Drugs2

  • November 2019
  • PDF

This document was uploaded by user and they confirmed that they have the permission to share it. If you are author or own the copyright of this book, please report to us by using this DMCA report form. Report DMCA


Overview

Download & View Drugs2 as PDF for free.

More details

  • Words: 3,734
  • Pages: 40
Naproxen (นาพรอกเซน) ชื่อการค้า : Annoxen,Artagen,Flexin,Naprosian,Naproso,Naprosyn,Napxen,Narzen,P olyxen,Proxen,Roxen, Serviproxan,Soproxen,Synflex,Synogin,UProxyl,Vinsen ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาระงับอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ บรรเทาอาการปวด บวม แดงร้อน และลดไข้บรรเทา อาการปวดประจำาเดือน ปวดบวมเนื่องจากอาการอักเสบของข้อ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้อเสื่อม รวมถึงอาการปวด จากโรคเก๊าท์เฉียบพลัน ปวดจากมะเร็ง ปวดศีรษะ อาการปวดหลังการผ่าตัด หลังถอนฟัน และหลังคลอดบุตร วิธีใช้ยา : โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อเสื่อม และข้อสันหลังอักเสบ รับประทานครั้งละ 250 มิลลิกรัม วัน ละ 2-3 ครั้ง หลังอาหารทันที แม้ว่าอาการข้ออักเสบจะดูเหมือนดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ แต่ก็ต้องรับประทานยานี้ อย่างสมำ่าเสมอ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพดีที่สุด อาการปวดจากโรคเก๊าท์ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ไม่ควรใช้นาพรอกเซนกับผู้ปว่ ยโรคกระเพาะอาหารระยะกำาเริบ ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะอาหาร และลำาไส้ ควรใช้ยานี้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด การระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุหรือมีสุขภาพอ่อนแอ เพราะมักจะเป็นแผลเรื้อรัง เลือดออกในทางเดิน อาหารได้ง่ายกว่าคนไข้กลุ่มอื่น มีผลต่อสมองส่วนที่ทำาให้ตื่นตัว จึงควรระมัดระวังหากต้องขับขีย่ านพาหนะหรือทำางานที่เกี่ยวกับเครื่องจักร ไม่แนะนำาให้ใช้ยานี้ในเด็กอายุตำ่ากว่า 2 ขวบ บอกแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาเหล่านี้ที่ใช้ร่วมกันอยู่ เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาได้ เช่น ยาลดการแข็ง ตัวของเลือด (วาร์ฟาริน), แอสไพริน, ยารักษาข้ออักเสบตัวอื่น, เมโธเทรกเซต, โพรเบเนสิด และยาขับ ปัสสาวะ บอกแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับโรคต่อไปนี้ที่เคยเป็นหรือเป็นอยู่ในขณะนี้ได้แก่ กระเพาะอาหารอักเสบ มีเลือด ออกในกระเพาะอาหารและลำาไส้, มีแผลในกระเพาะ หอบหืด โรคไต โรคตับ โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ไม่ควรใช้ยานี้ในหญิงมีครรภ์ นอกจากจำาเป็นจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในหญิงที่กำาลังให้นมบุตร ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานยานี้หลังอาหารทันที

1

เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : ที่พบโดยทั่วไปคือ อาการไม่สบายในท้อง ท้องผูก ปวดท้อง, ปวดแน่นบริเวณลิ้นปี่, คลืน่ ไส้, ปวดศีรษะ, บวมเล็กน้อยตามมือ หรือเท้า, เสียงก้องในหู, การทรงตัวผิดปกติ อาการอื่นที่อาจเกิดคือ ผมร่วง, บวมนำ้า, โลหิตจางซีด, ตับอักเสบ, เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำาไส้, นอนไม่หลับ หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้นควรปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : เนื่องจากยาอาจทำาให้เกิดอาการง่วง, เวียนศีรษะได้ ดังนัน้ จึงควรระมัดระวังหากต้อง ขับรถหรือทำางานเกี่ยวกับ เครื่องจักรขณะใช้ยา การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก Norethisterone (นอร์อีธิสเทอโรน) ชื่อการค้า : ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสติน ซึ่งในขนาดตำ่าๆ สามารถนำามาใช้เป็นยาคุมกำาเนิด โดย ป้องกันการเจริญของไข่ ทำาให้ไม่เกิดการปฏิสนธิขึ้นได้ วิธีใช้ใช้ยา รับประทานยาวันละ 1 เม็ด เป็นเวลาเดียวกัน ทุกวัน โดยเริ่มต้นจากวันแรก ของการมีประจำาเดือน ซึ่งการรับประทานยาเวลาเดียวกันนี้จะช่วยให้ผลการป้องกัน การตั้งครรภ์ได้ผลดี คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ก่อนใช้ยานี้ต้องมีการพิจารณาถึงความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับโดยต้องขอรายละเอียดจากแพทย์หรือ เภสัชกร เพื่อใช้ในการจะเลือกใช้ยา ต้องบอกแพทย์ให้ทราบเมื่อมีอาการแพ้ ฮอร์โมนโปรเจสตินหรือแม้แต่ในการแพ้สารอืน่ ๆ แก่เภสัชกรให้ทราบ ก่อน ต้องปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้ทราบถึงลักษณะอาหารพิเศษที่ต้องรับประทาน เช่น จำากัดเกลือ จำากัดปริมาณนำ้าตาล สามารถใช้ฮอร์โมนโปรเจสตินขนาดตำ่าๆ ในหญิงตั้งครรภ์ได้ ถึงแม้ว่าฮอร์โมนสามารถผ่านทางนำ้านมได้ แต่ก็ ไม่พบปัญหาในสตรีดังกล่าวและฮอร์โมนโปรเจสตินก็แนะนำาให้ใช้ในหญิงที่ให้นมบุตรที่ต้องการคุมกำาเนิดด้วย สามารถใช้ในวัยรุ่นได้โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆ 2

ไม่พบผลข้างเคียงในสตรีสูงอายุที่แตกต่างจากสตรีอายุน้อย ในกรณีที่ท่านมีการใช้ยาอื่นร่วมด้วยต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบถึงยาที่ท่านรับประทาน โดยเฉพาะ ยาเหล่านี้ คาร์บามาเซฟีน (carbamazepine), ฟีโนบาร์บิทาล (phenobarbital), ฟีนิลโตอิน (phenytoin), ไรฟาบูทิน (rafabutin), ไรแฟมปิน (rifampin) ซึ่งยาต่างๆ ดังกล่าวอาจเกิดผล ระหว่างกัน ทำาให้การคุมกำาเนิดไม่ได้ผล หรืออาจเกิดอันตรายใดๆ ได้จึงต้องมีการบอกแพทย์ให้ทราบและ ทำาการเปลี่ยนยา หรือหาวิธีการแก้ไขอื่นๆ ต่อไป ต้องปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการของโรคอื่นๆ โดยเฉพาะโรคต่อไปนี้ โรคหอบหืด โรคลมชักหรือเคยมีประวัติเป็น โรคลมชัก โรคหัวใจหรือระบบไหลเวียนโลหิต โรคไต โรคไมเกรน โรคที่เกี่ยวกับเต้านม โรคระบบประสาม ส่วนกลาง โรคเบาหวาน โรคตับ ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ฯลฯ เมื่อคุณลืมกินยา : ถ้าลืมรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ และให้รับประทานตามเวลาเดิมต่อ ไปในวันรุ่งขึ้น หรืออาจใช้วิธีการคุมกำาเนิดอื่นร่วมด้วยเป็นเวลา 2 วัน ถ้าลืมรับประทาน 2 เม็ด ให้รับประทาน ทันทีที่นึกขึ้นได้ 1 เม็ดและใช้วธิ ีคุมกำาเนิดแบบอื่นร่วมด้วยเป็นเวลา 7 วัน ผลข้างเคียงของยา ถ้ามีอาการเหล่านี้ ต้องปรึกษาแพทย์ทันที เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของประจำาเดือน (ทั้งในแง่ปริมาณและจำานวนวัน) อาการซึมเศร้า ผืน่ คัน มีนำ้านมไหล ส่วนอาการข้างเคียงเหล่านี้ไม่จำาเป็นต้องพบแพทย์ เมื่อมีการใช้ยาเป็นประจำา อาการเหล่านี้จะ หายไปเอง อาการที่พบบ่อย เช่น ปวดท้อง ปวดศีรษะ อารมณ์เปลี่ยน อ่อนเพลีย นำ้าหนักเพิ่ม อาการที่พบน้อย เช่น สิว ปวดเต้านม คลืน่ ไส้ มีปัญหาในการนอนหลับ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ต้องมีการตรวจร่างกายและดูความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อทำาการปรับปรุงขนาด ให้เหมาะสมกับการ เปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นประจำาทุกปี การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Nifedipine (ไนเฟดิพีน) ชื่อการค้า : Adalat,Calcigard,Corecten,Fenamon,Jedipin,Nelapine,Nifecard,Nifelat,Ni ficard,Nyefax,Servidipine,Zenusin

3

ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยานี้บรรเทาอาการปวดเค้นอกโดยเพิ่มเลือดและออกซิเจนมาเลี้ยงหัวใจให้มากขึ้น และยัง ใช้ลดความดันโลหิต ช่วยให้หัวใจไม่ต้องทำางานหนักมาก วิธีใช้ยา : ยานี้มี 2 รูปแบบ คือ แบบแคปซูล รับประทานวันละ 1-3 ครั้ง ขณะท้องว่าง คือก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง และยาเม็ดชนิดที่ออกฤทธิ์ได้นาน รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ขนาดที่ใช้ ขึ้นอยู่กับแพทย์สั่ง ถ้าได้รับยาชนิดเม็ดที่ออกฤทธิ์ได้ นานเวลารับประทานยานี้ห้ามเคี้ยวหรือแบ่งเม็ดยา ให้กลืน ลงไปทั้งเม็ด คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : พยายามรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน ยาจะออกฤทธิ์ได้ดีถ้า รับประทานอย่างสมำ่าเสมอและห้ามหยุดยา เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสเค็มหรือมีเกลือโซเดียมสูง ควรออกกำาลังกายพอเหมาะ เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อถัดไป ให้งดยามื้อที่ลืม และให้ข้ามไปทานยามื้อถัดไปเลย ห้ามรับประทานยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงจะเกิดขึ้นน้อย แต่ก็อาจพบได้ ถ้ามีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด จะเป็นลมโดยเฉพาะเวลาที่เปลี่ยนอิริยาบทจากท่านอนหรือนั่ง ให้เปลี่ยนอิริยา บทอย่างช้าๆ อาจพบอาการ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ร้อนวูบวาบ คลื่นไส้ เจ็บยอดอก ตะคริว เจ็บคอ ถ้าอาการเหล่านี้ไม่หายหรือ รุนแรงขึ้นให้ไปพบแพทย์ ถ้ามีอาการขาหรือเท้าบวม หายใจลำาบาก มีนำ้าหนักเพิ่มขึน้ อย่างรวดเร็ว ใจสั่น มีอาการปวดเค้นอกอย่างรุนแรง หรือเป็นบ่อยๆ หรืออาการปวดคงอยู่นาน ให้รีบไปพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถ้ากำาลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตรหรือกำาลังใช้ยาอื่นอยู่ โดยเฉพาะยาต่อไปนี้คือ ยากลุ่มเบต้าบล๊อคเกอร์ ดิจ๊อกซิน เฟนีโทอิน และยาลดความดันโลหิตสูง หากจะต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟัน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าคุณใช้ยาไนเฟดินพีนอยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและให้พ้นจากมือเด็ก Nortriptyline (นอร์ทริบทิลีน) 4

ชื่อการค้า : Norline,Nortrilen,Nortyline,Ortrip ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ยาต้านอาการซึมเศร้า ใช้ในคนไข้มีอาการซึมเศร้าเหงาหงอย วิธีใช้ยา : ผูใ้ หญ่ 25 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง วัยรุน่ 25-50 มิลลิกรัมต่อวัน เด็ก (อายุ 6-12 ปี) 10-20 มิลลิกรัม ต่อวัน คนสูงอายุ 20-50 มิลลิกรัมต่อวัน ขนาดยาสูงสุดไม่เกินวันละ 150 มิลลิกรัม คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาตามที่แพทย์กำาหนดและห้ามหยุดยาเอง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนในกรณีที่จะต้องใช้ยาตัวอื่นร่วมด้วย เช่น ยาแก้แพ้, ยานอนหลับ, ยากล่อม ประสาท, ยาคลายกล้ามเนื้อ เมื่อมีอาการมึนงงเหมือนจะเป็นลมในขณะที่ลุกขึ้นจากที่นอนหรือท่านั่ง การค่อยๆ ลุกขึน้ อย่างช้าๆ จะช่วยให้ อาการเหล่านี้ลดลงได้ เมื่อปากแห้งให้อมลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มนี ำ้าตาลจะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น การใช้ยานี้จะทำาให้ผิวหนังไวต่อแสงมากขึ้น โดยอาจเกิดผื่นแดง, คันหรือผิวไหม้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะช่วง 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง และควรใช้ยาทา กันแดด (SPF 15) ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าใช้ยานี้ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดเพราะมันอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ ในคนไข้เบาหวาน ยานี้อาจมีผลให้ระดับนำ้าตาลในเลือดสูงขึ้น การใช้ยานี้อาจทำาให้ง่วงนอน จึงควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักร ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะทำาให้ท่านมีอาการง่วงนอนมากขึ้น เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : คลืน่ ไส้, ปวดศีรษะ, รู้สึกเหนื่อย, อ่อนเพลีย, สับสน, นอนไม่หลับ (อาการเหล่านี้จะดีขึ้นเมื่อ ใช้ยาไประยะหนึ่ง แต่ถ้ายังคงรุนแรงอยู่ควรปรึกษาแพทย์) ปากแห้ง, ตาพร่า, ท้องผูก, หัวใจเต้นผิดปกติ, ปัสสาวะไม่ออก, ปวดตา, ประสาทหลอน, ตัวสั่น, ชีพจรเต้นผิดปกติ, ผืน่ คันผิวหนัง, เจ็บคอ, มีไข้, ตาเหลือง, มีจำ้าเลือดหรือรอยชำ้า (ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าอาการยังคงรุนแรงอยู่) คำาเตือนและข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้ในคนที่เป็นโรคหัวใจ ต้อหิน หญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร คนไข้ที่ได้รับยา MAO-inhibitor ควรหยุดยาก่อน 2 สัปดาห์ แล้วจึงให้ยานี้ 5

การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Phenytoin (เฟนนิโตอิน) ชื่อการค้า : Dilantin,Ditoin,Ditomed,Pepsytoin,Phenytoin KP ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาที่ใช้รักษาโรคลมชักชนิดต่างๆ ยาจะไปออกฤทธิ์ที่สมองและระบบประสาท แพทย์ อาจจะใช้ยาตัวนี้ตัวเดียวหรือใช้ร่วมกับยาตัวอื่นในการควบคุมโรคลมชัก โดยปกติจะทานวันละ 2-3 ครั้ง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามหยุดยาหรือเปลี่ยนขนาดยาเอง และถ้ายังมีอาการชักอยู่ระหว่างที่ ใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ ยาสามารถทำาให้เกิดอาการวิงเวียน เห็นภาพไม่ชัด และง่วงนอนได้ ดังนั้นจึงไม่ควรขับรถหรือทำางานเกี่ยวกับ เครื่องจักร จนกว่าจะแน่ใจว่ายามีผลอะไรต่อตัวคุณ ระหว่างใช้ยาควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และควรระวังการใช้ยาแก้แพ้ (มักใช้ในยารักษาหวัดและโรค ภูมิแพ้) เพราะจะทำาให้ง่วงยิ่งขึ้น การใช้ยาในเด็ก จะต้องคอยสังเกตพฤติกรรม, อารมณ์, สมาธิ, ความสามารถในการใช้มือ-ตา ว่าสัมพันธ์กัน หรือไม่ อาจจะขอร้องให้ครูช่วยสังเกตเด็กด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยในการตัดสินใจของแพทย์ว่า จะให้ยาต่อ ไปหรือต้องเปลี่ยนขนาดยาหรือเปลี่ยนใช้ยาตัวใหม่ เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : เหงือกบวมแดงและมีเลือดออก จะต้องดูแลทำาความสะอาดฟันเป็นพิเศษ ใช้ไหมขัดฟันและนวดเหงือก พบ ทันตแพทย์เพื่อตรวจดูสุขภาพฟันสมำ่าเสมอ ปรึกษาแพทย์ถ้าอาการเป็นรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดแน่นท้อง เบื่ออาหาร กลืนลำาบาก ให้รับประทานยาพร้อมอาหาร หรือดื่มนำ้าตามมากๆ ถ้า อาการเหล่านี้ยังมีอยู่ให้ปรึกษาแพทย์ ง่วง วิงเวียน กล้ามเนื้อกระตุก ตาพร่า เห็นภาพซ้อน นอนไม่หลับ ปรึกษาแพทย์ถ้าอาการเหล่านี้เป็นรุนแรงและ อาการยังคงอยู่ 6

ผืน่ ขึ้น พูดไม่ชัด ปัสสาวะเป็นสีคลำ้า ไข้ เจ็บคอ หยุดยาและรีบไปหาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ถ้ากำาลังตั้งครรภ์หรือกำาลังให้นมบุตรหรือเป็นโรคตับ ไต หรือเบาหวาน จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา ยาตัวนี้จะลดประสิทธิภาพของยาเม็ดคุมกำาเนิด จึงควรเปลี่ยนไปใช้วิธีคุมกำาเนิดแบบอื่น การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Piroxicam (ไพรอกซิแคม) ชื่อการค้า : Bicam,Brexin,Candyl,Felcam,Feldene,Felrox,Finfo,Ifemed,Maswin,Pirax, Piroxam,Piroxcin,Piroxcin, Piroxen,Piroxsil,Polyxicam,Posedene,Pyroxyl,Roccaxin,Roxifen,Roxyca m,Sotilen,Xicam ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาบรรเทาอาการปวดซึ่งสาเหตุมาจากข้ออักเสบและยังสามารถใช้บรรเทาอาการปวด ประจำาเดือนและ การปวดหลังการผ่าตัด และหลังการคลอดลูก วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้งหลังอาหารทันที สำาหรับรักษาข้ออักเสบ ปฏิบัติตามคำาแนะนำาอย่าง ระมัดระวังและถามเภสัชกร หรือแพทย์ให้อธิบายส่วนที่ไม่เข้าใจ อาจต้องใช้ยานี้เป็นประจำาหลายสัปดาห์เพื่อผล การรักษาข้ออักเสบ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : รับประทานตามจำานวนและเวลาที่ระบุบนซองยา ถ้าต้องการเพิ่มขนาดยาเพื่อบรรเทาอาการควรจะปรึกษาแพทย์ ก่อน อาจทำาให้เกิดอาการวิงเวียน จึงไม่ควรขับรถหรือทำางานเกี่ยวกับเครื่องจักรเมื่อรับประทานยา เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า 7

ผลข้างเคียง : ปกติพบไม่บ่อย แต่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้ให้รับประทานยาพร้อมกับอาหาร เล็กน้อยและ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ถ้าอาการนี้ยังคงมีอยู่หรือรุนแรงขึ้นให้ปรึกษาแพทย์ ถ้าพบ อาการวิงเวียน ปวดหัว มึนงง ผืน่ มีเสียงในหู เท้า และขาบวม ควรปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ก่อนที่จะได้รับไพรอกซิแคม ควรบอกแพทย์ก่อนถึงยาที่คุณกำาลังใช้อยู่ โดยเฉพาะ ลิเธียม ยาต้านการแข็งตัวของ เลือด เช่น แอสไพริน ยาอื่นๆ ที่ใช้รักษาข้ออักเสบและยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน โรคที่เคยเป็น หรือเป็นอยู่ เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ, เลือดออกจากกระเพาะหรือทวารหนัก, แผลใน กระเพาะ, การอุดตันที่ลำาไส้ใหญ่, โรคไต, โรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง กำาลังตั้งครรภ์หรือกำาลังให้นมบุตร เคยมีอาการข้างเคียงหรือแพ้ยาหรือยาที่ใช้รักษาข้ออักเสบ ห้ามใช้แอสไพรินในขณะที่กำาลังใช้ไพรอกซิแคมเว้นเสียแต่แพทย์สั่งให้ใช้ อย่าให้คนอื่นมาใช้ยาของคุณ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Pravastatin (พราวาสแททิน) ชื่อการค้า : Mevalotin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เพื่อลดคลอเรสเตอรอลและไขมันในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุทำาให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดง แข็งตัวเป็นผลให้หลอดเลือดแดงขาดความยืดหยุ่น ลดการไหลเวียนของเลือด ลดการนำาออกซิเจนไปยังหัวใจ สมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย การมีระดับคลอเรสเตอรอลและไขมันในเลือดตำ่าจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ, ภาวะหัวใจขาดเลือด, สมองขาดเลือดและหัวใจวายได้ วิธีใช้ : รับประทาน 1 เม็ดก่อนนอน ใช้ตามคำาแนะนำาของแพทย์อย่างเคร่งครัด ถามเภสัชกรหรือแพทย์ ในส่วนที่ คุณไม่เข้าใจ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : 8

ตรวจเลือดเพื่อวัดการทำางานของตับ ระดับคลอเรสเตอรอลและไขมัน ตรวจการทำางานของตา งดสูบบุหรีค่ วบคุมอาหารออกกำาลังกาย ควบคุมนำ้าหนัก ถ้าคุณมีความดันโลหิตสูงหรือเป็นเบาหวาน ต้องใช้ยาตามคำาแนะนำาอย่างเคร่งครัดและควบคุมอาหารตามแพทย์ แนะนำา (รับประทานอาหารที่มีโซเดียมตำ่าหรือจำากัดอาหารเค็ม) เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียงของยา : มีผลระบบทางเดินอาหาร เช่น แน่นท้อง จุกเสียด การรับรสเปลี่ยนไป ท้องเสีย ท้องผูก ผืน่ ขึ้น ปวดหัว การมองเห็นไม่ชัดเจน ถ้าอาการเหล่านี้อยู่เป็นเวลานานให้ปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการกล้ามเนื้อเป็น ตะคริว มีไข้ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย การมองเห็นเปลี่ยนไป ควรปรึกษาแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ห้ามให้ขณะมีครรภ์ ให้นมบุตร ถ้ามีครรภ์ขณะรับประทานให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ ปรึกษาแพทย์ถ้าหากคุณเป็นโรคตับ ไต หัวใจ ติดเชื้ออย่างรุนแรง ความดันโลหิตตำ่า ลมชัก หรือแพ้ยา ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกร ถ้ารับประทานยาอื่นอยู่ เช่น warfarin, cyclosporin, erytromycin, gemfibrozil, cholestyramine และ niacin แอลกอฮอล์มีผลต่อการเกิดระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารที่เกิดจากยาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ แอลกอฮอล์ในขณะที่ใช้ยา การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสงแดด, ความร้อนและความชื้น Prazosin (พราโซซิน) ชื่อการค้า : Atodel,Lopress,Minima,Minipress,Mysial,Parabowl,Polypress,Pratsiol,Pr essin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาที่ใช้ในการควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง โดยทำาให้หลอดเลือดคลายตัว ทำาให้ เลือดสามารถไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ง่าย นอกจากนี้ยังใช้ในการบรรเทาอาการของต่อมลูกหมากโตด้วย 9

วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 3 ครั้ง ในตอนเช้า บ่ายและก่อนนอน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ยานี้อาจทำาให้เกิดอาการ วิงเวียนศีรษะ และเป็นลมได้ โดยเฉพาะหลังการรับประทานยานี้ครั้งแรก ดังนั้นหลัง การรับประทานยาครั้งแรก จึงควรนอนพักอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงแล้วจึงค่อยๆ ลุกขึน้ ช้าๆ การรับประทานยานี้ ก่อนนอนจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ บางครั้งอาจจะต้องรับประทานยาเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ จึงจะได้ผลเต็มที่ ห้ามหยุดรับประทานยานี้เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง และตรวจวัดความดันโลหิตของท่านอย่างสมำ่าเสมอ ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมตำ่าและออกกำาลังกายพอเหมาะ เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้านึกได้เมื่อใกล้ถึงเวลารับประทานยามื้อต่อไปก็ให้เว้นยามื้อที่ ลืมและข้ามไปรับประทานยามื้อถัดไปเลย ห้ามรับประทานยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ ง่วงนอน, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, ใจสั่น อาการเหล่านี้จะหายไปในสัปดาห์แรกๆ ของการรักษาแต่ถ้าอาการเหล่านี้ รุนแรง หรือยังมีอาการอยู่ตลอดเวลาการใช้ยา ให้ไปพบแพทย์ อาจเกิดอาการเป็นลมกระทันหัน เตือนให้คนใกล้ชิดทราบว่าถ้าเกิดขึ้นให้พาไปพบแพทย์ ถ้ามีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ ปวดท้อง ให้รับประทานยาพร้อมอาหารและถ้าอาการต่างๆ นีร้ ุนแรงขึ้นให้ไปพบ แพทย์ ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอก หรือหายใจหอบ ให้ไปพบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ ถ้าหากเป็นโรคไต หรือมีภาวะง่วงหลับ (narcolepsy) กำาลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร หากต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือทำาฟัน ให้แจ้งแพทย์ทราบว่าท่านกำาลังใช้ยาพราโซซินอยู่ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะไปเพิ่มอาการวิงเวียนศีรษะและอาการง่วงนอนจากยานี้ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะที่ปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก Procainamide (โพรเคนาไมด์) 10

ชื่อการค้า : Pronestyl ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ลดการทำางานที่มากเกินไปของหัวใจ วิธีใช้ยา : รับประทานทุก 4-6 ชม. ตามคำาสั่งแพทย์ ยานี้จำาเป็นต้องรับประทานให้ตรงเวลาอย่างสมำ่าเสมอ ไม่ ควรหยุดยาเพราะจะทำาให้อาการเป็นมากขึ้น คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ห้ามหยุดใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ หรือเพิ่มขนาดยาหรือรับประทานบ่อยกว่าที่แพทย์สั่ง ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามผลการใช้ยา ปฎิบัติตามคำาแนะนำาของแพทย์ในเรื่องการรับประทานอาหาร เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การออกกำาลังกาย สูบ บุหรี่ บุหรี่และคาเฟอีนในเครื่องดื่มจะทำาให้หัวใจเต้นผิดจังหวะมากขึ้น และจะรบกวนการออกฤทธิ์ของโพร เคนาไมด์ เมื่อคุณลืมกินยา : ถ้ารับประทานยาทุก 6 ชม. หากนึกได้เมื่อเลยเวลารับประทานมาน้อยกว่า 3 ชม. ให้รับประทานทันทีแล้วรับ ประทานยามื้อต่อไปตามเวลาปกติ แต่ถ้าหากเลยเวลารับประทานยามามากกว่า 3 ชม. ให้รับประทานทันทีที่นึก ได้ และให้งดยามื้อต่อไป หลังจากนั้นให้รับประทานยาตามเวลาปกติ ถ้ารับประทานยาทุก 4 ชม. หากนึกได้เมื่อเลยเวลามาน้อยกว่า 2 ชม. ให้รีบรับประทานทันทีแล้วรับประทาน ยามื้อต่อไปตามเวลาปกติ หากนึกได้เมื่อเวลาผ่านมามากกว่า 2 ชม. ให้รับประทานทันทีและงดยามื้อต่อไป หลังจากนั้นให้รับประทานยาตามเวลาปกติ ผลข้างเคียงของยา : อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย รู้สึกขมในปาก เบื่ออาหาร หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีอาการหนาวสั่น มีไข้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปากหรือเหงือก ผิวหนังคันแดงมีผื่นหรือตุ่ม มีเลือด ออกผิดปกติหรือมีจำ้าเลือด หายใจลำาบาก ไอ มีเสมหะสีเหลืองหรือเขียว อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เป็นลม ให้รีบไป พบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถ้าหากกำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เป็นโรค miasthenia gravis โรคตับ ไต หรือหัวใจ 11

ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีการใช้ยาอื่นอยู่ โดยเฉพาะ ไซเมทิดีน, รานิทิดีน, ไดโสพัยราไมด์, ยาลดความดัน โลหิต, เฟนิโทอีน และ ควินิดีน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเคยแพ้ยาหรือสารต่อไปนี้: ยาชาเฉพาะที่ (เช่น ยาชาเมื่อทำาฟัน), แอสไพริน, สี เหลือง (tartrazine) หรือ ซัลไฟด์ในอาหาร ยาหรือเครื่องดื่ม การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากความร้อนและความชื้นและจากมือเด็ก Propranolol (โพรพราโนลอล) ชื่อการค้า : Atensin,Betalol,Betapress,Cardenol,Emforal,Inderal,Normpress,Palon,Per lol,Pralol,Prolol,Pronosil, Ranolol,Servanolol ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้สำาหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูง เจ็บ หรือแน่นหน้าอก หรือมีอาการใจสั่น นอกจาก นัน้ ใช้สำาหรับป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน หรือป้องกันการเกิดเป็นซำ้าของภาวะหัวใจล้มเหลว วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารประมาณ 15-30 นาที เวลาเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน รับประทานยาพร้อมกับดื่มนำ้าตามมากๆ หรืออาจจะทานนม หรือนำ้าผลไม้แทนนำ้าเปล่าก็ได้ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ปฎิบัติตัวตามคำาแนะนำาของแพทย์หรือเภสัชกร ถ้าสงสัยหรือไม่เข้าใจคำาแนะนำาให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร ควรรับประทานยาให้สมำ่าเสมอ และติดต่อกันตลอดเวลา อย่าหยุดยาเองโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่งให้หยุด เพราะจะทำาให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ควรทำาการตรวจวัดชีพจรเป็นประจำาทุกวัน ถ้าชีพจรมีการเต้นช้ากว่าปกติที่ควรจะเป็นมาก ควรปรึกษาแพทย์ ทันที ควรพบแพทย์ตามเวลานัดทุกครั้ง ควรกินอาหารประเภทรสเค็มให้น้อยลง เช่น เกลือ ซอส ซีอิ๊ว นำ้าปลา หรือแม้แต่ผงชูรสก็และไม่ควรรับประทาน อาหาร ประเภทหมัก ดอง ควรงดอาหารที่มีไขมันและโคเลสเตอรอลสูง เช่น นม เนย ควรใช้นำ้ามันพืชซึ่งมีปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ในการปรุงอาหาร เช่น นำ้ามันข้าวโพด นำ้ามันถั่วเหลือง นำ้ามันฝ้าย และนำ้ามันดอกคำาฝอย เป็นต้น การลดนำ้าหนักในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง จะทำาให้ความดันโลหิตลดลงได้ ทำาให้หัวใจทำางานน้อยลง ควรงดสูบบุหรี่ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 12

เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ และรับประทานยามื้อต่อไปตามเวลาปกติ ห้ามรับประทาน ยาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะจะทำาให้เกิดพิษ หรืออาการข้างเคียงจากยาได้ง่ายขึ้น ผลข้างเคียงของยา : พบอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยานี้น้อย อาการข้างเคียงที่พบในระบบทางเดินอาหารคือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก หากเกิดอาการเหล่า นี้ เวลารับประทานยาควรดื่มนำ้าตามมากๆ หรือรับประทานของว่างเล็กน้อยก่อนรับประทานยา อาจเกิดอาการมือและเท้าเย็น รูส้ ึกหวิวๆ มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ รูส้ ึกสับสน ฝันร้าย ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ ติดต่อกันนาน ควรปรึกษาแพทย์ หากเกิดอาการต่อไปนี้ให้รีบติดต่อแพทย์ : หายใจขัด หายใจเสียงหวีดหรือรู้สึกหายใจลำาบาก อ่อนเปลี้ย แขนขา ไม่มีแรง มีอาการเจ็บหน้าอก ชีพจรเต้นช้าลง รู้สึกเหมือนจะเป็นลม คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากกำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ถ้าคุณมีโรคประจำาตัว ได้แก่ หอบหืด ปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง หรือโรคที่เกี่ยวกับ ปอด โรคหัวใจ เบาหวาน หรือมีโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ โรคตับ หรือโรคไต ถ้าคุณใช้ยาอื่นอยู่ประจำา เช่น ไซเมทิดีน, เวอราพามิล, ดิลไทอะเซม และยาที่ใช้ในการรักษาโรคหัวใจและ หลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไมเกรน ปวดศีรษะ หอบหืด ยาแก้แพ้หรือแก้โรคหวัด และยาต้านอาการซึมเศร้า ควรแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบ หากจะต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์ หรือทันตแพทย์ทราบว่าใช้ยานี้อยู่ ถ้ามีปัญหาเรื่องสายตา และไปตรวจกับจักษุแพทย์ กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบว่าใช้ยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ เพราะโรคบางอย่างอาการเหมือนกัน แต่ไม่ใช่โรคเดียวกัน การเก็บรักษา : เก็บไว้ในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงและจากมือเด็ก Propylthiouracil (โพรพิลไทโอยูราซิล) ชื่อการค้า : Propacil,Propyl,Propythiouracil,Uracil ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาภาวะที่มีไทรอยด์ฮอร์โมนสูง นอกจากนี้ยังใช้ก่อนการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-3 ครั้ง (หรือทุก 8 ชม.) ตามคำาสั่งแพทย์ 13

คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษา ห้ามใช้ในขนาดและความถี่มากหรือน้อยกว่าที่แพทย์แนะนำา และห้ามหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อถัดไปก็ให้งดยามื้อที่ลืม และข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปตามปกติ ห้ามรับประทานยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : แม้จะไม่พบอาการข้างเคียงบ่อยนัก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ได้แก่ ผืน่ คันที่ผิวหนัง หากผืน่ นั้นเป็นมากกว่า 2-3 วัน หรือเป็นบริเวณกว้างทั่วร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ อาจมีอาการผมร่วง, คลืน่ ไส้, อาเจียน, การรับรสเสียไป, ปวดข้อและกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะ มีความผิดปกติ ของการสัมผัส เช่น ชาเจ็บเหมือนเข็มตำา ปวดแสบปวดร้อน ฯลฯ ถ้าอาการเหล่านี้ไม่หายหรือรุนแรงขึ้น ให้ไป พบแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาที่กำาลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยากลุ่มป้องกันการแข็งตัวของเลือด เช่น วอร์ฟาริน ควรแจ้งแพทย์หากกำาลังตั้งครรภ์ให้นมบุตรหรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบเลือด หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟันต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำาลังใช้ยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก Quinidine (ควินิดีน) ชื่อการค้า : Kinidin ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้รักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยยาจะไปลดการทำางานที่มากเกินไปของหัวใจและ ช่วยให้การสูบฉีดเลือดของหัวใจดีขึ้น วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 2 ครั้ง หรือทุก 12 ชั่วโมง ยานี้จำาเป็นต้องรับประทานให้ตรงเวลาอย่างสมำ่าเสมอ ไม่ควรหยุดยาเพราะอาจทำาให้อาการเป็นมากขึ้น 14

คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามผลการรักษา ควรปฏิบัติตามคำาแนะนำาของแพทย์ในเรื่องอาหาร การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การออกกำาลังกายและการ สูบบุหรี่ บุหรี่และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสมอยู่อาจทำาให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้มากขึ้นและมีผลต่อฤทธิ์ในการ รักษาของยา เมื่อคุณลืมกินยา : รับประทานทันทีที่นึกได้และรับประทานยามื้อต่อไปตามปกติ แต่ถ้านึกได้ในเวลาที่เลยเวลา ที่ควรรับประทานไปกว่าครึ่งหนึ่งของระยะห่างระหว่างมื้อยาแล้ว ก็ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ให้งดยามื้อต่อ ไปนัน้ เสีย หลังจากนั้นให้รับประทานยามื้อต่อไปตามเวลาปกติ ผลข้างเคียงของยา : ไม่ค่อยพบผลข้างเคียงจากการใช้ยา แต่ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย เช่น ความรู้สึกเบื่อ อาหาร ปวดเกร็งบริเวณท้อง รู้สึกขมในปาก คลื่นไส้ ท้องเสีย อาการเหล่านี้แก้ไขโดยรับประทานพร้อมอาหาร หรือพร้อมยาลดกรด (แต่ต้องเป็นยาลดกรดที่ไม่ใช่โซเดียมไบคาร์บอเนต) ถ้าปฏิบัติตามคำาแนะนำาข้างต้นแล้ว อาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงยิ่งขึ้นควรปรึกษาแพทย์ ถ้าเกิดผื่นขึ้นที่ผิวหนัง เป็นไข้ มีเลือดออกผิดปกติหรือมีจำ้า เลือดมีเสียงหริ่งในหู มองเห็นภาพไม่ชัด วิงเวียน ปวดศีรษะ มือสั่น เป็นลม ควรไปพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำาลังตั้งครรภ์หรือมีโรคประจำาตัวอยู่ เช่น โรคหัวใจ โรคตับหรือโรคไต หรือกำาลังมี ภาวะติดเชื้ออยู่ ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบว่าใช้ยาอะไรอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาลดกรด, ยาต้านการแข็งตัวของ เลือด, ดิจ๊อกซิน, ยารักษาโรคหัวใจหรือโรคความดันโลหิตสูง, ไซเมทิดีน, ยากล่อมประสาท, ฟีโนบาบิทอลล เฟนนิโทอิน, ควินินและโซเดียมไบคาร์บอเนต ถ้าหากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟันที่ต้องใช้ยาชา ควรบอกแพทย์หรือทันตแพทย์ก่อนว่าใช้ยานี้อยู่ ถ้าเคยมีประวัติแพ้ยาพวกควินิดีนหรือควินนิ มาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อี่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงและจากมือเด็ก Ranitidine (รานิทิดีน)

15

ชื่อการค้า : Aciloc,Histac,Pylorid,Ranicid,Ranidine,Ratic,Ratica,Xanidine,Zanamet,Z antac,Zantidon ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร ใช้ในการรักษาและป้องกันการกลับเป็นซำ้าของ แผลในกระเพาะอาหาร และรักษาภาวะที่กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากเกินไป วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 2 ครั้ง หรือวันละ 1 ครั้งก่อนนอนถ้าป้องกันการกลับเป็นซำ้าของแผลในกระเพาะ อาหาร แม้ว่าแผลในกระเพาะอาหารจะหายได้ภายใน 4 สัปดาห์ แต่ก็ควรรับประทานยาติดต่อกันไปอีกจนครบ 8 สัปดาห์ เพื่อให้แผลในกระเพาะอาหารมีการสมานตัวอย่างสมบูรณ์ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ตามที่แพทย์นัดทุกครั้งเพื่อให้แพทย์ได้ตรวจสอบการตอบสนอง ต่อยาของท่านว่าได้ผลในการรักษาหรือไม่ เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยา ที่ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : อาจมีอาการปวดศีรษะ ท้องผูก คลืน่ ไส้ ปวดท้อง เวียนศีรษะ(ถ้ามีอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นหรือ เป็นระยะเวลานาน ควรไปพบแพทย์) ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ จิตใจสับสน ผิวหนังและตาเป็นสีเหลืองควรรีบไปพบ แพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ก่อนรับประทานยาโปรดแจ้งให้แพทย์ของท่านทราบถ้ากำาลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตรและขณะได้ รับประทานยาอื่นอยู่หรือไม่ หรือเป็นโรคไตหรือตับ ถ้าเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ควรงดการสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะทำาให้การหายของแผลในกระเพาะ อาหาร ช้าลง การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Simvastatin (ซิมวาสแททิน) 16

ชื่อการค้า : Simvor,Zimmex,Zocor ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้เพื่อลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันบางชนิดในเลือด ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมัน ไปเกาะอยู่ตามผนังของหลอดเลือดจะส่งผลให้ลดการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ทำาให้ออกซิเจนที่ไปเลี้ยง หัวใจ สมองและส่วนต่างๆ ของร่างกายลดลงตามไปด้วย แต่ถ้ามีโคเลสเตอรอลและไขมันในเลือดตำ่าจะเป็นการ ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปวดเค้นอก สมองขาดเลือดและหัวใจวาย วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง ถ้ารับประทานวันละ 1 ครั้งให้รับประทานยาพร้อมกับอาหารเย็น ถ้าหาก รับประทานยา 2 ครั้ง ก็ให้รับประทานพร้อมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น ขนาดการใช้ยาขึ้นกับแพทย์สั่ง คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษา ควรปฎิบัติตัวตามคำาแนะนำาของแพทย์ เช่น งดสูบบุหรี่ ควบคุมอาหาร ออกกำาลังกาย หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์และพยายามควบคุมนำ้าหนักไม่ให้อ้วน ควรรับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลและไขมันตำ่า เช่น นมพร่องไขมัน เนื้อปลา ผลไม้ ข้าว ถั่วต่างๆ เนื้อเป็ด ไก่ ไข่ขาวและนำ้ามันชนิดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น นำ้ามันจากข้าวโพด, ดอกคำาฝอยและถั่วเหลือง เป็นต้น ให้หลีก เลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องใน เช่น ตับและเนื้อติดมัน ไข่แดง นมสด ครีม เนย มันหมู ขนมปัง เค้ก คุกกี้ ช๊อคโกแลต อาหารทอด มะพร้าว เนยแข็ง นำ้ามันมะพร้าวและนำ้ามันปาล์ม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไป ก็ให้งดยามื้อที่ ลืมและข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : อาการข้างเคียงได้แก่ อาการปวดเกร็งท้อง ท้องเสียหรือท้องผูก คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย ปวดแสบกระเพาะ ปวด ศีรษะ มองภาพไม่ชัด เวียนศีรษะ ผืน่ คัน ถ้าอาการต่างๆ ดังกล่าวเกิดรุนแรงขึ้นหรือไม่หายไปให้ปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อแข็งกดเจ็บ ตะคริวหรืออ่อนเพลีย โดยมีไข้หรือไม่มีไข้ให้รีบพบแพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์หรือสงสัยว่าอาจจะมีการตั้งครรภ์ รวมทั้งในระยะให้นมบุตรด้วย ถ้าหากว่าเกิดตั้งครรภ์ขึ้นในขณะที่ใช้ยาอยู่ ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเป็นโรคตับ โรคไต ติดเชื้ออย่างรุนแรง ความดันโลหิตตำ่า ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่าขณะนี้ได้รับยาอะไรอยู่บ้าง โดยเฉพาะยา ซัยโคลสปอริน อิริโธรมัยซิน เจ็มไฟ 17

โปรซิล ไนอะซิน และยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วอร์ฟาริน เป็นต้น ถ้าหากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟันให้บอกแพทย์หรือทันตแพทย์ด้วยว่าขณะนี้ได้รับยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากแสงและจากมือเด็ก Spironolactone (สไพโรโนแลคโทน) ชื่อการค้า :Aldactone,Altone,Berlactone,Spironex,Tevaspirone ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาขับปัสสาวะสำาหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูง และอาการบวมนำ้าที่มีสาเหตุมาจาก สภาวะของโรคหัวใจและโรคตับ ยานี้ไปทำาให้ไตกำาจัดนำ้าส่วนเกินออกทางปัสสาวะ และยังใช้ในการแก้ไขภาวะ ร่างกายขาดโปแตสเซียม วิธีใช้ยา : รับประทานวันละ 1-2 ครั้ง พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที ถ้ารับประทานวันละครั้ง ควรรับ ประทานในตอนเช้า ถ้ารับประทานวันละ 2 ครั้ง ควรรับประทานตอนเช้าและตอนเที่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการ ปัสสาวะบ่อยๆ ในตอนกลางคืน คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ควรชั่งนำ้าหนักของคุณวันละครั้ง และถ้านำ้าหนักมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วควรปรึกษาแพทย์ ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง หลีกเลี่ยงเกลือและอาหารที่มีโปแตสเซียมสูง เช่น กล้วย มะพร้าว องุ่น มันฝรั่ง ส้ม ถ้าแพทย์สั่งให้รับประทาน เกลือตำ่า ควรปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด เมื่อคุณลืมกินยา : รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับเวลาของยามื้อต่อไปให้งดยามื้อที่ลืมและ ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ปกติไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงจากการใช้ยานี้ แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปัสสาวะบ่อย เป็นอาการที่พบปกติหลังจากใช้ยา 2-3 สัปดาห์แรก ควรปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง สมรรถภาพทางเพศลงลง หรือเต้านมขยาย คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถ้าคุณเป็นโรคเกี่ยวกับไตหรือตับ กำาลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร 18

ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาที่คุณใช้อยู่ ทั้งจากแพทย์คนอื่นสั่งใช้และยาที่ซื้อใช้เอง ถ้าต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำาฟัน ควรบอกแพทย์หรือทันตแพทย์ว่าใช้ยานี้อยู่ ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องและพ้นจากมือเด็ก Terbutaline (เทอร์บูทาลีน) ชื่อการค้า :Bricanyl inhaler ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นยาขยายหลอดลม ช่วยให้อากาศผ่านเข้าสู่หลอดลมและปอดได้มากขึ้น จึงทำาให้หายใจ สะดวกขึ้น ใช้รักษาอาการหดเกร็งของหลอดลมในโรคหืด, หลอดลมอักเสบเรื้อรัง, ถุงลมในปอดโป่งพอง และ โรคปอดอื่นๆ ที่มีอาการหดเกร็งของหลอดลมร่วมด้วย วิธีใช้ใช้ยา : เปิดฝาครอบปากขวดยาพ่นออก เขย่าขวดยา (กรณีที่ใช้เป็นครั้งแรก ควรทดลองกดที่พ่นยาดูก่อนใช้จริง) ถือขวดยาพ่นด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ปิดปากให้สนิท หายออกช้าๆ และให้มากที่สุด ใส่ที่พ่นเข้าไปในปากให้ผ่านเข้าไปหลังฟัน ใช้ริมฝีปากอมรอบปากกระบอกยาให้สนิท กดให้ยาออกมาจากกระบอกขณะเดียวกันสูดลมหายใจเข้าทางปากช้าๆ และลึกๆ เพื่อให้ยาเข้าไปลึกถึงปอด ส่วนผู้ป่วยเด็ก ผู้ปกครองอาจต้องบีบจมูกของเด็กในขณะที่สูดยาพ่นเพื่อให้แน่ใจว่ายาผ่านลงไปที่ปอด เอาขวดยาพ่นออกจากปาก หุบปากให้สนิท กลั้นหายใจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำาได้ ผ่อนลมหายใจออกทางจมูกช้าๆ เพื่อไม่ให้ละอองยาถูกขับออกมาจากปอด จากนัน้ หายใจตามปกติ กรณีที่ต้องพ่นยาอีกครั้งควรเว้นระยะห่างจากครั้งแรกอย่างน้อยสองนาที และปฏิบัติตามข้อ 1-7 อีกครั้ง หากมีปัญหาว่าไม่สามารถพ่นยาเข้าไปได้หมดจนถึงปอด ควรใช้เครื่องช่วยพิเศษที่เรียกว่า "spacer" ซึ่งมี ลักษณะเป็นกระบอกพลาสติกกลวงใช้ต่อเข้ากับกระบอกพ่น โดยปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรในการใฃ้เครื่องมือ พิเศษนี้ คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ก่อนใช้ผู้ป่วยควรฝึกซ้อมการหายใจทางปากก่อน โดยสูดหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ และลึกๆ จนชำานาญ ผู้ป่วยอาจทดลองพ่นยาหน้ากระจก ถ้าขณะที่พ่นมีไอระเหยของละอองยารอบๆ ปาก แสดงว่าพ่นยาไม่ถูกวิธี กรณีที่มีอาการหอบและใช้ยาพ่นขยายหลอดลมแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือต้องใช้ยาพ่นบ่อยครั้งมากขึ้น ควรรีบมา 19

พบแพทย์ ห้ามใช้ยามากกว่าที่แพทย์สั่ง เมื่อคุณลืมพ่นยา : หากลืมพ่นยา ให้พ่นทันทีที่นึกได้ และพ่นครั้งต่อไปตามปกติ แต่ถ้านึกได้ในระยะเวลาที่ใกล้ กับเวลาของการพ่น ครั้งต่อไปก็ให้พ่นครั้งต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดพ่นเป็นสองเท่า ผลข้างเคียงของยา ถึงแม้ว่าผลข้างเคียง จากยานี้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ผู้ปว่ ยบางรายอาจได้รับผลข้างเคียงนั้นได้ นัน่ คือ การมองเห็น ภาพไม่ชัดเจน, ความไม่สามารถที่จะมองเห็นสีแดงและสีเขียว, หรือการมองเห็นเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน, ผืน่ , คัน ถ้าหากพบอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ทันที ผลข้างเคียงอื่นๆ : เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปัญหานี้จะค่อยๆ หมดไปเมื่อร่างกายสามารถปรับตัวได้ ถ้า หากผู้ป่วยไม่ดีขึ้น ให้รีบปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรบ้วนปากด้วยนำ้าสะอาดทุกครั้งหลังการพ่นยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคืองที่ปากและลำาคอ หลังจากใช้ยาพ่นเสร็จ ควรทำาความสะอาดปากขวดพ่นด้วยนำ้าอุ่น เช็ดด้วยกระดาษ ซับให้แห้ง ปิดฝาครอบให้ เรียบร้อย ควรทำาความสะอาดโดยถอดขวดยาพ่นออกและล้างส่วนที่เป็นพลาสติกอย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้งด้วยนำ้าอุ่น เช็ดให้แห้ง นำาไปสวมกับขวดยาพ่นตามเดิม การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บในอุณหภูมิที่ ประมาณ 25 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกกับความร้อนโดยตรง หากใช้ยาหมดแล้วห้ามทำาลายขวดโดยการทุบ,เจาะหรือเผา Thyroxine (ไทร็อกซิน) ชื่อการค้า : Eltroxin,Thyroxine ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : เป็นไทรอยด์ฮอร์โมนใช้รักษาภาวะที่มีไทรอยด์ฮอร์โมนตำ่ากว่าปกติ เมื่อร่างกายสร้าง ไทรอยด์ฮอร์โมนไม่เพียงพอ อาจทำาให้เกิดอาการต่างๆ เช่น มีการเจริญเติบโตช้า, พูดช้า,นำ้าหนักลด, ผมร่วง, ผิวหนังแห้ง, ขีห้ นาว เมื่อร่างกายได้รับฮอร์โมนที่เพียงพออาการเหล่านี้จะหายไป คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : 20

ทานยาให้ถูกขนาดและสมำ่าเสมอตามแพทย์สั่ง ห้ามหยุดยาด้วยตัวเอง ควรทานยานี้ในเวลาเดียวกันทุกวัน เมื่อคุณลืมกินยา : ควรทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาที่ทานใกล้เคียงกับเวลาที่จะทานครั้งต่อไป ควรงดทานยาที่ ลืม และให้ทานตามเวลาที่จะทานครั้งต่อไปตามปกติิ ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ผลข้างเคียง : ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์และยังไม่ต้องหยุดยาจนกว่าแพทย์จะสั่ง: หายใจหอบ, นำ้า หนักลด, เจ็บหน้าอก, สั่น, ปวดหัว, คลื่นไส้, อาเจียน, นอนไม่หลับ, เหงื่อออกมาก, หิวบ่อย, มีไข้, มีการ เปลี่ยนแปลงการมาของรอบเดือน, ปวดเกร็งที่ท้อง คำาเตือนและข้อควรระวัง : หากเป็นโรคเบาหวาน, หัวใจ, ไต, ความดันโลหิต ควรจะแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนที่จะเริ่มใช้ยา ถ้าต้องผ่าตัดควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ามีการใช้ยานี้อยู่ หากได้รับยาพวกวาร์ฟารินหรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดตัวอื่นๆ ยาลดระดับนำ้าตาลในเลือดและยาอื่นๆ เช่น แอสไพริน, เอสโตรเจน, สเตียรอยด์ ควรจะแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนจะเริ่มใช้ยานี้ เพราะยานี้อาจทำาให้ผล การตรวจวัดระดับไทรอยด์ ฮอร์โมน เกิดการผิดพลาดได้ ถ้ามีการใช้คลอเลสไทรามีน ร่วมกับไทร็อกซิน ควรทานคลอเลสไทรามีนอย่างน้อย 1 ชัว่ โมง หลังจากที่ทาน ไทร๊อกซินหรือควรทานคลอเลสไทรามีน 4 ชั่วโมงก่อนที่จะทานไทร๊อกซิน การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก เก็บให้พ้นแสง, ความร้อนและความชื้น Verapamil (เวอราพามิล) ชื่อการค้า : Caveril,Civicor,Isopamil,Isoptin,Vasopten,Varapin,Vermine ทำาไมจึงต้องใช้ยานี้ : ใช้ควบคุมภาวะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ, บรรเทาอาการเจ็บหน้าอก หรือใช้ลดความดัน โลหิต วิธีใช้ยา : verapamil มีอยู่หลายรูปแบบ ได้แก่ ยาเม็ดธรรมดา มีตัวยา 40 และ 80 มิลลิกรัม รับประทาน วันละ 3 ครั้ง (ทุก 6-8 ชัว่ โมง) ตามขนาดที่ 21

แพทย์สั่ง ยาเม็ดชนิดออกฤทธิ์เนิ่น มีตัวยา 240 มิลลิกรัม รับประทานวันละครั้ง โดยให้กลืนยาทั้งเม็ด ห้ามเคี้ยว เพราะจะ ทำาให้ยาแตก ตัวเร็วกว่าที่ต้องการและไม่ออกฤทธิ์ตามที่ควรจะเป็น คำาแนะนำาระหว่างที่ใช้ยานี้ : ระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรตรวจชีพจรทุกวัน ถ้าชีพจรเต้นช้ากว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ ควรลดอาหารที่มีรสเค็ม และออกกำาลังกายพอเหมาะ ควรไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อจะได้ติดตามผลการรักษา และปรับขนาดยาให้เหมาะสม เมื่อคุณลืมกินยา : ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้เวลาของยามื้อต่อไป ให้งดยามื้อที่ลืมและ ข้ามไปกินยามื้อต่อไปเลย ห้ามกินยาสองมื้อควบ ผลข้างเคียงของยา : ไม่ค่อยพบแต่ก็อาจพบได้บ้าง เช่น ท้องผูก คลื่นไส้ แน่นท้อง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เหงือกบวม ถ้าอาการรุนแรงขึ้นหรือไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าหากเกิดอาการเวียนศีรษะ มึนงง หน้ามืด โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนอิริยาบทจากนอนหรือนั่ง ให้เปลี่ยนอิริยาบท ช้าๆ แต่ถ้าไม่หายหรือรุนแรงขึ้นควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการหายใจลำาบาก หัวใจเต้นช้าหรือไม่สมำ่าเสมอ ขาหรือเท้าบวม นำ้าหนักเพิ่มขึน้ อย่างรวดเร็ว ให้ไปพบ แพทย์ทันที คำาเตือนและข้อควรระวัง : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถ้าหากกำาลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เป็นโรคหัวใจ ตับ ไต หรือใช้ยาอื่นร่วมอยู่ด้วย โดย เฉพาะยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ยาลดความดันโลหิต ยาต้านการชัก ไร แฟมปิน ไซเมททิดีน ลิเธียมและซัยโคลสปอริน ห้ามให้ยานี้แก่ผู้อื่นใช้ การเก็บรักษา : เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นจากมือเด็ก รูปแบบของยาที่ใช้ในปัจจุบัน

ตัวยาแต่ละชนิดสามารถนำามาเตรียมเป็นยาสำาเร็จรูปในรูปแบบต่างๆ ซึ่งโดยทัว่ ไปจะประกอบด้วย ส่วนสำาคัญ 2 ส่วนคือ 22

1. ตัวยาสำาคัญ ที่ออกฤทธิ์ให้ผลการรักษา 2. สารปรุงแต่ง เป็นสารที่ไม่ผลในการรักษา แต่ใช้เป็นส่วนประกอบในการเตรียม ยา ยาสำาเร็จรูปที่มีจำาหน่ายในท้องตลาด จำาแนกได้เป็น 4 กลุ่มดังนี้ 1. ยารูปแบบของแข็ง มีหลายชนิด มีวิธีการใช้แตกต่างกัน เช่น 1.1 ยาเม็ดธรรมดาไม่ได้เคลือบ ส่วนใหญ่เมื่อรับประทานต้องกลืนทั้งเม็ด

บางชนิดที่ต้องเคี้ยวยาก่อนกลืน

1.2 ยาเม็ดเคลือบ เป็นยาเม็ดที่นำามาเคลือบ เพื่อป้องกันไม่ให้ยาชื้น หรือ เพื่อกลบรสของยา หรือเพื่อให้เม็ดยาไปแตกตัวในลำาไส้เล็ก 1.3 ยาแคปซูล เป็นยาที่บรรจุในหลอดแคปซูลที่ทำาด้วยเจลาตินมีทั้งชนิดแข็งและนิ่ม

1.4 ยาเม็ดหรือยาแคปซูลที่ออกฤทธิ์นาน เป็นยาที่ถูกเตรียมให้ยาออกฤทธิ์ให้นานขึ้น หรือตัวยาจะค่อยๆถูกปลดปล่อยออกมา

23

1.5 ยาผง มีทั้งชนิดรับประทานและยาใช้ภายนอก

1.6 ยาอม ใช้อมทางปากโดยไม่ต้องเคี้ยว เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ในปากหรือลำาคอ

1.7 ยาเหน็บ เป็นยาที่ใช้เฉพาะที่ โดยสอดเข้าช่องต่างๆของร่างกาย เช่น ช่องคลอด ทวารหนัก

2. ยารูปแบบของเหลว มีหลายชนิด สำาหรับใช้รับประทานและใช้ภายนอกร่างกาย ก่อนรินยาออกจากขวดต้องเขย่าขวดก่อนใช้ทุกครั้ง

3. ยารูปแบบกึ่งแข็ง เช่น ยาครีม เป็นยาใช้ภายนอก เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน หรือรักษาโรคผิวหนังเฉพาะที่ 24

4. ยารูปแบบอื่นๆ เช่น ยาพ่นสูดดม

Penicillin V ชื่อสามัญ Phenoxymethyl Penicillin ชื่อการค้า Pen-V Atlantic, Fenocin, Pen-V, General Drugs House ทำาไมต้องใช้ยานี้

25

ใช้ในเชื้อ Streptococcal, การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ใช้ในไข้อีดำาอีแดง โรค ไฟลามทุ่ง ใช้ในโรค Pharyngitis ในเด็ก ใช้กับ Otitis media และไซนัสอักเสบ ป้องกัน bacterial endocarditis ใช้ในเชื้อ Pneumococcal ใช้ในเชื้อ Staphylococcal ใช้ใน Fusospirochetosis of the oropharynx Pharmacokinetics Absorption จากการให้ยา ทางการรับประทาน พบว่า Pen V จะสามารถทนต่อกรด ได้มากกว่า Pen G และ acid and potassium salt ของยาจะดูดซึมได้ดีกว่า Pen G และ จะถูกดูดซึมทาง GI tract 60-73 % จากการให้ single dose ของ Pen V หรือ Pen V potassium พบว่า Pen V potassium จะถึง peak serum concentrations ด้เร็วกว่า และ สูงกว่า Pen V ( ถึง peak serum concentration ภายใน 30-60 นาที ) อาหารใน GI tract จะทำาให้ peak serum concentrations ของ Pen V น้อยและ ช้าลง ถึงแม้ว่า ปริมาณของยาทั้งหมด ที่ถูกดูดซืมจะเท่าเดิมก็ตาม อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาในเด็ก อายุ 2 เดือน – 5 ปี พบว่า peak serum concentrations และ AUC ( area under the serum concentration time curve ) จะลดลง เมื่อ Pen V potassium ถูกให้พร้อม หรือใกล้เคียงกับ นมหรืออาหาร Distribution Pen V จะถูก distribute ไปยัง ascitic, synovial, pleural และ pericardial fluide ยาจะกระจายไปมาก ในเนื้อเยื่อร่างกาย โดยความเข้มข้นสูงสุดจะอยู่ที่ไต และปริมาณของ ยาจะตำ่า ในตับ ผิวหนัง และลำาไส้ โดย ยาจะกระจายน้อยที่ bile, tonsils, maxillary, sinus secretions and saliva โดยยาจะกระจาย น้อยที่สุดไปยัง CSF Protein binding 75-89 % ยาตัวนี้จะผ่านอย่างรวดเร็ว สู่ placenta และจะกระจายไป ยังนำ้านม Elimination serum T1/2 ของยาตัวนี้ ในผู้ใหญ่ที่ ความปกติของไต ประมาณ 0.5 ชม. 26

Pen V หรือ Pen V potassium หลังจากให้ทาง oral แล้ว จะถูก metabolize ไป เป็น penicilloic acid ( inactive ) ประมาณ 35-90 % 6-APA ( 6–aminopenicillanic acid ) ปริมาณเล็กน้อย จะพบในปัสสาวะ ของผู้ ป่วยที่ได้รับยานี้ ยาจะถูก hydroxylate เป็น active metabolite 1 หรือ มากกว่า และ จึงถูกขับออก ทางปัสสาวะ หลังจากรับประทาน single dose ของ Pen V หรือ Pen V potassium ในผู้ใหญ่ที่มี สภาวะไตปกติ พบว่า 26-65 % ของปริมาณยาที่ให้เข้าไป จะถูกขับออกทางปัสสาวะ แบบ unchanged drug และ ถูก metabolite ภายใน 6-8 ชม. และ ประมาณ 32 %ของ ปริมาณยาที่ให้เข้าไป จะถูกขับออกทางอุจจาระ renal clearance ของ Pen V จะถูก delay ใน neonate และ young infants และคนที่มีความบกพร่องของไต ไม่รู้ถึงปริมาณของ Pen V ที่จะถูก remove ในผู้ป่วยโรคไต ที่ทำา hemodialysis หรือ peritoneal dialysis วิธีใช้ยา ผู้ใหญ่ 125-500 mg วันละ 4 ครั้ง ในผู้ป่วยที่มีความบกพร่องของไต( creatinine clerance น้อยกว่า 10 ml/min )โดยไม่ ควรใช้เกิน 250 mg ทุก 6 ชม. เด็ก 25-50 mg /kg/วัน ทุก 6-8 ชม. ผลข้างเคียงของยา เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาที่ไวเกิน คำาเตือนและข้อควรระวัง การใช้ยานี้ในคนโรคไต และ โรคเกี่ยวกับระบบเลือด ควรจะมีการตรวจดูเป็นระยะๆ เมื่อต้องใช้ เป็นเวลานาน การใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ควรใช้เมื่อมีความต้องการจริงๆ เท่านั้น เพราะยังไม่มีการศึกษาในคน และในสัตว์ที่เพียงพอที่จะยืนยันความปลอดภัยในการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ได้ ยานี้สามารถซึมผ่านออกทางนำ้านมได้ ฉะนั้นควรใช้อย่างระมัดระวังในหญิงให้นมบุตร การเก็บรักษา

27

ควรเก็บ Penicillin V potassium tablets และ powders ที่ใช้สำาหรับผสมเป็น สารละลายใช้ดื่ม ควรเก็บในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิ 15-30 c หลังจากผสมแล้ว ควรจะเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 c และเก็บไว้ไม่เกิน 14 วัน Ampicillin ชื่อสามัญ Ampicillin ชื่อการค้า Amilin, Ampat, Ampexin, Ampicillin Pharmacia, Ampicyn ทำาไมต้องใช้ยานี้ รักษาอาการติดเชื้อต่างๆ รักษาอาการ meningitis เนื่องจากเชื้อ N-meningitis และการติดเชื้อจาก grampossitive Pharmacokinetics Absorption

28

fasting adults- พบว่า anhydrous ampicillin และ ampicillin trihydrate จะคงตัวในสภาวะ การหลั่งกรดใน กระเพาะอาหาร และพบว่า 30-55 % จะถูกดูดซึมทาง GI tract หลังจากให้ยานี้ทาง oral พบว่า peak serum concentrations จะเกิดขึน้ ประมาณ 1 ชม. หลังจากนั้น และ maximum serum concentration ประมาณ 2 ชม.หลังจากนั้น ถึงแม้ว่า peak serum concentrations ที่เพิ่มขึน้ และ AUCs ที่มากขึน้ หลังจากการ ให้ทาง oral ของ anhydrous ampicillin มากกว่าให้ ampicillin trihydrate แต่ ความแตกต่างนี้ ก็ไม่มีนัยสำาคัญทางคลินิค ขนาดยาของ ampicillin สามารถให้ได้ในขนาด 500 mg- 2 g อัตราส่วนของ การดูดซึมยาทาง GI tract จะลดลง และ เป็นแบบ nonlinear ระหว่าง dosage and peak serum concentrations or AUCs ของ ampicillin อาหารใน GI tract จะลด rate และ extent ของการดูดซึมของยาตัวนี้ การให้ ampicillin sodium ทาง IM จะพบว่า peak serum concentrations จะเร็วกว่า และสูงกว่า การให้ทาง oral เมื่อให้ขนาดยาเท่ากัน ในผู้ป่วยที่มี ความบกพร่องของไต พบว่า serum ampicillin concentrations จะสูง กว่า และ T1/2 จะยาวกว่า ในผู้ป่วยที่ไตปกติ premature หรือ full-term neonates ที่อายุน้อยกว่า 6 วัน พบว่า serum concentrations ของยาจะสูงกว่า และยาวกว่า full-term neonates 6 วัน หรือ มากกว่า Distribution ยาตัวนี้ จะกระจายมากในนำ้าดี วิธีใช้ยา

29

ผู้ใหญ่ 1-12 g ต่อวัน โดยแบ่งให้ทุก 4-6 ชม. เด็ก 50-200 mg /kg/วัน โดยแบ่งให้ทุก 4-6 ชม. เด็กแรกคลอด มากกว่า 7 วัน และมากกว่า 2,000 g - 100 mg /kg/วัน โดยแบ่งให้ทุก 6 ชม. (meningitis 200 mg /kg/วัน) มากกว่า 7 วัน และน้อยกว่า 2,000 g - 75 mg/kg/วัน โดยแบ่งให้ทุก 8 ชม. (meningitis 150 mg/kg/วัน) น้อยกว่า 7 วัน และ มากกว่า 2,000 g - 75 mg/kg/วัน โดยแบ่งให้ทุก 8 ชม. (meningitis 150 mg/kg/วัน) น้อยกว่า 7 วัน และ น้อยกว่า 2,000 g - 50 mg/kg/วัน โดยแบ่งให้ทุก 12 ชม (meningitis 100 mg/kg/วัน) อาการข้างเคียงของยา ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีความไวต่อยา penicillin ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ mononucleosis ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ ไต และ โรคเกี่ยวกับเลือด ควรที่จะมีการตรวจเป็นระยะๆ ถ้ามีการใช้ยานี้เป็น ระยะเวลานาน สามารถใช้ในหญิงตั้งครรภ์ได้ถ้ามีความต้องการจะใช้ยานี้จริงๆ เพราะยังไม่มีรายงานผลถึงความ ปลอดภัยที่แน่นอน การเก็บรักษา ยานี้ หลังจากผสมนำ้าแล้ว สามารถคงตัวได้ 7 วัน ที่อุณหภูมิห้อง (ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส หรือ 77 องศาเซลเซียส)

30

ชือ่ การค้า

ส่วนประกอบ

Polyclox

Ampicillin 250 mg + Cloxacillin 250 mg

Ampiclox

Ampicillin 250 mg + Cloxacillin 250 mg

Ampiplus

Ampicillin 250 mg + Dicloxacillin 250 mg Amoxycillin

ชื่อสามัญ Amoxycillin ชื่อการค้า Amoxy, Biomox, Ibiamox, Amoxil–Bencard, Amoxcillin ทำาไมต้องใช้ยานี้ การติดเชื้อ เนื่องจากเชื้อพวก Gram-negative, Gram-possitive Pharmacokinetics Absorption

31

ยาตัวนี้จะคงตัว ในสภาวะการหลั่งกรด ของกระเพาะอาหาร และ 74-92 % ของ single oral dose จะถูกดูดซึมทาง GI tract โดยยาตัวนี้ จะถูกดูดซึมทาง GI tract ได้มากกว่า ampicillin และ peak serum concentrations ของยาตัวนี้ จะมากกว่า ampicillin เมื่อให้ขนาดยาเท่ากัน โดยมากกว่าประมาณ 2-2.5 เท่า ถ้าให้ ปริมาณยา amoxicillin ทาง oral เพิ่มขึ้น จะทำาให้อัตราส่วนของ dose ที่ absorb ที่ GI tract ลดลงเล็กน้อย และ peak serum concentrations and AUCs จะเพิ่ม ขึ้นแบบ linear เมื่อเพิ่มขนาดยา เมื่อให้ amoxicillin แบบ capsules, tablets หรือ oral suspension ทาง oral จะพบว่า peak serum concentrations ประมาณ 1-2 ชม. หลังจากนั้น ถึงแม้ว่า อาหารใน GI tract จะทำาให้เกิด peak serum concentrations ลดลงและช้าลง แต่ก็ ไม่กระทบถึง ปริมาณยาทั้งหมดที่ถูกดูดซึม วิธีใช้ยา ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 500 mg วันละ 3 ครั้ง ทุก 8 ชม. เด็ก รับประทานครั้งละ 250 mg วันละ 3 ครั้ง ทุก 8 ชม. คำาแนะนำาระหว่างใช้ยา ให้รับประทานยาจนครบตามใบสั่งแพทย์ หลังจากที่มีการติดเชื้อ ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ อาจทำาให้เกิด การติดเชื้อกลับมาอีกก็ได้ก่อนที่จะใช้ยานี้ ให้บอกแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำาลังใช้ยาอะไรอยู่ บ้าง ถ้าใช้ตามใบสั่งแพทย์อยู่ แต่อาการติดเชื้อยังคงอยู่ ให้ปรึกษาแพทย์ ถ้าแพทย์สั่งให้หยุดใช้ยานี้ แสดงว่ายานี้ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคติดเชื้ออื่น ๆ ด้วย ไม่ควรให้บุคคลอื่นรับประทานยานี้ร่วมกับคุณ ภาชนะบรรจุ liquid และ drops จะมีบอกวันหมดอายุไว้ด้วย ฉะนัน้ ไม่รับประทานยาหลังจาก วันหมดอายุ เมื่อคุณลืมกินยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ และ รับประทานยาต่อไปตามเวลาเดิม อาการข้างเคียงของยา

32

ถ้าเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยา และ ไปพบแพทย์ทันที หายใจถี่ เกิดเสียงวี๊ด คัน hives เพราะ อาจจะต้องการรักษาแบบทันท่วงที ถ้าเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ให้รับประทานยาพร้อมอาหาร ถ้าเกิดอาการท้องร่วง ผื่น ให้พบแพทย์ถ้าอาการของคุณรุนแรง หรือ มีอาการมากกว่า 2 วัน คำาเตือนและข้อควรระวัง หญิงตั้งครรภ์ หรือ หญิงให้นมบุตร ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ ถ้ามีอาการแพ้ penicillin หรือ แพ้ยาตัวอืน่ หรือ ถ้ามีอาการหอบหืด ไข้ละอองฟาง แพ้ หรือเป็น โรคไต ให้บอกแพทย์ก่อนใช้ยานี้ การเก็บรักษา เก็บในภาชนะปิดสนิท เก็บให้พ้นมือเด็ก เก็บ capsule และ tablet ในอุณหภูมิห้อง เก็บ liquid และ drops โดยให้เก็บในตู้เย็น แต่ไม่ควรเก็บในช่องแข็ง Antibiotic กลุ่ม Macrolides Erythromycin ชื่อสามัญ Erythromycin ชื่อการค้า ESS 400, Ericin (s), Erysil, liosone ทำาไมถึงใช้ยานี้ ใช้ทำาลายพวกแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ เชื้อ Streptococcus, กามโรค การติดเชื้อ ของ ระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง หู วิธีใช้ยา

33

ยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อรับประทานยาตอนท้องว่าง ฉะนั้น ควรรับประทานก่อนอาหาร 1 ชม. หรือ หลังอาหาร 2 ชม. ถ้าเป็น tablets หรือ capsules แบบ controlled-release ไม่ควรที่จะเคี้ยวก่อนกลืน ถ้าเป็น liquid ควรเขย่าขวดก่อนใช้ เพื่อผสมให้เข้ากัน โดยควรที่จะ mark ให้เห็นที่ช้อน เพื่อที่ จะได้รับยาในขนาดที่แน่นอน ถ้าเป็น tablet ควรที่จะกลืนทั้งเม็ด Pediatric drops ให้ทางปากเท่านั้น ถ้าใช้ยาจนหมดตามใบสั่งแพทย์แล้ว แต่อาการยังไม่หาย ไม่ควรที่จะไปต่อยา แต่ควรไปพบแพทย์ รับประทานยา 3-4 ครั้ง ต่อวัน โดยรับประทานเป็นเวลา 7-14 วัน โดยควรใช้ให้ห่างกันในเวลา ที่เหมาะสม คำาแนะนำาระหว่างใช้ยา ให้รับประทานยาจนครบตามใบสั่งแพทย์ เพราะถ้ารับประทานไม่ครบ อาจทำาให้เชื้อกลับเป็นซำ้าอีก ก็ได้ เมื่อคุณลืมกินยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกออก โดยถ้าใกล้ถึงเวลาที่จะรับประทานยาครั้งต่อไป คุณสามารถรับ ประทานยาเพิ่มเป็น 2 เท่าได้ แล้วก็รับประทานยา ทีเ่ หลือตามเวลาเดิมต่อไป อาการข้างเคียงของยา ถ้าเกิดอาการดังต่อไปนี้ ให้หยุดยา และพบแพทย์ทันที ผดผื่น, hives, เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ปัสสาวะมีสีดำา ตาและผิวหนังมีสีเหลือง หญิงตั้งครรภ์ หรือ หญิงให้นมบุตร ควรบอกแพทย์ก่อนรับประทานยานี้ ก่อนรับประทานยาตัวนี้ ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่า คุณได้ใช้ยาตัวไหนอยู่บ้าง โดยเฉพาะ carbamazepine, cyclosporine, theophylline, triazolam และ warfarin เพราะการใช้ยา Erythromycin จะทำาให้เกิดปัญหาในการรักษาด้วยยาตัวอื่น การเก็บรักษา เก็บในภาชนะปิดสนิท เก็บให้พ้นมือเด็ก เก็บ liquid ในตู้เย็น แต่ไม่ควรเก็บในช่องแข็ง เก็บ capsules, tablets และ pediatric drops ที่อุณหภูมิห้อง ที่ภาชนะบรรจุยาจะระบุวันหมดอายุไว้ ฉะนัน้ ไม่ควรรับประทานยาหลังวันหมดอายุ 34

Co-trimoxazole กลไกการออกฤทธิ์ เป็น bactericidal โดยประกอบด้วย trimethoprim (เป็น bactericidal) กับ sulfa (bacteriostatic) โดยยาตัวนี้ ยับยั้งเอนไซม์ใน folic acid pathway ทำาให้เป็น antibacterial synergism โดยยับยั้งเป็น 2 step ชื่อสามัญ Co-trimoxazole (trimethoprim และ sulfamethoxazole) ชื่อการค้า Bactrim ทำาไมต้องใช้ยานี้ ทำาลายแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ โดยรวมถึงการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ ปอด หู และ ลำาไส้ และ การรักษาอาการท้องร่วง วิธีใช้ยา รับประทาน 2-4 ครั้งต่อวัน โดยควรรับประทานให้ห่างกันในเวลาที่เหมาะสม Pharmacokinetics Absorption ยาตัวนี้ จะดูดซึมอย่างรวดเร็วทาง GI tract โดยมี Peak serum concentration ดังต่อไปนี้

35

1-2 mg/ml ของ trimethoprim และ 40-60 mg/ml ของ unbound sulfamethoxazole ที่ประกอบด้วย 160 mg ของ trimethoprim และ 800 mg ของ sulfamethoxazole โดยจะถึง Peak serum concentration หลังจากให้ single oral dose ของยาตัวนี้ ไปแล้ว 1-4 ชม. หลังจากการให้แบบ multiple dose พบว่า steady state peak serum concentrations ของยาตัวนี้ จะมากกว่าการให้ แบบ single dose ประมาณ 50 % หลังจากให้ IV infusion ของ trimethoprim 160 mg และ sulfamethoxazole 800 mg ทุก 8 ชม. ในผู้ใหญ่ที่มีสภาวะของไตปกติ พบว่าค่า mean peak steady-state serum concentrations ของ trimethoprim = 9 m g/ml และของ sulfamethoxazole ประมาณ 105 m g/ml Distribution ยาตัวนี้ จะกระจายไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้มากและไปยังนำ้าในร่างกาย เช่น sputum, aqueous humor, middle ear fluid, prostatic fluid, vaginal fluid, bile และ CSF นอกจากนี้ ยาตัวนี้ ยังสามารถกระจายไปยัง bronchial secretion ได้ ค่า Vd ของยา trimethoprim สูงกว่า ของ sulfamethoxazole โดย trimethoprim มีค่า Vd= 100-120 L และ sulfamethoxazole 12-18 L ใน ผู้ป่วยที่ไม่มีการติดเชื้อที่เนื้อเยื่อสมอง ค่าความเข้มข้นภายใน CSF ของ trimethoprim และ sulfamethoxazole เท่ากับ 50% และ 40% ตามลำาดับ ความเข้มข้นใน middle ear fluid ของ trimethoprim และ sulfamethoxazole มีค่าประมาณ 75% และ 20% ตามลำาดับ ความเข้มข้นใน prostatic fluid ของ trimethoprim และ sulfamethoxazole มี ค่าประมาณ 200% และ 35% ตามลำาดับ plasma protein binding ของ trimethoprim และ sulfamethoxazole เท่ากับ 44% และ 70% ตามลำาดับ ยาตัวนี้สามารถกระจายผ่านรกได้ โดยความเข้มข้นในนำ้าครำ่า ของ trimethoprim และ sulfamethoxazole เท่ากับ 80% และ 50% ตามลำาดับ นอกจากนี้ สามารถกระจายเข้าสู่ นำ้านมได้ โดย ความเข้มข้นของ trimethoprim และ sulfamethoxazole ในนำ้านม เท่ากับ 125% และ 10% ตามลำาดับ Elimination 36

ค่าครึ่งชีวิตของ trimethoprim และ sulfamethoxazole ในผู้ใหญ่ที่มีสภาวะไตปกติ มี ค่าประมาณ 8-11 และ 10-13 ชม. ตามลำาดับ ส่วนในเด็กที่อายุตำ่ากว่า 10 ปี จะมีค่าครึ่งชีวิต เท่ากับ 7.7 และ 5.5 ชัว่ โมง ตามลำาดับ ในผู้ใหญ่จะมีค่า creatinine clearance ของ trimethoprim และ sulfamethoxazole เท่ากับ 10-30 และ 0-10 ml/minute ตามลำาดับ ในผู้ใหญ่ที่มีสภาวะของ chronic renal failure ค่าครึ่งชีวิตจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าของค่าปกติ ยา ตัวนี้ จะถูก metabolize ที่ตับ โดย trimethoprim จะถูก metabolize ไปเป็น oxide and hydroxylate metabolizes ส่วน sulfamethoxazole จะถูก metabolize ไปเป็น N-acetylated และจะถูก conjugate ด้วย glucuronic acid โดยยาทั้ง 2 ตัวนี้ จะถูกขับออกทางไต ด้วยกระบวนการ glomerular filtration และ tubular secretion ยา trimethoprim และ sulfamethoxazole จะถูกขับออกทางปัสสาวะ เท่ากับ 5060 % และ 45-70 % ตามลำาดับ คำาแนะนำาระหว่างการใช้ยา ถ้ารูปแบบเป็นยานำ้า ให้ mark ช้อนที่จะใช้รับประทานยาให้ดี ๆ เพื่อที่จะได้ขนาดยาที่เที่ยงตรง ที่สุด ก่อนรับประทานยานำ้า ควรที่จะเขย่าขวดก่อน ดื่มนำ้าตามมาก ๆ อย่างน้อย 8 แก้ว ( อาจเป็นเครื่องดื่มประเภทอื่นได้ เช่น ชา กาแฟ นม นำ้าผลไม้ ) ยาตัวนี้สามารถทำาให้ผิวหนังของคุณไวต่อแสงมากกว่าคนปกติ ฉะนัน้ ถ้าคุณต้องอยู่นอกบ้านเป็น เวลานาน ๆ ควรจะใส่เสื้อผ้าที่ปิดมิดชิด และทาครีมกันแดด ควรรับประทานยาให้หมดตามใบสั่งแพทย์ มิฉะนั้นอาจทำาให้เชื้อกลับมาซำ้าอีกได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือ ยังมีอาการอยู่ หลังจากใช้ยาหมดแล้ว ให้ปรึกษาแพทย์ เมื่อคุณลืมกินยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ ถ้านึกได้ใกล้ การรับประทานยาครั้งต่อไป ให้รับประทานยา ครั้งต่อไป เลย โดยไม่ต้อง รับประทานยาที่ลืม อาการข้างเคียงของยา ถ้าเกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียความรู้สึกอยากอาหาร ให้รับประทานยานี้พร้อมอาหาร แต่ถ้า อาการ เหล่านี้รุนแรง และเป็นเวลานาน ให้พบแพทย์ ถ้าเกิดอาการ มีผดผื่นขึ้นที่ผิวหนัง คัน เจ็บคอ เป็นไข้ สั่น เจ็บคอ ผิวหนังและตามีสีเหลือง ซีด ปวด ข้อ ให้หยุดยา และให้พบแพทย์ทันที 37

คำาเตือนและข้อควรระวัง บอกแพทย์หรือเภสัชกรว่าคุณกำาลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง เช่น methotrexate, phenytoin และ warfarin ก่อนที่จะใช้ยานี้ ควรบอกแพทย์ ถ้าคุณอาจจะเกิดปฏิกิริยากับยา sulfa, ยาเบาหวาน ถ้าเป็นโรค ตับ โรคไต หอบหืด แพ้อย่างรุนแรง เป็นโรค G-6-PD deficiency หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิง ให้นมบุตร การเก็บรักษา เก็บในภาชนะปิดสนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก เก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงจากความร้อน และ แสงโดยตรง ไม่ควรเก็บของเหลวไว้ในช่องแข็ง Tetracycline ชื่อสามัญ Tetracycline ชื่อการค้า Achromycin, Dumocycline, Lenocin, Pantocycline, Servitet ทำาไมต้องใช้ยานี้ ทำาลายแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ โดยไม่มีผลกับการติดเชื้อไวรัส เช่น โรคหวัด วิธีใช้ยา โดยให้รับประทานเป็นช่วงห่างที่เหมาะสม Pharmacokinetics Absorption ใน fasting adults พบว่าประมาณ 60-80 % จะถูกดูดซึมทาง GI tract โดยอาหารและ /หรือ นำ้า จะลดการดูดซึมของยา ประมาณ 50% หรือมากกว่า ยาตัวนี้ เมื่อให้ทาง IM จะดูดซึมน้อย และไม่แน่นอน ใน fasting adults ที่มีหน้าที่ของไตปกติ พบว่า หลังจากให้ยาทาง oral แล้ว peak serum concentrations ของยา จะเกิดขึน้ ภายใน 1.5-4 ชม. Distribution 38

ยาตัวนี้ จะกระจายไปทั่วตามเนื้อเยื่อร่างกาย และของเหลวในร่างกาย รวมถึง pleural fluid, bronchial secretions, sputum, saliva, ascitic fluid, synovial fluid, aqueous and vitreous humor and prostatic and seminal fluids ยาตัวนี้ จะจับกับ serum proteins = 20-67 % ยาตัวนี้ จะถูก taken up อย่างรวดเร็ว โดย reticuloendothelial cells ของตับ ม้าม และ bone marrow ยาตัวนี้ มีปริมาณน้อยที่จะกระจายสู่ CSF หลังจากให้ทาง oral, IM, หรือ IV ในผู้ป่วยที่ไม่เป็ฯ biliary obstruction ความเข้มข้นของยาในนำ้าดี จะมากกว่า concurrent serum concentrations 2-32 เท่า ยาตัวนี้ จะอยู่บริเวณ tumor และ necrotic หรือ ischemic tissue เป็นเวลาหลาย สัปดาห์ หรือ หลายเดือน ยานี้ จะ form stable เป็น tetracycline-calcium orthophosphate complexs ที่บริเวณ new bone formation and calcification และใน dentin and enamel ของฟันที่กำาลังพัฒนาโดย complexs นี้ ไม่มี antimicrobial activity ยาตัวนี้ จะผ่านเข้า placenta อย่างรวดเร็ว แล้วกระจายสู่นำ้านม ในความเข้มข้นที่เท่ากับ maternal serum concentrations Elimination ในผู้ใหญ่ที่มีสภาวะของไตปกติ จะมี serum T1/2 ของ tetracycline = 6-12 ชม. โดย T1/2 ของยาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากให้ multiple doses serum concentrations ของ tetracycline จะเพิ่มขึ้น และ T ฝ จะยาวขึ้นเล็กน้อย ใน ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องของตับ หรือ เกิดการอุดตันของ bile duct ยาตัวนี้ จะเพิ่มขึน้ และ T1/2 ยาวนานขึ้น ในผู้ป่วยที่มีความบกพร่องของไต ยาตัวนี้ จะถูก remove ออกน้อยโดยทาง hemodialysis หรือ peritoneal dialysis คำาแนะนำาระหว่างใช้ยา

39

ให้รับประทานยาให้หมดตามใบสั่งแพทย์ มิฉะนั้น เชื้ออาจจะกลับเป็นซำ้าอีกได้ ยาตัวนี้เป็นสาเหตุให้ผิวหนังมีความไวต่อแสงแดดมากขึน้ ฉะนัน้ ควรใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด ทาครีม กันแดด และใส่แว่นกันแดด ถ้าเกิดอาการแสงแดดเผาไหม้ ให้ปรึกษาแพทย์ ถ้าเป็นโรคเบาหวานอยู่ ยาตัวนี้อาจทำาให้เกิดผลของการวัดระดับนำ้าตาลในปัสสาวะผิดพลาดได้ ฉะนัน้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน หรือ เปลี่ยนขนาดของยารักษาโรค เบาหวาน เมื่อคุณลืมกินยา ให้รับประทานยาทันที่ที่นึกได้ และให้รับประทานยาต่อไปตามตารางเดิม อาการข้างเคียงของยา ถ้าเกิดอาการคลื่นไส้ ให้รับประทานยาร่วมกับของขบเคี้ยว แต่ถ้ากระเพาะยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่ ให้ปรึกษาแพทย์ อาการท้องร่วง คันที่ช่องคลอดหรือทวารหนัก เจ็บปาก ผดผื่นขึ้นที่ผิวหนัง โดยถ้าเกิดอาการเหล่านี้ อย่างรุนแรง หรือ เป็นติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 2 วัน ให้ปรึกษาแพทย์ คำาเตือนและข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ยาตัวนี้ในเด็กอายุตำ่ากว่า 8 ปี หญิงตั้งครรภ์ หรือ หญิงให้นมบุตร หรือ หญิงที่กำาลังจะตั้ง ครรภ์ ถ้าเกิดอาการแพ้ยาตัวอื่น หรือ เป็นโรคไต ให้บอกแพทย์ก่อนให้ยาตัวนี้ ยาตัวนี้ จะลดประสิทธิภาพของยาเม็ดคุมกำาเนิด ฉะนัน้ จึงควรใช้การคุมกำาเนิดแบบอื่นจะได้ผล มากกว่า ให้ยาตัวนี้ก่อนหน้ายาเตรียมที่มีเหล็กผสมอยู่ 2 ชม. หรือ หลัง 3 ชม. ให้ยาตัวนี้ 1 ชม. ก่อนให้ยาลดกรด และหลัง 2 ชม. หลังให้ยาลดกรด ถ้าได้รับยา anticoagulants เช่น warfarin, penicillin, และยาแก้ท้องร่วง ให้บอก แพทย์ด้วย ยาตัวนี้ที่ผลิตนานแล้ว อาจเป็นอันตรายได้ การเก็บรักษา เก็บในภาชนะปิดสนิท ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก เก็บในอุณหภูมิห้อง ห่างจากความร้อน และ แสงโดยตรง

40

Related Documents