Astemizole (แอสทีไมโซล) ชื่อการค้า : Anhisnon, Astahis, Astem,Astmazol, Dayamin, Hismacon, Hismanal, Hismizol, Hisno,Histema, Irene,Tenon ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาต้านฮีสตามีน ใช้รักษาโรคภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ไข้ละอองฟาง ภูมิแพ้ตามฤดูกาล รวมทั้ง บรรเทาอาการลมพิษ ลดนำ้ามูก จามผื่นคัน เยื่อบุตาอักเสบ และการแพ้แบบอื่นๆ วิธีใช้ยา : ผูใ้ หญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละครั้งหลังอาหาร เด็กอายุตำ่ากว่า 12 ปี รับประทานครั้งละ 1/2 เม็ด วันละครั้งหลังอาหารและรับประทานตามคำาแนะนำาของแพทย์และเภสัชกร คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ไม่ควรใช้ในสตรีมีครรภ์นอกจากแพทย์จะเห็นสมควร บางอาจมีอาการง่วงนอน บ้างเล็กน้อย ดังนั้นควรระมัดระวังหากต้องขับขี่ยานพาหนะหรือทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักร เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า คำาเตือนและข้อควรระวัง : ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ หรือใช้ยาเกินขนาดที่แนะนำา ห้ามใช้ยานี้ร่วมกับยาปฎิชีวนะพวก erythromycin และยาฆ่าเชื้อราจำาพวก ketoconazole รวมทั้งยา ตัวอืน่ ที่ลดการทำางานของตับ ทั้งนี้เพราะจะทำาให้หัวใจเต้นผิดจังหวะและหยุดเต้นได้ หากใช้ยานี้แล้ว หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจลำาบาก ควรจะหยุดยาและให้รีบปรึกษาแพทย์ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสงแดด, ความร้อนและความชื้น Auranofin (ออราโนฟิน) ชื่อการค้า : Ridaura ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยานี้เป็นสารประกอบของธาตุทอง ใช้รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งจะช่วยลดอาการ เจ็บข้อ, ข้อบวม อาการข้อตึงในตอนเช้า 1
วิธีใช้ยา : ผูใ้ หญ่ให้ยาครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หรือครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง หลังจากนัน้ อีก 6 เดือน แพทย์จะเพิ่มขนาดยาเป็น ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ขนาดยานี้อาจแตกต่างกันในแต่ละคน ฉะนัน้ ขอให้ ผู้ป่วยรับประทานยาตามคำาสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ยานี้มักจะเห็นผลหลังจากรับประทานไปแล้ว 3-6 เดือน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ออราโนฟินอาจเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยบางคนไวต่อแสงมากกว่าปกติและเกิดผืน่ ขึ้น หลังจากโดนแสงแดด เพื่อป้องกันตนเองควรปฏิบัติดังนี้ หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. สวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด ปรึกษาแพทย์ก่อนถ้าต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SPF อย่างน้อย 15 แต่ใน บางคนที่ผิวขาวอาจต้องใช้ SPF มากกว่านี้ หลีกเลี่ยงการใช้โคมไฟ เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : อาจเกิดอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลว ถ้ามีอาการถ่ายดำาควรไปพบแพทย์ อาจมีอาการปวด ท้อง, คลืน่ ไส้, อาเจียน, เบื่ออาหาร, อาหารไม่ย่อย ปากเปื่อย, ผมร่วง, ตาอักเสบแดง, ผืน่ คน, เลือดออกง่าย เป็นจำ้าเลือด, อ่อนเพลีย ผลข้างเคียงเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงที่ทำาการรักษาและผลยังคงอยู่แม้ว่าจะหยุดกินยาไป หลายเดือนแล้ว ต้องระมัดระวังตัวด้วย คำาเตือนและข้อควรระวัง : ก่อนรับประทานยานี้ควรบอกแพทย์ด้วยถ้าคุณมีโรคประจำาตัว ได้แก่ โรคเกี่ยวกับ ตับ, ไต โรคเกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือด, ลำาไส้ใหญ่อักเสบ, SLE, มีประวัติของโรคกดไขกระดูก, หรือเพิ่ง ได้รับการฉายรังสีมาหรือแจ้งแพทย์ได้ทราบเกี่ยวกับยาที่กำาลังรับประทานอยู่ในขณะนี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหากมี ประวัติการแพ้ยาและสารโลหะต่างๆ เช่น ทอง ยานี้มีผลต่อการทดสอบวัณโรค หญิงมีครรภ์, หญิงที่กำาลังให้นม บุตร หรือคิดว่าจะมีครรภ์ ควรบอกแพทย์ ควรมีครรภ์ภายหลังหยุดยาอย่างน้อย 6 เดือน เนื่องจากยาจะสะสมอยู่ ในร่างกายเป็นระยะเวลานาน การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Captopril (แคพโทพริล) 2
ชื่อการค้า : Capoten, Epsitron, Gemzil, Tensiomin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังใช้ในโรคหัวใจล้มเหลวด้วย วิธีใช้ยา : ยานี้มีจำาหน่ายในรูปยาเม็ด ขนาด 12.5 และ 25 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง ในขณะท้อง ว่าง เช่น ก่อนอาหาร 1 ชัว่ โมง หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง ขนาดยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับแพทย์สั่ง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ยาจึงจะให้ผลสูงสุดในการลดความดัน โลหิต ควรวัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ อย่างสมำ่าเสมอและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปแตสเซียมสูง เช่น กล้วย ส้ม เมื่อคุณลืมกินยา : ควรรับประทานทันที่นึกได้และ แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่ใกล้เวลาของยามื้อถัดไปให้ ให้งดยา มื้อที่ลืมและข้ามไปรับประทานยามื้อถัดไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : แม้ว่าจะไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงจากการใช้ยานี้ แต่ก็อาจพบบ้าง เช่น ผิวหนังเป็นผื่นคัน แดง ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ไม่ควรรักษาเอง ให้รีบไปพบแพทย์ อาจเกิดอาการมึนงง เวียนศีรษะ, หน้ามืดเป็นลมขณะเปลี่ยนอิริยาบทจากการนั่งหรือนอน จึงควรค่อยๆ เปลี่ยน อิริยาบทและหากมีอาการมากขึ้นหรือไม่หายควรปรึกษาแพทย์ การรับรสเปลี่ยนไปเช่นรู้สึกมีรสเค็มหรือรสเหมือนโลหะ, การรับรสลดลง อาการนี้มักจะหายเองเมื่อใช้ยาต่อ เนื่อง อาการไอ ถ้าหากมีอาการไอมากขึ้นหรือไม่หายควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการเจ็บคอ เป็นไข้ มีแผลในปาก มีแผลถลอก หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก ขาหรือเท้าบวม ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการหน้าบวม ริมฝีปากหรือลิ้นบวม หายใจหรือกลืนลำาบาก ต้องรีบไปพบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เป็นโรคไต หรือโรคเอสแอลอี (SLE) ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบว่ากำาลังใช้ยาอื่นอยู่ โดยเฉพาะยารักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรค ข้ออักเสบ และยา โพรเบเนซิด (probenecid) หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟันควรแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่ากำาลังใช้ยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ 3
การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก Carbamzepine (คาร์บามาซีฟีน) ชื่อการค้า : Antafit, Carbazene, Carmapine, Carpine, Carzepine, Mapezine, Panitol, Taver, Tegretol ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : จะออกฤทธิ์ต่อสมองและระบบประสาทเพื่อควบคุมอาการชักต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้ บรรเทาอาการปวด บริเวณใบหน้าและอาการผิดปกติอื่นๆ ทางจิต วิธีใช้ยา รับประทานวันละ 2-4 ครั้งหลัง อาหารหรือใช้ยาตามแพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรตรวจนับเม็ดเลือดและตรวจดูหนาที่ของตับก่อนเริ่มการรักษา ควรตรวจนับเม็ดเลือดซำ้าทุกสัปดาห์ในระยะเดือนแรกของการรักษาต่อไปตรวจเดือนละครั้ง ส่วนการตรวจ หน้าที่ของตับควรทำาเป็นระยะๆ ยาชนิดนี้อาจทำาให้เกิดอาการมึนงง, ตาพร่า, ง่วงซึม ดังนั้นจึงควรระมัดระวังขณะขับยานพาหนะหรือทำางาน เกี่ยวกับเครื่องจักรกลและไม่ควรรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์, ยานอนหลับ, ยาแก้แพ้ การใช้ยานี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง การใช้ยาในเด็ก เมื่อเริ่มใช้แล้วควรสังเกตพฤติกรรมของเด็ก เช่น อารมณ์ การนอนหลับ อาการชัก ฯลฯ เพื่อเป็น ประโยชน์ในการรักษาของแพทย์ เมื่อคุณลืมกินยา : ควรรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไปควรงด ทานยาที่ลืมและให้รับประทาน ตามเวลา ที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : อาการไม่พึงประสงค์อาจจะ เกิดขึน้ ในแต่ละคนแตกต่างกัน เช่น มึนงง, ตาพร่ามัว, นอนไม่ หลับ,เกิดภาพหลอน, เบื่ออาหาร, ปากแห้ง, ปวดศีรษะ, ง่วงนอน, วิงเวียน หน้ามืด, คลืน่ ไส้อาเจียน, ท้องเสีย หรือท้องผูก ในผู้สูงอายุบางครั้งอาจจะมีอาการสับสนและหงุดหงิดไม่สบายใจ โดยเฉพาะมักจะเกิดใน ระยะแรกของการรักษา ระดับเกลือโซเดียมในเลือดอาจจะตำ่าได้อันเนื่องมาจากฤทธิ์ต้านการขับปัสสาวะของยานี้ อาจเกิดอาการผื่นขึ้นที่ผิวหนัง มีไข้ รวมทั้งอาการโรคผิวหนังชนิดรุนแรง ได้แก่ exfoliative, StevensJohnson Syndrome, toxic epidermal necrolysis คำาเตือนและข้อควรระวัง : ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างรุนแรง หรือตับ ไต ไม่ปกติและในผู้ปว่ ยสูงอายุควรระมัดระวัง 4
เกี่ยวกับขนาดยาที่ใช้ หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ผู้ที่ใช้ยาอะมิทริปไทลีน, อิมิปรามีน, นอร์ทริปไทลีน,โปรทริปไทลีนแล้วเกิดอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ ก่อนใช้ยาคาร์บามาซีฟีน ผู้ที่กำาลังรับประทานยาอื่นอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งด๊อกซีไซคลิน, วาฟฟาริน, ยาเม็ดคุมกำาเนิดถึงแม้วา่ จะหยุดการ ใช้ยานั้นไป 2 สัปดาห์แล้วก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนที่จะใช้ยาคาร์บามาซีปีน ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดเนื่องจากยานี้จะทำาให้ผิวหนังไวต่อแสงแดด การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Carboplatin (คาโบพลาติน) ชื่อการค้า : Carboplatin, Carbosin, Paraplatin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาเคมีบำาบัด มีฤทธิ์ทำาลายเซลล์มะเร็ง คำาแนะนำาการใช้ยา : ยาชนิดนี้มีในรูปยาฉีด ควรใช้ภายใต้คำาแนะนำาของแพทย์เท่านั้น อาการข้างเคียง : ยาอาจทำาให้เกิดผลข้างเคียงดังต่อไปนี้ ผลข้างเคียงระยะแรก คลื่นไส้อาเจียน อาจมีอาการจนถึง 24 ชั่วโมงหลังได้ยา ผลข้างเคียงระยะหลัง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดตำ่า ทำาให้ติดเชื้อได้ง่าย หรือเกิดเลือดออก ได้ง่าย ชาตามปลายมือปลายเท้า ผมร่วงชั่วคราวอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรืออ่อนเพลีย อาจหายไปได้เองใน ระหว่างการรักษา ปรึกษาแพทย์เมื่อรู้สึกไม่สบายอาการสำาคัญที่ควรพบและปรึกษาแพทย์ ได้แก่ มีไข้หรือหนาว สั่น ไอหรือเสียงแหบ ปวดและถ่ายปัสสาวะลำาบากมีภาวะเลือดออกได้ง่าย เกิดจำ้าตามตัว พบเลือดในปัสสาวะ หรืออุจจาระ พบจุดเลือดออกบริเวณผิวหนัง ชาตามปลายมือปลายเท้า การได้ยินผิดปกติ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนฉีดวัคซีนใด ๆ และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับโปลิโอวัคซีนในรูปยากิน หลีกเลี่ยงผู้ที่ติดเชื้อ หรือโรคที่ติดต่อได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน ระมัดระวังการใช้แปรงสีฟันหรือไหมขัดฟัน ก่อนทำาฟันควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง ระมัดระวังการถูกบาดด้วยของมีคม เช่น มีดโกนหนวดหรือกรรไกรตัดเล็บ 5
หลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บหรือการถูกกระทบกระแทก เช่น การเล่นกีฬาที่ต้องมีการกระทบกระแทก ไม่ใช้มือสกปรกขยี้ตาหรือจมูก ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ในระหว่างการใช้ยานี้ ไม่ควรรับประทานยาชนิดอื่นโดยไม่ได้รับคำาปรึกษาจากแพทย์ ควรพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมินผลการรักษา และติดตามอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น Colchicine (โคลชิซิน) ชื่อการค้า : Colchicine,Colchily,Tolchicine ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้บรรเทาอาการอักเสบและบวมจากอาการปวดเก๊าท์อย่างเฉียบพลัน (gout attack) หรือข้ออักเสบที่เกิดจากโรคเกาต์ (gout arthritis) แต่ยานี้ไม่สามารถกำาจัดอาการปวดข้อหรือลดระดับกรด ยูริกในร่างกายได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าท์ จะมีกรดยูริกในเลือดและในข้อสูง อาการของโรคนี้จะเกิดจากกรดยูริก ทำาให้เกิดการอักเสบ (ปวด, บวม, แดง, ร้อน) ของข้อ วิธีใช้ยา : ถ้าจะใช้โคลชิซีนเพื่อบรรเทาอาการของโรคให้เริ่มใช้ทันทีเมื่อเกิดอาการปวด อาการจะทุเลาลงภายใน 12 ชั่วโมงและจะหายภายใน 48-72 ชั่วโมง การให้ยาจะไม่ได้ผลเต็มที่ถ้าไม่รับประทานยาทันทีเมื่อรู้สึกปวดและ จะต้องใช้ยานี้ต่อจนกระทั่งอาการปวดทุเลาลง ถ้ารับประทานโคลชิซินเป็นประจำาเพื่อป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรค ให้ใช้ยาตามคำาแนะนำาอย่าง ระมัดระวัง ถ้ารับประทานยาวันละครั้งหรือวันละ 2-3 ครั้ง ให้พยายามรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวัน เช่น ก่อนแปรง ฟันในตอนเช้า หรือก่อนรับประทานอาหารเย็นจะช่วยให้จำาได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : แม้ว่าผลข้างเคียงของโคลชิซินจะพบได้ไม่บ่อย แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น อาการคลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ไม่สบายในท้อง, ผืน่ ขึ้นที่ผิวหนัง, ไข้, เจ็บคอ, เลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ้าพบอาการ ดังกล่าวให้หยุดยาและไปพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : สตรีตั้งครรภ์, ให้นมบุตร และสตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา ถ้าตั้งครรภ์ขณะใช้ โคลชิซิน ให้หยุดยาและไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากมีรายงานว่ายานี้ทำาให้ตัวอ่อนผิดปกติในสัตว์ทดลอง 6
ต้องแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบถึงยาอื่นที่ใช้อยู่ในขณะนั้นด้วย ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับไต, ตับ, กระเพาะ, ลำาไส้หรือหัวใจ รวมทั้งการตรวจปัสสาวะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ร่างกายอ่อนแอรวมทั้งผู้สูงอายุ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Cholestyramine Resin (โคเลสไทรามีน เรซิน) ชื่อการค้า : ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้เพื่อลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันบางชนิดในเลือด ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมัน ไปเกาะอยู่ตามผนังของหลอดเลือดจะส่งผลให้ลดการไหลเวียนของเลือดในร่างกายทำาให้ออกซิเจนที่ไปเลี้ยงหัวใจ สมองและส่วนต่างๆ ของร่างกายก็ลดลงตามไปด้วย แต่ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมันในเลือดตำ่าจะเป็นการช่วย ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด, ปวดเค้นอก สมองขาดเลือดและหัวใจวาย นอกจากนี้ยังใช้ในการ บรรเทาอาการคันเนื่องจากภาวะดีซ่านบางชนิด (ตัวและตาเหลือง) วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 2-4 ครั้ง ตามแพทย์สั่ง โดยรับประทานก่อนอาหารและก่อนนอน ถ้าหากใช้ยาอื่น ร่วมด้วยจะต้องรับประทานยาอื่นก่อนอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือหลังจากรับประทานยาโคเลสทัยรามีนไปแล้ว 4 ชั่วโมง ยานี้อยู่ในรูปผง ซึ่งจะต้องผสมกับของเหลวหรืออาหารก่อน (ห้ามรับประทานในรูปผง) โดยปฎิบัติตามขั้นตอน ต่อไปนี้ 1. ผสมผงยาในนำ้า นม หรือนำ้าผลไม้ 1 แก้ว ถ้าเป็นเครื่องดื่มที่เป็นนำ้าอัดลม ควรผสมอย่างช้าๆ ในภาชนะที่ ใหญ่พอสมควร 2. เพื่อป้องกันการเกิดฟองล้นแก้ว ผงยานี้อาจผสมกับอาหารเหลวอื่นๆ ทีช่ อบก็ได้ เช่น ผลไม้ปั่น ซุป ในกรณี ที่เป็นอาหารร้อน ห้ามนำาอาหารที่ผสมผงยาแล้วไปตั้งไฟให้ร้อนอีก 3. ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแล้วอย่างช้าๆ
7
4. กลั้วแก้วที่ดื่มไปแล้วด้วยของเหลวนั้นๆ อีกครั้งแล้วดื่มอีก เพื่อให้มนั่ ใจว่าได้กินผงยาจนหมด ขณะใช้ยานี้ควรดื่มนำ้ามากๆ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษา ควรปฎิบัติตัวตามคำาแนะนำาของแพทย์ เช่น งดสูบบุหรี่ ควบคุมอาหาร ออกกำาลังกาย หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และพยายามควบคุมนำ้าหนักไม่ให้อ้วน ควรรับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลและไขมันตำ่า เช่น นมพร่องไขมัน เนื้อปลา ผลไม้ ข้าว ถั่วต่างๆ เนื้อเป็ด ไก่ ไข่ขาวและนำ้ามันชนิดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น นำ้ามันจากข้าวโพด, ดอก คำาฝอยและถั่วเหลือง เป็นต้น ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องใน เช่น ตับและเนื้อติดมัน ไข่แดง นมสด ครีม เนย มันหมู ขนมปัง เค้ก คุกกี้ ช๊อคโกแลต อาหารทอด มะพร้าว เนยแข็ง นำ้ามันมะพร้าวและนำ้ามัน ปาล์ม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไป ก็ให้งดยามื้อที่ ลืมและข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : อาการข้างเคียงที่อาจพบได้คือท้องผูก ดังนัน้ จึงควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มนำ้ามากๆ ถ้าอาการท้องผูกนี้ไม่หายหรือรุนแรงขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อแก้ไข เช่น อาจจะลดขนาดยา ลง หยุดยาชั่วคราว หรือให้ยาระบายร่วมด้วย นอกจากนี้อาจจะมีอาการท้องอืด ปวดท้อง คลื่นไส้ อาจเจียน ท้อง เสีย เบื่ออาหาร ปวดแสบกระเพาะ อาหารไม่ย่อย สำาหรับอาการท้องอืดแน่นท้องจะหายไปเมื่อใช้ยาต่อไป ถ้ามี เลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดออกตามเหงือก ทวารหนัก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ถ้ามีอาการท้องผูกเรื้อรัง กำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะอาการ ปวดเค้นอก โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ลำาไส้หรือถุงนำ้าดี รวมทั้งโรคเฟนิลคีโตนยูเรีย (phenylhetonuria) ควรบอกแพทย์ถึงยาต่างๆ ที่กำาลังใช้อยู่ด้วย โดยเฉพาะยาอะมิโอดาโรน ดิจ๊อกซิน ยาขับปัสสาวะ เหล็ก เพนนิซิลลินจี ฟีโนบาร์บีทาล เฟนน Cimetidine (ไซเมทิดีน)
8
ชื่อการค้า : Alserin,CMD,Cencamet,Cidine,Cigamet,Cimag,Cimidine,Cimetine,C imulcer,Citidine,Duortic,Gastrodin,Histodil,Milamet, Peptica,Rinadine,Servicimet,Siamidine,Simaglen,Simex,Tagamet,Ulce dine,Ulcemet,Ulcimet ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยานี้ออกฤทธิ์โดยลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหารใช้ในการรักษาและป้องกันการกลับมา เป็นซำ้าของ โรคแผลในกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยรักษาภาวะที่มีการผลิตกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป วิธีใช้ : ขนาด 800 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 1 ครั้งก่อนนอน หรือขนาด 400 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้า-ก่อนนอน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : แพทย์อาจจะให้รับประทานยาลดกรดร่วมด้วยในขณะที่ใช้ยานี้ แต่ไม่ควรรับ ประทานยาลดกรดในเวลาเดียวกับ ไซเมติดีน ควรรับประทานยาลดกรดกับยาไซเมทิดนี ห่างกัน 1 ชัว่ โมง หากมี ปัญหาการใช้ยากรุณาปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : ท้องเสีย, ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดหัว, มึนงง, คันตามผิวหนัง, เต้านมขยายและเจ็บ, ซึมเศร้า, สับสน หากมีอาการเหล่านี้ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ยานี้อาจมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาบางชนิดได้ จึงควร บอกแพทย์หรือเภสัชกรหากคุณใช้ยาอื่นอยู่ด้วย การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก Cholestyramine (โคเลสไทรามีน) ชื่อการค้า : Questran, Resincolestiramina ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้เพื่อลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด จะต้องกระทำาควบคู่กับการควบคุมอาหารและออก กำาลังกาย การลดตำ่าของระดับโคเลสเตอรอลและไขมันในเลือดอาจจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ อาการเจ็บหน้าอก, สมองขาดเลือดและหัวใจวายได้ วิธีใช้ยา : 9
ขนาดยาโคเลสไทรามีนที่ใช้ในผู้ป่วยแต่ละรายขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ปกติให้รับประทานวันละ 2-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน โคเลสไทรามีนอาจเป็นรูปยาเม็ดหรือเป็นผง ยาชนิดผงจะต้องทานร่วมกับของเหลว จึงควรปฏิบัติดังนี้ เทผงยาลงในนำ้า, นำ้านม, นำ้าผลไม้, นำ้าซุปหรืออาหารที่อุ่นๆ แล้วผสมให้เข้ากัน (ผงยาอาจไม่ละลาย) ดื่มนำ้าช้าๆ กลั้วด้วยของเหลวอีกเล็กน้อย แล้วดื่มจนหมดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับยาเข้าไปจนหมด คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : แพทย์จะสั่งใช้ยาลดไขมันในเลือดเฉพาะในกรณีที่มีการควบคุมอาหารและการออกกำาลังกายไม่ได้ผล ใน ระหว่างให้ยา ผูป้ ่วยต้องปฏิบัติตนในเรื่องการคุมอาหารและการออกำาลังกายอย่างต่อเนื่องด้วย ควรตรวจเลือด ปัสสาวะ หน้าที่ของไตและไขมันในเลือดก่อนใช้ยาและหลังให้ยาเป็นระยะๆ ถ้าเริ่มตรวจพบความผิดปกติใดๆ ให้หยุดยาหรือถ้าใช้ยาเกิด 3 เดือน แล้วไขมันในเลือดไม่ลดลง ควรหยุดยา ห้ามหยุดรับประทานยาหรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาเอง โดยเฉพาะเมื่อคุณกินยาอื่นร่วมด้วย เพราะจำาทำาให้ผลของ ยาอืน่ ถูกเปลี่ยนแปลงไป ยานี้ต้องทานอย่างสมำ่าเสมอเพื่อลดปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดอย่างได้ผล เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : ท้องผูก แก้ไขโดยกินอาหารที่มีเส้นใยสูงและดื่มนำ้ามากๆ แต่ถ้าเป็นมากหรือเป็นอยู่นานให้พบแพทย์ แพทย์อาจ ให้ยาระบาย, ลดขนาดยาโคเลสทัยรามีนที่ใช้หรือให้หยุดยาชั่วคราว ท้องอืด, ปวดท้อง, มีแก๊สในกระเพาะ, คลืน่ ไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, เบื่ออาหาร, อาหารไม่ย่อย, วิงเวียนศีรษะ อาการบางอย่างจะหมดไปถ้าคุณใช้ยาอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเป็นมากหรือเป็นตลอดเวลาให้ไปพบแพทย์ อาการมีเลือดออกที่ผิดปกติ เช่น มีเลือดออกจากเหงือกหรือทวารหนัก ให้พบแพทย์โดยด่วน คำาเตือนและข้อควรระวัง : ก่อนใช้ยาโคเลสไทรามีนให้บอกแพทย์และเภสัชกรถ้าคุณ มีอาการท้องผูกหรือมีโรคหัวใจ, โรคเกี่ยวกับกระเพาะ, ลำาไส้หรือถุงนำ้าดีหรือโรค Phenylketouria กำาลังใช้ยาอะไรอยู่โดยเฉพาะ amiodarone digoxin, diuretics, iron, loperamide, penicillin G, phenobarbital, phenylbutazone, propanolol, tetracycline, warfarin กำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร, เด็ก, คนชรา, เคยมีประวัติแพ้ยาโคเลสไทรามีน 10
การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Clonidine (โคลนิดีน) ชื่อการค้า : Catapress, Clonidine ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง โดยเป็นยาที่ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด จึงสามารถลด ความดันโลหิตและช่วยควบคุมความดันโลหิตให้ใกล้เคียงกับระดับปกติได้นอกจากนี้ยังนำามาใช้รักษาอาการร้อน วูบวาบตามร่างกายในภาวะใกล้หมดประจำาเดือนและใช้ในรายที่ต้องการอดเหล้าได้ วิธีใช้ยา : ยานี้มีขายในรูปยาเม็ดขนาด 15 และ 75 ไมโครกรัม ขนาดยาของผู้ใหญ่โดยทั่วไปรับประทาน ขนาด 15 ไมโครกรัม ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ขนาดยาสูงสุดไม่เกินวันละ 2.4 มิลลิกรัม คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ในช่วงแรกที่ใช้ยา แพทย์อาจจะปรับขนาดยาโดยค่อยๆ เพิ่มขนาดยาทีละน้อยจนกว่าจะสามารถควบคุมระดับ ความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการ จากนั้นจึงจะให้ใช้ยาในขนาดคงที่ ดังนี้จึงไม่ควรหยุดยาเองหรือลด ขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าหยุดยาเองหรือลดขนาดยาลงเอง จะทำาให้ความดันโลหิตสูงขึน้ อย่าง รวดเร็วภายใน 12-48 ชัว่ โมง ควรลดอาหารรสเค็มทุกประเภทและออกกำาลังกายพอเหมาะ ควรฝึกตรวจวัดชีพจรด้วยตนเอง ควรรูว้ ่าชีพจรปกติเป็นเท่าไร และลักษณะอย่างไรแสดงว่าที่ชีพจรเต้นเร็ว หรือ ช้ากว่าปกติเพราะถ้าเกิดชีพจรเต้นช้ากว่าปกติขณะกินยา ควรติดต่อแพทย์ก่อนใช้ยาในวันนั้น ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อดูวา่ สามารถควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ดีมากน้อยเพียงใด เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีนึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของมื้อยาถัดไป ให้งดยามื้อที่ลืมและ ข้ามไปรับประทานยามื้อถัดไปเลย ห้ามกินยาควบสองมื้อ ผลข้างเคียงของยา : อาจเกิดอาการปากแห้งได้ ซึ่งแก้ได้โดยให้เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมทอฟฟี่ที่ปราศจากนำ้าตาล จะช่วยลดอาการปาก แห้งได้ 11
อาจเกิดอาการมึนงง, เวียนศีรษะ, เหนื่อยล้า, ปวดศีรษะซึ่งมักจะเกิดขึน้ ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกที่ใช้ยา หลัง จากนั้น อาการต่างๆ ก็จะค่อยๆ หายไปเอง ในกรณีที่เกิดอาการวิงเวียนศีรษะในช่วงที่ใช้ยา อาจบรรเทาลงได้ ถ้าค่อยๆ เปลี่ยนอิริยาบถอย่างช้าๆ จากท่านั่ง เป็นท่ายืนหรือจากท่านอนเป็นท่านั่ง แต่ถ้าอาการดังกล่าวยังไม่ดีขึ้นอีกควรปรึกษาแพทย์ ยานี้อาจลดสมรรถภาพทางเพศได้ ซึ่งถ้าผิดปกติมากควรปรึกษาแพทย์ ยานี้อาจทำาให้รู้สึกง่วงนอน มึนงง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการทำางานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร หรือขับรถ เพราะอาจ เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ในระหว่างกินยานี้ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งใช้ยานนอนหลับด้วย เพราะจะยิ่งเสริมฤทธิ์ข้างเคียงของยาคือง่วงนอนและมึนงงมากยิ่งขึน้ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีการใช้ยาตัวอื่น กำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอด เลือดหรือเป็นโรคซึมเศร้า หากต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรบอกระดับความดันเลือดของคุณให้แพทย์ที่จะทำาการผ่าตัดทราบไว้ด้วย ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก Diclofenac (ไดโคลฟีแนค) ชื่อการค้า : Abitren,Arclonac,Cataflam,Catanac,Clofec,Clofon,Diclofenac,Diclolan,D iclosian,Difenac,Difeno,Dinac, Dosanac,Fenac,Inflanac,Lofenac,Masaren,Medaren,Myonac,Naclof,Olfen ,Ostaren,Posnac,Putaren, Rumatab,Tarjena,Uniren,Vemac,Volfenac,Volnac,Voltaren,Voren,Votamed ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยาเม็ดไดโคลฟีแนค ประกอบด้วยตัวยาสำาคัญ คือ ไดโคลฟีแนคโซเดียมเป็นยาต้านการ อักเสบชนิดที่ไม่ใช่ สเตียรอยด์ ใช้บรรเทาอาการปวด, อักเสบและความเสื่อมของโรคไขข้อรูมาตอยด์, ปวดข้อ จากโรคเก๊าท์แบบเฉียบพลัน,ปวดหลังจากการได้รับบาดเจ็บหรืออักเสบหลังการผ่าตัดทางช่องปาก หรือหลอดอาหาร, ปวดเกร็งในคนที่มีเลือดประจำาเดือนไม่ปกติ วิธีใช้ยา : รับประทาน 75-150 มก. ต่อวัน ในขนาดยาที่แบ่งให้ โดยรับประทานไดโคลฟีแนก 25 มก. ครั้ง ละ 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารทันที เช้า กลางวัน เย็น สำาหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ปี ควรอยู่ในความ 12
ดูแลของแพทย์ สำาหรับผู้ที่ปวดเกร็งจากการมีประจำาเดือนไม่ปกติ ไม่ควรใช้ยาไดโคลฟีแนคเกิน 200 มก. ต่อ วัน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ก่อนใช้ยาควรบอกแพทย์ หรือเภสัชกรว่าเคยได้รับยาอะไรมาก่อนหรือไม่ เช่น litium, diuretic, lanoxin, cyclosporin, methrotrexate, anticoaggulant; aspirin, oral antidiabetics เพราะยาเหล่านี้เกิดอันตรกิริยากับไดโคลฟีแนค ทำาให้ยาไม่มีผลในการรักษา ควรรับประทานยาหลังอาหารทันทีและดื่มนำ้าตามมากๆ เนื่องจากระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรืออาจรับ ประทานร่วมกับยาลดกรด ทำาให้เวียนศีรษะ ดังนัน้ ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักรกลในขณะรับประทานยานี้ หลีกเลี่ยงการรับประทานเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ไม่ต้องเคี้ยวยานี้ให้กลืนทั้งเม็ด เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ลืม และให้ทาน ตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : ปวดหัว เวียนศีรษะ คลืน่ ไส้ อาเจียน ปวดเกร็งที่ท้อง อาจท้องเสียหรือท้องผูกได้ อาหารไม่ย่อย มี แก๊สในกระเพาะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผิวหนังมีผื่นขึ้นเป็นวงนูนๆ ทีห่ ู, ทั่วไปตามแขน, ขา, ข้อศอก, เท้า อาจมี อาการคัน คำาเตือนและข้อควรระวัง : ถ้ามีอาการไอเป็นเลือด หรืออุจจาระเป็นสีดำา ให้หยุดยาและรีบพบแพทย์ทันที ระมัดระวังการใช้ยาในคนแก่ โดยเฉพาะคนที่มีนำ้าหนักน้อย คนที่เป็นโรคตับโรคไต, โรคกระเพาะ, โรคแผลเปื่อยในกระเพาะอาหารควรอยู่ในควรดูแลของแพทย์ หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยานี้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น 13
Diflunisal (ไดฟลูนิซอล) ชื่อการค้า : Dolobid ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้บรรเทาอาการปวด (น้อยจนถึงปานกลาง) ซึ่งรวมถึงอาการปวดและบวมจากโรคข้อ อักเสบ วิธีใช้ยา : รูปแบบของยานี้เป็นยาเม็ด วิธีการรับประทานคือ กลืนทั้งเม็ด (รับประทานหลังอาหารทันที) ห้าม เคี้ยว รับประทานในขนาดที่แพทย์สั่ง หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยานี้ควรปรึกษาเภสัชกร คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : หากคุณรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างถูกต้อง อาการของโรคก็จะบรรเทาลง แต่ถ้ารับประทานอย่างถูกต้องและครบถ้วนแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทาน ยาที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : ถึงแม้ว่าผลไม่พึงประสงค์จากการใช้ยานี้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ อาการ เหล่านี้ได้แก่ อาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เลือดออกใน กระเพาะอาหาร ห้องเสีย ท้องผูกอาหารไม่ย่อย มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ง่วงนอน หรืออาจจะทำาให้นอนไม่ หลับในบางครั้ง คำาเตือนและข้อควรระวัง : หากกำาลังมีครรภ์หรือวางแผนจะมีครรภ์ไม่ควรใช้ยานี้ ควรปรึกษาแพทย์ แพ้ยาแอสไพรินควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ มีปัญหาเกี่ยวกับเลือดหยุดไหลยาก เป็นโรคตับ ไต หัวใจ ความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หลีกเลี่ยงการรับประทานยาพาราเซทตามอล เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ขณะใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการสั่งใช้ยาถ้าขณะนี้คุณกำาลังรับประทานยาชนิดอื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะยาต้านการแข็ง ตัวของเลือด ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาขับปัสสาวะเช่น ยาไฮโดรคลอโรไทอไซด์ (hydrochlorothiazide) ยารักษามะเร็งเช่น เมทโธเทรกเสท (methotrexate) ยาต้านการอักเสบ และลดอาการปวดชนิดอื่นๆ (ควรปรึกษาเภสัชกรว่ายาประเภทนี้มียาตัวใดบ้าง) ยาอืน่ ที่ควรระวังเมื่อใช้ร่วมกับไดฟลูนิซอลคือไซโคลสปอริน (cyclosporin) การเก็บรักษา : 14
เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสงแดด, ความร้อนและความชื้น Digoxin (ดิจ๊อกซิน) ชื่อการค้า : Grexin,Lanoxin,Toloxin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยานี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำางานของหัวใจ ช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ได้ ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ข่วยรักษาจังหวะการเต้นหัวใจให้เป็นปกติ ช่วยเพิ่มการหมุนเวียน โลหิตและช่วยขับนำ้าส่วนเกินออกจากเนื้อเยื่อ ใช้บรรเทาอาการของโรคหัวใจล้มเหลว เช่น อาการบวมของขาและ ข้อเท้าและอาการหายใจหอบ วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1 ครั้ง ควรรับประทานในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้รับคำาแนะนำาจากแพทย์ ไม่ควรรับประทานยาในขนาดมากหรือน้อยกว่าที่แพทย์สั่ง ควรตรวจวัดชีพจรทุกๆ วัน ถ้าชีพจรที่วัดได้ตำ่ากว่าที่ควรจะเป็น ให้ติดต่อแพทย์ ถ้ามีอาการอาเจียนหรือท้องเสีย อาจเกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อยา ถ้าไปพบแพทย์ท่านอื่นเพื่อรักษา อาการดังกล่าวให้บอกแพทย์ด้วยว่าได้รับยานี้อยู่ ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เมื่อรับประทานยานี้อาจทำาให้เกิดอาการง่วงซึม ดังนั้น จึงควรระมัดระวังการขับรถยนต์หรือการทำางานเกี่ยวกับ เครื่องจักร ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือโซเดียมตำ่า และเสริมเกลือโปแตสเซียม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้งดยามื้อนั้นไปและรับประทานยามื้อต่อไปตามปกติ ห้ามรับประทานยาสองมื้อควบ ถ้าลืม รับประทานยา 2 ครั้งหรือมากกว่าติดต่อกัน ให้ปรึกษาแพทย์ ผลข้างเคียงของยา : ถ้ามีอาการต่อไปนี้ให้รีบไปพบแพทย์ คือ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน การมองเห็น เปลี่ยนแปลงไป (เช่น เห็นแสงแวบหรือแสงกระพริบ สายตาไม่สามารถสู้แสง มองเห็นสิ่งต่างๆ ใหญ่ขึ้นหรือเล็ก ลง เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว และเห็นแสงรอบวัตถุ) ง่วงซึม ปวดศีรษะ สับสน ซึมเศร้า อ่อนล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือชีพจรเปลี่ยนแปลง (หัวใจเต้นช้าลง) คำาเตือนและข้อควรระวัง : 15
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถ้าเคยรับประทานดิจ๊อกซินหรือดิจิท๊อกซินแล้วเกิดมีอาการผิดปกติขึ้นหลังจากรับ ประทานยา แจ้งให้ทราบถ้าหากกำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ได้รับการฉายรังสีหรือได้รับยาเคมีบำาบัดมะเร็ง เป็นโรคหัวใจ ไต ปอด หรือต่อมไทรอยด์ ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรที่เกี่ยวกับยาที่ได้รับอยู่ ยาอื่นอาจมีผลต่อดิจ๊อกซินจนอาจถึงระดับที่เป็นอันตรายได้ ไม่ควรรับประทานใหม่เพิ่มเข้ามาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถ้ารับประทานโคเลสทัยรามีน (Cholestyramine) ให้รับประทานหลังดิจ๊อกซิน อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการรบกวนฤทธิ์ของ ยา ถ้าได้รับ para-aminosalicylic acid (PAS), ยาลดกรด (antacid) คาโอลิน (kaolin), เพคติน(pectin), มิลค์ออฟแมกนีเซีย (milk of magnesia) หรือ ซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine) ให้รับประทานยาเหล่านี้ห่างจากดิจ๊อกซินมากที่สุดเท่าที่จะทำาได้ ถ้ามีอาการหายใจลำาบากและอาการบวมที่ขาส่วนล่างและข้อเท้า แสดงว่าขนาดยาที่ได้รับอาจตำ่าเกินไป ถ้าทำา กิจวัตรตามปกติแล้วมีอาการหายใจหอบหรือต้องตื่นนอนตอนกลางคืนบ่อยๆ เนื่องจากมีอาการหายใจหอบ ให้ บอกแพทย์ด้วย ไม่ควรเปลี่ยนขนาดยาเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ หากต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือทำาฟันให้บอกแพทย์ก่อนว่าได้รับยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก Diltiazem (ดิลไทอะเซ็ม) ชื่อการค้า : Altiazem,Angizem,Cardil,Denazox,Dilatam,Dilem,Dilizem,Diltan,Ditec, Dilzem,Ditizem,Herbesser,Medozem, Tildiem ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ดิลไทอะเซ็มมีฤทธิ์ชว่ ยเพิ่มปริมาณเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจ จึงสามารถควบคุม และลดอาการปวดเค้นอก นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง และมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อหัวใจ ทำาให้หัวใจไม่ต้องทำางานหนัก วิธีใช้ยา : ยานี้มี 2 รูปแบบคือเป็นยาเม็ดธรรมดา (tablet) รับประทานวันละ 1-4 ครั้ง และแคปซูลชนิด ออกฤทธิ์ได้นาน (controlled-release capsule) รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ขนาดที่ใช้ขึ้นกับแพทย์ สั่ง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : 16
ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ควรตรวจวัดชีพจรทุกวัน ถ้าหากชีพจรเต้นช้ากว่าที่แพทย์ได้กำาหนดไว้ จะต้องติดต่อแพทย์ ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามผลการใช้ยา ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมน้อย และควรออกกำาลังกายอย่างพอเหมาะ เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเหลือน้อยกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนเวลารับประทานยามื้อถัดไป สำาหรับยาเม็ด หรือเหลือน้อยกว่า 6 ชั่วโมงสำาหรับยาแคปซูลออกฤทธิ์เนิน่ ก็ให้งดยามื้อที่ลืมเสียแล้วรับประทาน มื้อถัดไปตามเวลาเดิมด้วย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : อาการข้างเคียงที่พบได้แก่ กล้ามเนื้ออ่อนล้า คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ผืน่ ขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หากอาการ เหล่านี้เป็นอยู่นานหรือรุนแรง ถ้ามีอาการมึนงง เวียนศีรษะ หรือหน้ามือขณะเปลี่ยนอิริยาบทจากท่านอนหรือนั่ง ให้ค่อยๆ เปลี่ยนอิริยาบทอย่าง ช้าๆ หากอาการเป็นอยู่นานหรือรุนแรงควรพบแพทย์ ถ้ามีอาการหอบ บวมที่เท้า ข้อเท้า หรือขาส่วนล่าง หัวใจเต้นไม่สมำ่าเสมอ (ช้าลง) รู้สึกปวดเค้นหน้าอกบ่อยๆ หรือปวดเค้นอกอย่างรุนแรงให้พบแพทย์ทันที นอกจากนี้อาจพบว่ามีการขยายตัวของเหงือก ให้หมัน่ ดูแลสุขภาพของช่องปาก และพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือเป็นโรคหัวใจ ตับ ไต ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำาลังใช้ยาตัวอื่นอยู่ โดยเฉพาะยากลุ่มเบต้าบล็อคเกอร์ ไซเมททิดีน ไซโคลสปอ ริน และดิจ๊อกซิน เพราะยาเหล่านี้อาจเกิดอันตรกิริยากับดิลไทอะเซ็มได้ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและให้พ้นจากมือเด็ก Disopyramide (ไดโสพัยราไมด์) ชื่อการค้า : Norpace ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ช่วยลดการทำางานที่มากเกินไปของหัวใจ และช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพการสูบฉีดโลหิตของหัวใจ 17
วิธีใช้ยา : รับประทานทุก 6-8 ชัว่ โมง ตามคำาสั่งของแพทย์ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามผลการรักษา ห้ามหยุดยาโดยไม่มีคำาสั่งแพทย์ ปฏิบัติตามคำาแนะนำาของแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ยานี้อาจทำาให้เกิดอาการเวียนศีรษะ จึงควรระมัดระวังในการขับรถหรือทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักร เมื่อคุณลืมกินยา : ถ้านึกได้ในเวลาที่มากกว่า 3 ชัว่ โมง ก่อนเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้รีบรับประทานยา ทันทีและรับประทานยามื้อต่อไปตามปกติ แต่ถ้าหากนึกได้ในเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมงก่อนเวลามื้อต่อไป ให้รับ ประทานยาทันทีและให้ข้ามยามื้อต่อไปเลย (ไม่ต้องรับประทานยามื้อต่อไป) หลังจากนั้นจึงรับประทานยาตาม เวลาปกติต่อไป ผลข้างเคียงของยา : ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ปากแห้ง ให้แก้ไขโดยดื่มนำ้า เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกกวาด ที่ปราศจากนำ้าตาล จมูกแห้ง ตาแห้ง ท้องผูก หายใจลำาบาก ตาพร่ามัว เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นลม หากอาการเหล่านี้เป็นอยู่นานหรือรุนแรงขึ้นให้ปรึกษาแพทย์ หากพบว่านำ้าหนักตัวขึ้น ขา และเท้าบวม เจ็บหน้าอก ปัสสาวะบ่อยหรือปัสสาวะขัด ควรรีบปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ถ้าหากกำาลังตั้งครรภ์ เป็นโรค myasthenia gravis ความดันโลหิตสูง ต้อหิน โรคหัวใจ ตับ ไต ต่อมลูกหมากโตหรือถ่ายปัสสาวะลำาบาก ควรบอกแพทย์ว่าได้รับยาอะไรอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาต้านการชัก ยาโรคหัวใจและยาต้านการแข็งตัวของ เลือด ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก Doxazosin (ด๊อกซาโซซิน) ชื่อการค้า : Cardura ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาที่ช่วยคลายและขยาย หลอดเลือดหัวใจ ใช้ในการลดความดันโลหิต 18
วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1 ครั้ง ในตอนเช้าหรือเย็น คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรพยายามรับประทานยาในเวลาที่ตรงกันทุกวัน ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเอง โดยมิได้ปรึกษาแพทย์ ควรตรวจวัดชีพจรทุกวัน ถ้าพบว่าชีพจรเต้นเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ให้ติดต่อแพทย์ ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการใช้ยา ควรลดอาหารรสเค็มและอาหารที่มีโซเดียมสูงและออกกำาลังกายพอเหมาะ เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีนึกได้ แต่ถ้านึกได้ในเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไป ให้งดยามื้อที่ลืม นัน้ และข้ามไปกินยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ปวดศีรษะ ท้องเสีย ท้องผูก คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดตา มีเสียงหริ่งในหู เบื่ออาหาร ปากแห้ง เหนื่อยล้า คัดจมูก มองภาพไม่ชัด ตาแห้ง นอนไม่หลับ อารมณ์หดหู่ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ถ้าเห็นว่าอาการข้างเคียงนี้ ไม่หาย หรือรุนแรงขึ้นให้ปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการเวียนศีรษะ ง่วงซึม ควรจะเปลี่ยนอิริยาบทอย่างช้าๆ และต้องระวังเวลาทำากิจกรรมที่ต้องอาศัยความ ตื่นตัว (เช่น ขับรถ) ถ้ามีอาการหายใจลำาบาก ชีพจรเต้นเร็วมาก ปวดเค้นอก มีผื่นที่ผิวหนัง มีไข้ นำ้าหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเลือด ออกผิดปกติหรือผิวหนังมีจำ้าเลือด บวมที่มือและเท้า เป็นลม ให้ไปพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบกำาลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร เป็นโรคตับ ไต ภูมิแพ้หรือเคยแพ้ยา พราโซซิน เทอราโซซิน มาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำาลังใช้ยาอื่นอยู่โดยเฉพาะยากลุ่มเบต้าบล๊อคเกอร์ อินโดเมธาซิน วีราพามิลและโคล นิดนี ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา แก้ไอ, ยาแก้หวัด, หรือยาแก้แพ้ เพราะยาพวกนี้จะมีส่วนประกอบที่ ทำาให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ถ้าหากต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือทำาฟัน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าใช้ยาด๊อกซาโซซินอยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสง ความชื้นและจากมือเด็ก 19
Enalapril (อีนาลาพริล) ชื่อการค้า : Anapril,Enam,Enamed,Enaril,Invoril,Istopril,Korandil,Lapril,Nalopril,Nar itec,Renitec ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาที่ใช้สำาหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจล้มเหลว วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ตามแพทย์สั่ง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : อาจต้องรับประทานยานี้ติดต่อกันหลายสัปดาห์ จึงจะได้รับผลการรักษาสูงสุด จึงไม่ควรหยุดใช้ยานี้เองโดยไม่ ปรึกษาแพทย์ ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือตำ่าหรืออาหารที่โซเดียมตำ่า และถ้าจะใช้เกลือโปแตสเซียมเพื่อทดแทนเกลือ โซเดียมควรปรึกษาแพทย์ก่อน เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไปให้งดยามื้อที่ลืมและ ข้ามไปกินยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : พบไม่บ่อยนัก ที่รนุ แรงทำาให้ต้องหยุดทันทีได้แก่ อาการหายใจลำาบาก มีอาการบวมของหน้า ตา ริมฝีปาก ลิ้น แขน หรือเท้า ให้หยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที อาการอื่นๆ ที่พบ เช่นปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ท้องเสีย ถ้าอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นหรือไม่หายไป ให้ติดต่อแพทย์ ถ้ามีอาการคลื่นไส้ให้รับประทานยาพร้อมอาหารหรือนม ถ้าไม่ดขี ึ้นให้แจ้งแพทย์ทราบ ถ้าเกิดผื่นแดง คันตามตัว ไม่ควรรักษาเอง ให้ติดต่อแพทย์ ถ้ามีอาการเจ็บคอ ไข้ ไอ หายใจหอบมีเสียงหวีด ให้รีบติดต่อแพทย์ ถ้ามีอาการเวียนศีรษะ มีนงง หน้ามืด โดยเฉพาะเมื่อเวลาเปลี่ยนอิริยาบทขณะนอนหรือนั่งให้เปลี่ยนอิริยาบทช้าๆ แต่ถ้าเป็นลมให้หยุดใช้ยาและติดต่อ แพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำาลังใช้ยาอื่นอยู่ โดยเฉพาะยาขับปัสสาวะ ยาเสริมโปแตสเซียม ยาลดความดันโลหิต 20
อื่นๆ และลิเธียม ถ้ากำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ โดยเฉพาะกรณีตั้งครรภ์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะลดประสิทธิภาพของยา หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟัน ควรแจ้งให้แพทย์ที่ทำาการผ่าตัดทราบถึงการใช้ยานี้ด้วย ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นความชื้นและจากมือเด็ก Ergotamine tartrate & Caffeine (เออร์โกทามีน ทาร์เทรต และคาเฟอีน) ชื่อการค้า : Avamigran,Cafergot,Degran,Polygot ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : รักษาอาการปวดศีรษะแบบไมเกรน หรือปวดหัวข้างเดียว ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดหดและ ขยายตัวผิดปกติ วิธีใช้ยา : ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป รับประทาน 1-2 เม็ด ทันทีที่มีอาการแล้วนอนพักผ่อนในที่เงียบ และมืดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ถ้าอาการไม่หายให้รับประทานยาอีก ครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง จนกว่าจะ หายหรือรับประทานยาครบ 6 เม็ด แล้วถ้าอาการยังไม่หายให้รีบพบแพทย์ทันที เด็กอายุตำ่ากว่า 12 ปี ปรึกษา แพทย์ในการใช้ยา คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรรับประทานยาทันทีที่เริ่มมีอาการ และไม่ควรรับประทานยาเกินวันละ 6 เม็ดหรือสัปดาห์ละ 10 เม็ด ไม่ควรใช้ยานี้เป็นระยะเวลานานๆ หรือบ่อยๆ เพราะอาจทำาให้เกิดพิษของยาได้ ยานี้อาจทำาให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ใจสั่น หรือความดันโลหิตสูงขึ้นได้บ้าง ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่าใช้ยานี้อยู่ เมื่อได้รับการรักษาอาการอื่นๆโดยเฉพาะถ้าได้รับปฏิชีวนะจำาพวกอิ ริโธมัยซิน หรือยาลดความดันโลหิต เช่น โปรปราโนลอล ไนเฟดิปิน เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : ที่พบโดยทั่วไปคือ อาการไม่สบายในท้อง ท้องผูก ปวดท้อง, ปวดแน่นบริเวณลิ้นปี่, คลื่นไส้, ปวดศีรษะ, บวมเล็กน้อยตามมือหรือเท้า, เสียงก้องในหู, การทรงตัวผิดปกติ อาการอื่นที่อาจเกิดคือ ผม ร่วง, บวมนำ้า, โลหิตจางซีด, ตับอักเสบ, เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำาไส้, นอนไม่หลับ หากมีอาการผิด ปกติเหล่านี้เกิดขึ้นควรปรึกษาแพทย์ 21
คำาเตือนและข้อควรระวัง : ถ้ามีอาการต่างๆ ดังนี้ควรรีบพบแพทย์ รับประทานยาครบวันละ 6 เม็ดแล้วถ้าอาการยังไม่หายหรือมีอาการรุนแรงขึ้น เริ่มมีอาการชา รู้สึกหนาว ปวดตามแขน ขา หรือกล้ามเนื้อไม่มีแรง ปวดท้อง เพราะเป็นอาการพิษของยา คือ หลอดเลือดตีบตัน ซึ่งอาจทำาให้เกิดเนื้อตาย(gangrene) ได้ รับประทานยาแล้วมีผื่นขึ้นมาก มีไข้ขึ้นสูงอาจเป็นอาการแพ้ยาได้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสงแดด, ความร้อนและความชื้น Estrogen (เอสโทรเจน) ชื่อการค้า : Premarin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เอสโทรเจนเป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นภายในร่างกาย ช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง การใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนนี้มีข้อบ่งใช้เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะหมดประจำา เดือน เช่น อาการร้อนวูบวาบ, เหงื่ออกมา, นอนไม่หลับ, อวัยวะเพศแห้งและคัน, ขาดสมาธิและอารมณ์ หงุดหงิด นอกจากนี้ยังใช้รักษา มะเร็งเต้านมหรือมะเร็งต่อมลู กหมาก วิธีใช้ : ยานี้มี 3 รูปแบบคือ ยาเม็ด (tablets), แผ่นแปะผิวหนัง (skin patched), ครีมทาช่องคลอด (vaginal cream) สำาหรับการใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนชนิดเม็ดเพื่อทดแทนฮอร์โมนเพศให้รับประทานวัน ละ 1 ครั้งติดต่อกัน 21 วัน จากนั้นจะเว้นไป 7 วัน ก่อนเริ่มวงจรใหม่ การใช้เพื่อรักษมะเร็งให้รับประทานวัน ละ 3 ครั้งติดต่อกันทุกวันอย่างน้อย 3 เดือน การใช้ชนิดแผ่นแปะผิวหนังให้แปะผิวหนังสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็น เวลา 3 สัปดาห์ โดยจะต้องแบ่งในวันเดียวกันของแต่ละสัปดาห์ (เช่น จันทร์, พฤหัส) จากนั้นจะเว้นไป 1 สัปดาห์ แล้วเริ่มวงจรใหม่ หากใช้ชนิดครีมจะต้องใช้ตามคำาสั่งของแพทย์ หากต้องใช้วนั ละครั้งควรทาก่อนนอน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : การใช้ฮอร์โมนจะต้องมีการพบแพทย์เป็นประจำาเพื่อดูการตอบสนองของฮอร์โมน ที่ได้รับต่อร่างกาย เพราะการใช้ฮอร์โมนนี้มีโอกาสที่จะทำาให้เกิดมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านมได้ เมื่อคุณลืมกินยา : ให้แปะยาทันทีที่นึกได้ บันทึกวันที่แปะครั้งใหม่และปรับเวลาการแปะแผ่นยาใหม่ ผลข้างเคียงของยา : 22
อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตะคริว ท้องเสีย หิวบ่อย นำ้าหนักเปลี่ยนแปลงไป หรือประจำาเดือนมาไม่ปกติ กรณีที่เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาจแก้ไขโดยรับประทานฮอร์โมน หลังอาหาร เพื่อไม่ให้ท้องว่างได้ แต่ถ้า อาการดังกล่าวข้างต้นมีภาวะรุนแรงให้รีบปรึกษาแพทย์ กรณีถ้าใช้แผ่นแปะผิวหนังและเกิดผื่นแดง หรือมีอาการระคายเคือง อาจแก้ไขโดยเปลี่ยนบริเวณที่แปะใหม่ แต่ ถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์ หากมีอาการต่างๆ เหล่านี้ควรรีบติดต่อแพทย์อย่างเร่งด่วนทันที ได้แก่ ปวดหัวและอาเจียนอย่างมาก การมอง เห็นเปลี่ยนไป มึนงง แขนขาอ่อนแรง เจ็บหน้าอก ไอ และไอมีเลือดออก หายใจถี่ๆ ปวดท้องอย่างรุนแรง ตา เหลืองตัวเหลือง คัน เบื่ออาหาร หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับสมอง คำาเตือนและข้อควรระวัง : ก่อนมีการใช้ฮอร์โมนควรแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงประวัติการเจ็บป่วยของคุณและครอบครัวและกรณีที่มี การแพ้แอสไพรินก็ต้องแจ้งแพทย์ด้วย รวมถึงการรักษาทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยาที่คุณปฏิบัติอยู่ หญิงมีครรภ์และให้นมบุตร ห้ามใช้ฮอร์โมนนี้ ห้ามสูบบุหรี่ร่วมกับการใช้ฮอร์โมนแอสโทรเจน การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก ห้ามดึงแผ่นออกจากช่องจนกว่าจะแปะยาบนผิวหนัง Ethambutol (เอ็ทแทมบูทอล) ชื่อการค้า : Ethbutol,Lambutol,Myambutol,Servambutol,Tibitol,Tobutol ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้กำาจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรควัณโรค ซึ่งต้องใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อรักษาโรค และเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่อื่น วิธีใช้ยา : เพื่อช่วยให้หายจากโรควัณโรคอย่างสมบูรณ์แท้จริง ต้องรับประทานยานี้ให้ครบตลอดระยะเวลา ทีท่ ำาการรักษาถึงแม้วา่ จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งข้อนี้มีความสำาคัญมาก และการลืมรับประทานยาก็มีความ สำาคัญด้วยเช่นกัน ควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า เพื่อจะได้จำาได้ง่ายไม่ลืม โดยอาจได้รับยานี้เป็น เวลานานตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และรับประทานยานี้ในเวลาเดียวกันทุกวัน ปฏิบัติตามคำาเตือนในฉลากอย่าง เคร่งครัด หากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรทันที 23
คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่งติดต่อกันจนหมด ถึงแม้ว่าจะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม ถ้าหากหยุดรับประทานยา ก่อนที่ยาจะหมด จะทำาให้มีการติดเชื้อซำ้าขึ้นมาอีก ขณะที่มีการใช้ยานี้ จำาเป็นจะต้องมีการตรวจตา เลือด ไต และตับ ทุกๆ 3 เดือนถึง 6 เดือน กรุณาไปตามนัด แพทย์ทุกครั้งเพื่อตรวจสอบว่ายานี้ถูกกับโรคที่เป็นหรือไม่ อย่างไร เพื่อช่วยในการปรับขนาดการใช้ยาของแพทย์ ต่อไป ผู้ป่วยต้องแน่ใจว่ายาที่อยู่กับตัวมีเพียงพอสำาหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดระยะยาว และโอกาสอื่นๆ ที่ ท่านไม่สามารถได้รับยาครบได้ เมื่อคุณลืมกินยา : รับประทานยาเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าหากนึกได้เมื่อใกล้ถึงระยะเวลาที่จะได้รับยาในครั้ง ต่อไป ก็ให้รับประทานมื้อต่อไป โดยข้ามมื้อที่ลืมไป อย่ารับประทานในขนาด 2 เท่าจากที่ได้รับปกติ ผลข้างเคียงของยา : ถึงแม้ว่าผลข้างเคียงจากยานี้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับผลข้างเคียงนั้น ได้นั้นคือ การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน ความไม่สามารถที่จะมองเห็นสีแดงและสีเขียว หรือการมองเห็น เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ผื่น คัน ถ้าหากพบอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ทันที ผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น เบื่อ อาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปัญหานี้จะค่อยๆ หมดไปเมื่อร่างกายสามารถปรับตัวได้ ถ้าหากผู้ป่วยไม่ดีขึ้น ให้รีบ ปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ก่อนที่จะได้รับยานี้ ผู้ป่วยควรบอกแพทย์หากว่า ท่านตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นม บุตรและบอกแพทย์ถ้าหากท่านเป็นโรคไต เก๊าท์ หรือตาผิดปกติ เช่น ต้อกระจก ก่อนได้รับยานี้เช่นกัน ไม่รับประทานยานี้รว่ มกับยาลดกรดที่ประกอบด้วยอลูมิเนียม ถ้าจำาเป็นต้องรับประทานยาลดกรด ควรทิ้งระยะ การรับประทานยาลดกรดให้ห่างจากยา เอ็ทแทมบูทอลอย่างน้อย 2 ชัว่ โมง ไม่ควรให้ผู้อื่นใช้ยานี้ร่วมกับท่าน การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะที่ได้รับมาพร้อมกับยาให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสงแดด, ความร้อนและความชื้น ไม่ควรเก็บในตู้เย็นหรือใกล้เตาไฟ Famotidine (ฟาโมทิดีน) 24
ชื่อการค้า : Fadine,Famoc,Famocid,Famonox,Famopsin,Famotin,Fasidine,Motidine,P epcidine,Pepcine,Pepfamin, Peptoci,Pepzan,Servipep,Ulceran,Ulcofam,Ulfamet ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยานี้ออกฤทธิ์โดยลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหารใช้รักษาแผลในทางเดินอาหารและใช้ รักษาการกลับเป็นซำ้าของโรคแผลในกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยรักษาภาวะที่มีการผลิตกรดในกระเพาะอาหารมาก เกินไป เป็นยากลุ่ม histamine H2-receptor antagonists ที่ออกฤทธิ์โดยลดปริมาณการสร้างกรด จากกระเพาะอาหาร วิธีใช้ : ยาเม็ดมีขนาด 20 และ 40 มิลลิกรัม ยานี้สามารถให้ร่วมกับอาหารหรือยาลดกรด (antacid) ได้ ให้รับประทานวันละครั้งก่อนนอนหรือวันละ 2 ครั้ง เช้า-ก่อนนอน แผลในกระเพาะอาหารมักจะหายภายใน 4 สัปดาห์ แต่ควรได้รับยาต่อไปอีกจนถึง 8 สัปดาห์ หรือนานกว่านี้ห้ามหยุดยาเอง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : การสูบบุหรี่ทำาให้ผลการรักษาของยาลดลงโดยเพิ่มปริมาณการหลั่งกรด โดยเฉพาะ ในช่วงกลางคืน จึงควรงดสูบบุหรี่หรือไม่ควรสูบบุหรี่หลังจากได้รับยาครั้งสุดท้ายในแต่ละวัน เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : อาจพบอาการผื่น บวมพอง ความคิดสับสน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือเต้นช้า เจ็บคอ เพลีย แน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายเห็นภาพไม่ชัด ท้องผูก ท้องเสีย วิงเวียน มึนงง ปากแห้ง ปวดหัว เหงื่อออกมาก ปวด กล้ามเนื้อและข้อ ถ้าเป็นมากควรพบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : สตรีมีครรภ์หรือคาดว่าจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ ในระหว่างให้นมบุตร ยาสามารถผ่านไปสู่ทารกได้ และอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ลดปริมาณการสร้างกรดในกระเพาะ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ ในการเลือกใช้ยาตัวอื่นทดแทน หรือหยุดให้นมบุตร ผู้สูงอายุ อาจเกิดอาการสับสนและวิงเวียนได้มากกว่าคนปกติ แจ้งให้แพทย์ทราบหากเป็นโรคตับหรือไต การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น 25
Fluconazole (ฟลูโคนาโซล) ชื่อการค้า : Biozole,Diflucan,Flucozole ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : รักษาการติดเชื้อโรคนิวโมเนีย meningitis และติดเชื้อราในช่องปาก, คอ, ตับ, ไต, หัวใจ, ทางเดินปัสสาวะและท้อง นอกจากนั้นยังใช้ในการติดเชื้อในช่องคลอดด้วย วิธีใช้ใช้ยา : รับประทานวันละ 1-4 ครั้ง ยานี้จะมีประสิทธิภาพดีที่สุดเมื่อปริมาณยาในร่างกายมีระดับคงที่ ดัง นัน้ ควรรับประทานยาในเวลาเดิมตลอด (เช่นรับประทานยาพร้อมอาหาร 3 มื้อต่อวัน) คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : รับประทานยาให้ครบตามเวลาการรักษา แม้ว่าอาการจะหายไปแล้ว (ถ้าหยุดใช้ยาก่อนกำาหนดจะทำาให้เกิดการ ติดเชื้อซำ้าได้) หากเป็นครั้งแรกที่มีอาการคันช่องคลอดและรู้สึกไม่สบายควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา ถ้ามีการติดเชื้อในช่องคลอด ควรสวมชั้นในผ้าฝ้าย (ไม่ใช้ชั้นที่ทำาจากไนลอน, เรยอง, หรือใยสังเคราะห์อื่น) ไม่ใช้ยา ถ้ามีอาการปวดท้อง, มีไข้หรือมีนำ้าจากช่องคลอดซึ่งมีกลิ่นเหม็น ให้พบแพทย์ทันที พบแพทย์ตามกำาหนดนัดหมาย เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : อาการมวนท้อง เบื่ออาหาร รับรสเปลี่ยนไป ท้องเสีย ปวดศีรษะ มึนงง ถ้ามีอาการนี้เป็นอยู่ นานควรไปพบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรบอกแพทย์ก่อนใช้ยา ถ้าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นระหว่างที่ใช้ยาอยู่ให้ไปพบแพทย์ หากเคยมีปัญหาไต ตับ ควรบอกแพทย์ก่อนรับประทานยา ก่อนรับประทานยา fluconazole ให้บอกแพทย์หรือเภสัชกรถึงยาทีก่ ำาลังใช้อยูข่ ณะนีโ้ ดยเฉพาะยาต้านการ แข็งตัวของเลือด (warfarin), rifampin, cyclosporine, ยาเม็ดรักษาเบาหวาน, phenytoin, ยาต้านฮีสตามีน (terfenadine, astemizole) และยารักษาโรคกระเพาะ (cimitidine) เพราะต้อง ปรับขนาดยา fluconazole หรือยาอื่น ไม่ควรใช้ยา fluconazole ร่วมกับยาเม็ดคุมกำาเนิด ถ้าต้องการใช้ยา fluconazole ควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้การคุมกำาเนิดด้วยวิธีอื่น 26
ไม่ให้ผู้อนื่ ใช้ยาร่วมกัน การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Furosemide (ฟูโรซีไมด์) ชื่อการค้า : Aldic,Dirine,Frusid,Fudirine,Furetic,Furide,Hawkmide,Impugan,Lasix,M ediuresix ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาขับปัสสาวะโดยทำาให้ไตขับนำ้าและเกลือแร่ที่ไม่ต้องการออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง อาการบวม ซึ่งเกิดจากความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น โรคหัวใจ วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ถ้ารับประทานวันละครั้ง ควรรับประทานในตอนเช้า ถ้ารับประทานวัน ละ 2 ครั้ง ควรรับประทานในตอนเช้าและตอนบ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปัสสาวะบ่อยๆ ในตอนกลางคืน ควรตรวจ วัดความดันโลหิตอย่างสมำ่าเสมอ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ในกรณีทนี่ ำ้าหนักตัวลดหรือเพิ่มอย่างรวดเร็วควรจะปรึกษาแพทย์ ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือในปริมาณตำ่า ควรรับประทานโปแตสเซียมเสริม หรืออาหารที่มีโปแตสเซียมสูง เช่น กล้วยหรือนำ้าส้ม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไปให้งดยามื้อที่ลืมและ ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ผลข้างเคียงของยา เช่น ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย กระหายนำ้า อาจมีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ ให้แก้ไขโดยควรจะค่อยๆ เคลื่อนไหว เมื่อเปลี่ยนอิริยาบทจากท่านั่งหรือนอน ถ้ามีอาการตาพร่ามัว สับสน มีไข้หรือเจ็บคอ ควรจะไปพบแพทย์ ถ้ามีผนื่ ขึ้นควรหยุดยาและรีบปรึกษาแพทย์ทันที 27
คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งแพทย์หากคุณแพ้ยาซัลฟา เป็นโรคเบาหวาน โรคเก๊าท์ โรคตับ ไตหรือกำาลัง ตั้งครรภ์ การเก็บรักษา : ควรเก็บยานี้ในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงและจากมือเด็ก Gemfibrozin (เจ็มไฟโบรซิล) ชื่อการค้า : Deopid,Dropid,Gemfibril,Gozid,Hidil,Ipolipid,Liposon,Lipozil,Locholes, Lopid,Mariston,Norpid, Poli-fibrozil,Polyxit,Tiba ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้เพื่อลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันบางชนิดในเลือด ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมัน ไปเกาะอยู่ตามผนังของหลอดเลือดจะส่งผลให้ลดการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ทำาให้ออกซิเจนที่ไปเลี้ยง หัวใจ สมองและส่วนต่างๆ ของร่างกายลดลงตามไปด้วย แต่ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมันในเลือดตำ่าจะเป็นการ ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปวดเค้นอก สมองขาดเลือดและหัวใจวาย วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ถ้ารับประทานวันละ 1 ครั้งให้รับประทานยาพร้อมกับอาหารเย็น ถ้า หากรับประทานยา 2 ครั้ง ก็ให้รับประทานพร้อมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น ขนาดการใช้ยาขึ้นกับแพทย์สั่ง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษา ควรปฎิบัติตัวตามคำาแนะนำาของแพทย์ เช่น งดสูบบุหรี่ ควบคุมอาหาร ออกกำาลังกาย หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์และพยายามควบคุมนำ้าหนักไม่ให้อ้วน ควรรับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลและไขมันตำ่า เช่น นมพร่องไขมัน เนื้อปลา ผลไม้ ข้าว ถั่วต่างๆ เนื้อเป็ด ไก่ ไข่ขาวและนำ้ามันชนิดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น นำ้ามันจากข้าวโพด, ดอกคำาฝอยและถั่วเหลือง เป็นต้น ให้หลีก เลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องใน เช่น ตับและเนื้อติดมัน ไข่แดง นมสด ครีม เนย มันหมู ขนมปัง เค้ก คุกกี้ ช๊อคโกแลต อาหารทอด มะพร้าว เนยแข็ง นำ้ามันมะพร้าวและนำ้ามันปาล์ม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไป ก็ให้งดยามื้อที่ ลืมและข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : อาการข้างเคียงได้แก่ อาการปวดเกร็งท้อง ท้องเสียหรือท้องผูก คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย ปวด แสบกระเพาะ ปวดศีรษะ มองภาพไม่ชัด เวียนศีรษะ ผืน่ คัน ถ้าอาการต่างๆ ดังกล่าวเกิดรุนแรงขึ้นหรือไม่หายไป 28
ให้ปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อแข็งกดเจ็บ ตะคริวหรืออ่อนเพลีย โดยมีไข้หรือไม่มีไข้ให้รีบ พบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์หรือสงสัยว่าอาจจะมีการตั้งครรภ์ รวมทั้งในระยะให้นมบุตรด้วย ถ้าหากว่าเกิดตั้งครรภ์ขึ้นในขณะที่ใช้ยาอยู่ ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเป็นโรคตับ โรคไต ติดเชื้ออย่างรุนแรง ความดันโลหิตตำ่า ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่าขณะนี้ได้รับยาอะไรอยู่บ้าง โดยเฉพาะยา ซัยโคลสปอริน อิริโธรมัยซิน เจ็มไฟ โปรซิล ไนอะซิน และยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วอร์ฟาริน เป็นต้น ถ้าหากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟันให้บอกแพทย์หรือทันตแพทย์ด้วยว่าขณะนี้ได้รับยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงและจากมือเด็ก Griseofulvin (กริซิโอฟูลวิน) ชื่อการค้า : Fulcin,Grifulvin,Grisflavin,Grisovin,Grivin,Neofulvin,Trivanex ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้สำาหรับรักษาโรคที่เกิดเนื่องจากเชื้อราที่ผิวหนัง ผม เล็บมือ และเล็บเท้า วิธีใช้ยา : โดยปกติจะรับประทานวันละ 1-4 ครั้ง ตามแพทย์สั่ง การใช้ยาจะต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน กรณีถ้าเป็นยานำ้าต้องเขย่าขวดทุกครั้งก่อนรินยา ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อไม่เข้าใจวิธีใช้ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : รับประทานยาจนกว่าแพทย์สั่งให้หยุดแม้ว่าจะมีอาการดีขึ้นเนื่องจากเป็นยาที่ต้อง ใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เชื้อรา ถูกทำาลายจนหมด โดยใช้ 2-4 สัปดาห์ สำาหรับการติดเชื้อที่ผิวหนัง, อย่างน้อย 46 สัปดาห์สำาหรับการติดเชื้อที่ผมและหนังศีรษะ, อย่างน้อย 3-4 เดือน สำาหรับการติดเชื้อที่เล็บมือและอย่าง น้อย 6 เดือนสำาหรับการติดเชื้อที่เล็บเท้า ควรกลับมาพบแพทย์ตามที่กำาหนด เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : อาการข้างเคียงที่พบไม่บ่อยแต่อาจเกิดขึ้นได้ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย กระหายนำ้า ให้รับประทานยาหลังอาหาร ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์ 29
ปวดศีรษะ ถ้าอาการไม่หายใน 2-3 วัน ให้ไปพบแพทย์ เมื่อยล้า มึนงง นอนไม่หลับ ถ้าอาการรุนแรงให้ไปพบแพทย์ ระคายเคืองในปาก ให้ไปพบแพทย์ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Hydrochlorothiazide (ฮัยโดรคลอโรไธอะไซด์) ชื่อการค้า : Dichlotride,Didralin,Diuret-p,Hydrozide,Servithiazid ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาขับปัสสาวะ ใช้สำาหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูงและอาการบวมนำ้าจากสาเหตุ ต่างๆ เช่น โรคหัวใจ หรือภาวะที่ไตไม่สามารถกำาจัดนำ้า เกลือแร่ออกจากปัสสาวะได้ วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง พร้อมอาหาร ถ้ารับประทานวันละครั้งควรรับประทานในตอนเช้า ถ้ารับ ประทานวันละ 2 ครั้ง ควรประทานตอนเช้าและตอนบ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปัสสาวะบ่อยๆ ในตอนกลางคืน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบตามแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษา ไม่ควรหยุดยาเอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ ควรปฏิบัติตัวตามคำาแนะนำาของแพทย์ เช่น การออกกำาลังกาย, การรับประทานอาหารที่มีเกลือ, โซเดียมตำ่า, การได้รับโปแตสเซียมเสริมหรือรับประทานอาหารที่มีปริมาณโปรแตสเซียมสูง เช่น กล้วย ส้ม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้านึกได้ในเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไปให้ข้ามไปรับ ประทานยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : โดยมากจะมีอาการปัสสาวะบ่อย แต่ถ้าใช้ยาไปอีก 2-3 สัปดาห์ อาหารเหล่านี้จะหายไป ถ้าเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง, หิวนำ้า ให้ตรวจสอบว่าได้เสริมโปแตสเซียมแล้วหรือไม่ ถ้าอาการเหล่านี้ยังคงมี อยู่ ควรปรึกษาแพทย์ หากมีอาการเจ็บคอ, ผืน่ ขึ้นที่ผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ทันที ถ้าหากมีอาการมึนหรือเวียนศีรษะให้เปลี่ยนอิริยาบทจากท่านั่งหรือท่านอนอย่างช้าๆ ถ้าอาการเหล่านี้ยังคงอยู่ 30
หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ให้รีบติดต่อแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งแพทย์ทราบหากเป็นโรคไต ตับ เบาหวาน เกาต์หรือแพ้ยากลุ่มซัลฟา ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือใช้ยาที่ทำาให้ง่วงนอน ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบหากใช้ยาอื่นอยู่ โดยเฉพาะ ลิเธียม โพรเบเนซิด ยารักษาโรคไขข้อ ยานอน หลับ หรือตัวยาอื่นที่รักษาโรคความดันโลหิตสูง ถ้าหากกำาลังใช้ยาโคเลสทัยรามีน (cholestyramine) ให้รับประทานหลังจากได้รับประทานฮัยโดรคลอ ไรไธอะไซด์ อย่างน้อย 1 ชัว่ โมง หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟัน ควรบอกให้แทพย์ทราบเกี่ยวกับระดับความดันโลหิตของคุณ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงและจากมือเด็ก Ibuprofen (ไอบูโปรเฟน) ชื่อการค้า : Aprofen,Brufen,Bruprin,Brusil,Bumed,Cefen,Duran,Fenslow,Greatofen,I brofen,Ibufac,Ibufen,Ibugan, Ibulan,Iburen,Junifen,Mafen,Ostofen,Perofen,Pippen,Probufen,Rheumano x,Rumasian,Rupan,Serviprofen,Tofen,Trofen ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาในกลุ่มต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ มีข้อบ่งใช้หลายอย่างขึ้นอยู่กับขนาด ใช้ยาแต่ละครั้ง มีฤทธิ์ลดไข้ แก้ปวดและลดการอักเสบเหมือนแอสไพรินแต่มีขนาดใช้ยาตำ่ากว่า วิธีใช้ยา : เมื่อใช้ลดไข้และบรรเทาอาการปวดที่ไม่รุนแรงนัก เช่น ปวดประจำาเดือน ปวดฟันและปวดแผลหลังการผ่าตัด ให้รับประทานครั้งละ 200-400 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชัว่ โมง (แต่ไม่เกิน 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน) ผลการ รักษาควรปรากฏใน 1-3 วัน และหากอาการไม่หายควรไปพบแพทย์ เมื่อใช้ลดอาการอักเสบของระบบกล้ามเนื้อและโครงกระดูก เช่น ในข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อเสื่อมเป็นต้น ให้รับประทานครั้งละ 300-600 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชัว่ โมง (แต่ไม่เกิน 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน) โดยรับ ประทานยาสมำ่าเสมอเป็นเวลา 2 สัปดาห์จึงจะปรากฎผลรักษาเต็มที่ 31
คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ไม่ควรขับรถหรือทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักรขณะใช้ยา ไม่รับประทานยาเกินขนาดที่ระบุบนฉลาก ถ้าต้องการเพิ่มขนาดยาควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 3 วัน สำาหรับแก้ไขหรือเกิน 10 วัน สำาหรับแก้ปวด โดยมิได้ปรึกษาแพทย์ ถ้าขณะได้รับยานี้สำาหรับแก้ปวด แล้วบริเวณที่ปวดเริ่มมีสีแดงหรือบวม ควรปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้ยาในผู้ป่วยที่ไวต่อยานี้หรือผู้ป่วยที่มีหลอดลมหดเกร็งหลังจากได้รับยาก ลุ่มต้านการอักเสบ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์มาก่อน หากใช้ยานี้ร่วมกับแอสไพรินหรือแอลกอฮอล์จะมีผลเพิ่มการเกิดแผลในทางเดินอาหาร ได้ ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการหยุดไหลของ เลือด ความดันโลหิตสูง โรคไต ควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง ผูป้ ่วยที่รับยากันเลือดแข็งตัว ยาที่ใช้ในโรคข้ออักเสบ อยู่ ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนรับประทานยานี้ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ควรบอกแพทย์ให้ทราบก่อน ที่จะรับประทานยานี้ และไม่ควรซื้อยาใช้เองในเด็กอายุตำ่ากว่า 12 ปี เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : คลืน่ ไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืดและท้องเดิน อาการอื่นที่พบได้ เช่น บวมนำ้า ผิวหนังเป็นผื่น แดงคัน หูอื้อ ตามัว อาจพบการทำางานของไตและตับผิดปกติ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Isoniazid (ไอโซไนอาซิด) ชื่อการค้า : ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ในรักษาวัณโรคและใช้เพื่อป้องกันในคนที่สัมผัสกับเชื้อวัณโรคที่ยังไม่แสดงอาการในการ ใช้ยาต้องใช้ติดต่อกันอย่างต่อ เนื่องประมาณ 6-12 เดือน ซึ่งอาจมีการใช้เพียงชนิดเดียวหรือใช้ร่วมกับยาอื่น วิธีใช้ใช้ยา : รับประทานวันละครั้งตอนท้องว่าง คือ ก่อนอาหาร 1 ชัว่ โมง หลังอาหาร 2 ชัว่ โมงและรับประทาน ยาอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันนาน ตามแพทย์สั่งเพราะการรับประทานยาอย่างสมำ่าเสมอจะช่วยให้การรักษามี 32
ประสิทธิภาพ มากขึน้ แม้วา่ จะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ต้องกินยาติดต่อกันจนหมดตามระยะเวลาในการรักษา เพื่อมิให้ ลืมรับประทานยา ควรรับประทานยานี้ในเวลาเดียวกันทุกวัน ซึ่งอาจเป็นเวลาแปรงฟันหรือก่อนเข้านอน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ห้ามหยุดรับประทานยาเองโดยมิได้ปรึกษาแพทย์เพราะหากหยุดยาเร็วเกินไปอาจทำาให้มีการติดเชื้อซำ้าได้ ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมินการตอบสนองต่อยา เมื่อแพทย์สั่งให้หยุดยาแล้วก็ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อให้แพทย์ตรวจดูว่ามีการติดเชื้อซำ้าหรือไม่ หากมีการใช้ยาลดกรดระหว่างที่มีการใช้ยา isoniazid ควรรับประทานยาลดกรดหลังจากรับประทาน isoniazid อย่างน้อย 1 ชัว่ โมง เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : หากมีการมองเห็นไม่ชัดหรือปวดตาควรรีบปรึกษาแพทย์เพราะอาจต้องมีการตรวจตา หากมีอาการตึง เจ็บปวดหรือชาบริเวณแขน ขา ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะแพทย์อาจให้วิตามินบี 6 เสริมเพื่อ ป้องกันอาการเหล่านี้ อาจเกิดผื่นคันหรือรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อควรพบแพทย์ทันที คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ทันที ตับอักเสบ อาจมีการตรวจการทำางานของตับในผู้ป่วยบางรายเพื่อดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ คำาเตือนและข้อควรระวัง : หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรบอกแพทย์ก่อนใช้ยา บอกให้แพทย์ทราบว่าคุณเคยรักษาวัณโรคมาก่อนหรือไม่และคุณแพ้ Isoniazid หรือไม่ หากเคยมีประวัติเป็นโรคตับ ไต เบาหวานหรือพิษสุราเรื้อรัง ควรบอกแพทย์ทราบก่อนทำาการรักษาด้วยยานี้ หากมีการใช้ยาอื่นร่วมด้วยระหว่างใช้ยานี้ควรบอกให้แพทย์ที่ทำาการรักษาทราบก่อน โดยเฉพาะยาลดกรดที่มี ส่วนผสมของอลูมิเนียมและยาต้านชัก เช่น phenytoin ผู้ป่วยเบาหวานที่ใช้ยานี้ไม่ควรใช้ clinitest ในการตรวจนำ้าตาลในปัสสาวะเพราะ isoniazid สามารถ ทำาให้ผลการตรวจที่ผิดพลาดได้ อย่าใช้ยานี้ร่วมกับผู้อื่น การเก็บรักษา : 33
เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Isosorbide (ไอโซซอร์ไบด์) ชื่อการค้า : Angitrit,Cedocard,IsoMack,Isobinate,Isoket,Isordil,Isorem,Isotrate,Sorbi din,Sorbitrate,Somil ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยานี้ออกฤทธิ์โดยเพิ่มการไหลเวียน เลือด และออกซิเจนให้ไปเลี้ยงที่หัวใจมากขึ้น ใช้ สำาหรับป้องกันและรักษาอาการปวดเค้นอก (angina pectoris) และใช้รักษาภาวะหัวใจล้มเหลว (congestive heart failure) วิธีใช้ยา : ผลิตภัณฑ์ยานี้จะทำาในรูปยาเม็ดธรรมดา, ยาเม็ดสำาหรับอมใต้ลิ้น (sublingual), ยาเม็ดหรือแคปซูลชนิด ออกฤทธิ์เนิ่น (controlled-release tablet, capsule) ผลิตภัณฑ์ในรูปยาเม็ดสำาหรับอมใต้ลิ้นจะใช้สำาหรับบรรเทาอาการปวดเค้นอกหรือป้องกันอาการปวดเค้นอกที่ คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการทำางานหรือออกกำาลังกายหรือการกระทำาใดๆ ที่จะก่อให้เกิดอาการปวดเค้นอกได้ (เช่น การเดินขึ้นบันไดหลายๆ ขั้น, การมีเพศสัมพันธ์, เดินขึ้นภูเขาหรือการอยู่ในอากาศที่หนาวเย็น) เพื่อป้องกันอาการปวดเค้นอก อาจต้องกินยาทุก 2-3 ชัว่ โมง จึงควรมียาติดตัวตลอดเวลา เมื่อเกิดมีอาการให้ผู้ ป่วยนั่งลงแล้วให้อมยาไว้ที่ใต้ลิ้นหรืออมไว้ที่กระพุ้งแก้มและปล่อยให้เม็ดยาละลายเอง ห้ามกลืนยาลงไปทั้งเม็ด และอย่ากลืนนำ้าลายบ่อยครั้งในระหว่างที่อมยา ตัวยาจะออกฤทธิ์ภายใน 3 นาที ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 5-10 นาที ให้อมได้อีก 1 เม็ด ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นอีกภายใน 5-10 นาที ต่อมาให้อมอีก 1 เม็ด แต่ถ้าอมถึง 3 เม็ด แล้วอาการไม่ดีขึ้น (ภายใน 15-30 นาที หลังจากมีอาการ) ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที ผลิตภัณฑ์ในรูปยาเม็ดธรรมดาหรือยาออกฤทธิ์เนิ่น จะใช้เพื่อป้องกันอาการปวดเค้นอก ให้กลืนลงไปทั้งเม็ด ห้ามเคี้ยว หรือปล่อยให้ยาละลายในปาก ยานี้ไม่สามารถใช้บรรเทาอาการปวดเค้นอกขณะมีอาการได้เนื่องจาก ต้องใช้เวลานานในการออกฤทธิ์ ชนิดเม็ดธรรมดาให้รับประทาน วันละ 3-4 ครั้ง ขณะท้องว่าง (ก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชัว่ โมงหรือหลัง อาหาร 2 ชั่วโมง) ชนิดออกฤทธิ์เนิ่นให้รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง จำานวนครั้งและขนาดที่รับประทานขึ้นอยู่ กับคำาสั่งแพทย์ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : 34
ห้ามหยุดยาหรือลดขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อรายงานผลของอาการปวดเค้นอกให้แพทย์ทราบ เมื่อใช้ยานี้ไปนานๆ อาจทำาให้ผลการรักษาลดลงเพราะเกิดการทนยา ถ้าใช้ยาไม่ได้ผล ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ปฏิบัติตัวตามคำาแนะนำาของแพทย์คือ ห้ามสูบบุหรี่, ลดนำ้าหนัก, พักผ่อนและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่างๆ ที่ทำาให้ เกิดอาการปวดเค้นอกมาก เช่น การกินอาหารที่มากเกินไป หงุดหงิดอารมณ์เสีย การออกกำาลังกายมากเกินไป และอากาศเย็น ยานี้อาจทำาให้เกิดอาการมึนงงได้ จึงควรระมัดระวังในการขับรถหรือการทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักร เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ และรับประทานยามื้อต่อไปตามเวลาปกติ ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ไม่ค่อยพบบ่อย อาการข้างเคียงที่พบบ้าง ได้แก่ ปวดศีรษะ อาจแก้โดยให้รับประทานยาพร้อมอาหาร หากไม่หาย ให้ปรึกษาแพทย์ ห้ามซื้อยาแก้ปวดศีรษะมารับประทานเองหรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ อาจมีอาการปวดแน่นท้อง เวียนศีรษะ มึนงง อ่อนเพลีย หน้ามืด หัวใจเต้นเร็ว โดยเฉพาะขณะยืนหรืออยู่ในที่ อากาศร้อน ให้แก้ไขโดยนอนหรือนั่งพัก ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นลม ให้ไปพบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร กำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือหากมีอาการผิด ปกติจากการใช้ยา กลุ่มไนเตรต ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่าใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งที่เป็นยาที่แพทย์สั่งหรือซื้อมาใช้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยา รักษาโรคความดันโลหิตสูง, ยากล่อมประสาท ควรงดเว้นการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะจะทำาให้อาการข้างเคียงจากยาเลวร้ายมากขึ้น ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องพ้นและจากมือเด็ก หลีกเลี่ยงการเก็บยาในที่อากาศที่ร้อน หรือเย็นเกินไป Itraconazole (ไอทราโคนาโซล) ชื่อการค้า : Sporal ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รับประทานเพื่อฆ่าเชื้อรา รักษาอาการติดเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน เชื้อราในช่องปาก เป็นต้น 35
วิธีใช้ยา : ควรรับประทานยาพร้อมอาหาร ต้องรับประทานยานี้ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยรับประทานยา ต่อเนื่อง ซึ่งอาจใช้เวลานานเป็นเดือน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : เนื่องจากเชื้อรานั้นรักษายาก แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว ก็ต้องรับประทานยาต่อไปอีก ระยะหนึ่ง การหยุดยาเองจะทำาให้ไม่หายขาด เกิดการติดเชื้อราซำ้าได้อีก เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทาน ยาที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : อาจมีอาการท้องเสีย, ได้ยนิ เสียงแปลกๆ ในหู, ปวดศีรษะ, มึนงง, เวียนศีรษะ จึงไม่ควรขับขี่ ยานยนต์และ ควรหลีกเลี่ยงการทำางานกับเครื่องจักร หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำาลังให้นมบุตรและผู้ป่วยโรคตับ, โรคหัวใจ (arrhythmias), โรคภูมิแพ้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Ketoconazole (คีโตโคนาโซล) ชื่อการค้า : Diazon,Fungazol,Fungizide,Funginox,Fungiral,Katsin,Kazinal,Kenalyn,K enazol,Kenazole,Kenoral, Ketazol,Ketazon,Ketocine,Ketolan,Ketomed,Ketonazole,Ketosil,Konazol, Lama,Liquimed,Mesarol,Mycella, Ninazol,Nizoral,Pasalen ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาต้านเชื้อรา ใช้รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักพบได้ในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย เช่น ที่เล็บ ซอกนิว้ ต่างๆ ตามง่ามนิว้ มือนิ้วเท้า บริเวณข้อพับและข้อหนีบ บริเวณศีรษะและตามผิวหนัง เป็นต้น วิธีใช้ใช้ยา : ควรรับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะ อาหาร และคลื่นไส้อาเจียน
36
คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ไม่ควรรับประทานยานี้ร่วมกับยาลดกรด, ยาต้านฮีสตามิน (Antihistamine), ยาต้านโคลิเนอร์จิค (Anticholinergic) เพราะจะทำาให้การดูดซึมของคีโตโคนาโซลลด ลง หากจำาเป็นต้องใช้ ให้รับประทานห่างกันประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นผืน่ แดง และคันตามผิวหนัง อาการดังกล่าวจะหาย ไปได้เองเมื่อหยุดยา คำาเตือนและข้อควรระวัง : หญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตรและผู้มีความผิดปกติเกี่ยวกับตับ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน ใช้ยานี้ทุกครั้ง และห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานี้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Ketotifen (คีโตติเฟน) ชื่อการค้า : Asmanoc,Denerel,Ibis,Katifen,Kenafen,Keten,Ketifen,Ketofen,Ketota b,Medkofen,Medotifen, Politifen,Servitifen,Sykofen,Xidanef,Zadino,Zaditen ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาต้านการหลั่งของสารก่อการแพ้ในร่างกายใช้รับประทานเพื่อป้องกันอาการหอบหืด และใช้รักษาอาการ แพ้หลายแบบ เช่น ลมพิษ เยื่อบุตาอักเสบ เยื่อบุจมูกอักเสบเนื่องจากการแพ้ วิธีใช้ยา : ในผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุเกิน 3 ปี รับประทานครั้งละ 1 เม็ดหรือ 1 ช้อนชา วันละสองครั้ง พร้อม อาหารมื้อเช้า และเย็น สามารถปรับขนาดยาได้ในเด็กที่มีอายุตำ่ากว่า 3 ปี และผู้ป่วยที่แพทย์เห็นว่าสมควร คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเพราะผลของยาจะแสดงให้เห็นเมื่อรับประทาน ติดต่อกันหลายสัปดาห์ หากรับประทานยาไม่ต่อเนื่องจะทำาให้มีอาการของโรคได้ เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาทีท่ านใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิม่ ปริมาณยาเป็น 2 เท่า 37
ผลข้างเคียง : อาจมีอาการง่วงซึม ปากแห้ง อาการมึนงงมักพบในช่วงแรกของการใช้ยา แต่มักจะหายไปเองเมื่อ ใช้ยาอย่างต่อเนื่อง อาการข้างเคียงที่รุนแรงพบได้น้อยได้แก่กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีผื่นแดงที่ผิวหนัง หากเกิดขึ้นให้หยุดยาและรีบพบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : หากใช้ยาแก้หอบหืดพวกสเตียรอยด์ในการรักษาระยะยาวร่วมกับการเริม่ ใช้คีโต ติเฟนห้ามหยุดใช้ยาสเตียรอยด์ ทันทีเพราะจะทำาให้เกิดอาการข้างเคียงรุนแรงได้ และหากคุณเป็นโรคเบาหวานที่ กำาลังใช้ยาลดระดับนำ้าตาล ในเลือดควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคีโตติเฟนเพราะจะทำาให้เกล็ดเลือดในร่างกายลดตำ่าลง การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Levothyroxine (เลโวไทร็อกซิน) ชื่อการค้า : T4KP,Thyrosit ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นไทรอยด์ฮอร์โมน ใช้ในการรักษาภาวะที่มีไทรอยด์ฮอร์โมนตำ่า นอกจากนี้ยังนำามาใช้ใน การรักษาโรคคอพอก (goiter) อีกด้วย วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1 ครั้ง ทุกวัน อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถสังเกตเห็นผลการ รักษาได้อย่างชัดเจน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามผลการใช้ยา ควรทราบว่า ยาเลโวไทร็อกซีนที่รับประทานอยู่มีชื่อการค้าว่าอะไร ไม่ควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อการค้าต่างกัน ไป ถึงแม้จะเป็นตัวยาเดียวกัน หากจำาเป็นต้องเปลี่ยนควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้และถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อถัดไปก็ให้งดยามื้อที่ลืมและ ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปตามปกติ ห้ามรับประทานสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงบ่อยนัก อาการที่พบ เช่น ภาวะหัวใจเต้นเร็ว นำ้าหนักลด เจ็บหน้าอก ปวดศีรษะ ท้อง 38
เดิน หงุดหงิด นอนไม่หลับ เหงื่อออกมาก ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ปวดเกร็งท้อง มีไข้ รอบเดือนผิดปกติ ร่างกายมีความไวต่อความร้อน ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที แต่ห้ามหยุดยาเองนอกจากได้รับคำา ปรึกษาจากแพทย์แล้ว อาจเกิดภาวะผมร่วงในเดือนแรกๆ ของการใช้ยา แต่ภาวะนี้จะเป็นอยู่ชั่วคราวเท่านั้นและผมก็จะขึ้นมาใหม่ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากเป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว โรคหัวใจ โรคไต ความดันโลหิสูง หรือภาวะที่ต่อมหมวกไตหรือต่อมพิทิวทารีทำางานน้อยกว่าปกติ กำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หากต้องได้รับการผ่าตัดหรือทำาฟัน ต้องบอกแพทย์หรือทันตแพทย์ทุกครั้งว่าใช้ยานี้อยู่ ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรถึงยาที่กำาลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่งหรือซื้อมารับประทานเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยา ต้านการแข็งตัวของเลือดเช่น วอร์ฟาริน ยาที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน แอสไพริน ยารักษาโรคข้ออักเสบ ส เตียรอยด์ ยาคุมกำาเนิด ฮอร์โมนเอสโตรเจน เพราะยาเหล่านี้รวมทั้งภาวะของโรคบางอย่าง เช่น ภาวะตับอักเสบ การตั้งครรภ์ อาจมีผลไปทำาให้ผลการตรวจวิเคราะห์การทำางานของต่อมไทรอยด์ผิดพลาดได้ หากใช้ยานี้ร่วมกับยา โคเลสทัยรามีน ให้รับประทานโคเลสทัยรามีนหลังจากรับประทานยาเลโวไทร็อกซิน อย่างน้อย 1 ชม. หรือรับประทานก่อนรับประทานยาเลโวไทร็อกซิน 4 ชั่วโมง ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสง ความชื้นและจากมือเด็ก Loratadine (ลอราทาดีน)
ชื่อการค้า : Allertab,Allerdine,Allersil,Clarityne,Loranox,Lorsedine,Lortadine,Ridamin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาที่ออกฤทธิ์แรงและนานในการต้านสารพวกฮีสตามีน ใช้สำาหรับบรรเทาอาการแพ้ ของระบบทางเดินหายใจ, นำ้ามูกไหล, นำ้าตาไหล, เยื่อตาอักเสบเนื่องจากโรคภูมิแพ้, หวัด อาการของลมพิษ เรื้อรังและอาการแพ้ทางผิวหนังอื่นๆ วิธีใช้ยา : ทานวันละครั้งและทานขณะท้องว่าง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ท่านที่มีโรคประจำาตัว เช่น โรคหอบหืด, โรคหัวใจ, โรคแผลในกระเพาะอาหาร, โรคตับ, โรคไต ฯลฯ ควร บอกให้แพทย์ของท่านทราบก่อนที่จะใช้ยาลอราทาดีน 39
ก่อนใช้ยาลอราทาดีน ควรบอกให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบว่า ท่านกำาลังใช้ยาตัวอื่นอยู่ หรือกำาลังตั้งครรภ์, ให้ นมบุตร ไม่ควรเพิ่มปริมาณหรือความถี่ในการใช้ยาเอง โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ หรือเภสัชกร ขณะที่ใช้ยาตัวนี้อยู่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำาให้มีอาการมึนงงมากขึ้น เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : เมื่อใช้ยานี้แล้วถ้าท่านมีอาการใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว, ปัสสาวะลำาบาก, มีปัญหาเกี่ยวกับการมอง, เวียนศีรษะ, รู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติควรปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ยาลอราทาดีน ไม่ควรใช้ยานี้ในเด็กเล็ก เพราะอาจทำาให้เด็กมีอาการชักได้ ยาตัวนี้มีผลกระทบต่อการตรวจการตั้งครรภ์หรือระดับนำ้าตาลในเลือด ถ้าท่านจะตรวจระดับนำ้าตาลในเลือดควรบอกแพทย์ด้วยว่าท่านทานยาลอราทาดีน เมื่อใช้ยานี้แล้วอาจจะเกิดอาการมึนงง (อาการนี้ไม่ค่อยพบ) ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักร การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Lovastatin (โลวาสแททิน) ชื่อการค้า : ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้เพื่อลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันบางชนิดในเลือด ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมัน ไปเกาะอยู่ตามผนังของหลอดเลือดจะส่งผลให้ลดการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ทำาให้ออกซิเจนที่ไปเลี้ยง หัวใจ สมองและส่วนต่างๆ ของร่างกายลดลงตามไปด้วย แต่ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมันในเลือดตำ่าจะเป็นการ ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปวดเค้นอก สมองขาดเลือดและหัวใจวาย
40
วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ถ้ารับประทานวันละ 1 ครั้งให้รับประทานยาพร้อมกับอาหารเย็น ถ้า หากรับประทานยา 2 ครั้ง ก็ให้รับประทานพร้อมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น ขนาดการใช้ยาขึ้นกับแพทย์สั่ง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษา ควรปฎิบัติตัวตามคำาแนะนำาของแพทย์ เช่น งดสูบบุหรี่ ควบคุมอาหาร ออกกำาลังกาย หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์และพยายามควบคุมนำ้าหนักไม่ให้อ้วน ควรรับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลและไขมันตำ่า เช่น นมพร่องไขมัน เนื้อปลา ผลไม้ ข้าว ถั่วต่างๆ เนื้อเป็ด ไก่ ไข่ขาวและนำ้ามันชนิดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น นำ้ามันจากข้าวโพด, ดอกคำาฝอยและถั่วเหลือง เป็นต้น ให้หลีก เลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องใน เช่น ตับและเนื้อติดมัน ไข่แดง นมสด ครีม เนย มันหมู ขนมปัง เค้ก คุกกี้ ช๊อคโกแลต อาหารทอด มะพร้าว เนยแข็ง นำ้ามันมะพร้าวและนำ้ามันปาล์ม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไป ก็ให้งดยามื้อที่ ลืมและข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : อาการข้างเคียงได้แก่ อาการปวดเกร็งท้อง ท้องเสียหรือท้องผูก คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย ปวด แสบกระเพาะ ปวดศีรษะ มองภาพไม่ชัด เวียนศีรษะ ผืน่ คัน ถ้าอาการต่างๆ ดังกล่าวเกิดรุนแรงขึ้นหรือไม่หายไป ให้ปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อแข็งกดเจ็บ ตะคริวหรืออ่อนเพลีย โดยมีไข้หรือไม่มีไข้ให้ รีบพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์หรือสงสัยว่าอาจจะมีการตั้งครรภ์ รวมทั้งในระยะให้นมบุตรด้วย ถ้าหากว่าเกิดตั้งครรภ์ขึ้นในขณะที่ใช้ยาอยู่ ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเป็นโรคตับ โรคไต ติดเชื้ออย่างรุนแรง ความดันโลหิตตำ่า ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่าขณะนี้ได้รับยาอะไรอยู่บ้าง โดยเฉพาะยา ซัยโคลสปอริน อิริโธรมัยซิน เจ็มไฟ โปรซิล ไนอะซิน และยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วอร์ฟาริน เป็นต้น ถ้าหากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟันให้บอกแพทย์หรือทันตแพทย์ด้วยว่าขณะนี้ได้รับยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงและจากมือเด็ก Mefenamic acid (มีเฟนามิก แอซิด) 41
ชื่อการค้า : Conamic,Dyspen,Fenamic,Gandin,Manic,Meditan,Mednil,Mefenan,Mefe nix,Namic,Painnox, Ponnac,Ponnesia,Ponstan,Pontalon,Prostom,Pynamic,Sefmic ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาแก้ปวดที่ใช้รักษาอาการปวดศีรษะ ปวดฟัน ปวดประจำาเดือน โดยมีผลต้านการ อักเสบและลดการบีบตัว ของมดลูก วิธีใช้ยา : รับประทาน 250-500 มก. ทุก 6 ชัว่ โมง ควรรับประทานยานี้หลังอาหารและทันที และดื่มนำ้าตา มมากๆ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ โรคไต ไม่ควรใช้ยานี้เพราะจะทำาให้มีอาการแย่ลง จึงควร ปรึกษาแพทย์ ผู้ที่รับประทานยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin ยารักษาโรคเบาหวาน ข้ออักเสบ ยากันชัก เช่น phenytoin และยาซัลฟา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ารับประทานยาเหล่านี้อยู่ ท ไม่ควรกิน aspirin ใน ขณะที่ใช้ยานี้อยู่นอกจากจะเป็นคำาสั่งของแพทย์ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งส่งเสริมให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารมากขึ้น เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : ท้องอืด ปวดท้อง คลืน่ ไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องผูก โดยอาการปวดท้อง คลืน่ ไส้ อาเจียน อาจเลี่ยงได้โดยรับ ประทานยาหลังอาหารทันที แต่ถ้ายังไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ หากมีอาการท้องเสียควรหยุดกินยาแล้วไปพบแพทย์ ไม่ควรกินยาต่อ เพราะอาจทำาให้อาการท้องเสียรุนแรงมาก ขึ้นได้ ถ้ามีอาการตามัว มองเห็นสีเปลี่ยนไป เจ็บที่หูหรือตา มีผนื่ ขึ้น อุจจาระมีเลือดปนหรือมีสีดำา หายใจลำาบาก เจ็บ คอหรือมีไข้ ควรหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 7 วัน สตรีตั้งครรภ์, ให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ 42
การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก Methimazole (เมทธิมาโซล) ชื่อการค้า : Tapazole ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาภาวะที่มีไทรอยด์ฮอร์โมนสูง นอกจากนี้ยังใช้ก่อนการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-3 ครั้ง (หรือทุก 8 ชม.) ตามคำาสั่งแพทย์ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษา ห้ามใช้ในขนาดและความถี่มากหรือน้อยกว่าที่แพทย์แนะนำา และห้ามหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อถัดไปก็ให้งดยามื้อที่ลืมและ ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปตามปกติ ห้ามรับประทานยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : แม้จะไม่พบอาการข้างเคียงบ่อยนัก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ได้แก่ ผืน่ คันที่ผิวหนัง หากผืน่ นั้นเป็นมากกว่า 2-3 วัน หรือเป็นบริเวณกว้างทั่วร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ อาจมีอาการผมร่วง, คลืน่ ไส้, อาเจียน, การรับรสเสียไป, ปวดข้อและกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะ มีความผิดปกติ ของการสัมผัส เช่น ชาเจ็บเหมือนเข็มตำา ปวดแสบปวดร้อน ฯลฯ ถ้าอาการเหล่านี้ไม่หายหรือรุนแรงขึ้น ให้ไป พบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาที่กำาลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยากลุ่มป้องกันการแข็งตัวของเลือด เช่น วอร์ฟาริน ควรแจ้งแพทย์หากกำาลังตั้งครรภ์ให้นมบุตรหรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบเลือด หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟันต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำาลังใช้ยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก 43
Metronidazole (เมทาโทรนิดาโซล) ชื่อการค้า : Biogyl,Elyzol,Flagyl,Kilon,Klont,MedTricocide,Medazyl,Mefiron,Menisole,Mepagyl,Mesolex, Metrazole,Metrocide,Metrogyl,Metrolex,Milanidazole,,Serxizol,Tricomed ,Unimezol,Vagil,Vagyl ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาการติดเชื้ออมีบาและพยาธิบางชนิด วิธีใช้ใช้ยา : รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย 400 มก. วันละ 3 ครั้ง ในเวลา 5-10 วัน ติดต่อกัน รักษาการติดเชื้อ ไตรโคโมแนส (พยาธิช่องคลอด) 2 กรัม ครั้งเดียว รักษาการติดเชื้ออะมีบา 800 มก. วันละ 3 ครั้ง ในเด็ก 7.5 มก. ต่อนำ้าหนักตัว (กิโลกรัม) ทุก 8 ชั่วโมง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ขณะรับประทานยานี้ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะจะทำาให้เกิดอาการ คลื่นไส้อาเจียนเป็นตะคริวที่ท้อง ปวดศีรษะ เหงื่อออกและหน้าแดง เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : ไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงที่รุนแรง แต่อาจพบอาการข้างเคียงบ้างดังนี้ ปากแห้ง การรับรส เสียไป คลืน่ ไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้มหรือสีนำ้าตาลแดง มึนงงปวดศีรษะ หากพบอาการผื่นคัน ลมพิษ เป็นไข้ ปวดข้อ ให้หยุดรับประทานยาและไปพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างรุนแรง หรือตับ ไตไม่ปกติและในผู้ป่วยสูงอายุควรระมัดระวัง เกี่ยวกับขนาดยาที่ใช้ ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Misoprostol (ไมโซพรอสทอล) 44
ชื่อการค้า : Cytotec ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้สำาหรับป้องกันการเกิดแผลของกระเพาะอาหารและลำาไส้ส่วนต้นที่เกิดเนื่องจากการใช้ ยาต้านการอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ เช่น แอสไพริน, ในผู้ป่วยโรคข้อกระดูกอักเสบ, คนไข้ที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อ การเกิดแผล ในกระเพาะอาหารแทรกซ้อน เช่น ผู้สูงอายุ, หรือในคนไข้ที่มีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลในกระเพาะ อาหารขึ้น เช่น คนไข้ที่มีประวัติว่าเคยมีแผลในกระเพาะอาหารมาก่อน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ไม่ควรใช้ไมโซพรอสทอลในระหว่างให้นมบุตร สตรีที่ใช้ไมโซพรอสตอลอยู่ ควรใช้วิธีคุมกำาเนิดที่มีประสิทธิภาพร่วมด้วย หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรด ที่มีส่วนประกอบของแมกนีเซียม ในกรณีที่ต้องใช้ยาลดกรด เพราะจะทำาให้เกิด อาการท้องเดินรุนแรงมากขึ้น เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : พบได้บ่อยเมื่อได้รับไมโซพรอสทอล คือท้องเดิน โดยเฉพาะถ้าหากมีการใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของ แมกนีเซียม นอกจากนี้ยังพบอาการปวดท้องร่วมด้วย อาการข้างเคียงอื่นๆ ที่พบได้บ้าง เช่น ปวดศีรษะ, คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องอืด, อาหารไม่ย่อยและท้องผูก การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสงแดด, ความร้อนและความชื้น
45