บุญ
บุญ ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด เก่ียวกับเร่ ืองของ “ บุญ ” คิดว่าการทำาบุญก็คือ การตักบาตร การถวายทรัพย์ , ปั จจัย การถวายสังฆทาน ฯลฯ เพียงเท่านี้ เป็ นต้น
บุญ “ บุญ ” หรือ “ ปุญญ ” แปลว่า ชำาระ หมายถึงการทำาให้หมดจด จากมลทิน เคร่ ืองเศร้าหมอง อันได้แก่ โลภะ โทสะ และ โมหะ
บุญ ตามพระไตรปิ ฎก เราสามารถสร้าง “ บุญ ” ได้ถึง ๓ อย่าง คือ a.
ทาน
b.
ศีล
c.
ภาวนา
บุญ ๑. ทาน คือ การให้ เช่นท่ีกล่าวมาแล้ว คือ การตักบาตร บริจาคทรัพย์ ถวายสังฆทาน เป็ นต้น ถือเป็ น จาคะ หรือ การให้ นับเป็ น บุญอย่างหน่ ึง แต่มก ี ารให้บางประการท่ีไม่นับเป็ นบุญ เช่น สุรา มหรสพ ให้ส่ิงเพ่ ือกามคุณ เป็ นต้น
บุญ ๒. ศีล คือ ความประพฤติท่ีไม่ละเมิด หรือรักษาความสำารวมทางกาย วาจา การรักษาศีลสำาหรับฆราวาส ได้แก่ ศีล ๕ และอุโบสถศีล ( มี ๘ ข้อ )
บุญ ๓. ภาวนา ภาวนา คือ การอบรมจิต ทางสมถะและทางวิปัสสนา การนัง่สมาธิ เรียกว่า สมถะภาวนา ส่วนการนัง่วิปัสสนา ( สติรู้ถึงรูป – นาม ) เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา
บุญ “ บุญ ” ยังมีอีก ๗ อย่าง ตามอรรถกถา หรือข้อปลีกย่อย นอกเหนือจากพระไตรปิ ฎก นับถัดไปเป็ นลำาดับท่ี ๔ ดังนี้ ๔. อปจายนะ ความเป็ นผู้นอบน้อม ต่อผู้ท่ีควรนอบน้อม
บุญ ๕. เวยยาวัจจะ ความขวนขวายในกิจ หรืองาน ท่ีควรกระทำา ๖. ปั ตติทาน
การให้บุญท่ีตนถึงแล้วแก่คนอ่ น ื
เช่นการ อุทิศส่วนกุศล
การกรวดน้ำา
บุญ ๗. ปั ตตานุโมทนา คือการยินดีในบุญท่ีผู้อ่ืนถึงพร้อมแล้ว เช่น เห็นผู้อ่ืนทำาบุญตักบาตร เม่ อ ื เราพลอยปล้ืมปิ ติยินดี กล่าวอนุโมทนา เพียงเท่านี ก ้ ็ได้บุญแล้ว
บุญ ๘. ธัมมัสสวนะ หรือการฟั งธรรม ไม่ว่าจะฟั งธรรมโดยตรง หรือจากส่ ือวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ ๙. ธัมมเทศนา หรือ การแสดงธรรม เม่ ือได้ศึกษาธรรมะแล้ว การถ่ายทอดให้แก่ผู้อ่ืน นับเป็ นบุญประการหน่ ึงด้วย
บุญ ๑๐. ทิฏฐุชุกรรม คือการกระทำาความเห็นให้ตรง หรือ สัมมาทิฏฐิ นัน ่ เอง
บุญ บุญทัง้ ๑๐ ประการนี้ บางท่ีเรียกกันว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ จะเห็นว่าบุญทำาได้ถึง ๑๐ อย่าง มีเพียงข้อแรกเท่านัน ้ ท่ีต้องใช้ทรัพย์ อีก ๙ ข้อล้วนไม่ต้องใช้ทรัพย์ รู้ว่าบุญทำาได้อย่างนีแ ้ ล้ว วันนี ค ้ ุณทำาบุญแล้วหรือยัง
บุญ ช่วยส่งต่อเร่ ืองบุญนี้ ถือเป็ นบุญประการหน่ ึง
ดังพระพุทธวจนะ “ การให้ธรรมะ ชนะการให้ทัง้ปวง ”