาคาเม็ดเลือดขาวชนิดอิโอซิโนฟล จากการทดลองพบวาเม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil มีคา 4.6% เมื่อเปรียบเทียบ กับ สถาพรและเสาวนิต (2531) ซึ่งพบวาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil มีคา 16.43% ซึ่งมี ความแตกตางกัน ศิริชัย (2528) ทําการทดลองพบวาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil มีคาอยู ในชวง 2.0-25.0% Silva, et. al. (1999) พบวาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil มีคาอยูในชวง 2.0-20.0% ซึ่งมีความแตกตางกันเพียงเล็กนอยกับคาที่ไดจากการทดลองคือ 4.6% และ เมื่อ เปรียบเทียบกับ Jain (1993)ซึ่งพบวาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil มีคา 9.0% ซึ่งมีความ แตกตางกับผลการทดลองเพียงเล็กนอยลักษณะของเม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil มีลักษณะที่ พบมาก คือ Cytoplasm จะติดสีชมพูซีดๆ มี แกรนูลมากมาย แกรนูลมีลักษณะคลายฝุนกระจาย ไปทั่ว Cytoplasm ซึมจํานวนมาก จนบางครั้งมีแนวโนมที่จะบดบังนิวเคลียสได แกรนูลมีลักษณะ กลม ขนาดเทาๆ กัน และติดสีสม และลักษณะของนิวเคลียสที่พบมีลักษณะแบนดนิวเคลียส สวน ใหญจะมีสองพู ติดสีมวงเขม นิวเคลียสทั้งสองพู แยกออกจากกัน บางสวนก็คอดออกเปนสองพู โดยไมไดแยกออกจากกัน สวนใหญที่พบนิวเคลียสจะมีลักษณะกลม แตมีบางสวนที่นิวเคลียสเริ่ม มี ลั ก ษณะที่ ไ ม แ น น อน อาจเกิ ด จากเม็ ด เลื อ ดเกิ ด การเสี ย สภาพไปได เม็ ด เลื อ ดขาวชนิ ด 50
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
Eosinophil มีขนาด คือ 10-15 ไมโคเมตร เม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil จะมีลักษณะคลายกับ เม็ดเลือดขาวชนิด Basophil เพียงเล็กนอย บางครั้งอาจทําใหจําแนกชนิดออกไปไดยาก เพราะ เม็ดเลือดขาวทั้ง 2 ชนิด มี แกรนูลเหมือนกัน และมีนิวเคลียสที่มีสองพูเหมือนกัน และเม็ดเลือด ขาวทั้ง 2 ชนิดยังมีขนาดที่ใกลเคียงกันอีกดวย แตมีลักษณะที่แตกตางกันบาง เชน Cytoplasm ทั้ง สองชนิด ติดสีตางกันนั่นคือ เม็ดเลือดขาวชนิด Basophile จะติดสีซีดคลายๆ กับเปนสีเทา และมี แกรนูลที่ติดสีดําแดง มี แกรนูลกระจายอยูทั่ว Cytoplasm แตเม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil จะมี แกรนูลที่ติดสีสม ทําใหเม็ดเลือดขาวทั้งสองชนิดมีลักษณะที่คลายคลึงกันมาก ถาไมสังเกตดีอาจ ทํ า ให เ กิ ด ความสั บ สน และผิ ด พลาดได ใ นกรณี ที่ เ กิ ด การติ ด เชื้ อ ปรสิ ต ขึ้ น ค า เม็ ด เลื อ ดขาว Eosinophil ในโคนมอยูที่รอยละ 7.5+4.58% ในโคเนื้ออยูที่ 6.91+2.45% (Silva, et. al. 1999) การหาคาเม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต จากการทดลองพบวาเม็ดเลือดขาวชนิด Monocyte มีคา 4.4% เมื่อเปรียบเทียบกับ Jain (1993) และ Silva, et al (1999) รายงานวา คาเม็ดเลือดขาวชนิด Monocyte มีคา 4.0% ซึ่งมี ความแตกต า งกั น เพี ย งเล็ ก น อ ย ศิ ริ ชั ย (2528) ทํ า การทดลองพบว า ค า เม็ ด เลื อ ดขาวชนิ ด Monocyte คือ 0.0-7.0% ซึ่งมีความแตกตางกันเพียงเล็กนอย Monocyte มีลักษณะนิวเคลียสที่ไม แนนอนสังเกตยาก ถาสังเกตที่โครมาตินที่เปนขดคลายเชือกมีสีน้ําเงินมวง Cytoplasm มีมากติดสี น้ําเงินออกเทาๆและมักจะมีชองวางอยูภายในก็เลยทําใหสามารถมองแลวแยกประเภทออกมาได Monocyte มีขนาดใหญพอๆกับ Lymphocyte และพบเปนจํานวนนอยเมื่อเทียบกับ Neutrophil และ Lymphocyte ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อปรสิตขึ้น คาของเม็ดเลือดชนิด Monocyte ในโคนมอยู ที่รอยละ 11.87+4.61 และโคเนื้ออยูที่ 9.43-2.49 ซึ่งมีคาสูงเกินคามาตรฐานที่อยูที่ 4.0% หรืออยู ในชวง 2-7 (Silva, et. al. 1999) การหาคาเม็ดเลือดขาวชนิดแบโซฟล จากการทดลองพบวาเม็ดเลือดขาวชนิด Basophil มีคา 1.0% เมื่อเปรียบเทียบกับ Jain (1993) ซึ่งพบวาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Basophil มีคา 0.5% ซึ่งมีความแตกตางกันเล็กนอย ศิริชัย (2528) ทํ าการทดลองพบวา คา เม็ดเลือดขาวชนิด Basophil คือ 0.0% ซึ่งมี ความแตกต างกัน เล็กนอย และ Silva, et al (1999) พบวาคาเม็ดเลือดขาวชนิด Basophil มีคาอยูในชวง 2.07.0% ซึ่งมีความแตกตางกัน ลักษณะของ Basophil ที่พบมีลักษณะของ Cytoplasm ที่มีสีซีดจาง คลายสีเทา มีแกรนูลมากมาย ติดสีดําแดง แกรนูลมีลักษณะกลมและมีแนวโนมทีจะบังนิวเคลียส นิวเคลียสติดสีมวงแดง มีรูปรางคลายนิวเคลียสของนิวโทรฟล มีขนาดเซลล 11-14 ไมโครเมตร 51
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
ลักษณะของ Basophil คลายกับ Eosinophil มากจนทําใหการจําแนกชนิดของเม็ดเลือดขาวสอง ชนิดนี้ทําไดยาก เนื่องจากเม็ดเลือดขาวทั้ง 2 ชนิด มี Granule เหมือนกัน และมีนิวเคลียสที่มีสอง พูเหมือนกัน และเม็ดเลือดขาวทั้ง 2 ชนิดยังมีขนาดที่ใกลเคียงกันอีกดวย แตมีลักษณะที่แตกตาง กันบาง เชน Cytoplasm ทั้งสองชนิด ติดสีตางกันนั่นคือ เม็ดเลือดขาวชนิด Basophile จะติดสีซีด คลายๆ กับเปนสีเทา และมี Granule ที่ติดสีดําแดง มี Granule กระจายอยูทั่ว Cytoplasm แต เม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil จะมี Granule ที่ติดสีสม ทําใหเม็ดเลือดขาวทั้งสองชนิดมีลักษณะที่ คล า ยคลึ ง กั น มาก ในกรณี มี ก ารติ ด เชื้ อ ปรสิ ต ค า เม็ ด เลื อ ดขาวชนิ ด Basophil จะอยู ที่ 0.56+1.50% ในโคเนื้อและโคนมซึ่งอยูในชวงคามาตรฐาน คือ 0-2 หรือ0.5% (Silva, et. al. 1999) การหาคาเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte ที่ไดจากการทดลอง คือ 65.1% มีโดยมีความแตกตางกับ คาที่ Jain (1993) และ Silva, et. al. (1999) ไดรายงานไวคือ 58.0% นอกจากนี้ ศิริชัย (2528) ได รายงานคาเม็ดเลือดขาวชนิด Lymphocyte วามีคาอยูในชวง 24.0-76.0% และ สถาพรและ เสาวนิตย (2531)ไดทําการศึกษาคาเม็ดเลือดและไดรายงานจํานวนเซลล Lymphocyte วาได คาเฉลี่ยเทากับ 53.4 % ซึ่งมีความแตกตางกันกับคาที่ไดจากการทดลอง โดย lymphocyte มี ลักษณะที่สําคัญคือ จะมีนิวเคลียสเกือบเต็มเซลล และมีลักษณะนิวเคลียสรูปรางกลม นิวเคลียส จะติดสีเขม ไซโทพลาสซึมจะติดสีซีด เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte จะไมมีแกรนูลภายในเซลล เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte จะมีลักษณะที่เห็นภายในกลองจุลทรรศนที่พบไดคือ มีลักษณะ คลายกับ เม็ดเลือดขาวชนิด monocyte นั่นคือมีนิวเคลียสเกือบเต็มเซลลเชนเดียวกัน แตลักษณะ ของนิวเคลียสที่พบจะมีลักษณะไมแนนอน รูปรางมีหลายลักษณะทําใหจุดนี้เปนจุดที่แตกตางจาก เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte จะมีรูปราง 3 ขนาด
52
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
เอกสารอางอิง กรณรงค อรุณ ศุภวัฒน โพธิมงคลและสุรวัฒน ชลอสันติสกุล. 2543. การศึกษาเบื้องตนเกี่ยวกับ คาโลหิตวิทยาและคาเคมีเลือดของตะพาบน้ําพันธุไตหวันเพศผู. คณะสัตวแพทยศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ การะเกศ กอพงศาสตร และคณะ. 2545. การสํารวจคาโลหิตวิทยาของลอในจังหวัดเชียงใหม. คณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม, เชียงใหม เฉลียว ศาลากิจ. 2540. โลหิตวิทยาทางสัตวแพทย. ผูชวยศาสตราจารย ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, กรุงเทพฯ เฉลียว ศาลากิจ. 2540. ปฏิบัติการพยาธิวิทยาคลินิกทางสัตวแพทย. ผูชวยศาสตราจารย ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, กรุงเทพ ศิริชัย วงษนาคเพ็ชร. 2528. คาโลหิตวิทยาในโคนมของสหกรณโคนมหนองโพ จังหวัดราชบุรี. การประชุมทางวิชาการครั้งที่ 23. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร,กรุงเทพฯ. 2528. หนา 15-16 สถาพร จิตตปาลพงศและเสาวนิตย ทิพยเสวก. 2531. การศึกษาคาโลหิตวิทยาเบื้องตนของโคนม หนองโพ จั งหวัดราชบุ รี. รายงานผลงานการวิจัย ในการประชุมทางวิชาการของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, ครั้งที่26, กรุงเทพฯ. 2531, หนา 165-169 Carolyn A.Sink and Bernard F.Feldman. 2004. Laboratory Urinalysis and Hematology. Virginia-Maryland Regionhe afral Collage of Veterinary Medicine, USA Kumar B. and S.P. Pachauri. Haematological profile of crossbred daily cattle to monitor herd health status at medium elevation in Central Himalayes. Research in Veternary Science. 2000. 69, 141-145 Maria Helena Matiko Akao LARSSON. Hematological values of Cebus apella anesthetized with ketamine. Departamento de Clínica Médica Faculdade de Medicina Veterinária e Zootecnia da U Cidade. Universitária Armando de Salles Oliveira Av Orlando Marques de, Paiva Pospis J., F.Kase and J. Vahala. 1985. Basuc haematological values in the African buffalo(Syncerus caffer caffer) and in the red buffalo(Syncerus caffer nanus). Comparative Biochemistry and Physiology Part A: Physiology. 3(82). P.495 - 498 Vanessa K. Lester and Others. 2005. Small Mammal Hematology: Leukocyte Identification in Rabbits and Guinea Pigs. DVM. Department of Pathology (Tarpley, Latimer) College of Veterinary Medicine. University of Georgia. Athens, Greese 53
ปที่ 8 ฉบับที่ 2 ( กุมภาพันธ - พฤษภาคม 2549 )
วารสารวิชาการปศุสตั วเขต 5
54