Chapter-1:
ย้อนไปเมื่อสมัยที่เซ็ตซึนะอายุสิบเอ็ดปี.... ....ในตอนนั้น เด็กน้อยเซ็ตซึนะที่ได้แต่ใช้ความว่องไวของตนขโมยของกินของคนรวยละแวกนั้ นไปวันๆก็กำาลัง
เล็งหาแหล่งขโมยของที่ใหม่เพื่อที่ตนจะได้ไม่ถูกจับได้ ส่วนตัวของน้องสาวอายะที่อายุไม่ถึงสามขวบดีนั้นเซ็ตซึ นะก็กระเตงเลี้ยงไปด้วยโดยลำาพัง ...และในวันนั้น...วันที่เซ็ตซึนะได้เจอกับเอวาเจลีนเป็นครั้งแรก ...มันก็เป็น อีกหนึ่งวันที่หัวขโมยน้อยกำาลังเล็งของกินแถวร้านค้าแห่งหนึ่ง...ซึ่งบังเอิญ ....มันก็เป็นร้านเดียวกันกับที่แวม ไพรสาว ,ชาช่ามารู ,ชาง เชน และมานะที่อายุได้สิบสองปีกำาลังเดินผ่านไปพอดี........ “เฮ้ย!!!! หยุดน่ะไอเด็กตัวแสบ!!! เอาขนมโมจิคืนมาน่ะโว้ย!!!!!!” “...................ฟิว้ !~~~~~” ......เซ็ตซึนะอาศัยความเร็วของฝีเท้าวิ่งฉิวหนีเข้าตรอกแถวนั้นหนีเจ้าของร้านไปแบบไม่เห็นฝุ่น และด้วย
ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อนั้น...เอวาเจลีนที่มองดูเหตุการณ์อยู่พักใหญ่ก็ถึงกับต้องเปรยชมออกมาเบาๆว่า “Oh…. Is she a daughter of windy?” ( โห่.... ยัยเด็กนั้นเป็นบุตรีแห่งสายลมหรือไงน่ะ?) “Not just that master, her speed and power didn’t fall too even she carried a little child on her back.” (ไม่เพียงแค่นั้นน่ะค่ะมาสเตอร์ ทั้งความเร็วและกำาลังของเด็กคนนั้นก็ไม่ตกลงไปเลยเหมือนกันถึงเจ้าตัวจะยัง
แบกเด็กตัวเล็กๆไว้ที่ด้านหลังก็ตาม) “Really? Ahm… she’s very interesting. Don’t you think Chen?” (จริงหรือ? อืม...ยัยเด็กนั่นมันน่าสนใจจริงๆ เจ้าก็คิดอย่างนั้นใช่ไหม เชน?) “................................” “I though,that kid might have basic of fighting but doesn’t suit for an assassin” (ข้าว่า... เด็กคนนั้นน่าจะมีพื้นฐานการต่อสู้อยู่แต่ก็คงไม่เหมาะที่จะเป็นนักฆ่าสักเท่าไหร่หรอกค่ะ) “Don’t cut her off so fast, Chen. We have a little more time to prove that kid. Well Mana you still got any friend yet ,right? … Tell me what to do then…” (อย่าเพิ่งตัดเด็กนั้นออกไปเร็วขนาดนั้นสิเชน เรายังมีเวลาอีกนิดหน่อยที่จะพิสจู น์ยัยเด็กนั่น ว่าไงหล่ะมานะ....
เจ้ายังไม่มีเพื่อนนี่น่ะ.....งั้นเจ้าช่วยบอกข้าหน่อยสิวา่ ข้าควรจะทำายังไง....) “.................................”
....มานะที่ยังฟังภาษาอังกฤษไม่ออกก็มองคล้อยหลังเซ็ตซึนะที่วิ่งเร็วดุจสายลมด้วยแววตาที่เฉยเมย และแม้จะฟัง
ไม่รู้เรื่องแต่มานะที่เฉลียวฉลาดก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องอะไร ดังนั้น....มานะจึงตอบนายคนใหม่ของเธอกลับ ไปด้วยนำ้าเสียงเคร่งขรึมและเยือกเย็นเกินเด็กว่า “ถ้านางน่าสนใจ .....จะลองทดสอบดูก็ได้นี่เจ้าค่ะ....” .....เอวาที่ได้ฟังก็ยิ้มออกมาที่มุมปาก รู้สึกถูกใจกับคำาตอบนั่นนัก ดังนั้น...เอวาที่ยังต้องตามหาจตุรเทพคนใหม่
อีกสองคนจึงออกคำาสั่งกับจตุรเทพลำาดับหนึ่งและสี่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มเย้ยว่า “Chacha! ,Chen! Follow that kid...” (ชาช่า! ,เชน! ตามเด็กนั้นไป) “Yes ,master/mistress” (ค่ะมาสเตอร์ / นายหญิง) ........สิ้นคำา จตุรเทพทั้งสองก็หายวับทำาตามที่นายร่างเล็กของตนสั่งทันที โดยเอวาที่สามารถไว้ใจลูกน้องทั้ง
สองได้เต็มที่ก็เดินกลับไปที่พักพร้อมกับมานะด้วยท่าทางครึ้มอกครึ้มใจ ด้วยเพราะลางสังหรณ์ของแวมไพรสาว ที่มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีมันบอกว่าไอเด็กนั่นมันน่าสนใจยิ่ง ดังนั้น....เอวาเจลีนจึงมั่นใจมากๆว่าบุตรีแห่ง สายลมทีเ่ ธอเห็นเมื่อครู่จะต้องมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเป็นจตุรเทพให้เธอได้อย่างแน่นอน ......ในเวลาต่อมา...... ......เซ็ตซึนะตัวน้อยในชุดมอมแมม หลังจากที่ตนสามารถขโมยของกินมาได้สำาเร็จอย่างทุกทีตาก็มองซ้ายมอง
ขวาอย่างระแวดระวังในที่ลับตาคนก่อนจะล้วงขนมโมจิที่ขโมยมาขึ้นมาและรีบพาน้องสาวลงจากหลัง และ แน่นอน..เด็กน้อยก็ไม่ลืมที่จะแบ่งขนมให้น้องสาวตัวจ้อยที่ตนแบกมาตลอดทางอีกด้วย.... “โมจิ!~~~ โมจิ!~~~~” .....อายะที่เพิ่งพูดเป็นได้ไม่กี่คำาก็รีบรับขนมมากิน นั่นด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นและรีบกินเจ้าโมจิพลางเคี้ยวตุ้ยๆด้วย
ท่าทางเอร็ดอร่อย และด้วยเพราะคำาว่าโมจิมันก็เป็นคำาที่สามที่อายะพูดได้รองจากคำาว่า “ท่านพี่” กับ “ลูกพลับ” ดัง นั้นแล้ว....เซ็ตซึนะที่เห็นน้องสาวดีอกดีใจขนาดนั้นก็ยิ้มกว้างให้ก่อนจะนั่งกินขนมโมจิต่อไปด้วยท่าทางที่มี ความสุข...... .....และในบริเวณที่ห่างออกไป...ชาช่ามารูและชาง เชนที่แอบสะกดรอยมองดูสองพี่น้องอยู่พักใหญ่ก็มองหน้า
กันนิ่งๆด้วยท่าทางคิดหนัก ด้วยเพราะทั้งสองแค่มองเซ็ตซึนะปร๊าดเดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กจรจัด ธรรมดาคนนึงเท่านั้น เด็กน้อยผู้นี้ไม่มีแววตาของนักฆ่า ไม่มคี วามเยือกเย็น ไม่มีความเหี้ยมในตัวเอาเสียเลย แถมเจ้าตัวเองก็ยังมีน้องสาวที่แค่ดูก็รู้ว่าคงจะรักกันมากขนากไหน เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว...เด็กน้อยผู้ที่นายหญิงคาด
หวังจะให้เป็นจตุรเทพคงเป็นได้แค่ฝัน เพราะเด็กคนนี้ยังมีคณ ุ สมบัติที่ห่างจากการคำาว่า “มัจจุราช”หลายขุมเลยที เดียว.....และในขณะที่สองจตุรเทพรุ่นแรกที่ตัดใจไปแล้วกำาลังจะกลับไปหานายหญิงของตนนั่นเอง.... “เฮ้ย!!! ไอเด็กเวร! อยู่นี่ๆเองน่ะแก!!! ปล่อยให้พวกข้าตามหาอยู่ได้ตั้งหลายวันเชียวน่ะ!” ......เสียงของนักเลงหัวไม้แถวนั้นพร้อมกับพวกอีกหลายคนเดินกรูเข้ามารุมล้อมหน้าล้อมหลังเซ็ตซึนะที่ยังเป็น
แค่เด็กตัวเล็กๆเต็มไปหมด แต่เซ็ตซึนะที่ตอนแรกดูจะตกใจกับโจกย์เก่าที่มาล้างแค้นเรื่องของกินก็เริ่มจ้องพวก มันกลับตาขวางพร้อมกับแบกน้องสาวตัวน้อยกลับมาที่หลังด้วยสายรัดดังเดิม ปากก็เอ่ยถามกับไอพวกนักเลงขึ้น ว่า “ตามหาข้า? มีธุระอะไรกับข้าหล่ะ?” “ยังมีน่ามาถามอีก? แกขโมยข้าวปั้นของข้าไปเมื่อสามวันก่อนจำาไม่ได้หรือยังไง?” “................ถ้าจำาได้แล้วยังไง? ท่านป้าร้านขนมหวานก็จ่ายเงินชดเชยให้แล้วนี่” “อ่อ....รู้ด้วยเรอะ? แกก็จริงๆเลยเว้ย! ยัยแก่นั่นก็แสนจะเอ็นดูแก อุตส่าห์ออกปากจะเลี้ยงแกตั้งหลายที ทำาไม
แกยังกระแดะไม่ไปอยู่ด้วยก็ไม่รู้ ไม่เจียมตัวเลยเว้ย!” “........ ขืนข้าไปอยู่กับท่านป้า พวกแกก็หาโอกาสไปรีดเงินจากท่านได้ทุกวันน่ะสิ พวกนักเลงสารเลวแบบแก
ไม่สมควรไปรบกวนคนดีๆอย่างท่านป้าหรอก!!!” “เหอะ!! ทำาปากดี พวกข้ามันนักเลง แกมันก็ไอขี้ขโมยหล่ะหว่ะ!! แต่ก็ดี...แกออกมาเร่ร่อนแบบนี้พวกข้าจะ
ได้ลงมือกับแกสะดวกหน่อย เฮ้ยพวกเรา! รุมมัน!!!” “ขอรับลูกพี!่ !!” .......สิ้นคำา พวกนักเลงห้าถึงหกคนก็กรูมาทำาท่าจะจับเซ็ตซึนะที่อ่อนแอกว่าโดยทันที แต่เซ็ตซึนะตัวจ้อยที่เจอ
เรื่องแบบนี้จนชาชินก็รีบกวาดสายตาไปจนทั่วเพื่อหาช่องวิ่งหนีอย่างที่เคยทำาประจำา แต่คร่านี้...มันต่างไปจากทุก ทีน่ะสิ! ไอพวกนี้มันมาอุดช่องหนีของเธอจนหมด!! “อย่านึกว่าจะใช้ลูกไม้เดิมๆใช้ตีนเร็วๆของแกหนีไปได้อีกเล้ย! ข้ารู้ทันแกหมดแระไอหนู!!!” “พรึ่บ!~~” “เอ้ย!! อย่าหนีน่ะเว้ย!!!!!” “ฟุ่บ!~~~”
“ทางซ้าย!! ทางซ้าย!!!!” “พรึ่บ!~~~” “เฮ้ย!! มันไปทางขวาแล้ว!!!” ...เซ็ตซึนะที่พยายามใช้ฝีเท้าทั้งหนีและดิ้นหลุดจากไอพวกนักเลงได้อยู่หลายตลบแต่สุดท้ายความเร็วของตนก็
ต้องหมดประโยชน์ไปทันทีเมื่อไร้ที่หนี และในที่สุด... เซ็ตซึนะที่สามารถหลุดจากเงื้อมมือของพวกนักเลงได้ หลายต่อหลายคนก็ต้องมาจอดอยู่ที่ตัวหัวหน้าใหญ่ที่เป็นตัวตั้งตัวตีพาพวกนักเลงที่เหลือมารุมเซ็ตซึนะน่ะเอง! “เสร็จข้าหล่ะไอตัวแสบ!!!!!” “พลั่กกก!!!!” ....เจ้าตัวหัวหน้าที่จับไหล่เซ็ตซึนะได้ก็รีบเตะเข้าที่ท้องของเด็กน้อยเต็มแรงจนเจ้าตัวกระเด็นตัวลอยโดยทันที
ทำาเอาเซ็ตซึนะที่ถูกแรงของผู้ใหญ่กระแทกมาที่ท้องต้องนั่งตัวงอด้วยความเจ็บและจุก ตาก็เงยหน้ามามองไอตัว หัวโจกเสียเขม็งด้วยความแค้น แต่ไอหัวหน้านักเลงที่ได้รังแกคนที่อ่อนแอกว่าก็ยิ้มเหยาะให้ด้วยใบหน้าที่แสดง ถึงความสะใจเป็นยิ่งนัก และในตอนนั้นเอง อายะที่ยังถูกเซ็ตซึนะแบกอยู่ด้านหลังก็เริ่มร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ แถมยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดร้องเอาง่ายๆ ทำาเอาพวกนักเลงมันเริ่มรำาคาญและตัวหัวหน้านักเลงก็สั่งให้ลูกน้อง จัดการกับเด็กน้อยผู้น้องที่กำาลังร้องออกมาไม่หยุดทันที “งะ.....แง๊!!!!!!!!!!~~ แง้ๆ! แง้!~~~ แง๊ๆๆ!!!!!~~~~” “หน๊อย~~ หนวกหูจริง เอ้ยเอาอะไรมาอุดปากไอตัวน้องสิ!! หรือไม่ก็ฆ่ามันทิ้งไปเลยก็ได้!! ส่วนตัวพี่ ข้า
ขอจัดการเป็นการส่วนตัวซักหน่อย.....” “............................” .....และเพียงแค่นั้น.....เซ็ตซึนะที่ได้แต่นิ่งมาตลอดก็เริ่มมีแววตาของความโกรธเกรี้ยวขึ้น สายตาของซามูไร
น้อยแข็งกร้าวราวกับพายุนำ้าแข็งไม่มีผิด!!! ใช่!....พวกมันได้ไปสะกิดด้านมืดของเซ็ตซึนะเข้าให้เสียแล้ว... “เมื่อกี้พูดว่าไงน่ะ......?” “อะไรของแก? เจ็บจนตัวจะขยับไม่ได้อยู่แล้วยังมาทำาตาขวางใส่อีก บ้าป่าวหว่ะ?” “.............................”
“ข้าถามว่า...........เมื่อกี้แกพูดว่าอะไร!!!!!” ..........เซ็ตซึนะตะเบ็งเสียงถามไอพวกนักเลงเสียงดังลั่นด้วยความโมโหทำาเอาพวกมันทั้งหมดรู้สึกกลัวไปครู่
ใหญ่จนต่างพากันผง่ะ แต่เด็กก็ยังเป็นแค่เด็ก ถึงเซ็ตซึนะจะเริ่มแผ่รังสีความโกรธออกมาสักเพียงไหนไอพวก นักเลงมันก็ไม่กลัวอีกฝ่ายจนเลิกราไปง่ายๆเช่นนั้นหรอก “โหย~~ กลัว...กลัวตายหล่ะ....ข้าบอกว่าจะฆ่าน้องสาวแกทิ้งไง ว่าไงหล่ะ พอใจรึยัง?” “..........................................” “...............................................เกินพอเลย......” “ฉัว๊ !!!!! ฉั๊ว!!!!! ฉึก!!!!!!” “อ๊ากกกกกกก!!!! / อั๊กกกกกก!!!!!/ อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!” .....พอได้ยินคำาว่าจะฆ่าน้องสาวของตนเท่านั้นหล่ะ เซ็ตซึนะที่อารมณ์เดือดถึงขีดสุดก็ชักดาบสั้นที่ตนแอบพก
ติดตัวมาตลอดฟันไปที่นักเลงหัวโจกและลูกน้องที่อยู่รอบข้างอีกสองคนโดยทันทีในพริบตา และแม้มันจะไม่ใช้ จุดตายหรืออะไรแต่ด้วยคมดาบที่มันฟันมาอย่างรวดเร็วก็สร้างบาดแผลฉกรรจ์ไว้ไม่หยอก ทำาเอาพวกมันทั้งสาม ถึงการนอนทรุดร้องโอดโอย และแน่นอน...เซ็ตซึนะที่รู้ตัวดีว่าสู้พวกมันไม่ได้จึงรีบอาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีออกไป พร้อมกับอายะที่เกาะหลังตนอยู่โดยทันที และด้วยฝีเท้าของเด็กจรจัดผู้ไวปานสายลมก็สามารถหนีรอดจากเงื้อม มือพวกเหล่าอันธพาลได้อีกครั้ง.... ........เพียงแค่นั้น..เพียงพริบตาที่ชาช่ามารูและเชนได้เห็นฝีมือเชิงดาบที่เร็วอันแสนเหลือเชื่อนั้นถึงมันจะเป็นแค่
การฟันไปมาเพื่อให้คู่ต่อสู้เจ็บตัวก็เถอะ แต่แววตาที่แสดงความโกรธแค้นและสายตาที่เยือกเย็นยามทีใ่ ช้ดาบนั่น มันโหดเข้าขั้นถึงใจดีแท้... ดังนั้น...สองจตุรเทพที่แค่มองหน้ากันก็อย่างรู้ใจก็พยักหน้าให้กัน ก่อนที่ชาช่าจะรีบ ตามเซ็ตซึนะที่เผ่นหนีไปแล้วทันที ทิ้งให้เชนที่รู้สึกสนใจเด็กน้อยผู้น้องที่ร้องไห้จ้าเกินเหตุก็ฉุกคิดขึ้นมาเล็กๆ ก่อนที่จะกลับไปรายงานเรื่องของเซ็ตซึนะให้นายหญิงของตนได้ทราบ ......และในคืนนั้น.... ...เซ็ตซึนะที่กลับมาถึงที่พักของตนที่เป็นเพียงเพิงพักเล็กๆก็หันมามองน้องสาวของตนที่เพิ่งนอนหลับด้วย
ใบหน้าที่กังวลยิ่ง ระยะนี้อายะเป็นอะไรไปน่ะ? พอเจอเสียงดังอะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้ไม่หยุดกว่าจะกล่อมให้ หลับได้ก็แทบแย่ วันนี้ก็ร้องไห้มาเกือบครึ่งวันได้หล่ะมั้ง? ทำาไมกันน่ะ? หรือว่า....อายะจะไม่สบาย? ก็ไม่นี่ น่า เมื่อหลายวันก่อนท่านลุงหมอก็มาตรวจให้แล้วท่านลุงก็ไม่เห็นเจออะไรซักอย่าง... หรือว่าอายะจะเป็นเด็กขี้ ตกใจเกินเหตุอย่างที่ท่านลุงหมอว่าจริงๆ?
.....พอคิดมาถึงตรงนี้ เซ็ตซึนะที่ต้องเลี้ยงน้องสาวมาลำาพังตลอดเกือบสามปีก็เริ่มคิดหนักก่อนจะชักดาบสั้นที่ตน
พกติดตัวตลอดขึ้นมาดู ด้วยเพราะระยะหลังๆเซ็ตซึนะเริ่มมีศัตรูมากขึ้น ถึงแม้เด็กน้อยจะเป็นที่เอ็นดูของชาวบ้า นระแวกนั้นอยู่มากแต่กับพวกเศรษฐีและพวกนักเลงแล้วพวกมันกลับเกลียดตัวเธอยิ่งนัก ก็แหม่ จะไม่ให้เกลียด ได้ยังไงหล่ะก็ของกินส่วนใหญ่เธอก็ขโมยมาจากพวกมันที่นิสัยไม่ดีกันทั้งนั้นนี่ ถึงแม้เซ็ตซึนะจะขโมยของกิน จากพวกชาวบ้านแทบทุกวันแต่เด็กน้อยก็เลือกคนเหมือนกันไม่ใช่ว่าจะขโมยดะไปทั่ว ถ้าวันไหนเซ็ตซึนะมีคน มาจ้างให้ทำางานวันนั้นก็ไม่ต้องขโมยของ และแม้จะมีใครหลายต่อหลายคนเอ่ยปากของรับเลี้ยงทั้งเซ็ตซึนะและ อายะ แต่ซามูไรน้อยก็ไม่คิดจะให้ใครมาเลี้ยงพวกตนเลยสักคน ไม่ใช่ว่าเซ็ตซึนะไม่ชอบพวกท่านลุงท่านป้าที่จะ มาขอเลี้ยงเธอหรอกน่ะ เพียงแต่ตอนนี้เซ็ตซึนะถูกพวกนักเลงทั่วเมืองหมายหัวเอาไว้ ขืนให้พวกท่านลุงท่านป้า เลี้ยงตนพวกเขาก็ต้องเดือนร้อนเพราะตนแน่ๆ ดังนั้น...หนทางเดียวที่เซ็ตซึนะจะเอาตัวรอดได้ก็คือการใช้ดาบ สั้นที่ท่านพ่อให้มาใช้ป้องกันตัวเป็นไม้ตายเพียงเท่านั้น.... .....และในขณะที่เซ็ตซึนะกำาลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ชาง เชนที่แอบซุ่มอยู่นานก็เดินปรากฏกายต่อหน้าซามูไร
น้อยในชุดพรางตัวสีดำาเต็มยศแต่ก็มิได้ใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ ทำาเอาเซ็ตซึนะที่เห็นคนแปลกหน้าบุกเข้ามาก็รีบ ชักดาบสั้นมาตั้งท่าเตรียมโจมตีเป็นการขู่ ปากก็ร้องถามผู้มาเยือนด้วยนำ้าเสียงที่ตกใจและข่มขู่ปนกันไปว่า “แกเป็นใคร!!! มาทำาอะไรที่นี่คำ่าๆมืดๆ!! ” “......................................................” “ถ้าคิดจะมาเอาเรื่องข้าหล่ะก็....แกเจ็บตัวแน่!!!!” “.......................................................” “................................ข้าเป็นหมอ.....” “.....................????” “ข้าขอ.............ตรวจเด็กน้อยผู้นั้นหน่อยจะได้ไหม?” .........ได้ฟัง เซ็ตซึนะก็อึ้งไปพักใหญ่จนเผลอลดดาบลง แต่ด้วยประสบการณ์ที่เร่ร่อนมาเกือบสามปีสอนให้
เซ็ตซึนะรู้จักระวังตัวกับคนแปลกหน้า ดังนั้น...เด็กน้อยที่ไม่ไว้ใจเชนในชุดพรางตัวสีดำาที่น่าสงสัยจึงส่ายหน้า ปฏิเสธพร้อมกับพูดขู่กลับไปว่า “ไม่ได้!!! น้องข้าไม่ได้ป่วยอะไรทำาไมต้องให้หมอตรวจด้วย!! อีกอย่าง...แกบุกรุกเข้ามาที่พักข้ายามวิกาลมัน
ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ ข้าไม่ไว้ใจแกหรอก!! ฉะนั้นนับหนึ่งถึงสาม ถ้าแกไม่รีบกลับไปแกเจอดีแน่!!!” “.............................................” “......................แน่ใจน่ะ ว่าน้องเจ้าหน่ะไม่ป่วย” “แน่ใจสิ!! เมื่อหลายวันก่อนข้าก็ให้หมอตรวจแล้ว ท่านหมอบอกว่าน้องข้ามิได้เป็นอะไร”
“...................ท่านหมอผู้นั้นเขาตรวจไม่เจอมากกว่า ..........เมื่อกลางวันข้าเห็นน้องเจ้าหน่ะมันร้องไห้ตกใจ
จนเกินเหตุ และถ้าเป็นตามที่ข้าสังหรณ์ หากน้องของเจ้าเจอเรื่องที่ทำาให้ต้องตกใจหล่ะก็ ....นางจะต้องชักขึ้นมา แน่ๆใช่ไหม?” “........................!!!.......” “............................ระ...รู้ ...รู้ได้ยังไง?”....” ....เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งไป เพราะมันเป็นอย่างที่เชนพูดจริงๆ เมื่อหลายวันก่อนอายะที่ตกใจเพราะได้ยินเสียง
ฟ้าผ่าก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุดแถมยังแสดงอาการชักออกมาเล็กๆด้วย ดีที่เธอพาไปหาท่านหมอทัน แต่ก็นั้นแหล่ะ ท่านลุงหมอก็ไม่รู้สาเหตุที่น้องสาวของเธอชักอยู่ดี ดังนั้นแล้ว...เซ็ตซึนะที่เจอผู้ที่คาดคะเนอาการป่วยอันแปลก ประหลาดของน้องสาวอย่างแม่นยำาก็ชักจะลังเลใจ เริ่มชั่งใจว่าจะให้คนแปลกหน้ามาดูอาการน้องสาวของตน หรือไม่ แต่เชนที่มีเวลาไม่มากก็รีบพูดกับซามูไรน้อยด้วยนำ้าเสียงที่แม้จะนิ่งๆแต่ก็แสดงออกถึงความร้อนรนว่า “รีบๆตัดสินใจจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนดีอะไรหรอกน่ะ แต่ข้าไม่อยากให้คนอย่างเจ้ามาข้องเกี่ยว รีบให้ข้าดู
น้องเจ้าก่อนที่นางมาจะดีกว่า” “นาง? ใครกันที่เจ้าพูดถึง.....” “........................................” “เจ้าไม่จำาเป็นต้องรู้หรอก .....ไม่สิ...อย่าข้องเกี่ยวกับนางเสียยังจะดีกว่า.....” “อะไรกัน? พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง นางคนที่เจ้าว่าคือใครกัน ทำาไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าเจอถึงขนาดนั้ นด้วย?” . . . . . .
“......นางคนนั้น.............ก็คงจะเป็นตัวข้าซะหล่ะมั้ง? เชน.....แกบังอาจมาตัดหน้าข้าน่ะ!” “อะ.....อึ๊ก!!!!~”
.........สิ้นเสียงปริศนา เชนที่ยืนอยู่หน้าเซ็ตซึนะอยู่ดีๆก็กุมมือมาที่หน้าอกซ้ายของตัวเองพร้อมกับนั่งทรุดฮวบ
ลงไปด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด ทำาเอาซามูไรน้อยที่มองดูอยู่รู้สึกงงไปหมด และแล้ว...นางผู้ทเี่ ชนไม่ อยากให้เซ็ตซึนะต้องได้เจอะเจอก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชาช่ามารูและมานะที่เดินตามมาอยู่ไม่ห่าง
“Well….. well, Chen . Why did you come here before me, huh!? Do you want to betray me like number TWO and THREE too?” (ไง...ไง เชน ทำาไมแกถึงมาก่อนข้าได้หล่ะห่ะ? หรือว่า....แกอยากจะทรยศข้าเหมือนหมายเลขสองกับสาม
หรือไงกัน?) “N…..No, mistress…..a…ah!!!” (มะ....ไม่ใช่เจ้าค่ะ อะ...อั๊ก) “Good!.We’ll talk about this later,Chen… Because I’ve something more interested here..” (ดี!! งั้นเราจะพูดเรื่องนี้กับคราวหลัง...เชน เพราะข้า....มีอะไรที่น่าสนใจกว่าตรงนี้นี่น่ะ...) ....พูดจบ เชนที่ทำาหน้าทรมานอยู่นานอยู่ๆก็หายเจ็บไปในบัดดลแต่เจ้าตัวก็ยังนั่งตัวงออยู่อย่างนั้นเป็นความเจ็บ
จากอะไรบางอย่างที่เซ็ตซึนะไม่สามารถอธิบายได้ ไม่สิ...เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำาไมคนที่ชื่อเชนถึงต้องเชื่อ ฟังเด็กน้อยหน้าตาแปลกๆทีม่ ีผมสีทองผู้นี้ด้วย......ดูจากรูปร่างแล้วอายุก็น่าจะพอๆกับเธอเลยนี่น่าสงสัยจะเป็น คนต่างชาติ....แล้วจะว่าไปเมื่อกี้ที่สองคนนี้คุยกันมันคือภาษาอะไร? ภาษาต่างประเทศหล่ะมั้ง??? ....ทางด้านเอวาเจลีนที่มองเซ็ตซึนะอยู่เนิ่นนาน ตอนแรกก็ดูจะขัดใจซามูไรน้อยเล็กๆ เพราะพอมาดูใกล้ๆเธอถึง
รู้สึกได้ว่ายัยเด็กนี้มันช่างมีดวงตาที่ใสซื่อเสียจริง แถมยังส่งสายตาเป็นห่วงเชนที่เพิ่งมารู้จักอีกต่างหาก ......ซึง่ มัน..ก็เป็นอะไรทีเ่ ธอเกลียดยิ่งนัก แต่ในเมื่อชาช่ามารูบอกว่ามันมีแววที่ฆ่าคนได้ ดังนั้น...เอวาที่อยากจะ ทดสอบอะไรบางอย่างจึงเริ่มเจรจากับเซ็ตซึนะอย่างเป็นทางการว่า “........ข้า เอวาเจลีน เอเค แม็คโดเวล แล้วแกชื่ออะไรหล่ะ.....เจ้าหนู?” “.........................!!??” ....ได้ฟังสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียก แทนที่เซ็ตซึนะจะแปลกใจอีกครั้งเจ้าตัวกลับรู้สึกหวาดกลัวเด็กน้อยผมสีทอง
ตรงหน้ายิ่งนัก ด้วยเพราะท่าทางอันเย่อหยิ่งกับนำ้าเสียงที่ช่างน่าเกรงขามและแสดงถึงอำานาจ เพียงแค่เอวาพูดจา กับตนแค่ประโยคเดียว เซ็ตซึนะก็เข้าใจโดยทันทีว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นเพียงเด็กไม่สามารถตัดสินตัวตน ที่แท้จริงของเด็กน้อยชาวต่างชาติผู้นี้ได้เลย ดังนั้น...ซามูไรน้อยที่มีสัญชาตญาณเป็นเยี่ยมจึงเลือกที่จะตอบอีก ฝ่ายด้วยนำ้าเสียงที่ไม่แสดงถึงความแข็งกร้าวและไม่นอบน้อมจนเกินไปว่า “ขะ...ข้า ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ........” “เซ็ตซึนะอย่างนั้นหรือ? .....ดีเสียจริง....เหมาะเหมือนกันน่ะ” “เหมาะ? เหมาะอะไร? ข้าไม่เข้าใจ...แล้วพวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้ากันแน่?”
“เชน...ลูกน้องข้ามาหาเจ้าทำาไมข้าเองก็ไม่รเู้ หมือนกัน.. แต่ข้า.... มีเรื่องจะทดสอบเจ้าเสียหน่อย....ชาช่า!” “พรึ่บ!!!~” “เฮ! ทำาอะไรหน่ะ! เอ้ย!!! อายะ!! เจ้าเอาน้องของข้าไปทำาไม เอาคืนมาเดี๋ยวนี่น่ะ!!!!!” ...... แต่ชาช่ามารูที่อาศัยความเร็วพุ่งตัวเอาร่างของอายะตัวจ้อยที่นอนหลับอยู่มาไว้ในอ้อมแขนก็ไม่ยอมทำาตามที่
เซ็ตซึนะพูดหนำาซำ้ายังเอามือมากุมที่คอของอายะจังแบบหลวมๆเป็นการขู่ว่าจะบีบคอน้องสาวของอีกฝ่ายเสียถ้ายัง ขืนเข้ามาใกล้อีก ทำาเอาเซ็ตซึนะที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายเลยซักอย่างต้องมองชาช่ามารูด้วยสายตาที่ แข็งกร้าว ปากก็ถามเอวาเจลีนที่ยืนอยู่ใกล้ๆด้วยนำ้าเสียงที่โกรธแค้นว่า “พวกเจ้าทำาแบบนี้หมายความว่ายังไง !! หรือว่าพวกเจ้าคือพวกเดียวกับไอนักเลงเมื่อกลางวันกัน!!!” “เหอะ! ไอพวกกระจอกนั่นข้าไม่ได้ข้องเกี่ยวสักนิด เพียงแต่.....ข้ามีเรื่องที่จะให้เจ้าทำา ....เซ็ตซึนะ ถ้าเจ้าไม่
ทำาตามที่ข้าสั่ง...น้องสาวของเจ้าก็จะ...........ไปสู่สุขติ” “!!! ยะ...อย่ามาพูดเล่นน่า! นี่เจ้าเอาจริงหรือ???” “อะไรกัน.........มองตาข้าก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าข้าไม่ใช่คนพูดเล่น.....เซ็ตซึนะ...” “.....อึ๊ก.....” ....เอวาเจลีนจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่แสนจะเย้ยหยันแต่แฝงด้วยความเหี้ยมไม่น้อย ทำาเอาเซ็ตซึนะที่รู้โดย
พลันว่าอีกฝ่ายเอาจริงก็ถึงกับสะอึก ด้วยเพราะร่างกายของตนมันบอกว่าเธอไม่สามารถขัดขืนคำาสั่งของอีกฝ่ายได้ มันเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่บอกเซ็ตซึนะว่าเธอไม่อาจต่อกรกับเอวาเจลีนผู้นี้ ดังนั้นเมื่อผ่านไปอึดใจใหญ่ เซ็ตซึนะที่รู้ตัวดีว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้จึงต้องพูดเสียงแข็งๆถามผู้ที่กำาชีวิตน้องสาวของตนขึ้นมาว่า “แล้วจะให้ข้าทำาอะไร? ข้าก็แค่เด็กเร่ร่อนคนนึงจะทำาอะไรให้เจ้าได้นักเชียว” “....ก็............ไม่ยากอะไรหรอก.......แค่งานฆ่าคน....” “!!!!!!!!!” “.......พะ....พูดอะไรบ้าๆ! ข้าทำาได้ที่ไหนกัน??? “ทำาได้ ทำาไม่ได้ ข้าไม่สน......แต่ถ้าก่อนตะวันขึ้นเจ้ายังเอาชีวิตไอพวกนักเลงทั้งหมดที่มาหาเรื่องเจ้าเมื่อกลางวัน
ยังไม่ได้ น้องสาวของเจ้า....ก็ต้องตายแทนพวกมัน เข้าใจน่ะ.....” “....................!!!!”
“ทะ...ทำาไม? ทำาไมเจ้าถึงอยากจะเอาชีวิตพวกมันด้วย? มีความแค้นกับพวกมันหรือไงกัน?” “........................................................” “เปล่า..........ข้าไม่รู้จักพวกมันเลยด้วยซำ้า” “เห??? ละ....แล้วทำาไมถึง..........” “เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้วน่ะเซ็ตซึนะ..........รีบๆเข้าหล่ะ.....” .......พูดจบ เอวาก็เดินจากไปทันทีด้วยท่าทางที่ไม่ยี่หระ ตามมาด้วยเชนและชาช่ามารูที่ยังอุ้มร่างของอายะไว้ใน
อ้อมแขน แต่มานะที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตลอดก็ยังไม่กลับไปเสียทีเดียว เด็กน้อยผิวสีแทนผู้มีความเยือกเย็นผิดเด็ก ก็หันมาพูดกับซามูไรน้อยผู้มีอายุไล่เลี่ยกับตนด้วยนำ้าเสียงที่นิ่งเรียบและจริงจังว่า.... “......ถ้าเจ้ายังอยากที่จะรักษาชีวิตเด็กน้อยคนนั้น.........เจ้าก็ไม่ควรมามัวยืนนิ่งแบบนี้หรอกน่ะ ............เซ็ตซึ
นะ” ...... มานะพูดเพื่อให้อีกฝ่ายยั้งคิดก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ แต่ด้วยแววตาที่เย็นเฉียบดุจนำ้าแข็งและคำา
พูดที่มิใช่การล้อเล่น เซ็ตซึนะที่อยู่ในสภาวะที่กดดันอย่างสุดๆก็ได้แต่ยืนอึ้งจนทำาอะไรไม่ถูก มือก็กำาดาบสั้นใน มือเสียแน่นด้วยความเครียด ทำายังไงดี....นี่ข้า....ต้องทำาตามที่เด็กต่างชาติผู้นั้นสั่งจริงๆอย่างนั้นหรือ?? ขะ..ข้า น่ะหรือ...จะต้องฆ่าคน???????? การเอาชีวิตผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้....ตัวข้า...จะทำาได้อย่างนั้นหรือ??????? .........................................................................................................
เวลาต่อมา ..ในยามที่ที่ฟ้ายังเป็นสีมืด .......เอวาเจลีนที่ยังพักอยู่ในห้องพักรอคอยข่าวของเซ็ตซึนะอย่างสงบก็จ้องมองไปที่ดวงจันทร์กลมโตด้วย
สายตาที่เบื่อหน่าย ทางด้านเชนที่กำาลังดูตรวจร่างกายของอายะจังตัวน้อยก็ถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ และ ในขณะนั้นเอง มานะที่รอฟังข่าวของเซ็ตซึนะเกือบทั้งคืนก็หันมามองอายะน้อยที่กำาลังนั่งเล่นกับหมอเชนด้วย ใบหน้าที่นิ่งเฉยแต่ใจก็รู้สึกกลัวแทนเซ็ตซึนะเต็มที่ ดังนั้น..เด็กน้อยผิวแทนจึงเอ่ยถามนายหญิงของตนขึ้นว่า “นายหญิง.........ถ้าคนที่ชื่อเซ็ตซึนะทำาไม่ได้ตามที่สั่งจริงๆ .....ข้าขอเด็กคนนี้จะได้ไหม?” “....................??” “พูดอะไรออกมาหน่ะมานะ? หรือว่า...แกเกิดเห็นใจยัยเด็กเซ็ตซึนะนั่นขึ้นมา......” “.............................”
“เปล่าเจ้าค่ะ.................” “เปล่า? ถ้าอย่างนั้นแกขอชีวิตยัยเด็กนี่ทำาไมมานะ?” “คือว่า..................ข้า........................” “พลั่ก!” “.............................” “เอาน้องข้าคืนมาได้แล้ว!!!!!!! ท่านเอวาเจลีน!!!” ..........เสียงของเซ็ตซึนะที่เปิดประตูเข้ามาดังขึ้นมาโต้งๆ ทำาเอามานะที่ได้ฟังถึงกับสะดุ้งหันมามองเซ็ตซึนะที่
ปรากฏกายในชุดที่เต็มไปด้วยเลือดทันที ....ทะ...ทำาได้?!?! นางฆ่านักเลงพวกนั้นไปแล้วอย่างนั้นหรือ???? และใกล้กันนั้นเองก็มีชาช่ามารูที่เดินตามมาด้วยเดินเข้ามาหามาสเตอร์ของตนด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งแล้วสาวเจ้าก็ เข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับนายร่างน้อยจนเอวาเจลีนที่ได้ฟังรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อยจนเผลอยิ้มออกมาด้วย ท่าทางที่ครึ้มใจ แต่เซ็ตซึนะที่แววตามีแต่ความเย็นชาก็ตะโกนเรียกขอน้องสาวของตนคืนว่า “ข้าทำาตามที่ท่านสั่งเสร็จแล้ว!! ไหนหล่ะน้องสาวของข้า! เอาคืนมาเดี๋ยวนี่น่ะ!!!!” “.....................................” “.............อยู่กับเชนโน่นไงเซ็ตซึนะ ว่าแต่......ข้าบอกกับเจ้าแล้วหรือว่าจะปล่อยน้องสาวของเจ้าไปหน่ะ?” “...วะ...ว่า ...ว่ายังไงน่ะ????” ...ได้ฟังคำาพูดที่เจ้าเล่ห์นั่นเซ็ตซึนะก็ถึงกับอึ้งไปโดยทันที แต่เอวาที่พอใจกับผลงานของเซ็ตซึนะเป็นอย่างมากก็
ยิ้มหยันออกมาเยี่ยงผูม้ ีชัย ปากก็เริ่มพูดเข้าเรื่องที่ตนต้องการว่า “.....อีกอย่างน่ะเซ็ตซึนะ....น้องสาวของเจ้าหน่ะป่วยอย่างทีเ่ ชนบอกจริงๆเสียด้วย” “.......มะ...ไม่จริงน่า!!...ท่านโกหก!!! ท่านโกหกแน่ๆ!!!” “ไม่เชื่อก็ลองถามเชนดูก็ได้.......ตอนแรกเชนคิดจะช่วยรักษาน้องของเจ้าให้... แต่เชนที่ดูอาการน้องของเจ้ามา
ทั้งคืนยังส่ายหน้า ท่า.....น้องสาวของเจ้าคงจะไม่รอดแล้วละมั้ง.....” .....ได้ฟัง...เซ็ตซึนะก็หันมามองอายะที่ยังนั่งยิ้มระรื่นเล่นกับคนชื่อเชนด้วยสีหน้าที่คิดหนัก ทางด้านเชนเองที่
ตรวจอาการของเด็กน้อยอายะมาทั้งคืนก็ทำาตาเศร้าๆพูดกับเด็กน้อยผู้พี่ที่ตนอยากจะให้อีกฝ่ายไม่ต้องมาเป็นจตุร เทพเสียเหลือเกินว่า
“...........น้องของเจ้าเป็นโรคป่วยทางจิตขั้นรุนแรง ....เซ็ตซึนะ ตอนนี้นางยังเด็กนักจึงมิได้มีอาการที่แสดง
อย่างชัดเจน แต่ถ้านางโตขึ้นมาและรู้ความมากกว่านี้.....น้องสาวของเจ้าต้องไม่รอดแน่ๆ” “นี่ท่าน........พูดจริงอย่างนั้นหรือ?? อายะหน่ะหรือเป็นโรคจิต? จะบ้าหรือเปล่าน้องข้าไม่ได้เป็นบ้าซัก
หน่อย!!!” “...........ป่วยทางจิตไม่ได้แปลว่าเป็นบ้าเสมอไปเซ็ตซึนะ น้องของเจ้าป่วยเพราะร่างกายขึ้นตรงกับจิตใจจนเกิน
เหตุต่างหาก......” “???? ขะ...ข้าไม่เข้าใจ อะไรคือร่างกายกับจิตใจขึ้นตรงจนเกินเหตุ หล่ะ?” “........นั่นก็คือ...เวลาน้องเจ้าตกใจ ร่างกายก็จะตื่นเต้นตามจนแสดงออกมาด้วยการร้องไห้ เวลาน้องเจ้าเศร้าใจ
ร่างกายก็จะป่วยไม่สบายด้วยตามอารมณ์ และอีกหน่อย....ถ้านางรู้จักอารมณ์และความรู้สึกมากกว่านี้......เจ้า ลองคิดดูสิถ้าเกิดนางไปเจอเรื่องที่ต้องทำาให้เสียใจเอามากๆ นางก็จะต้องตรอมใจตายเหมือนอย่างที่จิตใจกำาลังรู้ สึกแน่ๆ” “บะ...บ้าน่า...มีโรคประหลาดแบบนี้ด้วยหรือ?” “....จะไม่เชื่อข้าก็ได้น่ะ แต่ทผี่ ่านมาเวลาที่เด็กน้อยคนนี้มีเรื่องให้ตกใจหรือเสียใจ นางก็ต้องแสดงอาการชักอยู่
เรื่อยมิใช่หรือ นั่น...คือหลักฐานชั้นดีที่จะบอกได้ว่าน้องของเจ้าป่วยไม่เหมือนคนอื่นเขาน่ะ....” “..........................ยะ........อย่างนั้นหรือ....” .......ได้ฟัง...สีหน้าของเซ็ตซึนะก็สลดอย่างเห็นได้ชัด นึกไม่ถึงเลยว่าอายะจะป่วยจริงๆอย่างที่ตนสังหรณ์เอาไว้
และเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น....เอวาที่รอโอกาสนี่มานานก็เริม่ พูดเพื่อชักจูงอีกฝ่ายขึ้นมาว่า.... “แต่ข้ามีข้อเสนอให้เจ้าเซ็ตซึนะ .....................” “.......??” “ถ้าต่อแต่นี้เจ้ายอมมาเป็นข้ารับใช้ของข้า ยอมเชื่อฟังข้าทุกอย่าง ข้าก็จะ.....ยอมให้เชนรักษาน้องของเจ้าให้...” “..............................” “...............ท่านเชน...รักษาน้องของข้าได้อย่างนั้นหรือ? ไหนว่านางส่ายหน้ากับอาการของน้องข้าแล้วยังไง
หล่ะ?”
“........เชนเป็นหมอสายมืดที่รักษาได้ทุกโรค ทั่วแผ่นดินญี่ปุ่นนางเป็นหมอที่เก่งที่สุด ถึงจะไม่ใช่หมอรักษา
โดยตรง แต่หมอสายมืดที่มาจากจีนอย่างเชนก็มีความรู้กว้างขวางยิ่งนัก ขนาดคนตายนางยังช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้ เลย............ที่ข้าพูดมา มันจริงใช่ไหมหล่ะ เชน?.” .........พอถูกยื่นข้อเสนอมาเช่นนั้นมีหรือว่าเซ็ตซึนะจะไม่สนใจ ซามูไรน้อยที่ยืนชั่งใจอยู่นานก็หันมามองเชนที่
ดูแลอายะอยู่ด้วยสายที่จริงจัง ปากก็ถามความจริงกับอีกฝ่ายว่า “....ท่านเชน........ท่านรักษาน้องของข้าได้ใช่ไหม?” ......เชนที่ได้ฟังก็นิ่งเงียบ....มิสามารถตอบอีกฝ่ายได้โดยทันที ด้วยเพราะนายหญิงสั่งให้เธอตอบว่ารักษาได้ทั้งๆ
ที่ความจริงเธอไม่รู้ด้วยซำ้าว่าเธอจะทำาได้จริงหรือเปล่า? แต่...หมอเชนก็รู้สึกเอ็นดูอายะจังตัวจ้อยยิ่งนัก มัน เหมือนเป็นสัญชาตญาณของเด็กน้อยที่รู้วา่ ตัวเองป่วย เจ้าตัวก็เลยมีอารมณ์ดีร่าเริงตลอดเวลาทำาให้อาการมันไม่ กำาเริบ...ซึ่งความร่าเริงนั่นมันก็มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ใสซื่อน่าเอ็นดู เชนที่หัวใจเย็นชามานานยังรู้สึกละลายไปกับ รอยยิ้มน้อยๆตรงหน้าเหมือนกัน แต่ถ้านางรับปาก...เด็กที่ชื่อเซ็ตซึนะก็ต้องเจอกับชะตากรรมที่เรียกได้ว่าลงนรก ไปเสียยังจะดีกว่า .... แล้วข้า....จะทำายังไงดี...... ......ทางด้านเซ็ตซึนะเองที่ดูท่าทางของเชนที่ยังลังเลก็ ก้มหน้านิ่งคิดหนักเหมือนกัน.....แต่ดูแค่ปร๊าดเดียวซามูไร
น้อยก็รู้ได้ทันทีว่าท่านหมอเชนผู้นี้เอ็นดูน้องสาวของตนแค่ไหน ดังนั้น...ถึงเจ้าตัวจะไม่อาจรับปากได้ว่าจะรักษา แต่นางต้องพยายามเต็มที่แน่ๆ และทางเอวาเจลีนเองที่รู้สึกว่าเชนไม่ยอมทำาตามสั่งก็รู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย เพราะ แวมไพรสาวอยากจะได้เซ็ตซึนะมาเป็นลูกน้องของเธอยิ่งและอยากจะเอามาทดสอบเป็นหนึ่งในจตุรเทพด้วยแต่ เชนกลับไม่ยอมทำาตามที่เธอสั่ง ...มันน่าลงโทษให้หนักเลยจริงๆ!! และในขณะนั้นเอง...เชนที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ ตัดสินใจ.....พูดคำามั่นสัญญาที่เป็นเหมือนคำาตัดสินชะตาของเซ็ตซึนะขึ้นว่า “ได้...................ถึงจะรักษาให้ไม่หายขาดโดยทันทีไม่ได้ แต่ข้าสาบาน...ตราบที่ข้ายังมีลมหายใจ น้องสาว
ของเจ้าจะไม่ตายเป็นอันขาด ข้าจะช่วยรักษานางอย่างสุดฝีมือ....ข้าสัญญา”
...........ได้ฟังคำามั่นนั่น เซ็ตซึนะก็ยิ้มออกมาอย่างเบาใจเพราะเด็กน้อยรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายพูดมาด้วยความจริงใจ
อย่างที่สุด ดังนั้น.....ซามูไรตัวน้อยที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วจึงหันมาคุยกับเอวาเจลีนด้วยท่าทางที่จริงจัง ตก ปากรับข้อเสนอที่อีกฝ่ายต้องการในทันทีว่า “.......ถ้าเช่นนั้นข้าตกลง.....รับข้อเสนอของท่าน ท่านเอวาเจลีน.....” “........................................................” “Wonderful!.................................Good job number FOUR” (เยี่ยมมาก!..................................แกทำาดีมาก เจ้าสี่)
.........เอวาพูดออกมาด้วยความลิงโลดและโล่งใจในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มทีแ่ สดงถึงความดีใจจนออกนอกหน้า
มันเย้ยออกมาจนห้ามไม่อยู่ ...สำาเร็จ!...ปล่อยให้ข้าลุ้นอยู่แทบตาย ในทีส่ ุดก็เข้าทางแผนของข้าเสียที ต้อง ขอบใจที่เชนมันใจอ่อนกับยัยตัวน้องนั่นจริงๆ.... “เป็นอันว่าตกลง เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้า แลกกับให้เชนรักษาน้องของเจ้า...เข้าใจใช่ไหม?” “...มีอีกข้อ.....” “เหอะ! เรื่องมากซะจริง........จะต่อรองอะไรอีกหล่ะ? ” “ท่านจะให้ข้าทำาอะไรข้าไม่รู้แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ดังนั้น...น้องของข้าต้องไม่มารับรู้ และต้องไม่มาข้อง
เกี่ยวกับสิ่งที่ข้าทำาเด็ดขาด....นางต้องมีชีวิตที่ดีเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่คนรับใช้สำาหรับท่าน....และถ้า หากนางเป็นอะไรเพราะตัวท่าน คำาสัญญาของเราเป็นอันสิ้นสุด....” “....แหม่...ฉลาดขึ้นนี่ ได้.....ข้าตกลง แต่ข้อแลกเปลี่ยนราคาแพงแบบนี้มันก็ต้องตอบแทนแพงขึ้นเป็นธรรมดา
ค่าเลี้ยงดูคนตั้งสองคน มันมากเอาการอยู่น่ะเซ็ตซึนะ” “........................................” “แล้วท่าน..................ต้องการอะไรจากข้าอีกหล่ะ?” .............ได้ฟัง เอวาเจลีนก็ยิ้มกริ่มนึกสนุกกับเด็กน้อยที่รักน้องเยี่ยงชีพแบบนี้เต็มที่ น่าทดสอบจริงๆ ไอความ
รักของมนุษย์ที่เป็นเบี้ยล่างสำาหรับเธอ มันจะมีมากซักแค่ไหนน่ะ.....? และแล้ว...เอวาที่นึกสนุกกับการลองใจ คนจึงพูดขึ้นมาด้วยนำ้าเสียงที่เย้ยหยันว่า “..................ชีวิต” “???????” “ร่างกาย...หัวใจ....วิญญาณ ทุกๆอย่างที่เจ้ามี เจ้าให้ข้าได้ไหมล่ะ?” “.............................” . . . .
“.............ได้สิ.......”
......เซ็ตซึนะพูดตอบกลับไปโดยไม่มีลังเล จนแม้แต่มานะที่ฟังอยู่ยังตกใจ ...จะบ้ารึเปล่า?? รับปากเรื่องสำาคัญ
ไปง่ายๆแบบนั้นนี่ยังสติดีอยู่หรือเปล่าเนี้ย?? นี่นางลืมไปแล้วหรือไงว่ากำาลังทำาสัญญาอยู่กับปิศาจ! ถึงจะไม่รวู้ ่า นายหญิงเป็นใครก็เถอะแต่นางก็น่าจะฉลาดพอที่จะไม่พูดพล่อยๆแบบนั้นนี่!! บ้า! บ้า! ยัยเด็กนี่มันบ้าชัดๆ! ทางด้านเอวาที่ได้ฟังคำาตอบก็ยิ้มพอใจอย่างที่สุดก่อนจะเอ่ยปากให้ทุกๆคนออกไปจากห้อง และพอเหลือกันเพียง ลำาพังแค่สองคนแล้ว เอวาที่หันมามองพระอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นมาที่ขอบฟ้าดีก็เดินเข้ามาใกล้เซ็ตซึนะที่ยืนนิ่งอยู่ เงียบๆอย่างช้าๆ ปากก็พูดด้วยนำ้าเสียงที่ยินดีเล็กๆว่า “โชคดีจริงที่ยังทันเวลา.............แถมยังเป็นคืนวันเพ็ญเสียด้วย.” “...........................????” “หัวใจของเจ้า! ข้าขอแล้วกันน่ะ! เซ็ตซึนะ!!!!!” “ฉึก!!~~~” .......................................................................................................................................... ........ .....ในเวลาต่อมา...หลังจากที่เอวาเจลีนได้เซ็ตซึนะมาเป็นลูกน้องได้ดังใจหวัง แวมไพรสาวก็ยังออกเดินทางตาม
หาผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นจตุรเทพของตนให้อีกต่อไปเรื่อยๆนานนับเดือน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็มิมผี ู้ใดที่สามารถผ่าน บททดสอบอันแสนเหี้ยมโหดของแวมไพรสาวได้เลยสักคน และสุดท้าย...เอวาที่ไม่สามารถหาจตุรเทพอีกคน เพื่อทดแทนชาช่ามารูได้จึงจำาต้องให้ลูกน้องคนสนิทดำารงตำาแหน่งหัวหน้าจตุรเทพลำาดับหนึ่งไว้ตามเดิม ส่วน มานะและเซ็ตซึนะที่สามารถผ่านการทดสอบของเอวาเจลีนได้ก็ถูกส่งตัวไปฝึกฝีมือกับสองพี่น้องตระกูลอาโอยา มะ สองนักดาบชินเมริว ซึ่งแน่นอน...เพียงแค่เจอหน้ากันวันแรก....ทั้งสองคนก็ต้องถูกพี่น้องอาโอยามะกลั่น แกล้งเข้าให้เสียแล้ว...... “แคร้ง!~ แคร้ง!~ แคร้ง!~ แคร้ง!~” “ฮึ่บ! ฮึ่บ! โฮ้ยยย! ไม่ไหวทัตสึมิยะ ....ไม่ขยับเลยสักนิด” “..................อย่างนั้นหรือ? สงสัยลูกกรงนี่คงจะถูกปักฝังลึกไปบนพื้นทรายด้วยอีกทอด งั้นเจ้าลงมาก่อน
แล้วกันเซ็ตซึนะ” “อื้ม!~” “ตุ๊บ!”
......เซ็ตซึนะที่เหยียบไหล่เพื่อนผิวแทนอยู่ก็กระโดดลงมาจากไหล่ของอีกฝ่ายพร้อมกับหันมามองที่โซ่ที่ล่าม
ประตูลูกตรงอยู่แล้วลองเขย่ามันอย่างแรง แต่ก็นั่นอีกนั้นแหล่ะ ....โซ่ที่ถูกลงกลอนแน่นหนาขนาดนี้แค่แรงของ เด็กอย่างเธอจะทำาให้กลอนมันหลุดออกมาได้อย่างไร ทางด้านมานะเองที่พิจารณาไปรอบลูกกรงที่พวกตนอยู่ก็ นั่งลงมองพวกมันด้วยใบหน้าที่คิดหนัก และเซ็ตซึนะเองที่จนปัญญาเหมือนกันก็ถามเพื่อนคนสนิทที่แทบจะเรียก ได้ว่าเพื่อนตายขึ้นมาว่า “อะไรกัน? ฉลาดๆอย่างเจ้ายังหาทางออกไม่ได้เลยหรือทัตสึมิยะ?” “อ่า.........ถูกนายหญิงท้าตายมาก็เยอะ แต่งานนี้สงสัยพวกเราคงจะได้ตายกันจริงๆแล้วหล่ะเกลอเอ๋ย” “ฮ่ะๆๆ ขนาดทัตสึมิยะผู้ปราดเปรื่องยังพูดแบบนี้ เห็นทีข้าคงก็ต้องทำาใจแล้วสิ เฮ้อออออ!~~” ....พอได้ฟังเพื่อนซี้พูดแบบหมดหวัง เซ็ตซึนะก็นอนแผ่หราดูพระอาทิตย์ที่กำาลังจมท้องทะเลเบื้องหน้าอย่างหมด
แรง ทางด้านมานะเองที่หมดใจไปเหมือนกันก็มองแสงอาทิตย์สีส้มที่เหมือนจะเป็นแสงอำาลามากกว่าด้วยใบหน้า ที่นิ่งเงียบ ไม่ได้รู้สึกกลัวตายหรืออะไรมากนัก...ไม่สิ..เด็กน้อยทั้งสองคนนี้ไม่ได้มีอารมณ์รักตัวกลัวตายอย่างที่ เอวาเจลีนได้พูดเอาไว้กับสองพี่น้องอาโอยามะจริงๆ แต่..จะให้พวกเธอทำายังไงหล่ะ...ถ้าตะวันตกดินเมื่อไหร่ ..นำ้าทะเลที่หนุนสูงขึ้นมาก็จะทำาให้พวกเธอจมนำ้าตายคากรงขังที่ไร้ทางหนีก็เท่านั้น และแล้ว...สองพี่น้องที่แอบ มองพฤติกรรมของเด็กน้อยทั้งสองอยู่ห่างๆก็หันมาปรึกษากันด้วยท่าทางที่ไม่ได้ห่วงใยเด็กทั้งสองอะไรมากนักว่า “..........ท่าทางสองคนนั้นจะถอดใจไปแล้วจริงๆสิน่ะท่านพี่ แล้วจะเอายังไงต่อไปดีหล่ะเจ้าค่ะ ปล่อยให้จม
นำ้าตายไปเลยดีไหม?” “อะไรกันโมโตโกะ....แค่พวกเด็กนั่นนั่งนิ่งๆก็คิดว่าพวกนั้นเขายอมแพ้กันแล้วอย่างนั้นรึ?” “....ก็คงอย่างนั้น แต่แหม่....ข้าเองก็แอบเสียดายเหมือนกันน่ะท่านพี่” “เสียดาย? ....อย่าบอกน่ะว่าเจ้าเองก็เล็งลูกศิษย์คนเดียวกันกับข้า?” “อ้าว!~ นี่ท่านพี่ก็เล็งเอาไว้เหมือนกันหรือเจ้าค่ะ? อย่าบอกน่ะเจ้าค่ะว่าท่านพี่คิดว่าสองคนนั่นจะอยู่รอดจน
พระอาทิตย์ขึ้นได้ตามเงื่อนไขหน่ะ?” “ลางสังหรณ์ข้าบอกอย่างนั้นน่ะโมโตโกะ ถึงเด็กที่ชื่อเซ็ตซึนะจะแกร่งเป็นกำาลังให้กับเด็กที่ชื่อมานะแต่นิสัยก็
ซื่อเกินไปหน่อย ทว่า..ความฉลาดของมานะก็มากพอที่จะทดแทนเซ็ตซึนะในจุดนี้ได้ ...เด็กสองคนนี้เข้าขากัน ได้ดีอย่างเหลือเชื่อเลยหล่ะ ข้าเชื่อว่าพวกนั้นต้องรอดแน่ๆ แล้วถ้าสองคนนั่นรอดได้จนถึงเช้า เจ้าจะเลือกใครมา เป็นลูกศิษย์หล่ะโมโตโกะ? ข้าบอกไว้ก่อนน่ะว่าข้าจองเด็กที่ชื่อมานะไว้แล้ว” “...งั้นพวกเราก็ไม่ต้องมาแย่งกันแล้วหล่ะค่ะท่านพี่ เพราะข้าชอบใจเด็กที่ชื่อเซ็ตซึนะมากกว่า ถึงเด็กที่ชื่อมานะ
จะทั้งฉลาดและไหวพริบดีเยี่ยม แต่แค่ดูปร๊าดเดียวข้าก็รู้สึกได้โดยทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นคนหัวแข็ง คงสอนกันไม่ ได้ง่ายๆ”
“อะไรกันโมโตโกะ? ข้าว่ามันท้าทายดีออก ดีซะอีก ...ฉลาดๆหัวไวแบบนี้น่าจะเรียนรู้ได้เร็วข้าจะได้ไม่ต้อง
เหนื่อยแถมเจ้าตัวเองก็อารมณ์เยือกเย็นผิดเด็กทั่วไปด้วยแบบนี้คงไม่ค่อยยี่หร่ะกับการฆ่าคนซักเท่าไหร่ แต่เด็กที่ ชื่อเซ็ตซึนะเสียอีกที่อ่อนโยนจนเกินไป แววตานั่นมันไม่ได้มีความเลือดเย็นอยู่เลยน่ะ ที่ผ่านมาคงจะอาศัยความ รักน้องสาวเสียมากกว่าเลยกล้าฆ่าคนหน่ะข้าว่า ” “ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะเจ้าค่ะท่านพี่ แต่ข้าถูกชะตาน่ะ อีกอย่าง......แต่ก่อนท่านพี่ก็เป็นเหมือนเด็กคนนั้นไม่ใช่
หรือไงเจ้าค่ะ?” “หืม? พูดอะไรบ้าๆ ข้าไม่ได้มีความอ่อนโยนอะไรอย่างนั้นสักหน่อย เอาข้าไปเปรียบกับเด็กนั่นได้เจ้านี่ช่างใจ
ร้ายจังน่ะ” “ฮ่ะๆๆ ก็คงอย่างนั้นแหล่ะเจ้าค่ะ” .......แล้วสองพี่น้องที่ดูเด็กน้อยทั้งสองที่ยังถูกขังอยู่ในกรงอยู่พักใหญ่ก็พากันกลับที่พักของตนโดยไม่สนใจที่จะ
ยื่นมือเข้ามาช่วยเด็กทั้งสองเลยสักนิด ไม่สิ....การไม่ยื่นมือมาช่วยมันถือเป็นความเมตตาอย่างที่สุดแล้ว ....ถ้า เด็กทั้งสองคนผ่านด่านทดสอบนี้ไปไม่ได้....ก็ไม่ต้องมาเป็นลูกศิษย์ของตนเพื่อมาเป็นจตุรเทพหรอก.....สู้ตาย ไปเสียยังจะดีซะกว่า.... .....และทางด้านเซ็ตซึนะและมานะที่นิ่งอยู่พักใหญ่ก็หันมามองนำ้าทะเลที่กำาลังเขยิบซัดเข้ามาใกล้ลูกกรงเรื่อยๆ
อย่างใจเย็นดูไม่สะทกสะท้านกับความตายที่กำาลังคืบคลานมาซักเท่าไหร่นัก “อืม......พวกเราน่าจะเป็นมนุษย์ปลากันน่ะเซ็ตซึนะ ” “??? .....เวลานักปราชญ์ใกล้ตายเขาชอบพูดเล่นกันแบบนี้อย่างนั้นหรือนี่? เป็นเรื่องน่ารู้สำาหรับข้าก่อนสิ้นชีพ
เลยน่ะทัตสึมิยะ” “อ้าว? คนอย่างข้าก็มีอารมณ์ขันได้นี่เซ็ตซึนะ ข้าก็เป็นมนุษย์คนนึงน่ะ” .....มานะพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปมองรอบๆเพื่อหาทางหนีแบบไม่รีบไม่ร้อน เด็กผิวแทนมองไปที่
ชายหาดด้านหลังที่เป็นทางบกพร้อมกับเอ่ยถามเพื่อนซี้ขึ้นว่า “เจ้าว่า ....นำ้ามันจะสูงขึ้นมาถึงขนาดไหนกันหน่ะเซ็ตซึนะ? พ้นลูกกรงไปมากไหม?” “ดูจากสันทรายก็น่าจะพ้นขอบลูกกรงไปไม่ถึงคืบด้วยซำ้า ข้าว่าถ้าเราเปลี่ยนจากมนุษย์ปลามาเป็นตัวชะมดหรือ
ช้างก็น่าจะรอดพอๆกันนั้นแหล่ะ” “………….!!!” “ชะมดหรือช้างอย่างนั้นหรือ?? คราวนี้เจ้ามันหัวไวกว่าข้าจริงๆ!”
“อะไร? หรือว่าเจ้ามีความคิดดีๆแล้วทัตสึมิยะ???” “ใช่! มันคงต้องอาศัยความอึดสักหน่อย แต่ถ้าทำาได้ตลอดทั้งคืนหล่ะก็พวกเราต้องรอดแน่ๆเกลอเอ๋ย” ................ด้วยความหัวไวของมานะบวกกับคำาพูดลอยๆของเซ็ตซึนะเมื่อครู่ หนทางที่จะเอาชีวิตให้รอดตาม
เงื่อนไขของสองพี่น้องอาโอยามะก็แล่นเข้ามาในหัวสมองของทัตสึมิยะ มานะผู้ปราดเปรื่องเข้าให้แล้ว!!!! ........................................................................................... .....เช้าวันรุ่งขึ้น.... .............อาโอยามะ ซึรุโกะและอาโอยามะ โมโตโกะตื่นขึ้นมาแต่เช้าและเดินมาที่ชายหาดอย่างไม่รีบร้อนเพื่อ
มาดูผลว่าเด็กน้อยทั้งสองสามารถมีชีวิตรอดมาถึงเช้าอย่างที่พวกตนตั้งเงื่อนไขเอาไว้หรือไม่? และด้วยสภาพที่ เด็กทั้งสองนอนสลบสไลไม่ได้สติภายในกรงขังพร้อมกับมือของเซ็ตซึนะที่กำาด้ามดาบเอาไว้ในขณะที่มานะก็กำา ไม้ไผ่ที่น่าจะบังเอิญหามาได้ ซึรุโกะ ที่มองอยู่พักใหญ่ก็หันมาพูดกับน้องสาวของตนด้วยใบหน้าที่ยิ้มกริ่มว่า “เอาด้ามดาบมาตัดปลายแล้วใช้เป็นท่อหายใจไปตลอดคืน ... อืม .....หัวไวดีจริงๆเจ้าว่าอย่างนั้นไหมโมโต
โกะ?” “ สงสัยเป็นความคิดของเด็กที่ชื่อมานะซะละมั้งท่านพี่?.....ฉลาดเป็นกรดอย่างที่ท่านพี่บอกจริงๆนั้นแหล่ะ” “ข้าว่าโชคดีของมานะด้วยแหล่ะที่มีเซ็ตซึนะร่วมชะตากรรมด้วย ถ้าเซ็ตซึนะไม่ใช่คนอึดแล้วก็ไม่ได้พกดาบ
ติดตัวแล้วหล่ะก็ พวกนางจะไปหาท่อหายใจมาได้จากที่ไหนกันหล่ะ? ถ้าให้ข้าเดา ....ไม้ไผ่ที่มานะถืออยู่คง ลอยพัดมาพอดีหล่ะมั้ง? จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีหล่ะ? ไอด้ามดาบที่รูเล็กนิดเดียวแบบนั้นเจ้าว่ามันจะพอ ให้สองคนนี้ใช้หายใจไปตลอดคืนเลยรึ?” “....งั้นก็แสดงว่ามานะนั้นฉลาดแต่ก็ไม่อึดเท่าเซ็ตซึนะ......” “......ก็คงอย่างนั้น.....ยินดีด้วยน่ะโมโตโกะ ลูกศิษย์ของเจ้ามันพันธุ์ทนทายาทจริงๆ” “จะให้พูดว่ายินดีหรือเจ้าค่ะท่านพี่ ต้องพูดว่าเสียใจด้วยที่พวกนางผ่านการทดสอบจะดีกว่า.....” ..........และหลังจากนั้น....มานะและเซ็ตซึนะที่สามารถผ่านคืนอันทรหดได้สำาเร็จก็ได้เป็นลูกศิษย์ของ
สองพี่น้องอาโอยามะอย่างเป็นทางการ โดยที่โมโตโกะสอนวิชาดาบให้เซ็ตซึนะที่มีพื้นฐานเชิงดาบอยู่แล้วให้ ตามที่ตนถนัด ส่วนซึรุโกะที่แม้จะถนัดวิชาดาบมากกว่าเหมือนกันแต่ก็เลือกที่จะสอนให้มานะฝึกอาวุธธนู ด้วย เพราะมานะเป็นคนที่มีนิสัยบางอย่างที่ไม่เหมาะกับการฝึกดาบ...ดังนั้น ซึรุโกะจึงเลือกที่จะสอนการฆ่าคนระยะ ไกลให้กับมานะแทน
......วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนมาเป็นปี เด็กน้อยทั้งสองก็เติบโตขึ้นท่ามกลางการฝึกฝนจาก
อาจารย์ทั้งสองที่เคี่ยวพวกตนอย่างหนัก เช้าฝึกร่างกายและฝึกอาวุธ บ่ายเรียนภาษาอังกฤษกับความรู้อื่นๆจา กชาช่ามารูและตกเย็นก็ฝึกการต่อสู้อีกรอบ...แทบจะเรียกได้ว่าจากเช้าจรดเย็นทั้งสองไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนกันเลยที เดียว ....และในวันที่ทั้งมานะอายุสิบสี่ปีและเซ็ตซึนะมีอายุย่างจะสิบสามปีนั่นเอง เด็กทั้งสองที่เริ่มโตจะเป็นสาว เล็กๆก็กำาลังอ่านตำาราอย่างขะมักเขม้น ....แต่ดูเหมือนว่า..เซ็ตซึนะที่หัวไม่ได้ฉลาดเท่ามานะจะมีปัญหากับมัน มากพอดูทีเดียว “.........................คราวนี่ยากจังแฮ่ะ เจ้าท่องจำาศัพท์ทั้งหมดนี่ทุกครั้งได้ยังไงกันน่ะทัตสึมิยะ?” “...........ข้าก็บอกตั้งกี่ทีแล้วว่าอย่าไปท่อง ให้จำาตัวสะกดเป็นรูปในหัวเอา แบบนั้นจำาง่ายกว่าตั้งเยอะ ” “.....................ก็ข้ามันโง่นี่นา....วิธีแบบนั้นข้าไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอก” “อย่ามาโม้น่า เจ้าไม่ได้โง่หรอก เจ้ามันไม่ชอบอ่านหนังสือมากกว่า... ทีตอนท่านอาจารย์โมโตโกะสอนเคล็ด
วิชาไม้ตายของชินเมริวให้ ภายในหนึ่งวันเจ้ายังทำาตามท่านอาจารย์ได้เลย ยอมรับความจริงเสียเถอะเซ็ตซึนะ ความจริงแล้วเจ้าขี้เกียจอ่านมากกว่า ......อ่อ...แล้วไม่ต้องมาโอดครวญให้มากความหรอกน่ะเพราะคราวนี้ข้าไม่ ใจอ่อนให้เจ้าลอกคำาตอบของข้าอีกแน่ๆ” “..............หง่ะ........รู้ทันด้วย เถอะน่าทัตสึมิยะ~....เด๋วข้าผ่าฟืนแทนให้อีกหนึ่งอาทิตย์เหมือนคราวก่อนก็ได้ ..” “.........สองอาทิตย์...” “เอ้ย ! มากไปมั้ง?” “....งั้นเจ้าก็ท่องศัพท์ต่อไปแล้วกันเกลอเอ๋ย เอาให้ผ่านหล่ะ~” “......ชิ....ก็ได้ๆ สองอาทิตย์ก็สองอาทิตย์” “.......................โฮกกกกกก!!!!” .........และในขณะที่ทั้งสองกำาลังตกลงเรื่องที่จะลอกคำาตอบกันนั้นเอง อยูๆ่ ทั้งสองสาวก็ได้ยินเสียงหมีควายที่
ร้องคำารามออกมาเสียงดังลั่นไปทั่วป่าพร้อมๆกับร่างของมันที่วิ่งกระโจนมาจากพุ่มไม้ข้างๆด้วยความรวดเร็วแถม ยังทำาตาขวางใส่หญิงสาวทั้งสองอีกต่างหาก ทำาเอาทั้งเซ็ตซึนะและมานะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวต้องหันมามองสัตว์ป่า ตัวยักษ์ที่พวกตนกำาลังเผชิญหน้าอยู่ด้วยกันด้วยท่าทางที่ตกตะลึง....แต่..ก็แค่ตะลึงนั้นแหล่ะน่ะ... “หมี???? มาจากไหนกันเนี้ย???”
“จะจากไหนซะอีกหล่ะนอกจากท่านอาจารย์ที่แสนขี้เล่นของพวกเรานั้นแหล่ะ! เซ็ตซึนะ.... สงสัยท่านอาจารย์
คงรู้เรื่องที่เจ้าจะลอกคำาตอบของข้าแล้วมั้ง?~” “...............พูดเป็นเล่น......ลงโทษแรงไปหน่อยมั้ง?” “โฮฮฮฮฮฮฮกกกกกกกกกกกกก” “ง่า.... เอาไงดีทัตสึมิยะ? รุมสองด้านดีไหม? ” “ใช้มุขเดิมแล้วกันเซ็ตซึนะ ถ้าเผื่อพลาดยังไงเจ้าจะได้แกล้งนอนตายได้ทัน ส่วนข้า......ก็เผ่น” “.....โฮ่ .....สมเป็นเกลอกันจริงๆเลยน่ะทัตสึมิยะ ....ทิ้งข้าตามนิทานเด๊ะ” “ใครว่า.....เขาเรียกว่าเอาตัวรอดเป็นยอดดีต่างหาก....เกลอเอ๋ย” “โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” .....แม้ดว้ ยความคะนองของวัยรุ่นและความมั่นใจในฝีมือแบบสุดๆจะทำาให้ทั้งสองยังพูดเล่นกันหน้าตาเฉยกับ
สถานการณ์ที่น่าอันตรายขนาดนั้นก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ค่อยๆเอื้อมไปหยิบอาวุธคู่ใจของพวกตนออกมาช้าๆแล้วแยก กันหาทางจัดการกับหมีป่าตัวทะมึนที่ท่านอาจารย์ส่งมาทดสอบทันที ทางด้านมานะที่ใช้อาวุธระยะไกลก็ กระโจนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อหาระยะที่หน้าไม้ของตนจะยิงออกไปถึงตัวหมีได้แรงที่สุดตามแผน ในขณะที่เซ็ตซึ นะที่จ้องระวังเจ้าหมีตัวใหญ่อยู่นานก็พูดติดตลกขึ้นมาตามประสาคนขี้เล่นว่า “อิ่มหล่ะทีนี้ ....มื้อเย็นจะทำาอุ้งตีนหมีหรือตุ๋นยาจีนดีน่ะ? ไม่สิ.....ย่างกินก็ไม่เลว~ เจ้าว่าอย่างนั้นไหมทัตสึมิ
ยะ?~” “จะกินก็เชิญกินไปคนเดียวเถอะน่ะเซ็ตซึนะ มันถูกพวกท่านอาจารย์วางยามารึเปล่าก็ไม่รู้ ข้าไม่อยากเอาชีวิตไป
เสี่ยงกับเจ้าด้วยหรอก” “ ..โฮกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!” “นั่นไงเซ็ตซึนะ .......มันโมโหที่เจ้าจะกินมันแล้วหล่ะ” “.........งั้นก็สวดลามันเลยแล้วกัน ศาสนาคริสต์ต้องพูดลงท้ายว่ายังไงน่ะทัตสึมิยะ? อมิตตาพุท?” “แกล้งโง่หรือไงเซ็ตซึนะ อาแมนต่างหากเล่า” “เอ่อใช่ อาแมน... อาแมนแล้วกันเจ้าหมี!”
.........สิ้นคำาสวดลา เซ็ตซึนะที่พูดเล่นอยู่นานก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นใบหน้าที่เย็นชาราวกับคนละคน และด้วย
เพราะสายตาที่เซ็ตซึนะใช้กับหมีป่าตรงหน้ามันทั้งแข็งกร้าวและดุดันก็ทำาเอาเจ้าหมีที่มีอารมณ์โมโหมาตั้งแต่ต้น ต้องเริ่มหงอขึ้นมาทันตาเห็น และในจังหวะนั้นเอง มานะที่รอโอกาสให้มันนิ่งแบบนั้นอยู่นานก็ยิงหน้าไม้ของ ตนโจมตีที่ตาทั้งสองข้างของมันเข้าให้ “ฉึก!! ฉึก!!” “โฮกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” “ฉัว๊ ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” “ฮะ.....ฮื่ออออ ฮือ่ อออ.........” ......และหลังจากที่เซ็ตซึนะซำ้าดาบเข้าไปที่จุดตายของเจ้าหมีนั่นอีกที เจ้าหมีป่าตัวทะมึนก็สิ้นชีพในบัดดล ....
สิ้นสุดบททดสอบบทสุดท้ายของพวกอาจารย์ของพวกตนเสียที...... . . . . “ช้าเกินไป!!!.........มัวแต่พูดเล่นกันอยู่ได้น่ะเซ็ตซึนะ เจ้านี่มันไม่ไหวเลยจริงๆ!” “..ทะ....ท่านอาจารย์?!?” “เจ้าก็พอกันเลยมานะ! ทำาไมถึงต้องรอให้เซ็ตซึนะข่มมันก่อนแล้วค่อยลงมือด้วย ขี้เกียจเกินไปแล้วน่ะ” “.............ก็ข้าไม่อยากเปลืองลูกธนูนี่ท่านอาจารย์ อีกอย่าง...ถึงข้าไม่ลงมือยังไงเซ็ตซึนะก็จัดการได้อยู่แล้ว ที่
ข้าลงมือด้วยก็เกินมือข้าแล้วน่ะ” ...มานะพูดแย้งออกมาพร้อมกับกระโจนลงมาจากต้นไม้ดว้ ยท่าทางที่ขุ่นใจเล็กๆที่ตนถูกซึรโุ กะผู้เป็นอาจารย์
ตำาหนิ ทางด้านโมโตโกะเองที่นึกโมโหลูกศิษย์ตัวเองอยู่ไม่น้อยก็เข้าไปบิดหูเซ็ตซึนะทันทีพร้อมกับตะเบ็งเสียง ต่อว่าขึ้นว่า “อมิตตาพุท? อาแมนอย่างนั้นรึ? เหอะ! หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนั้นยังมีหน้ามาพูดเล่นกันอีกน่ะ!! ขืนข้า
ปล่อยให้ลูกศิษย์ไม่ได้ความอย่างเจ้ามาเป็นนักฆ่าจริงๆแล้วละก็ ก่อนฆ่าคนเจ้าไม่ต้องพูดบทสวดลาเป็นศาสนา อิสลามด้วยอีกอันนึงหรือยังไงห่ะ??” “อ่า...อาจารย์ เวลาทำางานจริงข้าไม่ทำาเล่นแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ อีกอย่าง...บทสวดลาศาสนาอิสลามอะไรนั่นข้าก็
รู้จักหรอก อู้ยยย!!!”
“ยังจะมาเล่นลิ้นอีก!! ไป! ไปหานายหญิงโน่นเลย นางมารอพวกเจ้าตั้งนานแล้วน่ะ!!” “หะ..เห๋? .....นายหญิงมา...อย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ?” ....พอได้ยินว่าผู้ที่ตนไม่ปรารถนาจะเจอที่สุดมาหา ทั้งเซ็ตซึนะและมานะที่ได้ฟังก็เปลี่ยนสีหน้าไปโดยทันที
สองสาวมองหน้ากันเศร้าๆก่อนจะค่อยๆเดินไปหานายหญิงที่มาหาพวกตนตามที่พวกอาจารย์บอก และพอทั้ง สองคล้อยหลังกันได้ไม่นาน ทั้งโมโตโกะและซึรุโกะที่ต่างก็รู้ชะตากรรมของลูกศิษย์ตวั เองดีก็หันมามองกันแล้ว กันด้วยแววตาที่ต่างกันออกไป ซึรุโกะที่ดูอาการน้องสาวของตนมานานก็พูดทักขึ้นว่า “พวกนางจะไปอยู่แล้วเจ้ายังมีอารมณ์คึกอยู่อีก......ผิดจากที่ข้าคาดเอาไว้ลิบเลยน่ะโมโตโกะ” “ท่านพี่เองก็ดูไม่ค่อยเศร้าเท่าไหร่นี่นา ..........ทีตอนที่พวกเรารับประกันกับนายหญิงว่าสองคนนั้นพร้อมที่จะ
เป็นจตุรเทพ ท่านพี่ยังมีอารมณ์โศกกว่านี่เลยน่ะ” “....มันก็น่ะ...............แล้วเจอกันน่ะโมโตโกะ............” “เจ้าค่ะท่านพี่.......................แล้วเจอกัน” .....สิ้นคำา ....ซึรุโกะก็เดินไปยังหุบเขาที่อยู่ใกล้ๆอย่างเงียบๆแต่แฝงไปด้วยใบหน้าที่ทั้งเศร้าและครุ่นคิดเกินจะ
บรรยายได้ถูก ทางด้านโมโตโกะเองที่สอนวิชาดาบชินเมริวให้เซ็ตซึนะจนหมดไส้หมดพุงก็แหงนดูท้องฟ้าที่ ครามด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยไม่แพ้กัน ...นักดาบสาวที่มองดูเมฆที่เริ่มจะมีสีหม่นเล็กๆแล้วเปรยขึ้นมาว่า “....ถึงเวลาที่ทายาทของพวกเราต้องเดินบนหนทางอันแสนโหดร้ายนั่นแล้วหรือนี.่ .....ขอโทษด้วยน่ะเซ็ตซึนะ
มานะ ทั้งหมด....มันก็เป็นเพราะความเอาแต่ใจของพวกข้าโดยแท้.......” .......................................................................................................................................... ............. “พะ..พวกเรา..... ไม่ต้องฝึกอีกแล้ว?” “ท่านอาจารย์บอกว่าพวกเราสามารถเป็นนักฆ่าได้เต็มตัว? เป็นจตุรเทพกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ??? พวกท่าน
อาจารย์บอกอย่างนั้นจริงๆหรือเจ้าค่ะ?” “ก็พวกอาจารย์เจ้าบอกข้าอย่างนั้นนี่มานะ ...แล้วจะให้ข้าไม่เชื่อได้ยังไง? แต่ดูพวกเจ้าสิ...ทำาไมทำาหน้าอย่างกับ
ไม่เชื่อที่ข้าพูดมาอย่างนั้นแหล่ะ” “..................................”
....ทั้งมานะและเซ็ตซึนะที่ได้ฟังนายหญิงของตนพูดแบบนั้นก็มองหน้ากันงงๆ ก็เมื่อกี้พวกท่านอาจารย์ยังมาพูด
เล่นกับพวกตนกันอยู่เลย แถมพวกท่านก็มิเคยพูดเรื่องว่าพวกตนเรียนจากทั้งสองจนจบสิ้นไปแล้วเลยสักนิด แล้ว พอมาตอนนี้นายหญิงก็บอกให้พวกตนเก็บของเพื่อไปทำางานเป็นจตุรเทพ ทั้งสองที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกัน เลยก็ต้องมึนงงเป็นธรรมดา...ไม่สิ...ทั้งสองกำาลังใจหายที่จะต้องจากท่านอาจารย์ทั้งสองโดยที่ไม่ทันตั้งตัวต่าง หาก นี่วันเวลาที่แสนสุขกับการฝึกฝนที่แสนทรหดมันได้จบลงไปแล้วอย่างนั้นหรือ???? .....ทางด้านเอวาเจลีนเองที่แปลกใจกับอากับกิริยาของทั้งสองอยู่ไม่น้อยก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆยิม้
ออกมาบางๆ .....หึๆ ลืมไปเลย....อย่างนี่นี่เอง...ช่างสมกับเป็นพวกอาโอยามะจริงๆ ดังนั้นแล้ว...เอวาเจลีนที่ ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นก็เปรยออกมาให้ทั้งสองได้ฟังว่า “...............งั้น....ก็เริ่มงานแรกของพวกเจ้าได้แล้ว มานะ เซ็ตซึนะ ....พวกเจ้าคงจะเป็นจตุรเทพที่สมบูรณ์ไม่
ได้ถ้าไม่ได้สืบทอดตำาแหน่งจากจตุรเทพรุ่นก่อนหรอกน่ะ...........” .......................................................................................................................................... .................... ...............................บนหุบเขาที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าที่พัดโบกไปมาตามแรงลม....ทุ่งหญ้าต้นสูงที่ปูพรมไป
สุดลูกหูลูกตา...... .....ร่างของซึรุโกะที่นั่งคอยใครคนหนึ่งอยู่นับชั่วยามก็นั่งคิดทบทวนอดีตของตนไปเรื่อยๆด้วยใบหน้าที่เหม่อ
ลอย ...และในอึดใจต่อมาในขณะที่ซึรุโกะกำาลังคิดอะไรเพลินๆ ร่างของลูกศิษย์คนเก่งของตนก็ปรากฏกายขึ้นมา พอดี.... “มาแล้วรึ..มานะ กำาลังรออยู่เชียว......” “......................................” ......ซึรุโกะหันมายิม้ ให้แล้วลุกขึ้นมาพร้อมกับหยิบธนูคู่ใจขึ้นมาด้วย ....และทางด้านมานะเองที่อยู่ห่างออกไป
เกือบร้อยหลาก็ถือคันธนูคู่ใจของตนมาด้วยเช่นกัน... สาวผิวแทนมองอาจารย์ของตนด้วยสีหน้าที่เจ็บแค้นยิ่ง ... ..ไม่สิ...เธอเจ็บใจที่ตนถูกอีกฝ่ายหลอกเข้าเต็มๆเลยต่างหาก “รู้ตั้งแต่ทแี รกแล้วรึเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์?” “.......................................................” “จะว่ายังไงดีหล่ะ รู้ตัวตั้งแต่ชวั่ เวลาแรกที่รับเจ้าเป็นศิษย์ซะละมั้ง? ทำาไมหล่ะมานะ? โกรธข้าอย่างนั้นหรือ?” “ ....................................”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ......” “พรึ่บ!” ...สิ้นคำา ..มานะก็ง้างคันธนูของตนออกมาแล้วเล็งปลายลูกศรมาที่อาจารย์ของตนทันที แล้วสาวผิวแทนที่ต้องมา
ทำาในสิ่งที่ฝืนใจตัวเองยิ่งนักก็พูดกับอีกฝ่ายด้วยนำ้าเสียงเครือๆปนเจ็บแค้นว่า “แต่ข้า......เกลียดท่านเข้าไส้เลยหล่ะ!!!!! ในเมื่อท่านก็รู้ทั้งรู้ว่าสุดท้ายพวกเราจะต้องมาหำ่าหันกันเองแบบนี้
แล้วทำาไมท่านถึงทำาหน้าระรื่นราวกับดีใจที่จะได้ฆ่ากันเองแบบนี้หล่ะ!!! สนุกนักใช่ไหมที่มาหลอกให้ข้าเชื่อใจ ท่านแล้วค่อยมาหักหลังกันทีหลังแบบนี้!!!” “.....มานะ....ข้ามิได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ แต่ว่า.........” “.....ตลอดเวลา......ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกท่านสั่งสอนและเลี้ยงดูพวกเราราวลูกในไส้มิใช่หรือ? ขนาดตัวข้าที่
ว่าเย็นชายังรักท่านดั่งมารดาแท้ๆเลยน่ะ .... หรือว่าที่ผ่านมามันเป็นแค่ละคร? ทั้งข้าและเซ็ตซึนะต่างก็ถูกพวก ท่านหลอกทั้งคู่!!!! ความจริงแล้วพวกท่านเลี้ยงพวกข้ามาอย่างดีก็เพื่อรอเชือดในวันนี้ใช่ไหม!!!! ใช่ซี่...เลี้ยง ให้เชื่องเข้าไว้....ตอนจบจะได้ฆ่าทิ้งได้สะดวกยังไงหล่ะ!!!” “..........................................................” “...................มันไม่เช่นนั้นหรอกมานะ..........แต่เรื่องที่ว่าพวกข้าหลอกพวกเจ้า...ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง....
เพราะทั้งข้าและโมโตโกะ ....ต่างก็หลอกพวกเจ้าเพื่อสนองความต้องการของตัวเองจริงๆ......” “นั้นไงหล่ะ!!!! สุดท้ายท่านก็ยอมรับเสียทีว่าที่ผ่านมามันคือละคร!! แต่เสียใจด้วยน่ะ!! ข้าหน่ะมันไม่ใช่คน
ขี้ใจอ่อนเหมือนกับเซ็ตซึนะหรอก!! ข้า...ไม่มีทางลังเลที่จะฆ่าท่านเด็ดขาด!! จตุรเทพลำาดับสองคนต่อไป.... มันจะต้องเป็นข้าเท่านั้น!!!!!” ..................................................................................................................... ....ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในบ้านพักของพวกอาโอยามะ ..... “...............................”
“....................................”
“....................................”
“....................................” .....ภายในห้องที่มีแต่ความเงียบเชียบ .....โมโตโกะและเซ็ตซึนะที่เอาแต่นั่งนิ่งมานานก็มิมีทีที่ว่าจะพูดจากันเลย
สักคำา โมโตโกะที่มีดาบวางอยู่ข้างกายก็นั่งจิบนำ้าชาไปเรื่อยๆดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน ตรงข้ามกับเซ็ตซึนะที่นั่งยุกยิก ตาก็คอยมองท่านอาจารย์ของตนเป็นระยะๆด้วยท่าทางหวาดระแวง จนโมโตโกะที่ดูอาการของอีกฝ่ายเสียนาน ต้องเอ่ยปากขึ้นมาว่า “......ไหนว่าจะมาพูดลาข้ายังไงหล่ะเซ็ตซึนะ? ทำาไมเอาแต่นิ่งเงียบไปแบบนั้นหล่ะ?” “.....อะเอ่อ...เอ่อ...เอ่อคือ..............................” ...เซ็ตซึนะที่ถูกถามแบบนั้นก็อำ้าอึ้งไป แต่หัวใจของเธอมันกำาลังสับสนเต็มที่ มือซ้ายที่กุมดาบเอาไว้ก็กำาลังสั่น
ระริก....ต้องทำา...ต้องทำา...ต้องทำาอย่างนั้นหรือ????? ทำาไม..ทำาไมมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้น่ะ!!! ....ทางด้านโมโตโกะเองที่เห็นว่าลูกศิษย์ตัวเองกำาลังลังเลก็ส่ายหน้าออกมาน้อยๆพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ .....และแล้ว...อาโอยามะผู้น้องที่รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ปั่นป่วนของลูกศิษย์ก็พูดถามอีกฝ่ายขึ้นมาว่า “รักน้องเจ้ามากมิใช่หรือไง เซ็ตซึนะ?” “........!?!? จะ...เจ้าค่ะ” “เจ้าเจออายะ...ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่น่ะ? ครึ่งปีก่อนใช่ไหม?” “...เจ้าค่ะ....กะ..ก็...ประมาณนั้น....” “แล้วทำาไม..............ยังไม่ลงมืออีก?” “!!!!!!!!!!!!!!!” .................สิ้นคำา เซ็ตซึนะที่เพิ่งมารู้ว่าอาจารย์ของตนรู้สิ่งที่ตนได้รับคำาสั่งมาตลอดก็ถึงกับสะดุ้งตัวโหยง แต่
เซ็ตซึนะนั้นต่างไปจากมานะโดยสิ้นเชิง ซามูไรผู้เป็นศิษย์พอรู้ว่าท่านอาจารย์รู้ตัวมาตลอดก็รีบก้มหัวให้แล้วพูด ขอร้องอีกฝ่ายไปว่า “ดะ..ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะท่านอาจารย์!! ขะ..ข้าทำาไม่ได้!! จะเป็นตายร้ายดียังไงข้าก็ทำาไม่ได้!!!” “.............ขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“จะ..เจ้าค่ะ!! ได้โปรดเถอะท่านอาจารย์ หนีไปเสียเถอะ!! แล้วข้าจะไปแก้ตัวกับนายหญิงทีหลังเอง!!” “.....................................” “ใจอ่อนอย่างที่ข้าคิดจริงๆ...........เจ้าลูกศิษย์โง่” “ฉึ่บ!” ....แล้วโมโตโกะที่นึกโมโหกับความใจอ่อนไม่เข้าเรื่องของลูกศิษย์ก็เอาดาบจ่อไปที่คอของเซ็ตซึนะโดยทันที
ทำาเอาซามูไรผู้น้อยที่ก้มหัวขอร้องอีกฝ่ายอยู่นานต้องหันมามองปลายดาบด้วยความตื่นตะลึง ...และแล้ว...โมโต โกะที่มีใบหน้าที่เหี้ยมผิดจากทุกทีก็พูดกับอีกฝ่ายเสียงกร้าวว่า “นึกว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่ได้รับงานมาหรือไง? ลืมไปแล้วหรือว่าจนบัดนี้ข้าก็ยังเป็นจตุรเทพอยู่หน่ะห่ะ!!!” “ทะ...ท่าน....ท่านอาจารย์?!!?” “จัดการลูกศิษย์แกก่อน...แล้วค่อยไปจัดการตัวน้องทีหลัง....นายหญิงสั่งข้ามาแบบนี้แหล่ะ.....” “....มะ...ไม่จริง......” “........มันคือความจริง ......เซ็ตซึนะ...ต้องขอบใจที่เจ้ามันจิตใจดีเกินกว่าจะมาเป็นนักฆ่าจริงๆ!” “ฉัว๊ ะ!!! ฉึ่บ!!! ฉึ่บ!!! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!!!” .....แล้วโมโตโกะที่เอาดาบจ่อมาที่ลูกศิษย์อยู่พักใหญ่ก็ตวัดดาบหมายสังหารเซ็ตซึนะโดยทันที แต่ซามูไรสาวผู้
น้อยที่มีความเร็วเป็นอาวุธก็ไวทายาท เซ็ตซึนะใช้สัญชาตญาณหลบคมดาบได้หวุดหวิดหลายต่อหลายครั้งพร้อม กับเริ่มพร้อมชักดาบมาตั้งรับเป็นการตอบโต้จนทั้งสองเริ่มดันดาบกันและกัน...ดาบทั้งสองเล่มนั่นสั่นระริกๆ และนั่นมันก็สร้างรอยยิ้มเหี้ยมให้กับโมโตโกะที่เห็นลูกศิษย์ของตนโจมตีตนกลับโดยทันที “หึๆๆๆ~ คิดจะล้างครูหรือไงเซ็ตซึนะ? เร็วไปร้อยปีหล่ะมั้ง?” “.............ทะ...ท่านอาจารย์ มันไม่ใช่แบบนี้น!ี่ ! ตัวท่านไม่ได้เป็นคนแบบนี้!!!!” “ โลกมันก็โหดร้ายแบบนี้แหล่ะเซ็ตซึนะ!! ที่เจ้ากำาลังเจออยู่มันคือความจริง!! นี่แหล่ะตัวตนที่แท้จริงของข้า
หล่ะ!!!” “คะครืด....ครืด..ครืด...”
“.....ถ้าอย่างนั้นแล้วทำาไมทั้งท่านอาจารย์และท่านอาจารย์ซึรุโกะถึงต้องทำาดีกับพวกข้าด้วย!!~ ไม่สิ! ที่ท่านว่า
นี่คือตัวตนของท่านหน่ะมันโกหก!! ท่านไม่ใช่คนแบบนี้หรอก!! ที่ท่านว่าจะฆ่าข้าก็โกหก !! ที่ท่านว่าจะฆ่า อายะก็โกหกเหมือนกันนั้นแหล่ะ!!!!!” “เคร้ง!! เคร้ง!! พลั่กกก!!!” “อึ๊ก!!!!” “จตุรเทพหน่ะเวลารับงานจากนายหญิงแล้วต้องทำาให้ได้ ไม่ใช่แค่ต้องทำา แต่ต้องทำาให้สำาเร็จด้วย!! เสียใจด้วย
น่ะเซ็ตซึนะ...เห็นทีเจ้าต้องไปรอน้องสาวของเจ้าที่ยมโลกแล้วหล่ะ” “.....นะ.......หน๊อยย~~” “...โฮ่ ...ส่งสายตามาแบบนั้นแสดงว่าเริ่มคิดได้แล้วหรือยังไง....เซ็ตซึนะ” “.................................” .......แต่เซ็ตซึนะที่เริ่มตาขวางหลังจากที่โดนโมโตโกะอัดมาจนทรุดไปรอบนึงก็มีแรงฮึดลุกขึ้นมาตั้งท่าจะสู้อีก
รอบ! ใช่แล้ว...ด้วยเพราะคำาพูดที่โมโตโกะบอกว่าตนคือจตุรเทพที่ต้องทำางานให้สำาเร็ จมันกระตุ้นความใจกล้า ของเซ็ตซึนะขึ้นมา จริงสิ!! ท่านอาจารย์ยังเป็นลำาดับสามแห่งจตุรเทพอยู่...นางไม่โกหกหรอก...ท่านอาจารย์ ...จะต้องฆ่า จะต้องฆ่าอายะแน่ๆ!!! ...... ...และด้วยจิตใจชั่ววูบของเซ็ตซึนะมันคิดไปตามที่โมโตโกะหลอกไว้ ...อาจารย์สาวผู้น้องที่ได้เห็นด้านมืดของ
ลูกศิษย์ตัวเองก็ยิ้มออกมาด้วยความลิงโลด ใช่! แบบนั้นแหล่ะเซ็ตซึนะ! ดึงมันออกมา! เอาหัวใจที่มันต้องการ จะปกป้องน้องมาเป็นเชื้อในการฆ่าคนนั่นออกมา!! นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะทำาให้เจ้าคิดสังหารผู้คนได้โดยไม่ลังเลยัง ไงหล่ะ!!! เจ้าลูกศิษย์โง่!!!! .......................................................................................................................................... . “ฉึก!! ….. ฉึก!! ….. ฉึก!! …….ฉึก!!” “เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!” “.......หลอกว่าตัวข้าไม่เหมาะกับวิชาดาบ....ที่แท้ท่านก็ไม่กล้าสอนวิชาถนัดให้ข้านี่เอง ......ท่านซึรุโกะ ท่านนี่
มันยอดนักวางแผนจริงๆ! ก็ดี! ข้าจะได้ฆ่าท่านแบบไร้กังวล! ไอวิชาธนูที่ท่านไม่ถนัดเนี้ยแหล่ะจะเอาชีวิต ท่านมาให้จงได้!!” “โฮ่....นึกว่าทำาได้ง่ายๆอย่างนั้นรึ? ปากกล้าแบบนี้ก็ทำาให้ได้อย่างที่พูดแล้วกันมานะ!!!”
“ฉึก!! ฉึก!! ฉึก!! ฉึก!!” .....สิ้นคำาพูดที่ท้าทาย มานะที่ได้ฟังก็หยิบลูกธนูมาไว้ในมือถึงสี่ดอกแล้วเล็งคันศรยิงไปที่ซึรุโกะที่อยู่ห่างออก
ไปทันทีพร้อมกับเริม่ วิ่งหนีลูกธนูที่อีกฝ่ายจะยิงโต้กลับมา แต่ซึรุโกะที่สามารถใช้ดาบปัดลูกธนูของมานะได้อีก ครั้งก็เปลี่ยนมือจากดาบมาเป็นคันธนูแล้วกระหนำ่ายิงลูกธนูไปที่ลูกศิษย์ของตนอย่างรวดเร็ว แต่ก็อีกนั้นแหล่ะ มานะก็หลบได้อีกครั้งอย่างหวุดหวิด.... การต่อสู้ของทั้งสองที่ยืดเยื้อมานับชั่วยามจนลูกธนูของมานะใกล้หมด เต็มทีก็ทำาเอาสาวผิวแทนเริ่มรู้สึกถึงความเสียเปรียบของตน ทางด้านซึรุโกะเองที่รู้ถึงจุดนี้ดีก็เย้ยถามอดีตลูกศิษย์ ขึ้นมาว่า “ว่ายังไงหล่ะมานะ? ลูกธนูเหลือกี่ดอกกันเชียว เจ้าก็รู้ดีนี่น่าว่าถ้าข้าประชิดตัวได้เมื่อไหร่เจ้าก็ตายเมื่อนั้นแหล่ะ !!!” “..............ฮึม่ ~~” “ ฉึก!! ..................... ฉึก!!” “พรึ่บ!~~” ....การต่อสู้ผ่านไปอีกพักใหญ่โดยต่างก็ตอบโต้กันไปมาในระยะไกลจนมานะไม่เหลือลูกธนูเลยสักดอก และใน
จังหวะที่ซึรุโกะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายหมดพิษสงไปแล้ว ซามูไรสาวผู้พี่ก็รีบทิ้งคันธนูแล้วชักดาบขึ้นมาพุ่งเข้าโจมตี มานะโดยทันที!!! “ควับ!~” “!!!!!!!” “เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! ” ...แต่มานะที่เก็บอาวุธที่ตนถนัดที่สุดมาตลอดก็งัดเอาหน้าไม้ของตนออกมาใช้ยิงสวนกลับทันที ทำาเอาซึรุโกะที่
ไม่ทันได้ตั้งตัวต้องรีบปัดลูกธนูไปให้พ้นตัวแทบไม่ทัน แล้วหลังจากนั้น..ซึรุโกะที่นึกแปลกใจมานานก็ยิ้มกว้าง แล้วพูดถามอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่ไม่ตกใจกับหน้าไม้ของอีกฝ่ายมากนักว่า “ใช้จนคล่องแล้วนี่น่า....ข้าเพิ่งให้เจ้าไปไม่ถึงเดือนเลยด้วยซำ้ามั้ง? เรียนรู้ได้ไวเกินคาดเดาเสมอเลยน่ะมานะ” “..................................” “.............ไม้ตายเขาต้องเก็บเอาไว้ทีหลังเสมอ ท่านซึรุโกะ ยิ่งประเภทนางสิงห์เคี้ยวยากอย่างท่าน .....ข้าก็
ต้องใช้มันอย่างฉลาดเข้าไว้เป็นธรรมดา...”
.....สิ้นคำา หน้าไม้อาวุธไม้ตายของมานะก็ถูกเล็งมาที่ซึรุโกะที่อยู่ห่างไม่ถึงสามสิบหลาโดยทันที ถ้ายิ่งเต็มแรง
ไม่พลาดแน่ ...ในระยะนี้ต่อให้เป็นเซ็ตซึนะก็หนีไม่พ้น!!! และต่อให้ใช้ดาบปัดมันออกไปได้แต่หน้าไม้มันก็ เร็วกว่าคันธนูมากนัก ท่านอาจารย์ปัดมันไม่ได้หมดหรอก!! ตะ...แต่...แต่ข้า....ให้ตายสิ!! นี่ข้าต้องทำาจริงๆ อย่างนั้นหรือ??? .....พอคิดได้แค่นั้น ..มานะก็เริ่มแสดงอาการลังเลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ทีเ่ ธอแกล้งไม่เรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์
แกล้งทำาเป็นพูดจาไม่ไว้หน้า..มันก็เพื่อเป็นการทำาใจให้ตนฆ่าอีกฝ่ายได้ลงนั้นแหล่ะ แต่จนแล้วจนรอด ...จนแล้ว จนรอดความรักและความผูกพันที่ตนมีต่ออาจารย์สาวตรงหน้ามากว่าสองปีมันก็ทำาเอามานะแสดงถึงแววตาที่ สับสนออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าซึรโุ กะ หน้าไม้ของมานะนั้นมันกำาลังสั่นระริกจนแม้แต่สาวผิวแทนยังเก็บ อาการไว้ไม่อยู่ ....และทางซึรุโกะเองที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำาลังทำาใจไม่ได้ก็ตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ...ซามูไรสาวเริ่ม เข้ามาโจมตีลูกศิษย์ของตนก่อนโดยทันที!! “....................ว่าแต่เขาน่ะ....มานะ....” “.......พรึ่บ!!~~” “!!!!!!!!!!!!!” “ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!” “เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!!” “ฉึก!!!!!!!!!!!!!! ฉึก!!!!!!!!!!!!!! ” “ทะ...ท่าน...ท่านอาจารย์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ....มานะร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงหลงในทันทีที่ตนเห็นว่าลูกธนูของตนปักไปยังหน้าอกของซึรุโกะเข้าอย่างจัง!!
ดะ..ได้ยังไง นางหนีไม่พ้นได้ยังไง?? ข้าง้างหน้าไม้น้อยที่สุดแล้วนี่นาทำาไมนางถึงยังปัดมันไม่ได้!!! ระ... หรือว่า...นางตั้งใจจะตายตั้งแต่ทีแรกแล้ว!! ....พอคิดได้แค่นั้น มานะที่เห็นร่างของซึรุโกะที่เต็มไปด้วยเลือดก็รีบปรี่เข้ามาดูอาการของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าซีด
เผือกโดยทันที ด้วยเพราะลูกธนูของเธอมันไปโดนจุดตายเข้าให้..ดังนั้นแล้ว...อาจารย์ของเธอ...ท่านอาจารย์... คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้วเป็นแน่.... .....มานะที่รู้แล้วว่าตนได้เป็นผู้สังหารอาจารย์ของตัวเองก็รีบเข้ามาจับร่างของซึรุโกะที่นอนนิ่งอยู่ด้วยใบหน้าที่ เริม่ มีนำ้าตาไหลออกมา ....มานะที่สาบานแล้วว่าจะไม่ร้องไห้เพราะใครอีกก็เริม่ ร้องสะอื้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ปากก็ถามอีกฝ่ายด้วยนำ้าเสียงอันสั่นเครือว่า.....
“ธ...โธ่....ท่านอาจารย์ ทำาไมหล่ะ...ท่านปัดมันพ้นนี!่ ! ทำาไมท่านถึงไม่ทำา!! ทำาไมท่านถึงไม่รีบมาฆ่าข้าเสีย
เล่า!!! ความจริงท่านใช้วิชาดาบเข้ามาสังหารข้าได้นับตั้งแต่ชวั่ อึดใจแรกเสียด้วยซำ้า แล้วทำาไม! แล้วทำาไมท่าน ถึงไม่ลงมือหล่ะท่านอาจารย์!!!” “...........................” “..................พะ...พูดอะไรบ้าๆ” “..................ทะ...ท่านอาจารย์....” “......มะ...มีอาจารย์ที่ไหนเขาฆ่า....ศะ..ศิษย์รักของตัวเองได้ลงคอกันละหึ ....” ....ซึรุโกะเปรยขึ้นมาด้วยนำ้าเสียงที่แผ่วเบาก่อนจะค่อยเอื้อมมืออันอ่อนแรงของตนมาปาดนำ้าตาของมานะให้อย่าง
แผ่วเบา ซามูไรสาวอาโอยามะผู้พี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ลูกศิษย์แล้วพูดกับอีกฝ่ายราวกับเป็นการกล่าวลาว่า “.....นะ...นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเสียนำ้าตาให้กับข้าด้วย ...เป็นบุญของข้าเสียจริงน่ะมานะ...” “.......ทะ..ท่านอาจารย์ ขะข้า...ข้าขอโทษ......” “ไม่......ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ ....ปะ..เป็นเพราะพวกข้าต้องการจะถอนตัวจากจตุรเทพแท้ๆ พวกเจ้าจึงต้อง
ถูกนายหญิงส่งมาให้สืบทอดหน้าที่อันโหดร้ายเยี่ยงนี่....นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าอยากจะสอนเจ้า มานะ.....เห็นแล้ว ใช่ไหมว่าเวลาที่เราต้องฆ่าคนที่เรารัก มันเจ็บปวดยังไง....” “.........จะ..เจ้าค่ะ” “....จงอย่ารักใครอีก มานะ.....จงปิดตายหัวใจของเจ้าซะ แม้มันเป็นคำาสั่งสอนที่โหดร้าย แต่ในยามที่นายหญิง
สั่งเจ้าฆ่าคนที่เจ้ารัก มันโหดร้ายยิ่งกว่า..................” “....ขะข้า...ข้าเข้าใจแล้ว ท่านอาจารย์...” “ส่วนเรื่องที่ข้าไม่สอนวิชาดาบให้เจ้า............” ...พอพูดถึงท่อนนี้ ซึรุโกะก็หัวเราะหึๆออกมาราวกับนึกเรื่องน่าขันขึ้นมาได้แล้วหญิงสาวก็เผยความจริงที่ตนไม่
คิดจะสอนวิชาดาบให้กับมานะมาตั้งแต่แรกว่า “จะ...เจ้า....มันหัวดื้อ...ชอบอวดดีแต่ก็เป็นคนฉลาดและมีความเด็ดขาดไม่เหมือนใคร ......นี่แหล่ะ คือนิสัย
ของยอดมือธนูที่น้อยคนจะเป็นได้หล่ะ เจ้าไม่ทางลังเลเมื่อจะตัดสินทำาใจอะไร ไม่คิดเสียใจกับการกระทำาของ ตัวเองในภายหลัง นิสัยของเจ้าเหมือนกับลูกธนูที่ปล่อยออกจากคันศร ในเมื่อตัดสินจะทำาสิ่งใดแล้วก็ไม่มีทางที่ จะมาคิดทบทวนซำ้าสองอีก นีเ่ ป็นสิ่งที่เจ้าเหนือว่าเซ็ตซึนะมากนัก...มานะ ละ..และนี่ก็เป็นเหตุผล ทะ..ที่ขา้ เลือกเจ้ามาเป็น....ละ..ลูก ศะ..ศิษย์...”
.........พูดยังไม่ทันจบดี ...มือของซึรุโกะที่คอยปาดนำ้าตาของมานะมานานก็ค่อยๆผละมาจากแก้มของหญิงสาว. ...ลมหายใจของซามูไรผู้พี่ก็ค่อยๆแผ่วลงไปก่อนที่จะหยุดไปในที่สุด ...ทิ้งให้มานะที่ต้องมารูส ้ ึกเจ็บปวดกับการ
ที่คนที่ตนรักจากไปอีกครั้งก็ซุกตัวไปที่ร่างของหญิงสาวผู้เป็นอาจารย์แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ....เสียง ร้องไห้ของมานะมันดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงของสายลมที่พัดวืดราวกับว่าธรรมชาติกำาลังส่งบทเพลงอำาลาให้กับ การจากไปของหญิงสาวนามซึรุโกะเสียอย่างนั้น ....จบสิ้นไปแล้วหนึ่งชีวิตของจตุรเทพลำาดับสองรุ่นแรกนามอา โอยามะ ซึรุโกะ ต่อแต่นี้...ลำาดับสองรุ่นที่สองที่ต้องสืบทอดความเป็นมัจจุราชจากอาจารย์ของตนก็ต้องรับภาระ อันแสนโหดร้ายนี้อย่างสมบูรณ์..............มัจจุราชผิวแทนนาม ทัตสึมิยะ มานะ...ที่จำาต้องปลิดชีพอาจารย์ของ ตนด้วยความข่มขื่นผู้นี้นี่เอง.... .......................................................................................................................................... .............
ในขณะเดียวกัน........ “เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!!” “พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!!” “มีฝีมือแค่นี้หรือไงเซ็ตซึนะ!!! ทุกทีเจ้าเร็วกว่านี้นี่!!!” “ฮึม่ !~~~~~” “พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!!” “เคร้ง!!! เคร้ง!!!” ........เซ็ตซึนะโจมตีโมโตโกะผู้เป็นอาจารย์กลับอย่างรวดเร็วก่อนจะหายตัววับไปอีกครั้ง แล้วทางด้านโมโตโกะ
เองที่เร็วไม่แพ้กับก็หายวับไปแล้วโผล่มาอีกทีทั้งสองก็หันดาบมาโจมตีกันอีกรอบ ถ้าเป็นคนธรรมดาเข้ามาดูทั้ง สองสู้กัน ก็คงจะได้ยินแต่เสียงดาบที่ปะทะกันดังลั่นกับภาพของคนทั้งสองที่หายวับกันไปมาราวกับกำาลังเล่นกล เสียอย่างนั้น ใช่แล้ว...เพราะนี่คือการต่อสู้ทใี่ ช้ความเร็วดุจเงามาเป็นตัวตัดสิน!! ซามูไรสาวทั้งสองที่มีความเร็ว เป็นอาวุธก็ใช้วิชาดาบที่ไวปานเงามืดมาประชันกันจนกระทั่งทั้งสองที่ใช้ฝีเท้าของตนต่อสู้กับอีกฝ่ายนานนับชั่ว ยามก็เริ่มจะเหนื่อยหอบ ........ทางด้านโมโตโกะที่แม้จะอายุมากกว่าแต่ก็เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ กับทางด้าน เซ็ตซึนะที่ยังสาวและเร็วกว่าก็เริ่มจะเพลี่ยงพลำ้าให้กับท่านอาจารย์ของตนแล้วเหมือนกัน...แต่ไม่ใช่ว่าเซ็ตซึนะจะ สู้อีกฝ่ายไม่ได้ ....ที่ซามูไรผู้น้อยปล่อยให้ศึกศิษย์อาจารย์มันยืดเยื้อถึงขนาดนี้เพราะตัวเธอเองยังมิอาจลงมือกับ อาจารย์ของตนได้ลงต่างหากหล่ะ!! “แฮ่ก....แฮ่ก....แฮ่ก...........”
“.....ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!!! นอกจากฝีมือไม่เข้าขั้นแล้วเจ้ายังลังเลไม่เข้าท่าอีกต่างหาก ข้าหล่ะเกลียดนิสัยเจ้า
ในส่วนนี้นักเชียวเซ็ตซึนะ! ” “แฮ่ก แฮ่ก ขะ..ข้าเอง....ก็ไม่ชอบนิสัยตัวเองเท่าไหร่นักหรอก! รวมถึงความขี้เล่นของข้าด้วย......จะว่าไป
นิสัยของข้าทั้งหมดมันก็มาจากท่านอาจารย์ทั้งนั้นแหล่ะ!!” “โฮ่!~ นี่โทษข้าหรอกหรือนี!่ ” “ก็ใช่น่ะสิ!!!” “เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! เคร้ง!!!” .......หลังจากพักพูดตอกไปมากันพักใหญ่ทั้งสองก็หันมาหำ่าหันกันอีกครั้ง ......แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองก็มิอาจ
ลงมือสังหารอีกฝ่ายได้อยู่ดี จะเรียกว่าอะไรดีหล่ะ....ด้วยเพราะอยู่ด้วยกันมานมนานต่างรู้ไส้รู้พุงกันหมด แค่ ขยับดาบนิดเดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดจะทำาอะไร ฉะนั้น...โมโตโกะที่เห็นว่าเวลามันผ่านมานานเกินไปแล้วจึงรีบ พูดขู่ขึ้นมาว่า “เซ็ตซึนะ!! เจ้าจะเล่นไปถึงไหน!!! ถ้าขืนเจ้ายังยื้อต่อไปน้องเจ้าได้ตายไปจริงๆแน่!!!” “ทำามาเป็นเอาน้องข้ามาอ้าง! ท่านอาจารย์เองก็เล่นพอกันนั้นแหล่ะ!!
ดาบนั่น....เชือดข้าสักสิบครั้งได้แล้วมั้ง!!!!” “ไอนั่นหน่ะ!!! เขาเรียกว่าต่อให้ต่างหากเจ้าศิษย์โง่!!! ” “งั้น......ข้าก็ต่อให้ท่านอาจารย์บ้างเป็นการตอบแทนแล้วกัน!!! อย่างที่โบราณเขาว่า...บุญคุณต้องทดแทน! มี
แค้นต้องเก็บไว้! ส่วนคนที่ข้ารักนั้นไซร้...ข้าฆ่าเขาไม่ลง!” ...เซ็ตซึนะต่อปากต่อคำาแต่งกลอนแบบไหลลื่นตามนิสัยแต่แฝงด้วยความจริงจากใจทำาเอาโมโตกะที่ได้ฟังก็ถึงกับ
อึ้ง แต่แล้ว...โมโตโกะที่จำาต้องลงมือขั้นเด็ดขาดก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นจตุรเทพลำาดับสามเป็นครั้งแรกในรอบ สองปี... ...และในที่สุด...ลำาดับสามที่ไม่ได้สวมบทโหดมานานก็ใช้ดาบของตนฟันไปที่หัวไหล่ซ้ายของเซ็ตซึนะ เข้าให้! ร่างของสาวร่างบางที่ถูกดาบของอาจารย์ฟันเข้ามาและดาบยังคาอยู่อย่างนั้นก็เริ่มชักกระตุกออกมา น้อยๆ ซามูไรผู้น้อยมองอาจารย์ของตนด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้นึกโกรธแค้นอะไร ..ดีเสียอีก..... บะ..แบบนี้ ....มันก็ดีเหมือนกัน.... .....เลือดค่อยๆไหล่ออกมาจากร่างของเซ็ตซึนะมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับร่างกายของหญิงสาวที่ค่อยๆทรุดฮวบ
เซ็ตซึนะที่รู้สึกเจ็บกับรอยแผลที่ดาบยังคามาที่หัวไหล่ไม่น้อย แต่ลูกศิษย์ผู้ภักดีก็เลือกที่จะทิ้งดาบของตนแทนที่ จะคิดฮึดสู้อีก .......ทำาเอาโมโตโกะที่มองอาการถอดใจของลูกศิษย์ต้องรู้สึกผิดหวังยิ่ง ปากก็พูดถามอีกฝ่ายด้วย นำ้าเสียงที่จริงจัง..ไม่เล่นอย่างเมื่อครู่ว่า....
“ทำาไมเจ้าถึงลืมง่ายอะไรแบบนี้เซ็ตซึนะ........ไม่ห่วงน้องของเจ้าแล้วอย่างนั้นรึ?” “.................................................” “.....หะ...ห่วงสิ ตะ...แต่ .ขะ..ข้า ...ข้าฆ่าท่านอาจารย์ มะ...ไม่ได้.....” “.......ที่ขา้ พูดมามันเป็นความจริงน่ะเซ็ตซึนะ .....ถ้าเจ้าไม่ฆ่าข้า น้องของเจ้าต้องถูกนายหญิงฆ่าตายแน่ๆ คน
ที่หมดประโยชน์ต่อนางแล้วนายหญิงไม่เก็บเอาไว้หรอก” “....................................” “.............ละแล้วท่าน ...จะ...จะให้ข้าทำายังไง? ฆ่าท่านแทนอย่างนั้นหรือ? ขะ..ข้าก็บอกแล้วไง ว่าข้า....ฆ่า
อาจารย์ที่ข้า..ระ..รัก...ไม่ได้....” “................................” “ถ้าเช่นนั้นความรักที่เจ้ามีให้กับข้า....ก็จะทำาให้น้องของเจ้าต้องตาย เซ็ตซึนะ................” “ฉึก.....” “อึ๊กก!!” .......สิ้นคำา โมโตโกะที่มีแต่สายตาอันเหี้ยมโหดก็กดดาบของตนฝังไปยังร่างของเซ็ตซึนะอีกครั้งอย่างไม่ปราณี
ทำาเอาเซ็ตซึนะที่กำาลังเห็นความตายมาใกล้ตรงหน้าต้องเผลอกำาดาบคิดจะสู้ขึ้นมาตามสัญชาตญาณแต่พอคิดได้ว่า อีกฝ่ายคืออาจารย์ที่ตนรัก เซ็ตซึนะก็ผละมือออกจากดาบอีกครั้งแล้วก้มหน้านิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายทำาร้ายตนไปตาม เดิม ทำาเอาโมโตโกะที่ได้เห็นต้องหันมาใช้มาตรการสุดท้าย ....ซามูไรสาวผูเ้ ป็นอาจารย์ชักดาบของตนออกมา จากร่างของอีกฝ่ายแล้วก้มตัวมาดูเซ็ตซึนะที่เริ่มจะเสียเลือดมากขึ้นทุกทีด้วยสายตาที่เศร้าหมอง ....และหลังจาก นั้น....โมโตโกะที่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลูกศิษย์ตัวเองเป็นคนนิสัยยังไงก็ตัดสินใจใช้ดึงดาบที่ลูกศิษย์ของตนทิ้งมัน ไปเอามาแทงที่ท้องของตนแทนทันที!!!!! “ฉึกกกก!!!!!!!!!” “....!!!!!!! ทะ...ท่านอาจารย์!!!!!!” .....เซ็ตซึนะมองการกระทำาของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ตื่นตะลึง!! ด้วยเพราะโมโตโกะในตอนนี้กำาลังเอาดาบยูนางิ
ของตนแทงตัวตายเข้าเสียอย่างนั้น เซ็ตซึนะที่นึกไม่ถึงว่าอาจารย์ของตนจะหาทางออกของพวกตนด้วยวิธีนี้ก็ต้อง รีบเอื้อมมือมาชักดาบของตนกลับ ปากก็พูดกับอีกฝ่ายด้วยนำ้าเสียงที่ทั้งตกใจและสับสนอย่างที่สุดว่า “ทะ..ทานอาจารย์!! ทะ...ทำาไม? ทำาไมท่านอาจารย์ถึงทำาแบบนี้?!?! ”
“..ยะ...ยังมีหน้ามาถามอีก ...ขะ..ข้าผะ..ผิดเอง..ทะ..ทีส ่ อนศิษย์ไม่ได้ความแบบเจ้า ระ... เรื่องมันก็เลยลงเอย
แบบนี้แหล่ะ...” “ฟุ่บ!~~” ....พูดไป โมโตโกะที่เริ่มจะเจ็บแผลที่ท้องมากขึ้นทุกทีก็ค่อยๆทรุดฮวบ จนเซ็ตซึนะที่นั่งอยู่ใกล้ต้องพยายามใช้
มืออันอ่อนแรงพยุงร่างของอาจารย์ของตนไม่ให้ล้ม ร่างของโมโตโกะที่หันหน้ามาพิงทับที่ร่างของเซ็ตซึนะก็ ค่อยๆหายใจรวยระริน ....ด้วยเพราะเธอรู้ดีว่าไม่ว่ายังไงลูกศิษย์ผู้แสนจะอ่อนโยนผู้นี่ย่อมไม่ยอมลงมือฆ่าเธอจน หยดสุดท้ายแน่ๆ ดังนั้นแล้ว.....สิง่ เดียวที่โมโตโกะจะสามารถทำาให้แก่เซ็ตซึนะ...ลูกศิษย์ที่ตนรักและฆ่าไม่ลง ได้ ก็มีแต่การฆ่าตัวตาย...เพื่อที่อีกฝ่ายจะไม่ต้องถูกนายหญิงตัดพันธะสัญญาเรื่องน้องสาวที่ชื่ออายะเท่านั้น...... “จะ...เจ้านี่มัน สะ..สุดๆเลยจริงๆเซ็ตซึนะ .....แฮ่กๆ นะ..นายหญิงนี่ก็แปลก......อะ..เอาเจ้ามาเป็นนักฆ่า..
ดะ..ได้ยังไงก็ไม่รู้....” “...ทะ..ท่านอาจารย์...” “รักน้องมากไม่ใช่หรือไง? หะ..หัดคิดถึงอนาคตเสียบางสิ ไม่ใช่ว่าเอาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้รอดอย่างเดียวแล้วไม่
คิดถึงตัวคนอื่นแบบนี.้ ... ต่อจากนี้ต่อไป....มะ...ไม่มีใครใจดียอมให้เจ้าฆ่าง่ายๆแบบนี้อีกต่อไปแล้วน่ะ ...เจ้า มันต้องเหี้ยม ...เจ้ามันต้องเย็นชา......ไอนิสัยบ้าๆที่ติดมาจากข้าลบๆมันไปเสียเหอะ ...ในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะ เป็นนักฆ่าแล้วก็เลิกเล่นซะ เข้าใจไหม?” “..................จะ..เจ้าค่ะทะ...ท่านอาจารย์ ขะ..ข้า เข้าใจแล้ว...ทะ...ท่านอาจารย์ ..ขะ..ข้าจะรีบพาท่านไป
หาท่านหมอเชน.....” “.....เหอะ.......อะ...ไอศิษย์โง่เอ๊ย.....ดะ...ดูก็รู้แล้วนี่น่าว่าข้าไม่รอดหน่ะ....” ....พูดไป...โมโตโกะที่ใกล้จะหมดลมเต็มที่ก็เริ่มทรุดตัวลงไปตามร่างของเซ็นซึนะที่นั่งอยู่เรื่อยๆด้วยสีหน้าทีเ่ จ็บ
ปวด.....โมโตโกะทรุดไปนอนตักของเซ็ตซึนะแทนด้วยท่าทางที่เหนื่อยอ่อนเต็มที ....แต่...โมโตโกะที่ยังเหลือ สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำาก็เริม่ เอ่ยปาก....สอนบทเรียนสุดท้ายให้สำาหรับเซ็ตซึนะที่ต้องเป็นจตุรเทพลำาดับสามต่อจาก เธอด้วยนำ้าเสียงที่อ่อนระทวยว่า.... “........ขะ...ข้าไม่ใช่อาโอยามะ โมโตโกะ.... .....ข้ามันไม่มีหัวใจ..... .................ขะข้า.....คือเจ้าสาม” “................น่ะ...นี่ ...คือเคล็ดสุดท้ายในยามที่เจ้าต้องเป็นจตุรเทพ เซ็ตซึนะ ...สะกดจิตตัวเองซะ ลบหัวใจ
ของตนเองออกให้หมดเมื่อยามที่เจ้าต้องทำาในสิ่งที่ไม่อยากทำา ......การสะกดจิตตัวเองเป็นวิธีเดียวที่ทำาให้ข้ากล้า ทำาตามคำาสั่งของนายหญิงได้......”
“.....ทะ..ท่านอาจารย์ ....” “ทำาตามที่ข้าสั่งซะ ...สะกดจิตตัวเอง ...ละ..หลับตาของเจ้าด้วย......” .....พูดไป...โมโตโกะที่อ่อนแรงเต็มทีก็เอื้อมมือไปปิดตาของเซ็ตซึนะที่นั่งอยู่แล้วสั่งให้อีกฝ่ายพูดตาม ...ใน
ตอนแรก...เซ็ตซึนะก็พูดออกมาด้วยนำ้าเสียงที่ตะกุกตะกักดวงตาที่ถูกท่านอาจารย์ปิดเอาไว้ก็เริ่มมีนำ้าตาหลั่งออก มา ....ด้วยของเหลวอุ่นๆของลูกศิษย์ที่ตนสัมผัสได้จากฝ่ามือก็ทำาเอาโมโตโกะรู้สึกเศร้าจนแทบอยากจะร้องตาม ออกมาด้วย แต่...ไม่ได้...ข้าจะให้นางมาเห็นความอ่อนแอของข้าไม่ได้!! ดังนั้นแล้ว โมโตโกะจึงสั่งให้เซ็ตซึ นะสะกดจิตตัวเองอีกครั้งพร้อมกับสั่งให้เลิกร้องไห้ด้วย ....และด้วยคำาสั่งที่มันบีบหัวใจตนมากซะขนาดนี้ เซ็ตซึ นะที่รู้สึกเจ็บปวดกับทุกคำาพูดที่ตัวเองเปล่งออกมาก็ทำาท่าจะปล่อยโฮตรงฝ่ามือของอาจารย์ของตนเสียอย่างนั้น... “...ขะ...ข้า....ข้ามะ...ไม่ใช่ ...ซะ...ซะ.....ซากุระซากิ ...ซะ..เซ็ต ซึนะ.... ฮึก...ฮึก... ...ขะ...ข้า...ฮึก....ขะ...ข้า มะมัน....มันไม่มี...หะ...หัวใจ... ...ขะ...ข้า ....ข้าคือ..ฮึก ..จะ...เจ้า....เจ้าสาม....” ...เซ็ตซึนะพูดตามที่ท่านอาจารย์สั่งด้วยนำ้าเสียงที่ตะกุกตะกักและปวดร้าวอย่างที่สุด มันเหมือนกันว่ายิ่งเธอพูด
ออกไปมากเท่าไหร่ อาจารย์ของตนก็จะยิ่งสิ้นใจเร็วขึ้นเท่านั้น ซามูไรน้อยที่ร้องไห้ออกมาไม่หยุดก็ถึงกับสะอื้น ไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ...ทำาเอาโมโตโกะที่รู้ว่าลูกศิษย์ของตนกำาลังเจ็บปวดแค่ไหนต้องทำาใจแข็งสั่งอีกฝ่าย ด้วยนำ้าเสียงที่ดุดันว่า “....ยะ..หยุดร้องเดี๋ยวนี่น่ะเซ็ตซึนะ!!! อะ..อาจารย์ของเจ้ากำาลังสอนเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วแท้ๆ!! ทำาไมเจ้า
ถึงไม่ทำาตามที่ข้าสั่งอยู่อีก!!!” “.ตะ..แต่..ทะ...ท่าน...ท่านอาจารย์....” “พูดมันออกมาเซ็ตซึนะ!!! สะกดจิตตัวเองให้ได้!!! นี่เป็นคำาสั่ง!!!!” “....ขะ...ข้า...ข้า.................” ...............เซ็ตซึนะที่ยังถูกอีกฝ่ายปิดตาจนมืดมิดก็ทำาตามสั่งนั่นอีกครั้งพร้อมกับเริ่มทำาสมาธิเพื่อสะกดจิตตัวเอง
ด้วยความตั้งใจ ด้วยเพราะตนเองรู้แล้วว่านี้คือคำาสอนสุดท้ายก่อนที่อีกฝ่ายจะสิ้นลม ดังนั้น...ซามูไรน้อยจึงใช้ สมาธิทั้งหมดที่มีพรำ่าบอกตัวเองว่าไม่มีหัวใจอย่างที่พูด จนกระทั้งนานเข้านานเข้า ซำ้าแล้วซำ้าเล่า เซ็ตซึนะที่ตก อยู่ในภวังค์ของการสะกดจิตตัวเองได้สำาเร็จก็หยุดร้องไห้.....หัวใจของเซ็ตซึนะตอนนี้มันเริ่มว่างเปล่า มันไม่มี ความเศร้า มันไม่มีความยินดี มันไม่มคี วามเสียใจ...ไม่มีแม้แต่อารมณ์ใดๆ ....เพราะต่อแต่นี้เธอคือเจ้าสาม.... เจ้าสามผู้เฉยชา เจ้าสามผู้เงียบขรึม เจ้าสาม.....ที่มีชวี ิตอยู่เพื่อน้องสาวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น.....
....ซึ่ง..เท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วสำาหรับโมโตโกะที่ฝืนทนความเจ็บของตัวเองเพื่อรอให้อีกฝ่ายสะกดจิตตัวเองได้
เช่นนี้ ซามูไรสาวที่ใบหน้าไร้เลือดฝาดก็ยิ้มให้กับลูกศิษย์ตัวจ้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มือของตนจะค่อยๆผละไป จากใบหน้าของเซ็ตซึนะพร้อมกับดวงตาที่ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ.........รอยยิ้มของโมโตโกะยังปรากฏอยู่บน ใบหน้าพร้อมกับความตายที่มาเยือนตนอย่างสงบ....... ...และในวินาทีที่เซ็ตซึนะสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้งเมื่อฝ่ามือของท่านอาจารย์จากไป... ดวงตาของเซ็ตซึ
นะที่ปรากฎให้เห็นว่ามันว่างเปล่าและเลื่อนลอยกลับมีนำ้าตาไหลออกมาอย่างช้าๆ ...ตุ๊กตาที่ชื่อลำาดับสามตัวนี้มัน กำาลังนั่งนิ่งรำ่าไห้ออกมาต่อหน้าร่างไร้วิญญาณของท่านอาจารย์ที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าของตนเอง ....สิ้นกันทีกับ อีกหนึ่งชีวิตของจตุรเทพลำาดับสามรุ่นแรกนามอาโอยามะ โมโตโกะ .....และนับจากนี้..มันก็จะเป็น ประวัติศาสตร์หน้าแรกสำาหรับลำาดับสามนาม ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ ..ผู้ทแี่ ม้สุดท้ายแล้วจะมิได้ฆ่าอาจารย์ของตัว เองแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็คือตราบาปที่เซ็ตซึนะจะจดจำาไปจนชั่วชีวิต .... ....ถ้ารักใครต้องยิ่งอยู่ห่าง ถ้ายิ่งมีใจให้ใครจงหลีกหนี ...ชีวิตต้องสาปของนักฆ่าที่ต้องพร้อมปลิดชีพทุกคนไม่
เว้นแม้แต่คนรอบข้างทำาให้นับแต่นั้นเซ็ตซึนะสาบานในใจว่าจะไม่มีใจให้ใครอื่นอีก ต่อแต่นี้เธอจะต้องคิดถึงแต่ อนาคตอย่างที่ท่านอาจารย์บอก ...จงคิดถึงแต่น้องสาว...จงคิดถึงแต่อายะที่เธอได้เสียสละทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่าย ได้อยู่รอดต่อไปเพียงเท่านั้น..... .......................................................................................................................................... ............... “.............จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? เซ็ตซึนะ...” “.................................................................” .........ซามูไรตัวน้อยที่หัวไหล่ซ้ายยังเต็มไปด้วยเหลือก็พยักหน้าให้นายหญิงหนึ่งทีด้วยใบหน้าที่เฉยชา แต่
ดวงตาของเซ็ตซึนะก็ยังแดงกำ่า ทำาให้แวมไพรสาวรู้ได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายเพิ่งผ่านการร้องไห้ที่หนักมากแค่ไหน และที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ทัตสึมิยะ มานะที่เพิ่งได้รับค่าตอบแทนเป็นหนแรกที่ตนทำางานชิ้นแรกได้สำาเร็จก็มอง เหรียญอีแป๊ะในมือด้วยสายตาที่เจ็บปวดยิ่ง ดวงตาของหญิงสาวผิวแทนก็แดงกำ่าไม่แพ้กัน.....ด้วยค่าตอบแทนใน ฐานะลำาดับสองแห่งจตุรเทพมันก็สร้างบาดแผลในใจของมานะผู้มีนิสัยเย็นชาอยู่ไม่น้อย ...แต่ก็นั่นอีกนั้นแหล่ะ ...เอวาเจลีนผู้ที่ไม่เคยสนใจจิตใจของลูกน้องในสังกัดเลยสักนิดก็สั่งลำาดับสองและสามคนใหม่ดว้ ยนำ้าเสียงที่นิ่ง เงียบว่า “..............พวกเราไปกันได้แล้ว......พวกเราหมดธุระกับที่แห่งนี้แล้ว ลำาดับสอง ลำาดับสาม....” “....................................” “Follow me and obey me , until our promise is over……understood?” (จงตามข้าและเชื่อฟังคำาสั่งของข้าจนกว่าพันธะสัญญาของพวกเราจะสิ้นสุด เข้าใจใช่ไหม?) “…………………..”
“Yes, …….mistress” (เจ้าค่ะ ............นายหญิง) .....................ลำาดับสองและสามคนใหม่รับคำาสั่งอย่างว่าง่ายและแผ่วเบาพร้อมกับเดินตามนายหญิงของตนไป
ด้วยท่าทางที่นิ่งสงบ ...ลาก่อนความทรงจำาที่แสนสุข ณ หุบเขาแห่งนี้ ต่อแต่น.ี้ .ชะตากรรมของเด็กทั้งสองที่ถูก ฝึกมาเพื่อให้เดินอยู่บนหนทางของมัจจุราชก็ได้เริ่มต้นขึ้น..............พร้อมกับความเจ็บปวดที่ทั้งสองต้องจดจำา ไปตราบชั่วชีวิต..... ……………………………….end chapter(-1) >>>tobecontinue to Chapter 10.....