อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ดนตรีวถ ิ ีอาเซียน ความเป็ นมาของอาเซียน สมาคมประชาชาติแ ห่ง เอเชี ย ตะวัน ออกเฉี ย งใต้ ( Association of Southeast Asian Nations หรื อ ASEAN) ก่ อ ตั้ง ขึ้ น โดยปฏิ ญ ญากรุ ง เทพ ( Bangkok Declaration) ห รื อ ป ฏิ ญ ญ า อ า เ ซี ย น ( ASEAN Declaration) เมื่อ วันที่ 8 สิงหาคม 2510 โดยมี ป ระเทศสมาชิก 5 ประเทศ ประกอบด้วย อิ น โ ด นี เ ซี ย ม า เ ล เ ซี ย ฟิ ลิ ป ปิ น ส์ สิ ง ค โ ป ร์ แ ล ะ ไ ท ย เ พื่ อ ส่ ง เ ส ริ ม ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ท า ง ด้ า น ก า ร เ มื อ ง เศรษฐกิ จ และสัง คม ของประเทศในภู มิ ภ าคเอเชี ย ตะวัน ออกเฉี ยงใต้ ต่อ มามี ป ระเทศสมาชิก เพิ่ม เติม ได้แ ก่ บรู ไ นดารุ ส -ซาลาม เวี ย ดนาม ลาว เมี ย นมาร์ และกัม พู ช า ตามล าดับ จึง ท าให้ปัจ จุ บ น ั อาเซี ย น มี ส มาชิ ก 10 ประเทศ “อาเซียน” สูก ่ ารเป็ นประชาคมอาเซียน ในปี 2558
ปั จ จุ บั น บ ริ บ ท ท า ง ก า ร เ มื อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม ร ว ม ทั้ง ค ว า ม สัม พัน ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ด้ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ป อ ย่ า ง ม า ก ท าให้อ าเซี ย นต้อ งเผชิ ญ สิ่ง ท้า ทายใหม่ๆ อาทิ โรคระบาด การก่อ การร้า ย ย า เ ส พ ติ ด ก า ร ค้ า ม นุ ษ ย์ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ภั ย พิ บั ติ อี ก ทั้ ง ยังมีความจาเป็ นต้องรวมตัวกันเพือ ่ เพิม ่ อานาจต่อรองและขีดความสามารถทา งการแข่ง ขัน กับ ประเทศในภู มิ ภ าคใกล้ เ คี ย ง และในเวที ร ะหว่ า งประเทศ ผู้น าอาเซี ย นจึ ง เห็ น พ้ อ งกัน ว่ า อาเซี ย นควรจะร่ ว มมื อ กัน ให้ เ หนี ย วแน่ น เ ข้ ม แ ข็ ง แ ล ะ มั่ น ค ง ยิ่ ง ขึ้ น จึ ง ไ ด้ ป ร ะ ก า ศ “ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซี ย น ฉบับที่ 2 ” (Declaration of ASEAN Concord II) ซึ่งกาหนดให้มีการสร้างประชาคมอาเซียนทีป ่ ระกอบไปด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ - ประชาคมการเมื อ งและความมั่นคงอาเซี ย น ( ASEAN Political and
Security
Community
-
APSC)
มุ่ ง ใ ห้ ป ร ะ เ ท ศ ก ลุ่ ม ส ม า ชิ ก อ ยู่ ร่ ว ม กั น อ ย่ า ง สั น ติ สุ ข แก้ไ ขปัญ หาระหว่า งกัน โดยสัน ติวิธี มี เ สถี ย รภาพและความมั่น คงรอบด้าน เพือ ่ ความมั่นคงปลอดภัยของเหล่าประชาชน - ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ย น ( ASEAN Economic Community AEC) มุ่ ง เ น้ น ใ ห้ เ กิ ด ก า ร ร ว ม ตั ว กั น ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใ น ก า ร ติ ด ต่ อ ค้ า ข า ย ร ะ ห ว่ า ง กั น เพือ ่ ให้ประเทศสมาชิกสามารถแข่งขันกับภูมภ ิ าคอืน ่ ๆ ได้ - ประชาคมสัง คมและวัฒ นธรรมอาเซี ย น ( ASEAN Socio Cultural
Community
-
ASCC)
มุ่งหวังให้ประชากรอาเซียนมีสภาพความเป็ นอยู่ทีด ่ ี มีความมั่นคงทางสังคม มี ก า ร พั ฒ น า ใ น ทุ ก ๆ ด้ า น แ ล ะ มี สั ง ค ม แ บ บ เ อื้ อ อ า ร ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
โดยจะมีแผนงานสร้างความร่วมมือ 6 ด้ าน คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุ ษย์ ก ารคุ้ ม ครองและสวัส ดิ ก ารสัง คม สิ ท ธิ แ ละความยุ ติ ธ รรมท างสัง คม ค ว า ม ยั่ ง ยื น ด้ า น สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ก า ร ส ร้ า ง อั ต ลั ก ษ ณ์ อ า เ ซี ย น การลดช่องว่างทางการพัฒนา ซึ่งต่อมาผูน ้ าอาเซียนได้ตกลงให้มีการจัดตัง้ ประชาคมอาเซียนให้แล้วเสร็จเร็ว ้ มาเป็ นภายในปี 2558 ขึน
ประชาคมอาเซียน คือ ป ร ะ ช า ค ม อ า เ ซี ย น ( ASEAN Community) คื อ การรวมตัวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็ นชุมชนทีม ่ ีความแข็งแกร่ง สามารถสร้า งโอกาสและรับ มื อ ส่ ง ท้ า ท้ า ย ทั้ง ด้ า นการเมื อ งความมั่น คง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ ภั ย คุ ก ค า ม รู ป แ บ บ ใ ห ม่ โ ด ย ส ม า ชิ ก ใ น ชุ ม ช น มี ส ภ า พ ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ที่ ดี ส า ม า ร ถ ป ร ะ ก อ บ กิ จ ก ร ร ม ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ไ ด้ อ ย่ า ง ส ะ ด ว ก ม า ก ยิ่ ง ขึ้ น และสมาชิกในชุมชนมีความรูส้ ก ึ เป็ นอันหนึ่งอันเดียวกัน จุดประสงค์หลักของอาเซียน ป ฏิ ญ ญ า ก รุ ง เ ท พ ฯ ไ ด้ ร ะ บุ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ส า คั ญ 7 ประการของการจัดตัง้ อาเซียน ได้แก่ 1. ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร 2. ส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมภ ิ าค 3. เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจพัฒนาการทางวัฒนธรรมในภูมิภา ค ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
4. ส่งเสริมให้ประชาชนในอาเซียนมีความเป็ นอยูแ ่ ละคุณภาพชีวต ิ ทีด ่ ี 5. ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในรูปของการฝึ กอบรมและการวิจยั และส่งเสริมการศึกษาด้านเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ 6. เพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรและอุตสาหกรรม การขยายการค้า ตลอดจนการปรับปรุงการขนส่งและการคมนาคม 7. เสริ ม สร้า งความร่ ว มมื อ อาเซี ย นกับ ประเทศภายนอก องค์ ก าร ความร่วมมือแห่งภูมภ ิ าคอืน ่ ๆ และองค์การระหว่างประเทศ ภาษาอาเซียน ภาษาทางการทีใ่ ช้ในการติดต่อประสานงานระหว่างประเทศสมาชิก คือ ภาษาอังกฤษ คาขวัญของอาเซียน "หนึ่ ง วิส ยั ทัศ น์ หนึ่ ง เอกลัก ษณ์ หนึ่ ง ประชาคม” (One Vision, One Identity, One Community) อัตลักษณ์ อาเซียน อาเซียนจะต้องส่งเสริมอัตลักษณ์ รว่ มกันของตนและความรูส้ ก ึ เป็ นเจ้าของในห มู่ ป ร ะ ช า ช น ข อ ง ต น เ พื่ อ ใ ห้ บ ร ร ลุ ช ะ ต า เ ป้ า ห ม า ย และคุณค่าร่วมกันของอาเซียน สัญลักษณ์ ของอาเซียน เป็ นรวงข้า วสี เ หลื อ ง 10 มัด ผูก มัด ไว้ด้ว ยกัน ห ม า ย ถึ ง
การที่ป ระเทศในภู มิภ าคเอเชี ย ตะวัน ออกเฉี ย งใต้ท ง้ ั 10 ป ร ะ เ ท ศ ร ว ม กั น เ พื่ อ มิ ต ร ภ า พ แ ล ะ ค ว า ม เ ป็ น น้ า ห นึ่ ง ใ จ เ ดี ย ว กั น อยู่ในพื้นที่วงกลมสีแดง ขอบสีขาวและน้ าเงิน ซึ่งแสดงถึงความเป็ นเอกภาพ มี ตั ว อั ก ษ ร ค า ว่ า “asean”สี น้ า เ งิ น อ ยู่ ใ ต้ ภ า พ อั น แ ส ด ง ถึ ง ค ว า ม มุ่ ง มั่น ที่ จ ะ ท า ง า น ร่ ว ม กัน เ พื่ อ ค ว า มมั่น ค ง สัน ติ ภ า พ เ อ ก ภาพ แ ล ะ ค ว า ม ก้ า ว ห น้ า ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ส ม า ชิ ก อ า เ ซี ย น สีทง้ ั หมดทีป ่ รากฏในสัญลักษณ์ ของอาเซียนเป็ นสีสาคัญทีป ่ รากฏในธงชาติของ แต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน แนวทางการสร้างอัตลักษณ์ ของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
หนึ่งในคุณลักษณะของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนคือการส ร้างอัตลักษณ์ อาเซี ยน ซึ่งได้ระบุไว้ใ นแผนงานการจัดตัง้ ประชาคมอาเซี ย น ( ค . ศ . 2 0 0 9 - 2 0 1 5 ) ว่ า " อั ต ลั ก ษ ณ์ อ า เ ซี ย น เ ป็ น พื้ น ฐ า น ด้ า น ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ ข อง ภู มิ ภ าค เอ เ ชี ย ต ะ วัน ออ ก เ ฉี ย งใต้ โ ด ย เ ป็ น ตั ว ต น ร่ ว ม กั น จ า รี ต ค่ า นิ ย ม แ ล ะ ค ว า ม เ ชื่ อ รวมทัง้ ความปรารถนาในฐานะประชาคมอาเซียน อาเซียนจะส่งเสริม ตระหนัก แ ล ะ มี ค่ า นิ ย ม ร่ ว ม กั น ใ น ค ว า ม เ ป็ น อั น ห นึ่ ง อั น เ ดี ย ว กั น ท่ามกลางความแตกต่างในทุกชัน ้ ของสังคม” จ า ก ข้ อ ค ว า ม ข้ า ง ต้ น ผู้ เ ขี ย น ( ซึ่ ง ไ ม่ ค่ อ ย แ น่ ใ จ ใ น ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง แ ต่ ล ะ ค า ) เ ริ่ ม ตั้ ง ค า ถ า ม ว่ า คนทั่วไปจะมีความรู ้ ความเข้าใจ คาต่าง ๆ ทีป ่ รากฏอยูม ่ ากน้อยแค่ไหน (เช่น อั ต ลั ก ษ ณ์ จ า รี ต ค่ า นิ ย ม ค ว า ม เ ชื่ อ ) ว่ า ค าเหล่ า นี้ เกี่ ย วข้ อ งกับ ค าบางค าที่ ไ ด้ ยิ น กัน บ่ อ ย ๆ บ้ า งหรื อ ไ ม่ เช่ น อั ต ลั ก ษ ณ์ กั บ เ อ ก ลั ก ษ ณ์ เ ห มื อ น กั น ห รื อ ต่ า ง กั น อ ย่ า ง ไ ร จ า รี ต กั บ ป ร ะ เ พ ณี เ ป็ น สิ่ ง เ ดี ย ว กั น ห รื อ ไ ม่ ค่ า นิ ย ม กั บ ทั ศ น ค ติ แ ต ก ต่ า ง กั น อ ย่ า ง ไ ร หลังจากไปหาความรูม ้ าพบว่าแต่ละคามีความหมายพอสรุปได้ ดังนี้ 1. อัตลักษณ์ หมายถึง คุณลักษณะเฉพาะตัว ซึง่ เป็ นตัวบ่งชี้ของลักษณะเฉพาะของบุคล สังคม ชุมชน หรือประเทศ เช่น เชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรมท้องถิน ่ และศาสนา เป็ นต้น 2. จารี ต หมายถึ ง แบบแผนการประพฤติป ฏิบ ต ั ิที่สื บ ต่อ กัน มานาน มั ก ถื อ เ ป็ น ก ฎ ห รื อ ร ะ เ บี ย บ ข อ ง สั ง ค ม แ ล ะ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ศี ล ธ ร ร ม ถ้าไม่ปฏิบตั ต ิ ามจะถูกสังคมตัง้ ข้อรังเกียจหรือมีบทลงโทษ เช่น เรือ ่ งของความ ซือ ่ สัตย์ตอ ่ คูค ่ รอง เป็ นต้น 3 . ค่ า นิ ย ม ห ม า ย ถึ ง แนวคิดทีบ ่ ุคคลในสังคมยึดถือเป็ นเครือ ่ งตัดสินใจและกาหนดการกระทาของต นเอง เช่น ความมีระเบียบวินยั เป็ นต้น 4 . ค ว า ม เ ชื่ อ ห ม า ย ถึ ง ความรู ้ สึ ก นึ ก คิ ด ของคนในสัง คมที่ ยึ ด มั่นและยอมรับ ในสิ่ ง ใดสิ่ งหนึ่ ง โดยจะเป็ นสิง่ ทีม ่ ีเหตุผลหรือไม่ก็ได้ เช่น ความเชือ ่ เรือ ่ งนรก-สวรรค์ เป็ นต้น จากความหมายและตัว อย่า งที่ก ล่า วมาท าให้พ อจะเข้า ใจต่อ ไปได้ว่า ก า ร ส ร้ า ง อั ต ลั ก ษ ณ์ อ า เ ซี ย น คื อ การแสดงถึงความแตกต่างของอาเซียนกับประชาคมอืน ่ ในส่วนทีเ่ กีย่ วกับเชื้อช าติ ภาษา วัฒ นธ รรมท้ อ งถิ่ น ศาสนาและอื่ น ๆ ข้ อ ปฏิ บ ัติ ข องสัง คม ค่ า นิ ย ม ที่ เ ป็ น ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ รวมถึ ง การแสงความรู ้สึก นึ ก คิด ที่ส ะท้ อ นถึ ง ความเป็ นประชาชนอาเซี ย น (ทานองนัน ้ ) ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม เนื่อ งจากก าลังสนใจเฉพาะเสาของประชาคมสังคมและวัฒ นธรรมอาเซี ย น ในทีน ่ ี้จงึ เน้นการกล่าวถึงการสร้างอัตลักษณ์ ในส่วนของประชาคมสังคมและวั ฒ น ธ ร ร ม อ า เ ซี ย น เ ป็ น ส า คั ญ เพือ ่ ให้การสร้างอัตลักษณ์ ของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนมีความเ ป็ นได้ ยิ่ ง ขึ้ น อาจเริ่ ม จากการส ารวจจารี ต ค่ า นิ ย ม ความเชื่ อ เสี ย ก่ อ นว่ า ใ น บ ร ร ด า ป ร ะ เ ท ศ ส ม า ชิ ก อ า เ ซี ย น ทั้ ง ห ม ด มี จ า รี ต ค่ า นิ ย ม และความเชื่อใดที่สอดคล้องต้องกันในหลาย ๆ ประเทศบ้าง มีจารีต ค่านิยม และความเชื่อ ใดที่ข ด ั แย้ง กัน ในแต่ล ะประเทศบ้า ง รวมถึง มี จ ารี ต ค่า นิ ย ม แ ล ะ ค ว า ม เ ชื่ อ ใ ด ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น อ ย่ า ง สิ้ น เ ชิ ง ใ น แ ต่ ล ะ ป ร ะ เ ท ศ บ้ า ง ซึ่งผลการสารวจนี้ จะช่วยให้เห็นภาพทีช ่ ดั เจนว่าอัตลักษณ์ รว่ มของประชาคมสั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม อ า เ ซี ย น มี อ ะ ไ ร บ้ า ง ขั ด แ ย้ ง กั น แ ล ะ แ ต ก ต่ า ง กั น ใ น เ รื่ อ ง ใ ด บ้ า ง โดยในส่วนทีเ่ ป็ นอัตลักษณ์ รว่ มกันนัน ้ ก็ยอ ่ มเป็ นอัตลักษณ์ ของประชาคมสังคม และวัฒนธรรมอาเซียนด้วยเช่นกัน ใ น ส่ ว น ที่ ส า ร ว จ แ ล้ ว พ บ ว่ า มี ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง กั น ป ร ะ ช า ค ม อ า จ จ ะ เ ลื อ ก ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ท า ง จ า รี ต ค่ า นิ ย ม และความเชือ ่ บางประการของบางประเทศในด้านทีด ่ ีและมีประโยชน์ มาเผยแ พร่ใ ห้ท่ วั ถึง กัน ในประชาคมเพื่อ ให้ก ลายเป็ นอัต ลัก ษณ์ ร่ว มกัน ต่อ ไป เช่ น เผยแพร่และส่งเสริมค่านิยมเรือ ่ งการตรงต่อเวลาซึง่ เป็ นอัตลักษณ์ ของบางประ เ ท ศ ใ ห้ กั บ ป ร ะ เ ท ศ อื่ น ๆ ทีย่ งั ไม่ให้ความสาคัญกับเรือ ่ งนี้ให้ทุ กประเทศในประชาคมเห็นประโยชน์ และ ความจาเป็ นของการตรงต่อเวลาและนาไปปฏิบตั ริ ว่ มกันทัง้ ประชาคม เป็ นต้น และในที่สุ ด การตรงต่อ เวลาก็ จ ะเป็ นอี ก หนึ่ ง อัต ลัก ษณ์ ข องประชาคมไปได้ ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น ก็ ต้ อ ง ช่ ว ย กั น ห า ห น ท า ง จ า กั ด จ า รี ต ค่ า นิ ย ม และความเชือ ่ ทีข ่ ดั แย้งกันในส่วนทีไ่ ม่เกิด ประโยชน์ ไม่ให้แพร่กระจายไปในป ระเทศสมาชิกเพือ ่ ป้ องกันไม่ให้กลายเป็ นอัตลักษณ์ ทีไ่ ม่พงึ ประสงค์ของประชา คมอาเซียนต่อไป น อ ก จ า ก นี้ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนอาจร่วมมือกันสร้างพื้นทีใ่ ห้ประชาชน อ า เ ซี ย น มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร ส ร้ า ง อั ต ลั ก ษ ณ์ ไ ป ด้ ว ย กั น เ ช่ น ร่วมกันจัดตัง้ สถาบันเสริมสร้างอัตลักษณ์ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซีย น และเปิ ดโอกาสให้ประชาชนจากทุกประเทศได้ใช้ชีวต ิ ร่วมกันในสถาบันภายใ น ร ะ ย ะ เ ว ล า ที่ เ ห ม า ะ ส ม เพือ ่ สร้างบรรยากาศการแลกเปลีย่ นเรียนรูท ้ างสังคมและวัฒนธรรมระหว่างกัน แ ล ะ ไ ม่ เ ฉ พ า ะ ใ น เ รื่ อ ง ข อ ง จ า รี ต ค่ า นิ ย ม แ ล ะ ค ว า ม เ ชื่ อ เ ท่ า นั้ น แ ต่ ร ว ม ถึ ง ทุ ก ด้ า น ที่ เ กี่ ย ว กั บ มิ ติ ท า ง สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ซึ่ ง การสร้ า งพื้ น ที่ ใ นลัก ษณะนี้ จะช่ ว ยให้ ป ระชาชนจากประเทศต่ า ง ๆ ้ มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ยอมรับในอัตลักษณ์ ทีแ ่ ตกต่างระหว่างกันมากขึน และอาจจะเกิดลักษณะเฉพาะกลุม ่ บางอย่างจากการรวมตัวกันของประชาชนจ า ก ห ล า ย ๆ ป ร ะ เ ท ศ ที่ จ ะ พั ฒ น า ต่ อ ย อ ด ไ ป เ ป็ น อั ต ลั ก ษ ณ์ ใ ห ม่ ๆ ของประชาคมได้อีกด้วย ทีก ่ ล่าวมาเป็ นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างอัตลักษณ์ ของประชาคมสังค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม อ า เ ซี ย น ซึ่ ง จะเป็ นส่ ว นสนับ สนุ น ให้ ป ระชาคมอาเซี ย นบรรลุ ก ารมี ห นึ่ ง อัต ลัก ษณ์ ตามค าขวัญ อาเซี ย น ( ASEAN’s motto) ที่ ว่ า หนึ่ ง วิ ส ยั ทัศ น์ ( One Vision) ้ หนึ่งอัตลักษณ์ (One Identity) หนึ่งประชาคม (One Community) ได้มากยิง่ ขึน ดนตรี
สิ่ ง ที่ ถู ก นิ ย า ม ค ว า ม ห ม า ย ว่ า “ด น ต รี ” ในความเข้าใจของคนอุษาคเนย์เองและคนอืน ่ ทีส่ นใจศึกษาพฤติกรรมของคนอุษาค เ น ย์ มี ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม ห น่ ว ย อื่ น ๆ ที่ เ ป็ นเรื่ อ งของอาหารการกิน เสื้ อ ผ้ า อาภรณ์ ที่ อ ยู่ อ าศัย ยารัก ษาโรค ศาสนา ความเชือ่ ้ มาเพือ่ ตอบสนองอารมณ์ ความรูส้ ึ ดนตรีเป็ นทัง้ เสียงและจังหวะที่ถูกสร้างขึน ก ส่ ว น ตั ว แ ล ะ ส่ ว น ร ว ม ้ มาเพือ่ ใช้ในการสือ่ สารกันในชุมชนและสังคมต่างๆในฐานะภาษาพิเศษ ถูกสร้างขึน แ ล ะ ร หั ส สั ญ ลั ก ษ ณ์ ที่ เ ป็ น เ สี ย ง ศั ก ดิ ์ สิ ท ธิ ์ ถู ก ส ร้ า ง ขึ้ น ม า เ พื่ อ ก า ร ร ะ บ า ย อ อ ก ถึ ง สิ่ ง ที่ แ ฝ ง ฝั ง อ ยู่ ใ น ค ว า ม เ ชื่ อ มี ท่ ว ง ท า น อ ง จั ง ห ว ะ ที่ พ ั ฒ น า ก า ร จ า ก ค ว า ม เ รี ย บ ง่ า ย ไ ป สู่ ส ลั บ ซั บ ซ้ อ น และดนตรีนน ้ ั มีความเปลีย่ นแปลงตลอดไม่เคยคงที่ ดนตรี เ ป็ นผลิ ต ผลของสัง คมซึ่ ง มี ว ฒ ั นธรรมเป็ นส่ ว นประกอบที่ ส าคัญ ไ ม่ ว่ า จ ะ เ ป็ น ด น ต รี อ ะ ไ ร แ บ บ ไ ห น ล้ ว น แ ล้ ว แ ต่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ค น จะเป็ นต่ า งเวลาต่ า งสถานที่ ก็ แ ล้ ว แต่ สัง คมที่ มี อ ายุ ย าวนานหรื อ สั้น น้ อ ยนิ ด ก็ ส า ม า ร ถ ผ ลิ ต ด น ต รี ห รื อ มี ด น ต รี อ ยู่ ด้ ว ย ดนตรีบางอย่างคงรูปบางอย่างเปลี่ย นแปลงไปตามเงื่อนไขของสังคม ของวิถีวิต ค ว า ม เ ชื่ อ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ก า ร เ มื อ ง ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ร ะ ดั บ ต่ า ง ๆ ข อ ง ค น ด น ต รี บ า ง อ ย่ า ง ส า ม า ร ถ ส า แ ด ง ตั ว เ ป็ น ส ถ า บั น ห นึ่ ง ใ น สั ง ค ม ไ ด้ สังคมทีเ่ ป็ นปึ กแผ่นมีความเข้มแข็ง ดนตรีก็สะท้อนความเข้มแข็งของสังคมออกมา แ ต่ ห า ก บ า ง ค รั้ ง ค ร า ว ที่ สั ง ค ม อ่ อ น แ อ มี เ งื่ อ น ไ ข อื่ น ใ ด ห รื อ ก ร ะ แ ส วั ฒ น ธ ร ร ม อื่ น ใ ด ม า ก ร ะ ท บ ก็ อ า จ เ กิ ด ค ว า ม งุ น ง ง สั บ ส น ข อ ง ทั้ ง ค น ทั้ ง ด น ต รี ขึ้ น ไ ด้ กระทั่งต้องเดือดร้อนหาวิธีการต่างๆนาๆเพือ่ การรักษามรดกทางวัฒนธรรมทีเ่ ชื่อว่า ดีงามให้คงอยูเ่ อาไว้ให้อยูอ่ ย่างมีศกั ดิศ์ รีและเหมาะสม
วัฒนธรรมดนตรีเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ภูมภ ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้สามารถจาแนกดินแดนตามสภาพทางภู มิศ าสตร์ อ อกได้เป็ น 2 ส่วนส าคัญ คือ ส่วนที่เป็ นภาคพื้ นทวีป (Mainland) ป ร ะ ก อ บ ไ ป ด้ ว ย ป ร ะ เ ท ศ เ มี ย น ม า ไ ท ย ล า ว กั ม พู ช า เวียดนามและมาเลเซียส่วนใหญ่กบ ั ส่วนทีเ่ ป็ นหมูเ่ กาะต่ างๆ (Islands) ได้แก่ อิ น โ ด นี เ ซี ย ฟิ ลิ ป ปิ น ส์ บ รู ไ น สิ ง ค โ ป ร์ แ ล ะ ม า เ ล เ ซี ย บ า ง ส่ ว น กลุม ่ ประเทศเหล่านี้ได้มีการปฏิสม ั พันธ์ทางวัฒนธรรมซึ่งกันและกันมายาวนา น ท า ใ ห้ วั ฒ น ธ ร ร ม ใ น ภ า พ ร ว ม ข อ ง ภู มิ ภ า ค มี ค ว า ม ค ล้ า ย ค ลึ ง กั น แต่จากการทีใ่ นอดีตแต่ละประเทศอาจได้รบ ั อิทธิพลทางวัฒนธรรมจากภายนอ ก ห รื อ ก า ร ถ่ า ย โ ย ง ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น ม า ย า ว น า น ส่งผลให้เกิดการปรับสภาพทางวัฒนธรรมของตนเองในบริบททีแ ่ ตกต่างกันไป ใ น แ ต่ ล ะ ป ร ะ เ ท ศ จึงทาให้วฒ ั นธรรมของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันไปตามบริบททางวัฒ น ธ ร ร ม ข อ ง ต น เ อ ง ความแตกต่างเหล่านี้กลายเป็ นเอกลักษณ์ ทีโ่ ดดเด่น ของวัฒนธรรมในแต่ละปร ะ เ ท ศ ด้ ว ย เ ช่ น กั น ดังนัน ้ จึงสามารถกล่าวได้วา่ วัฒนธรรมในภูมภ ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้เป็ น วัฒ นธรรมที่มี ท ้งั ความคล้า ยคลึง กัน และความแตกต่า งกัน อย่า งหลากหลาย วัฒนธรรมทางดนตรีในภูมภ ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้แสดงให้เห็นถึงความ ค ล้ า ย ค ลึ ง แ ล ะ ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ที่ ไ ด้ ผ ส ม ก ล ม ก ลื น อ ยู่ ด้ ว ย กั น โดยสามารถกล่าวสรุปถึงวัฒนธรรมดนตรีในภูมภ ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ใ นภาพรวมได้ดงั นี้ 1 . วั ฒ น ธ ร ร ม ด น ต รี ข อ ง ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ภ า ค พื้ น ท วี ป มี ท ้ งั ลัก ษณะที่ ค ล้ า ยคลึ ง กัน และแตกต่ า งกัน อย่ า ง มาก ยกตัว อย่ า งเช่ น ดนตรีประจาชาติหรือดนตรีทีเ่ ปรียบเสมือนเป็ นภาพลักษณ์ ทีค ่ ล้ายคลึงกันมาก ที่ สุ ด คื อ ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ล า ว กั ม พู ช า ซึ่ ง เป็ นกลุ่ ม ประเทศที่มี ค วามใกล้ ชิ ด กัน ทางวัฒ นธรรมมากที่ สุ ด กล่ า วคื อ ทัง้ สามประเทศมีวฒ ั นธรรมดนตรีรว่ มทีค ่ ล้ายคลึงกันและมีการเรียกชือ ่ วงดนต รีทีค ่ ล้ายคลึงกันด้วย กล่าวคือ ไทยเรียกว่า “ปี่ พาทย์” ลาวเรียกว่า “พิณพาทย์” แ ล ะ กั ม พู ช า เ รี ย ก ว่ า “พิ ณ เ พี ย ต ” วงดนตรีประเภทนี้มีรูปแบบของวงดนตรีเครือ ่ งดนตรีตลอดจนระเบียบวิธีการ บรรเลงทีค ่ ล้ายคลึงกัน เป็ นลักษณะการแปรทานองเพลงของเครือ ่ งดนตรีตา่ งๆ จากฆ้องวงใหญ่และเครือ ่ งดนตรีประเภทระนาดทีม ่ ีความโดดเด่นในวงดนตรี นอกจากนี้วงดนตรีประเภทเครือ ่ งสายของกลุม ่ ประเทศเหล่านี้ก็มีความคล้ายค ลึ ง กั น ส า ห รั บ ด น ต รี ป ร ะ จ า ช า ติ ใ น วั ฒ น ธ ร ร ม ด น ต รี เ มี ย น ม า นั้ น ถึ ง แ ม้ ว่ า รู ป แ บ บ ข อ ง ว ง ด น ต รี ป ร ะ จ า ช า ติ ( Saing Waing) จะมี ลกั ษณะคล้า ยคลึง กันกับ วัฒ นธรรมดนตรีปี่ พาทย์ ข องกลุ่ม ประเทศไทย ล า ว กั ม พู ช า แ ต่ บ ริ บ ท ส า ร ะ ต่ า ง ๆ ทางด้านดนตรีมีความแตกต่างไปจากวัฒนธรรมดนตรีปี่พาทย์เป็ นอย่างมากไ ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ม่ว่า จะเป็ นระบบเสี ย งของดนตรี เ มี ย นมาที่ไ ด้ร บ ั อิท ธิพ ลจากดนตรี อิน เดีย การแบ่งแยกประเภทของเครื่อ งดนตรีต ลอดจนระเบียบวิธี ก ารบรรเลงต่า งๆ ใ น ส่ ว น ด น ต รี ป ร ะ จ า ช า ติ ข อ ง เ วี ย ด น า ม ได้แ สดงให้เ ห็ นถึงอิท ธิพ ลทางวัฒ นธรรมของเอเชี ย ตะวัน ออกอย่า งชัด เจน ในบริบทสาระต่างๆทางดนตรี ไม่ว่าจะเป็ นคุณลักษณะของดนตรี ระบบเสียง เครือ ่ งดนตรี ระเบียบวิธีการบรรเลง ฯลฯ 2. วั ฒ น ธ ร ร ม ด น ต รี ข อ ง ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ห มู่ เ ก า ะ เป็ นวัฒ นธรรมของการใช้เ ครื่อ งโลหะที่มี ล ก ั ษณะเป็ นฆ้อ งในรูป แบบต่า งๆ ห รื อ อ า จ ก ล่ า ว ไ ด้ ว่ า เ ป็ น วั ฒ น ธ ร ร ม ฆ้ อ ง ( Gong culture) ดัง ที่ ป ราก ฏให้ เ ห็ นในวงดนตรี ป ระจ า ชาติ ข องประเทศต่ า งๆ ได้ แ ก่ วงกาเมลันของอินโดนี เ ซีย วงกูลินตัง ทัง้ ของมาเลเซีย บรูไน และฟิ ลิป ปิ นส์ ซึ่ ง ล้ ว น เ ป็ น ว ง ด น ต รี ที่ มี ฆ้ อ ง เ ป็ น เ ค รื่ อ ง ด น ต รี ส า คั ญ ทั้ ง สิ้ น วั ฒ น ธ ร ร ม ฆ้ อ ง ไ ม่ เ พี ย ง แ ต่ ป ร า ก ฏ เ ด่ น ชั ด ใ น ดิ น แ ด น ห มู่ เ ก า ะ แ ต่ ไ ด้ แ พ ร่ ก ร ะ จ า ย ทั่ ว ทั้ ง ภู มิ ภ า ค เ อ เ ชี ย ต ะ วั น อ อ ก เ ฉี ย ง ใ ต้ ทั้ ง ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ภ า ค พื้ น ท วี ป แ ล ะ ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ห มู่ เ ก า ะ ไม่วา่ จะเป็ นคนทีอ ่ าศัยในพื้นทีส ่ ูงหรือบนพื้นทีร่ าบล้วนมีการใช้ฆอ ้ งด้วยกันทัง้ สิ้น โดยมี รายละเอี ย ดแตกต่า งกัน ไป กล่าวคือ ลัก ษณะฆ้อ งแบนราบ (Flat Gong) ส่ ว นมาก จะพบในก ลุ่ ม คนที่ อ าศัย อยู่ ใ นพื้ นที่ สู ง ห รื อ บ น ภู เ ข า ใ น ข ณ ะ ที่ ฆ้ อ ง ที่ มี ปุ่ ม นู น ต ร ง ก ล า ง ( Boss Gong) จะพบในกลุ่ม คนที่อ ยู่บ นพื้ น ที่ร าบโดยเฉพาะอย่า งยิ่ง กลุ่ม ประเทศหมู่ เ กาะ ซึง่ มีวงดนตรีทป ี่ ระกอบด้วยฆ้องโลหะหลายรูปแบบรวมกัน พื้ น ฐ า น ข อ ง ค ว า ม ค ล้ า ย ค ลึ ง กั น นี้ ยังคงปรากฏถึงความแตกต่างระหว่างกันในสาระสาคัญของดนตรีบางประการ ไม่ว่า จะเป็ นระบบเสี ย งดนตรี การใช้ เ ครื่อ งดนตรี ระเบี ย บวิธี ก ารบรรเลง ข อ ง ว ง ด น ต รี ห รื อ แ ม้ แ ต่ ก า ร ขั บ ร้ อ ง ห รื อ ก า ร ส ร้ า ง บ ท ป ร ะ พั น ธ์ ซึ่ ง มี ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง กั น ไ ป ต า ม แ ต่ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม ห รื อ แ ต่ ล ะ ป ร ะ เ ท ศ ทัง้ นี้อาจมาจากการทีแ ่ ต่ละประเทศพยายามสร้างเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ ผา่ น ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม ด น ต รี ข อ ง ต น เ อ ง ขึ้ น ม า โ ด ย ใ น ช่ ว ง ร ะ ย ะ เ ว ล า ที่ ผ่ า น ม า จ น ก ร ะ ทั่ ง ปั จ จุ บั น วัฒนธรรมดนตรีสามารถสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ ของตนเองได้เป็ นอย่างดี นอกเหนือจากการสะท้อนถึงอัตลักษณ์ ของชาติตนเองผ่านทางวัฒนธรรมดนต รี ใ น ภ า พ ร ว ม แ ล้ ว แต่ละประเทศในกลุม ่ อาเซียนยังมีบทเพลงทีเ่ ปรียบเสมือนเป็ นตัวแทนหรือแส ดงถึงอัตลักษณ์ ของ ต น เ อ ง อี ก ด้ ว ย ทัง้ นี้ได้พจิ ารณาจากบทเพลงนัน ้ ได้ถูกนาเสนอในงานสาคัญของกลุม ่ ประเทศอ าเซี ย น ไม่ว่า จะเป็ นการจัด แข่งขันกี ฬ า หรือ การจัด งานทางวัฒนธรรมฯลฯ ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ซึ่งบทเพลงเหล่านัน ้ ได้ถูกเผยแพร่ไม่เพียงแต่เฉพาะในประเทศของตนเองเท่า นัน ้ แต่ได้แพร่หลายสูป ่ ระเทศอืน ่ ๆ ในกลุม ่ อาเซียนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามบทเพลงทีเ่ ป็ นตัวแทนของบางประเทศในกลุม ่ อาเซียนยังไ ม่มีความชัดเจนทีส ่ ามารถกล่าวได้วา่ เป็ นตัวแทนทีจ่ ะแสดงเอกลักษณ์ ของชาติ ห รื อ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ด้ อ ย่ า ง แ ท้ จ ริ ง ทั้ง นี้ อ าจเนื่ อ งมาจากเงื่อ นไขหรื อ สาเหตุ ห ลายประการด้ ว ยกัน อาทิ เ ช่ น เ งื่ อ น ไ ข ท า ง ด้ า น ก า ร เ มื อ ง ภ า ย ใ น หรือ เงื่อ นไขทางด้า นการบริห ารจัด การทางด้า นวัฒ นธรรมภายในประเทศ เป็ นต้น เครือ ่ งดนตรีของอุษาคเนย์จดั ประเภทได้ดงั นี้ 1. ประเภทเครื่อ ง 2. ประเภทเครื่อ ง ตี สาย 1.1 ท าด้ ว ยโ 2.1 เครือ ่ งดีด ลหะ 1.2 ท าด้ ว ยไ 2.2 เครือ ่ งสี ม้ 1.3 ท าด้ว ยห 3. ประเภทเครือ ่ งเ นัง ป่ า
3.1 เครื่อ งเป่ าลมไม้ 3.2 เครื่อ งเป่ าโลหะ
1. เครือ ่ งดนตรีประเภทเครือ ่ งตี มี จ า น ว น ม า ก ที่ สุ ด เ ป็ น เ ค รื่ อ ง ด น ต รี เ ก่ า แ ก่ ที่ สุ ด ข อ ง อุ ษ า ค เ น ย์ แ ล ะ ข อ ง โ ล ก กระจายอยูท ่ ง้ ั ในภาคพื้นทวีปและภาคพื้นคาบสมุทรและกลุม ่ เกาะ 1.1 เครือ ่ งตีทีท ่ าด้วยโลหะผสม ( โดยเฉพาะอย่างยิง่ เครือ ่ งตีทองเหลือง - สาริด Bronze) มี ห ลั ก ฐ า น ท า ง โ บ ร า ณ ค ดี แ ส ด ง ว่ า ดินแดนแถบนี้มีเครือ ่ งตีโลหะหลายชนิด ตัง้ แต่ขนาดเล็กสุดไปจนถึงใหญ่สุด เ ค รื่ อ ง ตี โ ล ห ะ มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ พิ ธี ก ร ร ม ค ว า ม เ ชื่ อ เป็ นเสียงของอานาจในเชิงสังคมการเมืองวัฒนธรรม พบทัง้ ในพื้นทีศ ่ กั ดิส์ ท ิ ธิ ์ เ ช่ น วั ด ว า อ า ร า ม ไปจนเขตพระราชฐานทีใ่ ช้เป็ นดนตรีประโคมเพือ ่ ประกอบพระอิสริยยศของพ ระเจ้าแผ่นดิน ในยุ ค ส าริ ด เครื่ อ งตี โ ลหะที่ ส าคัญ ที่ สุ ด ในดิ น แดนแถบนี้ ได้ แ ก่ “กลองมโหระทึก” หรือ Bronze drum สร้างเป็ นรูปกลองเอวคอดขนาดใหญ่ ด้านบนปิ ดด้วยแผ่นโลหะกลมสลักภาพนู นต่าเป็ นเรือ ่ งราวของความเชือ ่ โบรา ณ ภ า พ ห ม อ ผี นั ก เ ต้ น นั ก ฟ้ อ น เ ป่ า แ ค น ้ รูปกบซ้อนตัวกันตามความเชือ ตามขอบกลองจะขึน ่ ในเรือ ่ งการเรียกฝนเพือ ่ คว ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ามอุ ด มสมบู ร ณ์ ในวิ ถี เ กษตร บางที จึ ง เรี ย กกลองชนิ ด นี้ ว่ า “กลองกบ” กลองมโหระทึกพบในพื้นทีก ่ ว้างขวางมากตัง้ แต่จีนตอนใต้ลงมาจนถึงเวียดนา ม ภาคอีสานและตะวันตกของไทยไปจนถึงพื้นทีย่ า่ นอินโดนีเซียฟิ ลิปปิ นส์มีการขุ ดค้นพบซากกลองมโหระทึกในบนบกและในน้าทีเ่ ป็ นเส้นทางการค้าทางทะเลใ นสมัย โบราณ เทคโนโลยี ใ นการสร้า งมโหระทึก นั้น มี พ ฒ ั นาการมาราวๆ 3 , 0 0 0 ปี เป็ นความรูท ้ ค ี่ นในสมัยก่อนคิดหล่อโลหะผสมทีม ่ ีคุณลักษณะพิเศษในด้านควา ม แ ข็ ง แ ก ร่ ง แ ล ะ คุ ณ ภ า พ เ สี ย ง ที่ ดั ง กั ง ว า น ส า ม า ร ถ ส่ ง เ สี ย ง ม โ ห ร ะ ทึ ก ไ ป สู่ ส ว ร ร ค์ ชั้ น ฟ้ า เ พื่ อ ข อ ฝ น ไ ด้ และยังสืบทอดความเชือ ่ นี้มาจนถึงปัจจุบน ั ในบางพื้นที่ เ ค รื่ อ ง ด น ต รี ป ร ะ เ ภ ท ตี ที่ ท า ด้ ว ย โ ล ห ะ อื่ น ๆ ที่ โ ด ด เ ด่ น ม า ก คื อ “ฆ้อ ง”คนอุ ษ าคเนย์ อ อกเสี ย งคล้ า ยคลึ ง กัน (บ้ า งเรี ย ก “ฆ้ อ ง-กอง-คยี - จี ”) มี รู ป ลั ก ษ ณ์ ต่ า ง กั น ไ ป ก ล่ า ว คื อ จี น ใ ต้ แ ล ะ เ วี ย ด น า ม มั ก ใ ช้ ฆ้ อ ง ที่ เ ป็ น แ ผ่ น แ บ น ก ล ม พม่าตอนเหนือใช้กงั สดาลซึง่ เป็ นแผ่นแบนเหมือนกันชาวพื้นเมืองฟิ ลิปปิ นส์บา งเผ่ า เช่ น เผ่ า Kalinga ยัง คงใช้ โ ลหะเป็ นแผ่ น กลมเรี ย กว่ า Gangsa ใ ช้ มื อ ตี ใ ห้ เ กิ ด เ สี ย ง ห รื อ บ า ง ที ใ ช้ ไ ม้ ตี ส่ ว นชาวเกาะฟิ ลิ ป ปิ นส์ ต อนใต้ ใ ช้ ฆ้ อ งแบบมี ปุ่ มคล้ า ยของอิ น โดนี เซี ย ช น ก ลุ่ ม น้ อ ย ต่ า ง ๆ ที่ อ ยู่ ติ ด ช า ย แ ด น ไ ท ย ต อ น เ ห นื อ เ ช่ น ก ร ะ เ ห รี่ ย ง ใ ช้ ฆ้ อ ง แ บ บ นู น ต ร ง ก ล า ง แ ล ะ ลึ ก เ ล็ ก น้ อ ย แต่ทางภาคกลางของพม่าและภาคกลางของไทยใช้ฆอ ้ งทีม ่ ีปุ่มนู นตรงกลางให ญ่ ก ว่ า ข อ บ ข อ ง ฆ้ อ ง พั บ ก ว้ า ง เ รี ย ก ว่ า “ฉั ต ร ” สังเกตได้ชด ั เจนทีฆ ่ ้องไทยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็ นฆ้องใหญ่ ฆ้องหุ่ยฆ้องชัย รวมทัง้ ฆ้องวงทีเ่ กิดจากการวางไล่เรียงลูกฆ้องผูกในรางหวายเป็ นรูปวงกลมล้อ ม ร อ บ ผู้ บ ร ร เ ล ง ซึ่ ง นั่ ง อ ยู่ ภ า ย ใ น ห รื อ ฆ้ อ ง ม อ ญ ที่ ว า ง ตั้ ง โ ค้ ง ขึ้ น เมือ ่ ลงไปทางใต้ถงึ มาเลเซียและอินโดนีเซียก็พบฆ้องอี กมากมายนามาเรียงกัน ไ ด้ ห ล า ย ข น า ด บ้ า ง ข น า ด ใ ห ญ่ ม า ก เ ช่ น Gong Ageng, Kempul บางชนิดทาขอบหรือฉัตรหนามากลูกฆ้องมีความลึกมากและปุ่ มตรงกลางมีขน าดใหญ่มาก เช่น Ketuk, Kempyeng คุณภาพเสียงกังวานนามาเรียงเป็ นชุด ได้แก่ Bonang และ Kenong ของชวากลาง ส่วนบาหลีก็มีฆอ ้ งหลายขนาด เ ช่ น Riyong ซึ่ ง เ ป็ น ฆ้ อ ง ชุ ด เ รี ย ง เ ป็ น แ ถ ว ย า ว ชุ ด ล ะ ห ล า ย ลู ก ฆ้องโหม่งห้อยในแนวดิง่ ใบเดียว และฆ้องโหม่งใบเดียวทีว่ างในแนวนอน ก ารเรี ย งฆ้ อ งเป็ น ระดับ เสี ย งสามา รถ บ ร รเ ล ง ได้ ต่ อ เ นื่ อ ง กัน นี้ ท า ใ ห้ เ กิ ด ค า ว่ า “Gong Chime Culture” ใ น ว ง วิ ช า ก า ร ด น ต รี โ ล ก ถื อ ว่ า เ ป็ น จุ ด เ ด่ น ข อ ง ฆ้ อ ง ใ น อุ ษ า ค เ น ย์ ที เ ดี ย ว ว ง ฆ้ อ ง ข อ ง อิ น โ ด นี เ ซี ย ที่ เ รี ย ก ว่ า ก า เ ม ลั น ( Gamelan) นั้ น ไ ด้ รั บ ค ว า ม ส น ใ จ ไ ป ทั่ ว โ ล ก ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ตามประเทศต่า งๆทั้ง ยุ โ รปและอเมริ ก ามี ว งกาเมลัน เล่ น กัน โดยนัก ดนตรี ที่ มิ ใ ช่ เ พี ย ง ค น จ า ก ภู มิ ภ า ค อุ ษ า ค เ น ย์ เ ท่ า นั้ น และเสน่ ห์เสียงกาเมลันเป็ นบ่อเกิดของการสร้า งสรรค์ดนตรีในศตวรรษที่ 20 อย่างมากมาย น อ ก จ า ก ฆ้ อ ง แ ล้ ว อุ ษ า ค เ น ย์ ยั ง มี เ ค รื่ อ ง โ ล ห ะ รู ป ย า ว แ บ น ที่ จั ด ว่ า เ ป็ น ร ะ น า ด อี ก ม า ก ในชนกลุม ่ น้อยทางภาคเหนือของไทยมีระนาดเหล็กแบบพื้นบ้านหรือลูกระนา ด เ ห ล็ ก ห ล า ย ลู ก ว า ง บ น ร า ง รู ป สี่ เ ห ลี่ ย ม ผื น ผ้ า ห รื อ ค า ง ห มู ในเมื อ งไทยมี ระนาดเอกเหล็ ก และระนาดทุ้ม เหล็ ก ในวงปี่ พาทย์ เครื่อ งใหญ่ ให้เสียงกังวานเสริมบรรดาระนาดไม้ทอ ี่ ยูใ่ นวงปี่ พาทย์มาแต่เดิม เครือ ่ งโลหะอีกกลุม ่ หนึ่งทีม ่ ีบทบาทสาคัญในการสร้างจังหวะในวงดนตรี คื อ ฉิ่ ง ฉาบ เป็ นทั้ง จัง หวะตกหลัก (onbeat) และจัง หวะยก (offbeat) ทีท ่ าให้เกิดมิตข ิ องเสียงทีแ ่ ตกต่าง ฉิ่งถือเป็ นหัวใจของวงดนตรีไทยลาว เขมร ในการควบคุมการดาเนินไปอย่างสม่าเสมอของบทเพลง มีทง้ ั อัตราช้า เร็ว 1.2 เครือ ่ งดนตรีประเภทตีทีท ่ าด้วยไม้ เ ค รื่ อ ง ตี ห รื อ ก ร ะ ท บ ใ ห้ เ กิ ด เ สี ย ง ที่ ท า จ า ก วั ส ดุ ป ร ะ เ ภ ท ไ ม้ น้ ั น ใ ช้ กั น ม า ก ใ น ทุ ก ช า ติ แ ถ บ อุ ษ า ค เ น ย์ เดิ ม เป็ นเครื่ อ งส่ ง สัญ ญานเสี ย งให้ ก ับ ชุ ม ชน เช่ น โกร่ ง เกราะ กรับ ต่อมาได้พฒ ั นารูปร่างลักษณะและคุณภาพเสียงอย่างต่อเนื่องมาเป็ นเวลานับพั นปี จนกระทั่ง เกิ ด เครื่อ งดนตรี ที่เ ด่ น มาก คื อ ระนาดไม้ ( xylophone) ผืนระนาดทาจากไม้ไผ่หรือไม้เนื้อแข็ง ร ะ น า ด ไ ม้ ใ น แ ถ บ อุ ษ า ค เ น ย์ มี ลั ก ษ ณ ะ ค ล้ า ย กั น ห ม ด คื อ เ รี ย ง ลู ก ร ะ น า ด เ ป็ น แ ถ ว เ ดี ย ว กั น อ ย่ า ง ต่ อ เ นื่ อ ง ตั้ ง แ ต่ เ สี ย ง ต่ า ขนาดใหญ่ ไ ปจนถึ ง เสี ย งสู ง ขนาดเล็ ก แต่ มี เ ทคนิ ค การตี แ ตกต่ า งกัน ไป ร ะ น า ด ไ ท ย เ ข ม ร ลาวมีลกั ษณะร่วมกันทัง้ กรรมวิธีการเหลาลูกระนาดเรียงต่อกันเป็ นผืนยาวด้วย ก า ร ส อ ด ร้ อ ย เ จ า ะ รู เ ชื อ ก ผู ก มี ก า ร เ ที ย บ เ สี ย ง สู ง ต่ า ด้ ว ย ต ะ กั่ ว ผ ส ม ขี้ ผึ้ ง ติ ด เ อ า ไ ว้ ใ ต้ ผื น เรี ย กชื่อ ใกล้เ คีย งกัน ว่า “ระนาด” (ไทย) “โรเนี ย ด”(เขมร) “นางนาด”(ลาว) ส่ ว น ร ะ น า ด ข อ ง พ ม่ า เ รี ย ก ว่ า " ปั ต ต ะ ห ล่ า " ( Patala) มี โ ค ร ง ส ร้ า ง ค ล้ า ย กั บ ร ะ น า ด เ อ ก ข อ ง ไ ท ย แ ต่ ข น า ด ใ ห ญ่ ก ว่ า ย า ว ก ว่ า หั ว ไ ม้ ตี สั้ น หุ้ ม ผ้ า ลูกระนาดทาจากไม้ไผ่เหลาให้ได้ระดับเสียงโดยไม่ตอ ้ งติดตะกั่วเทียบนามาพา ด เ รี ย ง บ น ร า ง ร า ง ร ะ น า ด โ ค้ ง ม า ก แ ล ะ มี โ ข น ส อ ง ข้ า ง สู ง ระนาดอินโดนีเซียและมาเลเซียเรียกว่า "กัมบัง" (Gambang) มีประมาณ182 0 ลู ก ค ล้ า ย ร ะ น า ด ข อ ง ไ ท ย ไ ม่ ต้ อ ง ติ ด ต ะ กั่ ว เ ที ย บ เ สี ย ง เวลาตีใช้มือซ้ายขวาสลับกันระนาดของไทยใช้ไม้แข็งและไม้นวมในการบรรเ ล ง ไ ด้ คุ ณ ภ า พ เ สี ย ง แ ต ก ต่ า ง กั น ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
นอกจากนี้ ยงั มีการประดิษฐ์ลูกขอลอห้อยคอวัวในขบวนสินค้าของภาคอีสานขึ้ นเป็ นเครื่ อ งดนตรี เ รี ย กว่ า "โปงลาง" ท าจากไม้ ม ะหาดเหลาเป็ นท่ อ น โ ย ง เ ชื อ ก เ รี ย ง ไ ล่ ข น า ด กั น แ ข ว น กั บ ห ลั ก สู ง ม า ล ง พื้ น ดิ น ตี ส ลั บ มื อ กั น อ ย่ า ง พิ ส ด า ร ระนาดเวียดนามเป็ นกระบอกไม้ไผ่เรียงกันเป็ นแผงใหญ่วางห้อยลงมาจากหลั ก สู ง เ ช่ น กั น เ รี ย ก ว่ า " ด่ า น ต รุ ง " ( DanTrung) ใ ช้ ไ ม้ เ นื้ อ แ ข็ ง ชุ บ หั ว ย า ง ตี ล ง บ น ก ร ะ บ อ ก ไ ม้ ไ ผ่ ใ ห้ เ สี ย ง นุ่ ม ลึ ก ส่วนฟิ ลิปปิ นส์มีระนาดไม้เรียกว่า Gambang เหมือนอินโดนีเซียและมาเลเซีย แ ล ะ ยั ง มี ร ะ น า ด แ ผ ง เ ล็ ก ข น า ด 6ลูกเรียงเป็ นแผงวางบนตักผูเ้ ล่นเรียกว่าPatalag เ ค รื่ อ ง ก ร ะ ท บ ที่ ส า คั ญ อี ก ก ลุ่ ม คื อ " อั ง ก ะ ลุ ง " Angklung เป็ นเครื่อ งดนตรีที่ท าจากท่อ ไม้ไผ่วางในกรอบเขย่าให้เกิด เสี ยงสั่นสะเทือน เดิม ใช้ก น ั ในประเทศอิน โดนี เ ซี ย หมู่เกาะฟิ ลิป ปิ นส์ ต อนใต้ และมาเลเซี ย พื้ น ที่ ที่ เ ล่ น อั ง ก ะ ลุ ง อ ย่ า ง จ ริ ง จั ง คื อ ช ว า ต ะ วั น ต ก โดยเฉพาะสังคมชาวนาด้วยความเชือ ่ ทีเ่ กีย่ วข้องกับเสียงแห่งความอุดมสมบูร ณ์ เ ล่ น ใ น ย า ม เ ส ร็ จ สิ้ น ก า ร เ ก็ บ เ กี่ ย ว เ พื่ อ ฉ ล อ ง เ ท วี ศ รี ( dewiSri) ห รื อ แ ม่ โ พ ส พ ไ ท ย น า อั ง ก ะ ลุ ง ม า จ า ก ช ว า ใ น ส มั ย รั ช ก า ล ที่ 5 แ ล้ ว น า ม า ดั ด แ ป ล ง วิ ธี ก า ร เ ห ล า รู ป ร่ า ง รวมทั้ง ประพัน ธ์ เ พลงขึ้ น ใหม่ เ พื่ อ เล่ น อัง กะลุ ง โดยหลวงประดิ ษ ฐไพเราะ ( ศ ร ศิ ล ป บ ร ร เ ล ง ) ปัจจุบน ั มีการแปลงเสียงอังกะลุงของอินโดนีเซียให้บรรเลงแบบดนตรีสากลได้ 1.3 เครือ ่ งตีทีท ่ าด้วยหนัง เ ค รื่ อ ง ตี ที่ ใ ช้ ห นั ง เ ป็ น ตั ว สั่ น ส ะ เ ทื อ น เ รี ย ก ร ว ม ว่ า ก ล อ ง เ ป็ น เ สี ย ง ข อ ง พิ ธี ก ร ร ม แ ล ะ ค ว า ม บั น เ ทิ ง ก ล อ ง ที่ ใ ช้ ใ น ภู มิ ภ า ค นี้ มี ม า ก ม า ย ห ล า ย ช นิ ด มี ข นาดตั้ง แต่เ ล็ ก ไปจนถึ ง ขนาดใหญ่ ม ากจนคนเข้า ไปอยู่ ข้า งในได้ เช่ น กลองพื้ น เมื อ งของไทยภาคเหนื อ ที่เ รี ย กว่า "กลองปู จ า" หรื อ "กลองบู ช า" ก ล อ ง ที่ ต้ อ ง ใ ช้ ร ถ ล า ก ข น ย้ า ย เ ช่ น " ก ล อ ง แ อ ว์ แ ล ะ " ก ล อ ง ห ล ว ง " มี"กลองปูเจ่"ทีใ่ ช้ในขบวนแห่ซึ่งมีขนาดใหญ่และยาวกว่ากลองยาวของภาคกล าง ์ รีของผูเ้ ป็ นเจ้าของกล ขนาดของกลองใหญ่นอกจากจะแสดงฐานะศักดิศ องแล้ว ยังแสดงถึงพลังแห่งความร่วมมือของชุมชนทีเ่ ป็ นเจ้าของกลองร่วมกัน เพราะมีความเชือ ่ ในการสร้างกลองขนาดใหญ่ทีต ่ อ ้ งใช้ ความสามัคคีรว่ มแรงร่ วมใจของผูค ้ นในชุมชนทีจ่ ะผลิตกลองให้สาเร็จได้ โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง ก ล อ ง อุ ษ า ค เ น ย์ คื อ ก า ร น า ท่ อ น ไ ม้ ม า ถ า ก ลึ ง ใ ห้ เ กิ ด โ พ ร ง ต ร ง ก ล า ง ปิ ดร่อ งเสี ย งด้า นบนหรือ ล่า งหรือ ทัง้ สองด้านด้วยหนังสัต ว์ ที่นิย มคือ หนังวัว ขึงหนังให้ตงึ ด้วยการตอกตรึงหมุดหรือผูกโยงเร่งหนังระหว่างด้านบนและล่าง ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ด้ ว ย เ ส้ น ห นั ง ข น า ด เ ล็ ก ส อ ด ร้ อ ย เ ข้ า ไ ป ริ ม ข อ บ ก ล อ ง การทาหนังให้ตงึ ด้วยการตอกหมุดสะท้อนถึงความสัมพันธ์กบ ั วัฒนธรรมจีนใ น ข ณ ะ ที่ ก า ร ผู ก โ ย ง เ ร่ ง ห นั ง เ ป็ น เ ท ค นิ ค ข อ ง ฝ่ า ย อิ น เ ดี ย ความหลากหลายของกลองในอุษาคเนย์สะท้อนความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมจี นและอินเดียทีแ ่ พร่กระจายอยูใ่ นภูมภ ิ าคนี้ได้เป็ นอย่างดี ก ล อ ง ข อ ง ม า เ ล เ ซี ย แ ล ะ อิ น โ ด นี เ ซี ย มี ม า ก ม า ย ห ล า ย แ บ บ ทั้ง ก ล อ ง ห น้ า เ ดี ย ว แ ล ะ ก ล อ ง ส อ ง ห น้ า ก ล อ ง ห น้ า เ ดี ย ว ที่ รู ้ จ ัก กัน คื อ เรบานา(Rebana) ซึ่ ง เป็ นกลองที่ไ ด้ร บ ั อิ ท ธิพ ลจากมุ ส ลิ ม ตะวัน ออกกลาง ก ล อ ง ส อ ง ห น้ า เ รี ย ก ว่ า กั น ดั ง (Kendang)ไทยได้ แ บบอย่ า งกลองแขกและกลองมลายู จ ากอิ น โดนี เ ซี ย พ ม่ า ใ ช้ ก ล อ ง ที่ มี ข น า ด เ รี ย ง กั น จ า ก ใ ห ญ่ ไ ป ห า เ ล็ ก จั ด ไ ว้ เ ป็ น ชุ ด มี 21ใบมีเสียงไล่กน ั ไปจากต่าไปหาสูงใช้เป็ นเครือ ่ งดาเนินทานองได้จะมีการเที ย บ เ สี ย ง อ ยู่ เ ส ม อ เ รี ย ก ว่ า " ป า ท แ ว ง " ( PatWeing) พ ว ก ม อ ญ เ ก่ า มี ก ล อ ง ชุ ด แ บ บ ห นึ่ ง เ รี ย ก ว่ า " เ ปิ ง ม า ง " ตีไล่เรียงเสียงสูงต่าใช้ประจาวงปี่ พาทย์มอญในประเทศไทยตีคก ู่ บ ั ตะโพนมอญ เ สี ย ง ทุ้ ม ลึ ก สาหรับทีเ่ วียดนามมีกลองทีใ่ ช้ตีดว้ ยมือรูปร่างคอดกลางแบบนาฬิกาทรายชื่อ ไ ก๊ บ อ ง ( CaiBong) ก ล อ ง ส อ ง ห น้ า ที่ ใ ช้ ไ ม้ ตี ส อ ง อั น ชื่ อ ว่ า ต ร อ ง บั๊ท เ ก า ( TrongBat Cau) และกลองอีกหลายแบบเขมรและลาวใช้กลองแบบเดียวกับของไทยอาทิ โทน ร ามะนา กลองทัด กลองสองหน้ า ตะโพน แต่ค าเรี ย กต่า งกัน ไป (สกร์ โ ทล, โรโมเนีย,สกรอธม, สัมโพ) 2. เครือ ่ งดนตรีประเภทเครือ ่ งสาย เครือ ่ งสายมีจานวนมากไม่แพ้เครือ ่ งดนตรีอืน ่ ๆในกลุม ่ อุษาคเนย์ เ ค รื่ อ ง ดี ด เ รี ย ก ว่ า พิ ณ ( แ บ่ ง เ ป็ น พิ ณ มี ค อ Luteแ ล ะ พิ ณ วางพื้ น ที่ เ รี ย ก floorzither) พบได้ เ กื อบทุ ก ประเท ศใ น อุ ษาค เ น ย์ อ า ทิ ไ ท ย มี ก ร ะ จั บ ปี่ มี รู ป ท ร ง แ บ บ เ ดี ย ว กั บ จั บ เ ป ย ข อ ง กั ม พู ช า มีจะเข้หรือกรอปื อ(กัมพูชา)หรือมินจวงของพม่าเป็ นเครื่องดีดรูปทรงจระเข้ มี พิ ณ ที่ ส ร้ า ง เ สี ย ง โ ด ย ร ะ บ บ ฮ า ร์ โ ม นิ ค ส์ ( Harmonics) คื อ พิ ณ เ พี ย ะ ข อ ง ล้ า น น า กล่องเสียงเป็ นกะลามะพร้าวและพิณน้าเต้าหรือกแซย์มูย/กแซย์เดียว(KseMu ay/kse diev) ยั ง ค ง เ ล่ น กั น อ ยู่ ม า ก ใ น เ ข ม ร ส่ ว นอิ น โดนี เซี ย และฟิ ลิ ป ปิ นส์ มี เ ครื่ อ งดี ด ที่ เ รี ย กว่ า กุ ด ยาปิ ( Kudyai) เครือ ่ งดนตรีพื้นบ้านยาวเรียวหัวท้ายมีลกั ษณะเป็ นกล่องมีสายนิยมเล่ นแบบกร ะ จั บ ปี่ พ ม่ า มี เ ค รื่ อ ง ดี ด เ รี ย ก ว่ า ซ อ ง เ ก า ะ ( SaungGauk) มี รูป ร่า งงดงามคล้ายเรือตอนหัวของเรือมี หางงอน มี ส ายจานวน16-20สาย น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี ขิ ม ที่ เ รี ย ก ว่ า โ ด น มิ น ( Dohmin) ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
เ วี ย ด น า ม เ ป็ น ป ร ะ เ ท ศ ที่ ใ ช้ เ ค รื่ อ ง ส า ย เ ป็ น ห ลั ก โ ด ด เ ด่ น ใ น ข ณ ะ ที่ ป ร ะ เ ท ศ อื่ น อ า จ ใ ห้ ค ว า ม ส า คั ญ กั บ เ ค รื่ อ ง ตี ม า ก ก ว่ า เครือ ่ งดนตรีสายเดียวบังคับเสียงด้วยการเล่นฮาร์โมนิคส์ซึ่งเป็ นกรรมวิธีสร้างเ สี ย ง ที่ ลึ ก ซึ้ ง ม า ก เ รี ย ก ว่ า ด่ า น เ บ๋ า ( DanBau) เ ค รื่ อ ง ดี ด เ ด่ น ที่ นิ ย ม อี ก ชิ้ น คื อ ด่ า น ต รั น ( DanTran) มี ส า ย 1 6 ส า ย ลั ก ษ ณ ะ ค ล้ า ย กู่ เ จิ้ ง ข อ ง จี น ห รื อ โ ค โ ต ะ ข อ ง ญี่ ปุ่ น , เ ค รื่ อ ง ดี ด ต ร ะ กู ล พิ ณ ค อ ย า ว เ รี ย ก ด่ า น งึ๊ ด ( DanNguyet) ซึ่งเป็ นเครือ ่ งดีดคอยาวมีกล่องเสียงกลมรูปพระจันทร์ ส่วนขิมเรียกด่านทับโล DanTabluer ส่วนเครือ ่ งสี ในอุษาคเนย์มีทง้ ั ซอแบบเท้าแหลม (ตระกูล spikefiddle) สี ด้ ว ย คั น ชั ก อิ ส ร ะ กั บ ซ อ ที่ สี ด้ ว ย คั น ชั ก อ ยู่ ร ะ ห ว่ า ง ส า ย ซ อ คั น ชั ก อิ ส ร ะ ใ น ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ มุ ส ลิ ม เ รี ย ก ว่ า เ ร อ บั บ ( Rebab) ซึ่ ง มี โ ค ร ง ส ร้ า ง ค ล้ า ย ซ อ ส า ม ส า ย ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ซ อ เ ร อ บั บ ข อ ง อิ น โ ด นี เ ซี ย มี ส อ ง ส า ย ส่ ว น ข อ ง ม า เ ล เ ซี ย มี ส า ม ส า ย ้ ในราชสานักแห่งกรุงรัตนโกสินทร์มีความงามวิ ซอสามสายของไทยพัฒนาขึน จิ ต ร ทั้ ง รู ป ร่ า ง ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ น้ า เ สี ย ง ซ อ คั น ชั ก อิ ส ร ะ ข อ ง ไ ท ย ล า น น า เ รี ย ก ว่ า ส ะ ล้ อ ส่ ว น ซ อ กั ม พู ช า เ รี ย ก โ ต ร ข แ ม ร์ ( TroKhmer) เป็ นซอทีน ่ ิยมใช้ในวงดนตรีพิธีกรรมแต่งงานทีเ่ รียกว่าวงเพลงการ์และดนตรี บ า บั ด ที่ เ รี ย ก ว่ า อ า รั ก ถื อ เ ป็ น ซ อ ส า คั ญ ที่ เ กี่ ย ว เ นื่ อ ง กั บ พิ ธี ก ร ร ม ข อ ง ค น กั ม พู ช า ม า ช้ า น า น ส่ ว น ซ อ ที่ สี ด้ ว ย คั น ชั ก อ ยู่ ร ะ ห ว่ า ง ส า ย คื อ ซ อ ด้ ว ง ซ อ อู้ ข อ ง ไ ท ย มี ต้ น เ ค้ า จ า ก ซ อ จี น ที่ เ รี ย ก เ อ้ อ ร์ หู ( Erhu) ห า ก แ ต่ ใ ช้ ภู มิ ปั ญ ญ า ไ ท ย ป รุ ง แ ต่ ง น้ า เ สี ย ง ใ ห้ มี เ อ ก ลั ก ษ ณ์ เ ฉ พ า ะ เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ ซ อ กั ม พู ช า ที่ เ รี ย ก ต รั ว ซ อ โ ต ช ตรัวซอธมซอสองสายทีเ่ ป็ นแบบพื้นบ้านพื้นเมืองยังพบในชนเผ่าผูไ้ ททาจากก ร ะ บ อ ก ไ ม้ ไ ผ่ เ รี ย ก ซ อ บั้ ง แ ล ะ ซ อ กั น ต รึ ม ข อ ง ช น เ ผ่ า ไ ท ย ้ จากไวโอลินยุโรป เขมรในภาคอีสานใต้ ส่วนในพม่า มีซอพิเศษทีพ ่ ฒ ั นาขึน แบ่งออกเป็ นไวโอลินแบบวางตัง้ ฉากกับ พื้ น สี ในวงเครื่อ งสายชนเผ่า มอญ กับไวโอลินที่มีท่อขยายเสียงเป็ นลาโพงโลหะทีเ่ รียกตะยอ Tayor หรือตอลอ เล่นในวงดนตรีของพวกไตในรัฐฉาน 3. เครือ ่ งดนตรีประเภทเครือ ่ งเป่ า 3.1 เครือ ่ งเป่ าลมไม้ มี ต ง้ ั แต่เ ครื่อ งดนตรีพื้ นบ้านที่อ อกแบบอย่างอิสระในด้านรูป ทรงวัสดุ จนถึงเครือ ่ งดนตรีมาตรฐาน ส่วนใหญ่เป็ นเครือ ่ งเป่ าทีบ ่ งั คับลมจากทิศด้านบน มีเครือ ่ งดนตรีน้อยชิ้นในกลุม ่ เครือ ่ งเป่ าแบบมีลน ิ้ ปี่ ทีเ่ ป่ าลมทางด้านข้างเครือ ่ งเ ป่ าแบบนี้มีเสียงตัง้ แต่เสียงต่าเสียงกลาง และเสียงสูง ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
เ ค รื่ อ ง เ ป่ า แ บ บ มี ลิ้ น เ รี ย ก ว่ า " ปี่ " ( oboe) ส่ ว นเครื่อ งเป่ าแบบไม่ มี ลิ้ น เรี ย กว่ า "ขลุ่ ย " (flute) นอกจากนี้ ย งั มี "แตร" (trumpet) ทีน ่ าเข้ามาจากวัฒนธรรมตะวันตกในช่วงอาณานิคม ปี่ ไทยเป็ นปี่ ลิ้ น คู่ (Double reed) รู ป แบบท่ อ ป่ องกลางหัว ท้ า ยเล็ ก มี ม ากหลายชนิ ด เช่ น ปี่ นอก ปี่ ใน ปี่ กลาง เล่ น ในวงปี่ พาทย์ พิ ธี ก รรม ในดนตรี ภ าคกลางยัง มี ปี่ ที่ไ ด้ร บ ั อิท ธิพ ลจากประเทศเพื่อ นบ้า นเช่น ปี่ ชวา ปี่ ม อ ญ ส่ ว น ใ ห ญ่ นิ ย ม น า ม า ใ ช้ กั บ พิ ธี ก ร ร ม ที่ เ ป็ น ง า น อ ว ม ง ค ล ส่วนทางภาคใต้มีปี่กาหลอ ปี่ โนรา ปี่ หนัง ภาคเหนื อมีปี่ลิ้นอิสระ (freereed) เ รี ย ก ปี่ ชุ ม ห รื อ ปี่ จุ ม ( ห ม า ย ถึ ง ก า ร ชุ ม นุ ม ปี่ เ ป็ น ชุ ด ) ภาคอี ส านมี เ ครื่ อ งเป่ าที่ เ รี ย กว่ า "แคน" ซึ่ ง เป็ นเครื่ อ งลิ้ น อิ ส ระเช่ น กัน ส ร้ า ง เ สี ย ง ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ มี สี สั น ป ร ะ ส า น กั น ไ ด้ อ ย่ า ง น่ า ฟั ง นอกจากนี้ ย งั มี ปี่ พื้ น เมื อ งที่ เ รี ย กว่ า ปี่ แน นิ ย มใช้ ท างภาคเหนื อ ของไทย ใ ช้ เ ป่ า ใ น ข บ ว น แ ห่ ปี่ ลั ก ษ ณ ะ นี้ ที่ ป ร ะ เ ท ศ พ ม่ า เ รี ย ก ว่ า เ น ( Hne) นอกจากนี้พม่ายังมีเครือ ่ งเป่ าทีค ่ ล้ายกับขลุย่ ทีเ่ หมือนกับขลุย่ อูข ้ องไทยและขลุ่ ย เ ล็ ก เ สี ย ง แ ห ล ม เ รี ย ก ว่ า ป ะ ล เ ว ( Palwei) เ วี ย ด น า ม มี เ ค รื่ อ ง ด น ต รี ที่ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง เ ป่ า ห ล า ย ช นิ ด มีทง้ ั ทีเ่ ป่ าทางด้านข้างและด้านบนชนิดทีน ่ ิยมแพร่หลายเรียกว่า ชิก หรือซจิก ( Dich) บ า ง ที เ รี ย ก ว่ า ซ า ว ( Sao) เ ป็ น ข ลุ่ ย ที่ มี 6 รู เ ป่ า ท า ง ด้ า น ข้ า ง อีกชนิดหนึ่งเรียกว่าเตียว (Tieu)เป็ น End Blown Flute อีกชนิดเรียกว่าแคน ( Ken) มี 3 ข น า ด คื อ ข น า ด เ ล็ ก กลางและใหญ่นอกจากนี้ ย งั มี เ ครื่อ งเป่ าประเภทแคนเรีย กว่า เช็ ง (Sheng) ที่ ฟิ ลิ ป ปิ น ส์ มี เ ค รื่ อ ง เ ป่ า ที่ เ รี ย ก ว่ า ซั ก ก า ย โ ป ( Saggeypo) คล้า ยกับ โหวตทางภาคอี สานของไทย มี ข ลุ่ย ที่เป่ าด้วยรูจมู กชื่อ ว่า ตองกาลี ( Tongali)บ า ง ที ก็ ใ ช้ ข ลุ่ ย แ บ บ เ ดี่ ย ว ที่ เ รี ย ก ว่ า ซู ลิ ง ( Suling) เครื่ อ งเป่ าของอิ น โดนี เ ซี ย และมาเลเซี ย มี ปี่ เหมื อ นกัน เรี ย กว่ า ปี่ เซรู ไ น (Suranai) คือ ปี่ ชวาที่ไทยรับ เข้ามา และมี ข ลุ่ย ไม้ไผ่เรีย กว่าซู ลิง (Suling) เ สี ย ง ไ พ เ ร า ะ ใ ช้ บ ร ร เ ล ง กั บ พิ ณ กั จ ช า ปิ ( Kacapi) เป็ นเครื่อ งดนตรีที่มี ชื่อ เสี ย งในเขตชวาตะวันตก(WestJava หรือ Sunda) มี แ คนที่ ท าด้ ว ยลู ก น้ า เต้ า กระจายอยู่ ท างตอนใต้ ข องจี น ลาว เวี ย ดนาม และทางภาคเหนือของประเทศไทย เ สี ย ง แ ค น ข อ ง อุ ษ า ค เ น ย์ เ ป็ น เ สี ย ง ที่ แ ฝ ง ค ว า ม เ ชื่ อ เ ชิ ง วั ฒ น ธ ร ม พิ ธี ก ร ร ม ม า ก ในอดีตจะใช้ในการรักษาบาบัดผูเ้ จ็บไข้ได้ป่วยและประกอบการอัญเชิญดวงวิ ญญาณศัก ดิ ์สิ ท ธิ ์ ต่ อ มาคลี่ ค ลายเป็ นการสร้า งเสี ย งประกอบการขับ ล า เล่านิทาน และในทีส ่ ุดป็ นดนตรีแห่งความบันเทิงดังเช่นปัจจุบน ั 3.2 เครือ ่ งเป่ าโลหะ แ ม้ จ ะ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง เ ป่ า ที่ พ บ น้ อ ย ก ว่ า เ ค รื่ อ ง เ ป่ า ล ม ไ ม้ แต่แสดงถึงความเชือ ่ มโยงทางวัฒนธรรมระหว่างผูค ้ นในอุษาคเนย์กบ ั โลกตะวั ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
น ต ก อ ย่ า ง น่ า ส น ใ จ โดยเฉพาะการขยายอิ ท ธิ พ ลยุ โ รปในช่ ว งเวลาของการรุ ก ล่ า อาณานิ ค ม ก า ร ข ย า ย ฐ า น อ า น า จ ท า ง ก า ร ทู ต ก า ร ค้ า ศ า ส น า แ ล ะ ก า ร ท ห า ร เ รี ย ก ร ว ม ๆ ว่ า เ ป็ น เ ค รื่ อ ง เ ป่ า ต ร ะ กู ล แ ต ร เนื่องจากสร้างเสียงโดยการอัดลมผ่านกาพวดโลหะสะท้อนเสียงผ่านตัวเครือ ่ งที่ เป็ นโลหะเช่นกัน ไทยมีแตรฝรั่งวิลน ั ดาตัง้ แต่สมัยพระนารายณ์ มหาราชและใช้เป็ นเครือ ่ ง ป ร ะ โ ค ม ใ น ด น ต รี ร า ช ส า นั ก ม า จ น ก ร ะ ทั่ ง ทุ ก วั น นี้ นอกจากนี้ก็มีโยธวาทิตและแตรวง (Military Band and Marching Band) ทีใ่ ช้ในกองทัพหรือชุมชนชาวบ้านโดยมีระเบียบแบบแผนการบรรเลงทีแ ่ ตกต่ า ง กั น ไ ป ส า ห รั บ ม า เ ล เ ซี ย มี ว ง โ น บั ด ( Nobat) ที่ ใ ช้ ใ น ร า ช ส า นั ก สุ ล ต่ า น เ มื อ ง ต่ า ง ๆ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย แ ต ร ข น า ด ย า ว แ ล ะ ก ล อ ง ส อ ง ห น้ า เป็ นดนตรีประโคมยกย่องทีส ่ าคัญมาก ก า ร ศึ ก ษ า เ รื่ อ ง เ ค รื่ อ ง ด น ต รี อุ ษ า ค เ น ย์ มิ ใ ช่ แ ค่ ชื่ อ เ รี ย ก ห รื อ ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ใ น ด้ า น ก า ย ภ า พ เ ท่ า นั้ น แ ต่ ยั ง ค ว ร เ อ า ใ จ ใ ส่ ถึ ง ก า ร ตั้ ง ร ะ บ บ เ สี ย ง ก า ร ใ ช้ เ ท ค นิ ค ที่ แ ต ก ต่ า ง ใ น ก า ร ส ร้ า ง ท า เ สี ย ง ก า ร ร ว ม เ ค รื่ อ ง ด น ต รี เ ข้ า ม า เ ป็ น ว ง ที่ มี ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย ม า ก รวมทัง้ บทบาททีเ่ คลือ ่ นเลือ ่ นไหลไปตามความเปลีย่ นแปลงของสังคมวัฒนธรร ม เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ก า ร เ มื อ ง ค ว า ม เ ชื่ อ ล้วนแล้วเป็ นเรือ ่ งทีค ่ วรเอาใจใส่ศก ึ ษาวิเคราะห์ในรายละเอียดกันต่อไป เพลงชุดอาเซียน (ASEAN SUITE) ผศ.ภาณุ ภคั โมกขศักดิ ์
เพลงชุดอาเซียนประพันธ์ขน ึ้ โดยการนาทานองทีโ่ ดดเด่นบางส่วนของบทเพล งทีแ ่ สดงอัตลักษณ์ หรือเพลงทีไ่ ด้รบั ความนิยมของแต่ละชาติในภูมภ ิ าคอาเซียนมาป รับ ให้ มี ร ะดับ เสี ย งเดี ย วกัน ทั้ง ชุ ด ประกอบด้ ว ยเพลงส า เนี ยงของชาติ ต่ า ง ๆ ในอาเซี ย นจ านวน 10 เพลง โดยแต่ ล ะเพลงแบ่ ง เป็ น 2 ท่ อ น คื อ ท่ อ น 1 เ ป็ น ก า ร เ รี ย บ เ รี ย ง ท า น อ ง ใ ห้ ใ ก ล้ เ คี ย ง กั บ ท า น อ ง เ ดิ ม ข อ ง ช า ติ นั้ น ๆ ม า ก ที่ สุ ด ส า ห รั บ บ ร ร เ ล ง เ ดี่ ย ว เ ค รื่ อ ง ด น ต รี แ ล ะ ท่ อ น 2 ้ ใหม่โดยยังคงไว้ซง่ึ สาเนี ยงเดิมตามเพลงของชาติน้น เป็ นการประพันธ์ทานองขึน ั ๆ สาหรับการบรรเลงทัง้ วง ซึ่งเพลงในชุดนี้ ประกอบด้วยเพลงสาเนี ยงของชาติต่าง ๆ ในอาเซียนทัง้ หมด 10 เพลง รวมเรียกว่า “เพลงชุดอาเซียน” อันประกอบด้วย
1. ส าเนี ย งลาว ได้ แ ก่ บทเพลงดวงจ าปา ซึ่ ง หมายถึ ง ดอกจ าปา ห รื อ ด อ ก ลั่ น ท ม ห รื อ เ รี ย ก อี ก ชื่ อ ห นึ่ ง ว่ า ด อ ก ลี ล า ว ดี เป็ นดอกไม้ ป ระจ าชาติข องประเทศลาว บทเพลงประพัน ธ์ ขึ้ น โดยฯพณฯ ท่ า น อุ ต ม ะ จุ ล ม ณี อ ดี ต รั ฐ ม น ต รี ว่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร ล า ว ในช่ ว งที่ เ ข้ า ร่ ว มขบวนการต่ อ สู้ กู้ เ อกราชจากฝรั่ง เศส โดยท่ า น อุ ต มะ ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
จุลมณี ได้ใช้ดอกจาปาทีช ่ าวลาวนิยมปลูกแต่ในอดีตเป็ นสือ ่ ถึงความรักแผ่นดิน ถิ่ น เกิ ด ของชาวลาว โดย ใช้ ท านองขับ ทุ้ ม หลวงพระบางในการเอื้ อ น เพลงดวงจาปา 2 . ส า เ นี ย ง เ ข ม ร ไ ด้ แ ก่ บ ท เ พ ล ง Arapiya ห รื อ I’m happy เ ป็ น บ ท เ พ ล ง ที่ สื่ อ ถึ ง ค ว า ม สุ ข ข อ ง ช า ว กั ม พู ช า เนื่องจากบทเพลงมีจงั หวะสนุกสนานและมีทว่ งทานองเรียบง่ายจึงทาให้บทเพล งได้รบ ั ความนิยมอย่างมากในงานรืน ่ เริงทั่วไป 3 . ส า เ นี ย ง ม า เ ล เ ซี ย ไ ด้ แ ก่ บ ท เ พ ล ง Rasa Sayang ซึง่ เป็ นบทเพลงพื้นบ้านในภาษามาเลย์ทีไ่ ด้รบ ั ความนิยมแพร่หลายมายาวนาน บทเพลงแสดงความรูส้ ก ึ ของการตกอยูใ่ นห้วงแห่งความรัก 4 . ส า เนี ย งพม่ า ได้ แ ก่ บ ท เพลง Shwe Man Taung Yeik Kho ซึ่ ง ห ม า ย ถึ ง ใ ต้ ร่ ม เ ง า แ ห่ ง ภู เ ข า มั ณ ฑ ะ เ ล ย์ บทเพลงประพันธ์ขน ึ้ เพือ ่ สือ ่ ให้เห็นถึงความสงบสุขร่มเย็นภายใต้รม ่ เงาแห่งภูเ ขามัณ ฑะเลย์ นอกจากนี้ เพลงนี้ ได้ ก ลายเป็ นเพลงส า คัญ บทเพลงหนึ่ ง ในเทศกาลสงกรานต์ของชาวเมียนมา 5 . ส า เ นี ย ง อิ น โ ด นี เ ซี ย ไ ด้ แ ก่ บ ท เ พ ล ง Bangsawan Solo เ ป็ น เ รื่ อ ง ร า ว ที่ ก ล่ า ว ถึ ง ต า น า น ข อ ง แ ม่ น้ า โ ซ โ ล ( Solo River) ซึ่ ง เ ป็ น แ ม่ น้ า ส า คั ญ ข อ ง อิ น โ ด นี เ ซี ย ที่ ไ ห ล ผ่ า น ภ า ค ก ล า ง แ ล ะ ภ า ค ต ะ วั น อ อ ก ข อ ง เ ก า ะ ช ว า ซึง่ เป็ นเกาะทีย่ าวทีส ่ ุดของอินโดนีเซีย 6 . ส า เ นี ย ง สิ ง ค โ ป ร์ ไ ด้ แ ก่ บ ท เ พ ล ง Singapura ห ม า ย ถึ ง ประเทศสิงคโปร์บทเพลงมีเนื้อหาทีแ ่ สดงให้เห็นถึงความรักและความภาคภูมใิ จของชาวสิงคโปร์ที่ มีตอ ่ ประเทศชาติทส ี่ งบร่มเย็น 7 . ส า เ นี ย ง ฟิ ลิ ป ปิ น ส์ ไ ด้ แ ก่ บ ท เ พ ล ง Bahay Kubo ซึ่ ง ใ น ภ า ษ า ต า ก า ล็ อ ก แ ป ล ว่ า “กระท่อมน้อย”เป็ นบทเพลงพื้นบ้านของชาวฟิ ลิปปิ นส์ทีไ่ ด้รบ ั ความนิยมมายาว นาน บทเพลงกล่าวถึงกระท่อมทีม ่ ีลกั ษณะ เป็ น ห้ อ ง ท ร ง สี่ เ ห ลี่ ย ม ห้ อ ง เ ดี ย ว ที่ มี เ พี ย ง ป ร ะ ตู แ ล ะ ห น้ า ต่ า ง ของชาวฟิ ลิ ป ปิ นส์ ใ นชนบท ที่ อ ยู่ ร ายล้ อ มไปด้ ว ยพื ช ผัก ผลไม้ น านาชนิ ด แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ ของถิน ่ ทีอ ่ ยูอ ่ าศัย 8 . ส า เ นี ย ง บ รู ไ น ไ ด้ แ ก่ บ ท เ พ ล ง Anding Dida ซึง่ เป็ นบทเพลงสมัยใหม่ทไี่ ด้รบ ั ความนิยมใน ประเทศบรูไน 9. สาเนียงเวียดนาม ได้แก่ บทเพลง Quê HúÓng Vietnam หมายถึง เ วี ย ด น า ม บ้ า น เ กิ ด ข อ ง ฉั น เ ป็ น บ ท เ พ ล ง ข อ ง ช า ว เ วี ย ด น า ม ที่ ส ะ ท้ อ น ค ว า ม รู ้ สึ ก รั ก และผูกพันต่อดินแดนบ้านเกิดเมือ ่ อยูห ่ า่ งไกล 1 0 . ส า เ นี ย ง ไ ท ย ไ ด้ แ ก่ บ ท เ พ ล ง ต้ น ว ร เ ช ษ ฐ์ ห รื อ ต้ น บ ร เ ท ศ ส อ ง ชั้ น แ ล ะ ชั้ น เ ดี ย ว เ ป็ น ท า น อ ง เ ก่ า ส มั ย อ ยุ ธ ย า ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108
อัศมาร์ หมัดเหย็บ 60551701058
ประเภทหน้ า ทับ สองไม้แ ละเป็ นเพลงเร็ ว ที่บ รรจุ ใ นเพลงเรื่อ งเต่า กิน ผัก บุ้ง นิยมใช้เป็ นเพลงประกอบการแสดงโขนละคร
บรรณานุกรม ศรัณย์ นักรบ.(2557).ดนตรีชาติพน ั ธุ์วท ิ ยา.กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สานักงานความสัมพันธ์ตา่ งประเทศสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2554). อาเซียนศึกษา. (พิมพ์ครัง้ ที2 ่ ). กรุงเทพมหานคร: บริษท ั อัมรินทร์พริน ้ ติง้ แอนด์พลับลิชลิง่ จากัด (มหาชน). ศูนย์มนุษวิทยาสิรน ิ ธร.(2553).หนังสือรวบรวมบทความและบทเสวนา
จากการประชุมประจาปี ครัง้ ที่ 8 ผูค ้ นดนตรี ชีวต ิ เล่ม 2 เสียงภาษาไทย.กรุงเทพฯ:ศูนย์มนุษวิทยาสิรน ิ ธร(องค์กรเอกชน). ปัญญา รุง่ เรือง.(2551).ดนตรีโลก ชุดที2 ่ .อาศรมสังคีต,กรุงเทพฯ
คณะกรรมการวิชามรดกอารยธรรมโลก.(2549).มรดกอารยธรรมโลก. (พิมพ์ครัง้ ที3 ่ ).กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. https://asean.org/ http://www.mfa.go.th/
ข้อสอบปลายภาครายวิชาภาษาและวัฒนธรรม GTP5108