The 7 Habits of Highly Effective People
ภูมิหลัง 7 Habits หนังสือ The 7 Habits of Highly Effective People เขียนโดย Stephen R. Covey หุนสวนผู กอตั้งบริษัท FranklinCovey
องคกรดานการพัฒนาภาวะผูนําและความมีประสิทธิผลในการ
ทํางาน และอาจารยแหง Brigham Young University สหรัฐอเมริกา Covey เขียนหนังสือเลมนี้ ออกมาในป ค.ศ. 1989 ซึ่งพอเหมาะพอเจาะกับยุคที่ผูคนกําลังกระหายแนวคิดใหมๆ ในการ คนพบสิ่งที่พวกเขาตองการในชีวิต สวนหนึ่งที่ผลักดันใหหนังสือเลมนี้ประสบความสําเร็จอยาง สูง แนวคิดที่ฉีกจากหนังสือแนว How to ทั่วไปที่มักแนะนําใหเปลี่ยนแปลงการกระทําภายนอก ขณะที่ Covey ย้ําความสําคัญของการเอาชนะตัวเองและเปลี่ยนแปลงจาก ภายใน ไมใชแคบุคลิก แตลงลึกถึงอุปนิสัย The 7 Habits จึงเปนสวนผสม ที่ลงตัวของแนวคิดการพัฒนาตนเองกับคูมือนักบริหารหรือผูนําองคกร และ เขาทางตามหลักการตลาดที่ผนวก 2
กลุมเปาหมายเขาดวยกัน ประวัติ
สวนตัวของ Covey เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1932 จบจาก มหาวิทยาลัยยูทาห แลวไปเรียนตอ MBA ที่ฮาวารด จากนั้นไปไดปริญญา เอกที่ Brigham
Young
University
ซึ่งระหวางเรียนเขาก็ทํางานอยูที่นั่น ในฐานะผูชวย
อธิการบดีและเปนอาจารยสอนวิชาการจัดการธุรกิจและพฤติกรรมองคกร ทางดานครอบครัว เขา สมรสกับ Sandra Merrill Covey มีบุตรดวยกัน 9 คน ซึ่งตอมาก็มีสวนรวมในหนังสือบางเลม ของเขาดวย กอนหนาที่จะตั้ง FranklinCovey ขึ้นในป ค.ศ. 1997 นั้น เขาไดกอตั้งธุรกิจของ ตัวเองในนาม Covey Leadership Center ระหวางนั้นก็ประสบความสําเร็จอยางสูง ไดรับรางวัล เกียรติคุณมากมาย อาทิ International Entrepreneur of the Year ในป ค.ศ. 1994 รางวัล Services
Entrepreneur
of
the
Year
จาก Inc.
Magazine
และรางวัล National
Entrepreneur of the Year ในป 1996 จนกระทั่ง 30 ตุลาคม 1997 ไดตัดสินใจรวมกิจการกับ Franklin Quest กลายเปนบริษัท FranklinCovey ที่มีพนักงานกวา 3,000 คน ทํารายไดกวาป ละ 350 ลานเหรียญสหรัฐ โดยมีบริษัทตัวแทนอยูในประเทศตางๆ เกือบทั่วโลก ใหบริการกับ ลู ก ค า องค ก รที่ ต อ งการจั ด ฝ ก อบรมเพื่ อ พั ฒ นาประสิ ท ธิ ภ าพและภาวะผู นํ า ของบุ ค ลากร ใน เมืองไทยเองมี Pacrim
Group
เปนตัวแทนที่ไดรับอนุญาตเพียงรายเดียว นอกเหนือจาก
หนังสือ The 7 Habits of Highly Effective People ที่ประสบความสําเร็จอยางสูงแลว Covey ไดออกซีดีเรื่องเดียวกันตามมาดวย ทํายอดขายไดกวา 1.5 ลานแผน หนังสือดานภาวะผูนําใน ชื่อ Principle-Centered Leadership ก็มียอดขายกวา 1 ลานเลม ขณะที่หนังสือเกี่ยวกับการ บริหารเวลาชื่อ First Things First ที่เขาเขียนรวมกับ A. Roger และ Rebecca R. Merrill ก็มี
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
1
The 7 Habits of Highly Effective People ยอดขายกวา 2 ลานเลม และ The 7 Habits of Highly Effective Families ที่ตีพิมพออกมาเมื่อ ป 1997 ก็ขึ้นแทนหนังสือขายดี ติดอันดับ 4 ของชารต New York Times หลังวางแผงแค 3 เดือน ตลอดเวลา ที่ผานมาแนวคิดจากหนังสือ The 7 Habits of Highly Effective People ถูกนําไปใชสราง ประสิทธิภาพใหกับองคกรตางๆ มากมาย อาทิ บริษัทผูผลิตชิ้นสวนรถยนตรายหนึ่งสามารถเพิ่ม คุณภาพการทํางานได 40%
เพิ่มการผลิตไดเปน 2
เท าโดยไมตองเพิ่มคน และเพิ่ ม
ประสิทธิภาพการสงสินคาไดตรงเวลาถึง 98% หรือกรณีของอีกบริษัทที่สามารถลดคาใชจายได กวา 3.5
ลานเหรียญ จากการพัฒนากระบวนการผลิต จากขอมูลที่ไดเก็บรวบรวมขอมูลมา
เหลานี้ ผนวกกับประสบการณความสําเร็จในการทํางานของเขาเอง เปนเหมือนการวิจัยเชิงลึก เก็บขอมูลซ้ําจากแหลงเดียวกันในระยะยาว จนลาสุดเปนที่มาของการตีพิมพภาคตอของ The 7
Habits of Highly Effective People ในชื่อวา The 8th Habit : From Effectiveness to Greatness Covey
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
2
The 7 Habits of Highly Effective People บทนํา การพัฒนาอุปนิสัย อุป นิ สัยเปนองคประกอบที่เกิดจากความสั ม พั นธรว มระหวางความรู ทั ก ษะ และความ ปรารถนา ความรู คือความเขาใจวาจะตองทําอะไรและทําไมตองทําสิ่งนั้น ทักษะ คือรูวาจะทํา สิ่ ง นั้ น ได อ ย า งไร ความปรารถนา คื อ แรงจู ง ใจหรื อ ความต อ งการที่ จ ะทํ า สิ่ ง นั้ น ในการสร า ง อุปนิสัยเราจะตองพัฒนาองคประกอบทั้ง 3 ประการขางตนนี้ คุณลักษณะ (Character) และบุคลิกภาพ (Personality) ความสัมพันธระหวางคุณลักษณะ และบุคลิกภาพ สาธิตไดจากภาพภูเขาน้ําแข็ง สวน ยอดของภูเขาน้ําแข็ง (บุคลิกภาพ)
คือสิ่งที่คนมองเห็นกอนจากภาพนอก แมวาภาพพจน
เทคนิ ค และทั ก ษะสามารถส ง ผลให เ กิ ด ความสํ า เร็ จ ภายนอกก็ ต าม แต น้ํ า หนั ก ของความมี ประสิทธิผลที่แทจริงจะอยูในคุณลักษณะที่ดีซึ่งเปนปจจัยพื้นฐานของชีวิต เชน ความออนนอม ถอมตน ความซื่อสัตยจงรักภักดี ความกลาหาญ ความยุติธรรม ความพากเพียร การมีชีวิตอยู อยางเรียบงายไมหรูหรา และการปฏิบัติตอผูอื่นเสมือนกับปฏิบัติตอตนเอง สิ่งเหลานี้ถูกรวบรวม สรางเปนหลักการเพื่อใหประพฤติปฏิบัติจนเปนนิสัยและเปนธรรมชาติ จรรยาบรรณด า นบุ ค ลิ ก ภาพ เช น การเติ บ โตทางบุ ค ลิ ก ภาพ การอบรมเทคนิ ค การ ติดตอสื่อ สาร การอบรมในหลักสูตรการจู งใจผูอื่ น และวิ ธีมองโลกในแง บวก สิ่งเหล านี้ ก็ เป น ปจจัยตอความสําเร็จ แตเปนปจจัยรอง ปจจัยหลัก คือการมีอุปนิสัยที่ดี สี่ระดับแหงภาวะผูนํา เจ็ดอุปนิสัย (The Seven Habits) ประยุกตใชไดทั้ง 4 ระดับภาวะผูนํา (บุคคล ระหวางบุคคล การจัดการ และองคกร)
ในการพัฒนาตนเองจากภายในสูภายนอกโดยการสรางความน า
ไววางใจสวนบุคคลขึ้นมา ทานไดสรางความไววางใจระหวางบุคคลและพัฒนาความสัมพันธที่ดี เมื่อมีความไววางใจ ทานก็สามารถใหอํานาจแกบุคคลหรือกลุมบุคคลในองคกรไดอยางมั่นใจ เพื่อที่จะกอใหเกิดผลที่ตองการ ดวยบุคคลที่ไดรับมอบอํานาจดังกลาง องคกรสามารถวางระบบ และโครงสรางใหสอดคลองไดดียิ่งขึ้นกับพันธกิจขององคกร และมีกลยุทธที่ตอบสนองตอความ ตองการของผูมีสวนไดสวนเสียในองคกร การมีแนวทางเดียวกันของระบบและโครงสรางของ องคกรยอมจะสงผลใหเกิดการใหอํานาจ และความไววางใจที่สูงขึ้น
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
3
The 7 Habits of Highly Effective People ภาวะผูนําสวนบุคคล และภาวะผูนําระหวางบุคคล ภาวะผูนําสวนบุคคลเริ่มมาจากความนาไววางใจ การที่จะนําผูอื่นอยางมีประสิทธิผล บุคคลผูนั้น ตองมีความสามารถในการนําตัวเองใหเปนคนมีประสิทธิผลกอน เมื่อสามารถแสดงออกใหเห็น ถึ ง ความเป น คนที่ น า ไว ว างใจได แ ล ว (ความสมดุ ล ระหว า งความรู ความสามารถสู ง และ คุณลักษณะที่ดี) คนอื่นๆ ก็จะเริ่มวางใจเขาในฐานะผูนําได ภาวะผู นํ า ระหว า งบุ ค คลสร า งขึ้ น จากความไว ว างใจ และความไว ว างใจซึ่ ง สร า ง ความสัมพันธอันมั่นคงนั้นเกิดจากบุคคลที่นาไววางใจ คุณลักษณะ และความรูความสามารถ การจะมี ป ระสิ ท ธิ ผ ลที่ แ ท จ ริ ง ในสาขาใดสาขาหนึ่ ง บุ ค คลนั้ น ต อ งมี ค วามสมดุ ล ระหว า ง คุณลักษณะและความรูความสามารถที่ดี เมื่อรักษาปจจัยทั้งสองใหสมดุลได เขาจะสรางความ นาไววางใจสวนบุคคลของเขา และความไววางใจของเขาตอบุคคลอื่นได -
บุคคลที่มีคุณลักษณะที่ดี จะแสดงออกซึ่งความซื่อสัตยตอตนเองและผูอื่น วุฒิภาวะ และความใจกวาง
-
บุคคลที่มีความรูความสามารถสูง คือผูมีความรูและความสามารถในสาขาใดสาขา หนึ่ง
วงจรวุฒิภาวะ วงจรวุฒิภาวะ เป น การแสดงความสั ม พั นธ และเชื่ อมโยงกั นของเจ็ ดอุ ป นิ สั ย ชั ยชนะในสั งคม และชัยชนะสวนตน รวมทั้งขั้นตอนของการกาวไปสูการพึ่งพาซึ่งกันและกัน
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
4
The 7 Habits of Highly Effective People -
ชัยชนะสวนตน เริ่มตนจากตัวเราเองกอน เราปรับปรุงคุณลักษณะ แรงเราจูงใจและ กรอบความคิดของเรา เราเลือกการตอบสนองตามคานิยมที่กําหนดจากภายในตัวเรา (อุปนิสัย 1)
เราใชภาวะการเปนผูนําตนเอง (อุปนิสัย 2)
และการบริหารตัวเอง
(อุปนิสัย 3) ในการสรางวินัยใหเกิดขึ้นกับตัวเอง เราไดมาซึ่งชัยชนะสวนตนและขยับ ตนเองจากพึ่งผูอื่นมาพึ่งตนเองได -
ชัยชนะในสั งคม ในขณะที่เราพัฒนาการพึ่ ง พาซึ่ งกั นและกั น เราก็ มี เครื่ องมื อที่ จะ สรางความสัมพันธอันมีประสิทธิผลมากขึ้น เมื่อเรามีความกาวหนาในชัยชนะสวนตน เราก็มีความพรอมมากขึ้นที่จะประสบความสําเร็จในการสรางความสัมพันธ (ชัยชนะ ในสังคม) ในฐานะที่เปนคนพึ่งตนเองได เราอาจเลือกภาวะการพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อที่จ ะพัฒนาความสัม พันธ ที่ ยาวนานและร ว มมื อกั น ในการติ ดต อกั น เราควรจะ แสดงหาผลประโยชนรวมกัน (อุปนิสัย 4 ) พูดคุยกันอยางเขาอกเขาใจ (อุปนิสัย 5) และใหคุณคากับความแตกตาง (อุปนิสัย 6)
เมื่อเราขยายความผูกพันที่จะนําเอา
อุปนิสัยทั้งหมดไปใชโดยการปฏิบัติอุปนิสัยที่ 7
เราก็สามารถปรับปรุงตนเองได
อยางตอเนื่อง
แบบจําลองพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลง มีองคประกอบสําคัญหลายองคประกอบที่มีผลกระทบตอความสําเร็จของเรา เมื่อเราพิจารณา และฝ ก ฝนตนเองบนป จ จั ย เหล า นี้ ด ว ยหลั ก การที่
See/เห็น
ถูกตองเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงผลที่เราบรรลุได แตละอุปนิสัยของเจ็ดอุปนิสัยอยูบนพื้นฐานของ องคประกอบดังตอไปนี้ หลักการ ที่เปนพื้นฐานของอุปนิสัย 1. กรอบความคิด อันสอดคลองกับหลักการ
Do ทํา
Get กระทํา
3. กระบวนการ หรือความคิดและพฤติกรรม ซึ่งกระทบถึงผลที่เราบรรลุได
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
5
The 7 Habits of Highly Effective People
ATTITUDE
+
ACTION
VALUE
-
Foundation Principle
Paradigm Shift PARADIGM
Do
P/PC
Trust EBA
CHARACTER
+
COMPETENCE
P IP EMOTIONAL CONTINUUM
Effectiveness
หลักการ
+
TRUST WORTHNESS
See
Get
HABIT
คือกฎธรรมชาติหรือความจริงขั้นพื้นฐานซึ่งเปนอยูอยางอิสระ จากความรูที่
เรามีอยู เชน ความซื่อสัตยตอตนเองและตอผูอื่น ความจงรักภักดี ความอดกลั้น ความเรียบงาย ความกลาหาญ ความรักและผูกพัน การอุทิศ และความยุติธรรม
คานิยม คือความเชื่อและอุดมคติสวนบุคคล สิ่งที่สําคัญตอเรา คุณคาหรือลําดับความสําคัญที่ เรามอบใหแกบุคคล สิ่งของ ความคิด หรือหลักการ
กรอบความคิด
คือวิธีการที่บุคคล มอง เขาใจ และตีความเกี่ยวกับโลกที่อยูรอบตัว
การมองกรอบความคิดเปรียบเสมือนแผนที่ โดยแผนที่หรือการนําเสนอดวยวิธีการใดๆ จะไมเคย ครบถ ว นสมบู ร ณ ด ว ยตั ว ของมั น เอง แผนที่ ห รื อ การนํ า เสนอด ว ยวิ ธี อื่ น นั้ น ขาดมิ ติ ขาดความ ครบถวนและขาดความถูกตองแมนยํา ทํานองเดียวกัน กรอบความคิดก็ไมเคยครบถวนสมบูรณ เราไมสามารถเขาใจกรอบความคิดผูอื่นไดอยางเต็มที่ หรือรูรายละเอียดทั้งหมด หรือมีขอมูล จริงอยางครบถวน ผลก็คือไมมีบุคคลสองคนใด ที่จะมีกรอบความคิดที่เปนแบบเดียวกัน
กระบวนการ
คื อชุ ดของกิจกรรมทางความคิดหรื อกายภาพซึ่งเชื่ อมโยงกั น
กระบวนการที่ มี ป ระสิ ท ธิ ผ ล จะมี ส ว นส ง ผลต อ พฤติ ก รรมหรื อ อุ ป นิ สั ย ที่ ป ระสงค ที่ เ รากํ า ลั ง พยายามพัฒนา ยกตัว อยางเช นกระบวนการหกขั้นตอนในอุ ป นิสัย ที่ 3
ชว ยให เราบริ ห าร
ความสั ม พั นธ กั บ ผู อื่ น กิ จ กรรมต า งๆ และผลที่ต อ งการได อ ย า งมี ป ระสิ ทธิ ผ ล ในอุ ป นิ สั ย ที่ 6 BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
6
The 7 Habits of Highly Effective People กระบวนการสําหรับการหาทางเลือกที่สาม ชวยใหเราคนพบทางออกอยางสรางสรรคที่จะทําให ทุกฝายที่เกี่ยวของพอใจ ในบางครั้งกระบวนการรวมไปถึงเครื่องมือที่ชวยสรางและย้ําพฤติกรรมหรืออุปนิสัยที่ตองการ เชน The Seven Habits Organizer เปนเครื่องมือที่ใชเพื่อชวยย้ําเตือนใหทําสิ่งที่สําคัญกอน การเปลี่ยนกรอบความคิด การเปลี่ยนกรอบความคิด คือการเปลี่ยนในวิธีการคิดซึ่งไดมาเมื่อเราไดรับความรูและ ความเขาใจเพิ่มเติม บอยครั้งที่คนแตละคนจะปรับปรุงความเขาใจความครบถวนสมบูรณ และ ความถูกตองด วยตนเอง ทําให มุ ม มองของเขาเปลี่ ยนไป เพราะว า ความสั ม พั นธ ข องมนุ ษ ย มี ความสําคัญอยางยิ่ง บุคคลที่มีประสิทธิผลจะสรางโอกาสสําหรับการเปลี่ยนกรอบความคิด เขา พยายามเขาใจกรอบความคิดของบุคคลอื่น และเขาจะเปดใจกวางและยอมใหผูอื่นไดแสดงออก ไดอยางเต็มที่ เรามองเห็นตัวเองผานกระจกเงาสังคม เมื่อบุคคลอื่นสะทอนมุมมอง ความคิดเห็น และกรอบความคิดของเขาเกี่ยวกับตัวเราผาน คําพูดและความประพฤติของเขา ทําใหเรามองเห็นตัวเราจากสิ่งที่เราเรียกวา กระจกเงาสังคม เนื่องจากขอมูลที่เราไดรับจากกระจกเงาสังคมอยูบนพื้นฐานที่วาคนอื่นคิดอะไรเกี่ยวกับตัวเรา มันอาจจะไมถูกตองหรือผิดเลยก็ได ดังนั้นสิ่งที่เรามองเห็นวาเปนศักยภาพของตัวเรา อาจจะ เปนภาพที่ถูกตองของความสามารถและคุณลักษณะของเรา มากกวาที่เรามองเห็นจากกระจก เงาสังคม ความเชื่อที่กลายเปนความจริง เรามีประสบการณในเรื่องความเชื่อที่กลายเปนความจริง ก็ตอเมื่อความเชื่อในตัวเราเอง มีอิทธิพลตอคุณลักษณะ พฤติกรรมและการกระทําของเรา กรอบความคิดของเราและการมอง ของบุคคลมีอิทธิพลตอวิธีเราปฏิบัติตอเขา วิธีที่เราปฏิบัติตอผูอื่นมีอิทธิพลตอพฤติกรรมของเขา สิ่งที่เราเชื่อเกี่ยวกับตัวเราและผูอื่นมีอิทธิพลตอการมองตัวเอง พฤติกรรมและผลงาน ความเชื่อ ของเราเกี่ ย วกั บ ตั ว เราสามารถจํ า กั ด ฉุ ด รั้ ง และทํ า ให เ สี ย กํ า ลั ง ใจ หรื อ ในทางตรงกั น ข า ม สามารถยืนยันและสงเสริมศักยภาพของตัวเราได ความสมดุล P/PC คือหลักการของความมีประสิทธิผล หลายคนมองความมี ป ระสิ ท ธิ ผ ลเสมื อ นปริ ม าณงานที่ ท า นทํ า สํ า เร็ จ หรื อ อั ต ราของผลผลิ ต อยางไรก็ตาม ความมีประสิทธิผลอันแทจริงนั้นเปนผลมาจากความสมดุลของสิ่งสองสิ่ง 1. ผลผลิตที่ตองการ (ไขทองคํา หรือ P)
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
7
The 7 Habits of Highly Effective People 2. ความสามารถในการผลิต (ทาน หรือ PC ความสามารถของสินทรัพยที่จะผลิตผล ตอไปเรื่อยๆ) สวนประกอบทั้งสองนี้จะตองสมดุลกันเพื่อที่จะคงไวซึ่งความมีประสิทธิผล การดูแลรักษา การ ทะนุ บํ า รุ ง และเพิ่ ม ความสามารถของสิ น ทรั พ ย ที่ ช ว ยให เ ราสามารถผลิ ต ผลที่ ป ระสงค ไ ด (สงเสริมความสามารถในการผลิต) คือแกนสารของความมีประสิทธิผลอันแทจริง ทรัพยากรที่ สําคัญที่สุดที่องคกรมีอยูคือ ความสัมพันธระหวางบุคคลขององคกร รวมทั้งผูมีสวนไดสวนเสีย ทั้งภายในและภายนอกองคกร บัญชีออมใจ บัญชีออมใจ เปนคําเปรียบเทียบอันทรงพลังที่เกี่ยวกับปริมาณของความไววางใจ ที่ได สรางขึ้นมาจากความสัมพันธ คําเปรียบเทียบนี้ชี้วาการติดตอกับผูอื่นอาจจะจําแนกเปนการฝาก หรือการถอนได ยกตัวอยางเชน ทานกอใหเกิดความไววางใจในผูอื่นโดยการแสดงความเมตตา รักษาสัญญา ทําตามความคาดหวง แสดงใหเห็นถึงความจงรักภักดี และกลาวคําขอโทษ พูดอีก นัยหนึ่งก็คือทานไดเติมบางสิ่งบางอยางลงในความสัมพันธแลว ทานสรางและซอมแซม การ ถอนเปนการกระทําในทางตรงกันขามพฤติกรรมและการกระทําที่เขาขาย เชน ความเห็นแกตัว ไมรักษาสัญญา ไมทําตามความคาดหวัง ตีสองหนาและหยิ่งเกินกวาที่จะยอมรับวาตนทําผิด และขอโทษ จะทําใหความสัมพันธเลวลง การถอนเปนการลดความไววางใจในความสัมพันธ
อุปนิสัยที่ 1 บี-โปรแอกทีฟ เปนอุปนิสัยแหงวิสัยทัศนสวนบุคคล บี-โปรแอคที ฟ หมายความว า ในฐานะที่ เ ราเป นมนุ ษ ย เ ราต อ งรั บ ผิ ด ชอบชี วิ ต เราเอง ธรรมชาติพื้นฐานของเราคือเปนผูกระทําไมใชผูถูกกระทํา เปนสิ่งที่มีประโยชนมากที่เราจะแบง คําวา ”ความรับผิดชอบ ” (Responsibility) ออกเปนสองสวน การตอบสนอง (Response) และ ความสามารถ (Ability) ซึ่งหมายถึงความสามารถในการเลือกตอบสนองของทาน บุคคลที่โป รแอกทีฟสูงยอมรับความรับผิดชอบดังกลาว บุคคลเหลานี้จะไมโยนความผิดใหกับสิ่งแวดลอม หรือการถูกสภาวะบังคับ (Conditioning) พฤติกรรมของตนเปนผลมาจากการเลือกจากจิตสํานึก โดยมีพื้นฐานบนคานิยมมากกวาที่จะเปนผลมาจากสภาวะของตนโดยมีพื้นฐานบนความรูสึก สิ่งที่ตรงกันขามกับโปรแอกทีฟ คือ รีแอกทีฟ จิตวิญญาณของคน รีแอกทีฟ คือการโยน ความรับผิดชอบใหผูอื่น ภาษาของเขาทําใหเขาไมตองรับผิดชอบเชน “นั่นคือตัวฉัน นั่นเปนสิ่งที่ฉันเปน” ฉันถูกกําหนดมาเชนนี้ฉันไมสามารถทําอะไรได
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
8
The 7 Habits of Highly Effective People “เขาทําใหฉันโกรธแทบเปนบา” ฉันไมตองรับผิดชอบ สภาวะอารมณของฉันถูกควบคุม โดยสิ่งที่อยูนอกเหนือการควบคุมของฉัน นักวิทยาศาสตรดานพฤติกรรมหลายคนไดสรางแบบจําลองแบบรีแอคทีฟ ตัวกําหนดที่มี ผลตอพัฒนาการของมนุษย สิ่งเราการตอบสนองของพฤติกรรมของมนุษย ความคิดพื้นฐานคือ เราถูกกําหนดใหตอบสนองในลักษณะใดลักษณะหนึ่งตอสิ่งเราอยางใดอยางหนึ่ง ในทางตรงกัน ขามแบบจําลองพฤติกรรมของมนุษยแบบโปรแอคทีฟระบุวา ในระหวางสิ่งเราและการตอบสนอง มีความเปนอิสระของเราที่จะเลือกการตอบสนองอยู ในฐานะมนุษย เรามีคุณสมบัติเฉพาะของมนุษย 4 ประการซึ่งแยกเราออกจากสิ่งมีชีวิต อื่น ๆ สิ่งที่เปนคุณสมบัติเฉพาะนี้อยูที่พื้นที่ระหวางสิ่งเราและการตอบสนอง •
การรูตนเอง เปนความสามารถของเราที่จะมองตนเอง และตรวจสอบความคิด สิ่งจูงใจ อุปนิสัย และกรอบความคิดของเรา
•
จิ ต สํ า นึ ก ซึ่ ง ทํ า หน า ที่ เ ป น ระบบชี้ นํ า ภายในของเราซึ่ ง ทํ า ให เ รารู สึ ก เมื่ อ เรา กระทําการหรือคิดที่จะกระทําการในทางที่จะขัดตอหลักการ
•
จิ น ตนาการในทางสร า งสรรค คื อ ความสามารถของเราที่ จ ะสร า งสรรค ใ น จิตใจของเรา ซึ่งอยูนอกเหนือความเปนจริงในปจจุบัน
•
ความประสงค อิ ส ระ คื อ ความสามารถของเราที่ จ ะกระทํ า การเป น อิ ส ระจาก อิทธิพลอื่น ๆ ทั้งปวง
จินตนาการ
จิตสํานึก
การ ตอบสนอง
สิ่งเรา อิสระที่จะ
ความประสงค
การเรียนรู
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
9
The 7 Habits of Highly Effective People อุปนิสัยที่ 2 เริ่มตนดวยจุดมุงหมายในใจ – หลักการของการเปนผูนําในตัวเอง เริ่มตนดวยจุดมุงหมายในใจ (Begin with the End in Mind) คําวาเริ่มตนดวยจุดมุงหมายในใจ หมายถึง การเริ่มตนดวยความเขาใจถึงเปาหมายชีวิต ของตัวเองอยางชั ดเจน รู ว ากํา ลังไปที่ใด เพื่ อที่จะไดเข าใจตํ าแหนงที่ เราอยูในป จจุ บั น และ สามารถกาวตอไปในทิศทางที่ถูกตองอยูเสมอ ซึ่งการที่รูวาอะไรคือสิ่งที่สําคัญที่สุดในชีวิต และ ระลึกถึงสิ่งนั้นไวในใจ จะทําใหเราสามารถจัดการชีวิตในแตละวันที่ผานไปใหทําและเปนสิ่งที่ สําคัญที่สุดนั้นได การเริ่ม ตนด ว ยจุ ดมุงหมายในใจ ตั้งอยู บนหลั ก การที่ ว า “ทุ กสิ่ งเกิ ด จากการสร า งสอง ครั้ง” โดยการสรางครั้งแรกเกิดขึ้นในจิตใจ เปนการออกแบบวางแผนกอนการลงมือทําจริง สวน การสร า งครั้ ง ที่ ส องคื อ การทํ า ให เ กิ ด ขึ้ น จริ ง ตามแบบแผนที่ ไ ด กํ า หนดไว ซึ่ ง เป น การสร า ง ทางการภาพ การสรางครั้งแรกเปนสิ่งที่ตองการจริงๆ และเปนสิ่งที่คิดไวอยางดีแลวจึงคอยทํา การสรางครั้งที่สองเพื่อใหสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง หลักการนี้ใชไดในหลายๆ ดานของชีวิต เชนกอนการเดินทางจะมีการกําหนดเปาหมาย และแผนการเดินทางไวกอนเดินทางจริ ง กอนการสร างบานจะมีการออกแบบบ านซึ่งเกิดจาก ภาพใจในของเราเอาไวกอนที่จะลงมือกอสรางใหไดบานจริงๆ ตามภาพในใจของเรา ทุกอยางในโลกนี้เกิดจากการสรางสองครั้ง แตการสรางครั้งแรกไมจําเปนตองเกิดขึ้น ดวยความจงใจเสมอไป การที่ไมรูจักพัฒนาการรับรูตนเองและรับผิดชอบตอการสรางครั้งแรก แลว เทากับวาเราไดปลอยใหคนรอบขางหรือสภาพแวดลอมมากําหนดชีวิตเรา เราอาจมีชีวิต ตามบทบาทที่กําหนดโดยครอบครัว เพื่อน หรือกระแสที่กดดันจากอดีต แทนที่การมีชีวิตจาก เงื่อนไขขอกําหนดของเราเอง ดังนั้นการสรางครั้งแรกอาจเกิดขึ้นโดยเจตนา หรือเกิดขึ้นโดย ปริยายก็เปนได ดวยเหตุนี้ เราสามารถใชคุณสมบัติเฉพาะของมนุษยดานการรูตนเอง จากจินตนาการ และจากจิตสํานึก ใหสามารถตรวจสอบการสรางครั้งแรกและทําหนาที่เปนผูสรางครั้งแรกดวย ตั วเองเพื่ อเขี ยนต นแบบของเราเองได หรือ มองอี กด านหนึ่ งได ว า หาก อุ ป นิ สั ย ที่ ห นึ่ งบอกว า
“คุณเปนสราง” อุปนิสัยที่สอง คือการสรางครั้งแรกนั่นเอง
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
10
The 7 Habits of Highly Effective People ความเปนผูนําและการจัดการกับการสรางทั้งสองครัง ้ อุปนิสัยที่สอง มีพื้นฐานอยูบนหลักการของความเปนผูนําตนเอง ซึ่งหมายความวาความ เปนผูนําคือการสรางครั้งแรก ความเปนผูนําไมเหมือนกับการจัดการ การจัดการคือการสรางครั้ง ที่สอง ดังนั้นความเปนผูนําตองมาเปนอันดับแรก การจัดการมุงเนนที่วัตถุประสงค เชนทําอยางไรจึงจะประสบความสําเร็จ แตความเปน ผูนําจะเกี่ยวของกับตอนเริ่มตน เชนอะไรคือสิ่งที่ตองการทําใหสําเร็จ ตามคํากลาวของ ปเตอร ดรักเกอร และ วอรเรน เบนนิสที่วา “การจัดการคือการทําสิ่งตางๆ ใหถูกตอง การเปนผูนําคือ การทําในสิ่งที่ถูกตอง” ดังนั้นความเปนผูนําจึงมาเปนอันดับหนึ่ง ในขณะที่การจัดการจะมาเปนที่ สอง กําหนดบทชีวิตใหม - เปนผูสรางครั้งแรกดวยตัวเอง อุปนิสัยของคน โปรแอกทีฟ นั้นเกิดจากคุณสมบัติเฉพาะดานของมนุษยดานการรูตนเอง (Self awareness) แตยังมีคุณสมบัติอีกสองลักษณะที่ชวยขยายความสามารถในการเปนคนโป รแอกทีป ให มี ค วามเป น ผู นํ า ตนเองได นั่ นคื อ จิน ตนาการ (imagination)
และ จิ ต สํ า นึ ก
(conscience) ด ว ยการใช จิ น ตนาการ เราสามารถเห็ น โลกที่ ยั ง ไม เ กิ ด ขึ้ น ได ภ ายในใจ ด ว ยการใช จิตสํานึก เราสามารถเขาใจกฏของจักรวาลหรือหลักการดวยความสามารถพิเศษของเรา ดวย แนวทางที่มาจากภายในตัวเรา เราสามารถพัฒนาสิ่งเหลานี้ไดอยางมีประสิทธิผล ซึ่งเมื่อรวมกับ ความสามารถในการรับรูตนเอง จะทําใหเราสามารถกําหนดบทชีวิตของเราไดเอง ในการพั ฒ นาการรั บ รู ต นเอง หลายคนพบว า บทชี วิ ต ของตนเองที่ ไ ม มี ป ระสิ ท ธิ ผ ล มี อุปนิสัยที่ฝงรากลึกซึ่งไมมีคุณคาและสอดคลองกับคานิยมในชีวิตเรา อุปนิสัยที่สองชี้ใหเห็นวา เราไมจําเปนตองปฎิบัติตามบทชีวิตที่ถูกสรางขึ้นมากอนหนานี้ เราสามารถตอบสนองไดโดยใช จินตนาการและความคิดสรางสรรค กําหนดบทชีวิตที่สอดคลองกับหลักการและคานิยมของตัว เราได คําปณิธานสวนบุคคล (Personal Mission Statement) วิธีที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในการเริ่มตนจุดมุงหมายในใจคือ การสราง “คําปณิธานสวน บุคคล” ซึ่งเปนการใหความสําคัญตอคุณลักษณะ (Character) คานิยม หรือหลักการซึ่งเปน พื้นฐานของสิ่งที่ตองการเปนหรือตองการทํา เมื่อชีวิตมีปณิธานแลวก็จะมีแกนแทของการเปน คนโปรแอกทีฟ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
11
The 7 Habits of Highly Effective People การที่จะเขียนคําปณิธานได จะตองเริ่มตนที่ศูนยกลางซึ่งเปนที่ที่เราใชจินตนาการเพื่อ สรางภาพในสิ่งที่เราตองการขึ้นในใจ ทําใหเรามีแนวทางและเปาหมาย อะไรก็ตามที่เปน ศูนยกลางชีวิตจะเปนแหลงกําเนิดของปจจัยทั้ง 4 ไดแกความมั่นคงในจิตใจ (Security) เครื่อง นําทาง (Guidance) ปญญา (Wisdom) และอํานาจ (Power) ซึ่งทั้ง 4 ประการนี้จะตองพึ่งพา อาศัยซึ่งกันและกันจึงจะใหประโยชนสูงสุด โดยความมั่นคงในจิตใจและเครื่องนําทางที่ชัดเจน นํามาซึ่งปญญา และปญญาเปนตัวจุดประกายหรือตัวเรงใหมีการใชอํานาจ เมื่อทั้ง 4 ปจจัยมา อยูรวมกัน ประสานกัน และเกื้อกูลกันและกันจะกอใหเกิดบุคลิกภาพที่สงางาม คุณลักษณะที่ สมดุล ศูนยกลางของชีวิตที่คนทั่วไปมีกันไดแก ศูนยกลางชีวิตอยูที่คูครอง ซึ่งจะมองเห็นวาการ แตงงานเปนเรื่องที่ลึกซึ้งที่สุด สรางความพอใจไดสูงสุด ศูนยกลางชีวิตอยูที่ครอบครัว ซึ่งจะ ไดรับความรูสึกมั่นคงหรือความรูสึกวาตัวเองมีคาจากชื่อเสียงของครอบครัว ศูนยกลางชีวิตอยูที่
เงิน ซึ่งเห็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจเปนพื้นฐาน ดังนั้นความตองการดานอื่นจะไมถูกกระตุนให เกิดขึ้นจนกวาความตองการพื้นฐานจะไดรับการตอบสนองกอน ศูนยกลางชีวิตอยูที่การทํางาน ความรูสึกเรือ ่ งคุณคาของตัวเองอยูที่งานที่ทําเปนตน
ความมั่นคงใน จิตใจ
ปญญา
ศูนยกลาง ชีวิต
เครื่อง นําทาง
อํานาจ
ศูนยกลางชีวิตอยูที่หลักการ ดวยการมีชีวิตอยูบนหลักการที่ถูกตอง จะเปนการปูพื้นฐานไปสูการพัฒนาปจจัย สนับสนุนชีวิตทั้ง4 ประการ ความมั่นคงในจิตใจ (Security) เกิดจากความรูที่วาหลักการที่ ถูกตองจะไมมีวันเปลี่ยนแปลง เราสามารถพึ่งมันได ไมเหมือนกับศูนยกลางชีวิตแบบอื่นๆ ที่ตั้ง อยูบนสิ่งของหรือคนใดคนหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไดตลอดเวลา ปญญา (Wisdom) และเครื่องนํา ทาง (Guidance) จะอยูเคียงขางการดําเนินชีวิตอยางมีหลักการ ซึ่งเกิดจากแผนที่ชีวิตที่ถูกตอง BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
12
The 7 Habits of Highly Effective People ที่กําหนดจากสิ่งที่เปนอยูจริง ที่เคยเปนมา และที่จะเปน อํานาจ (Power) จะอยูที่หลักการ คือ อํานาจของผูรูที่รูตนเอง (self-aware)มีความรู เปนคนโปรแอกทีฟ ไมถูกจํากัดดวยทัศนคติ พฤติกรรม และการกระทําของคนอื่น หรือจากสถานการณรอบตัว การมองสิ่ ง ต า งๆ ผ า นกรอบความคิ ด ที่ ม าจากหลั ก การที่ ถู ก ต อ ง สิ่ ง ที่ ม องเห็ น จะ แตกตางไปจากการมองเห็นผานกรอบความคิดที่มาจากศูนยกลางชีวิตแบบอื่นๆ โดยจะแยกตัว ออกหางจากอารมณที่เกิดขึ้นจากสถานการณและจากปจจัยอื่นๆ และพยายามประเมินทางเลือก ที่มีอยูโดยมองไปที่ภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้น และพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดโดยพิจารณาจาก ปจจัยที่อยูทั้งหมด ในฐานะของคนที่มีศูนยกลางชีวิตอยูที่หลักการ จะทําใหมองเห็นสิ่งตางๆ แตกตาง ไปจากเดิม ซึ่งจะทําใหความคิดและการกระทําเปลี่ยนแปลงไป เพราะวาความมั่นคงในจิตใจ เครื่ อ งนํ า ทาง ป ญ ญาและอํ า นาจมาจากหลั ก การที่ ห นั ก แน น ไม เ ปลี่ ย นแปลง ซึ่ ง ถื อ ว า เป น รากฐานของคนโปรแอกทีฟซึ่งจะใชชีวิตอยางมีประสิทธิผล
คู ครอง
ครอ บ
เงิน งาน
ตัวเอ ง
ความ เปน
หลักการ
โบส ถ/ ศัตรู
เพื่อ น
ควา ม
การเปนผูนําตนเองไมใชประสบการณหนึ่งครั้ง ไมไดเริ่มตน และจบลงดวยการเขียนคําปณิธาน แตเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นอยางตอเนื่องของการรักษาวิสัยทัศนและคานิยมไวกับตัวเอง และ ปรับตัวเองใหเขากับสิ่งที่สําคัญมากที่สุด
อุปนิสัยที่ 3 ทําสิ่งที่สําคัญกอน อุปนิสัยแหงการบริหารสวนบุคคล สิ่งที่สําคัญคือสิ่งที่ทานโดยตนเองพบวามีคาที่สุดที่จะทํา สิ่งที่พาทานไปในทิศทางที่ ถูกตอง และชวยเหลือใหทานไปถึงวัตถุประสงคที่ระบุไวในคําปณิธานสวนตัวของทาน
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
13
The 7 Habits of Highly Effective People
สี่ยุคของการบริหารเวลา หากเปรียบยุคการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการของมนุษย ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญ ไดแก การปฎิวัติดานการเกษตร Î การปฏิวัติดานอุตสาหกรรม Î การปฏิวัติดานขอมูลขาวสาร แต สําหรับการควบคุมชีวิต ก็มีเหมือนกันดังนี้ •
ยุคที่ 1
:
ยุคการจดบันทึกและการจัดทํารายการ จะพยายามจดบันทึกสิ่งตาง ๆ ที่
เรียกวา เวลาและแรงงาน •
ยุคที่ 2 : ยุคที่ใชปฏิทินและสมุดบันทึกการนัดหมาย ซึ่งสะทอนถึงการพยายามที่จะมอง ไปขางหนา จัดเวลาใหกับแตละเหตุการณ
•
ยุคที่ 3 : คือยุคการบริหารเวลาในยุคปจจุบัน โดยใหความสําคัญกับการจัดลําดับเวลา กอน หลัง มุงเนนการตั้งจุดหมายในการใชเวลาและแรงการในระยะเวลายาว ระยะกลาง ระยะสั้น ใหสอดคลองกัน เพื่อบรรลุเปาหมายและกิจกรรมที่จัดวามีคามากที่สุด
•
ยุคที่ 4 : คือยุคของการ “บริหารตนเอง” ความพึงพอใจเปนเรื่องของความคาดหวังและ การรับ รู ซึ่งความคาดหวัง (และความพึงพอใจ)
เปนสิ่งที่อยู ภายในขอบเขต แห ง
อิทธิพลของเรา
ยุคที่ 1
ยุคที่ 2
ยุคที่ 3
ยุคที่ 4
จดบันทึกและ การจัดทํา รายการ
ยุคที่ใช ปฏิทินและ สมุดบันทึก
การจัดลําดับ เวลากอน หลัง
บริหารตนเอง
ทําสิ่งที่สําคัญกอนเกี่ยวกับการวางแผนและการบริหารเวลาและเหตุการณตามลําดับกอนหนา หลังของทานที่กําหนดขึ้นในอุปนิสัยที่ 2 อุปนิสัยที่ 2 เปนการกอใหเกิดขึ้นครั้งแรกหรือจิตใจ อุปนิสัยที่ 3 คือการกอใหเกิดขึ้นครั้งที่สองหรือกายภาพ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
14
The 7 Habits of Highly Effective People
เรงดวน
ไมเรงดวน
II
I สําคัญ
ไม สําคัญ
• วิกฤติการณ • ปญหาที่กดดัน • โครงการ การประชุมที่ การ เตรียมการที่กําหนดเสนตาย
• • • • •
• • • • •
• • • • • •
การขัดจังหวะเสียงกริ่งโทรศัพท จดหมายรายงานบางจําพวก การประชุมบางเรื่อง สิ่งกดดันใกลตัว กิจกรรมที่นิยมชมชอบตางๆ
การเตรียมการ การปองกัน การยืนยันคานิยม การวางแผน การสรางความสัมพันธ ่ สิ่งละอันพันละนอย งานยุง เสียงกริ่งโทรศัพท กิจกรรมฆาเวลา กิจกรรม “ หลบหนี ” บางประเภท จดหมายที่ไมเกี่ยวกับเรา ดูโทรทัศนมากเกินไป
Time Management Matrix โดยพื้นฐานแลว เราใชเวลาของเราในวิธีใดวิธีหนึ่งในสี่วิธีตามที่ไดแสดงใหเห็นในตาราง การบริหารเวลา (Time Management Matrix) ซึ่งตารางนี้ไดใหความหมายของกิจกรรมตาง ๆ เปน “เรงดวน” หรือ “ไมเรงดวน” และ “สําคัญ” หรือ “ไมสําคัญ” จากการวิเคราะหอยาง รอบคอบ บุคคลเกือบทั้งหมดคนพบวาตนใชเวลามากเกินควรในการตอบสนองตอวิกฤติเรงดวน ในพื้นที่ 1 และพื้นที่ 3 หลีกเลี่ยงเปนครั้งคราวเพื่อการอยูรอดไปตอบสนองตอสิ่งที่ไมเรงดวน ไมสําคัญในพื้นที่ 4 เครื่องมือในการบริหารเวลาเกือบทั้งหมดมุงเนนไปที่การจัดลําดับและทําให สําเร็จในกิจกรรม “เรงดวน”
ในพื้นที่ 1
และพื้นที่ 3
แตการวิจัยนั้นชี้ใหเห็นวาบุคคลผูที่มี
ประสิทธิผลที่แทจริงจะมุงเนนไปที่พื้นที่ 2 อุดมคติที่จะตองไปใหถึงคือการขจัดเวลาที่ใชในพื้นที่ 3 และพื้นที่ 4 และเพิ่มเวลาที่ใช ในพื้ น ที่ 2
เมื่ อ ท า นใช เ วลามากขึ้ น ในกิ จ กรรมการวางแผน การป อ งกั น และการสร า ง
สัมพันธภาพในพื้นที่ 2 ทานจะพบวาทานใชเวลานอยลงมากในการเก็บงานในพื้นที่ 1 หรือมี ป ฏิ ก ริ ย า ต อ ค ว า ม ต อ ง ก า ร อ ย า ง เ ร ง ด ว น ข อ ง กิ จ ก ร ร ม อื่ น ๆ ใ น พื้ น ที่ 3 ถาหากทานตองตอสูเพื่อใหไดซึ่งเวลาที่จะใชในพื้นที่ 2 ทานจะพบเวลาที่ตองการดังกลาวใน พื้นที่ 3
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
15
The 7 Habits of Highly Effective People กิจกรรมเกือบทั้งหมดที่จะเปนตอการพัฒนาของเจ็ดอุปนิสัยอันไดแก จัดทําคําปณิธาน สวนกําหนดจุดประสงคในระยะยาว บํารุงรักษาความสัมพันธและจัดใหไดมาเปนระยะ ๆ ซึ่งการ เติมพลังชีวิตทางกายภาพ สติปญญา จิตวิญญาณ และสังคม/อารมณ ลวนเปนกิจกรรมในพื้นที่ 2 ทั้งหมดเปนกิจกรรมที่ “สําคัญ” สําคัญอยางยิ่ง แตเนื่องจากกิจกรรมเหลานี้ไมใชกิจกรรมที่ “เรงดวน” กิจกรรมเหลานี้จึงถูกละเลยเสมอการปฏิเสธที่จะทํากิจกรรมที่ไมสําคัญเทานั้น เราจึง จะมีเวลาที่จะทํากิจกรรมที่สําคัญ (พื้นที่ 3)
I
II
ผลลัพธ • มีวิสัยทัศน มองการณ ไกล • มีความสมดุลในชีวิต • เปนคนมีระเบียบวินัย • ควบคุมตนเองไดดี • ไมคอยเจอวิกฤต
พื้นที่ II เปนหัวใจของการบริหารตนเองอยางมีประสิทธิผล กระบวนการ ขั้นตอนการพัฒนาอุปนิสัยที่ 3 ขั้นตอนที่ 1 เชื่อมโยงสูปฎิธาน เชื่อมความคิดและจิตใจของทานสูเปาหมายที่ใหคุณคา และมี หลักการเปนศูนยกลาง ขั้นตอนที่ 2 ทบทวนบทบาท การทบทวนบทบาทจะสามารถชวยทานบรรลุความสมดุลและเกิด การฝากในบัญชีออมใจในความสัมพันธ ขั้ น ตอนที่ 3 กํ า หนดเป า หมาย ให ถ ามตั ว เองว า ฉั น จะทํ า อะไรภายในบทบาทต า ง ๆ เพื่ อ ดําเนินการตามปณิธานและบรรลุวิสัยทัศน ขั้นตอนที่ 4 บริหารเปนรายสัปดาห เพื่อใหไดมุมมองที่ชัดเจนสามารถบริหารและจัดการเวลา เพื่อวางแผนกิจกรรมในพื้นที่ 2 จัดการเรื่องตาง ๆ ทุก สัปดาห ขั้นตอนที่ 5 ใชความซื่อสัตยตอตนเองและผูอื่น เมื่อถึงเวลาที่ตองตัดสินใจเลือก ถามตัวเองวา “การเลือกนี้จะนําฉันไปสูสิ่งที่ฉันตองการจริง ๆ หรือไม” ขั้นตอนที่ 6 ประเมินผล ทบทวนในสิ่งที่ไดเรียนรู ทบทวนปณิธาน และมุงมั่นที่จะนําผลจากการ ประเมินมาประยุกตใช
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
16
The 7 Habits of Highly Effective People
อุปนิสัยที่ 4 คิดแบบชนะ/ชนะ กรอบความคิด 6 ประเภทในความสัมพันธของมนุษย -
ชนะ/ชนะ
ชนะ/ชนะมองเห็นวาชีวิตควรเปนไปเพื่อความรวมมืมรวมใจไมใชเพื่อการแขงขัน ชนะ/ชนะ ตั้งอยูบนพื้นฐานของกรอบความคิดที่วายังมีสิ่งตาง ๆ มากมายสําหรับทุกคน ความสําเร็จ ของคนหนึ่ ง มิ ไ ด ห มายความว า จะต อ งทํ า ให อี ก คนหนึ่ ง ต อ งเสี ย หายหรื อ ต อ งแย ง ชิ ง ความสําเร็จจากคนอื่น -
ชนะ/แพ
กรอบความคิดแบบชนะ/แพคือวิถีทางของอํานาจนิยม คนที่มีกรอบความคิดแบบชนะ/แพ ชอบใชตําแหนง อํานาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ ความเปนเจาของหรือบุคลิกภาพใหไดในสิ่งที่ ต อ งการ คนส ว นใหญ คุ น เคยกั บ รู ป แบบนี้ เ ริ่ ม จากที่ บ า นเมื่ อ มี ก ารนํ า เด็ ก คนหนึ่ ง มา เปรี ย บเที ย บกั บ เด็ ก อี ก คน อิ ท ธิ พ ลจากคนรอบข า งก็ ถื อ ว า เป น อี ก แรงหนึ่ ง ที่ ทํ า ให เ กิ ด ความรู สึ ก นี้ โลกของการศึ ก ษาก็ มี ส ว นสนั บ สนุ น แนวคิ ด นี้ เช น การตั ด เกรดผลการศึ ก ษา ความคิดแบบชนะ/แพจะเกิดเมื่อยูในสภาวะที่มีการแขงขัน และมีความไววางใจระหวางกัน ในระดับต่ํา แตชีวิตคนสวนใหญไมใชการแขงขัน เราไมจําเปนตองเอาชนะคูครองของเรา ลูกของเรา คนรวมงานของเรา เพื่อน และเพื่อนบานของเรา -
แพ/ชนะ
กรอบความคิดแบบแพ/ชนะแยกวาแบบชนะ/แพ เพราะมันไมมีมาตรฐาน ไมมีขอเรียกรอง ไมมีการคาดหวัง ไมมีวิสัยทัศน คนที่คิดแบบแพ/ชนะโดยปกติแลวชอบเอาใจผูอื่น ไมคอย กลาแสดงความรูสึกของตนเอง และถูกคุกคามจากความเขมแข็งของผูอื่นไดงาย -
แพ/แพ
เมื่อคนแบบชนะ/แพ 2 คนมาอยูดวยกัน นั่นหมายความวาคนที่มีจิตมุงมั่น ดันทุรังและเห็น แกตัวสองคนมาปะทะกัน ผลก็คือทั้งสองฝายจะเปนผูแพ รูปแบบของการคิดแบบแพ/แพ เปนรูปแบบของความขัดแยง เปนปรัชญาของการทําสงคราม -
ชนะอยางเดียว
คนที่ ต อ งการเอาชนะไม จํ า เป น ต อ งคิ ด ว า จะทํ า ให อี ก ฝ า ยหนึ่ ง เป น ฝ า ยแพ เ สมอไป ส ง ที่ สําคัญก็คือเขาตองไดรับในสิ่งที่เขาตองการ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
17
The 7 Habits of Highly Effective People แบบไหนดีที่สุดในทั้ง 5 แบบ? ถาคุณใหความสําคัญกับเรื่องความสัมพันธกับคนอื่น คุณอาจตองการใชรูปแบบแพ/ชนะ แตในบางสถานการณคุณอาจตองการเปนผูชนะ และไมสนใจเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ ความสัมพันธระหวางบุคคล ในสถานการณนี้คุณอาจตองการใชรูปแบบชนะ/แพ ทางเลือกที่ ดีที่สุดนั้นขึ้นอยูกับความเปนจริง สิ่งทาทายคือการอานความเปนจริงอยางถูกตอง และไมนํา กรอบความคิดแบบชนะ/แพหรือแบบอื่นไปใชในทุกสถานการณ ในความเป น จริ ง สถานการณ ส ว นใหญ คื อ ส ว นหนึ่ ง ของการพึ่ ง พาซึ่ ง กั น และกั น และใน สถานการณนั้นกรอบความคิดแบบชนะ/ชนะคือทางเลือกเดียว เนื่องจากในระยะยาว ถามัน ไมเปนแบบชนะ/ชนะแลว เราทั้งสองจะกลายเปนผูแพ -
ชนะ/ชนะหรือไมมีการตกลง
“ไมมีการตกลง” หมายความวาถาเราไมสามารถพบวิธีการแกไขปญหาซึ่งเปนประโยชนแก คนทั้งสองไดแลว เราตกลงที่จะไมตกลงกันอยางยินยอมพรอมใน จะไมมีการทําขอตกลงใด ๆ ทั้งสิ้น ถ า คุ ณ ไม ส ามารถไปถึงในจุดที่ ได ชั ยชนะเพื่ อทั้ งสองฝ า ยอย างแท จริ งแล ว การ เลือกที่จะไมมีการตกลงใด ๆ ดูจะเปนทางเลือกที่ดีกวา
1 ชนะ/ชนะ คุณลักษณะ
2 ชนะ/ชนะ ความสัมพันธ
3 ชนะ/ชนะ ขอตกลง
ระบบ (4) และกระบวนการ (5) ที่สนับสนุน
5 มิติของกรอบความคิดแบบชนะ/ชนะ หลักการของกรอบความคิดแบบชนะ/ชนะคือหลักการสําคัญที่เปนพื้นฐานตอความสําเร็จ ในการอยูรวมกัน โดยมันยึดเอามิติที่พึ่งพากัน 5
ประการของชีวิต เริ่มดวยคุณลักษณะ
(Character) ไปสูความสัมพันธ (Relationship) จนออกมาเปนขอตกลง (Agreement) อยู ในสิ่งแวดลอมซึ่งโครงสราง (Structure) และระบบ (System) ตั้งอยูบนกรอบความคิดแบบ ชนะ/ชนะ และมันเกี่ยวพันกับกระบวนการ (Process)
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
18
The 7 Habits of Highly Effective People
-
คุณลักษณะ (Character)
มีคุณลักษณะสําคัญ 3 ประการที่มีความสําคัญตอกรอบความคิดแบบชนะ/ชนะ
ความซื่อสัตยตอตนเองและผูอื่น (Integrity)
ความมีวุฒิภาวะ (Maturity) : วุฒิภาวะคือความสามารถสรางสมดุลระหวาง ความกลาหาญและความใสใจตอผูอื่น
-
ความใจกวาง (Abundance mentality)
ความสัมพันธ (Relationship)
ความไววางใจ เปนหัวใจสําคัญของกรอบความคิดแบบชนะ/ชนะ -
ขอตกลง (Agreement)
ในขอตกลงแบบชนะ/ชนะนั้น ประกอบดวยองคประกอบ 5 ประการ
ผลประสงคจะได (desired results) : ระบุวาจะตองทําอะไรและเมื่อไร
แนวทาง (Guidelines) : ระบุขอบเขต (หลักการ นโยบาย เปนตน) ซึ่งจะทํา ใหไดมาซึ่งผลนั้น
ทรัพยากร (Resource) : ระบุความสนับสนุนดานบุคลากร การเงิน เทคนิค และองคกรที่มีอยูเพื่อจะชวยใหไดมาซึ่งผลนั้น
ความรับผิดชอบที่สามารถวัดได ( Accountability) : กําหนดมาตรฐานการ ปฏิบัติงานและเวลาที่จะทําการประเมินผล
ผลที่จะตามมา (Consequences) : ระบุผลดีผลเสีย อะไรจะเกิดขึ้นจากการ ที่ไดมาหรือไมไดมาซึ่งผลที่ตองการ
การสรางขอตกลงในผลงานแบบชนะ/ชนะ เปนการมุงเนนที่ผลที่ไดรับไมใชวิธีการ -
ระบบ (System)
ความคิดแบบชนะ/ชนะจะอยูรอดไดก็ตอเมื่อระบบการทํางานขององคกรนั้นสนับสนุน ระบบ ขององคกรจะสนับสนุนดวยวิธีการฝกอบรม การวางแผนบริษัท ระบบการติดตอสื่อสาร การ จัดงบประมาณ ระบบขอมูลขาวสาร และระบบสวัสดิการ ทั้งหมดตองวางอยูบนหลักการคิด แบบชนะ/ชนะ การคิดแบบชนะ/ชนะมอบความรับผิดชอบใหกับแตละบุคคลทํางานชิ้นใดชิ้น หนึ่งใหเสร็จ ทําใหคนนั้นต องรับผิดชอบในงานที่ไดรับมอบหมาย ระบบการคิดแบบชนะ/ ชนะ ทําใหเกิดบรรยากาศที่สงเสริมและสนับสนุนการทํางานดวยขอตกลงแบบชนะ/ชนะ -
กระบวนการ
การคนหาทางออกแบบชนะ/ชนะ ประกอบดวยกระบวนการ 4 ขั้นตอนคือ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
19
The 7 Habits of Highly Effective People ขั้นตอนที่ 1 คือการมองปญหาจากมุมมองอื่น พรอมที่จะสรางความเขาใจ ขั้นตอนที่ 2 คือแสดงใหเห็นถึงปญหาสําคัญในเรื่องนั้น ขั้นตอนที่ 3 คือตัดสินใจวาผลลัพธอะไรจะทําใหการแกปญหาไดรับการยอมรับอยางเต็มที่ ขั้นตอนที่ 4 ระบุความเปนไปไดของทางเลือกเพื่อทําใหผลลัพธนั้นประสบความสําเร็จ วิธีแบบชนะ/ชนะเปนกรอบความคิดรวมในความสัมพันธของมนุษย มันมาจากคนที่มีคุณลักษณะ ของควาซื่อสัตยตอตนเองและผูอื่น การมีวุฒิภาวะ และมีใจกวาง มันพัฒนามาจากความสัมพันธ ที่มีความไววางใจกันในระดับสูง มันเปนโครงรางอยูในขอตกลง ซึ่งชัดเจน มีประสิทธิผล และ จัดการไดตามที่คาดหวังเชนเดียวกับการประสบความสําเร็จ มันงอกงานในระบบที่สงเสริมกัน และเปนผลสําเร็จไดดวยกระบวนการ อุปนิสัยที่ 5 : เขาใจผูอื่นกอนแลวจึงใหผูอื่นเขาใจเรา (Seek first to understand, Then to be understood) อุปนิสัยแหงการติดตอสื่อสารอยางเขาอกเขาใจ การติ ด ต อ สื่ อ สารเป น ทั ก ษะที่ สํ า คั ญ ที่ สุ ด ในชี วิ ต เราใช เ วลาเกื อ บทั้ ง หมดในการ ติดตอสื่อสาร อยางไรก็ตามลองพิจารณาดูสิ่งตอไปนี้ เราใชเวลาหลายๆป ในการเรียนรูที่จะอาน และเขียนอยางไร อีกหลายๆป ในการเรียนรูที่จะพูดอยางไร แตสวนที่เกี่ยวกับการฟงเราไดมี การผึกอบรม หรือการศึกษาอะไรบางที่จะชวยใหเราสามารถฟงเพื่อที่จะสามารถเขาใจคนอื่นได อยางลึกซึ้งจากกรอบอางอิง (Frame of Reference) ของบุคคลนั้นเอง การเข า ใจผู อื่ น ก อ น เปรี ย บเสมื อ นการวิ นิ จ ฉั ย โรคก อ นการจ า ยยา ซึ่ ง เป น หลั ก การที่ ถูกตองที่เห็นไดในกิจกรรมตางๆของชีวิตแพทยที่ดี การที่วิศวกรจะเขาใจการทํางานของกําลัง และแรงอัดกอนที่จ ะทําการออกแบบสะพาน หรื อการที่ นักขายที่ มี ประสิ ทธิผลจะพยายามทํ า ความเข า ใจกั บ ความตอ งการของลู ก คา ก อ นที่ จะเสนอขายสิ น ค า ดั งนั้ น นั กติ ดต อสื่ อ สารที่ มี ประสิ ทธิผ ลจะพยายามทํ า ความเขา ใจกั บ ความคิ ด เห็ น ของผู อื่ น ก อ นที่ จะพยายามให ผู อื่นมา เขาใจตน เพราะจนกวาคนไขจะรูสึกวาไดถูกวิเคราะหอยางถูกตองแลว เขาจะไมยอมรับยาที่สั่ง ให โดยทั่วไปแลว เรามักจะพยายามใหผูอื่นเขาใจเรากอน บุคคลเกือบทั้งหมดไมไดฟงดวย ความตั้งใจที่จะเขาใจ เขาฟงดวยความตั้งใจที่ตอบ เขากําลังจะพูดหรือมิฉะนั้นก็เตรียมที่จะพูด เขาซึมซับทุกอยางผานกรอบความคิดของตน และพยายามมองเห็นตัวเองผานชีวิตของคนอื่น
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
20
The 7 Habits of Highly Effective People “ฉันเขาใจอยางชัดเจนวาคุณรูสึกอยางไร” หรือ “ฉันไดผานสิ่งเหลานั้นมาแลว ฉันจะเลา ประสบการณของฉันใหทานฟง” เขาใชความคิดและการมองโลกของตนในการพิจารณาตัดสินพฤติกรรมของผูอื่น ในทางตรงกันขาม การฟงอยางเขาอกเขาใจ (Empathic Listening) เปนวิธีทําใหคนอื่น รูสึ ก วา คุ ณ ให ความสนใจกั บ สิ่ง ที่ เ ขาพู ด โดยการเข า ไปอยู ใ นกรอบอ า งอิ ง ของผู อื่ น แล ว มอง ออกมาขา งนอก ท านจะเห็ นโลกนี้ เหมื อนอย า งที่ บุ ค คลนั้ นเห็ น และจะเข า ใจว า บุ ค คลนั้ นรู สึ ก อย า งไร แต ไ ม ไ ด ห มายความว า คุ ณ จํ า เป น ต อ งเห็ น ด ว ย คุ ณ เพี ย งแค เ ข า ใจว า เขามี ค วามคิ ด อยางไร ซึ่งแตกตางจากการฟงแบบคลอยตามสิ่งที่คนอื่นพูด (Reflective) LISTENING CONTNUUM
การฟงอยางเขาอกเขาใจโดยตัวของมันเอง เป นการฝากบัญชี ออมใจของบุคคลอื่นที่ ยิ่งใหญมากรองไปจากการมีชีวิตรอดอยูไดในทางรางกาย ความตองการสูงสุดของมนุษยคือการ อยูรอดไดในเชิงจิตวิทยา ไดรับความเคารพ ยกยอง เขาใจ เมื่อทานฟงบุคคลอื่นอยางเขาอก เขาใจ ทานไดใหบุคคลนั้นถึงความเขาอกเขาใจทางจิตวิทยา ทักษะที่เปนหัวใจของการฟงแบบเขาอกเขาใจ มีอยู 4 ขั้นตอน คือ 1. วิธีเลียนแบบคําพูด ถือเปนทักษะขั้นแรก เพราะทําใหคุณตองฟงวาอีกฝายหนึ่ง กําลังพูดอะไร โดยการถามคําถามเดิมกลับไป โดยไมตองประเมิน ตรวจสอบ ให คําปรึกษา และตีความใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแคแสดงวาคุณสนใจในสิ่งที่เขาพูด 2. การเรียงประโยคใหม โดยใส ความหมายของสิ่งที่อีกฝายหนึ่งแสดงออกมาใน คําพูดดวย
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
21
The 7 Habits of Highly Effective People 3. การสะทอนความรูสึก ในขั้นตอนนี้คุณอาจไมไดใหความสนใจกับสิ่งที่เขาพูด แต คุณกําลังสนใจความรูสึกของเขาแทน 4. การสะทอนเรื่องราวและความรูสึก เปนการรวมขั้นตอนที่ 2 และ 3 เขาดวยกัน การฟงดวยความเขาใจ เปนการเปดโอกาสใหอีกฝายหนึ่งพูดสิ่งที่อยูภายในใจออกมา ซึ่งไมวา เขาจะตองการมุ มมองที่แตกตางและคําปรึ กษาจากภายนอกก็ตาม การฟ งด วยความ เขาใจจะสามารถเขาถึงปญหาไดรวดเร็ว สามารถแสดงการยอมรับและความเขาใจ ทําใหคนอื่น รูสึกปลอดภัยที่จะเปดเผยความในใจออกมาจนกระทั่งเขาถึงตนตอของปญหาที่แทจริงได และ บางครั้งเมื่อไดระบายความรูสึกออกมา เขาจะพบทางแกปญหาที่อยูในตัวเขาเอง การฟงอยางเขาอกเขาใจก็เปนสิ่งที่เสี่ยงเหมือนกัน การเขาไปในประสบการณการฟง อยางลึกซึ้งจําเปนตองมีความมั่นคงหนักแนนอยางมาก เพราะทานเปดโอกาสใหผูอื่นมีอิทธิพล เหนือทานได ทานอาจถูกทํารายได ในบางแงมันเปนสิ่งที่ขัดแยงกับความเปนจริง เพราะในการ ที่ทานจะมีอิทธิพลเหนือผูอื่น ตอนแรกทานจะตองอยูภายใตอิทธิพลของผูอื่นกอน ทานจึงจะ เขาใจอยางแทจริง ดังนั้นทานตองมีหลักการที่มั่นคงภายในตัวคุณเอง (อุปนิสัยที่ 1-3 : การ ชนะใจตัวเอง) ทําใหทานสามารถจัดการกับสิ่งตางๆ ภายนอกไดดวยความสงบและเขมแข็ง เมื่อเราเขาใจผูอื่นแลว เราสามารถจะกาวตอไปสูขั้นที่สองของการติดตอกับผูอื่น โดย การนําเสนอความคิดของคุณอยางชัดเจน ใหเฉพาะเจาะจงลงไป มองเห็นภาพไดชัดเจน และที่ สําคัญที่สุดตองมีคําอธิบายในบางตอน ซึ่งเปนคําอธิบายที่เคารพกรอบความคิดของอีกฝายหนึ่ง ทําใหเขาเกิดความเชื่อถือในตัวคุณมากขึ้นเพื่อที่จะทํางานอยางมีประสิทธิผล กลาวคือ ใหผูอื่น เขาใจเรา เนื่องจากความตองการของผูอื่นที่จะไดรับความเขาใจนั้นไดรับการตอบสนองแลว เรา ยอมอยูในฐานะที่จะมีอิทธิพล และไดรับความเขาใจจากผูอื่นมากขึ้น
อุปนิสัยที่ 6 หลักการรวมมืออยางสรางสรรค รูปแบบสูงสุดของการผนึ กพลั งประสานความตา งเกิ ดขึ้นเมื่อมีการใชคุณสมบัติเฉพาะ ของมนุษย 4 ประการ การใชแรงจูใจแบบชนะ/ชนะและทักษะการสื่อสารอยางเขาอกเขาใจมา จัดการเรื่องที่ทาทายมากที่สุดในชีวิต ผลที่ไดรับนั้นเกือบจะถือวาเปนความมหัศจรรย เพราะเรา ไดสรางทางเลือกใหมขึ้น เปนทางเลือกที่ไมเคยมีมาก การผนึกพลังประสานความตางคืออะไร อธิบายอยางงาย ๆ มันหมายความวา ผลรวมที่ ไดรับนั้นมากกวาผลบวกของแตละสวนรวมกัน มันหมายความวาความสัมพันธที่แตละสวนมีตอ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
22
The 7 Habits of Highly Effective People กันนั้นเปนสวนหนึ่งในตัวของมันเอง ไมเพียงแตเปนสวนหนึ่งเทานั้น แตเปนสวนที่สงผลกระตุน สวนอื่น ๆ ทําใหเกิดการรวมพลังกัน ทําใหสวนอื่น มีพลังมากขึ้นเปนสวนที่นาตื่นเตนมากที่สุด การผนึกพลังประสานความตางมีใหเห็นอยูทั่วไปในธรรมชาติ ถาคุณปลูกตนไมสองตน ไวใ กล กัน รากของมั น จะประสานกั นและช ว ยให คุณ ภาพของดิ น ดี ขึ้ น ทํ า ให ต น ไม ทั้ ง สองต น เติบโตไดดีกวาที่จะปลูกแยกกัน ถาคุณมัดทอนไมสองทอนใหอยูดวยกัน มันจะรับน้ําหนักได มากกวาน้ําหนักที่ไมแตละชิ้นจะรับได เมื่อสิ่งของถูกรวมกันเปนหนึ่ง มันจะใหผลที่มากกวาการ แยกชิ้นสวน เปรียบเสมือนหนึ่งบวกหนึ่ง การติดตอสื่อสารแบบผนึกพลังประสานความตาง เมื่อคุณใชการสื่อสารแบบผนึกพลัง นั่นหมายถึงคุณกําลังเปดใจ เปดความคิด และการ แสดงออกใหพรอมรับมือกับสิ่งใหม ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งทางเลือกใหมและโอกาสใหมที่ฟงดู แลวเหมือนกับวาจะขัดแยงกับอุปนิสัยที่ 2 (เริ่มตนดวยจุดมุงหมายในใจ) แตในความเปนจริง คุ ณ กํ า ลั ง ทํ า ให มั น สมบู ร ณ ยิ่ ง ขึ้ น แม ว า คุ ณ จะไม แ น ใ จว า การสื่ อ สารแบบผนึ ก พลั ง จะให ผ ล อยางไร แตคุณก็มีความตื่นเตน มั่นใจ และมีจิตใจที่มั่นคง โดยเชื่อวาผลที่ไดจะตองดีกวาแต กอนอยางมากมาย และนั่นก็คือจุดมุงหมายในใจคน การผนึกพลังประสานความตางในหองเรียน ในฐานะที่ เ ป น ครู ผมเชื่ อ ว า ชั้ น เรี ย นที่ ย อดเยี่ ย มนั้ น อยู ไ ม ไ กลกั บ ชั้ น เรี ย นที่ วุ น วาย อลหมาน การผนึกพลังเปนการทดสอบวาครูและนักเรียนนั้นเปดใจใหกับหลักการที่วาผลบวก ของแตงละสวนรวมกัน มีบางครั้งที่ทั้งนักเรียนและครูไมรูวาตอไปจะเกิดอะไรขึ้น ในตอนเริ่มตนสภาพแวดลอมที่ ปลอดภัยทําใหทุกคนเปดใจกวางเพื่อเรียนรูและรับฟงความคิดเห็นของแตละคน ตอมาก็มีการ ระดมสมอง ซึ่ ง เราให ค วามสํ า คั ญ กั บ ความคิ ด สร า งสรรค จิ ต นาการและการประสานป ญ ญา มากกวาการวิจารณความคิดเห็นกัน จากนั้นปรากฏการณที่ไมคาดคิดเลยเริ่มเกิดขึ้น นักเรียนทั้ง หองเปลี่ยนไปกับความตื่นเตนของความเชื่อใหม แนวคิดใหมและทิศทางใหม ซึ่งใหคําจํากัด ความไดยาก แตก็เปนผลมาจากผูคนที่เกี่ยวของ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
23
The 7 Habits of Highly Effective People การผนึกพลังประสานความตางในธุรกิจ เริ่ ม ต น การพู ด คุ ย ด ว ยการให เ กี ย รติ ซึ่ ง กั น และกั น ละเอี ย ดรอบคอบ และมี ความหวังเมื่อเราเริ่มพูดถึงทางเลือกอื่น โอกาส และความเปนไปไดตาง ๆ พวกเราหลายคนเริ่ม แสดงออกอย างเปดเผยเปนตัวของตัว เอง และเริ่ มคิดออกมาดัง ๆ ขอกําหนดในการเขียนคํ า ปณิธ านเปด โอกาสให มี ก ารสื่อ สารระหว า งกั น อย า งเป นอิ ส ระ เสริ ม ต อ แนวความคิ ด ของผู อื่ น อยางเปนธรรมชาติ พวกเรามีความเขาอกเขาใจซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกันก็มีความกลาหาญ ในการแสดงความคิด เรากาวไปสูการสื่อสารแบบการผนึกพลังอยางสรางสรรค การผนึกพลังประสานความตางและการติดตอสื่อสาร กลุมคนที่มีความแตกตางกันและมาจากหลายสาขามากขนาดนี้ไดรับมอบกําหนดการที่ อัดแนน และพวกเขาไมมีความอดทนพอที่จะกระทํา ยิ่งไปกวานั้นสื่อมวลชนยังกดดันพวกเขา ดวย แตผลปรากฏวาคนกลุมนี้เขากันไดอยางดี กลาเปดเผยซึ่งกันและกัน มีความคิดสรางา สรรคมาก และประสานประโยชนกันไดเปนอยางดี ความเคารพตอความคิดเห็นในหมูพวกนี้มีอยู สูงมาก จนถึงขนาดที่วาถาเกิดมีความเห็นไมตรงกัน แทนที่พวกเขาจะโตเถียงกัน พวกเขากลับ พยายามทําความเขาใจอีกฝายหนึ่ง พวกเขามีทัศนคติที่วา “ถาคนที่มีสติปญญา มีความสามารถ และความมุ ง มั่ น เช น ถ า คุ ณ มี ค วามเห็ น ไม ต รงกั บ ผมแสดงว า ต อ งมี อ ะไรสั ก อย า งที่ ผ มยั ง ไม เขาใจ และผมตองการทําความเขา ใจกับมัน คุณมีมุมมอง มีกรอบความคิ ดที่ผมตองทําความ เขาใจ” ไมมีการปกปองตัวเองอีกตอไป และแลววัฒนธรรมที่หายากยิ่งก็เกิดขึ้น รูปตอไปนี้แสดงใหเห็นความไววางใจมีความสัมพันธใกลชิดอยางไรกับการสื่อสารระดับ ตาง ๆ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
24
The 7 Habits of Highly Effective People การผนึกพลังประสานความตางในทางลบ ปญหาก็คือคนที่พึ่งตนเองไมได (สภาวะพึ่งผูอื่น) แตพยายามที่จะประสบความสําเร็จใน สภาวะแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน พวกเขาขอยืมความเขมแข็งจากตําแหนง อํานาจหนาที่ และใช กรอบความคิดแบบชนะ/แพ หรือพึ่งพาความนิยมที่ไดรับจากผูอื่นและใชกรอบความคิดแบบแพ/ ชนะ พวกเขาอาจพูดถึงเทคนิคของความคิดแบบชนะ/ชนะ แตพวกเขาไมชอบที่จะรับฟง พวก เขาตองการมีอํานาจเหนือคนอื่น ในสภาพแวดลอมแบบนี้การผนึกพลังไมมีทางเกิดขึ้นได
การวิเคราะหแรงผลักดัน นักสังคมวิทยาอยาง เคิรต เลวิน ไดพัฒนารูปแบบของ “การวิเคราะหสนามพลัง” โดย ใชแบบจําลองที่แสดงใหเห็นระดับ ต าง ๆ ของการดําเนินงานหรือการเป นอยู ในสภาวะสมดุ ล ระหวางแรงตาน (restraining forces) กับแรงผลักดัน (driving forces) โดยทั่วไปแรงผลักดันจะเปนไปในทางบวก มีเหตุผล และเปนตรรกะ เปนไปตามสามัญ สํา นึ ก และเป น ไปไดท างเศรษฐกิ จ ในทางกลั บ กั น แรงต า นจะเป น ไปในทางลบเกี่ ย วข อ งกั บ อารมณ แ ละไม เ ป น เหตุ เ ป น ผล รวมทั้ ง ไม เ ป น ไปตามสามั ญ สํ า นึ ก ของทางสั ง คมและทาง จิตวิทยา แรงทั้งสองดานมีอยูจริงและตองคํานึงถึงทุกครั้งที่ตองเกี่ยวของกับการเปลี่ยนแปลง ยกตั ว อย า งเช น ในครอบครั ว ซึ่ ง ปกติ แ ล ว จะมี ทั้ ง บรรยากาศในแง บ วกและแง ล บที่ จ ะ ปะทะกันอยูตลอดเวลา เชน ความรูสึกกวาจะปลอดภัยหรือไมที่จะแสดงความรูสึกออกมา หรือ พูดในเรื่องที่ เปนกังวล ในเรื่องความเคารพหรื อไม เคารพกัน ในการสื่ อสารระหว างสมาชิ กใน ครอบครัว บางที่ คุ ณ ต อ งการเปลี่ ย นแปลงระดั บ ของการปะทะกั น ซึ่ ง คุ ณ อาจต อ งการสร า ง บรรยากาศใหเปนบวกมากขึ้น นานับถือมากขึ้น เปดเผยมากขึ้น และเชื่อใจมากขึ้น เหตุผลที่เปน ตรรกะของคุณที่จะยกระดับของการปะทะกันใหสูงขี้น เปนแรงผลักดันในแงใหเกิดการยกระดับ นั้น แรงตาน
แรงผลักดัน
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
25
The 7 Habits of Highly Effective People การเพิ่มแรงผลักดันในแงบวกอาจใหผลดีไดสักชั่วระยะหนึ่ง แตตราบใดที่แรงตานยังคง มีอยูก็ยิ่งทําไดลําบากมากขึ้น มันเปรียบเสมือนกับการกดสปริง ยิ่งคุณกดลงไปเทาใด มันก็ยิ่ง ดันคุณแรงขึ้นเทานั้น ทําใหกดไดยากขึ้น จนถึงจุดหนึ่งซึ่งแรงของสปริงจะลดระดับลงในทันที ผลของการผลักดันที่ขึ้นๆ ลงๆ เมื่อคุณพยายามหลายครั้งขึ้นแตก็ไดผลเหมือนเดิม ทํา ใหคุณคิดวา “มันเปนอยางนั้นเอง” หรือ “มันยากเกินกวาจะเปลี่ยนแปลง” แตเมื่อใชวิธีการผนึกพลัง คุณใชแรงจูงใจจากอุปนิสัยที่ 4 ทักษะจากอุปนิสัยที่ 5 แล การปฏิสัมพันธระหวางกันของอุปนิสัยที่ 6
เขาแกไขที่แรงตานโดยตรง ก็เทากับคุณสราง
บรรยากาศห รู สึ ก ปลอดภั ย ที่ จ ะพู ด เกี่ย วกั บ แรงต า นเหล า นี้ คุ ณ ปลดปล อยมั น และสร า งความ เขาใจใหม จนในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนแรงตานทั้งหมดใหเปนแรงผลักดันในแงบวก คุณนําพวก เขาใหเขาไปในป ญหา ทําใหพวกเขารูจักมัน เพื่อทําใหรูสึกวานี่เปนปญหาของพวกเขา และ พวกกเขาตองการเปนสวนหนึ่งของการแกปญหา ธรรมชาติทุกอยางเปนการผนึกพลังประสานความตาง ระบบนิ เ วศวิ ท ยาเป น คํ า ที่ อ ธิ บ ายถึ ง การผนึ ก พลั ง ประสานความต า ง ทุ ก ๆสิ่ ง ที่ เ ห็ น มี ความสัมพันธกับทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในความสัมพันธดังกลาวนั้นนั่นเองที่อํานาจแหง ความคิดสรางสรรคถูกนํามาใชไดสูงสุด ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับพลัง และประโยชนการใชงานที่ สูงที่สุดนั้นจะเกิดขึ้นไดก็ตอเมื่อเราสามารถนําอุปนิสัยทั้ง 7 ใหมาทํางานรวมเปนหนึ่งเดียวได คุณสามารถมองเห็นประโยชนจากความแตกตางของคนอื่นไดเมือมีใครคนอื่นไมเห็ น ดวยกับคุณ “ดีมากที่คุณไมเห็นดวยกับผม”
คุณไมจําเปนจะตองเห็นดวยกับเรื่องพวกนี้ ขอ
เพียงแตคุณบอกมา แลวคุณสามารถแสวงหาความเขาใจไดในภายหลัง อุปนิสัยที่ 7 ลับเลื่อยใหคมอยูเสมอ หลักการของการเติมพลังชีวิตของตนเองใหสมดุล อุปนิสัยที่ 7 นี้จะพูดถึงเรื่องการลับเลื่อยใหคม (sharpen the saw) มันอยูลอมรอบ อุปนิสัยอื่นในกรอบความคิดของ 7 อุปนิสัย เพราะมันเปนอุปนิสัยที่ทําใหอุปนิสัยอื่นทั้งหมด 4 มิติของการเติมพลังชีวิต อุปนิสัยที่ 7 เปน PC สวนตัว เพราะมันจะรักษาและเพิ่มคุณคาทรัพยากรที่มีคาที่สุดของ คุณ นั่นคือตัวคุณเอง มันทําใหธรรมชาติของคนทั้ง 4
มิติคือ ดานกายภาพ ดานจิตวิญญาณ
ดานสติปญญา และดานสังคม/อารมณเกิดขึ้นใหม
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
26
The 7 Habits of Highly Effective People
ดานกายภาพ การออกกําลังกาย โภชนาการและการ จัดการกับ ความเครียด ดานสติปญ ญา การอานหนังสือ การใชจินตนาการ การวางแผนและ การเขียน
ดานสังคม/ อารมณ การบริการ ความ เขาใจอกเขาใจ การ ผลึกพลังประสาน ดานจิตวิญญาณ การขยายคานิยมให ชัดเจน การรักษา คํามั่นสัญญา การศึกษา
มิติดานกายภาพ (Physical Dimension) มิติดานกายภาพเกี่ยวของกับการดูแลรักษารางกายอยางมีประสิทธิผล เชน รับประทาน อาหารที่ ถู ก สุ ข ลั ก ษณะ นอนหลั บ พั ก ผ อ นอย า งเพี ย งพอ ตลอดจนการออกกํ า ลั ง กายอย า ง สม่ําเสมอ การออกกําลังกายเปนสวนหนึ่งของกิจกรรมในพื้นที่ II
ซึ่งใหประโยชนสูงถาลงมือ
ปฏิบัติ แตพวกเรามักไมปฏิบัติกันอยางตอเนื่อง เพราะมันไมใชเรื่องเรงดวน และเนื่องจากพวก เราไมคอยออกกําลังกาย ในไมชาเราก็จะพบวาตัวของเราไปอยูในพื้นที่ I วุนวายอยูกับปญหา ทางรางกายและวิกฤตการณตางๆ ที่เปนผลตามธรรมชาติที่เกิดจากการละเลยของพวกเราเอง โปรแกรมการออกกําลังการที่ดีคือโปรแกรมที่คุณสามารถทําไดดวยตัวเองที่บาน และ เปนโปรแกรมที่จะชวยสรางเสริมรางกายคุณใน 3 ดานคือ ความอดทน ความยืดหยุน และความ แข็งแรง ความอดทน (endurance) มาจากการออกกําลังกายแบบแอโรบิก ทําใหประสิทธิภาพ ของหัว ใจดี ขึ้ น สรา งความสามารถในการส งแรงดั นเลื อดไปเลี้ ย งทั่ ว ร า งกาย แม วา หั วใจเป น กล า มเนื้อ ก็ ต าม แต เ ราไม ส ามารถออกกํ า ลั ง กายหั ว ใจได โดยตรงเราสามารถออกกํ า ลั ง กาย กลามเนื้อหัวใจผานกลามเนื้อมัดใหญ เชน กลามเนื้อที่ขา ความยืดหยุน (flexibility)
มาจากการยึดหยุนของกลามาเนื้อ ผูเชี่ยวชาญสวนใหญ
แนะนําใหทํารางกายใหอบอุน และทําการยืดหยุนกลามเนื้อกอนและหลังจากการออกกําลังกาย
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
27
The 7 Habits of Highly Effective People แบบแอโรบิก ถาใหความอบอุนรางกายกอนการออกกําลังกาย มันจะชวยผอนคลายและใหความ อบอุนกับกลามเนื้อเพื่อเตรียมพรอมสําหรับการออกกําลังกายที่หนักขึ้น ความแข็งแรง (strength) เกิดจากการออกกําลังกายที่สรางความตานทานใหกลามเนื้อ เชน การเลนเพาะกายดวยทางาย ๆ การเลนวิดพื้น ถา คุณทํางานเกี่ยวกั บการใชแรงงานทาง รางกายหรือการกีฬาตาง ๆ การพัฒนาความแข็งแรงของกลามเนื้อจะชวยพัฒนาทักษะของคุณ ได มิติดานจิตวิญญาณ (Spiritual Dimension) การเติ ม พลั ง ชี วิ ต ด า นจิ ต วิ ญ ญาณช ว ยเสริ ม สร า งความเป น ผู นํ า ให กั บ ชี วิ ต คุ ณ ซึ่ ง เกี่ยวของโดยตรงกับอุปนิสัยที่ 2 จิตวิญญาณถือเปนแกนกลาง เปนศูนยรวมของคุณ และเปนความซื่อสัตยตอคานิยมของ คุณ มันเปนเรื่องเฉพาะตัวของคุณและมีความสําคัญอยางยิ่ง มันตั้งอยูบนสิ่งที่เปนแรงบันดาลใจ ของคุณ ทําใหคุณเบิกบาน บางคนสรางจิตวิญญาณของตนจากการสวดภาวนาทําสมาธิ เพราะ มันตรงกับคานิยมของตน ขณะที่อานและทําสมาธิ ทําใหรูสึกถึงการสรางพลังชีวิตใหม ความ เขมแข็ง เปนหนึ่งเดียวที่ศูนยกลาง และการยอมรับที่จะใหการรับใชตอไป มิติดานสติปญญา (Mental Dimension) การพั ฒ นาทางสติ ป ญ ญาของเราส ว นใหญ ร วมถึ ง ระเบี ย บวิ นัย ด า นการเรี ย นได ม าจาก หลั ก สู ต รภาคปกติ แต ใ นทั น ที ที่ เ ราอ า นนอกระบบโรงเรี ย น พวกเราส ว นใหญ จ ะปล อ ยให สติปญญาเราลดนอยลง เราเลิกอานหนังเสื่อประเทืองปญญา เราจะไมมีการคนควาหาความรู เรื่องใหมเพิ่มเติมเหนืองานของเรา เราจะไมคิดในเชิงวิเคราะห เราไมเขียนหนังสือ อยางนอยก็ ในเชิงวิจารณ หรือในลักษณะที่จะทดสอบความสามารถของเราในการแสดงออกอยางชัดเจน อย า งกลั่ น กลอง และใช ภ าษาที่ ต รงประเด็ น ในทางตรงข า ม เราใช เ วลาส ว นใหญ ไ ปการดู โทรทัศน มิติดานสังคม/อารมณ (Social/Emotional Dimension) มิติดานสังคม/อารมณจะเนนไปที่อุปนิสัยที่ 4,5 และ 6 ซึ่งมีศูนยกลางชีวิตที่หลักการของ การเปนผูนําระหวางบุคคล การสื่อสารอยางเขาอกเขาใจ และการรวมมืออยางสรางสรรค มิติดานสังคม/อารมณในชีวิตของพวกเรามีความสัมพันธกัน เพราะพื้นฐานทางอารมณใน ชีวิตของเรานั้นไดรับการพัฒนามาจากลักษณะความสัมพันธของเรากับบุคคลอื่นเปนหลัก ในการเติ ม พลั งชี วิ ต ด า นมิ ติ ท างสั งคม/อารมณ ข องเรา ไม ต อ งใช เวลาเหมื อ นกั บ การ ปรับเปลี่ยนมิติอื่นๆ เราสามารถสรางมันไดในระหวางการติดตอสื่อสารกับผูอื่นตามปกติในแตละ วัน แตมันก็ยังตองไดรับการฝกฝน เราอาจจะตองผลักดันตัวเราเอง เพราะพวกเราสวนใหญยัง
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
28
The 7 Habits of Highly Effective People ไม ไ ด ป ระสบความสํ า เร็ จ ในระดั บ ชั ย ชนะส ว นตน และยั ง ไม มี ทั ก ษะของชั ย ชนะในสั ง คมอั น จําเปนตออุปนิสัยที่ 4,5 และ 6 อยางเปนธรรมชาติทุกครั้งที่มีการติดตอสื่อสารเกิดขึ้น การกําหนดบทชีวิตของผูอื่น พวกเราสามารถเลือกที่จะตอบสนองผูอื่นใหเกิดความกระจางและการมองเห็นที่บิดเบือน ของพวกเขา เราสามารถมั่นใจในธรรมชาติของความเปนคนโปรแอกทีฟและปฏิบัติกับพวกเขา เหมื อ นกั บ เป น บุ ค คลที่ มี ค วามรั บ ผิ ด ชอบ เราสามารถช ว ยกํ า หนดบทชี วิ ต ให พ วกเขาตาม หลักการที่เป นศู นย กลางชี วิ ต มี พื้ นฐานทางาค า นิ ย ม สามารถพึ่ งตนเองได และมี คุ ณ ค า ส ว น บุคคล และดวยความที่เปนคนที่มีจิตใจกวาง จะทําใหพวกเราตระหนักถึงการใหสิ่งที่ดีกับบุคคล อื่นในทางติดตอสื่อสารแบบพึ่งพาซึ่งกันและกันกับบุคคลอื่นอยางมีประสิทธิผล การเติมพลังชีวิตที่สมดุล วิธีการเติมพลังชีวิตดวยตนเอง ตองรวมไปถึงความสมดุลในการปรับปรุงเปลี่ยนทั้ง 4 มิติ ตามธรรมชาติของเรา ทั้งมิติดานกายภาพ มิติดานสติปญญา มิติดานจิตวิญญาณ และมิติดาน สังคม/อารมณ ถึงแมวาการเติมพลังในแตละมิติจะเปนเรื่องสําคัญ ซึ่งมันก็จะกลายเปนเรื่องที่มี ประสิทธิผลเมื่อเราเกี่ยวเนื่องกับทึ้ง 4 มิติในทางที่ฉลาดและสมดุล การละเลยบริเวณใดบริเวณ หนึ่งก็จะมีผลกระทบทางลบตอสิ่งที่เหลือ การผนึกพลังที่เกิดจากการเติมพลังชีวิต การเติมพลังชีวิตอยางมีความสมดุลคือการผนึกพลังระดับสูงในตัวมันเอง ทั้งนี้เพราะสิ่งที่ คุณปฏิบัติในการลับเลื่อยใหคมในมิติใดมิติหนึ่งจะมีผลในทางบวกตอมิติอื่น ๆ เพราะทุกมิติมี ความเกี่ยวของกันอยางแยกไมออก สุขภาพทางรางกายของคุณจะมีผลตอสุขภาพทางจิตดวย ความแข็งแกรงของจิตใจก็จะมีผลตอความแข็งแกรงทางอารมณและสังคม ขณะที่คุณพัฒนามิติ ใดมิติหนึ่ง คุณก็จะเพิ่มความสามารถในมิติอื่น ๆ ดวยเชนกัน เมื่อคุ ณเติมพลังดานมิติ ทางกายภาพ คุณ ก็จะตอกย้ํา วิสัยทั ศน สว นบุ คคล ซึ่งเป นกรอบ ความคิดเรื่องการรูตนเองและความประสงคอิสระ ความโปรแอกทีฟและการรูวาตัวเองมีอิสระที่ จะเลือกเปนผูกระทําแทนที่จะเปนผูถูกกระทํา เมื่อคุ ณเติ มพลังดานมิ ติ ทางจิ ตวิญญาณ ก็ เทา กั บ วา คุ ณ ได เพิ่ มความสามารในการเป น ผูนําตนเอง คุณจะเพิ่มความสามารถในการดํารงชีวิตจากจินตนาการและความรูสึกผิดชอบของ คุณเอง แทนที่จะมีชีวิตตามความทรงจําของคุณ เปนการทําความเขาใจอยางลึกซึ้งถึงคานิยม และกรอบความคิด เมื่อคุณเติมพลังดานมิติทางสติปญญา ก็จะเปนการเพิ่มความสามารถในการจัดการสวน บุคคล ขณะที่ คุณวางแผน คุ ณ บังคับสมองคุ ณ ให ตระหนั กถึ งกิ จกรรมในพื้ นที่ II
ซึ่งเป น
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
29
The 7 Habits of Highly Effective People จุดมุงหมายที่สําคัญมากกวาและกิจกรรมที่ใหคุณใชเวลาและพลังงานของคุณอยางไดประโยชน สูงสุด จากนั้นคุณก็จัดเวลาและกิจกรรมของคุณตามความสําคัญเหลานั้น วงหมุนสูเบื้องบน ( Upward Spiral) การเติมพลังชีวิตถือเปนหลักการหนึ่งและเปนกระบวนการที่ใหอํานาจแกเรา ที่จะเคลื่อน ตัวไปตามวงหมุนสูเบื้องบนของความเติมโต การเปลี่ยนแปลง และการปรับปรุงอยางตอเนื่อง เพื่อใหเกิดความกาวหนาอยางมีความหมายและสม่ําเสมอตามรูปแบบของวงหมุนสูเบื้อง บน เราจํา เป นตองพิจารณาถึงป จจัย อี กด า นหนึ่งของการเติมพลั งในฐานะที่มั นเป นคุ ณ สมบั ติ เฉพาะของมนุษย ซึ่งทําใหเกิดความเคลื่อนที่สูงขึ้น นั่นคือ จิตสํานึก ของเรา การมี จิ ตสํ า นึ ก เปน คุ ณ สมบั ติ เ ฉพาะตั ว ที่ จ ะเตื อ นให เรารู เ มื่ อ เรามี ค วามสอดคล อ งหรื อ แยกตัวออกจากหลักการที่ถูกตอง และพาเราเขาไปใกลหลักการที่ถูกตองเหลานั้น
วงหมุนสูเบื้องบน ( Upward Spiral) ผมเชื่อวาขณะที่ เราเติบโตและพัฒนาอยูบ นวงหมุนสูเบื้ องบน เราตองแสดงให เห็ นถึ ง ความขยั น ต อ กระบวนการเติ ม พลั ง ชี วิ ต ด ว ยการเรี ย นรู แ ละเชื่ อ ฟ ง จิ ต สํ า นึ ก ของเราความรู เกี่ยวกับเรื่องจิตสํานึกมากขึ้นจะผลักดันเราไปสูหนทางของความเปนอิสระสวนตัว ความมั่นคง ในจิตใจ ภูมิปญญา และอํานาจ ในการเคลื่อนที่ไปตามวงหมุนสูเบื้องบนนี้ พวกเราจําเปนตอง เรียนรู มุงมั่นที่จะทํา และ ปฏิบัติ ในรูประนาบที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เราหลอกลวงตัวเองถาเราคิดวาการที่มีเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็เพียงพอแลว เพื่อที่จะไดความกาวหนา เราตองเรียนรู มุงมั่น และปฏิบัติ เรียนรู มุงมั่น และ ปฏิบัติ เรียนรู มุงมั่น และปฏิบัติ ตอไปเรื่อย ๆ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
30
The 7 Habits of Highly Effective People ความสัมพันธระหวาง 7 Habits กับ Organization Behavior นิ สั ย เกิ ด จากพฤติ ก รรมที่ ทํ า ซ้ํ า ๆ จนเกิ ด เป น นิ สั ย ติ ด ตั ว ของแต ล ะบุ ค คล ดั ง นั้ น หากต อ งการ เปลี่ยนแปลงนิสัย ตองทําการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนกอน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ของคนได ตองเริ่มจากความเชื่อของแตละบุคคลคนนั้น เพื่อสงผลใหเกิดคานิยม ทัศนคติ และ พฤติกรรมที่ตองการ สิ่งนี้เองที่ทําให 7 Habits สัมพันธกับ OB เพราะคนจะมีนิสัยทั้ง 7 ได จะตองเริ่มจากหลักการของ Organization Behavior ในเรื่อง B2B กอน •
Believe ความเชื่อ เปนตัวสั่งใหใหเราทําสิ่งตางๆ เกิดจากการสั่งสมขอมูลขาวสารเปนสิ่ง
ที่อยูลึกที่สุด มี 3 อยางคือ จริงหรือเท็จ เชื่อหรือไมเชิ่อ ใชหรือไมใช ศรัทธาก็เปนสวนหนึ่งของ ความเชื่อโดยหลอหลอมมาจากความเชื่อ ใน 7 Habits ไดกลาวถึงการเปลี่ยนกรอบความคิด (Paradigm shift) ซึ่งถือเปนความเชื่อและปนตัวกอใหเกิดการปฏิบัติ นําไปสูนิสัย (Habit) •
Value คานิยม มาจาก หลักการ ทฤษฎี ฐานความรู อรรถประโยชน สุนทรียภาพ สังคม ผุ
นํา ตน และคนอื่น คานิยมประกอบดวย วิธีการไปสูเปาหมาย /สิ่งที่ตองทํา & เปาหมาย/สิ่งที่ ตองการ •
Attitude
ทั ศ นคติ เป น การลงความเห็ น ว า ชอบหรื อ ไม ช อบ (positive/negative
evaluation) อิทธิพลของทัศนคติ ทําใหเกิดความคิดนําการกระทํา เชนเขาไมาชอบที่เราเดิน เขามาโดยไมเคาะประตูทําใหพฤติกรรมเขาเปลี่ยน •
Behavior การปฎิบัติ โดยการจะเปลี่ยนพฤติกรรม จะตองสาวลึกไปใหถึงความเชื่อ หรือ
Albert Bandura
สรุปไววา “ถาจะเปลี่ยนพฤติกรรมของคน ตองสืบคนถึงกลองความเชื่อ
ความเชื่ อ อยู เ หนื อ ทุ ก สิ่ ง ทุ ก อย า ง แรงจู ง ใจและพฤติ ก รรมก็ ขึ้ น อยู กั บ ความเชื่ อ ถ า คนเชื่ อ ก็ ตัดสินใจทํา เมื่อเราแบงการวิเคราะหออกเปนแตละอุปนิสัยจะมีความสัมพันธกับ Organization
Behavior
ดังนี้ อุปนิสัยที่ 1 บี-โปรแอกทีฟ จัดเปนอุปนิสัยที่กอใหเกิด ความฉลาดทางอารมณ (Emotional
Intelligence)
ซึ่งจะเกี่ยวของกับความสามารถในการเขาใจตนเองและผูอื่น การติดตอสัมพันธกับบุคคลและ การปรับตัวหรือเผชิญกับสิ่งแวดลอมที่เปลี่ยนแปลง บี-โปรแอกทีพมีความสัมพันธเกี่ยวกับความ ฉลาดทางอารมณในดานเกี่ยวกับ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
31
The 7 Habits of Highly Effective People Self-Awareness หมายถึง การเขาใจตัวเองอยางลึกซึ้งในอารมณ จุดแข็ง จุดออน ความ ตองการและ drives ของตนเอง คนที่มี self awareness จะรูวาอารมณมีผลกับตนเอง งานและ คนอื่น อยางไร จะรูจักแยกแยะเรื่องอารมณและไมใสใจในเรื่องเล็ก ๆ นอย ๆ แตจะมุงทําในจุด ที่สําคัญหลัก ๆ คนที่มี self awareness จะเขาใจคุณคา (value) และจุดหมายของตนเอง รูวา กําลังมุงสูเปาหมายอะไร มีเหตุผลอะไร จึงมักทํางานอยางมีพลัง คนที่มี self awareness จะรู จุ ด หมายของตน เค า สามารถทํ า งานโดยไม เ อาเรื่ อ งเงิ น ๆ ทองๆ เป น สํ า คั ญ เพราะมั น ไม ใ ช เปาหมายระยะยาว ในขณะที่คนที่ไมมี self awareness ทํางานโดยดูที่เงิน เงินดีก็ทํา ผานไป สักระยะหนึ่งก็จะเบื่อและหาทางเปลี่ยนงาน Self awareness จะสามารถมองเห็นไดตอนทํา performance review คนที่สามารถพูดถึงจุดแข็ง จุดออน และใหวิจารณตนเองไดคือคนที่รับรู ตนเอง สวนคนที่ไมมี self awareness จะปกปดความผิดพลาดของตนเอง Self Regulation เปนหนึ่งในความฉลาดทางอารมณ ที่ทําใหเราเปนอิสระจากความรูสึก ของตนเอง self regulation จะทําใหสามารถควบคุมอารมณและใชอารมณในทางที่มีประโยชน แทนที่จะอารมณเสียเหมือนคนอื่น ๆ เชน ผูบริหารคนหนึ่งที่ฟงการ present
ที่ไมดีนักของ
ลูกนอง จะทําอยางไร เอะอะ โวยวาย หรือดา หรือ เงียบ มองดวยสายตาดุแลวจากไป ถามี self regulation จะตองรวบรวมคําพูดดีๆ แลวบอกลูกนองถึงการ present ที่ไมดีนั้น แลวจึงกลับไป คิ ด ถึ ง เหตุ ผ ลต า งๆ ตั้ ง คํ า ถามกั บ ตั ว เอง นั ด คุ ย กั น เพื่ อ ชี้ แ จง บรรยายความรู สึ ก และบอกถึ ง หนทางในการแกไขตอไปที่ไดคิดมาแลว self regulation สําคัญสําหรับผูนํา หนึ่งคือ การที่ สามารถควบคุมความรูสึกที่เกิดขึ้นอยางปจจุบันและการแสดงออกได คือคนที่มีเหตุผล สามารถ สรางบรรยากาศที่นาเชื่อถือ และยุติธรรม สอง คือ self regulation สําคัญในการแขงขัน สังคม ที่ มี ก ารแข ง ขั น พั ฒ นารวดเร็ ว มาก คนที่ ค วบคุ ม อารมณ ไ ด ดี ก ว า จะสามารถปรั บ ตั ว ตามการ เปลี่ยนแปลงของสังคมไดเปนอยางดี
อุปนิสัยที่ 2 เริ่มตนดวยจุดมุงหมายในใจ – หลักการของการเปนผูนําในตัวเอง จัดเปนอุปนิสัยที่สัมพันธกับ Motivation ซึ่งเปนสภาวะของบุคคลที่ถูกกระตุนและเกิด ความมุงมั่นใหเกิดพฤติกรรมที่จะบรรลุเปาหมายหรือวัตถุประสงคบางอยาง ซึ่งมี 5 ขั้นตอน 1. Tension แรงดันมีมากจนกดดัน 2. Drives กดดันทําใหเคลื่อนที่ 3. Search Behavior ทําใหเกิดการคนหาพฤติกรรม 4. Satisfied Need ตอบสนองความพึงพอใจ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
32
The 7 Habits of Highly Effective People 5. Reduction of tension จนลดระดับความกดดัน แรงขับและการลดแรงขับนี้ไมใชจะสัมพันธกันเสมอไป แรงจูงใจสามารถจําแนกประเภทไดหลายวิธี คนเรามีมูลเหตุของการจูงใจตางกัน เนื่องจากแต ละบุคคลยอมมีความแตกต างทางด านความคิ ด ความสนใจ ประสบการณ ความ ตองการ เปนตน การจูงใจของแตละบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไดทุกโอกาส นั่นคือ ความตองการ ของคนไมสม่ําเสมอเปลี่ยนแปลงไปตามความคิด อารมณ สภาพแวดลอม ความสนใจตางๆการ จูงใจมีมากมายหลายชนิด เชน แรงจูงใจในรูปของเงิน หรือ ความตองการทางสังคม อื่นๆ เปน ตน ทฤษฏี (Theory) ที่เกี่ยวกับ Motivation
ที่สัมพันธกับอุปนิสัยที่ 2
นี้คือ Goal
Setting Theory ซึ่ง Edwin Locke อธิบายวา เปนการแสดงพฤติกรรมของบุคคลเปนผลมา จากเปาหมายอยางมีสํานึกและความตั้งใจหรือความมุงมั่นของเขา โดยการตั้งเปาหมายจะเปน กระบวนการภายในที่จะนําไปสูการแสดงออกอยางเปนรูปธรรม เนื่องจากบุคคลมีพฤติกรรมที่ มุงมั่นจะทํางานจนกวาจะบรรลุเปาหมาย และยิ่งเปาหมายมีระดับความยากมากเทาไหร บุคคล ก็ จ ะใส ค วามพยายามมากเท า นั้ น ทฤษฎี ก ารตั้ ง ค า เป า หมายมี ป ระเด็ น สํ า คั ญ คื อ การตั้ ง ค า เปาหมายจะกอใหเกิดแรงจูงใจ และประสิทธิภาพการทํางาน และมีการปอนขอมูลกลับไปยัง เปาหมาย นั่นคือ จะชวยใหผูปฏิบัติรูวาตองทําอะไร และควรตองใชความพยายามมากเทาใด เพื่อใหบรรลุเปาหมายนั้น การตั้งเปาหมายจะเกี่ยวของกับปจจัย 3 ประการคือ ความชัดเจนของ เปาหมาย ความยากของเปาหมาย การยอมรับของเปาหมาย
อุปนิสัยที่ 3 ทําสิ่งที่สําคัญกอน การเลื อ กทํ า สิ่ ง ที่ สํ า คั ญ ก อ นถื อ เป น กระบวนการของการตั ด สิ น ใจอย า งหนึ่ ง (Decision Making) ซึ่งประกอบดวย 1.Optimizing
(หาประโยชนสูงสุด)
ทําไดก็ตอเมื่อตองมีเปาหมายชัด กําหนดกฏเกณฑ
พิจารณาและใหนน.(Weight) – หาทางเลือก – ตีคาของแตละทางเลือก – ใช Intuitive เลือกทางเลือกที่ดีที่สุด 2.Satisfaction (ใชหลักความพอใจ:พอดีๆ) 3.Implicit Favorite (แอบชอบอยู มักใหเหตุผลเขาขาง) 4. Intuitive (เปนพลัง หยั่งเห็น บอกเหตุผลไมได) การใช Optimizing Model เพื่อชวยในการตัดสินใจประกอบดวย
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
33
The 7 Habits of Highly Effective People 1.เปาหมายตั้งใหชัดๆ 2.ตองมีตัวเลือก 3.ชัดเจนวาใชวิ่งที่เราใหความสําคัญ 4.เลือกทางเลือกที่ใหประโยชนสูงสุด อุปนิสัยที่ 4 คิดแบบชนะ/ชนะ Conflict/Negotiation เนื่ อ งจากการเจรจาต อ รองเป น สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ได ใ นหลาย ๆ สถานการณ ดังนั้นความหมายของการเจรจาตอรอง (Negotiation)
จึงอาจมีกําหนดแตกตาง
กันตามแตละสถานการณ อาจนิยามไดวา คือ “ การหารือเพื่อที่จะไดขอตกลงในการบรรลุความ ตองการ ”หรือ” การใหไดสิ่งที่ตองการ โดยตองพึ่งผูอื่น ” หรือ ” กระบวนการที่ฝายตาง ๆ ที่มี วัตถุประสงคขัดแยงกันตั้งขอกําหนดขึ้นมาเพื่อใหความรวมมือกัน” สถานการณของการเจรจา ตอรองจะประกอบดวย :- กติกาและกฎระเบียบซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได, ตองมีผูเกี่ยวของสอง ฝายหรือมากกวา, มีเปาหมายหรือวัตถุประสงคชัดเจน, มีการใชแผนกลยุทธและกลวิธีตอฝาย ตรงขาม, ตองอาศัยทักษะเพื่อชวยใหเกิดประสิทธิผล การเจรจาตอรองแบงเปน Distributive (แบบแบงสรร) คือเปนแบบ Zero-Sum or Fixed Pie รวมแลวไมเหลือเศษ ได-เสีย Integrative (แบบประสานประโยชน) คือมีทางออกมากกวา1 BATNA คาต่ําสุดที่จะยอมรับ ขอเสนอในการเจรจาตอรอง(Best Alter. To Negotiated Agreement)
อุปนิสัยที่ 5 : เขาใจผูอื่นกอนแลวจึงใหผูอื่นเขาใจเรา จัดเปนอุปนิสัยที่กอใหเกิด ความฉลาดทางอารมณ (Emotional
Intelligence)
ซึ่งจะเกี่ยวของกับความสามารถในการเขาใจตนเองและผูอื่น การติดตอสัมพันธกับบุคคลและ การปรับตัวหรือเผชิญกับสิ่งแวดลอมที่เปลี่ยนแปลง เขาใจผูอื่นกอนแลวจึงใหผูอื่นเขาใจเรามี ความสัมพันธเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณในดานเกี่ยวกับ Empathy หมายถึง การใสใจความคิดความรูสึกของผูอื่นโดยไตรตรองรวมกับหลายๆ ตัวแปร กอใหเกิดการตัดสินใจอยางชาญฉลาด ตัวอยางเชน มีแผนกหนึ่งในบริษัทจําเปนตองไล พนักงานออก ผูจัดการคนแรก กลาวดวยความเสียใจกับกลุมพนักงานที่ตองถูกใหออก ผูจัดการ คนที่สองพูดตางไป บอกเกี่ยวกับความกังวลและสับสนของตนเองและสัญญาวาจะบอกทุกคน อยางเปนธรรม จะเห็นวาผูจัดการคนแรกกลัววาพนักงานจะเศรา สวนผูจัดการคนที่สองหวงวา คําพูดตนเองจะทําใหพนักงานรู สึกแย
ผูจัดการคนที่สองจะดี กวาคนแรก เนื่ องจากยังทําให
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
34
The 7 Habits of Highly Effective People พนักงานที่ดีและเกงจะยังอยูกับบริษัทตอไป empathy
สําคัญมากสําหรับการเปนผูนํา ดวย
เหตุผลสามประการ คือ 1.กระตุนใหเกิดการทํางานเปนหมูคณะ 2.มีความเขาใจและมีการสื่อสาร ตอวัฒนธรรมที่ตางกันไดงาย 3.ทําใหเกิดความสัมพันธอันดีระหวางบุคคลและลดอัตราพนักงาน ลาออก ผูนําตองมี empathy เพื่อพัฒนาคนและรักษาคนดี ๆ ไว ทุกวันนี้หากคนดีออกไปจาก บริษัทก็จะนําความรูความสามารถของบริษัทออกไปดวย การใชระบบแนะแนวและวัดผลสามารถ ชวยใหเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานได เพิ่มความพึ่งพอใจในงาน การประยุกตใชระบบแนะ แนวและวัดผลดีที่สุดคือ nature of relationship ผูนําที่ดีจะคอยคิดถึงคนที่เราดูแลอยูตลอด จะรูจักการใหขอแนะนําตอบแทนที่ดี รูจักการผลักดันเพื่อใหเกิดประสิทธิภาพในการทํางานที่ดี และรูวาเมื่อไหรควรหยุด หรือผลักดัน Social skill Social skill and empathy เปนความสามารถในการจัดการความสัมพันธ กับคนอื่น social
skill
ไมใชเพียงแคความเปนมิตร แตยังรวมถึงความมี spirit
และมี
ความสามารถในการนําพาทีมงานไปสูจุดหมายที่เราตองการอีกดวย คนที่มี social skill จะตองมี ความคุ น เคยกั บ ที ม งานและจะต อ งมี ค วามสามารถที่ จ ะเข า ใจลั ก ษณะของแต ล ะบุ ค คล ความสามารถที่จะสรางความปรองดองเพื่อใหทีมงานทํางานไดดวยความคิดที่วา จะทํางานให สําเร็จดวยตัวคนเดียวนั้นเปนไปไมได ผูนําจะสามารถบริหารความสัมพันธอยางมีประสิทธิภาพ เมื่อเคาเขาใจและสามารถควบคุมอารมณรวมถึงสามารถเขาใจความรูสึกคนรอบขาง ในขณะที่ การสรางแรงบันดาลใจจะชวยสนับสนุนทักษะในการเขาสังคมติดตอกับผูอื่น คนพวกนี้จึงมอง โลกในแงดีแมในความลมเหลว ตัวอยางเชน ความสามารถในการปรับตัวเพื่อจัดการทีมงาน เปน ความเห็นอกเห็นใจ และสามารถในการชักจูงผูอื่นใหคลอยตาม เปนทั้ง self awareness, self regulation, Motivation และ empathy ผูชักจูงที่ดีจะรูวาเมื่อไหรควรขอรอง กระตุนหรือยอมรับ ในเหตุผล ทําใหทํางานไดดีกวา ทําใหเปนผูทํางานรวมกับผูอื่นไดดีเนื่องจากแรงบันดาลใจใน การทํางานจะถูกสงตอไปยังผูอื่น ผลักดันใหรวมกันแกปญหาได นอกจากนี้ยังรวมถึงการพูดคุย เรื่องตลกกับคนทั่วไปเปนการการสรางความสัมพันธที่ดีตอไปในอนาคต Social skill จึงเปน กุ ญ แจสํ า คั ญ สํ า หรั บ ความสามารถของผู นํ า ขององค ก รในการจั ด การความสั ม พั น ธ อ ย า งมี ประสิทธิภาพ.
เพื่อใหงานสําเร็จโดยอาศัยความรวมมือจากผูอื่น
สถานการณที่มีปญหา
สามารถนําเอาทักษะ EQ
Application
ตัวอยาง
มาใชได กรณีมีความขัดแยงในที่ทํางาน
ผูบริหารควรใช EQ ในการแกปญหาโดยใชทักษะดานการอานผูอื่น โดยตองเขาใจอารมณและ ความรูสึกของกลุมที่มีความขัดแยงวามีปญหาอะไรเกิดขึ้น และหาทางแกไขปญหาโดยสงเสริม ใหผูอื่นรูจักอารมณของตนเองและเนนความเห็นอกเห็นใจรับรูความรูสึกของคนอื่นและเขาใจ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
35
The 7 Habits of Highly Effective People ความคิดของคนอื่น เพื่อใหเกิดความสงเสริมความสมานฉันทในการทํางาน ตัวอยาง เมื่อลูกนอง ในที่ทํางานมีปญหากัน ผูบริหารจะตองเรียกลูกนองที่มีปญหาเขามาคุยพรอมกันและหาวิธีแกไข ปญหา ผูบริหารจะตองเนนใหรูจักเห็นอกเห็นใจในการทํางานรวมกัน ผูบริหารจะตองสอนใหรูจัก ควบคุมอารมณของตนเองเพื่อส งเสริมให เกิดการมี ประสิทธิภาพในการทํางาน กรณีหัวหนา มี ปญหากับลูกนอง หัวหนาควรตองใชทักษะ EQ ในดานการรูจักตนเองและดานการครองสติโดย รูจักควบคุมอารมณของตนเอง ไมพูดทํ าร ายจิตใจลูกนอง ไมใชอํานาจในการสั่ งการเพื่อให ไดมาซึ่งในสิ่งที่ตนเองตองการตัวอยาง หัวหนาสั่งงานแตลูกนองทําไมไดตามที่หัวหนาคาดหวัง หั ว หน า ไม ค วรแสดงอารมณ ที่ ทํ า ให ลู ก น อ งหมดกํ า ลั ง ใจในการทํ า งาน อี ก ทั้ ง หั ว หน า ควร มอบหมายงานใหตรงกับทักษะความชํานาญในแตละบุคคล ประโยชนที่ไดรับจากการศึกษา EQ 1)ทําใหทราบถึงทักษะตางๆของความฉลาดทางอารมณ 2)ทําใหพัฒนาตนเองสูความเปนนําที่ดีไดในอนาคต 3)นําความรูที่ไดรับมาพัฒนาบุคลากรใน องค ก รเพื่ อ ให เ กิ ด ประสิ ท ธิ ผ ลในการทํ า งาน และเป น จุ ด เริ่ ม ต น ในการก า วขึ้ น ไปสู ตํ า แหน ง ผูบริหาร4).สอนใหรูจักเขาใจในการทํางานรวมกับผูอื่นและนําพาทีมงานใหบรรลุวัตถุประสงค ขององคกร อุปนิสัยที่ 6 หลักการรวมมืออยางสรางสรรค TEAM THAT WORKS TEAM กลุมคนที่มารวมตัวกันอยางมีความหมาย เพื่อสราง ผลงานรวมกัน ซึ่งหมายถึง Targeting Empowering Accelerating Motivating หลักสําคัญ ของการทํางานแบบทีมเวิรค คือ trust(ความคาดหวังเชิงบวกวาคนอื่นจะไมปฎิบัติการใดๆที่เปน การฉวยโอกาส) การประสานสัมพันธ สมานสามัคคี เปนน้ําหนึ่งใจเดียวกัน มีความคิด ทัศนะ มุมมองที่สอดคลองกัน มุงไปในทิศทางเดียวกันอยางสรางสรรคและจรรโลง เพื่อความสําเร็จ รวมไมใชความสําเร็จของฝายใดฝายหนึ่ง ซึ่งเหมาะสมกับภาวะการแขงขันและรูปแบบการ ทํางานในโลกยุคปจจุบัน การทํางานเปนทีมจึงมีความสําคัญเปนอยางยิ่งในการที่จะนําทีมงาน ไปสูความสําเร็จ ดังนั้นการศึกษาเรื่องการทํางานเปนทีมจึงเปนเรื่องที่ทุกองคกรควรให ความสําคัญ เพื่อใหสมาชิกในทุกระดับสามารถนําไปปฏิบัติงานไดจริงเพื่อจะนําองคกรไปสูการ พัฒนาอยางไมมีที่สิ้นสุด ความแตกตางระหวาง Team กับ Group A Work Group เปนกลุมที่มีปฏิสัมพันธกันในเชิงแลกเปลี่ยนขอมูล และตัดสินใจเพื่อ ชวยเหลือสมาชิกภายในหนวยงานที่รับผิดชอบ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
36
The 7 Habits of Highly Effective People A Work Team เปนกลุม หรือการรวมตัวกันที่ทําใหเกิด Positive synergy นั่นก็คือ ผลของการรวมแรงรวมใจกันของแตละคน ทําใหเกิดประสิทธิภาพที่มากกวาผลที่เกิดจากแตละ คนรวมกัน ประโยชนที่ไดรับจากการศึกษาเรือ ่ ง Team work การทํางานเปนทีม ทําใหสมาชิกในทีมสามารถประสบความสําเร็จและบรรลุเปาหมายใน การทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก สมาชิกทุกคนจะตองนําทักษะความรูทม ี่ ีอยูมาใช ในการทํางานรวมกัน ซึ่งทําใหเกิดความสามัคคีภายในทีม นอกจากนี้ยังชวยใหสามารถทํางาน ไดมากขึ้นในเวลาเทาเดิม การทํางานเปนทีม ชวยทําใหสมาชิกแตละคนในทีมสามารถแสดง ความคิดเห็นของตัวเองออกมา เพื่อใชในการปรับปรุงแกไขในการทํางานไดอยางหลากหลาย นอกจากนี้ยังทําใหสมาชิกแตละคนสามารถควบคุมอารมณในการทํางานไดอีกดวย เราสามารถ ประยุกตใชการทํางานแบบ Virtual Team เพื่อชวยใหสมาชิกแตละคนสามารถทํางานรวมกัน โดยไมมีปญหาเรื่องระยะทาง ถึงแมวาสมาชิกแตละคนอยูกันคนละพื้นที่ก็สามารถทํางาน รวมกันไดโดยไมมีอุปสรรค การประยุกตใชกับทีมของเรา สถานการณกอนการศึกษาเรื่อง Team That Work คิดเอง วิธีการประยุกตใชของทีมเรา เมื่อไดรับงาน ทีมจะมีการทบทวนความเขาใจในงานนั้น เพื่อใหสมาชิกมีความเขาใจตรงกันใน วัตถุประสงค,มีการประชุมวางแผนและกําหนดแนวทางในการทํางาน แลวมีการมอบหมายงาน ใหสมาชิกแตละคนอยางชัดเจน พรอมทั้งกําหนดวันสงงานที่แนนอน,สมาชิกแตละคนในทีมมี ความไววางใจซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นในศักยภาพในการทํางานของสมาชิก,ในทีมมี Coordinator คอยติดตามความคืบหนาของงานในแตละคนที่ไดรับมอบหมาย หากใครมีปญหา สมาชิกในทีม ก็จะระดมสมองชวยกันหาทางออก,สมาชิกในทีมใหความชวยเหลือซึ่งกันและกันทั้งในเรื่องการ ทํางานและปญหาสวนตัว,มีการเปลี่ยนหนาที่ของสมาชิกในแตละงาน เชน การแปล , การทํา Presentation เปนตน,มีการชื่นชมกันเองระหวางสมาชิกในทีม (และเปดโอกาสใหแตละคน สามารถชมตัวเองได) สถานการณภายหลังการศึกษาเรื่อง Team That Work ความเกรงใจ ยังคงมีอยูจา แตเรากลาแสดงความคิดเห็นมากขึ้น,มีการแบงงานที่ชัดเจนใหกับสมาชิกแตละ คน ทําใหทํางานเสร็จเร็วขึ้น,ความหลงใหลในอํานาจถูกบั่นทอนลง จากความเชื่อใจที่มีมากขึ้น ,รับฟงความคิดเห็นของสมาชิกในทีม และเริ่มปฎิบัติตามดวยความเต็มใจมากขึ้น,มีการผนึก กําลังภายในของสมาชิกในทีม กอใหเกิด Synergy ทําใหสามารถทํางานใหเสร็จไดทันเวลาที่ กําหนด
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
37
The 7 Habits of Highly Effective People ขอเสนอแนะเกี่ยวกับ Team That Work 1. หัวหนาเปนตัวอยางของลูกนอง บทบาทของหัวหนาคือการเปนผูนําที่ดีนั่นเอง หัวหนาที่ดี ไมเพียงแตจําเปนจะตองมีเหตุผล (บางครั้งอารมณขันยังเปนสวนที่จําเปนในการชวยดึงดูด ใหลูกนองกลาที่จะเขาหาหัวหนา) แตยังตองรูจักรับฟงความเห็นของผูรวมงานและมีใจเปน กลาง ประกอบกับความสามารถที่จะมองเห็นปญหาชัดเจน จนนําออกมาบอกใหทุกคนได รวมกันแกไขไดดวย สําคัญที่สุดคือตองไมลืมที่จะปฏิบัติใหเปนตัวอยางที่ดีสําหรับลูกนอง ดวย 2. ลูกนองตองทําใหนายชม ลูกนองเองยังตองหัดรูจักสังเกตธรรมชาติในการทํางานของ หัวหนาทีมดวย ทั้งนี้อาจขึ้นอยูกับลักษณะของงานที่แตละความรับผิดชอบดวย อาจจะใชวิธี หัดสังเกตลักษณะนิสัยในการทํางานของเจานาย นั่นไมไดมีความหมายถึงการพยายามที่จะ ประจบประแจง แตการทํางานเปนทีมใหเกิดความสงบสุขนั้น คงไมตางไปจากการอยูรวมกัน ภายใตชายคาเดียวกัน ดังนั้นเรื่องเล็กๆ นอยๆ อยางเชนการแตงกายใหเรียบรอย การแสดง ความคิดเห็นในสวนที่ตนสามารถทําได เปนตนนั้น อาจเปนสิ่งที่จะชวยใหทํางานรวมกันได อยางเปนสุข โดยไมนามองขามไปเปนอยางยิ่ง 3. "เรา" คือคําสําคัญของ "ทีม" พยายามสรางคําวา "ทีม" ขึ้นในจิตสํานึกของการทํางาน รวมกันสําหรับแตละคนใหได จะชวยใหการทํางานรวมกันมีความชัดเจนยิ่งขึ้น การทํางาน ของทุกคนนั้นเปนการทํางานเพื่อทีม เราเหนื่อย...ทีมก็เหนื่อยเชนกัน ทั้งนี้พยายามแยกแยะ คําวา "สวนตัว" ใหออกจาก "สวนรวม" ใหได เนื่องจากการทํางานมีทั้งสวนของความ รับผิดชอบสวนบุคคล และการชวยกันทํางานในขอบเขตของสวนรวม บอยครั้งที่คนในทีม ปลอยใหคําวา "สวนตัว" ครอบงําความคิดมากกวา "สวนรวม" ปญหาจึงมักเกิดขึ้นในการ ทํางานอยูเสมอ 4. รูจักวางแผนการทํางาน การวางแผนมีบทบาทเปนตัวชวยใหเกิดการทํางานที่กาวไป ขางหนาอยางมีระบบแบบแผน และชัดเจนในทิศทางที่จะรวมกันเดินไปของทีมอยางยิ่งเลย ทีเดียว ซึ่งนั่นมีสวนอยางมากที่จะทําใหการทํางานรวมกันงายขึ้นสําหรับทุคนในทีมได 5. ระดมความคิดเปนสวนสําคัญ เนื่องจากหลายความคิดเห็น จะชวยใหทีมไดขอมูลที่จําเปนใน การทํางานที่หลากหลายและคอนขางที่จะครอบคลุมกวา จากความคิดของใครเพียงคนใด คนหนึ่งเทานั้น การชวยกันมีความคิดเห็นระหวางคนทํางานในทีม คืออีกสิ่งหนึ่งที่จําเปน สําหรับทํางานรวมกัน 6. ตองมีความชัดเจน สรางความชัดเจนใหกับคนในทีมสําหรับทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวของกับการ ทํางาน เริ่มตั้งแตขอบเขตและความรับผิดชอบในการทํางานของแตละสวนและหนาที่ของ
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
38
The 7 Habits of Highly Effective People แตละคนในทีม นอกจากจะไมทําใหเกิดความสับสน อันจะนําพาใหเกิดสิ่งที่ตกหลนไปใน การทํางานแลว ยังจะชวยไมใหเกิดความขัดแยงในลักษณะของการกระทบความรูสึกกันโดย ไมตั้งใจอีกดวย 7. อยาใชอารมณ อารมณนับเปนสิ่งตองหามสําหรับการทํางานรวมกัน ถาระเบิดอารมณเขาใส กัน ปญหาที่เกิดขึ้นก็จะไมพบกับทางออกของการแกไข อีกทั้งยังเสียเวลาในการทํางานไป เสียเปลาๆ ดวย 8. ตองรูจักผอนคลาย การทํางานรวมกันเปนการปรับตัวเขาหากันของคนในทีม นอกจากนั้น การยืดหยุนสําหรับทุกๆ เรื่องยังนับเปนคุณสมบัติในการทํางานรวมกับความชัดเจนในขอ ปฏิบัติตางๆ คือสวนที่ทุกคนจะตองยึดเอาไวเปนหลักสําคัญ นั่นไมไดหมายความวาให สามารถหยอนยานในการทํางานได แตบางครั้งความตึงเครียดและกฎระเบียบที่ตายตัว ก็ อาจจะไมใชทางออกที่ดีเสมอไป สิ่งที่จําเปนที่สุดคือความสมดุลของทั้งสองขั้วที่กลาวมา ตางหาก 9. เขาใจทีมและรูจักคู เนื่องจากจะทําใหการทํางานรวมกันนั้นเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน อีกทั้ง เมื่อบางครั้งเกิดความขัดแยง ความราบรื่นในการทํางานจะเกิดขึ้นไดดวยความเขาใจกันของ คนในทีม 10. คนหาปญหาใหพบ การทํางานอาจจะไมราบรื่นไปเสียหมด ปญหาเปนสิ่งธรรมดาที่สามารถ เกิดขึ้นในการทํางานทุกอยาง ดังนั้นสิ่งที่ทีมควรทําคือหาใหพบวาอะไรบางเปนปญหาใน การทํางานสําหรับทีม เปนหนาที่ของทุกคนอีกขอหนึ่งที่จะตองชวยกัน หยิบยกปญหาที่ เกิดขึ้นในการทํางาน ออกมารวมดวยชวยกันแกไข เพื่อชวยใหการทํางานไดเคลื่อนที่เขา ใกลเปาหมายและความสําเร็จไดงายยิ่งขึ้นในที่สุดนั่นเอง
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
39
The 7 Habits of Highly Effective People OB Tree link habit
ความเห็นกลุม วิธีการเรียนรูเพื่อใหมีประสิทธิภาพ (How we learn?) •
ทาทายตนเอง (Self Challenging)
•
คนหาตัวเอง (Self Searching)
•
เปดใจ (Be Open)
•
การจดบันทึกถึงสิ่งที่จะทํา (Take Note for Action)
•
มีสวนรวมอยางกระตือรือรน (Active Participation)
•
การรักษาสัญญา (Commit to Exercise)
•
การแบงปนกับสวนรวม (Share with All)
•
ถามเมื่อไมแนใจ/ไมเขาใจ (Ask if not clear)
•
สนุกสนาน (Fun and Enjoyable)
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
40
The 7 Habits of Highly Effective People ประโยชนจากการมีอุปนิสัยทั้งเจ็ด7 Habits Application •
มีความสุขในชีวิต (Life Happiness)
•
รูวาจะประสบความสําเร็จอยางไร (How to achieve)
•
มีพัฒนาการทางดานอาชีพ (Career Improvement)
•
เกิดความสมดุลของชีวิต (Life Balance)
•
คนพบตัวเอง (Self Discovery)
•
รูจักคุณคาตน (Self Value)
ตัวอยางที่ 1
"อาจารย ป ว ย เป น คนโชคร า ยที่ สุ ด คนหนึ่ ง พ อ แม ข องท า น อบรมสอนสั่ ง ให ท า นเป น คนที่ ซื่อสัตยที่สุด ในประเทศที่เต็มไปดวยความทุจริต ผลที่ตามมา ก็คือ ทานตองตอกรกับผูทุจริตที่ ทรงอํานาจมาตลอด ทานเคยตอกรกับ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต แตเมื่อจอมพลสฤษดิ์ ขอรอง ทานใหชวยเหลือในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทานก็รับปากและทํางาน อยางไมเห็นแก เหนื่อยยาก แตทานไมเคยขายตัว เดินหนาตอตาน การทุจริตฉอฉล ทุกรูปแบบ สงผลใหทาน มี ศัตรูหนาใหม เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในหมูผูทรงอิทธิพล... ทานมีบทบาทสําคัญในการเสริมสรางความ แข็งแกรงใหแกเศรษฐกิจทุนนิยมไทย แตทานกลับถูกกลาวหาวา เปนคอมมิวนิสต" ดร. อัมมาร สยามวาลา Proactive -- ทานเปนคนที่ซื่อสัตย Begin with the End in Mind – ทานมีเปาหมายที่จะพัฒนาประเทศ และตอสูกับความทุจริต Think Win/Win – แมวาทานเคยตอกรกับจอมพลสฤษดิ์ แตเมื่อจอมพลสฤษดิ์ขอรองใหทาน ชวยเหลือดานเศรษฐกิจ ทานก็มีความใจกวางและเห็นแกประโยชนสวนรวม สวนตัวทานก็ถือได วาบรรลุวัตถุประสงคที่จะตอบสนองประเทศ ประเทศชาติก็มีความแข็งแกรงทางเศรษฐกิจดวย Be understand, To be understood – แนวทางของ มูลนิธิบูรณะชนบทฯ คือ
" ไปหาชาวบาน อยูกับเขา เรียนรูจากเขา วางแผนกับเขา ทํางานกับเขา เริ่มจากสิ่งที่เขารู สรางจากสิ่งที่เขามี สอนโดยชี้ใหเห็น เรียนจากการทํา..." Synergize – การรวมมือกับจอมพลสฤษดิ์ในการพัฒนาประเทศ เปนสวนหนึ่งของการรวมพลัง ประสานความตาง
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
41
The 7 Habits of Highly Effective People ตัวอยางที่ 2 ความคิดเห็นที่ : 86 คนดีในดวงใจทานหนึ่งที่ดิฉันอยากบอกเลา ณ ที่นี้ ทานสอนหนังสือดวยหัวใจของความเปนครูแท มิใชเพียงการ ทํ า งานตามหน า ที่ การทุ ม เท ค น คว า การพยายามหากุ ศ โลบายให นั ก ศึ ก ษาเข า ใจเรื่ อ งที่ ย ากๆ ให เ ข า ใจง า ยๆ และสนุ ก ไม เ ครี ย ด ไม กดดันนักศึกษา แตก็ไดเนื้อหาสาระเต็มที่ ทานคอยสังเกตพฤติกรรม และหาวิธีพัฒนานักศึกษาเปนรายคน โดยนักศึกษาไมรูตัว แมจะโดนกดดันจากผูบริหารหลาย เรื่อง ทานก็อดทน ไมเคยทอถอย ไมเคยทําใหประสิทธิภาพในการสอนลดลง ทานย้ําใหนักศึกษามองโลกในแงดีอยูเสมอ และทานก็ทําใหดูเปนตัวอยางที่เยี่ยมยอด อัญชลี อุชชิน 509 ถนนสาทรใต เขตสาทร กทม. 10120 คําอวยพร :- ขอใหสันติสุขจงมีแดทุกทาน โดยคุณ : อัฐชลี เมื่อ 6 สิงหาคม 2547, 14:30 น. www.budpage.com/budboard/show_content.pl?b=1&t=4128
ดร.มณีวรรณ : Proactive – แมวามีปญหา แตทานก็อดทน ไมเคยทําใหประสิทธิภาพในการสอนลดลง Begin with the End in Mind – ครูแท Be understand, To be understood – สังเกตพฤติกรรมและหาวิธีพัฒนานักศึกษารายคน Synergize – การพยายามหากุศโลบายใหนักศึกษาเขาใจเรื่องยากไดงาย โดยอาจใหนักศึกษา มีสวนรวมใน workshop
BA 610 Organization Behavior and Human resource Management
42