วิ ชา ฟิ สิ กส ์ 2 บทที่ 15 นิวเ คล ียร ์ฟ ิ ส ิ กส์
นิ วเ คล ี ย สแล ะชน ิ ด ของนิว เคล ี ย ส นิวเคลียส : บริเวณใจกลางอะตอม ประกอบด้วยอนุภาคนิวตรอน และโปรตอน สัญลักษณ์นิวเคลียร์
A คือ เลขมวล = จำานวนนิวตรอน + โปรตอนA = Z+N
A Z
X
โปรตอน และนิวตรอน เรียกรวมว่านิวคลิออน ในอะตอมที่เป็นกลาง จะมีจำานวนโปรตอนเท่ากับอิเล็กตรอน
Z คือ เลขอะตอม = จำานวนโปรตอน
นิ วเ คล ี ย สแล ะชน ิ ด ของนิว เคล ี ย ส การจำา แนก ชนิด จากเลขมวล เ ลขอ ะตอ ม จำา นวน นิว ตรอ น แล ะระด ับ พลั ง งาน ไอโซโทป (Isotope) หมายถึงอะตอมทีม ่ ีจำานวนโปรตอนเท่ากัน ไอโซโทน (Isotone) หมายถึงอะตอมที่มีจำานวนนิวตรอนเท่ากัน ไอโซบาร์ (Isobar) หมายถึงอะตอมที่มีจำานวนนิวคลิออนเท่ากัน ไอโซไดอะเฟียร์ (Isodiaphere) หมายถึงอะตอมทีม่ ีผลต่างจำานวนนิวตรอนกับโปรตอนเท่ากัน ไอโซเมอร์ (Isomer) อะตอมทีม่ ีเลขมวลกับเลขอะตอมเท่ากันแต่ตา่ งกันที่ระดับพลังงาน
นิ วเ คล ี ย สแล ะชน ิ ด ของนิว เคล ี ย ส
ไอ โซโทป (isotope) H ไอ โซโ ทน (isotone) C 1 1 13 6
ไอ โซบาร์ (isobar) 144Ba 56
H N
2 1 14 7
La
ไอ โซเม อร์ (isomer)
Pr
Ce
Nd
144
144
144
144
57
58
59
60
ไอ โซไดอะเ ฟีย ร์ (isodiaphere) 59*
H O
3 1 15 8
Co,
30
59
Si14 ,
Co
32
P15 ,
34
S16
มวล แล ะพล ั ง งาน ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงานจากทฤษฎีสัมพัทธภาพ
E mc
2
หน่วยของมวลอะตอม 1 u = 1.66 X 10-27 kg ซึ่งมาจาก
1 1 amu = (atomic mass of 12 =1.660559 10-27 kg =931.5 MeV
c2
12
C)
Mass Particle
kg
amu
MeV/c2
Proton
1.6726 x 10-27
1.007276
938.28
Neutron
1.6750 x 10-27
1.008665
939.57
Electron
9.109 x 10-31
5.486 x 10-4
0.511
ขนาด ของ นิ ว เค ลี ย ส
R α A1/3 R = R0 A1/3
Ro = 1.2-1.5 fermi (จาก กา รท ดลอง )
โดยทั่ว ไปจ ะใช้
Ro = 1.35 f (1 f = 10-15 m)
ตัว อย่ าง ที ่ 1 จงประมาณรัศมีนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจน และคาร์บอน
พล ัง งานยึด เห นี ่ ย ว แรงที่ทำาให้นวิ คลิออนรวมตัวกันเป็น
นิวเคลียสอยู่ได้ มีระยะเพียง 2 fm อย่างไรก็ตามแรงนิวเคลียร์ต้องสู้กับ แรงทางไฟฟ้า
แสดงว่าต้องมีพลังงานยึดเหนี่ยวเนื่อ
งมาจากแรงนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นพลังงานทีต่ ้องใช้ในการแยกนิ วตรอน และโปรตอนออกจากกัน
ตั วอ ย่าง ที่ 2 นิวเคลียสของดิวเทอเรียวอะตอมเรียกว่า ดิวเทอรอน ประกอบไปด้วย โปรตอนและนิวตรอนอย่างละ 1 ตัว จงคำานวณหาพลังงานยึดเหนี่ยวของดิวเทอรอน เมื่อมวลอะตอมของดิวเทอรอน 2.014102 amu Solution m p 1.007825 amu
mn = 1.008665 amu มวลของนิวคลิออนแต่และตัวรวมกันได้
m p mn 2.016490 amu
m m p mn md 0.002388 amu
มวลที่หายไปกลายเป็นพลังงานคำานวณโดย
E mc ซึ่ง
2
1 amu = 931.5 MeV/c 2 1 amu c 931.5 MeV 2
MeV Eb mc 0.002388 amu 931.5 amu 2.224 MeV 2
เขียนเป็นสมการสำาหรับคำานวณพลังงานยึดเหนี่ยวได้ B.E. = MeV เมื่ อ
[Zmp + (A – Z)mn – m] 931.5 Z คือ เล ขอะต อม A คือ เล ขม วล A–Z คือ เล ขนิวต รอน m คือ ม วล ที แ่ ท ้จร ิง ในหน ่วย amu
เสถ ี ย รภา พข องนิ วเ คล ี ย ร์ นิวไคล์ของธาตุเบาเสถียรเมื่อ
N=Z นิวไคล์ของธาตุหนักเสถียรเมื่อ N> Z นิวเคลียสที่มี n หรือ p = 2, 8, 20, 50, 82 และ 126 จะมีความเสถียรสูง นิวเคลียสที่มีทั้ง n และ p เป็นเลขคู่ มีความเสถียรสูงกว่า เลขคี่ นิวเคลียสที่ไม่เสถียรจะปรับตัวเองโดยก ารปลดปล่อยรังสีออกมาเรียกว่าการปล ดปล่อยกัมมันตภาพรังสี(Radioactivity)
ใช้ ΔE/nucleon ระบุเสถียรภาพของนิวเคลียสได้ ดังนัน้ หากธาตุมี ΔE/nucleon สูง นิวเคลียสก็จะมี เสถียรภาพสูง ยากแก่การทำาลาย ΔE α Δm ดังนัน้ หาก ΔE สูง Δm ก็สงู ตามด้วย แสดงว่านิวเคลียสที่เสถียร จะยึดเกาะเป็นกลุ่มได้ดี และมีการสูญเสีย มวลของนิวเคลียส มาก นั่นคือมีมวลต่อนิวคลีออนน้อย
ค่าสูงสุด ที่ mass ≈ 60 (เสถี ยรสูง , กล ุ่ม 8B, 8-10 )
ธาต ุห นัก ที่เส ถีย รน้อย มีแ นวโน้มท จะ เกิด ปฏิก ิ ร ิย าแ ตก ตัว (fission)
มีคว ามเส ถียรน้อ ย มี แนว โน้มที่จะ เปลี่ย นเ ป็ นธ าตุท เสถ ีย รมากกว ่า โดยเกิด ปฏิกิร ิยา หล อมตัว (fusion) 15 กุมภาพันธ์ 2550
15
19 9
F ตั ว อย่าง ที ่ 3 จงหาพลังงานยึดเหนีย่ วต่อนิวคลีออนของ ซึ่งมีมวลอะตอม 18.998405 amu
แบ บจำา ลองของ นิ ว เค ลี ย ส
แรงนิวเคลียร์จะมีลกั ษณะเดียวกันกั บแรงตึงผิวซึ่งมีพสิ ัยสั้น นิวเคลียสจึงเป็นทรงกลมเหมือนกับ หยดของเหลว
กฎการสล าย ตั ว การทีน ่ ิวเคลียสของธาตุที่ไม่เสถียรเปลีย่ นสภาพเป็นนิวเคลียสของธาตุใหม่
หรือเปลีย่ นโครงสร้างภายในแล้วปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมาเรียกว่า การสลายตัว (decay) อัตราการสลายตัวของสารกัมมันตภาพรังสี เรียกว่า กัมมันตภาพ (activity) dN A
dt
N
หน่วยของ A ในระบบ SI คือ Becquerel ซึง่ 1 Bq = 1 dps หน่วยของ A เดิมคือ Curie ซึง่ 1 Ci = 3.7 x 1010 Bq 1 Ci นิยามจากอัตราการสลายตัวของเรเดียมจำานวน 1 g
กฎการสล าย ตั ว ถ้าต้องการหาจำานวนนิวเคลียสของสารกัมมันตรังสีเมื่อเวลาผ่านไป t
ทำาได้โดยอินทิเกรตสมการ จะได้ N
dN N N 0
t
dt
N
N 0 e t
0
เรียกว่ากฎการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี (law of radioactive decay) เราไม่สามารถคำานวณหาเวลาที่สารกัมมันตรังสีสลายตัวจนหมดได้ แต่จะหาเวลาที่จำานวนนิวเคลียสของมันลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของตอนเริ่มต้น T1 0.693 ระยะเวลาช่วงนี้เรียกว่N า ครึ ง ่ ชี ว ต ิ (half-life) 0 2 N0e T1 2
2
อายุเฉลี่ยของนิวเคลียสของสารกัมมันตรังสีจะค่าเป็นส่วนกลับของค่าคงที่ของการสลายตัว
1
ตั วอ ย่าง 15-4 จงหากัมมันตภาพ (activity) ของเรดอน จำานวน 1000 μg มีครึ่งชีวิต 3.8 วัน และเป็นเวลานานเท่าใดปริมาณของเรดอนจึงจะสลายไป 60% ของค่าเริ่มต้น ค่าคงทีก่ ารสลายตัวของเรดอน =
0.693
T1 2
=
0.693
(3.8d )(86, 400 s / d )
= 2.1 × 10-6 s -1 เรดอน มีเลขมวลอะตอม = 222 มวลอะตอมจะมีค่าใกล้เคียงกับเลขมวลอะตอมในหน่วย amu -6 จำานวนอะตอมของเรดอน คือ 10 kg N = (222amu)(1.66 10-27 kg/amu) = 2.7 × 1018 อะตอม
ตั วอ ย่าง 15-4 จงหากัมมันตภาพ (activity) ของเรดอน จำานวน 1000 μg มีครึ่งชีวิต 3.8 วัน และเป็นเวลานานเท่าใดปริมาณของเรดอนจึงจะสลายไป 60% ของค่าเริ่มต้น กัมมันตภาพของเรดอน 1 µ g
A = λN
= (2.1 × 10-6 s-1)(2.7 × 1018 =nuclei) 5.7 × 10-12 Bq
เมื่อเรดอนสลายตัวไป 60% จาก
N = N 0e หรือ
−λt
N0 t = ln N 1
ตั วอ ย่าง 15-4 จงหากัมมันตภาพ (activity) ของเรดอน จำานวน 1000 μg มีครึ่งชีวิต 3.8 วัน และเป็นเวลานานเท่าใดปริมาณของเรดอนจึงจะสลายไป 60% ของค่าเริ่มต้น ซึ่งจากโจทย์ ต้องการ
N = (1 - 0.6)N0
= 0.4N0
1 1 ln t= −6 2.1×10 0.4
= 5.02 วัน ต้ อง ใช ้ เว ลาน าน 5.02 วัน เรด อน จึง จะส ลาย ตัวไป 60% ขอ งปริ มาณ เริ่มต้ น
ตัว อย่าง 15-5 วัดกัมมันตภาพรังสีของคาร์บอน-14 ในวัตถุโบราณชิ้นหนึง่ ได้เท่ากับ 2.8 × 107 Bq ครึ่งชีวิตของคาร์บอน-14 มีค่าเท่ากับ 5730 ปี ก. จงหาค่าคงที่ของการสลายตัว ในหน่วย s-1 ข. จงคำานวณปริมาณเริ่มต้นของคาร์บอน-14 ค. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 1000 ปี ง. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 4 เท่าของครึ่งชีวิต
0.693
ก. ค่าคงที่ของการสลายตัว =
T1 2
= =
0.693
(5730 y )(315 107 s / y )
3.84 × 10-12
s-1
ตัว อย่าง 15-5 วัดกัมมันตภาพรังสีของคาร์บอน-14 ในวัตถุโบราณชิ้นหนึง่ ได้เท่ากับ 2.8 × 107 Bq ครึ่งชีวิตของคาร์บอน-14 มีค่าเท่ากับ 5730 ปี ก. จงหาค่าคงที่ของการสลายตัว ในหน่วย s-1 ข. จงคำานวณปริมาณเริ่มต้นของคาร์บอน-14 ค. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 1000 ปี ง. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 4 เท่าของครึ่งชีวิต ข. เพราะ A = λN0 เมื่อ N0 คือปริมาณเริ่มต้นของคาร์บอน -14 N0
7
Bq = 12 1 3.84 10 s 2.8 10
= 7.3 × 1018
อะตอม
ตัว อย่าง 15-5 วัดกัมมันตภาพรังสีของคาร์บอน-14 ในวัตถุโบราณชิ้นหนึง่ ได้เท่ากับ 2.8 × 107 Bq ครึ่งชีวิตของคาร์บอน-14 มีค่าเท่ากับ 5730 ปี ก. จงหาค่าคงที่ของการสลายตัว ในหน่วย s-1 ข. จงคำานวณปริมาณเริ่มต้นของคาร์บอน-14 ค. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 1000 ปี ง. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 4 เท่าของครึ่งชีวิต
N = N 0e
−λt
= ( 2.8×107 Bq )⋅exp(-(3.84×10-12s-1)(3.15×10 = 2.5 × 107 Bq
ตัว อย่าง 15-5 วัดกัมมันตภาพรังสีของคาร์บอน-14 ในวัตถุโบราณชิ้นหนึง่ ได้เท่ากับ 2.8 × 107 Bq ครึ่งชีวิตของคาร์บอน-14 มีค่าเท่ากับ 5730 ปี ก. จงหาค่าคงที่ของการสลายตัว ในหน่วย s-1 ข. จงคำานวณปริมาณเริ่มต้นของคาร์บอน-14 ค. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 1000 ปี ง. จงหาค่ากัมมันตภาพเมื่อเวลาผ่านไป 4 เท่าของครึ่งชีวิต ง. เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชีวิต ปริมาณคาร์บอน-14 จะลดเหลือครึ่งหนึง่ ของปริมาณเดิม เมื่อเวลาผ่านไป 4 เท่าของครึ่งชีวิต นั่นคือ
1 N = N0 2
4
= 1.7 × 106
Bq
การสลายตั วให ้ ร ัง สี แอ ลฟา
a z
X→
Y + He
A -4 Z- 2
4 2
การสลายตั วให ้ ร ัง สี เบตาร์ β = e
A Z
X → Y + β +ν
β = e
A Z
X → Y + β +ν
− +
0 −1
0 +1
A Z +1 A Z −1
−
+
การสลายตั วให ้ ร ัง สี แก รมม า เป็นกระบวนการทีน่ ิวเคลียสปรับตัวจากสถา นะกระตุ้นกลับลงมายังสถานะพื้น
A Z 12 5
X *→ X + γ A Z
B →126 C * +β − + ν
C * →126 C + γ
12 6
การทะลุ ทะ ลวง
การวิ เคร าะ ห์
ปฏิ กิ ร ิ ย าน ิ วเ คล ีย ร์ สมการ E= mc2 ใช้คำานวณพลังงานที่เกิดขึ้นในปฏิกริ ิยานิวเคลียร์
จากมวลทีห่ ายไปในปฏิกิริยา (การสลายตัวให้กัมมันตภาพรังสี ก็ใช้สมการนี้ได้ด้วย) Q: Reaction energy Q = ( M a + M X − M Y
− M b )c
2
a + X →Y +b X (a, b)Y 1 7 4 4 H + 3 Li →2 He+ 2 He Q = 17.3MeV 1 7 4 3 Li ( p, α ) 2 He
เมื่อพิจารณามวลนิง่ ของอะตอมและอนุภาคในสมการ 14 7
N 24 He
17 8
O 11H
ไนโต รเ จน =14. 003 07 amu ออกซิเ จน = 16 .99 913 amu แอ ลฟา = 4. 00260 amu ไฮโ ดรเ จน = 1. 00 783 amu 2 00 567 amu 18. 00696 Q 18. = (M + M − M − M ) c a X Y b amu = (18.00567 − 18.00696 ) c 2 = ( 0.00129 ) c 2
= 1.20 MeV
มวลนิ่งทีเ่ พิม่ ขึ้นเกิดจากการดูดกลืนพลังงานจลน์ของอนุภาคที่เป็นตัวยิง ถ้าพลังงานจลน์ของอนุภาคทีเ่ ป็นตัวยิงมีค่าน้อยกว่า 1.20 MeV ปฏิกิริยา นิวเคลียร์นี้จะไม่เกิด
Nuclear Fission ปฏิกิริยานิวเคลียร์ซึ่งเกิดจากการยิงนิวตรอนหรืออนุภาคอื่นๆ เช่น อนุภาคแอลฟา หรือโปรตอน
ไปยังนิวเคลียสของธาตุหนัก ทำาให้นิวเคลียสของธาตุหนักไปอยู่ที่สถานะกระตุ้น แล้วแบ่งตัวเองออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนจะเป็นนิวเคลียสของธาตุใหม่ที่มขี นาดใกล้เคียงกัน และมีนิวตรอนถูกปล่อยออกมาครั้งละประมาณ 2-3 ตัว ปฏิกิริยาแบบนีเ้ รียกว่า กระ บวน การ แบ ่ งแย กตั ว
Nuclear Fusion ปฏิกิริยานิวเคลียร์อกี ประเภทหนึ่งเกิดจากนิวเคลียสเบา 2 นิวเคลียส
หลอมตัวเป็นนิวเคลียสที่หนักกว่า ผลรวมของมวลนิง่ ของนิวเคลียสเบาจะมีค่ามากกว่ามวลนิ่งของนิวเคลียสตัวใหม่ มวลทีห่ ายไปนี้กลายเป็นพลังงานมหาศาลซึ่งถูกปลดปล่อยออกมา ปฏิกิริยาเช่นนี้เรียกว่า กร ะบวนก ารหล อมตปฏิัวกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน่ ที่เกิดขึน้ ในดาวฤกษ์ เช่นดวงอาทิตย์
Nuclear Fusion (on Earth) 2 1
H + H → He+ n
2 1
H+ H→ H+ H
2 1
H + H → He+ n
2 1 2 1
3 1
3 2
3 1
1 0
1 1
4 2
แต่ละปฏิกิริยา ให้ Q =3.27, 4.03 และ 17.59 MeV ตามลำาดับ
1 0