4
EDITOR•TALK
5
Contributors
7
Ct&I•society
8
cover•story
ครั้งแรกกับการแข่งขันชิงแชมป์บาริสต้า แห่งเอเชีย ปี 2008
First Asia Barista Championship 2008
14 cAFé•DEsign
รูปโฉมใหม่ของ McDonald’s
A new image for McDonald’s
18 INDY•VOICE
ร้านกาแฟอินดี้ ในห้างดัง ใครว่าเป็นไปไม่ได้
contents
Impossible is Nothing: an Indy Coffee House in the Mall
20
24 NANATASSANA
ความรุ่งเรืองในถ้วยกาแฟ
28 HOT•BEV
Almond Mocha Latte Mango-Berry Soda Rum Island Iced Scotch Coffee Rose-n-Cream Frappè Tropical Fruit Tea
32
38
Managing Editor Tanadej Kamonchan Contributor writers Ross Bright Mark Prince Sunalini N. Menon Art Director Kitti Amornpatanakul
SPECIAL•interview
coffeegeek.com Coffee Geeks’ Most Favorite Website
Fortune in a Coffee Cup
Bi-monthly magazine
CHAIN•UPDATE
Thom Artisan Coffee: A Four-Wheel Coffee House in Chiang Mai Indulge Yourself with the Creamiest Ice- Cream on Earth at Cream & Fudge Factory Matcha Green Tea: Original Japanese-Styled Green Tea at Chaho Café TRADE•SHOW•TOUR
Hotelex, Shanghai 2008 “HOTERES JAPAN” “CATEREX JAPAN” and “JAPAN FOOD SERVICE EQUIPMENT SHOW” 2008 (HCJ 2008) Food Hotel Asia 2008
44
48
coffee•logo
50
sweetie•barista
52
café•around•the•world
54
product•news
BARISTA•CHALLENGE
Australian Barista Championship 2008 The 6th China Barista Championship Japan Barista Championship 2008 LA Boasts 2008 USA Barista Champion
Reporters & Writers Sutinee Amornpatanakul Potcharawan Sukmuen Photographer Chavamon Boriboontanawat Translation and proofread Thanyaporn Silpi Sirinan Kesonbua Potcharawan Sukmuen Publisher Coffeetimes 65/6 Soi Chokchai Ruammit, Wipawadee Rangsit Road, Jatujak, Bangkok 10900, Thailand Tel/ fax : 662 277 3753 Email :
[email protected] www.coffeetimesthai.com subscription & sales please contact : Thanyaporn Silpi
[email protected] Mobile : 668 5918 4076 Online Subscription is now available Please visit us @ www.coffeetimesthai.com The contents of this publication may not be reproduced in whole or in part without written permission from the publisher
contributor
มีคนหลายคนตั้งคำถามกับผมเกี่ยวกับเหตุผลของ Many people ask me about the reason for pubการทำนิตยสาร Coffee t&i เนื่องจาก Coffee t&i EDITOR•TALK lishing Coffee t&i which was developed from Coffeetalk or the News letter of K2, the company พัฒนามาจาก Coffeetalk ซึ่งเป็นหนังสือข่าวของ K2 which provides specialty coffee house consult บริ ษั ทให้ ค ำปรึ ก ษาการเปิ ด ร้ า นกาแฟและจำหน่ า ย and supply. It seems that I have not announced อุปกรณ์และดูเหมือนผมยังไม่เคยประกาศเจตนารมณ์ my intention to create Coffee t&I; therefore, I am ในการทำ Coffee t&i ของพวกเราอย่างเป็นทางการ going to take this opportunity to briefly define ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ ในการสร้างความเข้าใจกับผู้อ่านถึง the objectives of our magazine. จุดประสงค์และเป้าหมายของพวกเรา From my experience in food service business in Asia during the last 20 years, I have seen จากประสบการณ์ของผมที่อยู่ ในแวดวงธุรกิจ the growth of hotel, fast food restaurants and cofบริการอาหารในภูมิภาคเอเชียมาตลอด 20 กว่าปี เห็น fee houses business. Particularly, I myself have การเจริญเติบโตในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารบริการ been studying and doing coffee business for 7 ด่วน และร้านกาแฟมานานปี โดยเฉพาะในธุรกิจกาแฟ years and I have realized from the very first time ซึ่งผมได้ศึกษาและดำเนินธุรกิจนี้ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา I entered this business that there have not been การได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลในช่วงแรกทำให้ผมพบว่าใน enough books about coffees. From the coffee ประเทศไทยขาดหนังสือความรู้ทางด้านกาแฟในแง่มุม plantation, coffee roasting, coffee preparation, ต่างๆ ตั้งแต่การปลูก การคั่ว การทำ จนถึงการเปิด Starting and marketing for coffee house business are very rare. Most of the books about the aforeและการตลาดร้านกาแฟ หนังสือที่ผมพบส่วนใหญ่จะ mentioned topics are written in English, Japanese เป็น หนังสือภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งมีความ and Chinese (from Taiwan); however, they are หลากหลายน่าสนใจ จนกระทั่งผมตั้งใจที่จะทำหนังสือ so interesting that I want to produce this kind of ในแนวนี้ขึ้นมา และได้ทำไปแล้วโดยออกเป็นหนังสือ books. As a result, the two pocket books Coffee พ๊อคเก็ตบุคส์ 2 เล่มคือ คอฟฟี่ไทมส์เล่ม 1 และ 2 ซึ่ง Times 1&2 have been published and generally accepted. ก็ได้รับความนิยมระดับหนึ่ง During the First coffee booming in Thailand 20 years ago, I และจากการที่ผมได้ผ่านช่วงเวลาของครั้งแรกที่ธุรกิจร้านกาแฟบูม have seen the rise and fall of many coffee house business. One of the key factor is because of the lack of adequate and efficient knowledge เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วในประเทศไทย และเห็นการล่มสลายของธุรกิจร้าน of both the coffee house owners and the consumers. For this reason, กาแฟในยุคนั้น ซึ่งผมเห็นว่าเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การขาดความรู้ทาง the coffee house business cannot root itself through the culture the วิชาการของผู้ประกอบการหลายราย ซึ่งไม่สามารถจะถ่ายทอดไปสู่ผู้บริโภค way it has been in Japan and Taiwan. เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของธุรกิจดั่งเช่นประเทศญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งฝังราก Therefore, publishing books, in my opinion, is a way to eduลึกจนกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว cate people in this circle, both coffee house owners and consumers. การทำหนังสือจึงเป็นแนวทางที่ผมเล็งเห็นว่าจะเป็นการให้ความรู้กับ Although there are a number of coffee magazine launched around คนในวงการกาแฟทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค และการทำเป็นนิตยสาร 2 the world, but not one of them work as a medium of communicaภาษาทั้งไทยและอังกฤษ และแจกจ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ และผู้ปฏิบัติการ tion among coffee people and baristas in Asia. My aim is to create CT&I to be the medium of coffee knowledge and society of people ในธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่มก็จะเป็นการทำให้วงการกาแฟขยายวง in coffee, tea and ice cream in Asia in order to expose our stories จากไทยไปสู่นานาชาติ ซึ่งถึงแม้ว่าทั่วโลกจะมีนิตยสารกาแฟมากมาย แต่ก็ and abilities to western world and to exchange the knowledge and ยังไม่มีฉบับใดที่จะเป็นสื่อกลางของธุรกิจค้าปลีกในวงการกาแฟและการส่ง experience which will play an important role in the long-term develเสริมอาชีพบาริสต้าในเอเชีย ผมจึงตั้งใจจะทำ CT&I ให้เป็นสื่อกลางของ opment of coffee business. ความรู้และสังคมในวงการกาแฟและชาในเอเชียให้ผู้คนในโลกตะวันตกรู้จัก Therefore, the intention to promote our group’s products วงการของเรามากยิ่งขึ้น การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จะมีส่วน through CT&I is not the priority. As same as our sponsors, Without ช่วยพัฒนาวงการของเราให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน their supports, we are not able to contribute CT&I to our goals. We serious for this business which you can see from many books we การส่งเสริมการขายของสินค้าบริษัทในเครือจึงเป็นเรื่องรองที่ CT&I plan to launch this year. ให้ความสำคัญเช่นเดียวกับผู้สนับสนุนธุรกิจ CT&I อื่นๆ เพราะถ้าขาดผู้ I would like take this opportunity to invite all professionals สนับสนุนเหล่านี้ เราก็คงจะไม่มีโอกาสทำภารกิจที่เราตั้งใจไว้ได้ CT&I จึง who are involved in coffee, tea and ice-cream business at any secเป็นนิตยสารที่มีแผนงานในการทำธุรกิจสิ่งพิมพ์อย่างจริงจัง ซึ่งนอกจากนี้ใน tion, from production process to roasters, baristas, sales and marketปีนี้เราก็จะมีหนังสือใหม่ๆ ทยอยออกมาอีกนับสิบเล่ม ing, to share your knowledge and experience by contributing your ผมจึงขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนผู้ชำนาญการในวงการกาแฟ ชา และ articles to us. I would be impressed to receive your piece of writing. ไอศกรีมในแขนงต่างๆ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Last, but not least, I would like to thank you, the sponsors and readers, who have been such a great support to all of us. การให้ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านบทความของท่านสู่ผู้อ่าน ดังที่ During the last few months, there have been a number of เพื่อนๆ มืออาชีพในวงการทั้งไทยและนานาชาติได้อุทิศบทความสนับสนุนใน barista competitions in many countries. The champion from each ฉบับที่ผ่านมา ซึ่งผมซาบซึ้งในน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง และถ้าขาดองค์ประกอบ country is to attend the World Barista Championship, held in Coหลักนี้ก็คงจะไม่สามารถได้มาซึ่งผู้สนับสนุนและที่สำคัญที่สุดคือผู้อ่านได้ penhagen, in June. It is a pity that not every country in Asian is atในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศมีการแข่งขันบาริสต้าใน tending this competition; however, I hope that within 2 years there ช่วงเวลาใกล้กันเพื่อการคัดเลือกตัวแทนเข้าชิงชัยในการแข่งขันระดับโลกที่ will be 10 baristas from Asian on the stage in the World Barista โคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์กในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็น ที่น่าเสียดายที่ Championship. หลายๆ ประเทศในอาเซียนไม่มีตัวแทนบาริสต้าเข้าแข่งขัน ซึ่งผมหวังว่าเรา For now, the cover story of this issue is taking you to the 1st Asian Barista Championship held in Singapore. Hope you enjoy it. คงจะมีตัวแทนครบทั้ง 10 ประเทศในเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สิงคโปร์ก็ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัด ธนเดช กมลฉันท์ งานการแข่งขันบาริสต้าระดับเอเชียขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งมีเนื้อหาอยู่ภายใน Sam Tanadej Kamonchan เล่มนี้แล้ว
•
Mark Prince
[email protected] Mark Prince has been involved in specialty coffee for nearly ten years, starting off as a consumer enthusiast with a lot to say, and eventually developing his palate, skills and understanding of what really makes coffee culinary. He is a certified World Barista Championship judge, a consultant to consumer and professional coffee and espresso equipment manufacturers, and works as a trainer, lecturer and educator in the consumer fields, teaching people and businesses about great coffee. As the creator of www.coffeegeek.com, Mark Prince is considered one of the most influential people in coffee business, especially in cyberspace. In this issue, he has shared with us his stories and experience which is so interesting that you cannot miss.
มาร์ค พริ้นซ์
มาร์ค พริ้นซ์ เข้ามาโลดแล่นอยู่ ในวงการกาแฟเป็นเวลาเกือบ 10 ปี โดยเริ่มจากการเป็นผู้บริโภคที่มี ความกระตือรือร้นและได้พัฒนาทักษะในการชิมกาแฟ ควบคู่ไปกับเรียนรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้กาแฟกลายเป็น เครื่องดื่มที่มีอยู่ในทุกครัวเรือน ในที่สุด เขาได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการในการตัดสินการแข่งขันบาริสต้า ระดับโลก นอกจากนี้ เขายังเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้บริโภค ผู้ผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ ในการชงกาแฟ และ เป็นผู้ฝึกสอนและวิทยากรผู้ ให้ความรู้ ในเรื่องของการบริโภค ทำให้คุณลักษณะและความพิเศษของกาแฟ ถูกถ่ายทอดไปสู่นักธุรกิจและบุคคลทั่วไป จากการเป็นผู้สร้างเว็บไซต์ www.coffeegeek.com Mark Prince ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลในวงการกาแฟสูงสุด โดยเฉพาะในโลกอินเตอร์เน็ต และใน CT&I เล่มนี้ เขาได้พูดคุยแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งคุณไม่ควรพลาด Ross Bright
[email protected] He is an Australian Master Coffee Roaster & Wholesale Manager. Ross joined Dome Coffee of Australia and Spinelli Coffee Company’s Singapore office in 2001 as a coffee roaster. He is in charge of purchasing all green coffee and he roasts the beans weekly to maintain the quality of coffee served in Spinelli’s 25 stores in Singapore, Beijing, and Jakarta. He travels extensively to Malaysia, Thailand, Indonesia, Mexico, Costa Rica, Japan and etc to judge in their local barista championships. In August 2007, he judged in the World Barista Championship in Japan.
รอส ไบรท์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการคั่วกาแฟและผู้จัดการค้าส่งชาวออสเตรเลีย เขาร่วมงานกับ Dome Coffee มากว่า 5 ปีและล่าสุดร่วมงานกับSpinelli Coffee Companyสาขาสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2001 เขารับหน้าที่ดูแลการจัด ซื้อสารกาแฟแห้งและคั่วกาแฟเป็นประจำส่งให้แก่ลูกค้าในสิงคโปร์ ปักกิ่งและจาร์การ์ต้า เดินทางไปมา
ระหว่างมาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย เม็กซิโก คอสตาริก้า และญี่ปุ่น เป็นประจำเพื่อตัดสินการแข่งขัน
บาริสต้าระดับประเทศในประเทศนั้นๆ เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา เขาเข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ การแข่งขันบาริสต้าโลกที่ญี่ปุ่น Sunalini N Menon
[email protected] Sunalini N Menon is Asia’s first woman professional in the field of coffee tasting or coffee cupping. She is a coffee quality control expert, with a Master’s degree in food and nutrition from the Women’s Christian College. She started her career at the Coffee Board of India in 1972. Currently, she runs Coffeelab Private Limited, a consultancy at Bangalore, India, that she started in 1996. She is also the quality ombudsman of the Specialty Coffee Association of India.
สุนาลินี เมนอน
สุนาลินี เมนอน คือผู้เชี่ยวชาญทางด้านการประเมิณรสชาติและการชิมกาแฟที่เป็นผู้หญิงคนแรกของ เอเชีย เธอเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของกาแฟ และมีปริญญาโททางด้านอาหาร และโภชนาการจาก Women’s Christian College เป็นเครื่องรับประกัน เธอเริ่มต้นอาชีพในวงการกาแฟ โดยการเข้ามาทำงานที่ Coffee Board of India ในปี พ.ศ.2515 และในปี พ.ศ.2539 เธอได้ก่อตั้งบริษัท Coffeelab Private Limited ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในเรื่องกาแฟในเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย เธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของสถาบัน Specialty Coffee Association of India ที่ทำงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
•
CT&I•SOCIETY
Global Franchise Architects Thailand 100 Stores Celebration GFA Corporation (Thailand) celebrated its 100th store of its 7 brands in Thailand and launches a campaign “Lucky Draw Buy 1 Get 1 Free”. GFA 7 brands include Coffee World, Pizza Corner, New York Deli, The Cream & Fudge Factory, The Donut Baker, Golden Pretzel, and Juisomania. Fred Mouawad, Chairman and CEO of GFA Corporation (Thailand) said in the past year GFA had growth rate of 24% and its goal in the next 4 years is to open another 200 branches.
บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) ฉลอง 100 สาขา 7 แบรนด์ในประเทศไทย พร้อมมอบแคมเปญคืนกำไรลูกค้า “Lucky Draw Buy 1 Get 1 Free” 7 แบรนด์ของจีเอ เฟ ประกอบไปด้วย คอฟฟี่ เวิลด์, พิซซ่า คอร์เนอร์, นิวยอร์ก เดลี่, เดอะ ครีม แอนด์ ฟัดจ์, เดอะ โดนัท เบเกอร์, โกลเด้น เพร็ทเซล, และจูสซมาเนีย มร.เฟรด โมฮาวาด ประธานกรรมการบริหารบริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) กล่าว ในปีที่ผ่านมา จีเอฟเอ มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 24 % และภายใน 4 ปีข้างหน้านี้ จีเอฟเอจะขยายสาขา เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 200 สาขา
Coffee Prince brought their fan to learn Latte Art Channel 7 brought their real fans of “Coffee Prince” famous Korean series along with 5 young actors and actresses to learn Latte Art technique at K2 Company Limited.
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ช่อง 7 สี พาแฟนตัวจริง “Coffee Prince, รักวุ่นวายของเจ้าชายกาแฟ” พร้อม 5 นัก แสดงวัยรุ่น ได้แก่ อ๊อฟ-ชนะพล สัตยา, เจี๊ยบ-ชมพูนุช
ปิยธรรมชัย, เบนซ์-มนัญญา ตริยานนท์, เมี่ยง-อติมา
ธนเสนีย์วัฒน์, และ ต่าย-ชัชฎาภรณ์ ธนันทา ร่วมอบรม หลักสูตรเทคนิคการแต่งหน้ากาแฟหรือลาเต้อาร์ท ที่บริษัท K2 Lydia Delights Coffee Lovers in “Kwa Ja Pen Dao” When Lydia Sarunrat Visutthithada, was asked about what else she would like to do besides being a singer, she answered with no hesitation that she also wanted to be a barista. Kwa Ja Pen Dao, the TV program on channel 9, managed to make her dream come true by providing Lydia and her friend, Jui Warattaya Nilkuha, with an intensive espresso brewing and latte art training at K2. Both Lydia and Jui have shown us that they are not only a singer and an actress, but they can also be wonderful baristas.
เมื่อมีคนถามลิเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา ถึงสิ่งที่อยากทำนอกจากการเป็นนักร้อง เธอ ตอบอย่างได้ไม่ลังเลใจว่าเธอฝันอยากเป็นบาริสต้า รายการกว่าจะเป็นดาวที่ออกอากาศ ทางช่อง 9 จึงได้โอกาสจัดการอบรมระยะสั้นเกี่ยวกับการชงกาแฟเอสเพรสโซ่และการทำ ลาเต้อาร์ทให้กับลิเดียและเพื่อนสาวของเธอ จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา ที่บริษัท K2 และทั้งสอง ก็ได้พิสูจน์ ให้ทุกคนเห็นว่านอกจากที่พวกเธอจะมีเป็นดาราและนักร้องที่มีคุณภาพแล้ว เธอยังสามารถเป็นบาริสต้าที่ดีได้อีกด้วย National Thailand Barista Champion at 7 Karat TV Show Sirithai Rungjantuek, National Thailand Barista 2008 champion from S&P Blue Cup Coffee demonstrated and taught latte art technique to actor and actresses in 7 Karat TV show on air on May 6, sponsored by K2.
คุณปุ้ม สิริทัย รังจันทึก แชมป์ National Thailand Barista Championship 2008 จาก Blue Cup Coffee by S&P ร่วมสาธิตและสอนศิลปะการทำเลเต้อาร์ทแก่ นีโน่ เมทนี บูรณศิริ, ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต และ เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ในรายการ 7 กะรัต ออกอากาศเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ทางช่อง 7 สี โดยมีบริษัท K2 เป็นผู้สนับสนุน •
COVER•STORY
As the first barista competition held in Asia, Asia Barista Championship, held in Singapore during April 22-25, 2008, can be considered as a success story. The number of competitors from 11 countries and observers who stayed from the beginning until the end perfectly guarantees this accomplishment. Therefore, Cover Story cannot miss this chance to provide our readers with useful information about barista competition and lead you into Asia Barista Championship 2008 Asia Barista Championship or ABC is a competition held to seek to recognize baristas as professional career and to draw attention to specialty coffee and coffee culture. In the meantime, the competition provides all baristas with the opportunities to learn new techniques and develop their skills. Moreover, Baristas are able to establish a friendship between one another and, as a result, the coffee community is firmly expanded. Asia Barista Championship is co-organized by Singapore Exhibition Services, Kerry Ingrdients Asia and Singapore Coffee Association and sponsored by La Marzocco, DaVinci Gourmet, Greenfields, Hamilton Beach Commercial, Coffex, Mahlkonig, Cafetto,
so interesting that they could not leave the stage area. At the end of the day, the final 5 participants were announced. Not only the final participants, but also the audiences were excited about the competition on the following day. They could not wait to see the performance in the final rounds which would be even more intense. On April 24, 2008, the final 5 participants and the judges gathered together once again in the competition area in the morning. Although there were fewer barista performing in the final competition, the number of people circling round the stage did not decrease. On the other hand, the competitors who did not get into the final round were also in front of the stage in order to give the final competitors a cheer. This picture clearly showed the friendship among the participants and it cannot be destroyed by the competition. The final stations of the Asia Barista Championship 2008 turned out to be a major success, when all the final competitors were well-prepared and give the audiences with their best performance, both in the brewing and in the presentation. One of the baristas who was
Organised by
Sponsored by
1
ครั้งแรกกับการแข่งขันชิงแชมป์บาริสต้าแห่งเอเชีย ปี 2008
First Asia Barista Championship 2008 Purence and Rattleware. During the competition, Coffee T&I and Café Culture are responsible for public relations. The real competition of Asia Barista Championship 2008 began in the morning of April 23, 2008. Besides the judges and the competitors, a number of audiences who were interested in this competition from different countries circled round the stage. Many of the audiences were baristas who wanted to increase the knowledge and experience in their professional field, while others were involved with coffee by either profession or pleasure. In Asia Barista Championship 2008, there were 7 judges, consisting of 4 sensory judges, 2 technical judges and 1 head judge. In each station of the competition, each barista had 45 minutes, divided into 3 segments, 15 minutes of preparation time, 15 minutes of competition/performance time, and 15 minutes of clean-up time. For the preparation, the barista carried all supplies on stage, set up and prepared the bar including the judges’ table. During the competition/performance time, each competitor had to serve four sensory judges a single espresso, a single cappuccino and a single blended signature beverage of their choice making a total of 12 drinks within 15 minutes. After serving the drinks, the barista spent 15 minutes on cleaning up the counter and the machines. All these actions are under close observation of technical judges and the head judges. The competition on the first day can be considered a fierce one and a number of audiences found it
•
the main focus on the competition was Carl Sara who had an experience in the World Barista Championship. Therefore, it was not surprising that he was able to draw an undivided attention from his audience and he did not let them down. I carefully spent 14 minutes and 58 seconds on the brewing and the presentation. At the end of the competition, the winners were announced as follows:
3
Winner : Mr. Carl Sara (New Zealand) 1st runner up : Mr. Scottie Callaghan (Australia) 2nd runner up : Mr. Liu Chia Wei (Taiwan) Besides the awards given above, in the Asia Barista Championship, there are more three trophies which were Best Espresso Trophy, Best Latte Art Trophy and Best Blended Signature Beverage Trophy. The Best Latte Art and Best Blended Signature Beverage were given to Mr.Carl Sara, the 1st Asia Barista Champion, while the winner of Best Espresso was Mr.Liu Chia Wei, the second runner up. With a number of competitors from different countries and a number of audiences, Asia Barista Championship 2008 has become a considerable competition in Asia and at the event was considered a success story. We, Coffee T&I, are looking forward to the 2nd Asia Barista Championship and it would be nice to see this kind of event happen in other places as well. This is another big step of our coffee community and the further steps are yet to be taken.
2
4 1 Umesh Prabhakar Padwal from India. 2 Sirithai Rangjantuek from Thailand. 3 Carl Sara, the ABC winner from New Zealand.
4 Quen Xiu from China. 5 ABC competitors and judges.
Supported by
5 •
COVER•STORY
แม้จะเป็นการแข่งขัน บาริสต้าที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
Asia Barista Championship 2008 ที่จัดขึ้นในประเทศ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 22-25 เมษายน พ.ศ. 2551 ก็ถือได้ ว่ า เป็ น งานที่ ป ระสบความสำเร็ จ อย่ า งสู ง สั ง เกตได้ จ าก จำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันที่มาจาก 11 ประเทศทั่วทั้งเอเชีย รวมถึงผู้ที่ ให้ความสนใจเข้าชมและเชียร์ผู้เข้าร่วมการแข่ง ขันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ Cover Story เล่มนี้จึง พลาดไม่ได้ที่จะนำข้อมูลน่ารู้และบรรยากาศของการแข่งขัน บาริสต้าในครั้งนี้มาให้ผู้อ่านได้ร่วมเดินทางเข้าสู่การแข่งขัน Asia Barista Championship 2008 ไปกับเรา Asia Barista Championship หรือ ABC เป็นการ แข่งขันที่จัดขึ้นเพื่อผลักดันให้อาชีพบาริสต้าเป็นที่รู้จักในหมู่ ประชาชนทั่วไปและทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจในเรื่อง ของกาแฟและวัฒนธรรมกาแฟมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน การแข่งขันที่จัดขึ้นยังเปิดโอกาสให้บาริสต้าทั้งหลายได้เรียน รู้เทคนิคต่างๆ และพัฒนาฝีมือของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น
บาริสต้าทุกคนยังมีโอกาสที่จะสร้างมิตรภาพระหว่างกัน ทำให้กลุ่มของคนรักกาแฟที่มีอยู่นั้นขยายวงกว้างขึ้น การแข่ ง ขั น ในครั้ ง นี้ ถู ก จั ด ขึ้ น โดย Singapore Exhibition Services, Kerry Ingrdients Asia และ Singapore Coffee Association และได้รับการสนับสนุน จาก La Marzocco, DaVinci Gourmet, Greenfields, Hamilton Beach Commercial, Coffex, Mahlkonig, Cafetto, Purence และ Rattleware ส่วนสื่อที่เข้ามามี บทบาทในการประชาสั ม พั น ธ์ ก ารแข่ ง ขั น ครั้ ง นี้ ไ ด้ แ ก่ นิตยสาร Coffee T&I และนิตยสาร Cafe Culture การแข่งขัน Asia Barista Championship 2008 เริ่ม ต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในเช้าของวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2551 นอกจากผู้เข้าร่วมการแข่งขันและคณะกรรมการที่มา พร้อมกันบริเวณเวทีที่จัดไว้ ยังมีผู้ชมจำนวนมากที่ ให้ความ สนใจกับการแข่งขันบาริสต้าในครั้งนี้ ด้านหน้าและด้านข้าง ของเวทีทั้งสองด้านถูกล้อมไปด้วยกองเชียร์จากประเทศ ต่างๆ ผู้ชมส่วนหนึ่งเป็นบาริสต้าที่ต้องการเปิดโลกทัศน์ ใน สาขาอาชีพของตนเอง ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และผู้ ที่ ท ำงานอยู่ ใ นแวดวงกาแฟ รวมไปถึ ง ผู้ บ ริ โ ภคที่ หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องดื่มชนิดนี้ ในการตัดสินการแข่งขัน Asia Barista Championship มีกรรมการทั้งหมด 7 ท่าน ประกอบด้วย กรรมการผู้ ให้ คะแนนทางด้านรสชาติ 4 ท่าน กรรมการผู้ ให้คะแนนทาง ด้านเทคนิค 2 ท่าน และประธานกรรมการ 1 ท่าน ในการ แข่งขันแต่ละครั้ง ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนมีเวลา 45 นาที ซึ่ง ถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ขั้นตอนการเตรียมตัว 15 นาที ขั้นตอนการแข่งขันชงเครื่องดื่ม 15 นาที และขั้นตอนการ ทำความสะอาด 15 นาที ในช่วงของการเตรียมตัว บาริสต้า จะต้องจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ รวมทั้งจัดโต๊ะบริเวณที่ นั่งของกรรมการเปรียบเสมือนการเปิดร้านในเวลาเช้า ต่อ มาในช่วงของการชงเครื่องดื่ม บาริสต้าจะต้องชงเครื่องดื่ม ทั้งหมด 12 แก้ว คือ กาแฟเอสเพรสโซ่ กาแฟคาปูชิโน่ และ เครือ่ งดืม่ สูตรพิเศษเฉพาะตัว อย่างละ 4 แก้วสำหรับกรรมการ ผู้ ให้คะแนนทางด้านรสชาติ 4 ท่าน ในขณะที่ชงเครื่องดื่ม นั้น บาริสต้าจะต้องบรรยายลักษณะเฉพาะและให้ข้อมูล เกี่ยวกับเครื่องดื่มนั้นๆ และหลังจากเสิร์ฟเครื่องดื่มให้แก่ คณะกรรมการ บาริสต้าจะใช้เวลา 15 นาทีสุดท้าย ในการ ทำความสะอาดเคาน์เตอร์และเครื่องมือต่างๆ ซึ่งการทำงาน ทั้งหมดเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การสังเกตของกรรมการผู้ ให้ คะแนนด้านเทคนิคและประธานกรรมการตั้งแต่ต้นจนจบ 10 •
1
4
2 1 2 3 4
6
5
The atmosphere of the competition. 5 Liu Chia Wei, the 2nd runner up from Kerry Ingredients team congratulated Taiwan. the winner, from left to right: 6 Sahong Kim from Korea. Tommy Wong, Carl Sara, Jeff Dutton, 7 Cheryl Lee from Malaysia. TC. Kuan 8 Scottie Callaghan, the 1st runner up from Australia. Dutton,TK Kuan. All the ABC judges. Tassi Agustinus Yosef from Indonesia. 9 Vanessa M. Caceres from Philippines.
8
3
7
9
การแข่งขันรอบคัดเลือกในวันแรกนั้นเป็นไปอย่างเข้ม ข้นและได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นจำนวนมากและเมื่อจบ การแข่งขันของวันแรกในช่วงบ่าย คณะกรรมการได้ประกาศ รายชื่อของผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศทั้ง 5 คน ที่จะต้องเข้าร่วม การแข่งขันครั้งต่อไปในวันรุ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ผู้เข้ารอบทั้ง 5 คนเท่านั้นที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ แต่ ผู้ ช มก็ แ ทบจะอดใจรอการแข่ ง ขั น ที่ ก ำลั ง จะมาถึ งไม่ ไ หว เพราะทุกคนทราบดีว่าการแข่งขันครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วย ความเข้มข้นและความน่าสนใจไม่แพ้กับการแข่งขันที่ผ่านมา เช้าของวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2551 ผู้เข้ารอบชิง ชนะเลิศทั้ง 5 คนและคณะกรรมการได้มารวมตัวพร้อมกัน อีกครั้งหนึ่งบนเวทีที่ ใช้ ในการแข่งขัน เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้ จำนวนของบาริสต้าที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้น้อยลง แต่จำนวนของผู้ชมที่รายล้อมเวทีการแข่งขันอยู่นั้นไม่ได้น้อย ลงเลย ในทางตรงกันข้าม บาริสต้าที่ไม่ผ่านการแข่งขันรอบ คัดเลือกกลับผันตัวเองมาเป็นกองเชียร์ที่คอยให้กำลังใจกับ บาริสต้าทั้ง 5 คนตลอดการแข่งขัน ภาพเหล่านี้เป็นเครื่อง ยืนยันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันที่การแพ้ชนะไม่ สามารถทำลายได้ การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศดำเนินไปอย่างน่าสนใจ บาริสต้าแต่ละคนเตรียมตัวและฝึกซ้อมมาอย่างดี ไม่ว่าจะ เป็ น ในเรื่ อ งของเทคนิ ค การชงกาแฟหรื อ การบรรยายใน ระหว่างการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คนหนึ่ง คือ Carl Sara เขาเคยมีประสบการณ์ ในการเข้า ร่วมการแข่งขัน WBC หรือการแข่งขันบาริสต้าระดับโลก มาในงานนี้ เขาจึงเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ และเขาก็ไม่ ได้ทำให้ทุกคนผิดหวัง เมื่อเวลา 14 นาที 58 วินาทีถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเครื่องดื่ม หรือการนำเสนอในช่วงของการแข่งขัน และเมื่อการแข่งขัน เสร็จสิ้นลง คณะกรรมการก็ได้ประกาศผลการแข่งขัน ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ : Mr. Carl Sara จากประเทศนิวซีแลนด์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 : Mr. Scottie Callaghan จากประเทศออสเตรเลีย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 : Mr. Liu Chia Wei จากประเทศไต้หวัน นอกจากรางวั ล Asia Barista Champion และ รางวัลรองชนะเลิศทั้ง 2 รางวัลที่กล่าวไปข้างต้น ในการ แข่งขัน Asia Barista Championship มีรางวัลที่สำคัญอีก 3 รางวัล ได้แก่ Best Espresso Trophy, Best Latte Art Trophy และ Best Blended Signature Beverage Trophy ซึ่งนอกจาก Carl Sara จะได้รับรางวัลชนะเลิศในงานนี้ไป แล้ว เขายังได้รับรางวัล Best Latte Art และ Best Blended Signature Beverage ไปครองอีกด้วย ส่วนรางวัล Best Espresso ตกเป็นของ Mr. Liu Chia Wei ผู้ได้รับรางวัลรอง ชนะเลิศอันดับ 2 จำนวนผู้ เ ข้ า แข่ ง ขั น จากหลายประเทศและผู้ ที่ ใ ห้ ความสนใจจำนวนมากในการแข่ ง ขั น ครั้ ง นี้ ทำให้ Asia Barista Championship 2008 กลายเป็นการแข่งขันอีก รายการหนึ่งที่น่าจับตามอง และเมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลง ก็เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกสายตาที่เฝ้ามองว่าการแข่งขันครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง นิตรยาสาร Coffee T&I จะติดตามการแข่งขัน Asia Barista Championship ครั้ง ต่อไปอย่างใกล้ชิด และคงจะดี ไม่น้อยหากจะมีการแข่งขัน เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ในโอกาสต่อไป นี่ถือเป็นก้าวที่ สำคัญก้าวหนึ่งของวงการกาแฟและเราก็จะยังคงก้าวต่อไป • 11
COVER•STORY
Little Chat with Carl Sara, the 1st Asia Barista Champion Before, I was in property development. I had nothing to do with food and coffee. So it was a big change to become a barista, but now I feel that I am home. I have been a barista for 9 years. I first started making coffee and then I loved it. It is very beautiful to be with many customers, great coffee and nice people. It is very enjoyable. My favorite drink is espresso which is very pure and very plain. I have tried a lot of great coffee and I prefer some singular-styled coffee from farms. They are all beautiful coffee.
The Road to the 1st Asia Barista Champion I have been competing in the barista competitions for 6 years and I have participated in 3 barista championship events. It took me a long time to get to that point, but I love it. Competing is a great thing. To be the 1st Asia Barista Champion, I feel very privileged and very excited. The opportunities in Asia are amazing. There are great coffees, so I feel very lucky and now I am a very happy man.
The Creation of Carl Sara’s Signature Drink For my signature drink, I wanted to make it nice and simple but also with a slight Asian twist. Being satisfied with the green curry from Thailand, for my signature drink I added kaffir lime leaves, some cream, little ginger and DaVinci Gourmet vanilla syrup in the blender and mixed them together. Later, I made foam in a pot on the stove with some water, some DaVinci Gourmet vanilla syrup and a little bit of gelatin and put it in a soda charger. Therefore, the espresso went with the cream, lines and layers with foam on top. At last, it is filled with texture and tasted a little spicy with a little bit of kaffir lime leaves and acidity. For this competition, we trained 20-40 hours a week. To accomplish this signature drink, we kept trying one drink or another. It was not something we suddenly came up with. The creation took Coffee T&I would like to share with you the unseen atmosphere behind the Asia Barista Championship 2008. The organizers of the Asia Barista Championship 2008 have decided to have all competitors live in the same area so that they were able to share some good times and establish friendship between one another. To decrease the seriousness of the competition, all baristas were invited to have dinner together in the evening and this was also an opportunity for them to chat and relax. Before the fierce competition began, the organizers had held the BBQ party for all participants and everybody who took part in this event. If any of you think that baristas can only drink coffee and their signature beverage, you might want to change your mind after seeing these photos. Since words cannot explain how wonderful the party was, the photos are left to you to see the laughter and great fun.
12 •
time since we learned one ingredient and had it work with another. In conclusion, we had been working on the drink all the time.
Feelings towards the Competition
In the competition, I was no longer scared, but I was very excited and I tried to keep my excitement under control by talking to the judges and treating them like my customers. Also, I tried not to be intimidated by them.
Advice for Newcomers to Barista Competitions There are 2 suggestions. First, always compete whenever you have a chance. The more you compete, the more comfortable you are on stage, the more you learn and the easier it becomes. Second, enjoy it. If you enjoy it, you will always do it and you will get better and better. If you do not enjoy it, it becomes stressful.
How to Get Ready for the Competition I worked towards the format. I decided on the style of drinks I need to serve and the flavor I need to represent, and then I built my routine around it. My first routine might take 20-30 minutes, but when I got all the flavors and everything I wanted, I tried to finish all the process within 15 minutes. I always start with flavor number first and later deal with presentation.
Future Plan The only thing I know is that I will probably be in coffee business. I love coffee and by competing, I have seen many different levels of coffee – from coffee growing to roasting and blending, from being a barista to even being a consumer. It is a very exciting industry with many different pathways to take and many countries to enter. My future will certainly be in coffee business.
ก่ อ นหน้ า นี้ ผมทำงานธุ ร กิ จ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ ซึ่ งไม่ มี ค วามเกี่ ย วข้ อ ง
กับอาหารหรือเครื่องดื่มเลย เพราะฉะนั้น การผันตัวเองมาเป็นบาริสต้าจึง เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในชีวิต แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมได้เป็นตัวของ ตัวเองแล้ว ผมเป็นบาริสต้ามา 9 ปี โดยเริ่มจากการทำกาแฟและผมก็รักอาชีพ นี้ ผมคิดว่าการได้พบปะลูกค้า การได้อยู่กับกาแฟที่ดี และการได้เจอคนดีๆ เป็นสิ่งที่สวยงามและทำให้ผมมีความสุข ผมชอบดื่ ม กาแฟเอสเพรสโซ่ กาแฟที่ ผ มชอบจะเป็ น กาแฟที่ มี ลักษณะเฉพาะจากไร่ต่างๆ ผมรู้สึกว่ากาแฟเหล่านี้เป็นกาแฟที่มีความพิเศษ เฉพาะตัว
เส้นทางสู่การเป็นผู้ชนะการประกวดบาริสต้าระดับเอเชีย
ผมเข้าร่วมการแข่งขันบาริสต้ามาเป็นระยะเวลา 6 ปี และผมมีโอกาสได้ เข้าร่วมการแข่งขันบาริสต้าระดับโลกมาแล้ว 3 ครั้ง ผมใช้เวลานานพอ สมควรกว่าจะมายืนในจุดนี้ ได้ แต่ผมก็รักในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ผมคิด ว่าการแข่งขันเป็นสิ่งที่ดีมาก เมื่อได้เป็นผู้ชนะการประกวดบาริสต้าระดับเอเชีย ผมรู้สึกว่าผมได้ รับเกียรติและผมก็ตื่นเต้น มาก โอกาสที่มีอยู่ทั่วไปในทวีปเอเชียถือเป็น ความพิเศษ ทวีปเอเชียมีกาแฟที่ดีและมีคุณภาพมากมายและผมก็โชคดีที่ ได้มาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ ผมมีความสุขมาก
สร้างสรรค์เครื่องดื่มชนิดพิเศษนี้ ใช้เวลาในการเรียนรู้ที่จะนำรสชาติที่ ได้ จากส่วนผสมแต่ละอย่างมาผสมกันอย่างลงตัว โดยสรุปแล้ว ผมพยายามที่ จะพัฒนาเครื่องดื่มของเราตลอดเวลา
ความรู้สึกที่มีต่อการแข่งขัน
ในการแข่งขัน ผมไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่อีกแล้ว แต่ผมยังคงตื่นเต้น และต้ อ งพยายามควบคุ ม ความตื่ น เต้ น อยู่ ต ลอดเวลาโดยการพู ด คุ ย กั บ
คณะกรรมการและปฏิบัติต่อพวกเข้าเหมือนพวกเขาเป็นลูกค้าที่ร้านของผม และผมก็พยายามไม่ ให้พวกเขาเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมมาก
จนเกินไป
คำแนะนำสำหรับน้องใหม่ ในการแข่งขัน
ผมมีขอ้ แนะนำ 2 ข้อ ข้อแรก คือ เมือ่ ใดก็ตามทีม่ โี อกาสทีจ่ ะแข่งขัน จึงเข้า ร่วมการแข่งขัน ยิง่ คุณมีประสบการณ์ในการแข่งขันมาก คุณก็จะรูส้ กึ ดีขนึ้ เมื่ออยู่บนเวที คุณก็จะยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้น และทุกอย่างจะง่ายขึ้นในที่สุด ข้อที่สอง คือ จงรู้สึกสนุกไปกับการแข่งขัน เมื่อคุณสนุกและชอบที่จะแข่ง ขัน คุณก็จะแข่งขันต่อไปและคุณจะมีโอกาสพัฒนาฝีมอื ไปพร้อมๆ กัน แต่ ถ้าคุณไม่รสู้ กึ สนุกไปกับการแข่งขัน การแข่งขันก็จะกลายเป็นเรือ่ งเครียด
เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขัน
ผมทำงานตามแผนที่วางไว้เสมอ ผมเริ่มจากการตัดสินใจว่าจะทำเครื่องดื่ม การสร้างสรรค์เครื่องดื่มชนิดพิเศษของ Carl Sara รูปแบบไหนและต้องการได้รสชาติอย่างไร จากนั้นก็เริ่มลงมือทำ ในการ สำหรับเครื่องดื่มชนิดพิเศษของผม ผมต้องการให้เป็นเครื่องดื่มที่ดีและ ปฏิบัติครั้งแรก ผมอาจใช้เวลามากถึง 20-30 นาที แต่เมื่อผมได้รสชาติ เรียบง่าย ในขณะเดียวกันจะต้องมีความเป็นเอเชียแฝงอยู่ ผมชอบแกง และคุณสมบัติของเครื่องดื่มที่ต้องการ ผมก็จะพยายามฝึกทำเครื่องดื่มให้ เขียวหวานของคนไทย ผมจึงใช้ใบมะกรูด ครีม ขิง และน้ำเชื่อมแต่งกลิ่น เสร็จภายในเวลา 15 นาที ผมให้ความสำคัญกับรสชาติเป็นอันดับหนึ่งและ วนิลาของ DaVinci Gourmet ผสมเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นจึงทำโฟมขึ้นใน การนำเสนอเป็นลำดับต่อไป
หม้อบนเตา โดยใส่น้ำ น้ำเชื่อมแต่งกลิ่นวนิลาของ DaVinci Gourmet และเจลลาตินลงไปในโซดาชาร์ตเจอร์ ผลลัพท์ที่ได้คือกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มี แผนการในอนาคต ครีม ลายเส้น และชั้นต่างๆ รวมถึงโฟมนมที่อยู่ด้านบน เครื่องดื่มที่ได้จะ สิ่งเดียวที่ผมทราบคือในอนาคตผมจะยังคงอยู่ ในธุรกิจกาแฟอย่างแน่นอน เต็มไปด้วยรสสัมผัสและมีรสชาติของเครื่องเทศ ใบมะกรูด และรสเปรี้ยว ผมรักกาแฟและการแข่งขันก็ทำให้ผมได้รู้จักกาแฟในหลายแง่มุม ตั้งแต่ ปนอยู่เล็กน้อย การเพาะปลูกจนถึงการคั่วและการเบลนด์ จากมุมมองของบาริสต้าและแม้ สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ ผมใช้เวลาในการฝึกซ้อม 20-40 ชั่วโมง กระทั่งในฐานะของผู้บริโภค อุตสาหกรรมกาแฟเป็นสิ่งที่ท้าทายและมีทาง ต่อสัปดาห์ ผมได้ทำการทดลองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้สูตรเครื่องดื่มชนิด เลือกมากมายให้เราเลือกเดินและในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายประเทศที่เรา พิ เ ศษซึ่ ง ไม่ ไ ด้ เ กิ ด ขึ้ น จากการคิ ด และการปฏิ บั ติ เ พี ย งครั้ ง เดี ย ว การ สามารถเข้าไปทำธุรกิจนี้ได้ อนาคตของผมคงหนีไม่พ้นธุรกิจกาแฟเป็นแน่
สะเก็ดข่าว
Behind the Scene
Coffee T&I นำบรรยากาศเบื้องหลังกาแข่งขัน Asia Barista Champ ionship 2008 ที่หาดูได้ไม่ง่ายนักมาฝากให้ผู้อ่าน เนื่องจาก ในการแข่งขัน Asia Barista Championship 2008 ผู้ ประสานงานจัดให้บาริสต้าที่เป็นตัวแทนจากประเทศต่างๆ นั้นพักอยู่ร่วม กัน ความสนุกสนานและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจึงมีมากกว่าการประจัน หน้ากันบนเวทีการแข่งขัน บาริสต้าทุกคนมีห้องพักอยู่ ในบริเวณที่ ใกล้ เคียงกันและสามารถไปมาหาสู่กันได้ และนอกจากนี้พวกเขายังมีโอกาส ได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันอีกด้วย ก่อนการแข่งขันทีเ่ ข้มข้นจะเริม่ ขึน้ ผูจ้ ดั งานได้จดั งานปาร์ตบี้ าบีควิ ที่ บาริสต้าและผู้ที่มีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ทุกคนได้เข้ามาพบกับความ สนุกสนานและมีวันเวลาที่น่าจดจำร่วมกัน ใครที่คิดว่าบาริสต้าดื่มเป็นแต่ กาแฟจากถ้วยเล็กๆ ก็คงต้อง เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เมื่อได้เห็นภาพ
บาริสต้าจากประเทศต่างๆ ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและ ความสนุกสนานมากเกินคำบรรยายเหล่านี้ • 13
CAFé•DESIGN
รูปโฉมใหม่ของ McDonald’s A new image for McDonald’s The new McDonald’s in Via Fulvio Testi, in Milan, becomes a living-room Costa Group, the company specialized in the creation and realization of inner shop-fitting for bars, restaurants and hotel, has been choosed to realize the new McDonald’s in Milan. The famous chain of food is imposing a wave of innovation in relation to his products, which are more and more healthy and complete, from a nutritional point of view; in the same way, the open spaces are changing. The trasformation can be breathed not only in the complete structure, but also in every single detail, such as the division of the spaces, the materials used, the colours, the lights, the general design, tables and chairs. The change in question has been studied to create pleasant situations where clients can enjoy not only a lunch time but also can meet and spend their own spare time in a total relaxing atmosphere. The original idea is creating a public dining-room where the client can find both a casual and a chic atmosphere. With regard to the colours, no more shocking shades, but warm and relaxing ones: orange, yellow, brown, violet are the main colours used. The impression given is that of a receiving and “real” place, close to our habits, dedicated to a more adult and fully grown public. The real innovation is the Mc Caffè, introduced as a separated zone, to create the sensation of one of our favourite living-room. It is characterized by a hardly studied design. As a matter of fact, the famous artist and sculptor Pietro Ravecca realized the counter making it to measure and the artist Mara Mastrosanti artigianally created the ceiling lamps; the seats are little chairs and coloured sofas. In this angle of the local, the client has the choice of a variety of cakes, biscuits, bakery products, but also a great range of anhalcoolic drinks. Here people can stay as in a lounge bar, breathing a softer atmosphere and a slower rhythm separated from the rest of the local. The creation of a relaxing space is the greatest innovation introduced among McDonald’s news. This new area, made by several parts, is the place where people can stay longer chatting in total relax. This particular area is, almost every time, separated from the body of the local, its lights are dimer and the seats are less in number. On the contrary, there are many little and tiny sofas, there are graphics and pictures on the walls that lead to a break, to a regain of the lost time. Another innovation in the spaces are the partitions, illuminated opaline glasses of the height of 1,40 metres that distribute the public in a specific manner, even not detached. They are also a divisor for the tables and chairs, which are coloured or in natural wood, so
14 •
that a coloured and nice path to the cash desk is created. These partitions create many little areas, where people can spend their time in a tidy and not confusing place, since each “square” constitutes a independent zone, where the clients both seated and stood up cannot be seen. In this way, the best impression given is the view from one of this separator: it seems to be in a fairy-tale, in a magical maze and it seems to fluctuate in the space, where the limits of the different areas are defined by columns covered with coloured mosaic. There are various ways of sitting: there are small tables for two and the big ones with the sofa, ( train to double sitting without seat-back), there are various little seats and coloured chairs. But is available also the stand up position for a faster break, the tables for four and there is the possibility to join the little tables in order to share the time always with the right company. So people can easily choose their favourite seat and transform their time at McDonald’s into a very important experience. The seats are the first elements with which you keep in touch as you enter in the local, while the cash desk is positioned at the bottom, far and protected from the divisors and much less shown if compared to the traditional McDonald’s. That means a higher interest in the fact of staying together with friends. The counter is a big volume in ceramic raised from the floor and illuminated from the ground, very well placed in the total design of the local. The result is that of an harmony in the complex where the counter of a bar plays an important role. The use of wood, thanks to which the atmosphere is rendered warm and pleasant, is very widespread. It is used in beams for the ceiling, in wenge for the wall that is placed on the side of the cash desk and natural wood for the stand up areas. A curiosity: the internet corner with natural wooded beams inserted on the wall and with small violet seats. Also the handicraft lamps give the sense of being in a warm place: with their baroque taste their unconventional elegance, they could result a bit exaggerate, but not at all in contrast with the typical nice atmosphere of McDonald’s. The joy is at the top upstairs, where a Playland with pictures representing children playing, has been equipped. Mc Donald’s / Viale Fulvio Testi, Milano / Tel. 02/2423784 Planning spaces and shop-fitting Costa Group, Arch. Luigi Benvenuti Shop fitting Costa Group 19020 Riccò del Golfo, La Spezia, Italy Tel. +39 0187 769309, Fax. +39 0187 769308
[email protected] www.costagrouap.net ©costagroup.net is the owner of the copyright images Photographer: Moreno Carbone
รูปโฉมใหม่ของ McDonald’s ใน Via Fulvio Testi กรุงมิลาน: เนรมิตร้านกาแฟให้
กลายเป็นห้องนั่งเล่น Costa Group คื อ บริ ษั ท ที่ มี ค วามเชี่ ย วชาญทางด้ า นการสร้ า งสรรค์ แ ละการ ออกแบบภายใน ไม่ว่าจะเป็นร้านขนาดเล็ก ห้องอาหาร และรวมไปถึงโรงแรม นอกจากนี้ Costa Group ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ออกแบบร้าน McDonald’s ในกรุงมิลาน ต้นสังกัดของร้านอาหารชื่อดังมีความตั้งใจที่จะสร้างความเชื่อมโยงระหว่างรูปแบบ ในการใช้พื้น ที่ที่แปลกตากับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีความสมบูรณ์ ในทาง โภชนาการ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีทั้งในเชิงโครงสร้างและรายละเอียดปลีกย่อย เช่น การจัดสรรพื้นที่ วัสดุที่ ใช้ โทนสี แสงไฟ รูปแบบการออกแบบทั่วไป รวมไปถึงโต๊ะและ เก้าอี้ ในการตอบโจทย์ที่กล่าวมาข้างต้น ได้มีการศึกษาถึงการปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้ลูกค้า สามารถมีความสุขในการรับประทานอาหารกลางวัน และในเวลาเดียวกันก็สามารถใช้ สถานที่นี้ ในการพบปะสังสรรค์ รวมไปถึงการใช้เวลาว่างในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ความ คิดริเริ่มจึงเป็นการสร้างห้องนั่งเล่นที่ลูกค้าสามารถพบกับบรรยากาศที่ ไม่ตึงเครียดและ สะดวกสบาย
ในเรื่องของสีสันนั้น จะไม่มีการใช้สีสันฉูดฉาด แต่สีที่นำมาใช้จะเป็นสีที่ ให้ความ อบอุ่นและความรู้สึกผ่อนคลาย เช่น สีส้ม สีเหลือง สีน้ำตาล และสีม่วงเป็นหลัก ลูกค้าจะ ได้รับความรู้สึกอิ่มเอมและสัมผัสได้ถึงความมีอยู่จริงของสถานที่ ซึ่งใกล้เคียงกับชีวิต ประจำวันของเรา บรรยากาศเหล่านี้ถูกจัดไว้สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ การปฏิวัติที่แท้จริงเกิดขึ้นใน Mc Cafe ซึ่งถูกจัดไว้ ในส่วนที่แยกออกไป Pietro Ravecca ศิลปินและปฏิมากรชื่อดังได้ออกแบบเคาเตอร์ที่ได้สัดส่วนลงตัวกับพื้นที่ว่างและ Mara Mastrosanti ได้ออกแบบโคมไฟอย่างมีศิลปะเพื่อให้ได้บรรยากาศของห้องนั่งเล่นที่ เราชื่นชอบ ที่นั่งนั้นประกอบด้วยเก้าอี้ตัวเล็กๆ และโซฟาหลากสี ในส่วนมุมของพื้นที่นี้ ลู ก ค้ า สามารถเลื อ กซื้ อ ขนมเค้ ก คุ ก กี้ และขนมชนิ ด ต่ า งๆ รวมไปถึ ง เครื่ อ งดื่ ม ที่ มี แอลกอฮอล์ได้ ส่วนนี้ถือได้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นที่ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและทำให้จังหวะของ ชีวิตช้าลง ต่างจากบริเวณอื่นๆ ของร้าน การสร้างพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายเป็นการปฏิวัติครั้งใหม่ของ Mc Donald’s ส่วน ของห้องนั่งเล่นที่เกิดขึ้นใหม่นี้เป็นบริเวณที่ลูกค้าสามารถใช้เวลาในการพูดคุยหรือพักผ่อน ได้นานขึ้น และลูกค้าสามารถที่จะใช้บริเวณนี้ ได้ตลอดเวลาด้วยความรู้สึกที่เป็นส่วนตัว ภายใต้แสงไฟที่ไม่สว่างนัก บวกกับจำนวนที่นั่งที่น้อยกว่าส่วนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม โซฟาตัว
เล็กๆ ก็ถูกจัดให้วางเรียงรายอยู่ตามแนวฝาผนัง ซึ่งมีการ ตกแต่งด้วยรูปภาพที่แสดงถึงการพักผ่อนเพื่อชดเชยความ เหน็ดเหนื่อยและเวลาที่สูญเสียไป การปฏิรูปอีกส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้คือการทำ ผนังกั้นโดยใช้แผ่นแก้วสีมุกที่มีความสูง 1.40 เมตรและมี การใช้ แ สงไฟในการตกแต่ ง ผนั ง นี้ จ ะทำให้ เ กิ ด พื้ น ที่ สาธารณะหรือพื้นที่ที่ทุกคนสามารถใช้ ได้ร่วมกัน ในขณะ เดียวกัน ก็มีการแบ่งสัดส่วนของโต๊ะและเก้าอี้ที่มีสีของไม้ ตามธรรมชาติ ทำให้เกิดทางเดินเป็นแนวยาวนำไปสูเ่ คาเตอร์ คิดเงิน ผนังที่สร้างขึ้น นี้ทำให้เกิดพื้น ที่เล็กๆ มากมายซึ่ง ลูกค้าสามารถใช้เวลาในบริเวณนั้นอย่างเป็นส่วนตัวและถูก ตัดขาดจากความวุ่นวาย เนื่องจาก พื้นที่สี่เหลี่ยมที่ถูกกั้นขึ้น เป็ น ส่ ว นที่ ผู้ ค นจากภายนอกที่ นั่ ง หรื อ ยื น อยู่ ใ นร้ า นไม่ สามารถมองเห็นได้ ด้วยเหตุนี้เอง ความพึงพอใจที่เกิดขึ้นมากที่สุดจึงมา จากความเป็นส่วนตัว ดังเช่นที่มีอยู่ ในเทพนิยายซึ่งเต็มไป ด้วยเส้นทางที่ลึกลับและความผันแปร พื้นที่เล็กๆ เหล่านี้จะ ถูกกั้นออกจากกันด้วยเสาที่ประดับด้วยแผ่นโมเสกสีต่างๆ การนั่งสามารถทำได้หลายรูปแบบ คือ มีโต๊ะขนาด เล็กสำหรับ 2 ที่นั่ง และโต๊ะขนาดใหญ่ พร้อมกับโซฟา (ที่ ไม่มีพนักพิง) มีเก้าอี้ขนาดเล็กหลากสีจำนวนหนึ่ง ในขณะ เดียวกัน ก็มีพื้นที่ว่างสำหรับการยืนในการพักผ่อนช่วงระยะ เวลาสั้นๆ มีโต๊ะสำหรับ 4 ที่นั่ง และโต๊ะขนาดเล็กที่สามารถ เลื่อนมาวางติดกันได้ ในกรณีที่ลูกค้าต้องการใช้เวลาร่วมกัน การออกแบบเช่น นี้ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกที่นั่งที่ดีที่สุด สำหรับตัวเองได้ ในร้าน McDonald’s และพื้น ที่นี่เองจะ ทำให้เกิดประสบการณ์และวันเวลาที่น่าจดจำ เก้าอี้คือสิ่งแรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสตลอดเวลาที่เข้ามา อยู่ ในบริเวณนี้ ในขณะที่เคาเตอร์คิดเงินถูกจัดให้อยู่ส่วนใน สุดและถูกบังไว้ ไม่ ให้เห็นได้อย่างชัดเจนนัก เมื่อเปรียบ เทียบกับร้าน McDonald’s ทั่วไป การแบ่งสัดส่วนนี้ทำให้ เกิดความเป็นส่วนตัวและลูกค้าสามารถมุ่งความสนใจไปยัง หมู่เพื่อนฝูง เคาเตอร์มีลักษณะเป็นเครื่องเคลือบเซรามิกหนาและ สูงขึ้นมาจากพื้น มี ไฟส่องสว่างจากพื้นด้านล่างซึ่งถูกจัดไว้ เป็ น อย่ า งดี ผลลั พ ท์ ที่ ไ ด้ คื อ ความซั บ ซ้ อ นที่ อ ยู่ ใ นความ กลมกลื น และลงตั ว ของเคาเตอร์ บ าร์ ซึ่ ง เป็ น บริ เ วณที่ มี บทบาทสำคัญ การตกแต่งสถานที่ด้วยไม้เพื่อทำให้เกิดความรู้สึก อบอุ่นและอิ่มใจ กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ในการ ออกแบบครั้งนี้มีการใช้ไม้เป็นแกนบนเพดานและใช้เป็นผนัง ด้านข้าง ในมุมอินเตอร์เน็ท มีการใช้แกนไม้เข้ามาตกแต่งบน ฝาผนัง ส่วนที่นั่งมีสีม่วง โคมไฟซึ่งเป็นงานหัตถกรรมนั้นทำให้สถานที่เต็มไป ด้วยความอบอุ่น มีกลิ่นไอของความหรูหราและไม่ธรรมดา ของยุคบารอค ซึ่งอาจจะมีความโดดเด่นของลักษณะเฉพาะ ตัวค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มากจนทำให้เกิดความแปลกแยก จากบรรยากาศโดยรวมในร้าน McDonald’s ชั้นบนถูกตกแต่งด้วยภาพของเด็กที่กำลังเล่นกันอย่าง สนุกสนาน และความสนุกสนานรอคุณอยู่บนสนามเด็กเล่น ของเด็กๆ นี้เอง • 15
INDY•VOICE
ร้านกาแฟอินดี้ ในห้างดัง ใครว่าเป็นไปไม่ ได้
Impossible is Nothing: an Indy Coffee House in the Mall With a strong intention of establishing the wellknown and internationally accepted local brand in Thailand, Mr. Adisorn Kietisakkhajorn started off with being under a franchise. Later, the experience gained during the time he was in a franchise system enabled him to have Mo Mean Coffee, the coffee house of his own.
Inspiration Nowadays, coffee is becoming more popular as the number of coffee houses belonging to well-known brands has continuously increased. The growth of this business had caught my attention and later the fact that we can grow coffee in Thailand made this business my real interest.
From a Franchise to an Independent Coffee House My intention is to establish my own brand. I started off with attending the trainings to acquire basic knowledge about coffee, including how to prepare quality drinks and how to create new beverages. Unfortunately, when I was about to start my business in the shopping mall, the problem was that my coffee house did not belong to any internationally well-known brands. To solve this problem, I had to sign a one-year franchise agreement and after one year of being under the agreement, I have realized that with our ability we should be able to continue this business on our own. Finally, it was time for the knowledge that we gained during the trainings to be put into practice and developed later on.
Therefore, I have a strong intention of establishing the well-known and internationally accepted local brand in Thailand.
จากธุรกิจแฟรนไชส์สู่ธุรกิจ ส่วนตัว
ความตั้งใจของผมคืออยากสร้าง แบรนด์ เ ป็ น ของตั ว เอง เราเริ่ ม จากการเรี ย นรู้ จ ากการเข้ า ร่ ว ม หลั ก สู ต รฝึ ก อบรมต่ า งๆ ที่ ใ ห้ ความรู้ เ บื้ อ งต้ น เกี่ ย วกั บ กาแฟ รวมไปถึงวิธีการเตรียมเครื่องดื่ม และสูตรต่างๆ แต่เมื่อเราตั้งใจที่ จะเริ่ ม ธุ ร กิ จ ในห้ า งสรรพสิ น ค้ า ปัญหาคือเราไม่มีแบรนด์ที่เป็น ที่ รู้จัก เราจึงจำเป็นต้องซื้อแฟรน ไชส์ เพื่ อ เปิ ด โอกาสทางธุ ร กิ จ โดยทำสั ญ ญาไว้ เ ป็ น เวลา 1 ปี หลั ง จากที่ ห มดสั ญ ญา ผมก็ เ ล็ ง เห็นว่าเรามีศักยภาพที่จะเปลี่ยน แฟรนไชส์สาขานี้ ให้กลายเป็นร้าน ของเราเองได้ ความรู้ที่ได้จากการ เข้ารับการฝึกอบรมต่างๆ จึงได้ถูก นำมาประยุกต์ ใช้เป็นต้นแบบและ มีการพัฒนาเรื่อยมา
Future : Mo Mean Coffee In the future, I have no desire to be a franchise holder because I prefer to build friendships among coffee house owners. There might be some expenses of processing, training, materials and evaluations. They are allowed to use our name, Mo Mean Coffee, and we will have our own evaluation process in order to help their business survive because, unlike a franchise business, our aim does not have much to profits. At the moment, I am looking for good locations to open the second branch and so on.
Future : Coffee Business in Thailand I believe that coffee business in Thailand is continuously growing as we can see from the increasing number of coffee house owners. The economic climate which is still weak might slow the growth of this business, but in the long run I believe that there will be more coffee houses opened at every corner.
18 •
ทุกวันนี้ กระแสกาแฟสดในเมืองไทยกำลังมาแรง มีแบรนด์ดังจากต่างประเทศเข้ามาเปิด ในเมืองไทยมากมาย ผมจึงเริ่มเห็นว่าธุรกิจกาแฟสดเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ บวกกับการที่ ประเทศไทยก็มีศักยภาพในการผลิตกาแฟเองได้ ผมจึงหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับ ธุรกิจนี้อย่างจริงจัง
Since our coffee house is in the shopping mall, it is impossible to avoid the intense among one another. However, we service our customers with real sincerity and our strength is the quality of the drinks. We used good ingredients, such as syrups and coffee beans, and we are able to create the unforgettable drinks for our customers. Our competitors in this area are coffee houses belonging to giant franchise holders, so we have to be ready for the comparison by maintaining the quality of our products. During the time my coffee house was under franchise, I had learned that the quality of the drinks can be controlled. However, the problem mostly deals with offering services to customers and this is my main focus.
The number of the customers and sales of drinks are the same as what we succeeded when we were under franchise. Both numbers depend on the economic climate which is weak at the moment but we are doing very well. Our customers are students, employees and foreigners. Most of our customers are working for the companies in the shopping mall and because of the ideal location we are able to receive customers all day long. The prices are also affordable; therefore, employees, employers and even the business owners have become our customers.
Compared with other coffee houses, the coffee houses in the shopping mall are extremely competitive. We also need a franchise system to start the business because big shopping malls believe in the potentiality of the internationally well-known coffee brands. The problem is the unnecessarily enormous expense of owning a franchise and I personally think that this system is so unfair.
แรงจูงใจในการเปิดร้านกาแฟ
Secrets of Success
Customers and Their Demand
Obstacles
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์กาแฟของคนไทยให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับใน
ระดับสากล คุณอดิศร เกียรติศักดิ์ขจร เริ่มการทำธุรกิจด้วยการเปิดร้านกาแฟในระบบ แฟรนไชส์ ต่อมา ประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างการบริหารสาขาแฟรนไชส์ทำให้คุณอดิศร มีความพร้อมและตัดสินใจที่จะเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองคือร้าน Mo Mean Coffee ใน ที่สุด
Words for Newcomers An ideal location is the first thing to be considered and, in addition, the full knowledge about this business is required. The ingredients and the tools must be meticulously chosen. I have seen some coffee shops pay less attention to the details and it is unacceptable. For example, some of them have decided to use low-graded coffee beans because they are cheaper than the good ones but I consider it a totally wrong decision. If you want to start this business, you must be willing to learn new knowledge. There are a number of good training centers that you can consult and attending one of the trainings can be a good start.
กลุ่มเป้าหมายและความ ต้องการของลูกค้า
ปริ ม าณของลู ก ค้ า และยอดขาย ปัจจุบันไม่แตกต่างจากสมัยที่เป็น สาขาของแฟรนไชส์ แต่ยอดขาย มั ก ขึ้ น อยู่ กั บ สภาพเศรฐกิ จ ซึ่ ง ใน ปัจจุบันยังไม่สูงมากนัก แต่ก็เป็น ที่น่าพอใจ เนื่องจากยังคงทำให้ ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ ใน ศูนย์การค้านั้น ร้านของเรามีกลุ่ม ลูกค้าที่หลากหลาย เช่น นักศึกษา คนทำงาน รวมไปถึงชาวต่างชาติ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้า เนื่องจาก ร้านของเราอยู่ใน ทำเลที่ตั้งที่ดีจึงช่วยให้มีคนเดินเข้าร้านเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน และด้วยราคาเครื่องดื่มที่อยู่ใน ระดับปานกลาง ทำให้เรามีลูกค้าตั้งแต่ลูกจ้าง พนักงาน รวมไปถึงเจ้าของธุรกิจ
อุปสรรคที่พบ
เมื่อเปรียบเทียบกับร้านกาแฟทั่วไปแล้ว ร้านกาแฟที่อยู่ ในห้างสรรพสินค้าจะตกอยู่ ในการ แข่งขันที่สูงกว่ามาก และเราจะต้องอาศัยระบบแฟรนไชส์ เพื่อเข้ามาเปิดตลาดของเราเอง
เนื่องจากทางห้างสรรพสินค้าเชื่อมั่นในศักยภาพของร้าน กาแฟซึ่ ง มี แ บรนด์ เ ป็ น ที่ รู้ จั ก จากต่ า งประเทศ ซึ่ ง การซื้ อ
แฟรนไชส์ แต่ละสาขานั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยส่วนตัว แล้ว ผมมองว่าเงื่อนไขดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ไม่ยุติธรรม จึง เป็นที่มาของความตั้งใจที่จะรวมตัวกันเพื่อสร้างแบรนด์ของ คนไทยให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
เคล็ดลับในการมัดใจลูกค้า
เนื่องจากร้านของเราอยู่ ในห้างสรรพสินค้า จึงหลีกเลี่ยงการ แข่งขันกับร้านกาแฟจำนวนมากที่อยู่ ในบริเวณเดียวกันไม่ได้ แต่เราอาศัยความจริงใจที่เรามีต่อลูกค้าและจุดแข็งของร้าน คือคุณภาพของเครื่องดื่ม ซึ่งเราใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไม่ว่า จะเป็นไซรัปหรือชนิดของกาแฟ รสชาติที่โดดเด่นของเครื่อง ดื่มของเราจึงเป็นสิ่งที่ลูกค้าพูดถึงเสมอ คู่แข่งของเราเป็น ร้านที่มีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพราะฉะนั้น เราจึงต้องพร้อมที่จะถูกเปรียบเทียบกับร้านเหล่านั้นโดยการ รักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ผมเคยมีประสบการณ์ ในการเปิดสาขาของแฟรนไชส์ มาก่อน และผมได้เรียนรู้ว่าคุณภาพของเครื่องดื่มนั้นเป็นสิ่ง ที่เราสามารถควบคุมได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในร้านส่วน ใหญ่มาจากการให้บริการ เราจึงต้องมุ่งเน้นเรื่องของการให้ บริการเป็นพิเศษ
อนาคตของ Mo Mean Coffee
ในอนาคต ผมไม่ ได้ตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ แต่ผมอยากหาเพื่อนร่วมลงทุนทางธุรกิจ อาจจะมีค่าใช้จ่าย ในส่วนของการดำเนินการ การอบรมพนักงาน การจัดส่ง วัตถุดิบและการควบคุมคุณ ภาพ ซึ่งเรายินดี ให้ ใช้ชื่อ Mo Mean Coffee และจะมีระบบการตรวจสอบของเราเอง เพราะเราต้องการช่วยให้ธุรกิจของเขาอยู่ได้ ไม่ได้คาดหวัง ผลกำไรเช่นที่เป็นอยู่ ในธุรกิจแฟรนไชส์ทั่วไป ตอนนี้ ผมก็ กำลังมองหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมกับการเปิดสาขาที่ 2 และ สาขาต่อๆ ไปด้วย
อนาคตของธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทย
ผมเชื่อว่าธุรกิจนี้จะยังคงสามารถเจริญเติบโตและขยายตัว ต่อไปได้ เพราะจากการสำรวจตลาดแล้ว จำนวนผู้ประกอบ การในธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้น สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังไม่ดี นัก อาจทำให้เกิดการชะลอตัวลงบ้าง แต่สำหรับอนาคตแล้ว ผมเชื่อว่าน่าจะมีร้านกาแฟเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
คำแนะนำสำหรับคนที่สนใจอยากเปิดร้านกาแฟ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำเลที่ตั้ง และปัจจัยต่อมาคือการศึกษา หาความรู้ ในธุรกิจที่จะทำอย่างจริงจัง วัตถุดิบและอุปกรณ์ ต่างๆ จะต้องผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน ที่ผ่านมา ผม เห็นร้านกาแฟเล็กๆ หลายร้านที่ไม่ได้ ให้ความสำคัญกับราย ละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้ หลายคนเห็นกาแฟราคาถูก ก็นำ มาใช้ ซึ่งผมมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ ไม่ถูกต้อง ทัศนคติ และความเข้าใจที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากตั้งใจจะเข้ามาทำธุรกิจนี้แล้ว ก็จะต้องเต็มใจและ เปิดใจเรียนรู้ ปัจจุบันนี้มีสถาบันที่จัดหลักสูตรฝึกอบรมที่มี คุณภาพมากมาย และผมเชื่อว่าการศึกษาในสถาบันเหล่านี้ เป็นหนึ่งในการเริ่มต้นที่ดีที่สุด • 19
SPECIAL•INTERVIEW
When one is to talk about the people who have the world-wide significant influence on coffee and coffee business in cyberspace, the name Mark Prince probably stands at the top of the list. In this issue, Coffee T&I has a chance to sit down and interview Mark Prince about his life and work, including the story about www.coffeegeek.com, one of the most popular and influential websites for coffee professionals and coffee lovers. It is time to get to know more about the man who has been working behind this success story.
Background
My background is in photography, writing and graphic design. Besides, I have a real passion for coffee, so I previously started www.coffeekid.com which I still have and later I started www.coffeegeek.com partially because at the time there was no coffee website that looked good. There were a few sites, but they were boring, so I was searching for fan sites and then I just really got immersed into what coffee was about and I started to learn everything I could about machines to produce espresso and coffee. I started learning how to cup coffee, how to evaluate espresso and how to really evaluate machines.
and how to make great shots of espresso. However, 4 or 5 months later, I realized that a lot of professionals were taking part of this site. On top of that, when we held the forum about the components of coffeegeek at the end of 2002, I found that professionals were talking to consumers almost peer to peer, whereas in the past if you were a consumer and you went into a roastery, you would be talking to a shop owner and there was a barrier between shop owner and customer. However, in the forum there was Joe the roaster talking to Bob the consumer and there is a lot more egality in it. This is what I am really proud of for this site.
Golden Age of Coffee
I think we are in the golden age of coffee right now and the internet is the primary reason for it. For the past last 7 to 10 years, the internet has brought coffee, especially with espresso, into light. Espresso has just advanced, has lead and bound, within only the last 5-6 years and this is entirely because of the internet which allows people to have the abil-
Question the Knowledge
The people I have the least respect for in the coffee industry are those who think they know everything. I do not agree with those who say “I have known it all. I have done it all. I have hit my pinnacle and that is it for coffee.” The truth is we know nothing about coffee. George Howell, the father of the specialty coffee on the east coast of the United States, is famous for saying “a coffee is barely out of childhood in terms of knowledge and, for espresso, it is barely out of cradle”. That is how little we know about this magical bean. When people read what I write about coffee, sometimes I write in absolute because it is what people expect me to write. When they read, they need a conclusion and they want me to provide them an answer. However, I do not live my coffee’s life in absolute because I know that there is always new knowledge to learn. Every time you try coffee and you want to improve coffee, you should try to challenge everything about coffee. You should challenge the preconception and at least try to prove your beliefs if they are true. If
Coffee Geeks’ Most Favorite Website Sometimes, it was difficult because I was an outsider consumer and I wanted to be certified as a judge. Other judges were roasters, baristas and café owners. As far as I know, I am the first non-professional who didn’t own the businesses or coffee equipments to be certified as the US coffee judge and that was back in 2002.
Comercial Independence
When people ask me what my title is, “a coffee educator” is probably the best way to describe what I do. Obviously, I run coffeegeek.com, but I do not work for anyone’s company. I neither represent anyone’s company nor anyone’s special interest. I do some consulting works for some companies as a freelancer. However, whenever I do a consultation work, I make it very clear to them that I am not endangered to them. Even though I am doing consulting work for them on this particular project, it does not mean that I am entitled their company because I really fight to maintain my independence. The influence of the website on the audience or the customers scares me the most. It is really about how much influence of the products and some other things it has. Therefore, I have a lot of respect for that influence and I try to be very careful with www.coffeegeek. com
coffeegeek.com Makes a Difference
When I started the website, it was only for the consumers. I was talking about machines, baristas, techniques
20 •
ity to interact globally and discuss their ideas about what they can get out of the good shot of espresso, to bake the issue, and to run test. For example, one person starts saying “This is my theory” and someone on the other side of the planet will start practicing the theory to see whether it is true and maybe improve it and tell others to try the new theory which can even better. So the first person who has that theory tries this new theory as the person on the other side of the world did. We did not have this ability 10 or 15 years ago; therefore, I think that we are in the golden age, not just the US, but it is the global golden age of coffee exploration.
Growth and Changes of Coffee House Business I think we have not even come close to reaching the potential market for the true specialty coffee market. When it comes to big coffee houses, such as Starbuck and Dunkin Donut, they have the slice of their buyers and now they are fighting for the same market share. This is the reason why some of them are stagnant because they are picking up each other. However, the coffee houses that are doing a cup of excellent coffee, having direct relationship with customers, hiring world-calibre baristas who prepare the best shot of espresso that that town has ever seen, will perfectly survive.
you believe that a perfect shot of espresso should taste in certain way, you had better bring that to the plague and if one day you taste the shot of espresso which is even better, you had better be ready to adjust.
Future Plan for the Website
We are in the middle of doing version 3 of the website which is a 6-month project. It is a complete re-design of the website and we are adding a lot of new features. It is a huge and intense project and I actually hope to be taking coffeegeek.com for the next 5 years. Along with this project, we are getting into alternative publications. We are not doing print publication per se, but we are going to provide professional layout documents that people can print in PDF format. One more project that we are going to have for the first time is the Cofeegeek Buyer’s Guide 2008. It is going to be an extremely professional document that will be downloadable and we will also have a print version. This 72-page book is to be a reference for buying coffee and espresso for 2008 and we are going to do it every year.
Other Works
I am a freelance writer. I have just finished up the articles of Consumers Digest which is a very popular mainstream magazine in the United States that consumers buy when they want to make purchase decision. I have written for Imbibe Magazine and local magazines, such as Geek Magazine in Vancouver. In addition, I do a lot of background information for major newspapers, such as The New York Times and the Chicago.
เมื่อกล่าวถึงผู้ที่มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางต่อวงการกาแฟ และธุรกิจกาแฟในโลกอินเตอร์เน็ต ชื่อของ Mark Prince จะต้องอยู่ในลำดับต้นๆ อย่างแน่นอน ในฉบับนี้ Coffee T&I มีโอกาสได้สัมภาษณ์ Mark Prince เกี่ยวกับชีวิตและการ ทำงานของเขา รวมไปถึงเรื่องราวของ www.coffeegeek .com เว็บไซต์ที่ ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลอย่างสูงใน แวดวงของคนรักกาแฟ ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้รู้จักกับผู้ที่อยู่ เบื้องหลังความสำเร็จนี้มากยิ่งขึ้น
ภูมิหลัง
ผมมีพื้นฐานทางด้านการถ่ายภาพ การเขียนและการออก แบบกราฟฟิก แต่ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็หลงใหลในเสน่ห์ของ กาแฟ ผมจึงเริม่ สร้างเว็บไซต์ทชี่ อื่ www.coffeekid.com ซึง่ ตอนนี้ก็ยังคงมีอยู่ และต่อมาผมก็เริ่มสร้างเว็บไซต์ www. coffeegeek.com เหตุผลที่ผมตัดสินใจที่จะทำเว็บไซต์ที่ เกี่ยวกับกาแฟขึ้นมาด้วยตัวเองคือในช่วงเวลานั้น ผมยังไม่ สามารถหาเว็ บ ไซต์ ที่ ใ ห้ ค วามรู้ เ กี่ ย วกั บ กาแฟและเป็ น เว็บไซต์ที่ดี ได้ เว็บไซต์ที่มีอยู่จำนวนเล็กน้อยก็มีรูปแบบที่ ค่อนข้างน่าเบื่อ ผมจึงเริ่มมองหาเว็บไซต์ของคนที่รักกาแฟ จริงๆ แต่เ มื่อเวลาผ่านไป ผมก็พบว่าตนเองในตกอยู่ ใน วังวนและหลงเสน่ห์ของกาแฟอย่างเต็มตัว ผมเริ่มเรียนรู้ เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับกาแฟทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ ผมเรียนรู้วิธีการชงกาแฟเอสเพรสโซ่ วิธีการชิมกาแฟ วิธี การประเมินคุณภาพของกาแฟ รวมไปถึงวิธีการประเมิน คุณภาพของเครื่องทำกาแฟ บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่ผมซึ่งเป็นเพียงผู้บริโภคจะ ได้ รั บ การรั บ รองให้ เ ป็ น กรรมการตั ด สิ น การแข่ ง ขั น หรื อ ประเมินคุณภาพกาแฟ ในขณะที่กรรมการท่านอื่นๆ เป็นผู้ เชี่ยวชาญด้านการคั่วกาแฟ เป็นนักชงกาแฟมืออาชีพ และ เป็นเจ้าของร้านกาแฟ เท่าที่ผมทราบ ผมเป็นกรรมการคน แรกที่เป็นเพียงผู้บริโภคที่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับธุรกิจ กาแฟ ที่ได้รับการรับรองให้เป็นกรรมการที่ได้รับการรับรอง ในประเทศสหรัฐอเมริกา และนี่ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2545
อิสระทางธุรกิจ
เมื่อมีคนถามผมว่าผมเรียกตัวเองว่าอะไร ผมคิดว่า “ผู้ ให้ ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ” เป็นคำที่บรรยายสิ่งที่ผมทำอยู่ ได้ดี ที่สุด ถึงแม้ว่าผมจะเป็นเจ้าของเว็บไซต์ www.coffeegeek. com ผมก็ไม่ ได้ทำงานให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นพิเศษ ผมไม่ได้เป็นตัวแทนบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่ได้รับ ผลประโยชน์ ใ ดๆ แม้ ผ มเป็ น ที่ ป รึ ก ษาให้ กั บ บริ ษั ท หลาย บริษัท แต่ผมจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเสมอว่าผมไม่ได้มีความ เกี่ยวข้องใดๆ กับใครเป็นการส่วนตัว ผมอาจมีโครงการ ต่างๆ ที่จะต้องดูแล แต่ ในขณะเดียวกัน ผมก็ยังรักษาความ เป็นอิสระจากหน่วยงานต่างๆ เอาไว้ และผมก็พยายามที่จะ รักษาจุดยืนนี้อย่างดีที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคืออิทธิพลต่างๆที่ผู้ชมหรือผู้บริโภค จะได้รับจากผมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์และเรื่องอื่นๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมทราบดีว่าอิทธิและแรงจูงใจที่ เกิดขึ้นนั้นมีมากมายเพียงใด ผมจึงพยายามสร้างเว็บไซต์ www.coffeegeek.com ด้วยความระมัดระวังที่สุด
• 21
SPECIAL•INTERVIEW
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก coffeegeek.com
กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเว็บไซต์ที่ผมตั้งเอาไว้คือกลุ่มผู้ บริโ ภค ผมใช้เว็บไซต์เป็น สื่อกลางในการพูดคุยเกี่ยวกับ เครื่องทำกาแฟ ผู้ชงกาแฟ เทคนิคต่างๆ รวมไปถึงวิธีชง กาแฟเอสเพรสโซ่ที่สมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป 3-4 เดือน ผมได้พบว่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยได้เข้ามามี บทบาทในเว็ บ ไซต์ นี้ เ ช่ น กั น ยิ่ งไปกว่ า นั้ น ในฟอรั ม ของ www.coffeegeek.com ที่เริ่มมีขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2545 นั้น ผมได้เห็นการติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ บริโภค ซึ่งต่างจากภาพในอดีตที่ลูกค้าเดินเข้าไปในโรงคั่ว กาแฟก็จะได้พบกับเจ้าของกิจการหรือพ่อค้าคนกลาง ซึ่งถือ เป็นสิ่งกีดขวางที่มีอยู่ ในการสื่อสาร สิ่งที่ผมได้เห็นในงาน ประชุมที่เกิดขึ้น คือภาพของโจซึ่งเป็นคนคั่วการแฟพูดคุย กับบ๊อบซึ่งเป็นผู้บริโภคกาแฟโดยตรง การสื่อสารรูปแบบนี้ ช่ ว ยลดช่ อ งว่ า งระหว่ า งผู้ผลิตและผู้บริโ ภคลง และผมก็ ภูมิใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากเว็บไซต์ของผม
ยุคทองของกาแฟ
ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ ในยุคทองของกาแฟ และอินเตอร์เน็ตก็ เป็น ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้เกิดยุคทองของกาแฟขึ้น ตลอด ระยะเวลา 7-10 ปีที่ผ่านมา อินเตอร์เน็ตทำให้ผู้คนหันมา สนใจในเรื่องของกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟเอสเพรสโซ่มากขึ้น ในช่วงเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมานั้น เรื่องของกาแฟเอสเพรสโซ่ ได้ถูกกล่าวและอภิปรายถึงอย่างกว้างขวางผ่านทางอินเตอร์
เน็ต ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน และ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความคิดเกี่ยวกับคุณสมบัติ ของกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ดี รวมไปถึงวิธีการทดสอบคุณภาพ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการประกาศว่า “นี่คือทฤษฎีของ ผม” คนที่อยู่ ในอีกซีกโลกหนึ่งสามารถรับรู้และนำทฤษฎีนั้น ไปปฏิบัติและพิสูจน์ ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ในขณะเดียวกัน คนอีกกลุ่มหนึ่งอาจพัฒนาทฤษฎีดังกล่าวและเผยแพร่ ให้ผู้ อื่นลองปฏิบัติตาม คนที่เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีแรกก็มีโอกาสที่ จะรับรู้และทดลองทฤษฎีใหม่ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อ 10 หรือ 15 ปีที่แล้ว ดังนั้น ผมจึง ถือว่าเราอยู่ ในยุคทองของกาแฟ ไม่เพียงแต่ ในประเทศ สหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่คนทั่วโลกก็อยู่ ในยุคทองของการ สืบเสาะค้นหาความรู้เกี่ยวกับกาแฟเช่นกัน
การเจริญเติบโต และการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ กาแฟ
ผมคิดว่าเรายังก้าวไปไม่ถึงจุดอิ่มตัวในตลาดการค้ากาแฟ ร้านกาแฟรายใหญ่ๆ ในปัจจุบัน เช่น สตาร์บัค และดันกิ้น โดนัทนั้น มีสัดส่วนผู้ซื้อของตนเองและกำลังแข่งขันเพื่อให้ ชนะใจลู ก ค้ า กลุ่ ม เดี ย วกั น อยู่ ส่ ง ผลให้ ร้ า นกาแฟเหล่ า นี้ ดำเนินธุรกิจที่มีความซับซ้อนและจะต้องแก้เกมกันตลอด เวลา อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าร้านที่มีกาแฟคุณภาพดี มีการ สร้างสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้า มีผู้ชงกาแฟที่มีมาตรฐาน ระดับสากล และสามารถผลิตกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ดีที่สุด ก็ จะยังคงเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้
ถามเพื่อเรียนรู้
คนที่ผมให้ความนับถือน้อยที่สุดในวงการกาแฟคือคนที่คิด 22 •
ว่าตัวเองรู้ไปเสียทุกอย่าง ผมไม่เห็นด้วยกับคนที่พูดว่า “ผมรู้หมดแล้ว ผมเคยทำมาหมด แล้ว ผมหาข้อสรุปได้แล้ว และทุกอย่างที่เกี่ยวกับกาแฟมีอยู่แค่นี้” เพราะความจริงคือเรา แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกาแฟเลยด้วยซ้ำ George Howell บิดาแห่งกาแฟชนิดพิเศษที่อยู่ ทางชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า “ความรู้เกี่ยวกับกาแฟที่เรามีเปรียบ เสมือนเด็กในวัยเยาว์ ส่วนความรู้เกี่ยวกับกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นเปรียบเสมือนเด็กทารกที่ เพิ่งถูกอุ้มขึ้นมาจากเปล” นั่นหมายถึงที่เราความรู้เพียงน้อยนิดเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ที่เต็มไป ด้วยมนต์เสน่ห์นี้ เมื่อผมเขียนบทความ บทความของผมจะออกมาเป็นสูตรสำเร็จ เนื่องจาก ผู้อ่าน ต้องการให้ผมเขียนแบบนั้น พวกเขาต้องการได้ข้อสรุปและคำตอบของคำถามต่างๆ ที่ ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับกาแฟของผมไม่มีสูตรที่แน่นอนตายตัว เพราะผม ทราบดีว่ามีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่ผมจะต้องเรียนรู้ ทุกครั้งที่คุณชิมกาแฟและคุณต้องการจะปรับปรุงกาแฟถ้วยนั้น คุณควรจะสร้าง ความท้าทายกับกาแฟที่กำลังดื่มในทุกๆ ด้าน คุณควรจะเปรียบเทียบกาแฟนั้นกับหลัก เกณฑ์ที่กำหนดไว้หรืออย่างน้อยก็ควรเปรียบเทียบกาแฟที่ชิมอยู่กับความเชื่อของคุณเอง คุณอาจจะมีต้นแบบของกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ดีที่สุดอยู่ ในใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณได้ลิ้มรส ของกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ดีกว่า คุณต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนความเชื่อที่มีอยู่
หนังสือใหม่ ที่ผู้ประกอบธุรกิจบริการกาแฟ ไม่ควรพลาด
How to Open a Popular Coffee House
การสร้างร้านกาแฟยอดนิยม
Barista Book By Chiriro Yokoyama
เส้นทางสู่สุดยอดนักชงกาแฟ
โดย จิฮิโร่ โยโกยาม่า นำเสนอแนวทางการเป็นบาริสต้ามืออาชีพตามแนวความคิค ของ Chihiro Yokohama แชมป์บาริสต้า 2 สมัยที่มีชื่อเสียง ของญี่ปุ่น เทคนิคการชงกาแฟ การทำลาเต้อาร์ทและอื่น ๆ เขาเล่าถึงประวัติความเป็น มาของกาแฟในประเทศอิตาลี เมล็ดกาแฟ กาแฟชนิดต่าง ๆ และเทคนิคของบาริสต้าใน ประเทศอิ ต าลี หนั ง สื อ เล่ ม นี้ จึ ง เหมาะสำหรั บ บาริ ส ต้ า เจ้าของกิจการร้านกาแฟ หรือผู้ที่สนใจจะเปิดร้านกาแฟ และบุคคลทั่วไปที่หลงใหลในวัฒนธรรมกาแฟโดยเฉพาะ วัฒนธรรมกาแฟในประเทศอิตาลีไม่ควรพลาด
โดย ฟู่เหว่ยฉง ฟู่เหว่ยฉง นักข่าวเศรษฐกิจการเงินและ พั น ธบั ต ร ผู้ มี ป ระสบการณ์ ท างด้ า น เศรษฐกิจและการเงิน แนะนำหลักการ เปิ ด ร้ า นกาแฟไว้ ใ น การสร้ า งร้ า น กาแฟยอดนิยม (How to Open a Popular Coffee House) เริ่มตั้งแต่ การคิดแผนการตลาด การคำนวน ต้น ทุน การหาเงิน ทุน ทำเลที่ตั้ง เทคนิ ค การชงกาแฟ เครื่ อ งชง กาแฟและอุปกรณ์ต่าง ๆ การ ออกแบบตกแต่งร้าน กาแฟชนิด ต่าง ๆ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็น ประโยชน์และควรรู้ก่อนการ เปิ ด หากคุ ณ เป็ น คนหนึ่ ง ที่ ฝั น อยากเป็ น เจ้ า ของร้ า น กาแฟควรมีหนังสือเล่มนี้ไว้ในครอบครอง
Espresso Italiano Tasting by Luigi & Carlo Odello
อนาคตของเว็บไซต์
การชิมทดสอบกาแฟเอสเพรสโซ่แบบอิตาเลี่ยน
ตอนนี้เรากำลังอยู่ ในระหว่างการสร้างเวอร์ชั่นที่ 3 ของเว็บไซต์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน โครงการนี้เป็นการออกแบบเว็บไซต์ ใหม่ทั้งหมดและในขณะเดียวกันก็มีการเพิ่ม ลักษณะเฉพาะใหม่ๆ ของเว็บไซต์เข้าไป โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่และพวกเราเอาจริง เอาจังมาก เนื่องจาก ผมตั้งใจที่จะทำให้ www.coffeegeek.com ยังคงอยู่ต่อไปใน 5 ปี ข้างหน้า นอกจากนี้ เรามีโครงการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งอาจจะไม่ได้ออกมาเป็นรูปเล่มเพียง อย่างเดียว แต่จะมีการเผยแพร่เอกสารให้ความรู้เฉพาะทางที่ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด ในรูปแบบของเอกสาร PDF ได้ อีกโครงการหนึ่งที่จะจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกคือหนังสือ Coffeegeek Buyer’s Guide 2008 ซึ่งสามารถดาวน์โหลดหรือหาซื้อได้ตามร้านหนังสือ ทั่วไป หนังสือเล่มนี้จะมีความยาว 72 หน้าและสามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการเลือก ซื้อกาแฟเอสเพรสโซ่ ในปี พ.ศ. 2551 ซึ่งเราตั้งใจจะทำหนังสือรูปแบบนี้ออกมาทุกปี
โดย ลุยจิ และคาร์โล โอเดลโล่ เป็นบทสรุปของการประเมินคุณภาพของกาแฟโดยการทดสอบทางประสาทสัมผัสที่มีการศึกษา ติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี หนังสือเล่มนี้นำเสนอข้อมูลที่เที่ยงตรงและชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการ ทดสอบรสชาติของกาแฟ ข้อดีและจุดบกพร่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ในถ้วยกาแฟ การ์ดและวิธีการที่ ใช้ ในการประเมินกาแฟโดยการทดสอบทางประสาทสัมผัส สภาพภูมิศาสตร์ ในการเพาะปลูกกาแฟ และกระบวนการผลิต ศิลปะในการผสมผสานและการคั่วกาแฟ เครื่องมืออุปกรณ์ที่ ใช้ รวมถึงคำ แนะนำในการเตรียมกาแฟเอสเพรสโซ่ที่สมบูรณ์
Espresso Italiano Specialist by Luigi Odello
ผมเป็นนักเขียนอิสระ ผลงานล่าสุดคือบทความในนิตยสาร Consumers Digest ซึ่งเป็น นิตยสารที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคที่กำลังตัดสินใจซื้อสินค้าต่างๆ ในประเทศ สหรัฐอเมริกา ผมเคยเขียนบทความให้กับ Imbibe Magazine และนิตยสารท้องถิ่นต่างๆ เช่น Geek Magazine ในเมือง Vancouver นอกจากนี้ ผมทำงานอยู่ฝ่ายจัดหาข้อมูลให้ กับหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เช่น The New York Times และหนังสือพิมพ์ Chicago
โดย ลุยจิ โอเดลโล่ เป็นหนังสือแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญทางด้านกาแฟ ผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์ของกาแฟ รวมไปถึงผู้ เตรียมกาแฟและผู้บริโภคที่ต้องการดื่มด่ำกับ Espresso Italiano มากยิ่งขึ้น หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง กฎทองของ Espresso Italiano Certificato คือ การรับรองคุณภาพการฝึกอบรมผู้ดูแลบาร์ วิธีการ เลือกสรรและจัดการกับเบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงเครื่องจักรที่เกี่ยวของในการชงกาแฟ ซึ่งเป็นปัจจัย ในการสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคในที่สุด นี่คือความลับของสินค้าจากประเทศอิตาลีที่ไม่เป็น รองสินค้าใดในโลก
ผลงานอื่นๆ
คู่มือบาริสต้าแบบอิตาเลี่ยน
NANATASSANA
ความรุ่งเรืองในถ้วยกาแฟ
Fortune in a Coffee Cup
“Tring Tring” - Did I hear the sound of a cycle bell or was it just a musical chime in my early morning dream? Wait, now there was a loud creaking noise, breaking the stillness of the morning. It was the opening of our garden gate. Alas, I was woken up from my warm dreamful slumber. It was my yoga teacher coming home, to take me through the yoga exercises of Surya Namaskar, Pranayama and Mediation. 6.15 am in the morning, time when the sun is just rising, the air is filled with the sweet sound of birds chirping and there is a calm and peace, which one cannot find at any other time of the day. This is the best time for yoga or Surya Namaskar, a ritual in most Indian homes, when we pray to the Sun God and meditate. This gives us the energy, strength and peace of mind, to face all the challenges that the day will bring. Surya namaskar is an ancient system of Indian exercise and salutation to the sun, acknowledging the stimulating power and the importance of the illuminating presence of the sun in our universe. We, in India, consider the sun a living God, a life giver and a time giver. We look not at the physical sun, but at the sun beyond the sun, literally the mind. The sun provides light to the mind and as it moves through the sky, gives us strength. Most of us in India are taught Surya Namaskar at a very young age, giving us the strength and vitality to traverse the path of life. Just as the sun, the omnipresent and the giver of life is important to all in the universe, the coffee bean, the omnipresent, is the giver of life and sustenance to millions of coffee farmers and industry members, including each one of us, all over the world. We, now, need to build our coffee bean, to strengthen it, aromatise it, protect it, build it, so as to enable us to sustain our lives in any situation of price fluctuation. We are not in an era of quotas, we are not in an era of a simple regular filter coffee, we are not in
24 •
Written by Sunalini N. Menon
an era of marketing our coffees by fax and we are not even in an era for shipments taking more than 8 weeks and we are certainly not in an era of stabilized prices. At present, we have good plant materials, sustainable methods of farming, excellent certification systems, inspiring and energizing competitions, well conducted auction systems, good marketing avenues, enlightened roasters, relationship marketing, educated consumers and excellent coffee brewing machines. While things have certainly changed, the giver of life to the Universe, the sun and the giver of life to the coffee farmer, the coffee bean, continue to remain on the horizon, providing warmth and sustenance to millions of lives. For the sun to blaze brighter and for the bean to not only provide warmth but also be a full bodied aromatic cup, we need to examine whether ‘vidya’ or learning experiences could channelise our energy and actions to prosperity. Today, we are in a period of fairly good prices. The world production of coffee and the quantum of carry over stocks do not seem to match the consumption requirement. However, how long this scenario of better prices would last is anyone’s guess and it is for this reason that during the period of good prices, we need to look into our coffee cup, identify key areas, which could sustain us in any situation and hone-in on our existing skills, besides opening up new avenues for development of our coffee bean. In the present scenario, nine beans of ‘vidya’ or learning could help us to cross the bridge from a situation of low prices to one of stabilized and remunerative prices and thus help in the betterment of the economic status of the coffee farmer.
First Bean : Reduce Cost of Production and Processing Costs and Improve Quality! This should be one of our prime concerns, if we are to improve the returns from our coffees. We will have to examine ways and means of reducing the unit cost in order to be highly competitive and viable, and always improving quality. In India, as in other countries such as Indonesia, Vietnam, Costa Rica, Nicaragua etc., the number of small farmers is extremely high. In India, we have approx. 140,000 farmers growing coffee in areas, which at times could be even below 5 hectares per farm. We observe that the coffees from these very small farmers could be of varying qualities, as each farmer handles and processes his coffee differently. We are now examining the possibility of setting up “community” facilities for post harvest processing, which could bring about uniformity and consistency in quality and at the same time reduce costs and ensure better returns to the farmers. We are also examining the preparation of micro lots of coffee of distinct quality to enable the small farmer to market and secure good prices for his micro lots of coffee. Added, in these times of better prices, Quality and not Quantity would be the future for the coffee cup. Increasing the area under coffee, as we did some years ago when prices ascended to an all time high, could lead to a low price syndrome, as we have experienced in the recent past. I still remember the year 1997. Prices were shooting through the roof, when many Indian coffee farmers decided to uproot their arabicas and plant robusta, considering that the cost of cultivation and yield would also be to their advantage. The farmers took the stand that a great deal of money could be made just by growing any type of coffee, which required less investment, less work and less problems, with more beans and more money. Alas, when the price crash arrived, the crash was even higher for the robustas. Many of the farmers have now gone back to growing what should not have been uprooted in the first instance. We need to look far into the future and not get carried away by immediate returns. * M/s. Coffeelab Pvt. Ltd., Bangalore, India
[email protected]
On the other hand, improving productivity, rather than bringing in new areas under cultivation would help in containing, if not decreasing, the cost of production. In India, various schemes such as intensive cultivation, re-planting programmes, water, augmentation, improving processing infrastructure such as pulping and drying facilities for the small and tiny farmers, have been implemented to help the farmer equip himself for the immediate future.
Second Bean : Preparation of Special, Specialty and Estate Branded Coffees The special and specialty coffee culture has commenced in many producing origins and steps are being taken by the farmer to understand the quality of his coffee and to examine how the processing needs to be carried out on the farm to highlight the intrinsic quality nuances of his coffee beans. This would then enable him, in the first instance, to develop a special quality coffee. During this process, the farmer would also be in a position to understand whether his coffee has any unique attributes, which would enable him to venture into the arena of estate branded and specialty coffees. This trend should be encouraged. In India, in the drive for upgrading and preparing special and specialty coffees, the SCAI (Specialty Coffee Association of India) has been set up by a group of like minded quality conscious farmers, who have as their mission, not only to upgrade the quality of Indian coffee, but also to bring under an umbrella, like minded farmers who wish to prepare and market estate branded, special and specialty coffees. The Central American countries such as Costa Rica, Nicaragua, Panama, El Salvador have also set up their Speciality Coffee Associations, which are carrying out yeomen work in upgrading quality and ensuring that special and specialty coffees are available for connoisseurs around the globe.
Third Bean: Certification Programmes and Cupping Competitions Today, various certification programmes are available to the farmer to enhance the quality and marketability of his product. The programmes have certainly helped us producing origins to understand the importance of the environment, to understand the economics of our cultivation, to improve the quality and traceability of our product and to honour our social commitments. We need to preserve our environment and in this regard, the Central American countries have left no stone unturned. A recent visit to Costa Rica, highlighted the excellent effluent treatment plants that have been installed to preserve the environment. At the same time, I have also seen regions where effluent treatment and effluent control have been not been given due attention. I remember the time when I visited a coffee farm in a producing origin. I saw an excellent pulp house and the wonderful manner, in which coffee was being processed. I was absolutely impressed. However, on my return journey from the pulp house I had to walk
through a couple of fields, when to my dismay, I saw the effluent water slowly trickling its way into a small river. We do need to preserve the flora and fauna of our coffee regions, as otherwise we are destroying the future of our product and the future of our livelihood. The many cupping competitions such as the Cup of Excellence, the Taste of Harvest, The Flavour of India have certainly energized the coffee farmers to upgrade the quality of their produce and to secure better returns, besides separating and highlighting the special and speciality coffees from the average quality coffees. They have also opened up coffee growing regions, which hitherto were unknown to the coffee world. Coffee farmers are now excited to produce better beans and better cups, for better returns. We need to applaud these programmes, as also the various producing origins, who are participating in them. We now need to strengthen, if not integrate some of these programmes, so that they could further encourage the farmers commitment to quality.
Fourth Bean: Diversified Pattern of Cultivation A diversified pattern of cultivation needs to be re-emphasized to ensure that the coffee farmer is able to support himself even at times when coffee prices are dismally low. If you look at India, we have always been following a diversified pattern of cultivation - oranges, spices such as pepper, cardamom, nutmeg, arecanut and cinnamon, besides vanilla and medicinal herbs which are invariably seen growing on an Indian farm. Even as early as 1940, when the Indian coffee farms were established, pepper vines were seen winding their way on shade trees on the coffee farms, rendering this pattern of cultivation a hall mark of Indian coffee farms. We have also observed that this style of diversified pattern of cultivation has influenced the taste profile of our coffees, with some of our arabicas and robustas having unique ‘spice’ notes, reminding connoisseurs of their Indian origin.
• 25
NANATASSANA
“กริ๊ง! กริ๊ง!” นี่เป็นเสียงของระฆังที่ฉันได้ยินจริงๆ หรือ เป็นเพียงเสียงระฆังที่ก้องกังวานในฝันยามเช้าตรู่กันแน่? แต่เดี๋ยวก่อน ฉันได้ยินเสียงเอี๊ยดๆ ที่ทำลายความเงียบสงบ ในเวลาเช้ า เช่ น นี้ อ๋ อ นั่ น เป็ น เสี ย งคนเปิ ด ประตู ใ นสวน นั่ น เอง เฮ้ อ ในที่ สุ ด ฉั น ก็ ถู ก ปลุ กให้ ตื่ น จากความฝั น อั น อบอุ่นของฉันจนได้ อาจารย์สอนโยคะของฉันเดินเข้ามาใน บ้ า นเพื่ อ พาฉั น ไปเรี ย นโยคะ ฉั น จะต้ อ งทำท่ า นมั ส การ พระอาทิ ต ย์ ต้ อ งฝึ ก กำหนดลมหายใจและต้ อ งทำสมาธิ เวลา 6.15 น. เป็นเวลาทีพ่ ระอาทิตย์เริม่ ทอแสง เสียงหวานๆ ของนกตัวน้อยเติมเต็มบรรยากาศที่สงบ ซึ่งไม่สามารถพบ ได้ ในช่วงเวลาอื่นๆ ของวัน เวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะ สมที่สุดกับการเล่นโยคะท่านมัสการพระอาทิตย์ซึ่งเป็นท่าที่ ชาวอินเดียปฏิบัติเป็นกิจวัติมากที่สุดเมื่ออธิษฐานต่อเทพเจ้า แห่งดวงอาทิตย์และระหว่างการทำสมาธิ การปฏิบัติเช่นนี้ ทำให้เกิดพลังงาน ความแข็งแกร่งและความสงบขึ้นในจิตใจ และทำให้เราพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่จะตาม มาในแต่ละวัน นมัสการพระอาทิตย์คือการออกกำลังกายของชาว อิ น เดี ยในสมั ย โบราณและถื อ เป็ น การทำความเคารพต่ อ พระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณพลังที่เป็นแรงกระตุ้นและการมีอยู่ ของแสงอาทิตย์ ในระบบสุริยะจักรวาล ในประเทศอินเดีย เรานับถือพระอาทิตย์เสมือนเทพเจ้าที่ยังคงมีชีวิตอยู่ เป็นผู้ ประทานชีวิตและเวลาให้กับสรรพสิ่ง พระอาทิตย์ที่กล่าวถึง นี้ไม่ ใช่พระอาทิตย์ที่เรามองเห็นแต่เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น นั่นคือ จิตใจ พระอาทิตย์ให้แสงสว่างในจิตใจ และในขณะ ที่พระอาทิตย์โคจรไปบนท้องฟ้า จิตใจของเราก็ได้รับความ แข็ ง แกร่ ง ชาวอิ น เดี ย ส่ ว นใหญ่ ฝึ ก ปฏิ บั ติ น มั ส การพระ อาทิตย์ตั้งแต่วัยเยาว์เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางร่างกาย และจิตใจเพื่อให้สามารถย่างก้าวไปบนทางเดินแห่งชีวิต เช่น เดียวกับพระอาทิตย์ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั่วไปและเป็นผู้ ประทานชีวิตและมีความสำคัญต่อทุกสรรพสิ่งในจักรวาล เมล็ ด กาแฟที่ มี อ ยู่ ทั่ วไปก็ เ ป็ น ผู้ ใ ห้ ชี วิ ต และเลี้ ย งดู ช าวไร่ กาแฟหลายล้านคน ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมกาแฟ รวมถึง พวกเราทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ ตอนนี้ เราจำเป็นต้องเพาะ ปลูกเมล็ดกาแฟ บำรุงให้แข็งแรงสมบูรณ์ ทำให้เกิดกลิ่น หอมและปกป้องทุกวิถีทาง เพื่อให้เมล็ดกาแฟเหล่านี้ช่วยให้ ความเป็นอยู่ของพวกเรามั่นคงท่ามกลางความผันผวนของ ราคากาแฟ เราไม่ได้อยู่ ในยุคแห่งการแบ่งปันผลประโยชน์ เราไม่ได้อยู่ ในยุคของการชงกาแฟด้วยฟิลเตอร์ธรรมดา เรา ไม่ ได้อยู่ ในยุคของการสั่งสินค้าทางเครื่องโทรสารและการ ขนส่งทางเรือใช้เวลามากกว่า 8 สัปดาห์ และเราก็ไม่ได้อยู่ ในยุคที่ราคาของกาแฟคงตัว ปัจจุบันนี้ เรามีวัตถุดิบที่ ใช้ ในการเพาะปลูกที่ดี วิธี การเพาะปลูกที่เพียบพร้อม ระบบการรับรองคุณภาพที่มี มาตรฐาน การแข่งขันที่สร้างพลังและแรงบันดาลใจ ระบบ การขายทอดตลาดที่มีการจัดการเป็นอย่างดี เส้นทางการค้า ที่สะดวก เครื่องคั่วกาแฟที่มีกำลัง ตลาดที่มีระบบความ สัมพันธ์ ผู้บริโภคที่มีความรู้ และเครื่องชงกาแฟชั้นเยี่ยม ในขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป พระอาทิตย์ซึ่งเป็นผู้ที่ ประทานชีวิตให้แก่ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลรวมไปถึงชาวไร่ กาแฟและเมล็ดกาแฟก็ยังคงอยู่บนเส้นขอบฟ้าคอยให้ความ อบอุ่นและดูแลชีวิตนับล้าน เราจึงจำเป็นที่จะต้องทดสอบว่า “วิทยา” หรือประสบการณ์การเรียนรู้ว่าจะสามารถนำพาเรา 26 •
ไปสู่ความสำเร็จได้หรือไม่ เพื่อให้พระอาทิตย์สามารถส่องแสงสว่างยิ่งขึ้นและเพื่อให้เมล็ด กาแฟได้รับความอบอุ่นและให้กลิ่นหอมเมื่ออยู่ ในถ้วยกาแฟ ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่กาแฟมีราคาที่ดีและเหมาะสม ส่วนผลผลิตของกาแฟในโลก และการขนส่งสินค้ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคซึ่งมีอยู่เป็นจำนวน มากได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของราคากาแฟที่ดีขึ้นจะคงอยู่นานเพียงใดเป็นเพียงสิ่ง ที่เราได้แต่คาดเดาเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เอง ในช่วงที่กาแฟมีราคาที่ดี เราจึงควรพิจารณา สิ่งที่อยู่ ในถ้วยกาแฟของเราและมองหากุญแจสำคัญที่อยู่ ในนั้น กุญแจที่จะทำให้พวกเรา ใช้ชีวิตอยู่ได้ ในทุกสถานการณ์และสามารถฝึกฝนทักษะที่มีอยู่ รวมไปถึงการเปิดโอกาส ให้มีการพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ในสถานการณ์ปัจจุบัน เมล็ดปัญญาแห่งการเรียนรู้หรือ “วิทยา” ทั้ง 9 สามารถ ช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่ราคาของกาแฟตกต่ำไปสู่ช่วงที่ราคากาแฟกลับมาคงที่และเป็น ราคาที่ดีได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยให้สภาวะทางเศรษฐกิจของชาวไร่กาแฟดี ขึ้นด้วย
เมล็ดที่ 1 : การลดต้นทุนในการผลิตและการพัฒนาคุณภาพ
หากเราต้องการที่จะเพิ่มผลกำไรที่ได้รับจากกาแฟของเรา การลดต้นทุนการผลิต เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจ เราจะต้องพิจารณาวิธีการและลู่ทางที่จะลดค่าใช้ จ่ายเพื่อเตรียมพร้อมกับการแข่งขันที่เข้มข้นและการพัฒนาคุณภาพของผลผลิต เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซีย ประเทศเวียตนาม ประเทศคอสตาริก้า ประเทศ
นิคารากัว และประเทศอื่นๆ ประเทศอินเดียมีชาวไร่กาแฟรายย่อยจำนวนมาก คือ ประมาณ 140,000 คนซึ่งชาวไร่เหล่านี้เพาะปลูกกาแฟในฟาร์มซึ่งมีพื้นที่น้อยกว่า 500 * บริษัท Coffeelab Pvt. จำกัด เมืองบังกาลอร์ม ประเทศอินเดีย
[email protected]
เอเคอร์ ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจาก ความแตกต่างในการดูแล รักษาและกระบวนการที่ ใช้ ในแต่ละฟาร์ม ในเวลานี้ เรากำลังมองหาลู่ทางที่จะก่อตั้ง “ชุมชน” เพื่ออำนวยความสะดวกในการกระบวนการก่อนการเก็บเกี่ยว การก่อตั้งชุมชน เช่นนี้จะนำมาซึ่งรูปแบบและความคล้ายคลึงกันของคุณภาพผลผลิต และในขณะเดียวกันก็ ช่วยลดค่าใช้จ่ายพร้อมกับเพิ่มผลกำไรให้กับชาวไร่ อีกสิ่งหนึ่งที่เรากำลังให้ความสำคัญ เช่นเดียวกัน คือ วิธีการจัดเตรียมกาแฟที่มีบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กซึ่งจะต้องมีคุณภาพที่ ใกล้ เคียงกันและได้มาตรฐาน เพื่อให้ชาวไร่กาแฟรายย่อยสามารถทำการตลาดและรักษา ระดับราคาที่ดีของสินค้าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ราคาของกาแฟยังเป็นที่น่าพอใจ คุณภาพมีความสำคัญ สำหรับอนาคตของกาแฟมากกว่าปริมาณ การเพิ่มพื้นที่ ในการเพาะปลูกกาแฟดังเช่นที่เรา เคยทำมาแล้วในอดีตเมื่อราคาของกาแฟอยู่ ในจุดที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจนำมาซึ่ง การตกลงของราคากาแฟอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา ซึ่งเราก็เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมา แล้วในปี พ.ศ. 2540 เมื่อชาวไร่กาแฟในประเทศอินเดียตัดสินใจที่จะถอนรากถอนโคนต้น กาแฟอาราบิก้าและหันมาปลูกต้นกาแฟโรบัสต้า เนื่องจากเห็นว่าต้นทุนในการเพาะปลูก และการดูแลรักษาที่ต่ำกว่าของต้นกาแฟโรบัสต้าจะนำมาซึ่งผลกำไรที่สูงขึ้น ราคากาแฟก็ พุ่งขึ้นทะลุเพดาน ชาวไร่กาแฟเชื่อว่าพวกเขาจะมีรายได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่ากาแฟที่ปลูกนั้น จะเป็นชนิดใดหรือสายพันธุ์ ใดก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟอาราบิก้า กาแฟโรบัสต้ามี ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ต้องการการดูแลรักษาที่ไม่ต้องเคร่งครัดมากนัก มีปัญหาในการเพาะ ปลูกน้อยกว่า ให้ปริมาณผลผลิตที่มากกว่าและทำให้ชาวไร่มีรายได้ที่มากขึ้น ซึ่งเมื่อเกิด วิกฤติทางด้านราคากาแฟ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกาแฟโรบัสต้าก็มีความรุนแรงมากกว่า ปัจจุบันนี้ ชาวไร่กาแฟจำนวนมากหันกลับไปปลูกกาแฟสายพันธุ์ที่ ไม่ควรจะถูกถอนราก ถอนโคนไปในคราวแรก จากเหตุการณ์ ในครั้งนั้น เราได้เรียนรู้ว่าเราควรจะใส่ ใจกับ แผนการระยะยาวซึ่งจะมีผลสืบเนื่องไปในอนาคต แทนที่จะให้ความสำคัญกับผลกำไรที่จะ ได้รับในระยะสั้นเท่านั้น ในทางกลับกัน หากไม่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ การพัฒนากรรมวิธีการ ผลิตอาจช่วยรักษาระดับค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมได้มากกว่าการเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูก ใน ประเทศอินเดีย โครงการมากมายได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับชาวไร่ กาแฟ ตัวอย่างเช่น การเพาะปลูกระยะสั้น การเพาะปลูกซ้ำบนพื้นที่เดิม การเพิ่มปริมาณ น้ำ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาวไร่กาแฟรายย่อย เช่น สิ่งอำนวยความ สะดวกในการสกัดเนื้อและการทำให้แห้ง
เมล็ดที่ 2 : การเตรียมกาแฟชนิดพิเศษและกาแฟในท้องถิ่น
วัฒนธรรมกาแฟชนิดพิเศษเกิดขึ้นจากต้นกำเนิดของการผลิตที่แตกต่างกัน ชาวไร่ กาแฟเลือกใช้ขั้นตอนต่างๆ ในการทำความเข้าใจคุณภาพของกาแฟและแสวงหาวิธีการที่ เหมาะสมในการดูแลผลผลิตที่ได้จากไร่กาแฟ เพื่อทำให้เห็นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ใน คุณภาพของเมล็ดกาแฟชัดเจนขึ้น กระบวนการเหล่านี้ช่วยให้ชาวไร่กาแฟสามารถพัฒนา คุณภาพของกาแฟชนิดพิเศษได้ ในขณะเดียวกัน ชาวไร่สามารถรับรู้ว่ากาแฟของเขามี ลักษณะเฉพาะหรือไม่ อย่างไร และข้อมูลนี้สามารถนำมาใช้ ในการตัดสินใจทางธุรกิจ กาแฟชนิดพิเศษต่อไปได้ ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้ควรได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาการเตรียมกาแฟชนิดพิเศษในประเทศอินเดีย Special Coffee Association of India (SCAI) ได้จัดตั้งกลุ่มชาวไร่ผู้ให้ความสำคัญกับ คุณภาพของกาแฟ โดยมีความตั้งใจที่จะพัฒนาคุณภาพของกาแฟในประเทศอินเดีย และ พยายามรวมกลุ่มชาวไร่ที่ต้องการเตรียมการและต้องการทำการตลาดในส่วนของกาแฟ ชนิดพิเศษที่ตนผลิตได้ในท้องถิ่น ประเทศในทวีปอเมริกากลาง เช่น ประเทศคอสตาริก้า ปรเทศนิคารากัว ประเทศ ปานามาและประเทศเอลสวาดอร์ ได้จัดตั้ง Specialty Coffee Association เพื่อช่วยเหลือ ชาวไร่กาแฟที่เป็นเจ้าของพื้นที่เพาะปลูกในการพัฒนาคุณภาพและมีการรับรองว่ากาแฟ ชนิดพิเศษที่ชาวไร่ผลิตได้จะได้รับการทดสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก
เมล็ดที่ 3 : หลักสูตรการรับรองคุณภาพ และการแข่งขันการชิมกาแฟ
ปัจจุบันนี้ หลักสูตรอบรมมากมายถูกจัดขึ้นเพื่อให้ชาวไร่กาแฟได้ศึกษาวิธีการเพิ่ม คุณภาพของผลผลิตและความสามารถในการทำการตลาดของสินค้า หลักสูตรเหล่านี้ช่วย
ให้เราผลิตกาแฟที่มีต้นกำเนิดที่สมบูรณ์ผ่านความเข้าใจใน ธรรมชาติเป็นสำคัญ และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราเข้าใจ ระบบเศรษฐกิ จ ที่ เ หมาะสมกั บ การเพาะปลู ก ทำให้ เ รา สามารถพัฒนาคุณภาพไปพร้อมกับการแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า สำหรับสินค้าของเราเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค เราจำเป็นต้องอนุรักษ์ธรรมชาติเอาไว้ และด้วยเหตุนี้ เอง ประเทศในทวีปอเมริกากลางจึงทำการพลิกหน้าดิน เสมอ จุดเด่นของการเยือนประเทศคอสตาริก้าครั้งที่ผ่านมา คือการเพาะปลูกพืชที่สามารถช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไปพบกับพื้น ที่ที่ ได้รับการดูแลเป็น อย่างดีและมีการควบคุมในเรื่องของการไหลของกระแสน้ำ ซึ่งไม่เคยได้รับความสนใจในอดีต ฉันยังจำช่วงเวลาที่ ไป เยี่ยมชมบริเวณพื้นที่ที่ใช้ ในการผลิตกาแฟในไร่ได้ดี ฉันเห็น บ้ า นที่ ใ ช้ ใ นการสกั ด เมล็ ด ออกจากผลกาแฟและวิ ธี ก าร ดำเนินการที่เป็นเลิศ ฉันประทับใจกับภาพที่เห็นมาก แต่ เมื่อฉันเดินทางกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น ฉันต้องเดินผ่าน ทุ่งหญ้ากว้าง แล้วฉันก็มองเห็นกระแสน้ำที่ ไหลอย่างช้าๆ ไปสู่แม่น้ำสายหนึ่ง ความจริงก็คือเราจะต้องรักษาพืชและ สัตว์ที่มีอยู่เฉพาะในพื้น ที่นี้เอาไว้ หากเราไม่ทำเช่น นี้ ก็ เปรี ย บเสมื อ นเรากำลั ง ทำลายอนาคตของผลผลิ ต และ อนาคตของเราเอง นอกจากการแยกประเภทและเน้นคุณลักษณะของ กาแฟชนิดพิเศษออกจากกาแฟทั่วไป การแข่งขันการชิม กาแฟรายการต่างๆ เช่น Cup of Excellent, Taste of Harvest และ Flavour of India มีส่วนทำให้ชาวไร่กาแฟ พยายามที่ จ ะพั ฒ นาคุ ณ ภาพของสิ น ค้ า เพื่ อ รั บ ประกั น ผล กำไรที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ชาวไร่กาแฟก็ได้เปิดเผยพื้นที่ เพาะปลูกที่ไม่เคยถูกเปิดเผยในอดีต ในช่วงเวลานี้ ชาวไร่ กาแฟกำลังตื่นตัวกับการผลิตเมล็ดกาแฟที่ดีขึ้น ซึ่งจะให้ ผลลัพธ์เป็นเครื่องดื่มที่น่าหลงใหลและผลกำไรที่สูงขึ้น โครงการที่ถูกจัดขึ้นและผู้ที่เข้าร่วมโครงการเหล่านี้ ควรจะได้รับการชื่นชม หากไม่มีการดำเนินการร่วมกันใน โอกาสต่อไป โครงการที่เกิดขึ้นจะต้องมีความเข้มแข็งมาก พอที่จะกระตุ้นให้ชาวไร่กาแฟมีความรับผิดชอบต่อคำมั่น สัญญาที่ให้ไว้กับผู้บริโภค
เมล็ดที่ 4 : รูปแบบการเพาะปลูกแบบผสม
รูปแบบในการเพาะปลูกที่แตกต่างกันต้องถูกตรวจ สอบเป็นพิเศษเพื่อให้มั่นใจว่าชาวไร่กาแฟจะสามารถดำเนิน กิจการนี้ต่อไปได้แม้ราคาของกาแฟจะต่ำลงก็ตาม หากยก เอาประเทศอินเดียมาเป็นตัวอย่าง นอกจากการปลูกวนิลา และสมุนไพรที่ ใช้เป็นยาในไร่กาแฟแล้ว เราจะเห็นว่าการ เพาะปลูกแบบผสมนั้นถูกนำมาใช้ ในการเพาะปลูกส้มและ เครื่องเทศ เช่น พริกไทย กระวาน จันทน์เทศ หมากและ อบเชย เมื่อไร่กาแฟเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2483 ต้นพริกไทย และต้นองุ่นก็มีอยู่ทั่วไปใต้ร่มเงาของต้นไม้ ในไร่กาแฟ ทำให้ เกิดแนวการเพาะปลูกไร่กาแฟแบบอินเดีย นอกจากนี้ เรา สังเกตเห็นว่าการเพาะปลูกแบบผสมนี้มีผลต่อรสชาติของ กาแฟ โดยกาแฟอาราบิก้าและกาแฟโรบัสต้าจะมีรสของ เครื่องเทศปนอยู่ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถบอกได้ว่ากาแฟ นี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย
• 27
HOT•BEV
Encounter the hot weather with cold drinks and smoothies that we especially created just for you.
รับมือกับอากาศร้อนด้วยเครื่องดื่มเย็นและปั่น ที่เราคิดค้นขึ้นเป็นพิเศษสำหรับคุณ Almond Mocha Latte For hot Latte lovers, this is another new drink to try.
เมนูเอาใจคอกาแฟร้อนประเภทลาเต้ เป็น ทางเลื อ กใหม่ ใ ห้ ลู ก ค้ า ที่ ช อบลิ้ ม ลองเมนู ใหม่ๆ อยู่เสมอ
Ingredients
1. DaVinci Chocolate Sauce 15 cc. 2. DaVinci Almond Syrup 7.5 cc. 3. Espresso Shot 30 cc. 4. Fresh Milk 180 cc.
วิธีทำ
1. ตวง DaVinci Chocolate Sauce, DaVinci Almond Syrup ลงในแก้ว 2. ทำช็อตเอสเพรสโซ่ลงในแก้วที่มีส่วนผสม 3. สตีมนมให้ร้อย ค่อยๆ รินน้ำนมที่ได้ลงใน แก้วเสิร์ฟจนเกือบเต็ม 4. ตักโฟมเนียนที่เหลือปิดด้านบนแต่งหน้า เครื่องดื่ม พร้อมเสิร์ฟ
Preparation
1. Add DaVinci Chocolate Sauce and Almond Syrup into a mug 2. Pour in freshly brewed espresso 3. Pour in steam milk 4. Top it with foam milk
Mango-Berry Soda
Mango-Berry Soda The aroma of fresh fruits with sour and sweet tastes can quench the thirst of people from all ages, especially juice lovers.
กลิ่นความหอมหวานของผลไม้และความเย็นซ่าที่ มีในตัว รสชาติออกเปรี้ยวหวานนิด ๆ ทั้งช่วยให้ ดับกระหายสามารถดื่มได้ ในทุก ๆ วัยเอาใจคน ที่ชื่นชอบเครื่องดื่มที่เป็นน้ำผลไม้
Ingredients
1. Palm Bay Club Mango Smoothie 30 cc 2. DaVinci Strawberry Syrup 7.5 cc 3. Soda Water 120 cc. 4. Ice 16 oz.
วิธีทำ
1. ตวง Palm Bay Club Mango Smoothie และ DaVinci Strawberry Syrup ลงในแก้ว เสิร์ฟ 2. คนส่วนผสมให้เข้ากัน เติมน้ำแข็งให้เต็มแก้ว 3. เติมโซดาให้เต็มแก้วตกแต่งให้ดูน่าทานพร้อม เสิร์ฟ
Rum Island
Preparation
1. Add Palm Bay Club mango smoothie and syrup into glass 2. Stir the content properly and fill with ice 3. Add Soda water
Rum Island
Drinks created by Umaporn Hutthawong
The juice provides the sweet and sour tastes to clear you throat. The DaVinci Butter Rum Syrup makes the drink so charming that it can be served after every meal.
Photo by Chavamon Boriboontanawat
เครื่องดื่มอีกตัวที่มีน้ำผลไม้เป็น ส่วนผสม ให้ รสชาติ ห วานหอมอมเรี้ ย วนิ ด ๆ เย็ น ติ ด ลำคอ ด้วยรสชาติของ DaVinci Butter Rum Syrup ช่วยเพิ่มเสน่ห์ ให้กับตัวเครื่องดื่ม เป็นเครื่องดื่มที่ เหมาะกับทุกๆ มื้อที่คุณต้องการความสดชื่น
Sponsored by
Written by Thanyaporn Silpi
Ingredients
1. DaVinci Butter Rum Syrup 22.50 cc. 2. Pineapple Juice 90 cc. 3. Ice 12 oz.
วิธีทำ
1. ตวง DaVinci Butter Rum Syrup และน้ำ สับปะรดลงในเช็คเกอร์ 2. เติมน้ำแข็งประมาณ 1 ออนซ์ลงในเช็คเกอร์ แล้วเขย่าให้เข้ากัน 3. เติมส่วนผสมลงในแก้วเสิร์ฟแล้วเติมน้ำแข็ง เพิ่มจนเต็มพร้อมเสิร์ฟ
Preparation
28 •
Almond Mocha Latte
1. Add DaVinci Butter Rum Syrup and pineapple juice into a shaker 2. Add 1 oz. of ice and shake 3. Pour the content into a glass and fill in with ice
Iced Scotch Coffee Another proudly presented cold drink full of lingering aroma of caramel sauce, butter scotch syrup and a shot of espresso is a perfect mixture.
วิธีทำ
1. ตวง DaVinci Caramel Sauce, DaVinci Butter Scotch ลงในแก้วเสิร์ฟ 16 ออนซ์ 2. ทำช็อตเอสเพรสโซ่เตรียมไว้ 3. ตวงน้ำแข็งให้เต็มแก้ว เติมนมสดลงตาม 4. รินช็อตเอสเพรสโซ่ลงไป โดยเครื่องดื่มจะ แบ่งเป็นชั้นพร้อมเสิร์ฟ
เครื่องดื่มเย็นที่มีกาแฟเป็นส่วนผสมอีกหนึ่งตัวที่ อยากแนะนำ ที่ให้รสชาติที่หอมหวานละมุนของ คาราเมลซอสกับไซรัปกลิ่นบัตเตอร์สก็อต และ ช็ อ ตกาแฟเอสเพรสโซ่ ที่ ผ สมผสานรสชาติ ไ ด้ อย่างลงตัว Preparation
Ingredients
1. DaVinci Caramel Sauce 30 cc. 2. DaVinci Butter Scotch Syrup 15 cc. 3. Espresso Shot 60 cc. 4. Fresh Milk 90 cc. 5. Ice 16 oz.
1. Brew 2 shots of espresso 2. Add DaVinci Caramel Sauce and Butter Scotch syrup into 16 oz. glass 3. Fill in with ice and milk 4. Pour in freshly brew espresso
Iced Scotch Coffee
• 29
HOT•BEV
Rose-n-Cream Frappè A glass of smoothie without coffee is well-blended sweet. A combination of white chocolate’s sweetness and fruit aroma makes it suitable for those who are not coffee lovers.
เครื่องดื่มปั่นที่ไม่มีกาแฟเป็นส่วนผสม ให้รสชาติที่ หวานกลมกล่อมของไวท์ช็อคโกแล็ตและความหอม ของผลไม้ เป็ น เมนู ที่ ท านได้ ทุ ก ๆ วั ย และเอาใจ บางคนที่ไม่ค่อยชอบทานกาแฟซักเท่าไหร่
Ingredients
1. DaVinci White Chocolate Sauce 15 cc. 2. DaVinci Lychee Syrup 15 cc. 3. DaVinci Rose Syrup 10 cc. 4. Fresh Milk 90 cc. 5. DaVinci Frappease Powder 2 tbs. 6. Ice 16 oz.
วิธีทำ
1. ตวงส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่น โดยเติมน้ำแข็ง เป็นส่วนผสมสุดท้าย 2. ปั่นจนเครื่องดื่มเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน จัดตกแต่ง แก้วก่อนเสิร์ฟ
Preparation
1. Add all ingredients into blender, add ice as the last ingredients 2. Blend and serve it in 16 oz. glass
Rose-n-Cream Frappè
Tropical Fruit Tea Another drink for tea lovers is created during the fruitful season. The additional tastes of fruits make a perfect drink.
เป็นอีกเมนูเอาใจคอชา และเป็นช่วงฤดูผลไม้จึงได้ นำน้ำผลไม้หลายชนิดมารวมกัน กลายเป็นเครื่องดื่ม ชาที่เพิ่มรสชาติของผลไม้เข้าไปในเครื่องดื่ม
Ingredients
1. DaVinci Pina Colada Syrup 22.50 cc. 2. Heladiv Earl Grey 2 bags 3. Lime Juice 5 cc. 4. Hot Water 150 cc. 5. Ice 16 oz.
วิธีทำ
1. ชงชา Heladiv Earl Grey ในน้ำร้อน 5 ออนซ์ ทิ้ง ไว้ประมาณ 3 นาที นำไปแช่ให้ชาเย็น 2. ตวง DaVinci Pina Colada Syrupและน้ำมะนาว คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ลงในแก้วเสิร์ฟ 3. เติมน้ำแข็งให้เต็มแก้ว เติมน้ำชาลงในแก้วจนเต็ม ตกแต่งแก้ว พร้อมเสิร์ฟ
Preparation
1. Pour 120 cc. of hot water into tea bag, leave it for 3 minutes 2. Add DaVinci Pina Colada Syrup and lime juice into a glass 3. Stir the content properly and fill in with ice
30 •
Tropical Fruit Tea
CHAIN•UPDATE
ธุรกิจไม่ยึดติดอยู่กับที่ กาแฟติดล้อ Thom Artisan Coffee
Thom Artisan Coffee: A Four-Wheel Coffee House in Chiang Mai
การหาทำเลที่ตั้งร้านกาแฟดีๆ สักแห่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายสำหรับผู้ที่
บรรยากาศของโรงคั่ ว กาแฟขนาดเล็ ก ที่ น่ า สนใจและมี กำลังเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟ คุณธวัชชัย โศภนะศุกร์ ได้เปลี่ยนรถแวนโฟล์คสวาเก้น เอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทรานสปร์อตเตอร์ ให้กลายเป็น Thom Artisan Coffee ร้านกาแฟเคลื่อนที่ซึ่งสามารถ กาแฟพีเบอร์รี่ 100% เสิร์ฟกาแฟพีเบอร์รี่สไตล์อิตาเลียนให้กับคอกาแฟได้ทุกที่ทุกเวลา
ทำไมต้องเป็นรถแวนโฟล์คสวาเก้น ทรานปอร์ตเตอร์?
ผมเคยทำงานมาแล้วสารพัดและความคิดในการเปิดร้านกาแฟก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผม เห็นว่าไม่มีอะไรที่ผมยังไม่เคยทำอีกแล้ว ผมเป็นคนชอบดื่มกาแฟ ผมจึงถามตัวเองว่า “ทำไมเราไม่ลองลงทุนเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง?” แต่การเปิดร้านกาแฟสักร้านถือ เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ หากไม่มีเงินลงทุนที่มากพอ การหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมก็แทบจะ เป็นไปไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจดัดแปลงรถแวนโฟล์คสวาเก้น ทรานปอร์ตเตอร์ที่จอดอยู่ ใน โรงรถที่บ้านให้กลายเป็นร้านกาแฟเคลื่อนที่
Finding the right location is considered one of the most challenging aspects for newcomers to coffee house business. Mr.Thawatchai Sobhanasukra has turned his Volkswagen Transporter van into a mobile Thom Artisan Coffee, the coffee house serving standard Italian styled peaberry coffee to customers anywhere and anytime.
Why a Volkswagen Transporter Van? I have done all kinds of jobs and the idea of entering coffee house business came up when I thought that there was nothing left for me to try. I am a coffee lover, so I asked myself “Why don’t I open a coffee house of my own?” However, having a coffee house is a big investment and without enough capital, it is almost impossible to find the right location. So I decided to turn my Volkswagen transporter van which had been kept in the garage for so long into a mobile coffee house.
A Four-Wheel Coffee House in Design I try to create friendly and warm atmosphere in the van by using woods and wood-like colors in the design. Thai people are familiar with all kinds of wood because most of us have been brought up in wooden houses and when we experience this kind of atmosphere, we feel like home. I like that feeling, so I create the wooden floor and wooden ceiling in the van.
Built-in Roaster Shop in a Coffee House There is also another Thom Artisan Coffee with a built-in roaster shop. Besides self-learning, I have learned more about coffee from the High Land Coffee Research and Development Center, the Department of Horticulture in Chiang Mai University, and I have decided to roast the coffee beans myself because the results are highly desirable. Therefore, I created a built-in roaster shop in the coffee house and as a result, our customers experience the coffee roastery-like atmosphere. It is very interesting and unique.
100% Peaberry Coffee at Thom Artisan Coffee For the coffee at Thom Artisan Coffee, we use only peaberry coffee, the coffee beans of which one of the two seeds gets fertilized so there is nothing to flatten
32 •
ลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะไม่ ใช่นักศึกษา แต่เป็นพนักงานที่ ทำงานในออฟฟิศต่างๆ ที่ ในบริเวณนั้น เนื่องจากราคาของ เครื่องดื่มที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของเราก็กำลัง ดำเนิ น ไปได้ อ ย่ า งน่ า พอใจและยอดขายก็ เ พิ่ ม สู ง ขึ้ น ตาม ลำดับ นอกจากนี้ ร้านกาแฟเคลื่อนที่สามารถที่จะไปตั้งอยู่ ที่ไหนก็ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ เช่น ผมสามารถนำรถของ ผมไปจอดที่กองถ่ายนอกสถานที่และให้บริการเครื่องดื่มแก่ นักแสดงและทีมงาน และผมก็ทำงานร่วมกับมัคคุเทศก์ที่ ต้องการสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวโดยการจัด กาแฟและอาหารว่างระหว่างการเดินทาง ซึ่งถือเป็นการใช้ ประโยชน์จากร้านกาแฟในรถแวนของผมได้อย่างเต็มที่
Who come to Thom Artisan Coffee? Most of our customers are not students, but those who work in the office because of the prices as I have mentioned earlier. Anyway, the sale has gradually increased. In addition, a mobile coffee house can be wherever the coffee needs to be served. I can set up the catering near outdoor studio and provide actors, actresses and staffs with my coffee. I also work with a tour guide who once in awhile wants to please the tourists with a nice coffee break. In this case, a coffee house in a van is very practical.
ผลตอบรับจากลูกค้า
Feedbacks from Customers
Handy Tips for Success It is difficult to find the staffs who love coffee with all their hearts. I make the coffee that I love for my customers and I believe this is what makes people love my coffee. One has to pay an undivided attention to the coffee itself, the process of coffee making as well as the customers. I always keep in mind that I just have to “be myself.” It does not matter what other coffee house owners are using or whether they earn more or less money than I do. The most important concept is that I believe in my products and I know what I have been doing for the last 3 years. I do not plan to start the franchise system because it is almost impossible to guarantee the coffee quality. So I will just walk at my own pace and make sure that everything is as perfect as it could be. Just be yourself.
สำหรับกาแฟที่ใช้ในร้าน Thom Artisan Coffee เป็นกาแฟ พีเบอร์รี่หรือเมล็ดกาแฟที่มีลักษณะเป็น ทรงกลมเหมือน เมล็ดถั่ว เนื่องจากกาแฟพีเบอร์รี่นั้นค่อนข้างหายาก ทำให้ ราคาของเมล็ดกาแฟชนิดนี้ค่อนข้างสูง และนี่เป็นอีกเหตุผล หนึ่งที่ไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์กาแฟชนิดนี้อย่างแพร่ หลายในท้องตลาด สำหรับกาแฟเบรนด์ชนิดพิเศษต่างๆ นั้น เราก็มีการนำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศเพื่อตอบสนอง ความต้องการของลูกค้า
ใครคือลูกค้าของ Thom Artisan Coffee?
it and as a result a bean looks like a pea. The fact that peaberry coffee is very rare raises its price and this is one of the reasons why peaberry coffee is not commercially available. For some special blends, we also import some coffee beans to satisfy our customers’ need.
For the four-wheel coffee house, sometimes the customers find it difficult to sit down and relax. Most of my customers buy the takeaways because the van can only receive 4 or 5 customers on the side. However, they love the coffee we offer and they realize that our coffee is different from others’ and they like the service, so they keep coming back.
ที่ร้าน Thom Artisan Coffee
รูปแบบการตกแต่งร้านกาแฟเคลื่อนที่
ผมพยายามสร้างบรรยากาศของร้านให้มีความอบอุ่นและ เป็นกันเอง โดยนำไม้และสีที่กลมกลืนกับไม้เข้ามาใช้ในการ ตกแต่ง คนไทยคุ้นเคยกับไม้แทบทุกชนิดเพราะพวกเราส่วน ใหญ่ เ ติ บ โตมาในบ้ า นไม้ เมื่ อ ใดก็ ต ามที่ เ ราได้ อ ยู่ ใ น บรรยากาศเช่นนี้ เราก็จะรู้สึกเหมือนสถานที่นี้เป็นบ้านของ เรา ผมชอบความรู้สึกที่ได้จากสัมผัสเหล่านี้ ผมจึงนำไม้มา ทำเป็นพื้นและเพดานภายในรถ
โรงคั่วกาแฟในร้านกาแฟ
ร้าน Thom Artisan Coffee อีกสาขาหนึ่งมีโรงคั่วขนาดเล็ก เป็นส่วนหนึ่งของร้าน นอกจากการศึกษาหาความรู้ด้วยตัว เองแล้ว ผมได้เรียนรู้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับกาแฟมากขึ้นจาก ศู น ย์ วิ จั ย และพั ฒ นากาแฟบนที่ สู ง ของภาควิ ช าพื ช สวน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผมก็ได้ตัดสินใจที่จะคั่วกาแฟ ด้วยตัวเองเพราะผลลัพท์ที่ ได้นั้นเป็นที่น่าพอใจมาก ผมจึง สร้างโรงคั่วขนาดเล็กขึ้นในร้านกาแฟ ซึ่งลูกค้าก็ได้สัมผัสกับ
สำหรับร้านกาแฟเคลื่อนที่นั้น บางครั้งลูกค้าก็ไม่สามารถนั่ง พักและดื่มด่ำกับกาแฟในบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้ ลูกค้า ส่วนใหญ่จึงซื้อเครื่องดื่มออกไปมากกว่าที่จะอยู่ข้างรถซึ่ง รองรับลูกค้าได้ประมาณ 4-5 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ลูกค้าชอบเครื่องดื่มของเรา พวกเค้าทราบว่ากาแฟของเรา ไม่ เ หมื อ นกั บ ที่ อื่ น ๆ และพวกเขาชอบบริ ก ารของที่ ร้ า น ลูกค้ากลุ่มนี้จึงกลับมาอุดหนุนเราอย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับความสำเร็จ
การหาคนทำกาแฟที่มี ใจรักในกาแฟอย่างแท้จริงนั้นเป็น เรื่องที่ไม่ง่าย ผมชงกาแฟที่ผมชอบให้กับลูกค้าของผม และ ผมก็เชื่อว่าสิ่งนี้เองที่ทำให้ลูกค้าชอบกาแฟของผม เราต้อง ใส่ใจในทุกองค์ประกอบอย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง การ ที่คนอื่นเลือกที่จะใช้วัตถุดิบหรืออุปกรณ์ประเภทไหนหรือ พวกเขาจะมีรายรับมากหรือน้อยกว่าเราอย่างไรไม่มีความ สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมเชื่อมั่นในตัวสินค้าของผมและ ผมทราบดีว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ผมกำลังทำ อะไรอยู่ ผมไม่ต้องการใช้ระบบแฟรนไชส์กับของผมเพราะผม ทราบดีว่าการควบคุมคุณภาพที่สมบูรณ์นั้นไม่สามารถเกิด ขึ้นได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบของผมด้วย ความมั่นใจว่าทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
• 33
CHAIN•UPDATE
ปล่อยใจให้ละลายไปกับความเนียนนุ่มของไอศครีมที่ Cream & Fudge Factory
Indulge Yourself with the Creamiest Ice-Cream on Earth at Cream & Fudge Factory Do you have an ice-cream flavor of your own? At Cream & Fudge Factory, customers can customize your order and get the ice-cream flavor you can never get anywhere else. Mr.Fred Mouawad, chairman and CEO of GFA Corporation (Thailand) Limited, recently talked about the unique ice-cream place, Cream & Fudge Factory, and the possibility for anyone who wants to start this business.
Cream & Fudge Factory at the Starting Point
“We started Cream & Fudge Factory by launching the first store at Siam Paragon in November 2006. It took us quite some times to develop the brand because we wanted to come up with the super premium concept. Actually, we are not the only one who innovate the idea for super premium mix-in ice-cream. I have seen a few brands do it in the US. As a matter of fact, there was one franchise in Thailand that came before us, but it is gone now. So we really wanted to use this super premium mix-in ice-cream but we needed the position that at a high end on all aspects and we wanted the premium product. We wanted the products that are better than our competitors’.”
Homogeneous Setting
“We wanted to paint a nice and good-looking feeling and very much homogeneous with the same colors. For instance, the chair is cream chocolate and matches the logo and the counter. Everything fits together. We look very much from the static point of view and we are very pleased with the outcome.”
Make your Choice at Cream & Fudge Factory
“What we find quite interesting is that although we are in the ice-cream category, we are different from others. So we can be next to others’ concept and people still differentiate us. We view ourselves in a super premium mix-in category which is different from the traditional ice-cream concept. I believe that our mix-in ice-cream is a superior category for a number of reasons. First, the ice-cream itself is very creamy. It has higher cream content and therefore it is very smooth. Second, it is highly interactive. Customers really mix in their favorite flavors with all kinds of toppings. They can really customize it based on how they like it to be. It is unique and it gives customers the opportunities to actually customize the products. Once you find the right mix-in and the right fla-
34 •
vor, it becomes a product you cannot find anywhere else.”
Target Group
“The customers depend on the location. If we are, for instance, at the airport, our customers are travelers. If we are at Central World, we receive higher demographics, especially people who really appreciate ice-cream. However, as we have observed so far, we appeal to a broader range of customers. All ages. All races. It is a universal concept that people love ice-cream in general.”
Next Step
“Today, we have 8 locations in Thailand and we are looking for more locations. This year we expect to open at least 2 or 3 more based on the number of locations we can find. The challenge is finding the right location. Cream & Fudge Factory is performing really well. Customers really enjoy the products and we are really pleased with it. In fact, our brand is only 2 ½ years old, but we are also today in India and our franchisee is also in Indonesia. We are going to open a store in Colorado, USA, by July and we have signed up with a franchisee in Oman. In conclusion, less than 3 years, we have gone to 5 countries with Cream & Fudge Factory. We are really happy.”
Special Promotion
“We have all kinds of promotions that we are running at GFA. Now, we are doing the lucky draw, so every time you buy over a hundred baht, you will get a ticket and we have different prizes that you can win. However, what we do in a 60-day cycle is that we introduce new products. We are inviting our customers to try some of our recommendations. This month, for instance, we have the Golden Mango Creation. It is probably the best mango ice-cream I have ever had. Since we have the products that people really appreciate, we plan to keep on introducing new products for people to try.”
For a Franchisee-To-Be
“To be Cream & Fudge Factory franchisee, ones have to meet 3 requirements: First, the capacity to invest the store. Second, they must have passion for this business. They must believe in the brand, and they have to like the brand. Third, they need some business capabilities to oversee it. It is not complex because we give them a lot of support, so it is not really difficult.” Although ice-cream store is everywhere nowadays, the super premium mixin concept is very unique. At Cream & Fudge Factory, one can either be a customer and enjoy your own selection of ice-cream flavors, or be a newcomer to make a new investment. “If someone likes the business, has the capital and wants to own a store, we can help them out.” confirmed Mr.Mouawad.
คุณ มีรสไอศครีมที่มีเอกลักษณ์เป็นของคุณ หรือเปล่า? ที่ร้าน Cream & Fudge
Factory ลูกค้าสามารถเลือกสรรและดัดแปลงรสชาติของไอศครีมตามความต้องการและ ได้ทานไอศครีมที่เป็นรสชาติของคุณเองซึ่งไม่สามารถหาได้จากร้านไอศครีมอื่นๆ เมื่อไม่ นานมานี้ คุณ Fred Mouawad ประธานบริษัท จีเอฟเอ คอร์ปเปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้พูดถึงร้านไอศครีมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือ ร้าน Cream & Fudge Factory และได้กล่าวถึงโอกาสทางธุรกิจซึ่งผู้ที่สนใจไม่ควรพลาด
จุดเริ่มต้นของ Cream & Fudge Factory
“เราเริ่มต้นกิจการร้าน Cream and Fudge Factory โดยการเปิดสาขาแรกที่ สยาม พารา กอน ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 เราใช้เวลามากพอสมควรในการพัฒนาแบรนด์ของ เรา เนื่องจากเราต้องการนำเสนอแนวความคิดที่พิเศษสุด จริงๆ แล้ว เราไม่ใช่เจ้าแรกที่ คิดค้นการผสมไอศครีมสูตรพิเศษขึ้น เรามีโอกาสได้เห็นไอศครีมแบรนด์อื่นๆ ที่นำการ ผสมผสานไอศครีมสูตรพิเศษไปใช้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และในเมืองไทยก็เคยมีไอศ ครีมแบรนด์หนึ่งที่นำเสนอทางเลือกใหม่นี้ แต่ตอนนี้ก็ได้ปิดตัวลงแล้ว ดังนั้น แม้เราจะ ต้องการนำเสนอการผสมผสานไอศครีมสูตรพิเศษ แต่เราก็จำเป็นที่จะต้องก้าวขึ้นไปอยู่บน จุดสูงสุดในทุกด้าน และเราต้องการสินค้าที่พิเศษและดีกว่าสินค้าของคู่แข่ง”
บรรยากาศที่กลมกลืน
“เราต้องการให้สีของร้านนั้นให้ความรู้สึกที่ดีและภาพรวมของร้านออกมาดูดี โดยมีความ กลมกลืนและคล้ายคลึงของสีที่เราเลือกใช้ ตัวอย่างเช่น เก้าอี้สีครีมช็อคโกแลตจะเข้ากับสี ของโลโก้และเคาน์เตอร์ องค์ประกอบทุกส่วนถูกจัดวางอย่างลงตัว เราเน้นไปที่ความ กลมกลืนและเราก็พอใจกับผลลัพท์ที่ออกมา”
สร้างสรรไอศครีมของคุณที่ Cream & Fudge Factory
“ความจริงข้อหนึ่งที่เราค้นพบคือ แม้ว่าสินค้าของเราจะจัดอยู่ในประเภทของไอศครีม แต่ ไอศครีมของเราก็มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เราจึงสามารถทำดำเนินธุรกิจของเราซึ่งใน ขณะเดียวกันก็ต้องพบกับรูปแบบการนำเสนอของไอศครีมแบรนด์อื่นๆ แต่ลูกค้าก็ยังคง มองเห็นความแต่งต่างที่มีอยู่ ในสินค้าของเราได้อย่างชัดเจน สินค้าของเราจัดอยู่ ใน ประเภทของไอศครีมที่มีการผสมผสานเพื่อสร้างสูตรพิเศษเฉพาะตัว และจุดนี้เองทำให้ ไอศครีมของเราแตกต่างจากไอศครีมที่มีอยู่ทั่วไป ผมเชื่อว่าการผสมผสานไอศครีมสูตรพิเศษทำให้เรามีความโดดเด่นด้วยเหตุผล หลายประการ ประการแรกคือไอศครีมของเรามีลักษณะของความเป็นครีมสูง เนื่องจากมี ส่วนผสมของครีมเป็นหลัก ทำให้ไอศครีมที่ได้มีความเนียนและกลมกล่อม ประการที่สอง คือเราเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ลูกค้าของเราสามารถผสมผสานรสชาติ ของไอศครีมที่ชอบเข้ากับท้อปปิ้งหรือเครื่องปรุงต่างๆ ได้ตาม นี่คือลักษณะเฉพาะของเรา และถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนในการสร้างสรรค์สินค้าในเวลาเดียวกัน และหากคุณค้นพบรสชาติของไอศครีมที่คุณชื่นชอบเป็นพิเศษแล้ว นั่นจะกลายเป็น สินค้าที่คุณไม่สามารถหาซื้อได้จากร้านไอศครีมที่ไหนอีกแล้ว”
กลุ่มเป้าหมาย
“กลุ่มเป้าหมายของเราขึ้นอยู่กับที่ตั้งของแต่ละสาขา ตัวอย่างเช่น สาขาที่อยู่ในสนามบินก็ จะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยง ในขณะที่สาขาเซ็นทรัล เวิร์ล ก็จะมีโอกาสได้ต้อนรับ
กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้นและส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่หลงใหลใน เสน่ ห์ ข องไอศครี ม อย่ า งจริ ง จั ง อย่ า งไรก็ ต าม จากการ สำรวจ เราพบว่ากลุ่มลูกค้าของเรากำลังขยายตัวออกไป เรามีลูกค้าจากทุกกลุ่มอายุและทุกเชื้อชาติ จะเห็นได้ว่านี่คือ ความเป็นสากลที่ใครๆ ก็ชอบทานไอศครีม”
ก้าวต่อไป
“ตอนนี้ เรามีร้าน Cream & Fudge Factory ทั้งหมด 8 สาขาในประเทศไทย และเรากำลังมองหาที่ตั้งใหม่เพื่อเปิด สาขาเพิ่มเติม ในปีนี้ เราวางแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อย่าง น้อย 2-3 สาขา ขึ้นอยู่กับจำนวนของที่ตั้งที่เหมาะสมที่เรา สามารถหาได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก Cream & Fudge Factory กำลั งไปได้ ส วย ลูกค้าของเราชอบสินค้าที่เรานำเสนอและเราก็อดที่จะปลื้ม ใจไม่ ได้ จริงๆ แล้ว แบรนด์ของเรามีอายุเพียง 2 ปีครึ่ง เท่านั้น แต่ตอนนี้เรามีร้านอยู่ ในประเทศอินเดีย และมีสาขา แฟรนไชส์ ในประเทศอินโดนีเซีย ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เราจะเปิ ด อี ก สาขาหนึ่ ง ในรั ฐ โคโลราโด้ ประเทศ สหรัฐอเมริกา และเราก็เพิ่งจะเซ็นต์สัญญาแฟรนไชส์ที่จะ ไปเปิดในประเทศโอมาน ในช่วงเวลาไม่ถึง 3 ปี เราสามารถ ขยายตัวไปอยู่ใน 5 ประเทศด้วยแบรนด์ Cream & Fudge Factory พวกเรามีความสุขมากจริงๆ”
การโฆษณาประชาสัมพันธ์
“เรามี ร ายการโฆษณาประชาสั ม พั น ธ์ แ ละรายการพิ เ ศษ ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้ เรามีการจับรางวัลชิงโชค เมื่อลูกค้าซื้อครบทุก 100 บาท จะได้รับคูปองซึ่งมีรางวัลที่ หลากหลาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราทำเป็นประจำทุก 60 วัน คือ การแนะนำสินค้าตัวใหม่ ให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นการเปิดโอกาส ให้ ลู ก ค้ า ได้ ลิ ม ลองไอศครี ม ที่ ท างร้ า นของเราแนะนำ ตั ว อย่ า งเช่ น ในเดื อ นนี้ เรามี เ มนู Golden Mango Creation ซึ่งเป็นไอศครีมมะม่วงที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยทาน มา เนื่องจากเรามีสินค้าที่ลูกค้าชอบอยู่แล้ว เราจึงพยายาม ที่จะแนะนำสินค้าตัวใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้ทดลอง”
สำหรับว่าที่เจ้าของสาขาแฟรนไชส์
“คุณสมบัติ 3 ประการของผู้ที่จะเข้ามาเป็นแฟรนไชส์ของ Cream & Fudge Factory คือ ประการที่ 1 คือ ความ พร้อมในการลงทุน ประการที่ 2 คือ ความรักในธุรกิจนี้ พวกเขาจะต้องเชื่อและรักในแบรนด์ของเราอย่างแท้จริง ประการที่ 3 คื อ ความสามารถในการดู แ ลและการ บริหารธุรกิจ ซึ่งการทำธุรกิจกับเรานั้นไม่มีความซับซ้อน เพราะเราให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนในทุกส่วนทำให้ การทำธุรกิจนี้เป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป” ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ร้านไอศครีมจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง การผสมผสานไอศครีมสูตรพิเศษนั้นถือเป็ฯความแปลกใหม่ ที่ไม่เหมือนใคร ที่ Cream & Fudge Factory คุณสามารถ เข้ามาเป็นลูกค้าของเราและสนุกไปกับการเลือกสรรรสชาติ ไอศครีมที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวของคุณเอง หรือคุณอาจ จะเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนทำธุรกิจแนวใหม่นี้ก็ได้ “หากใครต้องการจะเริ่มทำธุรกิจ มีความพร้อมใน การลงทุน และต้องการมีร้านเป็นของตัวเอง เราสามารถ ช่วยได้” คุณ Fred Mouawad กล่าวยืนยันทิ้งท้าย • 35
CHAIN•UPDATE
เสน่ห์แห่งต้นตำหรับชาเชียว “มัชฉะ” จากญี่ปุ่น ที่ ชาโฮ คาเฟ่
Matcha Green Tea: Original Japanese-Styled Green Tea at Chaho Café It is no longer a surprise to see Thai people with a bottle of green tea; however, finding a good place to sit down and take a sip of nice green tea is not an easy task. With great confidence in the quality of Japanese Matcha green tea introduced by Mr.Hisao Nakamura, the president of Sha-ho Co., Ltd., and the great grandson of Nakamura Chaho who is the first green tea maker in Japan, Ms.Tassinee Watcharasatien, the managing director of Healthy-ho Co., Ltd., has decided to open Chaho Café, the first green tea café in Thailand. There has always been a small group of people
has been opened to provide consumers with the opportunities to experience the excellence of Matcha green tea for themselves. In addition, by changing the space of Chaho Café into a meeting point for friends and families, the group of customers is enlarged. “Nowadays, our customers include those people who have always been real fans of green tea and the newcomers who have tried our drinks for the first time and keep coming back.” added Ms.Watcharasatien. Other than the drinks originally offered at Chaho Café which have always been attracting people to come back, a variety of new food and beverages, such as Matcha green tea smoothie, hot and cold Matcha green tea as well as Match green tea cake, have been continuously created and the prices are kept between 70-90
who are so in love with original Japanese green tea, like Matcha green tea, and the number of these people is stable. However, Chaho Café aims to attract more attention from people, especially teenagers, by creating variety of food and beverages based on green tea. “I believe that one effective way to achieve this goal is to educate people about what the high quality green tea is as well as its benefits to drinkers” said Ms.Watcharasatien. For Chaho’s Matcha, only the first two leaves at the tip of the branch can be hand-harvested and the duration of the harvest is only 2 months from April to May each year. Compared with bottled green tea, the production of Matcha green tea does not allow the price of the finished product to be competitive. In the past, Matcha green tea was available only in the supermarket where only a limited number of consumers could find. However, in 2005, Chaho Café
baht each. As a result, besides having more choices when they are at Chaho Café and the customers also find the prices affordable. Although every food and beverage served at Chaho Café is Matcha green tea based, every name on the menu is created by Thai people in Thailand. From a success story in Thailand, the parent company in Japan and many suppliers in other countries are also interested in starting the tea café business as well but they may need adaptation. This is only the beginning of green tea café business and the future is so promising. Rome was not built in a day, so as the business that takes time to start, to run, and to be successful. Therefore, it requires personnel who have high hopes and will fight for this business. “As the birth of tea café has just arrived, I hope that one day the tea café will be able to serve as many cups of tea to as many customers as the coffee houses do nowadays.” concluded Ms.Watcharasatien. Chaho, in Japanese, means “a tea guru.” Therefore, if you would like to take a sip from a cup of Matcha green tea from Matsue, the land of tea and the center of the influential tea culture, Chaho Café is where you are looking for. Just keep in mind that if you are there once, you will have to be there again and again.
36 •
ภาพคนไทยกับชาเขียวในขวดพร้อมดื่มอาจจะไม่ ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจอีกต่อไป แต่การหา
ที่นั่งดีๆ ที่สามารถจิบชาเขียวอุ่นๆ นั้นไม่ ใช่เรื่องง่าย ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพของชา เขียวมัชฉะจากประเทศญี่ปุ่นผ่านการแนะนำของคุณฮิซาโอะ นากามูระ ประธานบริษัท นากามูระ ชาโฮ จำกัด และทายาทรุ่นที่ 4 ของคุณนากามูระ ชาโฮ ผู้ผลิตชาเขียวรายแรก ของประเทศญี่ปุ่น คุณทัสสินี วัชรเสถียร กรรมการบริหาร บริษัท เฮลที่ โฮ จำกัด จึง ตัดสินใจเปิดร้าน Chaho Cafe ซึ่งเป็นร้านชาเขียวแห่งแรกในประเทศไทย กลุ่มผู้หลงใหลการดื่มชาเขียวต้นตำรับญี่ปุ่นเช่น ชามัชฉะ นั้นมีอยู่จำนวนหนึ่ง และ จำนวนของคนกลุ่มนี้ก็ไม่มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นหรือลดลง อย่างไรก็ตาม Chaho Cafe ตั้งใจที่จะทำให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่นหันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ชาเขียวมัชฉะมาก ขึ้น โดยการสร้างสรรค์อาหารและเครื่องดื่มซึ่งมีส่วนผสมของชาเขียวเป็นหลักที่มีหลาก หลาย “ฉันเชื่อว่าวิธีที่จะช่วยให้เราบรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ได้วิธีหนึ่งคือการให้ความรู้แก่ผู้ บริโภคเกี่ยวกับชาเขียวที่มีคุณภาพและประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากการดื่มชาเขียวที่ ดี” คุณทัสสินี วัชรเสถียร กล่าว สำหรับชามัชฉะของ Chaho Cafe ใบชาบนยอดอ่อนเพียง 2 ใบเท่านั้นที่จะถูกเก็บ เกี่ยวด้วยมือ และระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวก็มีเพียง 2 เดือนเท่านั้น คือระหว่างเดือน เมษายนและเดือนพฤษภาคมของทุกปี กระบวนการการผลิตชาเขียวมัชฉะดังกล่าวทำให้ ราคาของผลิตภัณฑ์ชาเขียวมัชฉะไม่สามารถแข่งขันกับชาเขียวในขวดพร้อมดื่มที่มีอยู่อยู่ ไปในท้องตลาดได้ ในอดีต ชาเขียวมัชฉะจะมีขายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เท่านั้น ซึ่งผู้บริโภคก็จะ จำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆ อย่างไรก็ตาม การเปิดร้าน Chaho Cafe ในปี พ.ศ.2548 ได้เปิด
โอกาสให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองและสัมผัสกับความพิเศษที่มีอยู่ ในชาเขียวมัชฉะด้วยตนเอง นอกจากนี้ การทำให้ร้าน Chaho Cafe เป็นจุดนัดพบของเพื่อนๆ และครอบครัว ทำให้ กลุ่มผู้บริโภคกว้างขวางขึ้น “ทุกวันนี้ ลูกค้าของเรามีทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมที่หลงใหลในเสน่ห์ของชาเขียวมาตั้งแต่ ในอดีตและกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีโอกาสได้เข้ามาจิบชาของเราในครั้งแรก และกลับมาอุดหนุน ร้านของเราอีกเรื่อยๆ” คุณทัสสินี วัชรเสถียร กล่าวเพิ่มเติม นอกจากเครื่องดื่มของ Chaho Cafe ที่มีอยู่เดิมซึ่งสามารถเรียกลูกค้าที่เคยลิ้มลอง กลับมาได้เสมอ อาหารและเครื่องดื่มรายการใหม่ๆ ก็ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เช่น สมูทตี้ชาเขียวมัชฉะ ชาเขียวมัชฉะร้อนและเย็น รวมไปถึงเค้กชาเขียวมัชฉะ ส่วน ราคาของแต่ละรายการนั้นก็อยู่ระหว่าง 70-90 บาท ผลลัพท์ที่ได้คือนอกจากลูกค้าจะมีตัว เลือกในการบริโภคมากขึ้นเมื่อมาที่ร้าน Chaho Cafe แล้ว พวกเขายังพบว่าราคาของ อาหารและเครื่องดื่มยังเหมาะสมอีกด้วย ถึงแม้ว่าอาหารและเครื่องดื่มในร้าน Chaho Cafe จะมีส่วนผสมของชาเขียวมัชฉะ เป็นหลัก แต่อาหารและเครื่องดื่มที่มี ในเมนูทั้งหมดนั้นถูกสรรสร้างขึ้นด้วยฝีมือของคน ไทยและเกิดขึ้นในประเทศไทย ความสำเร็จของร้าน Chaho Cafe ในประเทศไทยทำให้
บริษัทแม่ ในประเทศญี่ปุ่นและตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ ในประ เทศอื่นๆ สนใจที่จะนำรูปแบบธุรกิจร้านน้ำชาดังกล่าวไป ปรับใช้ในประเทศของตนเอง นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของธุรกิจร้านน้ำชาที่มีอนาคต ที่ดีเท่านั้น กรุงโรมไม่ได้สร้างขึ้นภายในวันเดียวฉันใด ธุรกิจ การทำร้านน้ำชาก็ต้องใช้เวลาในการเริ่มต้นและการดำเนิน
การกว่าจะก้าวไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จฉันนั้น ดังนั้น ธุรกิจนี้จึงต้องการบุคลากรที่มีความหวังและจะต่อสู้เพื่อให้ ธุรกิจนี้ดำเนินไปถึงจุดสูงสุด “ถึงแม้ว่าธุรกิจร้านน้ำชาจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นได้ ไม่นาน ฉันก็หวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าร้านน้ำชาจะสามารถเสิร์ฟน้ำชา และให้บริการกับผู้บริโภคได้มากเทียบเท่ากับร้านกาแฟใน ปัจจุบัน” คุณทัสสินี วัชรเสถียร กล่าวปิดท้าย Chaho ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “กูรูแห่งชา” ดังนั้น หากใครก็ตามต้องการจิบชาเขียวมัชฉะจากเมืองมัทสุเอะ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งชาและเป็นเมืองที่มีอิทธิพลต่อ วัฒนธรรมชาเป็นอย่างสูง ร้าน Chaho Cafe คือจุดมุ่ง หมายของคุณ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องทราบคือหากคุณไปที่ นั่นครั้งหนึ่ง คุณจะต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
• 37
TRADE•SHOW•TOUR
Hotelex
Shanghai 2008 The 17th Shanghai International Hospitality Equipment & Supply Expo (HOTELEX) was held during April 1st-4th, 2008, at Shanghai New International Expo Center organized by Shanghai Municipal Tourism Administrative Commission (SMTAC). It was a one-stop communication platform for China and the world for the hospitality industry with more than 800 exhibitors and 40,000 visitors had attended. Activities included China Barista Championship, wine tasting, wine talk, and bartender show.
SMTAC จัดงาน HOTELEX ครั้งที่ 17 ขึ้นระหว่างวันที่
1-4 เมษายนที่ผ่านมา ณ Shanghai New International Expo Center งานนี้ เ ป็ น ศู น ย์ ร วมธุ ร กิ จ การบริ ก ารใน ประเทศจีนและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีบริษัทเข้าร่วม แสดงสินค้าและบริการกว่า 800 ราย และมีผู้สนใจเข้าชม งานมากกว่า 40,000 คน กิจกรรมภายในงานได้แก่ การ แข่งขันชิงแชมป์บาริสต้าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน การ ชิมไวน์ การสนทนาภาษาไวน์ และบาร์เทนเดอร์โชว์
38 •
• 39
TRADE•SHOW•TOUR
“HOTERES JAPAN” “CATEREX JAPAN” and “JAPAN FOOD SERVICE EQUIPMENT SHOW” 2008 HCJ 2008 was held during March 11th-14th, 2008 at Tokyo International Exhibition Center (Tokyo Big Sight). The mission of the combined exhibition is to improve customer satisfaction and promote greater management efficiency, operational labor saving and automation in hotels, inns, restaurants, catering and food service industries. This four-day event attracted more than 90,000 professional visitors. Event activities included Japan Barista Championship 2008, U25 Restaurant Service Skill Competition 2008, Menu Grand Prix 2008, Eating Atmosphere & Table Setting Demonstration Seminar, and Hotel & Restaurant Design Corner.
HCJ 2008 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 มีนาคม ณ ศูนย์ แสดงสินค้านานาชาติโตเกียว ซึ่งเป็นการรวมกันทั้งหมด 3 งาน คือ HOTERES JAPAN, CATEREX JAPAN, and JAPAN FOOD SERVICE EQUIPMENT SHOW จุดมุ่งหมาย เพื่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ส่งเสริม การจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายทางด้าน แรงงานและนำเสนอระบบต่าง ๆ สำหรับธุรกิจโรงแรม ร้าน อาหาร และการบริการด้านอาหารอื่น ๆ ในช่วงระยะเวลาสี่ วันมีผู้สนใจเข้าชมงานมากกว่า 90,000 คน กิจกรรมภายในงานได้แก่ การแข่งขันชิงแชมป์บาริ สต้ า ประเทศญี่ ปุ่ น การแข่ ง ขั น ทั ก ษะการบริ ก ารใน ภัตตาคาร เมนูกรังปรีย์ การสัมมนาและการสาธิตการจัด โต๊ะอาหารและบรรยากาศการรับประทานอาหาร และ มุม ออกแบบสำหรับร้านอาหารและโรงแรม
40 •
• 41
TRADE•SHOW•TOUR
Food Hotel Asia 2008 Food Hotel Asia 2008 (FHA) was held during April 22nd-25th at Singapore Expo. The four-day event attracted the presence of 53,137 trade attendees from food and hospitality industry. A total of 2,626 exhibiting companies, an increase of 12.7% from the 2006 edition, exhibited in full force showcasing their latest products, supplies and technologies to a worldwide audience. Special Event was the co-organized event, 1st Asia Barista Championship (ABC) with Singapore Coffee Association. Many barista through out Asia had participated to show off their skills. FHA has once again established itself as Asia’s LARGEST international food and hospitality trade event.
งาน Food Hotel Asia 2008 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-25
เมษายนที่ผ่านมา ณ Singapore Expo โดยมีผู้ทำธุรกิจทาง ด้านอาหารและการบริการเข้าชมงานถึง 53,137 คนและมี บริษัทเข้าร่วมแสดงสินค้า 2,626 บริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงาน ปี 2006 ถึง 12.7% ภายในงานเป็นการแสดงสินค้าและ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก กิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นโดยร่วมมือกับสมาคมกาแฟ ประเทศสิงค์โปร์ คือการแข่งขันชิงแชมป์บาริสต้าเอเชียครั้ง ที่ 1 เปิดโอกาสให้บาริสต้าจากประเทศในแถบเอเชียได้ แสดงความสามารถในการแข่งขันอย่างเต็มที่ งานในครั้งนี้ได้พิสูจน์ว่า FHA ยังคงครองความเป็น เจ้าแห่งงานแสดงสินค้าอาหารและการบริการในทวีปเอเชีย อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
42 •
• 43
BARISTA•CHALLENGE
Australian Barista Championship 2008
The 6th China Barista Championship
By Ross Bright
วันที่ 3 และ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมาถือเป็นวันที่บาริสต้า
ชาวออสเตรเลียทั้งหลายจะต้องทำงานหนักที่สุด เนื่องจากมี การจัดการแข่งขัน Australian Barista Championship 2008 ขึ้นในเมือง Docklands ซึ่งอยู่ ไม่ ไกลจากใจกลาง เมือง Melbourne การแข่งขันในครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันที่ ถูกจับตามองที่สุดการแข่งขันหนึ่งในปี พ.ศ.2551 สภาพ อากาศในเมือง Melbourne นั้นเป็นไปดังคำเล่าลือ นั่นคือ ผู้ เ ยี่ ย มเยื อ นจะได้ พ บกั บ แสงแดด สายฝน ลมและพายุ ตลอดทั้งวัน ในขณะที่บาริสต้ากำลังเตรียมพร้อมสำหรับ การแข่งขัน ลมเย็นๆ ก็พัดพาความหนาวมาจับขั้วหัวใจ ในการแข่งขันรอบคัดเลือกที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์นั้น Con Haralambopolous เป็นคนแรกที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะ เลิศ ในการแข่งขันครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 16 คน ซึ่งการแข่งขันในรอบคัดเลือกนั้นใช้เวลาทั้งวันตั้งแต่เช้า จรดเย็น วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม เป็นการเริ่มต้นและสิ้นสุด ของการเฟ้น หาตัวแทนบาริสต้าจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันบาริสต้าที่เมืองโคเปนฮา เก้ น ประเทศเดนมาร์ ก ในเดื อ นมิ ถุ น ายนนี้ โดยมี ผู้ สนับสนุน คือ Detpak, Pura Milk Da Vinci, Caffetto และ La Marzocco ผู้เข้าร่วมการแข่งขันประกอบด้วยผู้ชนะ การแข่งขันบาริสต้าจากแต่ละรัฐในประเทศออสเตรเลียและ ผู้ชนะการแข่งขันรอบคัดเลือกในวันเสาร์ทั้ง 8 คน การแข่งขันดำเนินไปอย่างเข้มข้น บาริสต้าที่เข้าร่วม การแข่งขันขึ้นมาชงเครื่องดื่มที่เตรียมมาเป็นพิเศษอย่างสุด ความสามารถ รางวัลชนะเลิศการแข่งขันบาริสต้านั้นถือเป็น รางวัลอันทรงเกียรติในประเทศออสเตรเลียและโอกาสที่จะ ได้เป็นตัวแทนของบาริสต้าจากประเทศออสเตรเลียไปเข้า ร่วมการแข่งขัน WBC นั้นก็เป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน ในช่ ว งสุ ด ท้ า ยของการแข่ ง ขั น David Makin ผู้ ปรากฏตั ว ครั้ ง ล่ า สุ ดในการแข่ ง ขั น WBC ที่ เ มื อ งเบิ ร์ น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี พ.ศ.2549 ซึ่งคะแนนของเขา อยู่ ในลำดับที่ 11 ของการแข่งขัน ในปีนี้ เขากลับมาอีกครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะคว้ารางวัลที่ 1 มาครองให้ ได้ เราขอ เป็นกำลังใจให้ David Makin และบาริสต้าที่เข้าแข่งขันใน รายการนี้ทุกคน ขอให้โชคดี
May 3rd and 4th saw the culmination of months of hard work by Australian’s best barista, held in Docklands near the down town area of Melbourne the competition was the highlight of the coffee calendar for 2008. Melbourne weather was true to its reputations with sun, rain, wind and storms all in one day. The wind chill was bitter cold as the baristas started the preparations for the competiton. On Saturday the open heats ran Con Haralambopolous came in first in the final open heats. There was 16 competitors in which the open heats which ran the whole day. Sunday 4th saw the beginning and end of the 2008 round to select Australian’s representative for Copenhagen Denmark in June. Sponsored by Detpak, Pura Milk Da Vinci, Caffetto and La Marzocco the competition comprised of 3 x 2 group machines. The finalists were the champions from each state in Australia as well as the 8th the winner of the open heat on the Saturday. Competition was fierce among the participants as they lined their displays up and some extra ordinary efforts put forward by all Baristas. The championships are very well regarded in Australia and the opportunity to represent Australia in the World Championships is highly desired. At the end of the day, it was David Makin who came to once again compete in the WBC. David’s last appearance was in Bern, Switzerland, in 2006 where he came in 11th. This year he said he would be looking to take it all the way to number 1, all the best to you Dave as well as all the competitors competing in this year competition.
Judges were Head Tech Sensory
Emma Markland Webster Brian Raslan and Ross Bright Emily Oak, Carleen Chamberlain, Rob Forsyth and Ross Quail
The competitors and the results for the final were Con Haralambopolous, Winner Australian open heats David Makin, Victorian Champion Ian Calahan, South Australian Champion Jenny Murry, West Australian Champion Anne Cooper, Queensland Champion Arron Kinred, Tasmanian Kallum Wilkinson, Northern Territory Patrick Connolly, Capital Territory (ACT) Hazel De los Reyes, New South Wales Champion
Winner 1st David Makin 2nd Con Haralambopolous 3rd Jenny Murray
44 •
741 848.5 638.5 740.5 668 631.5 492.5 579 658.5
The 6th China Barista Championship (CBC) was held from Mar 31~April 3 2008. It was held in conjunction with “HOTELEX” and “Coffee Tea”, endorsed by World Barista Championship(WBC) and organized by Shanghai CMP Sinoexpo International Exhibition Co. Ltd. There were four competition regions as followed Beijing, Chengtu, Shanghai and Kuangchow; and almost 120 competitors came around the country and attended the CBC 2008 which competitors increased 50% than last year. Four regional competitions each competed through 3 days 2 rounds contested three competitors for each region. The champion of each region is Beijing-Liou Bing / Beijing SCULPTING IN TIME CAFE LTD.(422 scores), Chengtu-Yu Shi Lin / Shanghai Haggendazs Chengtu ZhongShan store(397.5 scores), Shanghai-Zhou Yun Gui / Ningbo City JiangDong Bai Zhang Bai Shi Tehe Coffeeshop(414 scores) and Kuangchow-Wang Yan Tao / Shenzhen City Luo Hu Area illy Coffeeshop(371 scores). First round competition was held on April 1st and 2nd round was on April 2nd.
การแข่งขัน China Barista Championship ครั้งที่ 6
ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 3 เมษายน พ.ศ. 2551 เป็น งานที่จัดขึ้นร่วมกับงาน “HOTELEX” และงาน “Coffee Tea” โดยบริษัท Shanghai CMP Sinoexpo International Exhibition Co. Ltd และได้ รั บ การรั บ รองจาก World Barista Championship (WBC) การแข่งขันนี้ถูกจัดขึ้นใน 4 เมือง คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู และกวางเจา มีผู้เข้าร่วม การแข่งขันจากทั่วประเทศประมาณ 120 คน ซึ่งในปีนี้ถือได้ ว่ามีจำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 50% การแข่งขันที่จัดขึ้นในแต่ละเมืองนั้นใช้เวลา 3 วันโดย แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รอบ และมีผู้ที่ได้รับรางวัลจาก การแข่งขัน 3 คน คื อ ผู้ ช นะการแข่ ง ขั น ในเมื อ งปั ก กิ่ ง ได้แก่ Liou Bing จาก Beijing SCULPTING IN TIME CAFE LTD (422 คะแนน), Chengtu-Yu Shi Lin จากร้ า น Shanghai Haggendazs Chengtu ZhongShan (397.5 คะแนน), ผู้ชนะการแข่งขันในเมืองเซี่ยงไฮ้ ได้แก่ Zhou Yun Gui จาก Ningbo City JiangDong Bai Zhang Bai Shi Tehe Coffeeshop (414 คะแนน) and ผู้ชนะการแข่ง ขันในเมืองกวางเจา ได้แก่ Wang Yan Tao จาก Shenzhen City Luo Hu Area Illy Coffeeshop (371 คะแนน) การ แข่งขันในรอบแรกจัดขึ้นในวันที่ 1 เมษายน และการแข่งขัน รอบที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน • 45
BARISTA•CHALLENGE
Japan Barista Championship 2008 SCAJ holds the annual Japan Barista Championship, a competition for baristas, with the goals of enhancing barista training and motivation. This event features an espresso competition, which selects Japanese entrants in the World Barista Championship. The final competition was held in conjunction with HCJ 2008 from March 11-14, 2008 at Tokyo International Exhibition Center (Tokyo Big Sight). More than 90,000 visitors had participated in this 4-day event. JBC 2008 was sponsored by UCC coffee and DaVinci Gourmet flavored syrups. JBC welcomed 160 baristas in preliminary round which competed in Tokyo and Osaka. Seventeen baristas who had top scored competed in semi-final and 8 finalists competed at HCJ 2008 on the 11th of March. The JBC 2008 champion is Mr.Shunichi Takemoto from Voila Coffee supported by the Inoue Coffee Inc., located in Kagoshima Prefecture. The second place is Mr. Akihiro Okada and the third place is Ms. Miyoko Watanabe. This is the 2nd time for Mr.Takemoto to be a champion is barista competition as he has won the JBC title in 2006 and represented Japan in competing in the World Barista Championship. This year, WBC will be held in Copenhagen, Denmark, in June.
การแข่งขัน Japan Barista Championship 2008 (JBC)
จัดขึ้นทุกปีโดย Specialty Coffee Association of Japan เพื่อค้น หาสุดยอดบาริสต้าในประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวแทนใน การแข่งขันบาริสต้าโลก การแข่งขัน JBC 2008 ที่ผ่านมาจัด ขึ้นในงาน HCJ 2008 ระหว่างวัน 11 - 14 มีนาคม 2008 ที่ Tokyo International Exhibition Center ระหว่างการจัด งาน 4 วัน มีผู้เข้าชมงานมากกว่า 9 หมื่นคน โดยได้รับการ สนับสนุนจากกาแฟ UCC และน้ำเชื่อมแต่งกลิ่น DaVinci สำหรับการแข่งขันในรอบแรกมีบาริสต้าเข้าร่วมการ แข่งขันถึง 160 คน ซึ่งการแข่งขันจัดขึ้นในเมืองโตเกียวและ เมืองโอซาก้า บาริสต้าที่มีคะแนนสูงสุด 17 คน จะผ่านเข้าสู่ การแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ แต่จะมีบาริสต้าเพียง 8 คน เท่านั้นที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งการแข่งขันรอบชิง ชนะเลิศจัดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม ที่งาน HCJ 2008 ผู้ ที่ ค ว้ า รางวั ล ชนะเลิ ศ ในการแข่ ง ขั น บาริ ส ต้ า ใน ประเทศญี่ปุ่นไปครอง ได้แก่ Mr.Shunichi Takemoto จาก Voila Coffee by the Inoue Coffee Inc. ผู้ได้รับรางวัลที่ 2 ได้แก่ Mr.Akihiro Okada และผู้ ได้รับรางวัลที่ 3 คือ Ms.Miyoko Watanabe ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งที่ 2 ของ Mr.Takamoto ผู้ที่เคยคว้าตำแหน่งชนะเลิศในปี 2006 และเป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นในการแข่งขันบาริสต้า โลกในปีนั้นด้วย สำหรับการแข่งขันบาริสต้าโลกในปี 2008 นี้ จะจัดขึ้น ที่เ มืองโคเปนเฮนเกน ประเทศเดนมาร์ก ใน เดือนมิถุนายนนี้
46 •
Los Angeles Boasts 2008 United States Barista Champion MINNEAPOLIS, Minn. U.S.A. (May 7, 2007) – The nation’s top espresso-makers battled it out Monday to be called best-ofthe-best, but it was Kyle Glanville of Intelligentsia Coffee & Tea who took home top honors. Glanville won the Specialty Coffee Association of America’s (SCAA) highly competitive 2008 United States Barista Championship (USBC), hosted by Krups. The heated competition took place at SCAA’s 20th Annual Conference & Exhibition, May 2 – 5 in Minneapolis, Minn. SCAA is the world’s largest coffee trade association, and Krups, the title sponsor of the event, is a leading manufacturer of premium home espresso and coffee machines. As the industry’s most watched contest for coffeehouse professionals, the USBC encourages and recognizes achievement in the art and skill of espressodrink preparation and service. During the competition, the nation’s best baristas created some of the world’s finest coffee concoctions. Challengers prepared and served 12 orders four espressos, four cappuccinos and four original signature drinks of their own creation all within a 15-minute timeframe. As they readied their coffee beverages, contestants engaged the audience and explained their actions and selections while expertly working the competition’s official espresso machine, a three-group La Marzocco. Seven USBC-certified judges, including one head judge, two technical judges and four sensory judges, carefully evaluated and scored each of the contenders. Judges focused on station cleanliness, taste, beverage presentation, technical skills and total impression. As the 2008 United States Barista Champion, Glanville received the highest national honor for a barista, a trophy, $1,000 in cash, and an all-expenses paid trip to the 2008 World Barista Championship in Copenhagen, Denmark, June 19 – 22, 2008, hosted by the Specialty Coffee Association of Europe and held at its “Wonderful Coffee” event. Special thank you to Rick Havacko, Director of Communications, SCAA
2008 United States Barista Championship results: 1. Kyle Glanville, Intelligentsia Coffee, Los Angeles, Calif. 2. Pete Licata, PT’s Coffee Roasting Company, Overland Park, Kan. 3. Heather Perry, Coffee Klatch, San Dimas, Calif. 4. Chris Baca, Ritual Coffee Roasters, San Francisco, Calif. 5. Nick Griffith, Intelligentsia Coffee & Tea, Los Angeles, Calif. 6. Drew Cattlin, Ritual Coffee Roasters, San Francisco, Calif.
เมืองมินเนโพลิส รัฐมินิสโซต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
(วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2551) – ในวันจันทร์ที่ผ่านมา บาริสต้าที่มีชื่อเสียงระดับประเทศจำนวนมากได้เข้าร่วมการ แข่งขันเพื่อค้นหาผู้ที่เป็นที่สุดของที่สุดในบรรดาผู้ชงกาแฟ เอสเพรสโซ่ทั้งหลาย ในการแข่งขัน 2008 United States Barista Championship (USBC) ที่ถูกจัดขึ้นโดย Krups และ Kyle Glanville จาก Intelligentsia Coffee & Tea เป็นผู้ ได้รับรางวัล Specialty Coffee Association of America’s (SCAA) การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นที่ SCAA’s 20th Annual Conference & Exhibition ระหว่างวัน ที่ 2-5 พฤษภาคม ในเมืองมินเนโพลิส รัฐมินนิสโซต้า SCAA เป็น งานแสดงสินค้ากาแฟที่ ใหญ่ที่สุดในโลก และ Krups ผู้ สนับสนุนหลักของงานในครั้งนี้คือผู้ผลิตกาแฟเอสเพรสโซ่ พรีเมี่ยมและเครื่องทำกาแฟรายใหญ่ เนื่ อ งจากการแข่ ง ขั น ครั้ ง นี้ เ ป็ น การแข่ ง ขั น ที่ ไ ด้ รั บ ความสนใจจากผู้คนในวงการร้านกาแฟมากที่สุด USBC จึง สนับสนุนและให้ความสำคัญกับศิลปะและทักษะในการเตรี ยมกาแฟเอสเพรสโซ่และการบริการ ในการแข่ ง ขั น ครั้ ง นี้ บาริ ส ต้ า ที่ มี ชื่ อ เสี ย งระดั บ ประเทศได้ชงกาแฟที่มีคุณสมบัติที่เป็นเลิศออกมามากมาย ภายในเวลาเพียง 15 นาที ผู้เข้าแข่งขันต้องชงเครื่องดื่ม 12 แก้ว เป็นกาแฟเอสเพรสโซ่ 4 แก้ว กาแฟคาปูชิโน่ 4 แก้ว และเครื่องดื่มเฉพาะตัวอีก 4 แก้ว ในขณะที่บาริสต้าเตรียม เครื่องดื่ม พวกเขาจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมโดย การอธิบายถึงวิธีปฏิบัติและการเลือกเครื่องดื่มต่างๆ ไป พร้อมกับการชงเครื่องดื่มนั้นๆ ด้วยเครื่องชงกาแฟเอสเพรส โซ่ของ La Marzacco อย่างคล่องแคล่ว กรรมการผู้ ตั ด สิ น การแข่ ง ขั น USBC ทั้ ง 7 ท่ า น ประกอบด้วย ประธานกรรมการ 1 ท่าน กรรมการผู้ ให้ คะแนนด้านเทคนิค 2 ท่าน และกรรมการผู้ ให้คะแนนด้าน รสชาติ 4 ท่าน คณะกรรมการจะประเมิณและให้คะแนนผู้ เข้ า ร่ ว มการแข่ ง ขั น ทุ ก ท่ า นด้ ว ยความรอบคอบ โดย กรรมการทุกท่านจะให้ความสำคัญกับความสะอาดของพื้นที่ ที่ ใ ชในการแข่ ง ขั น รสชาติ ข องเครื่ อ งดื่ ม การนำเสนอ ทักษะและเทคนิคและความพึงพอใจโดยรวม Kyle Glanville ซึ่ ง เป็ น ผู้ ช นะการแข่ ง ขั น 2008 United States Barista Championship ได้รับถ้วยรางวัล เงินสด 1,000 ดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดิน ทางไปเข้าร่วมแข่งขัน 2008 World Barista Championship ในงาน Wonderful Coffee เมื อ งโคเปนฮาเก้ น ประเทศเดนมาร์ก ระหว่างวัน ที่ 19-22 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ซึ่งเจ้าภาพของงานในครั้งนี้คือ Specialty Coffee Association of Europe ขอบคุณสำหรับข้อมูลจาก Rick Havacko ผู้อำนวยการฝ่าย การสื่อสาร SCAA • 47
COFFEE•LOGO
Inthanin Coffee
Caribou Coffee
Trees are the best symbol of nature and their appearance can always enable us to enter a state of relaxation. Especially under the giant trees, like Queen’s Crape Myrtle or Inthanin trees, with the yearround shades of shadow, liveliness, happiness and relief are within our reach. Therefore, Inthanin Coffee café can be a rest point for travelers or a meeting point for friends and families where everybody can experience the warmth and relaxation of nature and enjoy a cup of coffee or any preferred drinks at the same time. This is the reason why the logo of Inthanin Coffee highlights natural and relaxed atmosphere by the image of mountains and river which are the symbols of nature. The mountains are painted with brush in order to reveal the casual style. The dot of the first i is substituted by a Queen’s flower or an Inthanin flower, while the dot of the second i is changed into a coffee bean with aromatic vapor. In addition, the font used for the name “Inthanin Coffee” is handwritten style conveying the natural and relaxed atmosphere.
Here at Caribou Coffee, we believe this to be true: that if passion, hard work and excellence go into an endeavor, the outcome will be a quality experience, and therefore rewarding. In 1990, during an adventure through the Alaskan wilderness, our founders journeyed to the top of Sable Mountain. After a strenuous climb, they reached the summit and were rewarded with a sensational view: the boundless mountains, a clear blue sky, and a herd of caribou thundering through the valley. That was truly the ‘aha” moment. The breathtaking panoramic view became the entrepreneurial vision for Caribou Coffee – a company that believes excellence is a product of hard work, and that life is too short for anything else. This vision serves as a guide as we strive to create a special experience for you here at Caribou Coffee. Now, we invite you as our guest along this path. Enjoy a moment, or several, filled with the highest-quality coffee and our unparalleled service.
ที่ Caribou Coffee เราเชื่อว่าเมื่อความชื่นชอบ ความพยายามและ
ความเป็นเลิศถูกหลอมรวมกัน ผลลัพท์ที่ได้จะเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า ต้นไม้เป็น สิ่งที่สื่อถึงธรรมชาติได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง รวมทั้งทำให้เรา
และถือได้ว่าเป็นรางวัลของชีวิต ในปี พ.ศ.2533 ระหว่างการผจญภัยในผืนป่าอลาสก้า ผู้ก่อตั้งร้าน รู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งเมื่อได้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นต้นไม้ ใหญ่ ที่ ให้ร่มเงาตลอดทั้งปีและมีดอกสวยงามอย่างต้นอินทนิล ยิ่งทำให้เราสัมผัส กาแฟของเราได้ขึ้นไปพิชิตยอดเขาเซเบิ้ล หลังจากการปีนเขาที่ต้องใช้ ได้ถึงความร่มรื่น ความสุขและความผ่อนคลายเมื่อได้พักพิงใต้ร่มเงาไม้นั้น ความอุตสาหะอย่างสูง พวกเขาก็ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดที่สูงที่สุด ภาพวิวทิว ร้านกาแฟ Inthanin Coffee จึงเป็นเหมือนจุดพักการเดินทาง หรือ จุดนัด ทั ศ น์ ที่ ไ ด้ เ ห็ น เบื้ อ งล่ า งถื อ เป็ น รางวั ล ที่ ยิ่ ง ใหญ่ ภาพของเทื อ กเขาที่ ไ ร้ พบเพื่อเดินทาง ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ และ พรมแดน ท้องฟ้าสีครามสดใส และฝูงกวาง caribou ที่ส่งเสียงก้องกังวาล สุนทรีย์รสกับกาแฟสดและเครื่องดื่มในสไตล์ที่ทุกคนชื่นชอบ ดังนั้นรูป ทั่วหุบเขา ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจ ภาพพาโนรามาของวิวทิวทัศน์บนยอดเขาที่สร้างความตื่นเต้นยินดี แบบ Logo “Inthanin Coffee” จึงเน้นให้สัมผัสถึงบรรยากาศ Natural and Relaxing ซึ่งเป็นที่มาของรูปแบบ Logo ได้แก่ ภูเขา และสายน้ำ ให้กับผู้พบเห็นกลายมาเป็นวิสัยทัศน์ของผู้ ให้กำเนิด Caribou Coffee อันเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงธรรมชาติ โดยรูปแบบภูเขาใช้แปรงวาดลายเส้น บริษัทของเราเชื่อว่าความเป็นเลิศคือผลลัพท์ของการทำงานอย่างจริงจัง สร้างความรู้สึกถึงความเป็นกันเอง มีจุดบนตัว i ตัวแรกเป็นรูปดอกอิน และชีวิตของเราก็สั้นเกินไปที่จะพลาดสิ่งที่ดีที่สุด วิสัยทัศน์ของเราถูกใช้ ทนิล สร้างความรู้สึกสดใส ส่วนจุดตัว i ตัวหลัง เป็นรูปเมล็ดกาแฟ มีไอ เป็นแนวทางในการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์อันแสนวิเศษสำหรับทุก กลิ่นหอม สื่อถึงความหอมกรุ่นของกาแฟ เช่นเดียวกับคำว่า “Inthanin คนที่มาเยือน Caribou Coffee เราขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสความสุขและประสบการณ์ดีๆ Coffee” ที่ ใช้ FONT ลักษณะลายมือเขียน แสดงถึงความรู้สึกสบายๆ สื่อ โดยมีกาแฟคุณภาพและบริการอื่นๆ ของเราช่วยเติมเต็มวันเวลาที่น่าจดจำ ถึงบรรยากาศ Natural and Relaxing
Caffé Vita Caffé Vita Coffee Roasting Co. was founded in 1995, in Seattle, Washington. Vita has five cafes in the Seattle area, and provides coffee to the finest restaurants, hotels, bakeries and cafes in the United States. Café Vita’s logo is a puchinello, an Italian clown from Naples that’s a symbol of good luck. He embodies the good life with a bit of mischief.
คาเฟ่วิต้า โรสติ้ง ร้านกาแฟและโรงคั่วกาแฟชื่อดังในเมือง Seattle รัฐวอชิงตัน เริ่มก่อตั้งเมื่อ
ปี 1995 ปัจจุบันนอกจากร้านกาแฟ 5 ร้านในเมือง Seattle ผู้บริโภคยังสามารถหากาแฟของทาง ร้านดื่มได้จากร้านอาหาร โรงแรม และร้านเบเกอรี่ชั้นนำในอเมริกาอีกด้วย โลโก้ของคาเฟ่วิต้าเป็น ตัวตลกอิตาเลี่ยน ซึ่งหมายถึงความโชคดี การมีชีวิตที่ดีแต่ซ่อนไว้ด้วยความซุกซน 48 •
SWEETIE•BARISTA
1. Seeing a cute barista tamping coffee with full attention, one cannot resist becoming her customer.
เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจแทมป์กาแฟของน้องบาริสต้าหน้าคม แห่งร้านกาแฟเขาทะลุแล้ว ใครเลยจะอดใจไม่อุดหนุนไหว 2. A cup of excellent coffee made by Yim, a beautiful and unique barista, is available for you to try at Get Coffee.
น้องยิมบาริสต้าสาวแนว + สวยใสคนนี้พกความมั่นใจมาเต็ม เปี่ยมกับความอร่อยของกาแฟที่รอให้คุณไปชิมกัน ที่ร้าน Get Coffee 3. There is no need for sugar, when the coffee is made and served by the 4 baristas at Lien booth.
รอยยิ้ ม หวานๆที่ ค งจะทำให้ คุ ณ ไม่ ต้ อ งเติ ม น้ ำ ตาลลงใน กาแฟเลย จาก 4 สาวบาริสต้า หน้าใสจากบูท Lien 1
2
4. This barista with the sweetest smile came from DaVinci Booth, Singapore for us to have her photo taken. Just wondering whether her coffee is as sweet as her smile.
บาริสต้าหน้าหวานละไมคนนี้บินไกลมาให้เราเก็บรูปถึงบูท ดาวินชี่ สิงคโปร์เลยทีเดียว แอบสงสัยว่ากาแฟที่เธอทำจะ หวานเหมือนกับคนทำมั้ยน้อ~ 5. Just step into Salotto booth and you will be welcome with a beautiful smile from the young barista and a cup of wonderful coffee.
รอยยิ้มสวยๆ จากบาริสต้า สาว สวย หมวย คนนี้พร้อมที่จะ แจกให้ กั บ ลู ก ค้ า ทุ ก ๆคน ที่ แ วะเวี ย นผ่ า นเข้ า มาในบู ท Salotto พร้อมกาแฟถ้วยโปรดของคุณ 6. Finally, will leave you with a handsome barista from Italy. He came to Thailand to show us the art of original Italian espresso making at Mago booth in ThaiFex 08.
3
4 50 •
ตบท้ายกันด้วยบาริสต้าหนุ่มหล่อ ส่งตรงจากประเทศอิตาลี มาแสดงฝีมือชงกาแฟเอสเพรสโซ่ต้นตำรับถึงประเทศไทย จากบูทกาแฟ Barbera งาน ThaiFex 08 ที่ผ่านมา
5
6
CAFÉ•AROUND•THE•WORLD
Mocha in the Chocolate Factory
Although this chocolate factory is not as fantasy as Willy Wonka’s, But a cup of mocha offered from this chocolate factory atmosphere café surrounded by several machines neither taste nor smell better leaving the customers with an unforgettable experience. (Ghiradelli Chocolate Factory, San Francisco, USA)
แม้โรงงานช็อคโกแลตแห่งนี้จะไม่แฟนตาซีเท่าโรงงานช็อคโกแลตของ
วิ ล ลี่ วองก้ า ในภาพยนตร์ แต่ ก ารนั่ ง ดื่ ม กาแฟมอคค่ าในบรรยากาศ โรงงานช็อคโกแลต ที่แวดล้อมด้วยเครื่องจักรการผลิตแห่งนี้ก็ทำให้มอคค่า ถ้วยนั้นหอมกรุ่น และเข้มข้นจนยากจะลืม (Ghiradelli Chocolate Factory, San Francisco, USA) Memory on the Wall
No wall has enough space to post all the memorable photos of a person taken during the whole life, but the wall in this particular coffee house has been filled with a life-time photos telling the story of an Italian man who had moved into America, experienced good and bad with the photos on the wall in his legendary coffee house for more than 50 years. (Caffe Trieste, San Francisco, USA)
ผนังห้องคงไม่สามารถแขวนภาพความทรงจำที่ดีของคนหนึ่งชีวิตได้ครบ
แต่ผนังร้านกาแฟแห่งนี้เป็นเหมือนประวัติของคนอิตาเลี่ยนคนหนึ่งที่เข้ามา ใช้ชีวิตในอเมริกาผ่านทุกข์และสุขจนกระทั่งสร้างร้านกาแฟจนกลายเป็น ตำนาน เหตุการณ์ที่น่าปิติถูกบันทึกเป็นกรอบภาพตลอด 50 ปีที่ผ่านมา (Caffe Trieste, San Francisco, USA) Walk on the Side Café
Who cares about a soft sofa and boring jazz music? We only need a cup of good coffee and a life-long friend. (This coffee café is located along a small pathway with 5 seats inside and 2 seats outside with a space for 2 people to stand) (Switch Board Cafe, Melbourne, Australia)
ใครบอกว่าเราต้องการโซฟาหนานุ่มและเพลงแจ๊สน่าเบื่อ เราขอแค่
เพียงกาแฟดีและเพื่อนคุยที่รู้ ใจก็เพียงพอแล้ว (ร้านกาแฟบนซอกทางเดิน ขนาด 5 ที่นั่ง + 2 ที่นั่งและ 2 ที่ยืนบนทางเดิน (Switch Board Cafe, Melbourne, Australia) Sunshine on My Shoulder Makes Me Happy
People who live in tropical zone who experience the hot and the hotter weather each day might not appreciate the songs inspired by the sun as deeply. However, in the country where almost everyday is a freezing day with cloudy sky, when the first sunshine appears, everybody can no longer wait to be touched by the warmth of the sun. It is always nice to have a cup of coffee with friends outside and make a hum … Sunshine, on my shoulder makes me happy … (Caribou Coffee, Minneapolis, USA)
พวกเราที่อาศัยอยู่ ในเขตร้อนที่ ในแต่ละวันต้องเจอะเจอกับอากาศที่ร้อน
และร้อนกว่า คงจะฟังเพลงที่ ได้รับแรงบันดาลใจจากแสงแดดได้ ไม่ซึ้งใจ เท่า แต่ตลอดสัปดาห์ที่อากาศหนาวเหน็บ ท้องฟ้าขุ่น มัว พอวันแรกที่ อากาศเปลี่ยน แสงตะวันสดใสมาพร้อมอากาศที่เย็นสบาย ชาวเมืองและผู้ มาเยือนก็ไม่รอช้าที่จะกระโจนออกมารับแสงแดดพร้อมจิบกาแฟร่วมกับ เพื่อนต่างชาติในอารมณ์เดียวกัน พร้อมกับแอบฮัมเพลงในใจ …Sunshine, on my shoulder make me happy… (Caribou Coffee, Minneapolis, USA) 52 •
PRODUCT•NEWS
The right machine for every need!
Handpresso premium quality espresso-anywhere!
The range of Animo beverage dispensers meets the needs of the modern coffee drinker perfectly. Cappuccino, espresso or hot chocolate, a single push of the button and a delicious hot drink is ready to enjoy in moments! And also an entire jug can be poured in no time. You can choose an OptiVend machine for instant ingredients or an OptiFresh for the combination of Fresh brew coffee with instant ingredients. When you are in need of refreshment, the water cooler OptiCool offers you a nice glass of cold water. Especially for filling jugs, Animo has developed the OptiCool TS. There is always an Animo machine suitable for every situation! www.animo.eu
A mobile espresso coffee maker is light and convenient. It can brew a cub of excellent espresso without the need of electric power. This is the reason why it is suitable for coffee lovers on holidays. www.handpresso.fr
ระดับการจ่ายเครื่องดื่มของเครื่องผลิตเครื่องดื่ม Animo สามารถตอบสนองความต้องการของคอ กาแฟรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ กดปุ่มเพียงหนึ่งครั้ง เครื่องดื่มที่คุณชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นกาแฟคาปูชิโน่ กาแฟเอสเพรสโซ่หรือช็อคโกแลตร้อนก็จะถูกจ่ายลงมาอยู่ ในแก้วพร้อมดื่ม นอกจากนี้ เครื่องดื่มทั้ง เหยือกก็พร้อมเสิร์ฟตลอดเวลา คุณสามารถเลือกใช้ระบบ OptiVend สำหรับส่วนผสมสำเร็จรูป หรือ เลือกใช้ระบบ OptiFresh สำหรับการชงกาแฟกาแฟสดที่มีทั้งส่วนผสมสำเร็จรูปรวมอยู่ ในกรณีที่ ต้องการเครื่องดื่มในยามว่าง OptiCool สามารถผลิตน้ำเย็นให้คุณได้เช่นเดียวกัน สำหรับการเติม เครื่องดื่มให้เต็มเหยือกนั้น Animo ได้พัฒนาระบบ OptiCool TS เพื่อรองรับการใช้งานดังกล่าว ไม่ว่า คุณจะต้องการเครื่องผลิตเครื่องดื่มในสถานการณ์ใด Animo มีทางเลือกที่เหมาะสมให้คุณเสมอ Café Wīpz™ Coffee Equipment Cleaning Wipes
With the specific needs of the Barista in mind, Café Wīpz™ are made of an extra-thick material and packaged in a flexible container for easy access and use around the café. The product formula takes special care to avoid the use of fragrance without sacrificing cleaning power. Each package of 100 individual wipes offers a cost-effective solution to everyday clean-up and helps to ensure that users will deliver great tasting beverages and a clean café appearance throughout the day. www.urnex.com
เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่จำเป็นต่อบาริสต้า Cafe Wipz™ ได้ผลิตกระดาษเช็ดอุปกรณ์กาแฟที่มีความหนาเป็น พิเศษและบรรจุในกล่องขนาดพกพาที่ถูกออกแบบมาให้ง่ายสำหรับการใช้งานในร้านกาแฟ กระดาษ ประเภทนี้ผ่านการผลิตที่ ไม่มีการแต่งกลิ่น ในขณะที่ความสามารถในการทำความสะอาดยังคงเดิม แต่ละกล่องบรรจุ 100 ชิ้น และให้ผลลัพท์ที่คุ้มค่า สามารถใช้งานได้ทุกวัน และช่วยสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้ ใช้ว่าจะสามารถรักษารสชาติของเครื่องดื่มที่หอมหวานและมีความสะอาดต่อผู้บริโภคอย่าง สม่ำเสมอ GAGGIA GELATIERA : Self-Refrigerating Ice Cream Maker GAGGIA GELATIERA makes great tasting ice cream. It’s motorised paddles churns the ice cream well and leaves it smooth and creamy. The machine is ready to use in 10 minutes and produces 600 grams of ice cream. It also comes with an additional bowl which means that you can make multiple batches of ice cream. www.gaggia.uk.com/gelatiera.htm
ทำไอศครีมทานเองไม่ ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยเครื่องทำไอศครีม Gaggia ที่พร้อมใช้งานใน 10 นาที คุณสามารถทำไอศครีมที่เนียนนุ่มได้ครั้งละ 600 กรัม และยังมาพร้อมกับโถปั่น 2 โถ เพื่อให้คุณสลับ ทำไอศครีมได้หลากหลายรสชาติอย่างต่อเนื่อง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
[email protected]
MILKchiller: The ideal solution for your beverage station Frieling proudly presents the first compact and portable appliance to offer the convenience of cooling and serving dairy products in one unit. MILKchiller keeps milk and other dairy products at a safe temperature, even outdoor. Just place a milk container with the disposable delivery straw into the MILKchiller and close the lid, and the milk will be kept at constant temperature and ready to dispense dairy product at the press of a button! For more information visit www.frieling.com Mr.LC Ting:
[email protected]
Frieling ภูมิใจเสนอเครื่องเก็บรักษานมสดขนาดพกพา ที่จะทำให้การเก็บรักษานมสดในอุณหภูมิที่ เหมาะสมเป็นเรื่องง่าย แม้จะถูกนำไปใช้งานนอกสถานที่ เพียงใส่กล่องบรรจุภัณฑ์ของนมสดที่มี หลอดสำหรับใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลงในเครื่อง MILKchiller แล้วปิดฝา นมจะถูกเก็บรักษาไว้ ในอุณหภูมิที่ เหมาะสม และพร้อมที่จะไหลออกมาเมื่อกดปุ่มเพียงครั้งเดียว 54 •
เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่แบบพกพา มีน้ำหนักเบา สะดวกสบาย สามารถทำกาแฟเอสเพรสโซ่ คุณภาพเยี่ยมด้วยมือได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเหมาะสำหรับการเดินทางในวันหยุดของคอกาแฟ Booozah Phoenician Frozen Dessert “Ice-cream for health lovers” Booozah proudly presents icecream for health lovers. It is low-fat and also suitable for diabetic patients. Compared with normal ice-cream, one cannot tell the difference. www.booozah.com
“ไอศครีมสำหรับคนรักสุขภาพ” Booozah นำเสนอไอศครีมชนิด พิเศษ สำหรับคนรักสุขภาพทานแล้วไม่อ้วน แม้กระทั่งคนที่ป่วยเป็น โรคเบาหวานก็ยังสามารถทานได้ด้วย ส่วนเรื่องรสชาตินั้นรับรองได้ว่า อร่อยไม่แพ้ไอศครีมธรรมดาเลยทีเดียว The i5 oven by Turbochef
Turbochef has launched a hi-speed oven, new technology containing the impinged air system both above and below and the micro-wave to enable your food to be equally cooked at a snap. This oven can also be used with metal containers. www.turbochef.com
เตาอบความเร็วสูง เทคโนโลยีใหม่จาก Turbochef ซึ่งทำงานด้วยระบบ ฉีดลมร้อน (Impinged Air) จากทั้งด้านบนและด้านล่างพร้อมกับคลื่น micro wave ซึ่งช่วยให้อาหารของคุณสุกทั่วถึงอย่าง รวดเร็วและเตาอบรุ่นนี้ยังสามารถใช้กับภาชนะประเภทโลหะได้อีกด้วย www.k2.co.th Thermoplan B&W 2 Cool The latest fully automatic coffee maker by Thermoplan, B&W 2 Cool can make both hot and cold milk foam and, like the traditional coffee maker, result in a cup of quality coffee. www. thermoplan.ch
โฉมใหม่ของเครื่องชงกาแฟแบบ Fully Automatic จาก Thermoplan เครื่องชงกาแฟ B&W 2 cool รูปร่างโฉบเฉี่ยว สามารถทำได้ทั้งโฟมนมร้อนและเย็น ซึ่งผลิตเครื่องดื่มคุณภาพดี ไม่แพ้เครื่องชง กาแฟแบบ Traditional เลยทีเดียว www.k2.co.th Hamilton Beach Tempest HBH650 The new blender from Hamilton Beach has come out with the Wave-Action technology. It can produce 64 Oz. well-blended smoothies at a time with 3 HP. www.hamiltonbeach. com
เครื่องปั่นรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Hamilton Beach มาพร้อมกับเทคโนโลยี Wave-Action ช่วยปั่น เครื่องดื่มให้เนียนนุ่มได้อย่างทั่วถึง แรงปั่นสูงถึง 3 แรงม้าสามารถปั่นเครื่องดื่มได้มากถึง 64 Oz. ในหนึ่งครั้ง www.k2.co.th KMP’s double wall cup With KMP’s double wall grade A paper cup, you can increase your time of enjoying a cup of hot drink without feeling the high temperature in your hand. www.kmp.co.th
ด้วยแก้วกระดาษสองชั้นผลิตจากกระดาษเกรด A ของ KMP คุณจะสามารถลิ้มรสเครื่องดื่มร้อน ของคุ ณ ได้ ย าวนานขึ้ น และยั ง ช่ ว ยให้ คุ ณ ถื อ เครื่องดื่มของคุณได้อย่างสบายๆไม่ลวกมือด้วย สอบถามเพิ่มเติมที่ 02 706 0900 • 55