การสร้างความสุขให้แก่ชีวิต โดยการพิชิตความขัดแย้ง โดย อ โอฬาริก ศรีวงศ์ วันที่ 10 พค 09 พระธรรมฟิลิปปี ได้ชื่อว่า เป็น พระธรรมที่แนะนํา “ วิธีสนุกกับส่วนที่เหลือของชีวิต” Philippians 2:1-8 1 เหตุฉะนั้นถ้าชีวิตในพระคริสต์อํานวยการเร้าใจประการใด ถ้ามีการหนุนใจประการใดในความรัก ถ้า มีส่วนประการใดกับพระวิญญาณ ถ้ามีการรักใคร่เอ็นดูและเห็นอกเห็นใจประการใด 2 ก็ขอให้ท่านทําให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่าง เดียวกัน มีใจรู้สึกและคิดพร้อมเพรียงกัน 3 อย่าทําสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว 4 อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย 5 ท่านจงมีน้ําใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ 6 ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ 7 แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกําเนิดเป็นมนุษย์ 8 และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึง ความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน เมืองฟิลิปปีเป็นเมืองสําคัญเมืองหนึ่งของแคว้นมาซิโดเนีย เป็นอาณานิคมของโรม ข่าวประเสริฐเข้า มาถึงเมืองนี้ ครั้งแรกในการเดินทางประกาศครั้งที่สองของเปาโลพร้อมสิลาสและทิโมธี แม้ว่าการ ประกาศข่าวประเสริฐในเมืองฟิลิปปีจะเริ่มต้นอย่างน่าประทับใจ แต่หลังจากน้นไม่นานการข่มเหงก็เกิด ขึ้น ดังนั้น อ เปาโลจึงเขียนจดหมายเพื่อให้กําลังใจแก่ คต ในเมืองนี้ว่า แม้มีการข่มเหง เราก็สามารถมี ความสุขได้ โดยการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้ โดยได้บอกว่า หนึ่งในสาเหตุหลักของ การไม่มีความสุข และมีแต่ความทุกข์ในโลกของเรา คือการมี ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ความขัดแย้งเป็นการทําลาย ความสุข และฆ่ากระเษมสานต์. เราจะจัดการ หรือดูแลความขัดแย้งในชีวิตของคุณได้อย่างไร ความเป็นเอกภาพ และการสมัครสมานสามัคคี เป็นส่วนผสมที่สําคัญสําหรับความสําเร็จและบรรลุเป้า หมายในชีวิต • การที่ีธุรกิจ หรือกิจการต่าง ๆ ที่ประสบความสําเร็จพนักงานจะต้องทํางานร่วมกัน เป็นอันหนึ่งกัน เดียวกัน • ในการเล่น ฟุตบอลทีมที่ผู้เล่นจะต้องทํางานร่วมกัน • การทําให้ประเทศชาติประสบความสําเร็จ และสามารถผ่านวิกฤตการณ์ต่าง ๆไปได้รัฐบาล และ รัฐสภาและ ประธานที่ประชุมจะต้องร่วมไม่ร่วมมือกัน • มีสมาชิกครอบครัวประสบความสําเร็จจะต้องทํางานร่วมกัน
ตัวอย่าง 1 ใครจะทราบว่าเบื้องหลังความสําเร็จ ของ การเลือกตั้งประธานาธิบดี ของ สหรัฐอเมริกา มีเบื้องหลัง สําคัญคือการทํางานอย่างผูกพัน และความสามัคคีของ คนในครอบครัวของ บาราค โอบาม่า ดังเราจะ เห็นได้จาก จดหมายที่ บาราค ผู้พ่อ เขียนถึงลูกสาว 2 คน วัย มาเรีย 10 ขวบ และซาช่า วัย 7 ขวบ เมื่อวันที่ 14 มกราคม ก่อนการเลือกตั้ง 6 วัน คือวันที่ 20 มกราคม โดยมีข้อความบางตอน ที่เป็นทั้ง 1
การสื่อสารให้ครอบครัวเข่้าใน การขอบคุณคนในครอบครัว และการบอกถึงสิ่งที่ลูก ๆ กระทําว่ามี ความสําคัญต่อพ่อมากเพียงใด ว่า
พ่อรู้ว่าลูกทั้งสองสนุกมากกับการรณรงค์หาเสียงในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้ไปปิกนิก ได้ ร่วมขบวนพาเหรดและงานสังสรรค์ต่างๆ ของรัฐ ได้รับประทานอาหารขยะสารพัดชนิด แบบที่ปกติแม่และพ่อไม่น่าจะยอมให้ลูกทาน แต่พ่อก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยสําหรับลูกและ แม่ และแม้ลูกทั้งสองจะตื่นเต้นกับลูกหมาตัวใหม่เพียงใด ก็ไม่อาจชดเชยกับช่วงเวลา ทั้งหมดที่เราต้องแยกจากกัน พ่อรู้ว่าพ่อพลาดโอกาสไปมากเพียงใดในช่วงสองปีที่ผ่าน มา วันนี้พ่อจึงอยากบอกลูกสักนิดว่า ทําไมพ่อจึงตัดสินใจพาครอบครัวของเราเดินมา บนเส้นทางสายนี้... เมื่อพ่อยังเป็นหนุ่ม พ่อคิดว่าชีวิตเป็นของพ่อคนเดียว พ่อคิดว่าจะทําอะไรบนโลกใบนี้ เพื่อประสบความสําเร็จ และได้ในสิ่งที่พ่อต้องการ แต่เมื่อลูกทั้งสองเข้ามาในโลกของพ่อ พร้อมความซุกซน ความอยากรู้อยากเห็น และรอยยิ้มซึ่งไม่เคยพลาดเลยที่จะเติมเต็ม หัวใจและทําให้วันของพ่อสดใสขึ้น ทันใดนั้นแผนการใหญ่ทั้งหลายเพื่อตัวเองของพ่อก็ไม่สําคัญอีกต่อไป พ่อค้นพบว่าความ สุขอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของพ่อคือการได้เห็นลูกมีความสุข และพ่อก็ตระหนักว่าชีวิตของ พ่อคงไร้ความหมาย หากพ่อไม่ทําในสิ่งที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าลูกจะได้รับทุกโอกาส เพื่อความสุข พ่อหวังว่าลูกทั้งสองจะรับภาระหน้าที่นั้น แก้ไขในสิ่งที่ผิดที่ลูกเห็น และทํางานเพื่อให้ผู้ อื่นได้รับโอกาสเช่นที่ลูกเคยได้รับ ไม่ใช่เพียงเพราะลูกมีหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนประเทศ นี้ที่ได้ให้สิ่งต่างๆ แก่ครอบครัวของเรามากมาย แม้นั่นจะเป็นภาระหน้าที่ของลูกก็ตาม แต่เพราะลูกมีหน้าที่ต่อตนเอง เพราะมีเพียงการรับภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าตนเองเท่านั้นลูกจึงจะตระหนักถึง ศักยภาพ ที่แท้จริงของตัวลูกเอง นี่คือสิ่งที่พ่อต้องการเพื่อลูก เพื่อให้ลูกได้เติบโตในโลกที่ไม่มีขีด จํากัดต่อความใฝ่ฝันของลูก โลกที่ความสําเร็จใดๆ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมสําหรับลูก และ เติบโตขึ้นเป็นผู้หญิงที่มีความเมตตากรุณา และความรับผิดชอบที่จะมีส่วนช่วยในการ สร้างโลก และพ่ออยากให้เด็กทุกคนมีโอกาสเช่นเดียวกันนี้ โอกาสในการเรียนรู้และใฝ่ฝัน โอกาส ในการเติบโตและประสบความสําเร็จเช่นที่ลูกได้รับ นั่นคือคําตอบว่าทําไม พ่อจึงนําพาครอบครัวของเรามาสู่การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่นี้ พ่อ ภูมิใจในตัวลูกทั้งสองมาก พ่อรักลูกมากเกินกว่าที่ลูกจะรับรู้ได้ และพ่อรู้สึกขอบคุณลูก 2
ทุกวัน สําหรับความอดทน การวางตัว ความมีมารยาท และอารมณ์ขันของลูก ในช่วงที่ เราเตรียมตัวเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ร่วมกันในไวท์เฮาส์ ถ้าต้องการให้มีการประสบความสําเร็จ คจ.เราต้องทํางานร่วมกัน. น้อยมากคือสําเร็จในชีวิตด้วยตัว คุณเอง ความสําเร็จไม่เคยเป็นแบบที่เราดูในหนัง One Man show มีความสําเร็จจํานวนน้อยมากที่สามารถเกิดจากคน ๆ เดียวได้ มีความเข้าใจผิดจํานวนมาก ของดารา ,นักร้อง หรือนักแสดงที่เมื่อเห็นตัวอย่างความสําเร็จ เราคิดไป ว่า มาจากเราคนเดียว คนเหล่านี้ จะถูกทิ้งไว้ เพราะไม่สําพันธืกับผู้อื่น ขัดแย้งกับนักดนตรี หรือผู้ จัดการวง ดาราที่ได้ชื่อว่า ดาราค้างฟ้่า คือคนที่สามารถทํางานกับผู้อื่นได้อย่างดีที่สุด ไม่ใช้คนที่แสดงดีที่สุด และแท้จริง การได้ร่วมมือเพียงเล็กน้อย ก็สามารถก่อให้เกิดความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ และมีพลังมหาศาล และสามารถใช้ศักยภาพของแต่ละคนมาได้มากกว่าที่จะคิดได้่ ปัญหาของคนทั่วไปคือ ไปกันได้ไม่นาน ก็ต้องแยกจากกัน เราจะลดความขัดแย้ง และเพิ่มความร่วมมือได้อย่างไร เพื่อสามารถประยุกต์ใช้ในครอบครัว,ในที่ทํางานของเรา,ในโรงเรียน และเฉพาะอย่างยิ่งในคริสตจักร ที่ปัจจุบันเต็มไปด่้วยความแตกแยก และขัดแย้ง เพื่อเราสามารถสร้างพลังแห่งการเป็นน้ําหนึ่งใจเดียว และความเห็นเอกภาพ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อ คจ ของเราจะสามารถไปถึง มีมหึมาพลังและศักยภาพ. ปัญหาคือคนไม่เคยได้รับพร้อม. อย่างไร ใน Philippians 2 Paul พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการมีเอกภาพ และเขาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้. 1 เหตุฉะนั้นถ้าชีวิตในพระคริสต์อํานวยการเร้าใจประการใด ถ้ามีการหนุนใจประการใดในความรัก ถ้า มีส่วนประการใดกับพระวิญญาณ ถ้ามีการรักใคร่เอ็นดูและเห็นอกเห็นใจประการใด 2 ก็ขอให้ท่านทําให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่าง เดียวกัน มีใจรู้สึกและคิดพร้อมเพรียงกัน ”
Key word 4 คํา คือ 1. มีความคิดอย่างเดียวกัน 2. มีความรักอย่างเดียวกัน 3. มีจิตวิญญาณอันเดียวกัน 4. มีจุดประสงค์เดียวกัน
: Mind : Love : Spirit : Purpose
3
แนวทางของ Paul มี 5 ขั้นตอน ในการไปถึง การเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน ทั้ง 4 ประการ
1. เปิดความร่วมมือ ปลดการแข่งขัน : DEFUSE COMPETITION ข้อที่ 3 อย่าทําสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว ใน BB ฉบับเยรูซาเล็ม บอกว่า “ จะต้องไม่มีการแข่งขันในหมู่พวกเจ้า " และได้ย้ําเราว่าอย่ามีความรู้หรือแสดงออกซึ่งการ แข่งขันกัน คําว่าอย่าในที่นี้ มาจาก คําว่าลดมาจากความหมาย เหมือนกับ ปลดชนวนระเบิด หรือหมายถึงการลด ภาวะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เป็นการลดสถานการณ์ การแข่งขันกัน หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการแข่งขัน หรือชิงดีชิงเด่น อาจมีบ่อยเกินไปเราแข่งขันกับคนในทีมของเราเอง. แทนที่จะการพึ่งพาอาศัยกันแต่ละอื่นๆพวกเขา มีการแข่งขันกัน. พวกเขาจะต่อสู้ซึ่งกันและกัน. มีความขัดแย้งในอุดมการณ์ และเป้าหมาย
เหมือนเด็กที่มักจะหมกมุ่นกับการแข่งกับพี่น้องกัน เราแข่งกันพี่ชาย หรือน้องเราเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรา แก่กว่า เราเก่งกว่า และแม้เราเป็นผู้ใหญ่แล้วเราก็ยังทําอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน อย่าลืมว่าเราอยู่ทีมเดียวกัน เราอยู่ในครอบครัวเดียวกัน เราต้องดีใจที่ทีมเราชนะ ครอบครัวเราไม่แพ้ และดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราได้ยินว่าพี่น้องเราได้เงินเดือนขึ้น,ได้งานที่ดี เราต้องดีใจ เพราะเขาเป็นทีม เดียวกับเรา เขาได้เราได้ด้วย ในยากอบ 4:1-2 1 อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน มิใช่กิเลส ตัณหาของท่านหรือ ที่ทําให้ท่านต่อสู้กัน เราอยากได้บางอย่าง แต่เราไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน ท่านโลภแต่ไม่ ได้ ท่านก็ทะเลาะและทําสงครามกัน .. สังคมเราเวลานี้สอนเราในเรื่อง การต้องได้สืิ่งต่าง ๆ มาอย่างรวดเร็ว ทันที เมื่อความต้องการของผม ขัดแย้งกับความต้องการของคนอื่น เรามีปัญหา เราอยากพักโรงแรมนี้,เราอยากกินข้าวร้านนั้น, เราอยากไปพักก่อน, เราอยากดูข่าว อีกคนหนึ่งอยาก ดูบอล, เราอยากจัดงานประกาศแนวสบาย ๆ ฉันอยากจัดแนวฝ่ายวิญญาณ,เราอยากเงียบ ๆ ฉัน อยากฟังเพลง, ฉันอยากไปทะเล เธออยากไปน้ําตก โลกนี้จึงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง เมื่อเราเห็นไม่ ตรงกัน ทั้งยังเรายังอาศัยอยู่ในโลก ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ถ้าเราอยากคงความเป็นเอกภาพ เราต้อง พยายามลดภาวะการแข่งขัน และการชิงดี ชิงเด่นออกไป โดยเปลี่ยนเป็นการสนับสนุน และเสริมสร้าง การ เราจึงมีศัพท์ใหม่ ๆ ทางธุรกิจอาทิ Joint venture คือการร่วมกันทํางานระหว่าง 2 หน่วยงาน cooperation หมายถึงการร่วมงานกัน โดยการยอมทํางานร่วมกัน การทํา MOU หรือ Memorandum of Understanding เพื่อให้หน่วยงานสามารถร่วมงานกัน และคนหรือหน่วยงานใด ๆ ที่ทําสิ่งนี้ ก็จะเกิดความสําเร็จอย่างสูง อาทิ : กรมทรัพย์สินทางปัญญา และ มหาวิทยาลัยบูรพา เซ็นสัญญาลงนามความร่วมมือทางวิชาการ ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ทํา MOU 4
Agreement : การทําสัญญา หรือข้อตกลงกัน อาทิ ASEAN Free Trade Area (AFTA)เขตการค้าเสรี เอเชีย the eXcellere ทํางานร่วมกับ ศูนย์พัฒนาสังคม หน่วยที่ 13 เชียงใหม่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น
2. ละความหยิ่งทะยง : DELETE CONCEIT การมองตนเองมากกว่าความเป็นจริง ปัดขาเชิดหน้าชูตาปัญหา. อย่าทําสิ่งเพียงเอาดีเอาเด่นอัตตะของคุณเพียงได้รับการสรรเสริญหรือ ประภามณฑล ข้อ 3 ... แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว อย่าทําสิ่งใด ๆ ที่เป็นแสดงอัตตาของตน หรือถึอว่าตนเหนือผู้อื่น เพราะอันที่จริงไม่มีใครเหนือกว่าใคร แต่ละคนแตกต่างกัน เหมือนต้นไม้แต่ละต้นมีคุณค่าที่แตกต่างกัน ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ต้นพืชผักที่ปลูก ก็ไม่สูงใหญ่แต่ใช้ เป็นอาหาร เราเป็นเหมือนอวัยวะของกันและกัน ไม่เหมือนกัน และความสําคัญเหมือนกัน และต่างก็ทําหน้าที่ ให้ ชีวิตเราอยู่ได้อย่างปกติ เราจึงไม่ทําสิ่งใด โดยมีเป้าหมายให้คนอื่นยกย่องสรรเสริญ แน่นอน เราให้เกียรติชมเชย และหนุนใจ คนที่ทําดี และการที่เราทําสิ่งที่ดี ไม่ควรมีท่าทีทําเพราะต้องการคํายกย่อง ควรทําเพราะมันเป็นสิ่งที่ดี และเป็นหน้าที่ ที่เราพึงกระทํา พึงปฎิบัติต่างหาก เหมือนนักดนตรี คนหนึ่งได้บอกว่า “ เราไม่สามารถหาความไพเพราะได้จากเพลงที่ร้องด้่วยโน้ตตัว เดียว ” เราแต่ละคนจึงต่างกัน ต่างคุณค่ากัน จึงเป็นความเข้าใจผิด หากเราคิดว่าเราดีักว่าคนอื่น สําคัญกว่า หรืออีกด้านหนึ่ง ก็ไม่่ต่างกัน หากเราคิดว่า เราไม่มีค่า เราไม่มีความสามารถ ก็ผิดเหมือนกัน ไม่ต่างจากการทําข้อสอบ ที่คนแรกกา มากกว่า 1 ข้อ คนที่ 2 ไม่กาเลย ก็ไม่ได้คะแนนทั้งคู่เหมือนกัน สุภาษิต 16 : 18 ความเย่อหยิ่งเดินหน้าการถูกทําลาย และจิตใจที่ยโสนําหน้าการล้ม หมายถึง เมื่อเห็นความหยิ่งที่ไหน สักพัก กิจการนั้นจะถูกทําลาย ความหยิ่ง หรือการคิดว่าคนอื่นดีกว่าตนเอง แสดงออกโดยการไม่ยอมรับการเตือน,การไม่แคร์คนอื่น,การถือความคิดตนเองเป็นใหญ่ ถ้าคนหยิ่งอยู่ในแคร์เรา แคร์เราจะแตก และถูกลายในไม่ช้า ถ้าคนที่ิึคิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น ถ้าคนที่คิดว่าความคิดทีมงานสู้ฉันไม่ได้ หรือถ้าคนที่คิดว่าทุกงานเราต้องทําเอง คนนั้นก็ข้ีลืม คนนี้ก็ไม่ได้เรื่อง ที่ ๆ องค์กรใด ๆ ที่มีคนประเภทนี้อยู่ ก็จะพังในไม่ช้า หรือใน Proverbs 13:10 เพราะความทะลึ่งผู้ประมาทจึงก่อวิวาท แต่ปัญญาอยู่กับบรรดาผู้ที่รับคํา แนะนํา ในการแปลภาษาอังกฤษ ใช้ความว่า ความหยิ่งเป็นสาเหตุของการแตกแยก การรับพนักงาน หรือการตั้งกลุ่มงานใด ๆ จึงไม่ได้ใช้ความเก่งเป็นหลัก แต่จะพิจารณาว่า คน ๆ นี้ สามารถทํางานร่วมกับผู้อื่นได้ไหม ความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และหายากมากในปัจจุบัน
5
แม้บางคนมีความสามารถสูง แต่หากเขาไม่สามารถทํางานร่วมกับผู้อื่นได้ ผลงานที่เขาสร้างได้ ก็จะ เล็กน้อย เราต้องสร้างตนเองให้เป็น มือ PRo ของการทํางานร่วมกับผู้อื่น สาเหตุแรกที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งก็คือกาขัดแย้งกัน ในความต้องการของตน และที่สองคือความหยิ่ง สองสืิ่งนี้ จะบ่มเพาะความขัดแย้ง ถ้าวันนี้เราเป็นคนหนึ่ง ที่ขจัดตัวตน ความต้องการของตนเองเราออกไปได้ เราจะสามารถแก้ส่วนใหญ่ ในโลกได้ โลกนี้กําลังขาดคนประเภทนี้
3. ลดการวิพากษ์วิจารณ์ : DECREASE CRITICISM ใสข้อ 3 ... แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว. คําว่า ดีกว่า ไม่ได้หมายถึงว่า "ดีเลิศ" กว่า แต่หมายถึง ควรค่าแก่การเคารพ พระองค์กําลังบอกว่า อย่ากดคนให้ต่ําลง แต่ให้เราปฎิบัติต่อคนทั้งปวงดีกว่าตนเอง ดังนั้น BB ข้อนี้ จึงกําลังบอกเราว่า ให้เรา มีใจถ่อม และปฎิบัติต่อคนอื่นด้วยความเคารพ โดยทําให้ดี กว่าทําให้ตนเอง ดังนั้น - ถ้าเราทําอาหารเลี้ยงคนอื่น เราจึงทําดีกว่า ทํากินเอง - เราซื้อของขวัญให้คนอื่น เราจึงหาอย่างดี - เราพูดกับคนอื่น เราจึงใช้คําที่เหมาะสม - เรามาประชุมเราจึง หาที่นั่งให้คนอื่น - เมื่อเราช่วยคนอื่นย้ายบ้าน เราจึงทําอย่างดี - เหมือนบอกว่า เมื่อช่วยคนย้ายบ้านอย่าถามหาเก้าอี้ ให้ถามหาตู้เย็น นี้เป็นแนวคิดพื้นฐาน ดูแลคนอื่นดีกว่าตนเองด้วยความถ่อมใจ ซึ่งนี้เป็นอะไรที่สุดขั้วตรงข้ามกับที่เรา เรียนรู้มาเลยทีเดียว เพราะมีคนจํานวนมากมายทีเดียว ที่คิดว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น เมื่ออยู่ในคอร์ทแบต มีคนหนึ่งที่มักจะรู้สึกว่าตนเองตีลูกไม่ผิด และเมื่อพลาดก็จะบอกว่าแสงเข้าตา บ้าง,หรือเพื่อนที่เล่นด้่วยกันไม่รีบไปรับบ้าง และเมื่อเล่นก็จะคอยแนะนําคู่ของตนเองอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่คําว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น ผลก็คือ เมื่อผมไปเล่นปรากฎว่า มีการเกี่ยงกัน ไม่มีใครยอมคู่กับคนนี้ ตอนแรกก็คิดว่าผมเป็นอยู่คน เดี่ยว แต่ปรากฎความหยิ่งของตนนี้ ก็เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งสนาม ความถ่อมใจ ไม่ได้หมายถึง การคิดน้อยกว่าที่ตนเองเป็น แต่เป็นการไม่ได้สนใจ หรือคิดถึงตนเองมาก จนเกินไป ยากอบ 4:11-12 11 พี่น้องทั้งหลายอย่า ใส่ร้าย ซึ่งกันและกัน ผู้ใดที่พูดใส่ร้ายพี่น้องหรือ ตัดสิน พี่น้องของตน ผู้นั้นก็ กล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติ และตัดสินธรรมบัญญัติ แต่ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ที่ ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน 12 มีผู้ทรงตั้งธรรมบัญญัติและผู้ทรงพิพากษาตัดสินแต่ เพียงองค์เดียว คือพระองค์ผู้ทรงสามารถช่วยเราให้รอดได้ และทรงสามารถทําลายเราได้ แต่ท่าน
เป็นผู้ใดเล่า ท่านจึงตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน 6
มี 3 ประการที่น่าสนใจคือ
• การใส่ร้าย • การตัดสิน • เพราะอะไร เพราะท่านเป็นผู้ใดเล่า เมื่อไหร่ที่เรา ตัดทํา 2 ประการที่ คือใส่ร้ายผู้อื่น, ตัดสินผู้อื่น เรากําลังเล่นกับพระเจ้า เพราะอะไร เพราะเราไม่รู้แรงจูงใจของเรา,เราไม่รู้ Background ทุกครั้งที่ผมวิพากวิจารณ์บางคนในทัศนะคติของ เขา ผมกําลังเล่นกับพระเจ้า ปัญหาที่แท้จริงกอันหนึ่ง ของการวิพากวิจารณ์คือ มันสนุก พวกเราบางคนชอบที่จะตัดสินผู้อื่น พูดถึง คนนั้นคนนี้ หาจุดที่คน ๆ นั้นทําผิดพลาด เพราะจริง ๆ ทุกคนก็ทําผิด ยิ่งพูดยิ่งมัน - อาจารย์คนนี้ แต่งสตัวไม่สุภาพเลย รองเท้าก็ไม่ขัดให้ดํา มีแต่ดินติด - น้่องคนนี้ทําไมไม่เอา BB มา คจ. และคอยมาขอกระดาษอยู่เรื่อย ๆ นี้ยังไม่นับปากกาที่ยืมไปสัปดาห์ ที่แล้ว - คจ มีแต่กิจกรรมเยอะแยะไปหมด - ไมค์วันนี้ไม่ดีเลย ส่งสัยพระเจ้าไม่เจิม ผู้นํานมัสการคนนี้ - คนนั้นหน่ะ มาสายตลอด - พี่คนนี้ เป็น Mr YEs, แต่ไม่เคยมาตามที่บอกสักที - อื่น ๆ อีกมากมาย - องค์กรจะถูกทําลายไปเอง ถ้าคนในองค์กร วิพากวิจารณ์กันและกัน แคร์จะไม่เติบโต ถ้าคนในแคร์วิ พากวิจารณ์ กันและกัน - ทําไมคนเราบางคนชอบวิพากวิจารณ์ เพราะเราให้เรารู้สึกเหนือกว่า ดีกว่า - คนจํานวนมากหลงไปว่า เราสามารถสร้างตนเองได้จากการทําให้คนอื่นต่ําลง - จึงเป็นสิ่งที่อันตรายมากสําหรับ ทุกองค์กร โดยเฉพาะ คริสตจักร - เราต้องมีคนที่ยกคนอื่นขึ้น พยุงกันไว้ - โลกนี้ กดเราลง ,วิพากวิจารณ์ - มีรายการ TV มากมาย ที่ทํารายการขึ้นมา เพื่อวิพากวิจารณ์โดยเฉพาะ และเชิญแขกรับเชิญมาเพื่อวิ พากวิจารณ์ โดยเฉพาะ - คนจํานวนหนึ่ง มีชื่อเสียง จากการวิพากวิจารณ์ผู้อื่น และคนในโลกก็เห็นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเอา มาพูดต่อ - และเราก็รู้สึกว่า เราเองเป็นคนที่รู้วงใน - คริสตจักรของพระเจ้า จึงต้องต่อสู้กับเรื่องนี้ อย่าวิพากวิจารณ์ - ถ้าเรามีอะไร ไม่เข้าใจ ให้เราไปคุยกับคน ๆ นั้นสองต่อสอง - เราทําทุกอย่างเพื่อช่วยกัน,รักษากันไว้,ปกป้องกันและกัน,ตักเตือนกันและกันด้วยความรัก ไม่ เหยียบซ้ําเมื่อทําผิด, ให้อภัยกัน, ไม่ตัดสินกัน, เชื่อฟัง และยําเกรงพระเจ้า,รักผูกพันกัน, ไม่ใช้ บรรยากาศแบบนี้หรือที่เราหาอยู่ - นี้คือการตั้งอาณาจักรพระเจ้าในโลกนี้ - BB จึงสอนสิ่งที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงกับโลกนี้ เราจึงต้องตั้งใจ และไม่ตกเป็นเหยื่อย เชื้อของโลกนี้ - ถ้าเราต้องการกําจัดความขัดแย้งให้สิ้นทราก หยุดการวิพากวิจารณ์ เลิกตัดสินผู้อื่น หันมาดูท่อนไม้ ในตาของเรา - คนที่มัวแต่วิพากวิจารณ์ผู้อื่น สิ่งที่เราสามารถเห็นได้คือ ชีวิตจะไม่เติบโต และไม่เกิดผล เขาจะยุ่งอยู่ แต่การคุยเรื่องคนอื่น ทําให้พลาดโอกาส ในการพัฒนาตนเอง
7
4. แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น : DEMONSTRATE CONSIDERATION ในข้อ4 อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย 5 ท่านจงมีน้ําใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ - คนไม่สนใจว่าเราพูดอะไร จนกว่าจะมั่นใจว่า จริง ๆ แล้วเราสนใจเขามากน้อยแค่ไหน - "No bird soars too high if he soars with his own wings." - - William Blake - “ไม่มีนกตัวใดบินสูงเกินไปถ้ามันบินด้วยปีกของมันเอง ”
ตัวอย่างนกนางนวล ที่บินข้ามโลก นักวิทยาศาสตร์จึงได้สนใจและศึกษาธรรมชาติของนกนางนวล จึงได้ข้อสรุปและข้อคิดดังนี้ 1) ในขณะที่นกนางนวลตัวหนึ่งเริ่มขยับปีก ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า นกนางนวลตัวอื่นๆ จะเริ่มขยับปีกและ บินตามทันที พวกมันทั้งฝูงเริ่มแปรขบวนฝูงบินให้อยู่ในลักษณะ V. เหตุผลที่พบคือ ถ้าหากพวกมันบิน ในลักษณะ Formation V. ดังกล่าว จะทําให้ความเร็วตามมาตรฐานของการบินเพิ่มขึ้นถึง 71 % เมื่อ เทียบกับนกนางนวลบินตัวเดียว 2) เมื่อใดก็ตามที่นกนางนวลตัวหนึ่ง บินแบบเถลไถลแยกออกจากฝูง หรือจากโครงสร้าง Formation V. นกตัวนั้นจะเกิดอาการหมดเรี่ยวแรงทันที มีแรงต้าน แรงถ่วงมากยิ่งขึ้น ทําให้มันเองเกิดอาการ เหนื่อย บินช้ามาก ฉะนั้นมันจะรีบกลับไปสู่ Formation V. ทันที เพื่อจะได้กําลังคืนมาใหม่จากบรรดา เพื่อนๆ นกนางนวลที่อยู่ข้างหน้า 3) เมื่อนกนางนวลตัวแรกที่บินนําฝูง หรือเป็นตัวนํานั้นรู้สึกเหน็ดเหนื่อยต่อหน้าที่ในการนํา มันก็จะกลับ มาต่อท้ายฝูง และนกนางนวลตัวที่ตามนั้นก็จะบินขึ้นมาเป็นผู้นําแทนที่ และมันจะสลับกันทําหน้าที่เป็น ผู้นําเช่นนี้เวียนกันไปจนมันบินไปถึงเป้าหมาย 4) ขณะที่ฝูงนกนางนวลกําลังบินนั้น นกนางนวลตัวที่เป็นผู้นําจะมุงบินและนําฝูง ขณะที่ลูกฝูง ที่บินตาม นั้นจะส่งเสียงร้อง เพื่อเชียร์และให้กําลังนกนางนวลตัวหน้า และเพื่อให้นกนางนวลตัวหน้ารักษาระดับ ความเร็วของมันเอาไว้ 5) เมื่อนกนางนวลตัวหนึ่งไม่สบาย หรือโชคร้ายไปกว่านั้น อาจจะถูกนายพรานยิง ทําให้มันบาดเจ็บ ต้องร่วงจากกลางอากาศ บินต่อไปไม่ไหว นกนางนวลอีก 2 ตัวที่อยู่ข้างๆ ในฝูงบินจะมาประคองมัน ทันที และจะช่วยพยุงปีกมันให้มันร่อนลงสู่พื้นดิน นกนางนวล 2 ตัวดังกล่าวจะเอาใจใส่ ป้องกันหรือ พยายามเยียวยาพยาบาลจนกว่านกนางนวลที่เจ็บนั้นจะบินต่อไปไหว หรือไม่ก็รอจนกว่ามันจะตายไป จากนั้นนกนางนวล 2 ตัวที่มาช่วยจะรอฝูงนกฝูงใหม่ เพื่อขึ้นไปร่วมบินแบบ Formation V. ด้วยการอยู่รวมกันอย่างเป็นระบบ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้ ทําให้ นกนางนวลอาร์คติด arctic terns ได้ชื่อว่า เป็นนกที่บินได้ไกลที่สุดในโลก คือ เดินทางกว่า 35,000 กิโลเมตร โดยจะเริ่มออก เดินทาง จากอเมริกาเหนือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคเลียบชายฝั่งยุโรปและอาฟริกา แล้วบินข้าม มหาสมุทรไปทางตอนใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ ทวีปอาฟริกาเป็นแหล่งหลบหนาวที่ดี สําหรับนกยุโรป และอาจมาจากเอเซียกลางด้วย นี้คือพลังอํานาจของการทํางานร่วมกัน ช่วยเหลือ โดยไม่ขัดแย้งกัน - John C. Maxwell กล่าวว่า “ การให้เป็นการดํารงชีวิตระดับสูงสุด ” 8
- แต่ละคนเราไม่ควรสนใจเฉพาะความต้องการของตนเอง แต่สนใจตวามต้องการของผู้อื่น คําว่า “ สนใจ “ ภาษาเดิม Greek มาจากคําว่า Scopos เป็นรากศัพท์ ของคําว่า Scope เหมือนการเล็งปืน ที่จะยิง - เราต้องเล็งความต้องการของผู้อื่น แทนที่จากการเล็งดู ว่าคนทําผิดอะไร เราเปลี่ยยจุดเล็งใหม่ คือ ความต้องการของผู้อื่น - คจ ต้องเต็มไปด้วยนักแม่นปืน แม่นในการเล็งความต้องการของผู้อื่น - เราต้องรู้ความต้องการของคนใกล้ชิด นี้จึงเป็น เคล็ดลับสําคัญของการมีชีวิตคู่ที่มีความสุข เรา สามารถดูได้กว่า ลักษณะหนึ่งของคนที่ จะสามารถเป็นภรรยา หรือสามีที่ดีในอาณาคต และปัจจุบัน คือ ดูว่า เรามีความสามารถจะเห็นความต้องการของผู้อื่นได้มาแค่ไหน เขาเล็งปืนแม่นแค่ไหน - คนที่เห็นความต้องการของผู้อื่น มาจากการเป็นผู้ฟังที่ดี เขาจะรู้ว่าจะคุยกับคน ๆ นั้นได้อย่างไร,เขา พอจะจําวันเกิดได้, เขาจะจําชื่อคนนั้นคนนี้ได้ - นี้จึงเป็นสืิ่งที่ทําให้ ชีวิตแต่งงานราบรื่น ถ้าต่างฝ่ายต่าง เอาใจใส่ความต้องการของแต่ละคน การเป็น ผู้นําในองค์กรใด ๆ ที่ประสพความสําเร็จ เราต้องรู้ถึงความต้องการของทีมงาน,รู้ความต้องการของ ลูกค้า - EX ปรัชฎา ของบริษัทหนึ่ง เนื่องจากเวลานั้น ความเชื่อถือต่อ กิจการ ................. อยู่ในภาวะที่ ย่ําแย่ ทําให้ กิจการของ - คริสเตียน ต้องรู้ถึงความต้องการของคนในชุมชน,ในจังหวัด และในประเทศของเรา - การประกาศ พาคนมาเชื่อมาจากการ ที่เรารู้ และตอบสนองความต้องการของคน - พระเยซู รู้ความต้องการของคน จึง รักษาคนเจ็บ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง แต่ เป็นการทําให้ ใจคนเปิด - สามี ที่ดูแลภรรยาอย่างดี จะมีสิทธิอํานาจ เหนือภรรยาของตนเอง และรับพระพรจากพระเจ้า คํา อธิษฐานก็จะเกิดผล - 7 ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่ภรรยา เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณเป็นมรดก เพื่อว่าคํา อธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง - คําอธิษฐานจะไม่มีทาง มีพลัง ถ้าเราไม่สนใจ ห่วงใยผู้อื่น - การเห็นแก่ตัว จึงเป็นอาการที่ขัดขวางพระพรจากพระเจ้า - หัวหน้าแคร์ที่ รู้ความต้องการของสมาชิก สมช ก็จะรัก และผูกพัน - ถ้าเรารู้ใจ หัวหน้างานของเรา เราก็จะรับการ Promote และรับโอกาส ต่าง ๆ อีกมากมาย - ปัญหา ประการที่ 4 จึงเป็นการ ที่เราไม่ Sensitive ต่อความรู้สึกของผู้อื่น เมื่อเรามองเห็นแต่ความ ต้องการของตนเอง เห็นแก่ความรู้สึกของเราเอง ว่าเรานี้เหนื่อยจังเลย เราเครียดแค่ไหน ไม่มีใครมา ทักฉัน ไม่มีให้ฉันทําอะไร ไม่มีใครสนใจฉันเลย ฉันอยากจะหนีไปให้ไกล ๆ และต่้องการพัก - แอนดรู แคร์นิกี้ กล่าวว่า ชีวิตเศรษฐี ควรแบ่งเป็น 2 ช่วง - ช่วงเวลาแห่งการได้มาซึ่งความร่ํารวย - ช่วงเวลาแห่งการแจกจ่ายความร่ํารวยนั้นออกไป - ริชาร์ด ฟอสเตอร์ กล่าวว่า เพียงแค่เรายอมสละเงิน ของใช้ส่วนตัว หรือของมีค่าต่างๆ ให้ผู้อื่นบ้าง ก็จะเกิดผลดีต่อเราแล้ว เพราะนั้นคือการทําลายปีศาจแห่งความโลภ
9
5. พัฒนาลักษณะของพระเยซูคริสต์ในชีวิตของเรา : DEVELOP CHRISTLIKENESS ข้อ 5 ท่านจงมีน้ําใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ - ทัศนะของเราจึงต้องเหมือนพระเยซูคริสต์ - พระเยซู เป็นต้นแบบของการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง - แบบอย่างของพระองค์ เป็นแบบอย่างที่น่าสนใจ และยิ่งใหญ่ - ถ้าเราต้องการสัมพันธ์ กับคนทุกคนอย่างดี แม้กับบางคนที่ดูเหมือนเข้าหาลําบาก น่าจะมองดูที่ JC ดูทัศนะของพระองค์, ดูความคิดเห็น หรือแนวทางปฎิบัติว่าพระองค์ทําอย่างไร - แล้วพระองค์ มีทัศนะอย่างไร - ข้อ 6 ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ - เราเห็นว่าพระองค์ไม่ได้ถือสิทธิ ในสิ่งที่พระองค์มีสิทธิ - คนที่มอบสิทธิของตนให้พระเจ้า พระองค์จะปกป้องสิทธิของเขาเสมอ - เราจะรักษาสิทธิของเราด้วยตัวเอง หรือโดยการขอพระองค์ช่วยเรา - ใครสามารถทําสิ่งนี้ได้ดีกว่า - พระเยซูไม่ได้ปกป้องสิทธิของตน แต่ยินดียกสิทธินี้ 7 แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกําเนิดเป็นมนุษย์ - พระองค์มีความคิดว่า ตนเองคือผู้รับใช้ หรือคนใช้ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเรามีทัศนะคติ หรือเป็นคนที่ เป็นคนรับใช้ โดยดูว่าเราแสดงออกอย่างไร ตอนมีคนใช้เราทําโน่นทํานี้ - เราจะรู้ได้ทันที ว่าข้างในใจคนนั้นเป็นอย่างไร ลองใช้เขาทํางาน เราจะรู้ทันที - คนที่คิดว่าตนเองเป็นเจ่้านาย จะไม่ทําตามคําสั่ง - แต่คนที่ตระหนักว่า ตนเองเป็นคนใช้ เราจะทําตามคําสั่ง - พระเยซู มองตนเองว่าเป็นคนใช้ เราจึงเรียกว่า ผู้รับใช้ - เรียกได้,สั่งได้ - ยินดีเอาเวลา,ความสามารถ, ทักษะของตน ในการรับใช้สมาชิก - ผู้นํา จึงเห็นเหมือนหัวหน้าคนใช้ - รับใช้สังคม,รับใช้คน เพื่อให้เขามาถึงความจริง 8 และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึง ความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน - พระองค์ยินดีอุทิศตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น - แน่นอน มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะมีลักษณะชีวิตแบบนี้ โดยการไม่เห็นแก่ตนเองเลย เพราะ ธรรมชาติของมนุษย์เป็นคนเห็นแก่ตัว และคิดถึงแต่เรื่องของตนเอง - เราต่างมีธรรมชาติของการทํา ในสิ่งที่เราต้องการจะทํา และถ่้าบังเอิญ สิ่งที่พระคัมภีร์ ให้เราทําก็พอดี กับที่เราอยากทํา ก็เลยพอดี แต่จริง ๆ เราอาจเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอยู่ก็ได้ แม้เราอยู่ใน คจ มาแล้วเป็น 10 ปีก็ได้ - จริงๆ ผมเอง ไม่สามารถมีชีวิตแบบไม่มีความเห็นแก่ตัวเลย ต่อ อ หนิง (ภรรยา) ต่อเพื่อน ๆ และ คนที่เราทํางานด้วย จอย หรือ ปุ๊ ผมไม่สามารถทําได้ด้วยตัวเอง - ให้พระองค์มาช่วยผมเท่านั้น ผมถึงพอจะทําได้ทีละหน่อย ๆ โดยเริ่มรับทัศนะคตินี้ มาไว้ในชีวิต เพราะมีทัศนะนี้แล้ว ในพระเยซู และให่้พระองค์ช่วยเราให้ผ่าน และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ 10
- นี้คือ 5 สาเหตุแห่งความขัดแย้งสําหรับการมีชีวิตด้วยตนเอง โดยไม่รู้จักพระเจ้า - ความเป็นเอกภาพ คือของขวัญฝ่ายวิญญาณ - อฟ 4:3 จงเพียรพยายามให้คงความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานนั้นด้วย สันติภาพ เป็นพันธนะ - Ephesians 4:3 "Do your best to preserve the unity which the Spirit gives, by the peace that binds you together - ในข้อนี้ ให้คําตอบแก่เราว่า พระวิญญาณจะเป็นผู้ใส่ความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกันในชีวิต และใน ครอบครัว - พระวิญญาณ เป็นผู้กระทํา เป็นผู้ใส่เข้ามา - ดังนั้น ในการสามารถดําเนินชีวิตกันได้อย่างดี เราต้องเติบโตขึ้น ให้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ - ไม่ใช่โดยการเลืยนแบบ แต่โดยการอาศัยอยู่ - ทุกวันเมื่อผมตระหนักว่าได้เลือกที่จะให้ประโยชน์แก่คนอื่น ก่อนที่ตนเองจะได้รับ โดยการรับใช้คนอื่น ทํางานให้เขาก่อน เมื่อผมได้สร้าง และชมเลยคน มากกว่าทําให้เขาแย่ลง - หรือโดยการเสียสละประโยชน์ของตนเอง เพื่อคนอื่น ผมรูุ้สึกว่าผมเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น และนี้ คือความลับของการมีความสุข - ตราบเท่าที่เราจะถามว่า ทําอย่างไรฉันถึงจะมีความสุข เราจะไม่มีความมีความสุข เราต้องมี วัตถุประสงค์ที่มากกว่ามีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง เพราะการมีชีวิตเพื่อตนเอง ไม่เคยนําความสุขมาให้ - จนกว่าเราจะเรียน รู้ในการรับใช้ผู้อื่นเท่านั้น เราถึงจะมีความสุขที่แท้จริง
11
ทบทวน: 1. เปิดความร่วมมือ ปลดการแข่งขัน : DEFUSE COMPETITION - มีบรรยากาศ ที่คิดว่าฉันดีกว่าเธอ ในครอบครัวหรือไม่ - เราเรียกร้อง และต้องการเวลาว่างหรือไม่ - เราเรียกร้องเงินหรือไม่ - เราจะต้องเปิดรายการโปรดของเราให้ได้หรือไม่ - หรือฉันมีงาน ฉันต้องบรรลุเป่้าหมายของฉัน เธอต้องรู้ว่า ฉันมีเป่้าหมาย ที่ฉันจะไป ถ้าไม่เห็นด้วยก็ หลีกทางไป - รากฐานของปัญหาครอบครัว, ที่ทํางาน และคริสตจักรคือ การเห็นแก่ตนเอง - ลัทธิ ฉันมาก่อน ฉันต้องได้ก่อน เห็นแก่ฉันก่อน,ฉันขอเลือกก่อน
2. ละความหยิ่งทะยง : DELETE CONCEIT - เราต้องการตามแนวทางของเรา ตามแบบที่เราคิดเท่่านั้นเสมอหรือไม่ - ทุก ๆคนก็ต้องมาหมุนรอบตัวเราหรือเปล่า - เรายอมรับไหม ขอโทษไหมเมื่อทําผิด - สําหรับวัยรุ่น บางทีพ่อแม่ของเรา ก็อาจพูดถูกก็ได้ - สําหรับ พ่อแม่ หรือพี่เลี้ยง ก็เป็นไปได้มาก ที่ลูก หรือลูกแกะของเราก็อาจถูกกว่าเราก็ได้ - ความหยิ่ง ถ้ายังมีอยู่ จะเป็นสาเหตุของการขัดแย่้ง แตกแยก และไม่ลงรอยกัน
3. ลดการวิพากษ์วิจารณ์ : DECREASE CRITICISM - เราชมเชย หรือต่อว่าคนมากกว่ากัน ความขัดแย้งจะมาเมื่อเราเริ่มไม่เห็นคุณค่าของคน - การวิพากวิจารณ์ จะนํามาซึ่งการไม่เหลือใครให่้เราวิพากวิจารณ์ - หนทางที่แน่นอน ในการขจัดคนออกจากชีวิตเราคือ วิพากวิจารณ์ เพราะไม่ช้าก็เร็ว คนจะรู้สิ่งที่เราพูด ถึงเขา และเมื่อวันนั้นมาถึง
4. แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น : DEMONSTRATE CONSIDERATION - เราหาทางเพิ่มคุณค่าให้ผู้อื่นหรือไม่ - เราให้เวลากับใครบ้าง - เราทุ่มเทชีวิตให้ผู้อื่นหรือไม่ - เราพูดกับภรรยาอย่างไร - เราแคร์ความคิดของคนที่ใกล้เราหรือไม่ - เราง่ายจะให้ความช่วยเหลือต่อผู้อื่นไหม - หรือเราทําเหมือน คนนั่นไม่อยู่ที่นั่น เรามองผ่านไปหรือเปล่า - การเห็นอกเห็นใจเป็นกุญแจตแห่งความปรองดอง และความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน - คําพูดของ โดมินิค ลาปิแอร์ ผู้ที่ทุ่มเทชีวิตให้ช่วยเหลือคนยากจนในอินเดีย บอกว่า สิ่งทั้งหมดที่มิได้ ให้ออกไปก็สูญเปล่า และได้ท้าทายคนทั่วโลกผ่านงานเขียนของเขาว่า ณบัดนี้คุณกําลังสูญเสียสิ่งใด ไปบ้างจากการกําไว้โดยไม่ปล่อย ??
5. พัฒนาลักษณะของพระเยซูคริสต์ในชีวิตของเรา : DEVELOP CHRISTLIKENESS 12
ข่าวดีคือเราสามารถมีชีวิตที่มีความสุข การมีชีวิตที่ีความพึงพอใจในการมีความสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น มันเป็นไปได้ และไม่ยากเลย ที่เราสามารถจะมีบรรยากาศแห่งความรัก ความปรองดอง และมิตรไมตรี ที่ดีกับเพื่อนในที่ทํางาน หรือเราสามารถจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขอย่างแท้จริงในชีวิตคู่ ทั้งยังสามารถมี ความสนุกกับเพื่อนรอบข้าง ได่้อย่างไร คําตอบคือให้พระเยซูทํางานผ่านเรา ช่วยเราเมื่อพระองค์อยู่ในชีวิตเรา เหมือนเปาโลที่ บอกเราว่า “ เหตุฉะนั้นถ้าชีวิตในพระคริสต์อํานวยการเร้าใจประการใด” พระเยซูทรงอํานวยชีวิตแก่เราได้ หากเราสามารถให้พระองค์ มาอยู่ในชีวิต มาอยู่ในใจ และมาช่วยเรา เราสามารถมีชีวิตที่ประสพความ สําเร็จ และมีความสุข กับการอยู่ในโลกนี้ได่้ เพราะลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ ก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้น ในชีวิตของเรา เหมือนต้นไม้ที่ได้ปุ๋ยที่ดี เพราะเราจะเป็นเหมือนคนที่เราใกล้ชิด เมื่อเราใกล้ชิดพระองค์เราก็จะเป็นเหมือนพระองค์ และเมื่อนั้น ลักษณะต่าง ๆ ทั้ง 4 ประการ ก็สามารถพัฒนา และเติบโตในชีวิตของเราจนเราสามารถ อยู่ร่วมกัน โดยการมี ความคิดอย่างเดียวกัน, มีความรักอย่างเดียวกัน, มีจิตวิญญาณอันเดียวกัน, มีจุด
ประสงค์เดียวกัน และเมื่อนั้น เมื่อความพันธ์ของเราแข็งแรง ครอบครัวเราก็จะแข็งแกร่ง, ที่ ทํางานเราจะสามารถเกิดผลผลิตมากมาย,คริสตจักรก็จะเป็นที่แห่งความอบอุ่น และประสิทธิ เพราะเรา สังคมก็จะค่อย ๆ รับการแก้ไข จนส่งผลถึงประเทศชาติ จะรับพระพร เพราะเราเป็น เหตุ หากปัญหารากฐานเกิดจากคนจํานวนไม่มากฉันใด การแก่้ไข ก็สามารถเกิดจากคนกลุ่มเล็ก ๆ ได้ฉันนั้น จนพระเจ้า ท้าทายเราว่า ถ้าแม้มีแค่ 2 คน อธิษฐานกัน ด้วยความเป็นน้ําหนึ่งในเดียวกัน พระเจ้าก็จะตอบคําอธิษฐานนั้น นิทานสุดท้ายเรื่อง ปลาดาว
13