ตอนที่ 2 แบบฝกหัดงานเขียนแบบ 3 มิติ จุดประสงคของตอนที่ 2 n
เพื่อใหผูเริ่มตนใชโปรแกรมเขาใจและสามารถนําคําสั่งตางๆ ที่ไดศึกษามาแลวจากตอนที่ 1 สามารถนํามาประยุกตใชงานตามสถานการณตา งๆ ไดอยางถูกตอง
n
เพื่อใหผูเริม่ ตนสามารถฝกทักษะและทําตามขั้นตอนในการเขียนแบบแปลน 3 มิติในงานจริง
n
เพือ่ ใหผอู านรูจ กั เทคนิคการใชคําสัง่ ตางๆ และสามารถนําตัวอยางในแบบฝกหัดไปประยุกตใช ในงานเขียนแบบแปลน 3 มิติไดอยางมีประสิทธิภาพ
ตอนที่ 2 มีทงั้ หมด 5 บท เปนแบบฝกหัดสําหรับฝกการขึน้ รูปวัตถุ 3 มิตสิ าํ หรับงานเครื่องกลและสถาปตยกรรม ซึง่ มีตงั้ แตชนิ้ งานพืน้ ฐานไปจนถึงชิน้ งานทีม่ คี วามซับซอนปานกลาง อยางไรก็ตาม ไมวา ผูอ า นจะนํา AutoCAD 2007 ไปใชในงานประเภทใดก็ตามและไมวา งานนั้นจะเปนงานเครื่องกลหรืองานสถาปตยกรรมหรือไม ผูอานก็ควรจะ ตองฝกฝนการขึน้ รูปวัตถุ 3 มิตใิ นแบบฝกหัดทัง้ หมด เพราะถาหากเราสามารถขึน้ รูปชิน้ งานทัง้ สองประเภทนีไ้ ดแลว เราก็สามารถทีจ่ ะใช AutoCAD ขึ้นรูปวัตถุ 3 มิติในงานประเภทอืน่ ๆ ไดโดยงาย นอกจากนี้ในแบบฝกหัดทัง้ หมด ผูเ ขียนไดสอดแทรกเทคนิคการใชคาํ สัง่ ตางๆ ในการขึน้ รูปวัตถุ 3 มิติ ซึง่ ไมสามารถนําเสนอไวในตอนที่ 1 ดังนัน้ ผูอ า น จึงควรทีจ่ ะทําแบบฝกหัดทัง้ หมดไมวา ตัวอยางใน แบบฝกหัดจะเกีย่ วของกับประเภทของงาน 3 มิตขิ องตนเองหรือไม หากผูอ า นสามารถทําแบบฝกหัด ในตอนที่ 2 ทัง้ หมดดวยตนเอง ผูอ า นจะสามารถนําเทคนิคตางๆ ไปประยุกตใชใน งานทุกประเภทได สําหรับตอนที่ 2 ของหนังสือคูม อื เลมนี้ ผูอ า นจะตองมีการใชไฟลแบบฝกหัด .dwg จากแผน DVD-ROM แนบหนังสือ คูม ือเลมนีค้ วบคูกบั การอานหนังสือคูม อื ไปดวยอยูเสมอๆ ในขณะทีเ่ ราอยูใน AutoCAD 2007 เราสามารถใชคําสัง่ File4Open เปดไฟลแบบฝกหัด .dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบหนังสือคูม อื ฯ ซึง่ มีการ ตัง้ ชือ่ ไฟลแบบฝกหัด .dwg โดยใชรหัสดังตอไปนี้
12-246-01-1.dwg
chap-12-1.PMD
245
12
หมายถึ ง
บทที่ 12
246
หมายถึ ง
หนาที่ 246
01
หมายถึ ง
รูปที่ 1
1
หมายถึ ง
รูปยอยที่ 1
12/10/2549, 21:49
เมือ่ ทราบรหัสของไฟลแบบฝกหัดทีถ่ กู บันทึกในโฟลเดอร \Exercise ในแผน DVD-ROM แนบทายหนังสือคูม อื เลมนีแ้ ลว หากเราอานหนังสือไปถึงหนาใดทีม่ กี ารอธิบายวิธกี ารใชคําสัง่ ตางๆ และตองการทําตามแบบฝกหัดนัน้ เราก็สามารถ เปดไฟลแบบฝกหัดที่อยูใ นหนานัน้ ออกมาใชงานได โดยดูจากหมายเลขบท หมายเลขหนาและลําดับรูปที่มีอยูใน หนังสือหนานัน้ และดูจากรหัสของชือ่ ไฟลแบบฝกหัด อีกประการหนึง่ รูปบางรูปทีป่ รากฏในหนังสือคูม อื เลมนีอ้ าจจะ ไมมไี ฟลแบบฝกหัดประกอบ ทั้งนี้ขนึ้ อยูกับความจําเปนในการใชแบบฝกหัดนัน้ ดวย อนึง่ ไมวา เราจะตองการนํา AutoCAD 2007 ไปใชในสาขาวิชาใดๆ เราก็ควรทีจ่ ะทดลองทําตามแบบฝกหัดในงานเขียนแบบประเภทตางๆ ทัง้ หมด ในหนังสือเลมนีเ้ พือ่ นําแนวทางและเทคนิคตางๆ ทีส่ อดแทรกอยูใ นแตละแบบฝกหัดไปประยุกตใชในงานของตนเอง ไดอยางถูกตอง
รูปถายจากสถานที่จริง
chap-12-1.PMD
246
12/10/2549, 21:49
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม การใช AutoCAD เปนเครื่องมือในการสรางภาพ 3 มิติในงานสถาปตยกรรม ไมวาจะเปนภาพนิ่ง เปอรสเปคทีฟ(Perspective)แบบเหมือนจริงหรือภาพเคลื่อนไหวแบบเดินเขาไปในบานหรืออาคาร (Walk-through animation)ยังคงไดรบั ความนิยมอยางตอเนือ่ ง ตราบใดทีซ่ อฟทแวรเฉพาะทางสําหรับ งานสรางภาพ 3 มิตใิ นงานสถาปตยกรรม อาทิ เชน Autodesk Architectural Desktop, Autodesk Revit และอืน่ ๆ ยังคงใชงานยากเกินกวาทีเ่ ราจะสามารถศึกษาการใชโปรแกรมไดในระยะเวลาอันสัน้ เพือ่ ที่ จะนํา ไปใช งานจริ งได อย า งเต็ ม รู ปแบบ ดั งนั้ น ผู ใช โปรแกรมจึ งยั งคงใช AutoCAD ในงาน สถาปตยกรรมตอไป เนือ่ งจากความคุน เคยของผูใ ชโปรแกรมทีม่ อี ยูก บั คําสัง่ ตางๆ ใน 2 มิติ ประกอบ กับคําสั่ง 3 มิตทิ ม่ี อี ยูใ น AutoCAD สามารถเรียนรูไ ดงา ยและมีจาํ นวนคําสัง่ ไมมากนัก จึงทําใหผใู ช โปรแกรมสามารถศึกษาวิธีการใชโปรแกรมไดอยางรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น เพื่อที่จะสามารถ ทํางานจริงไดอยางมีประสิทธิภาพ
chap-12-1.PMD
Note
ถึงแมวาซอฟทแวรที่ไดยกตัวอยางมาขางตนนั้นจะใชงานงายกวา AutoCAD ในเบื้องตน แตถาหาก เราไดศึกษาอยางละเอียดในเชิงลึกแลว เราจะตองใชเวลาเปนอยางมาก เนือ่ งจากซอฟทแวรดังกลาวมี คําสั่งใหเลือกใชงานจํานวนมาก แตละคําสั่งสามารถสรางวัตถุสําเร็จรูปไดอยางรวดเร็ว แตก็มวี ิธีการ ใชงานทีแ่ ตกตางกันตามวัตถุที่จะสราง จึงทําใหผูใชโปรแกรมสวนมากเลือกที่จะใช AutoCAD
Note
จุดประสงคในการสรางโมเดล 3 มิตใิ นงานสถาปตยกรรมแบงออกเปน 2 สวนคือสวนที่ 1 คือการสราง ภาพนิง่ เปอรสเปคทีฟของบานหรืออาคารแบบเหมือนจริง สวนที่ 2 คือการสรางภาพแอนนิเมชัน่ จําลอง การเคลื่อนไหวของมุมกลองไปรอบๆ หรือเดินกลองเขาไปภายในบานหรืออาคารอยางตอเนื่อง ใน AutoCAD 2007 เราสามารถสรางภาพนิง่ เปอรสเปคทีฟแบบเหมือนจริงของบานหรืออาคารหรือสราง ภาพเคลื่ อนไหวแอนนิเมชั่ นแบบ Walk-Through ใหสําเร็จไดในสภาพแวดลอมของ AutoCAD เพียงอยางเดียว โดยไมตอ งพึง่ พาซอฟทแวรคอมพิวเตอรอนื่ ๆ อาทิ เชน 3DSMAXดังเชนในรีลีสกอนๆ
Note
เหตุผลที่เรานิยมใช AutoCAD เปนเครื่องมือในการสรางภาพ 3 มิตใิ นงานสถาปตยกรรมเปนเพราะวา AutoCAD มีความละเอียดและความแมนยําสูงและยังมีเครื่องมือที่อํานวยความสะดวกในการสราง โมเดล 3 มิติซึ่งชวยใหการสรางโมเดล 3 มิติเปนไปดวยความรวดเร็วและมีความละเอียดเที่ยงตรง อยางสูง
247
12/10/2549, 21:49
248
Note
ในหนังสือ AutoCAD R14 : 3D Modeling ผูเขียนไดแสดงขั้นตอนการสรางโมเดล 3 มิติของบาน ทาวนเฮาสหลังหนึ่งอยางละเอียดและในหนังสือ AutoCAD 2000 : 3D Modeling ผูเขียนไดเคยแสดง ขัน้ ตอนการสรางโมเดล 3 มิตขิ องบานเดี่ยวแบบหนึง่ อยางละเอียดไปแลว ดังนัน้ ในหนังสือคูม อื เลมนี้ เราจะมาลองสรางโมเดล 3 มิติของบานเดี่ยวอีกแบบหนึ่งดังรูปที่ 12.1 กอนที่เราจะเริ่มสรางโมเดล ของบานเดี่ยวหลังนี้เราควรทีจ่ ะทําความเขาใจกับหลักการสรางโมเดลในงานสถาปตยกรรมเสียกอน โดยมีรายละเอียดดังตอไปนี้
2D Drafting
ในการสรางโมเดลบาน ทาวนเฮาส อาคารพาณิชยหรืออาคารสูงแบบ 3 มิติ เราจะตองพิจารณาแบบ แปลนอย างละเอี ยดและรอบคอบ เพราะถ าหากเราไม ได ว างแผนหรื ออ านแบบแปลนให เป นที่ เขาใจเปนอยางดีแลว หากเกิดการผิดพลาด ถึงแมวาเราจะสามารถแกไขได แตจะตองเสียเวลาเปน อยางมาก เพราะแกไขวัตถุ 3 มิตชิ นิ้ หนึง่ อาจจะมีผลกระทบกับวัตถุ 3 มิตอิ ีกหลายๆ ชิน้ ได ซึง่ เราก็จะ ตองตามไปแกไขปรับแตงดวยตนเอง AutoCAD มิไดแกไขใหเราโดยอัตโนมัติ รูปที่ 12.1
ในการสรางโมเดลสถาปตยกรรม สิ่งแรกที่เราควรจะตองทราบคือจํานวนวัตถุ 3 มิติที่จะเปนสวน ประกอบของโมเดลนั้นมีจํานวนมากนอยเพียงใดและวัตถุ 3 มิติแตละชิ้นมีความซับซอนมากนอย ขนาดไหน เพราะจํานวนและความซับซอนของวัตถุ 3 มิตจิ ะเปนตัวจํากัดความเร็วในการทํางานของ CPU และหนวยความจํา RAM และยังเปนตัวกําหนดขนาดไฟลทบี่ นั ทึกลงในฮารดดิสคอกี ดวย ดังนัน้ ในการขึ้นรูปโมเดลดวยโซลิด เราจะตองพยายามจํากัดความหนาแนนของโครงลวดบนวัตถุ 3 มิติให นอยที่ สุดเทาที่จะเปนไปไดถึงแม วาเราจะมี CPU ที่ เร็วที่ สุดและหนวยความจําที่ มากที่ สุดก็ตาม หากมีโซลิด 3 มิติทม่ี รี ูปทรงและขนาดเทากันจํานวนมากๆ เราควรจะแปลงโซลิดเหลานัน้ ใหเปน บล็อคหรือเอกซเรฟ แลวสอดแทรกบล็อคโซลิดหรือเอกซเรฟไปยังตําแหนงตางๆ จะชวยลดขนาด ไฟลใหเล็ กลงได โดยมีขนาดไฟล แตกตางจากไฟล .dwg ตนฉบับเพียงเล็กน อยเทานั้น ถึงแมวา
chap-12-1.PMD
248
12/10/2549, 21:49
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
249
จะมีวตั ถุทซี่ า้ํ กันจํานวนมากก็ตาม ตัวอยาง เชน หากเราตองการสรางภาพเคลือ่ นไหวของโครงการบาน จัดสรรโครงการหนึ่งซึ่งมีแบบบานซ้ํากันจํานวนหลายรอยหลัง เราจะใชวธิ ีการสรางบานเพียงหลัง เดียวเทานัน้ และบันทึกลงในไฟล .dwg แลวสรางไฟลแบบแปลนใหม โดยทําการสอดแทรกไฟล .dwg ดังกลาวเปนเอกซเรฟ โดยใชคําสัง่ Insert4DWG Reference ไปวางในตําแหนงตางๆ ในโครงการ ถึ งแม วาเราจะสามารถใช เอกซ เรฟช วยในการลดขนาดไฟลได แต จํานวนบานหลายร อยหลังใน โครงการก็ไมสามารถทีจ่ ะใชเอกซเรฟเพียงอยางเดียวจัดการได เราจะตองสรางบานหลังหนึง่ ขึน้ มา 2 เวอรชนั่ เวอรชนั่ ทีอ่ ยูใ กลมมุ กลองจะตองมีสว นประกอบตางๆ ทัง้ หมดครบถวน แลวบันทึกเวอรชนั่ แรกลงไฟล .dwg สวนอีกเวอรชนั่ หนึง่ อยูใ นระยะไกลมุมกลอง เราก็ใชบา นหลังเดียวกันนัน้ ทีท่ ําเสร็จ เรียบรอยแลว นํามาลดระดับความละเอียด (Level of details)โดยอาจจะลบสวนประกอบที่ไมจาํ เปน ของบานทิง้ ทัง้ หมด ซึง่ อาจจะเหลือเพียงผนังบานกับหลังคาบานก็เพียงพอแลว แลวจึงสอดแทรกไฟล .dwg ทัง้ สองแบบเอกซเรฟไปยังตําแหนงตางๆ นอกจากนี้ เราควรจะแบงโครงการออกเปนโซน เพราะ เราไมสามารถนําบานทั้งโครงการมาเก็บไวในไฟลแบบแปลนเดียวได โดยอาจจะตองแบงออกเปน โซนละ 10-20 หลัง บานเวอรชนั่ ทีม่ รี ายละเอียดครบถวนอาจจะมีเพียงสองถึงสามหลังเทานัน้ สวนบาน ที่เหลือจะเปนเวอรชั่นที่มีความละเอียดไมครบถวน เราจึงจะสามารถจัดการสรางภาพนิ่งหรือภาพ เคลื่อนไหวได Note
หากภายในแบบแปลนมีวตั ถุจํานวนมาก เราตองมี CPU และการดแสดงผลทีม่ ีความเร็วสูง นอกจากนี้ หนวยความจํา RAM ก็จะตองมีมากพอที่จะเก็บวัตถุจํานวนมากอีกดวย
Note
วัตถุที่มีความซับซอนในที่นี้หมายถึงวัตถุ 3 มิติที่มีสวนโคงสวนเวาจํานวนมาก มีผิวหนา(Face)ที่มี ความหนาแนนสูง
อีกสิง่ หนึง่ ทีเ่ ราจะตองทราบแนชดั ก็คอื จุดประสงคในการสรางโมเดล เราจะสรางโมเดลเพือ่ ใชในการ สรางภาพนิ่งเปอรสเปคทีฟหรือสรางภาพเคลือ่ นไหวแอนนิเมชั่น เนื่องจากการทราบจุดประสงคที่ แนนอน จะชวยใหเราหลีกเลีย่ งหรือละเวนการขึน้ รูปโมเดลวัตถุบางชิน้ ทีจ่ ะไมปรากฏในมุมกลองได หากเราตองการสรางโมเดล 3 มิติ เพือ่ นําไปสรางภาพนิง่ เปอรสเปคทีฟภายนอกบานหรือนอกอาคาร เราก็ไมจําเปนที่จะตองเขียนรายละเอียดของสวนประกอบที่อยูภายในและสวนประกอบที่อยูดาน หลัง อาทิ เชน หนาตาง ประตู ผนังและอืน่ ๆ ทีอ่ ยูด า นหลัง เพราะวาภาพเปอรสเปคทีฟสวนใหญจะ ฉายไปยังดานหนา ดานขางหรือฉายจากระดับสูงลงมายังตัวบาน(Bird eyes view) ซึง่ วิธนี จี้ ะชวยลด ความสิน้ เปลืองเนือ้ ทีใ่ นการจัดเก็บและชวยลดเวลาในการขึน้ รูปวัตถุไดอยางมากแทนทีจ่ ะขึน้ รูปบานหรือ อาคารทัง้ หลัง นอกจากนี้ หากมีวตั ถุทซี่ บั ซอนอยูใ นตําแหนงทีไ่ กลจากมุมกลองมาก จนปรากฏมีขนาด เล็กไมชดั เจน เราก็ควรทีจ่ ะลดความละเอียดในการขึน้ รูปหรือเขียนวัตถุนนั้ ใหมรี ปู ทรงเปนสันเหลีย่ ม แทนรูปทรงที่มีพื้นผิวโคงเวาหรือหันไปใชรูปภาพสแกนเขามาแม็ป(Map)ไวแทนที่ ตัวอยาง เชน หากเราจะสรางภาพนิง่ เปอรสเปคทีฟ 3 มิตแิ บบเหมือนจริงของบานหลังหนึง่ โดยตองการมุมกลอง อยูน อกบานทัง้ 2 ตัว กลองตัวหนึง่ อยูใ นทิศทาง South West(ตะวันตกเฉียงใต) กลองอีกตัวหนึง่ อยูใ นทิศ ทาง South East (ตะวันออกเฉียงใต) กลองทัง้ สองพุง เปาหมายไปยังหนาบาน เมือ่ เราทราบตําแหนงที่
chap-12-1.PMD
249
12/10/2549, 21:49
250
แนนอนของมุมกลองแลว เราก็สามารถเลือกที่จะไมเขียนรายละเอียดของสวนตางๆ ทีไ่ มจาํ เปนภาย ในบานและหลังบานได อาทิ เชน เสา คาน บันได ผนังกัน้ หอง ผนังหลังบาน หนาตางประตูหลังบาน เปนตน ดวยวิธีนี้เราไมตองเสียเวลาไปกับสิง่ ที่จะไมปรากฏในมุมกลองและยังทําใหการเรนเดอรใช เวลานอยลงอีกดวย
2D Drafting
หากเราตองการสรางโมเดล 3 มิติ เพือ่ นําไปสรางภาพเคลือ่ นไหวแอนนิเมชัน่ เราควรจะตองทราบวา มุมกลองจะผานตําแหนงและหันไปในทิศทางใดบาง เพือ่ ทีเ่ ราจะไดหลีกเลีย่ งหรือละเวนการขึ้นรูป รายละเอียดของสวนประกอบตางๆ ทีไ่ มปรากฏในมุมกลอง เชนเดียวกันกับการสรางภาพนิง่ หากมี วัตถุทซี่ บั ซอนอยูใ นตําแหนงไกลจากมุมกลองมาก เราก็ควรทีจ่ ะลดความละเอียดในการขึน้ รูปหรือ เขียนวัตถุนนั้ ใหเปนรูปรางคราวๆ หรือใชรปู ภาพสแกนเขามาแทนทีไ่ ดเชนเดียวกัน แตถา มุมกลอง ผานวัตถุที่มคี วามซับซอนในระยะใกลๆ เราก็คงจะตองรักษาความละเอียดของการขึน้ รูปวัตถุ 3 มิติ ไวเชนนั้น นอกจากนี้ เราจะตองควบคุมจํานวนผิวหนา(Face)ของวัตถุ 3 มิติใหนอยที่สุดเทาที่จะ เปนไปได หากจํานวนผิวหนา(Face)มากจะทําใหการเรนเดอรยาวนาน อาทิ เชน ถาในฉากของเรา มีแทงกลมทีส่ รางดวยวิธี Surface Modeling เราควรกําหนดจํานวนเซกเมนตของแทงกลมใหนอ ยทีส่ ดุ ซึ่งอาจจะใชเพียง 8 เซกเมนต ในกรณีทแี่ ทงกลมอยูใกลกับมุมกลองมาก เราก็ควรทีจ่ ะเพิ่มจํานวน เซกเมนตใหกับแทงกลม เพื่อใหแทงกลมมีพื้ นผิว(Surface)ที่ราบเรียบ ในกรณีที่แทงกลมอยูไกล มุมกลองมาก เราอาจใชเซกเมนต 6 เหลีย่ มหรือ 4 เหลีย่ มในการสรางแทงกลมได แลวใชแมททีเรียล ชวยในการสรางวัตถุแบบผิวเรียบ เมื่อทําการเรนเดอร เราจะมองไมเห็นสันของรูปเหลี่ยมที่ใชแทน หนาตัดของแทงกลม ดวยวิธนี จี้ าํ นวนผิวหนา(Face)และขนาดไฟลจะลดลงอยางมาก ซึง่ สามารถใชได ทัง้ ภาพนิง่ และภาพเคลือ่ นไหวแบบเหมือนจริง อยางไรก็ตาม การลดจํานวนผิวหนาดวยวิธนี สี้ ามารถ ใชกบั การขึน้ รูปวัตถุดว ยวิธี Surface Modeling เทานัน้ ไมสามารถนําไปใช กับวิธี Solid Modiling เพราะ โซลิดใชตัวแปรระบบ FACETRES ควบคุมความหนาแนนของผิวหนา รูปที่ 12.2
chap-12-1.PMD
250
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
251
ในแบบฝกหัดนี้ เราจะสรางภาพนิง่ เปอรสเปคทีฟ 3 มิตแิ บบเหมือนจริงของบานเดีย่ วดังรูปโครงลวดที่ 12.2 โดยใชวิธกี ารขึน้ รูปแบบ Solid Modeling เนือ่ งจากวิธนี เี้ ปนวิธีขนึ้ รูปที่สะดวกและรวดเร็วกวา แตถา หากมีความจําเปนทีต่ อ งขึน้ รูปวัตถุ 3 มิตทิ ม่ี รี ปู ทรงทีโ่ คงเวา ซึง่ วิธี Solid Modeling สามารถทําได แตอาจจะตองใชคําสัง่ LOFT เขามาชวยในบางกรณี จากรูปที่ 12.2 เปนรูปโครงลวดของบานเดีย่ วของภาพเรนเดอรในรูปที่ 12.1 ซึง่ เราจะเห็นวามีเสนโครง ลวดอยูจ าํ นวนมาก ซึง่ คอนขางยากลําบากในการแยกวัตถุแตละประเภทออกจากกัน ดังนัน้ เราจึงควร ใชเลเยอรในการจัดเก็บวัตถุ 3 มิติแตละประเภท เชน ประตู หนาตาง กระจก วงกบ พื้นชัน้ บน พืน้ ชัน้ ลาง ผนังดานหนา ผนังดานหลัง หลังคา เสา เปนตน การสรางวัตถุแยกเก็บไวในแตละเลเยอรจะมี ประโยชนอยางมากตอการควบคุมการปรากฏของวัตถุ 3 มิติแตละประเภทบนจอภาพและชวยลด ความซับซอนไดอกี ดวย ขัน้ ตอนการขึน้ รูปโมเดลบานเดีย่ ว Note
กอนที่จะทําแบบฝกหัดนี้ เราจะตองแนใจวาไดมีการปรับแตงสภาพแวดลอมให Windows XP และ AutoCAD 2007 และไดมกี ารติดตัง้ ทูลาร 3D Modeling ใน AutoCAD 2007 ตามทีไ่ ดอธิบายไวในบทที่ 2 มาแลว หากเราไดทําการปรับแตงสภาพแวดลอมมาแลว เราสามารถลงมือทําแบบฝกหัดนี้ไดทันที
Note
ลองใชคําสัง่ Tools4Drafting Settings เพือ่ ตรวจสอบใหแนใจวาโหมดออฟเจกทสแนปทีก่ ําหนด ไวบนไดอะล็อค Drafting Settings มีโหมดที่กําหนดไวลวงหนา 5 โหมดคือ Endpoint, Midpoint, Center, Intersection, Extension หรือไม ถาขาดโหมดใด ใหเลือกโหมดนั้นเพิ่มใหครบถวน
Note
ใหแนใจวาบนบรรทัดแสดงสถานะ OSNAP, OTRACK, POLAR อยูในสถานะเปด
Note
ในแบบฝกหัดนี้เราไมจําเปนตองเขียนหนาตัด 2 มิติของเสาและผนังดวยตนเอง เพื่อประหยัดเวลาใน การเขียนหนาตัด 2 มิติ หากตองการศึกษาวิธีการเขียนวัตถุ 2 มิติ สามารถอานไดจากหนังสือคูมือ AutoCAD 2006 : 2D Drafting, ISBN:974-93946-2-3
Note
สมมุตวิ า เรายังไมทราบวัตถุประสงคในการสรางโมเดลบานเดีย่ วในแบบฝกหัดนีว้ าจะนําโมเดลไปใช ในงานสรางภาพนิง่ เปอรเปคทีฟหรือสรางภาพเคลือ่ นไหวแอนนิเมชัน่ ดังนัน้ เราจะสรางสวนประกอบ ทั้งหมดของบานทั้งดานหนา ภายในบาน ดานขางบานและหลังบานอยางละเอียด
เปดไฟล 12-252-03.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บน 1. ใชคําสั่ง File4Open แผน DVD-ROM แนบทายหนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏภาพฉาย 2 มิติดา นบนของพืน้ ชัน้ ลางและพืน้ ชัน้ บนซอนกัน 2. เรียกคืนสถานะของเลเยอร(Layer states)ทีเ่ กีย่ วของกับพืน้ ชัน้ ลางทัง้ หมดซึง่ ไดถกู บันทึกไวออกมาใชงาน โดยใชคําสั่ง Format4Layer จะปรากฏไดอะล็อค Layer Properties Manager คลิกบนปุมไอคอน Layer States Manager จะ ปรากฏไดอะล็อค Layer States Manager ใหคลิกบนชือ่ สถานะเลเยอร “พืน้ ชัน้ ลาง” ที่ ปรากฏในช องหน าต าง Layer states แล ว คลิ กปุ ม Restore เมื่ อกลั บไปยั ง
chap-12-1.PMD
251
12/10/2549, 21:50
252
ไดอะล็อค Layer Properties Manager คลิกบนปุม Apply และ OK ตามลําดับจะ ปรากฏเฉพาะเลเยอรทเี่ กีย่ วของกับพืน้ ชัน้ ลางดังรูปที่ 12.3 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.3
Note
วัตถุทกุ ชิน้ ทีอ่ ยูใ นไฟลแบบแปลน 12-252-03.dwg เปนวัตถุ 2 มิตอิ ยูใ นระนาบ XY หรือบนระนาบพืน้ ดิน (Ground)ทีม่ รี ะดับความสูง(คา Z)มีคา เปน 0 (ศูนย) สังเกตุวา แบบแปลนมีการกําหนดพืน้ ทีใ่ ชสอยตาม ระดับความสูงที่แตกตางกันออกไป ดังนั้น เราจะตองสรางพื้นที่โซลิดที่มีความสูงแตกตางกันตาม ความสูงที่ระบุ
Note
จากรูปที่ 12.3 (ขวา-บน) เราจะสังเกตุเห็นวาในไฟลแบบแปลน 12-252-03.dwg มีการตัง้ ชือ่ เลเยอรเปน ภาษาไทย หากเราตองการนําโมเดล 3 มิตไิ ปใชในโปรแกรมคอมพิวเตอรอนื่ ๆ เราไมควรตั้งชือ่ เลเยอร และวัตถุที่มีการตั้งชือ่ อื่นๆ เปนภาษาไทย เนื่องจากในการแปลงไฟลไปใชยังโปรแกรมคอมพิวเตอร อื่นๆ มักจะพบวาภาษาไทยจะไมสามารถอานออกไดในซอฟทแวรคอมพิวเตอรอื่นๆ อยางไรก็ตาม เราตองการทีจ่ ะสรางภาพนิง่ และภาพเคลือ่ นไหวแบบเหมือนจริงใหสําเร็จใน AutoCAD โดยจะไมนํา โมเดล 3 มิติไปใชกับซอฟทแวรอื่นๆ ดังนั้น เราจึงจะสามารถใชชื่อวัตถุเปนภาษาไทยได
3. จากรูปที่ 12.3 (ซาย) เริม่ สรางพืน้ ชัน้ ลางใหมคี วามหนาใน 3 มิตติ ามระดับความสูง ตางๆ กัน โดยกอนอืน่ กําหนดเลเยอรใชงานเปนเลเยอร “พืน้ ชัน้ ลาง” โดยเลือก เลเยอร “พื้นชัน้ ลาง” จากแถบรายการควบคุมเลเยอร Note
chap-12-1.PMD
เนื่องจากขอบเขตของพื้นที่ใชสอยตางๆ ที่ปรากฏในรูปที่ 12.3 (ซาย) แตละขอบเขตมิไดเปนพื้นที่ แบบปด ดังนั้น เราจึงยังไมสามารถทีจ่ ะใชคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude เพือ่ เพิม่ ความหนา ใน 3 มิติใหกับพื้นที่ตางๆ ทั้งหมดได ดังนั้น เราจึงจะตองสรางพื้นที่แบบปดจากพื้นที่ใชสอยตางๆ ทั้งหมดใหเปนเสน Polyline หรือเปน Region เสียกอน แตในที่นี้ ควรจะเลือกสราง Region เนื่องจาก Region นัน้ เปนวัตถุ 2 มิตทิ บึ ตันทีพ่ รอมใชในการสรางเปนวัตถุ 3 มิติ แตเสน Polyline แบบปดทีม่ สี ว น ตัดกันหรือทับกันไมสามารถแปลงใหเปนโซลิด 3 มิตไิ ด
252
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม Note
รูปที่ 12.4
chap-12-1.PMD
253
หากเรานําแบบแปลน 2 มิติมาใชงานเพื่อสรางวัตถุ 3 มิติ เราจะตองจัดการแชแข็ง(Freeze)เลเยอรที่ ไมจําเปนในการใชงาน อาทิ เชน เลเยอรสัญลักษณหนาตาง ประตู ลวดลายแฮทชผนังและเลเยอร สัญลักษณอื่นๆ เปนตน โดยควบคุมหรือแกไขปรับแตงใหเสนตางๆ วิ่งไปบรรจบหรือชนกันจริง เราจะตองแนใจวาไมมีพื้นที่แบบเปดหลงเหลืออยู แมจะเปนชองวางเล็กๆ ก็ตาม
4. จากรูปที่ 12.2 (ซาย) สราง Region จากขอบเขตของพืน้ ทีใ่ ชสอยแบบปด โดยใช คําสั่ง Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Boundary Creation ใหคลิกเพือ่ ออกจาก ปลดเครื่ องหมาย เช็ ค บอกซ Island detection แล ว เลื อก Region ให ป รากฏในแถบ รายการ Object type แลวคลิกบนปุม Pick point เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบนพืน้ ทีว่ า ง ณ จุดใดๆ ภายในขอบเขตของพืน้ ที่ ใชสอยตรงจุดที่ 1, 2, 3 และจุดที่ 4 จะปรากฏดังรูปที่ 12.4 แลวคลิกขวา จะปรากฏข อความ BOUNDARY created 4 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มาทัง้ หมด 4 ชิน้ ซึ่ง Region ทั้งหมดจะอยูในเลเยอร
Note
บางกรณี เมือ่ เราคลิกขอบเขตของพืน้ ทีใ่ ชสอยบางขอบเขตจะปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 12.3 (ขวา-กลาง) แสดงขอความเตือน Point is outside of boundary บอกใหเราทราบวาจุดทีเ่ ราคลิกนั้นอยูน อกขอบเขต แบบปด ทั้งๆ ที่เราแนใจวา เราไดคลิกภายในขอบเขตแบบปด ใหคลิกบนปุม Look at it จะปรากฏ ไดอะล็อคดังรูปที่ 12.3 (ขวา-ลาง) ใหคลิกบนปุม OK เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: ใหคลิกบน ณ จุดใดๆ ภายในขอบเขตอีกครั้ง
Note
ทดลองเลือ่ นเคอรเซอรไปบนเสนขอบเขตของพืน้ ทีใ่ ชสอยตางๆ ทัง้ 4 ชิน้ ใหแนใจวาขอบเขตแบบปด ทัง้ หมดปรากฏเปนเสนประ หากขอบเขตทั้งหมดปรากฏเปนเสนประแบบปด แสดงวา เราพรอมทีจ่ ะ แปลง Region ทั้งหมดใหกลายเปนวัตถุ 3 มิติ
Note
ในบางกรณี เมื่อเราใชคําสั่ง Draw4Boundary สราง Region แตโปรแกรมไดสราง Polyline ขึ้น มาแทนและไมสามารถใชคําสั่ง Draw4Modeling4Extrude กับเสนโพลีไลนนั้นได แสดงวา ขอบเขตแบบปดนัน้ มีปญ หา ซึง่ อาจจะไมใชขอบเขตแบบปดจริง อาจจะมีชอ งวางเล็กๆ ทีเ่ ล็กเกินกวาที่ จะมองเห็นได เราจะตองใชคําสัง่ ZOOM เพือ่ ตรวจสอบรอยตอตางๆ วาเสนตางๆ นัน้ ชนกันจนเกิดเปน พื้นที่แบบปดหรือไม เมือ่ พบชองวางแลว เราจะตองแกไขใหถูกตอง อีกกรณีหนึ่ง อาจจะเกิดจากการ ตัดกัน(Self intersect)ของพืน้ ที่ เราอาจจะตองยายตําแหนงของเสนตางๆ หรืออาจจะขยับขยายชวงทีจ่ ะ ทําใหเกิดการตัดกันของพืน้ ที่ที่จะสราง Region เสียกอน โปรแกรมจึงจะสามารถสราง Region ได
253
12/10/2549, 21:50
254
5. บนทูลบาร 3D Modeling คลิกบนปุม ไอคอน เพือ่ เปลีย่ นจอภาพเปน 4 วิวพอรท ขนาดเทาๆ กัน แลวคลิกวิวพอรท Perspective (มุมขวาลาง) เพื่อกําหนดใหเปน วิวพอรทใชงาน คลิกบนปุม ไอคอน เพือ่ ขยายวิวพอรท Perspective ใหปรากฏ มีขนาดใหญเต็มพืน้ ทีว่ าดภาพ แลวคลิกบนปุม ไอคอน Parallel Projection บน 3D Navigate control panel บนแดชบอร ด เพื่ อเปลี่ ยนโหมดวิ ว พอร ท จาก เปอรสเปคทีฟใหเปนแบบออรโธกราฟฟกหรือแบบขนาน แลวคลิกบนปุม ไอคอน เพือ่ ขยายวัตถุทั้งหมดใหปรากฏเต็มพืน้ ที่วาดภาพ จะปรากฏดังรูปที่ 12.5
2D Drafting
รูปที่ 12.5
Note
วิวพอรทโหมดเปอรสเปคทีฟ(Perspective) จะทําใหการใชคําสัง่ ZOOM ตางๆ ไมมคี วามแมนยํา ดังนัน้ เราจึงควรเปลี่ยนเปนโหมดขนาน(Parallel)
เปนเลเยอรใชงาน 6. จากรูปที่ 12.5 ใหแนใจวาเลเยอร แลวเริม่ เพิม่ ความหนาใน 3 มิติใหกบั พืน้ ทีห่ องน้ํา 0.5 เมตร โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Extrude Command: _extrude
{จากรูปที่ 12.5 }
Current wire frame density: ISOLINES=4
{เลือ่ นเคอรเซอรไปบนขอบเขตของพืน้ ทีห่ อ งน้าํ ประมาณจุดที่ 1 เมือ่ Region ของหองน้าํ ปรากฏเปนเสนประ ใหคลิกซาย} Select objects to extrude: {คลิกขวาหรือQ} Specify height of extrusion or [Direction/Path/Taper angle]: 0.5 {กําหนดความสูงของพืน ้ ที่ หองน้าํ เทากับ 0.5 เมตร แลวกดปุม Q Region ทีถ่ กู เลือกจะถูกแปลงเปนโซลิดทีม่ คี วามหนา 0.5 เมตร} Select objects to extrude: 1 found
7. จากรูปที่ 12.5 เพิม่ ความหนาใน 3 มิติใหกบั พืน้ ทีห่ องน้ํา 0.45 เมตร ตามวิธใี นขอ 6 โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ Extrude แลวเลือก Region ประมาณจุดที่ 2 แลวกําหนด ความหนา 0.45 เมตร 8. จากรูปที่ 12.5 เพิม่ ความหนาใน 3 มิติใหกบั พืน้ ทีห่ องน้ํา 0.40 เมตร ตามวิธใี นขอ 6 โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ Extrude แลวเลือก Region ประมาณจุดที่ 3 แลวกําหนด ความหนา 0.40 เมตร
chap-12-1.PMD
254
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
255
9. จากรูปที่ 12.5 เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกบั พืน้ ทีห่ อ งรับแขก 0.5 เมตร ตามวิธใี นขอ 6 โดยคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสัง่ Extrude แลวเลือก Region ประมาณจุดที่ 4 แลว กําหนดความหนา 0.5 เมตร จะปรากฏดังรูปที่ 12.6 10. จากรูปที่ 12.5 (ซาย) ใหแนใจวาเลเยอร เปนเลเยอร ใชงาน รวมโซลิดพืน้ ทัง้ 4 ชิน้ ใหกลาย เปนชิน้ เดียวกัน โดยใชคําสั่ง Modify4 Solid Editing4Union เมื่อปรากฏ ขอความ Select objects คลิกจุดที่ 5 และ 6 เพื่ อเลื อกวั ต ถุ แบบ Crossing เมื่ อ ปรากฏขอความ Select objects ใหคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ โซลิดทัง้ 4 จะถูก รวมเปนชิน้ เดียวกัน
รูปที่ 12.6
เราจะเห็นวาในขอ 10 มีการเลือกวัตถุแบบ Crossing ซึง่ เราจะเห็นวามีเสนโพลีไลนหนาตัดเสาบางเสน ถูกเลือกไปดวย ถึงแมวา เสนโพลีไลนจะถูกเลือกไปดวย แตเสนโพลีไลนจะไมถกู รวมเขากับโซลิดดวย เนื่องจากเสนโพลีไลนเปนวัตถุ 2 มิติไมไดเปน Region จึงไมสามารถรวมเปนชิ้นเดียวกับโซลิดได
Note
11. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร แชแข็ง(Freeze) เลเยอร โดยคลิ กบนไอคอน ของเลเยอร “ตั วอั กษรกํากั บพื้ น ชั้ นล าง” แช แข็ งเลเยอร ต อไป โดยคลิ กบนไอคอน ของเลเยอร “พืน้ ชั้นลาง” และแชแข็งเลเยอรตอไปโดยคลิก บนไอคอน ของเลเยอร “เสาชั้นลาง” แลว คลิ กบนชื่ อเลเยอร “เสาชั้ นล างชั้ นบน” เพื่ อ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน
รูปที่ 12.7
Note
เหตุผลที่เราแยกเลเยอรเสาออกเปน “เสาชั้นบน” “เสาชั้นลาง” และ “เสาชั้นบนชั้นลาง” ก็เพราะวา บางหลังนี้ เสาชัน้ บนและชัน้ ลางมีตาํ แหนงไมตรงกันบางสวน เสาบางตนสูงแคระดับคานพืน้ ชัน้ ลาง เสาบางตนวางอยูบนคานของพื้นชั้นบน เสาบางตนสูงจากพื้นดินถึงหลังคา เปนตน ดังนัน้ เราจึงแยก เลเยอร เพื่อสะดวกในการควบคุมการปรากฏ หากเราสรางเลเยอรเสาไวเลเยอรเดียว เสาทั้งหมดจะ ปรากฏพรอมๆ กัน ทําใหเกิดความยากลําบากในการเลือก เพราะเสาแตละชุดจุดเริ่มตนและมีความสูง แตกตางกัน
เป นเลเยอร 12. จากรู ปที่ 12.7 ให แน ใ จว าเลเยอร ใชงาน แลวเพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกับเสาทัง้ หมดทีอ่ ยูใ นเลเยอรนใี้ หมคี วามสูง เทากับ 6.3 เมตร โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects to extrude: คลิกจุดที่ 7 และ 8 เพือ่ เลือกหนาตัดเสา
chap-12-1.PMD
255
12/10/2549, 21:50
256
ทัง้ หมดแบบ Crossing แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height of extrusion ... พิมพ คาความสูง 6.3 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.8 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.8
13. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “เสาชั้นลาง” แลวคลิกบนชื่อเลเยอร “เสาชั้นลาง” เพื่อกําหนดใหเปน เลเยอรใชงาน จะปรากฏหนาตัดเสาซึง่ อยูใ นเลเยอร “เสาชัน้ ลาง” ดังรูปที่ 12.8 (ขวา) Note
เหตุทเี่ ราตองเปลีย่ นเลเยอรใชงานเปนเลเยอร “เสาชัน้ ลาง” กอนทีจ่ ะ Extrude ใหมคี วามสูงก็เพราะวาเรา ไมตอ งการ ใหโซลิดยายไปอยูใ นเลเยอรอนื่ เพราะหากเลเยอรใดเปนเลเยอรใชงาน เมือ่ ทําการ Extrude โซลิดจะยายไปอยูใ นเลเยอรที่ปรากฏในแถบรายการควบคุมเลเยอร ซึ่งเราไมตอ งการใหเปนเชนนั้น
เป นเลเยอร 14. จากรูปที่ 12.8 (ขวา) ใหแน ใจวาเลเยอร ใชงาน แลวเพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกบั หนาตัดเสาทัง้ 4 ชิ้นอยูใ นเลเยอรนใี้ หมี ความสูงเทากับ 3.7 เมตร โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4Extrude ตามวิธใี น ขอ 6 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects to extrude: คลิกจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ เลือกหนา ตัดเสาทัง้ หมดแบบ Crossing แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height of extrusion ... พิมพคา ความสูง 3.7 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.9 (ซาย) รูปที่ 12.9
chap-12-1.PMD
256
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
257
15. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “รัว้ -เสา” , “รัว้ -ขอบเขต” , “พืน้ ชัน้ ลาง” , “พืน้ นอกบาน” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “พื้นนอกบาน” เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน 16. เปลีย่ น Visual Style จากเดิม Realistic ใหเปน Conceptual โดยคลิกบนปุม ไอคอน Wireframe Visual Style บนทูลบาร 3D Modeling คางไว จะปรากฏ Flyout ของทูลบารดงั รูปที่ 12.9 (ขวา) ใหคลิกบนปุม ไอคอน Conceptual Style เราจะ สามารถมองเห็นวัตถุไดชัดเจนยิง่ ขึน้ ดังรูปที่ 12.10 รูปที่ 12.10
รูปที่ 12.11
Note
chap-12-1.PMD
เปน 17. จากรูปที่ 12.10 สรางพืน้ นอกบาน โดยใหแนใจวา เลเยอรใชงาน แลวใชคําสัง่ Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Boundary Creation ใหคลิกเพื่อปลดเครื่องหมาย ออกจากเช็คบอกซ Island detection แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบนพืน้ ทีว่ า งตรงจุดที่ 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 และจุดที่ 13 แลวคลิกขวา จะปรากฏขอความ BOUNDARY created 11 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มาทัง้ หมด 11 ชิน้ ในขณะที่กําหนดจุด Pick internal point ตรงจุดใดๆ แลวปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 12.11 รายงานวา ไมพบขอบเขตแบบปดทีส่ ามารถใชงานได เราสามารถแกไขได โดยเปลีย่ นไปคลิกตําแหนงอืน่ ทีอ่ ยูใ น ขอบเขตแบบปด ถายังไมสามารถกําหนดขอบเขตได เราจะตองออกจากคําสัง่ แลวใชคําสัง่ Zoom ขยาย พืน้ ทีท่ ไี่ มสามารถกําหนดขอบเขตไดใหมขี นาดใหญเพียงพอ แลวจึงสราง Boundary ใหมหรือจะใชอกี วิธีหนึ่ง โดยใชคําสั่ง View43D Views4Top เพื่อกลับไปยัง Top view แลวจึงสราง Boundary ใหมหรือจะใชอกี วิธหี นึง่ โดยเพิม่ คาระยะหางใหกบั ตัวแปรระบบ HPGAPTOL เพือ่ กําหนดระยะขัน้ ต่ํา ทีจ่ ะทําใหโปรแกรมมองเห็นขอบเขตแบบเปดเปนแบบปด ซึง่ ระยะหางทีก่ ําหนดในตัวแปรระบบนี้ จะ ตองมากกวาระยะของชองวางทีเ่ ปดของขอบเขตที่มปี ญหา
257
12/10/2549, 21:50
258
18. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “ตัวอักษรกํากับพืน้ นอกบาน” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “พืน้ นอกบาน” เพือ่ กําหนดใหเลเยอร “พืน้ นอกบาน” ใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏตัวอักษรแสดง ระดับความสูงของพืน้ ทีใ่ ชสอยตางๆ ดังรูปที่ 12.12
2D Drafting
รูปที่ 12.12
เปนเลเยอรใชงาน 19. จากรูปที่ 12.12 ใหแนใจวาเลเยอร แลวเพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกบั Region ของพืน้ ทีส่ นามหญา โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมื่อปรากฏขอความ Select objects to extrude: เลื่อนเคอรเซอรไปบน Region ของสนามหญา เมื่อ Region ปรากฏเปน เสนประ ใหคลิกซาย แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height of extrusion... พิมพคาความสูง 0.2 แลวกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ 20. จากรูปที่ 12.12 คลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude แลวเพิม่ ความหนาใหกบั พืน้ ทีใ่ ชสอยอืน่ ๆ ทีเ่ หลืออยูท งั้ หมด ตามวิธีในขอ 19 โดยอานคา ระดับความสูงทีป่ รากฏอยูบ นพืน้ ทีว่ าดภาพ หากพืน้ ทีใ่ ชสอยใดไมมตี วั อักษรระบุ ความสูง ใหใชคา ความสูงเทากับ 0.35 เมตร Note
เพือ่ ประหยัดเวลา หากพืน้ ที่ใชสอยใดมีระดับความสูงเทาๆ กัน เราสามารถเลือกพื้นทีใ่ ชสอยเหลานั้น พรอมๆ กันในการใชคําสั่ง Draw4Modeling4Extrude ในครั้งเดียวได
21. เปลีย่ นสีใหกับโซลิด โดยคลิกบนปุม ไอคอน บนทูลบาร 3D Modeling คางไว แลวเลือกสีหมายเลข 21 (รหัสสี 21) เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: ใหคลิก บนโซลิดแตละชิน้ ใหปรากฏดังรูปที่ 12.13 Note
chap-12-1.PMD
ในการเปลี่ยนสีใหกับโซลิดในขอ 21 เราสามารถเปลีย่ นสีไดเพียงครั้งละ 1 ชิ้นตอการเรียกคําสั่ง 1 ครัง้ เทานั้น หากตองการเปลี่ยนสีใหกับโซลิดครั้งละหลายๆ ชิ้นใหใชคําสั่ง Modify4Properties แลวคลิกบนโซลิดตางๆ ใหปรากฏจุดกริป๊ ส แลวเลือกสีที่ตอ งการในแถบรายการ Color แทนได
258
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
259
รูปที่ 12.13
22. เริ่มสรางพื้นชั้นบน โดยกอนอื่น บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลาย(Thaw) เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “ตัวอักษรกํากับพื้นชั้นบน” เลเยอร “พื้นชั้นบน” และเลเยอร “เสาชั้นบน” แลวคลิกบนชื่อเลเยอร “พื้นชั้นบน” เพื่อ กําหนดใหเลเยอร “พืน้ ชัน้ บน” ใหเปนเลเยอรใชงาน 23. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร แชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “ตัวอักษรกํากั บพื้ นนอกบ าน” , “พื้ นชั้ นลาง” , “พื้ นนอกบาน” , “รั้ว-ขอบเขต” , “รั้ว-เสา” แลวล็อคเลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “เสาชัน้ ลาง” , “เสาชัน้ ลางชัน้ บน” จะปรากฏดังรูปที่ 12.14 (ซาย) รูปที่ 12.14
Note
จากรูปที่ 12.14 (ซาย) สังเกตุวา ในขณะนี้ พื้นชัน้ บนยังอยูบนระดับพื้นดินซึง่ มีคา Z = 0 (ศูนย) ดังนั้น เราจึงควรที่จะเคลือ่ นยายพืน้ ชัน้ บนขึน้ ไปอยูในระดับความสูงทีถ่ ูกตอง
24. จากรูปที่ 12.14 (ซาย) เคลือ่ นยายวัตถุทั้งหมดในเลเยอร “พืน้ ชัน้ บน” และเลเยอร “ตัวอักษรกํากับพืน้ ชั้นบน” โดยใชคําสัง่ Modify4Move
chap-12-1.PMD
259
12/10/2549, 21:50
260
{จากรูปที่ 12.14 (ซาย) ใหแนใจวา ) อยูใ นสถานะเปด} {คลิกจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Crossing} Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point or [Displacement] : {คลิก ณ จุดใดๆ หรือคลิกจุดที่ 1} Specify second point or <use first point as displacement>: {พิมพคา รีเลทีฟคอรออรดิเนท @0,0,3.7 แลวกดปุม Q หรือเลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ เมือ่ ปรากฏเวคเตอรแสดงคา +Z ใหพมิ พ 3.7 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.14 (ขวา)} Command: _move Select objects:
2D Drafting
25. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร แชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “เสาชัน้ บน” , “เสาชัน้ ลาง” , “เสาชัน้ ลางชัน้ บน” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “พืน้ ชัน้ บน” เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน 26. ใชคําสั่ ง View4 3D Views4Top หรื อเลือก จากแถบรายการบน แดชบอรด เพือ่ แสดงภาพดานบน(Top view) จะปรากฏดังรูปที่ 12.15 (ซาย) รูปที่ 12.15
Note
จากรูปที่ 12.15 (ซาย) เราจะเห็นวา ในขณะนี้ เรายังไมสามารถที่จะใชคําสั่ง Draw4Boundary เพื่อสราง Region ได เนื่องจากขอบเขตตรงจุดที่ 1 และ 2 ไมไดเปนขอบเขตแบบปด เราสามารถ ใชจดุ กริป๊ สแกไขใหเปนแบบปดไดดงั นี้
27. จากรูปที่ 12.15 (ซาย) ในขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบน เสนจุดที่ 3 และ 4 ใหปรากฏจุดกริ๊ปสสีน้ําเงินดังรูปที่ 12.15 (กลาง) ใหแนใจวา อยูใ นสถานะเปด คลิกจุดกริป๊ สที่ 5 คลิกจุดที่ 6 คลิกจุดกริป๊ สที่ 7 คลิกจุดที่ 8 แลวกดปุม D เพือ่ ยกเลิกการเลือกวัตถุ จะปรากฏดังรูปที่ 12.15 (ขวา) 28. จากรูปที่ 12.15 (ขวา) เคลือ่ นยายจุดกําเนิด โดยใชคําสัง่ Tools4New UCS4Origin หรือคลิกปุม ไอคอน บนทูลบาร 3D Modeling คางไว แลวคลิกบนปุม เมือ่ ปรากฏขอความ Specify origin of UCS ... ใหแนใจวา อยูใ นสถานะ เปด เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 9 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย Note
chap-12-1.PMD
เหตุผลที่เราตองเคลื่อนยายจุดกําเนิดไปยังจุดที่ 9 นั้น อันที่จริง เราสามารถใชจุดใดๆ บนเสนตางๆ ของพื้นชั้นบนก็ได เพราะเสนตางๆ ของพื้นชั้นบนถูกยายขึ้นไปอยูบนระดับความสูง 3.7 เมตรแลว โดยปกติ คําสั่ง Draw4Boundary จะสราง Region บนระนาบ XY ของระบบคอรดิเนท โดยไม สนใจวาขอบเขตที่ถูกเลือกจะอยูในระดับความสูงเทาใด นั่นหมายความวา ถาเราไมเคลื่อนยายจุด กําเนิดขึ้นไปอยูบนระดับ 3.7 เมตร Region ก็จะถูกสรางขึ้นบนระดับพื้นซึ่ง Z มีคาเปน 0 (ศูนย)
260
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
261
29. จากรูปที่ 12.15 (ขวา) สรางพืน้ ชัน้ บน โดยใหแนใจวา เป นเลเยอร ใชงาน แลวใช คําสั่ ง Draw4 Boundary เมื่ อปรากฏไดอะล็ อค Boundary Creation ใหคลิกเพื่อปลดเครื่องหมาย ออกจากเช็คบอกซ Island detection แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบนพืน้ ทีว่ า งตรงจุดที่ 10, 11 และจุดที่ 12 แลวคลิกขวา จะปรากฏขอความ BOUNDARY created 3 regions แสดงให ทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มาทัง้ หมด 3 ชิน้ จะปรากฏดังรูปที่ 12.16 (ซาย) รูปที่ 12.16
30. กลับไปยังมุมมอง Isometric เชนเดิม โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Previous ปรากฏดังรูปที่ 12.16 (ขวา)
จะ
31. จากรูปที่ 12.16 (ขวา) ใหแนใจวาเลเยอร เปนเลเยอร ใชงาน แลวเพิ่มความหนาใน 3 มิติใหกับ Region ของพื้นชั้นบน โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects to extrude: เลื่ อนเคอร เซอร ไปบน Region ของพื้ นระดับความสูง 3.70 เมตร ประมาณจุดที่ 13 เมือ่ Region ปรากฏเปนเสนประ ใหคลิกซาย แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height of extrusion... พิมพคา ความสูง -0.7 แลวกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ 32. จากรูปที่ 12.16 (ขวา) เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกับพืน้ หองน้ําระดับความสูง 3.65 เมตร ตามวิธีในขอ 6 โดยคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสั่ง Extrude แลวเลือก Region ประมาณจุดที่ 14 แลวกําหนดความหนา -0.05 เมตร 33. จากรูปที่ 12.16 (ขวา) เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกับพืน้ ระเบียงระดับความสูง 3.50 เมตร ตามวิธีในขอ 6 โดยคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสั่ง Extrude แลวเลือก Region ประมาณจุดที่ 15 แลวกําหนดความหนา -0.50 เมตร จะปรากฏดังรูปที่ 12.17 (ซาย) 34. จากรูปที่ 12.17 (ซาย) เคลือ่ นยายพืน้ ระเบียงระดับความสูง 3.50 เมตรลงในแนวดิง่ โดยใชคําสั่ง Modify4Move ตามวิธีในขอ 24 เมื่ อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนพืน้ ระเบียงจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point... คลิกจุดใดๆ เมือ่ ปรากฏ Specify second point... พิมพ @0,0,-0.2 แลวกดปุม Q
chap-12-1.PMD
261
12/10/2549, 21:50
262
หรือเลือ่ นเคอรเซอรลงในแนวดิง่ เมือ่ ปรากฏเวคเตอรแสดงคา -Z ใหพมิ พ 0.2 แลวกดปุม Q
2D Drafting
รูปที่ 12.17
35. จากรูปที่ 12.17 (ซาย) หักลบโซลิดหองน้ํา โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4 Subtract เมื่อปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 3 แลวคลิกขวา 36. จากรูปที่ 12.17 (ขวา) รวมโซลิดพืน้ กับระเบียงเขาดวยกัน โดยใชคําสัง่ Modify4 Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 4 และ 5 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.17 (ขวา) 37. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร แชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “ตัวอักษรกํากับพืน้ ชัน้ บน” แลวกําหนดให เปนเลเยอรใชงาน 38. จากรูปที่ 12.17 (ขวา) ลบเสน 2 มิตซิ งึ่ ใชเปนเสนขอบเขตของพืน้ ชัน้ บนทิง้ ไป โดย ใชคําสั่ง Modify4Erase เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกจุดที่ 6 และ 7 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Window แลวคลิกขวา 39. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “เสาชั้ นบน” แล วคลิกบนชื่ อเลเยอร “เสาชั้ นบน” เพื่ อกําหนดใหเปน รูปที่ 12.18
chap-12-1.PMD
262
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
263
เลเยอร ใช ง าน แช แข็ ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิ ก บนไอคอน ของเลเยอร “พืน้ ชัน้ บน” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “เสาชัน้ บน” เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.18 (ซาย) เปนเลเยอร 40. จากรูปที่ 12.18 (ซาย) ใหแนใจวาเลเยอร ใชงาน แลวเพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกับหนาตัดเสาชัน้ บน โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมื่อปรากฏขอความ Select objects to extrude: คลิกจุดที่ 8 และ 9 เพื่ อเลือกหนาตัดเสาแบบ Window แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height of extrusion... พิมพคา ความสูง 2.6 เมตร แลวกด ปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ 41. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “เสาชัน้ ลาง” , “เสาชัน้ ลางชัน้ บน”, “พืน้ ชัน้ บน” , “พืน้ ชัน้ ลาง” แลวปลดล็อค เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “เสาชั้นลาง” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “เสาชัน้ ลาง” เพือ่ กําหนดใหเลเยอร “เสาชัน้ ลาง” ใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.18 (ขวา) 42 จากรูปที่ 12.18 (ขวา) ใหแนใจวา ตัดเสา โดยใชคําสั่ง Modify43D Operations4Slice
เปนเลเยอรใชงาน
{จากรูปที่ 12.18 (ซาย) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด แลวปด {คลิกบนเสาตรงจุดที่ 10, 11, 12, และ 13 } Select objects to slice: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Command: _slice
^}
Select objects to slice:
Specify start point of slicing plane or [planar Object/Surface/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>:
เปนระนาบตัด}
Specify a point on the XY-plane <0,0,0>:
ใหคลิกซาย }
XY {พิมพตวั เลือก XY เพือ่ ใชระนาบ XY
{เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 14 เมื่อปรากฏมารคเกอร
{เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 11 เมื่อปรากฏมารคเกอร ใหคลิกซาย สวนเกินของเสาทั้ง 4 ตนจะถูกตัดทิ้ง}
Specify a point on desired side or [keep Both sides] :
รูปที่ 12.19
chap-12-1.PMD
263
43. จากรูปที่ 12.18 (ขวา) เปลีย่ นสีให กั บ พื้ น ชั้ น บน โดยคลิ ก บนปุ ม ไอคอน บนทู ลบาร 3D Modeling คางไว แลวเลือกสี ByLayer เมื่ อปรากฏข อความ Select objects: ใหคลิกบนโซลิด ตรงจุ ดที่ 15 จะปรากฏดั งรู ป ที่ 12.19
12/10/2549, 21:50
264
44. ปรั บ UCS กลั บไปที่ World Coordinate เช นเดิ ม โดยใช คําสั่ ง Tools4 New UCS4 World แลวปรับมุมมองเปนไอโซเมตริก โดยใชคําสั่ ง View4 3D Views4SE Isometric
2D Drafting
45. เริม่ สรางหลังคา โดยกอนอืน่ เรียกสถานะของเลเยอร “หลังคา” ออกมาใชงาน โดย ใชคําสั่ ง Format4Layer จะปรากฏไดอะล็อค Layer Properties Manager คลิกบนเลเยอร 0 (ศู นย ) แล วคลิกบนปุ ม Set Current เพื่ อกําหนดใหเปน เลเยอรใชงาน แลวคลิกบนปุมไอคอน Layer States Manager จะปรากฏ ไดอะล็อค Layer States Manager ใหคลิกบนชือ่ สถานะเลเยอร “หลังคา” ทีป่ รากฏ ในชองหนาตาง Layer states แลวคลิกปุม Restore เมือ่ กลับไปยังไดอะล็อค Layer Properties Manager คลิกบนเลเยอร “หลังคา” แลวคลิกบนปุม Set Current เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน แลวคลิกบนปุม Apply และ OK ตามลําดับจะ ปรากฏเฉพาะ แบบแปลน 2 มิติของหลังคาวางอยูบ นระนาบ XY หรือระดับพืน้ ดิน ซึง่ มีคา Z= 0 (ศูนย) ดังรูปที่ 12.20 (ซาย)
รูปที่ 12.20
46. จากรูปที่ 12.20 (ซาย) เคลือ่ นยายสันหลังคาหลัก(Main roof)ขึน้ ไปในแนวดิง่ หาง จากตําแหนงเดิม 3 เมตร โดยใชคําสัง่ Modify4Move {จากรูปที่ 12.20 (ซาย) ใหแนใจวา ) อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนเสนจุดที่ 1 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point or [Displacement] : {คลิก ณ จุดใดๆ หรือคลิกจุดที่ 2} Specify second point or <use first point as displacement>: {พิมพคา รีเลทีฟคอรออรดิเนท @0,0,3 แลวกดปุม Q หรือเลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ เมือ่ ปรากฏเวคเตอรแสดงคา +Z ใหพมิ พ 3 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.20 (ขวา)}
Command: _move Select objects:
47. จากรูปที่ 12.20 (ขวา) เขียนรูปกลองสีเ่ หลี่ยมผืนผาสูง 2.5 เมตรหรือสูงเทาใดก็ได แตควรต่ํากวา 3 เมตรเล็กนอย เพื่อใหเราสามารถมองเห็นเสนสันหลังคาที่เราได เคลื่อนยายในขอทีแ่ ลว โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4Box กอนอืน่ ใหแนใจ วา # อยูใ นสถานะเปด เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first corner or [Center]: คลิกจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify other corner or [Cube/Length]: คลิกจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height or [2Point] <3.0000>: พิมพคา ความสูง 2.5 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.21 (ซาย)
chap-12-1.PMD
264
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
265
รูปที่ 12.21
48. จากรูปที่ 12.21 (ซาย-บน) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด เคลือ่ นยายจุด เวอรเทกซที่ มุมกลองสี่ เหลี่ ยมผืนผา โดยกดปุ ม E คางไว แลวคลิกจุดที่ 5 จนกระทั่งปรากฏจุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน คลิกบนจุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน แลวเลือ่ นเคอรเซอร ไปยังจุดที่ 6 แลวคลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.21 (ขวา-บน) 49. จากรูปที่ 12.21 (ขวา-บน) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด เคลือ่ นยายจุด เวอรเทกซที่ มุมกลองสี่ เหลี่ ยมผืนผา โดยกดปุ ม E คางไว แลวคลิกจุดที่ 7 จนกระทั่งปรากฏจุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน คลิกบนจุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน แลวเลือ่ นเคอรเซอร ไปยังจุดที่ 8 แลวคลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.21 (ซาย-ลาง) 50. จากรูปที่ 12.21 (ซาย-ลาง) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด เคลือ่ นยายจุด เวอรเทกซที่ มุมกลองสี่ เหลี่ ยมผืนผา โดยกดปุ ม E คางไว แลวคลิกจุดที่ 9 จนกระทั่งปรากฏจุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน คลิกบนจุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน แลวเลือ่ นเคอรเซอร ไปยังจุดที่ 10 แลวคลิกซาย กดปุม E คางไว แลวคลิกจุดที่ 11 จนกระทัง่ ปรากฏ จุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน คลิกบนจุดกริป๊ สสนี ้ําเงิน แลวเลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 10 แลว คลิกซาย จะปรากฏหลังคาดังรูปที่ 12.21 (ขวา-ลาง) Note
chap-12-1.PMD
หลังจากที่เราไดเคลื่อนยายจุดเวอรเทกซทั้ง 4 จุดไปบนเสนขอบสันหลังคาที่อยูบนระดับความสูง 3 หนวย จะทําใหสันหลังคาซึ่งในตอนแรกมีความสูง 2.5 หนวยจะมีความสูงเปน 3 หนวยตามไปดวย ตอไปเริม่ สรางหลังคารองจากหลังคาหลัก โดยจะตองมีมมุ ลาดเอียงเชนเดียวกันกับหลังคาหลัก ดังนัน้ เราจึงจะคัดลอกหลังคาหลัก 2 ชิ้นไปวางยังตําแหนงทีถ่ ูกตอง แลวจึง Intersect หากสวนตัดเฉพาะที่มี สวนทีท่ ับซอนกันเทานั้น เพือ่ ใหไดหลังคาใหมที่ทํามุมเอียงเดียวกัน
265
12/10/2549, 21:50
266
51. จากรูปที่ 12.21 (ขวา-ลาง) คัดลอกหลังคา โดยใชคําสัง่ Modify4Copy
2D Drafting
{จากรูปที่ 12.21 (ขวา-ลาง) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนหลังคาจุดที่ 12 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point or [Displacement] : {คลิกจุดที่ 13} Specify second point or <use first point as displacement>: {คลิกจุดที่ 14} Specify second point or [Exit/Undo] <Exit>: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ } Command: _copy
Select objects: 1 found
52. จากรูปที่ 12.21 (ขวา-ลาง) คัดลอกหลังคา โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ หรือใชคําสัง่ Modify4Copy ตามวิธีในขอ 51 เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกบนหลังคาจุดที่ 12 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิกจุดที่ 15 เมือ่ ปรากฏ Specify second point ... คลิกจุดที่ 16 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.22 (ซาย) รูปที่ 12.22
53. จากรูปที่ 12.22 (ซาย) หาสวนตัดของหลังคาทั้งสองที่ถกู สรางในขอ 51 และ 52 โดยใชคําสั่ง Modify4Solid Editing4Intersect เมื่อปรากฏขอความ Select objects คลิกบนหลังคาจุดที่ 1 และ 2 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.22 (ขวา) 54. รูปที่ 12.22 (ขวา) ขยายภาพ โดยใชคําสั่ง View4Zoom4Window และ 4 จะปรากฏดังรูปที่ 12.23 (ซาย)
คลิกจุดที่ 3
รูปที่ 12.23
55. จากรูปที่ 12.23 (ซาย) เคลือ่ นยายจุดเวอรเทกซใหจมเขาไปในโซลิดหลังคาชิน้ ใหญ ใหแนใจวา ) อยูในสถานะเปด แลวกดปุม E คางไว คลิกจุดที่ 5 จนกระทัง่ ปรากฏจุดกริป๊ สสีน้ําเงิน คลิกบนจุดกริป๊ สสีน้ําเงิน แลวเลือ่ นเคอรเซอร
chap-12-1.PMD
266
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
267
ไปตามแนวสันหลังคาหรือตามแนวแกน Y ใหแนใจวาปรากฏเวคเตอรแสดงคามุม 90 องศา ใหพิมพคา 0.4 แลวกดปุม Q เราจะเห็นวาสัน หลังคาจะจมเขาไปในหลังคาชิ้นใหญพอดี จะปรากฏดังรูปที่ 12.23 (ขวา) 56. กลับไปยังมุมมองเดิม โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Previous 12.24 (ซาย)
จะ ปรากฏดังรูปที่
รูปที่ 12.24
Note
เนื่องจากหลังคาที่เล็กที่สุดมีมุมลาดเอียงและทิศทางไปทางเดียวกับหลังคาขนาดกลาง ดังนั้น เราจะ คัดลอกหลังคาขนาดกลาง แลวเปลีย่ นสเกลเพือ่ ใหมขี นาดทีถ่ กู ตองตามขัน้ ตอนดังนี้
57. จากรูปที่ 12.24 (ซาย) คัดลอกหลังคา โดยใชคําสัง่ Modify4Copy ตามวิธใี นขอ 51 เมื่อปรากฏ Select objects คลิกบนหลังคาจุดที่ 6 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify base point ... คลิกจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏ Specify second point ... คลิกจุดที่ 8 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.24 (ขวา) 58. จากรูปที่ 12.24 (ขวา) เปลีย่ นสเกลหลังคาใหมขี นาดทีถ่ กู ตองตามขอบเขตของเสน หลังคา 2 มิติ โดยใชคําสั่ง Modify4Scale {จากรูปที่ 12.24 (ขวา) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนหลังคาจุดที่ 9 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย } Specify scale factor or [Copy/Reference] <1.0000>: {พิ ม พ ตั ว เลื อ ก R เพื่ ออ า งอิ ง ขนาดเดิ ม และใหม } Extremely small scale factor ignored. {หากปรากฏขอความนี้ ใหพม ิ พตวั เลือก R แลวกดปุม Q เพือ่ เลือกอางอิงขนาดเดิมและขนาดใหม} Specify reference length <1.0000>: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย } Specify second point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย } Specify new length or [Points] <1.0000>: {เลือ ่ นเคอรเซอรกลับไปยังจุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.25 (ซาย)} Command: SCALE
Select objects: 1 found
59. รูปที่ 12.25 (ซาย) ขยายภาพ โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Window และ 2 จะปรากฏดังรูปที่ 12.25 (ขวา)
คลิกจุดที่ 1
60. จากรูปที่ 12.25 (ขวา) เคลือ่ นยายจุดเวอรเทกซใหจมเขาไปในโซลิดหลังคาชิน้ กลาง ใหแนใจวา ) อยูในสถานะเปด แลวกดปุม E คางไว คลิกจุดที่ 3
chap-12-1.PMD
267
12/10/2549, 21:50
268
2D Drafting รูปที่ 12.25
จนกระทัง่ ปรากฏจุดกริป๊ สสีน้ําเงิน คลิกบนจุดกริป๊ สสีน้ําเงิน แลวเลือ่ นเคอรเซอร ไปตามแนวสันหลังคาหรือตามแนวแกน Y ใหแนใจวาปรากฏเวคเตอรแสดงคามุม 90 องศา ใหพิมพคา 0.4 แลวกดปุม Q เราจะเห็นวาสัน หลังคาจะจมเขาไปในหลังคาชิน้ กลางพอดี จะปรากฏดังรูปที่ 12.26 (ซาย)
รูปที่ 12.26
61. กลับไปยังมุมมองเดิม โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Previous 12.26 (ขวา)
จะ ปรากฏดังรูปที่
62. จากรูปที่ 12.26 (ขวา) รวมหลังคาทัง้ 3 ชิน้ ใหกลายเปนชิ้นเดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 4 และ 5 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.27 รูปที่ 12.27
Note
chap-12-1.PMD
หลังจากที่สรางหลังคาเสร็จเรียบรอยแลว เราควรกลับไปตรวจสอบความถูกตอง โดยกลับไปยัง Top view โดยใชคําสั่ง View43D Views4Top แลวเปลี่ยนโหมดแสดงผลเปนโครงลวด เพื่อเปรียบ เทียบกับแบบแปลน 2 มิติ เพื่อตรวจดูวาแนวเสนหลังคาทั้ง 3 มิตแิ ละ 2 มิตทิ บั ซอนกันพอดีหรือไม
268
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม Note
269
เมือ่ ตรวจสอบความถูกตองเรียบรอยแลว เริม่ สรางเชิงชาย โดยเราจะตองหมุนมุมมองใหมองไปทีด่ า น ลางของหลังคา แลวจึงเพิ่มความหนาใหกลับดานลางของหลังคาดังนี้
63. จากรูปที่ 12.27 หมุนมุมมอง ใหมองเห็นดานลางของหลังคา โดยใชคําสัง่ View4 Orbit4Free Orbit ใหปรากฏดังรูปที่ 12.28 (ซาย)
รูปที่ 12.28
64. จากรูปที่ 12.28 (ซาย) เพิม่ ความหนาใหกบั ดานลางของหลังคา โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Extrude Command: _extrude
{จากรูปที่ 12.28 (ซาย)}
Current wire frame density: ISOLINES=4
{กดปุม E คางไว แลวคลิกดานลางของหลังคาตรงจุดที่ 6} {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify height of extrusion or [Direction/Path/Taper angle] <0.2000>: T {พิมพตวั เลือก T} Specify angle of taper for extrusion <0>: 30 {กําหนดคามุมเรียว 30 แลวกดปุม Q} Specify height of extrusion or [Direction/Path/Taper angle] <0.0000>: 0.2 {กําหนดคา ความหนา 0.2 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.28 (ขวา)} Select objects to extrude: 1 found
Select objects to extrude:
65. กลั บไปยั งมุ มมองเดิ ม โดยใช คําสั่ ง View4Zoom4Previous
จะปรากฏดั งรู ปที่ 12.29
66. จากรูปที่ 12.29 เคลือ่ นยายหลังคาและเชิงชายขึน้ ไปในแนวดิง่ สูงจากพืน้ 6.5 เมตร โดยใชคําสัง่ Modify4Move ตามวิธีในขอ 46 ใหแนใจวา อยูในสถานะ เปด เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกจุดที่ 7 รูปที่ 12.29 และ 8 เพื่ อเลื อกหลั งคาและเชิ งชายแบบ Crossing แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิก ณ จุดใดๆ หรือคลิกจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... พิมพ คารีเลทีฟคอรออรดิเนท @0,0,6.5 แลวกด ปุม Q หรือเลือ่ นเคอรเซอรขึ้นในแนว ดิง่ เมือ่ ปรากฏเวคเตอรแสดงคา +Z ใหพมิ พ 6.5 แลวกดปุม Q หลังคาและเชิงชายจะลอยขึน้ ในแนวดิ่งไปอยูในระดับที่ถูกตอง 67. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “เสาชัน้ บน” , “เสาชัน้ ลาง” , “เสาชัน้ ลางชัน้ บน”, “พืน้ ชัน้ บน” , “พืน้ ชัน้ ลาง”, “พืน้ นอกบาน” , “รัว้ -ขอบเขต” , ”รัว้ -เสา” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “หลังคา” เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.30
chap-12-1.PMD
269
12/10/2549, 21:50
270
68. ทดลองเป ดโหมดเปอร สเปคที ฟ โดย คลิ กบนปุ ม ไอคอน Perspective Projection บนแดชบอร ด คลิกบนปุ ม ไอคอน Sun status เพื่อเปดโหมด แสงอาทิ ต ย คลิ ก บนปุ ม Full shadows เพื่อเปดโหมดแสดงเงาเต็มรูป แบบ แล ว ใช คํ า สั่ ง View 4 Orbit4 Contrained Orbit หมุนมุมมองให ปรากฏดังรูปที่ 12.31 (ซาย) แลวบันทึก รูปที่ 12.30 มุมมองเปอรสเปคทีฟเก็บไวใชงาน โดย คลิกบนปุม ไอคอน บนทูลบาร 3D Modeling คางไว แลวคลิกบนปุมไอคอน เพื่อบันทึกมุมมองที่ 1 แลวใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit หมุน เพือ่ บันทึกมุมมองที่ 2 มุมมองใหปรากฏดังรูปที่ 12.31 (ขวา) แลวคลิกบนปุม เพื่อเก็บไวใชงานตอไป
2D Drafting
รูปที่ 12.31
Note
หลังจากทีเ่ ราไดบนั ทึกมุมมอง คลิกบนปุมไอคอน และ
Note
เงาแบบเต็มรูปแบบจะปรากฏก็ตอ เมื่อการดแสดงผลสนับสนุน Full shadow shading
และ แลว เมือ่ ใดก็ตามทีเ่ ราตองการเรียกคืนมุมมอง เราสามารถ ตามลําดับ เพือ่ เรียกคืนมุมมองใหกลับมาปรากฏในวิวพอรท
69. ตอไปเริม่ สรางผนังชัน้ ลาง โดยกอนอืน่ ละลาย(Thaw)เลเยอร “ผนังชัน้ ลาง” แลว คลิกบนชื่อเลเยอร “ผนังชั้นลาง” เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน แลวแชแข็ง (Freeze)เลเยอร ทั้ ง หมด ยกเว นเลเยอร “พื้ นชั้ นล าง” , “เสาชั้ นล างชั้ นบน” , “เสาชั้นลาง” แลวคลิกบนชื่อเลเยอร “ผนังชั้ นลาง” เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอร ใชงานอีกครัง้ 70. แสดงมุมมองดานบน โดยใชคําสั่ง View43D Views4Top 12.32 (ซาย)
จะปรากฏดังรูปที่
71. จากรูปที่ 12.32 (ซาย) เริม่ เขียนผนัง โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Polysolid
chap-12-1.PMD
270
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
271
รูปที่ 12.32
Command: _Polysolid
{จากรูปที่ 12.32 (ซาย) เปด
# ปด
Specify start point or [Object/Height/Width/Justify] : Specify height <80.0000>:
2.5 {กําหนดความสูงของผนัง 2.5 เมตร}
Specify start point or [Object/Height/Width/Justify] : Specify width <0.1000>:
0.1 {กําหนดความหนาของผนัง 2.5 เมตร}
) ปด ^} H {พิมพตวั เลือก H} W {พิมพตวั เลือก W}
J {พิมพตวั เลือก J} L {พิมพตวั เลือก L เพือ่ กําหนดใหผนังชิดซาย} Specify start point or [Object/Height/Width/Justify] : {คลิกจุดที่ 1} Specify next point or [Arc/Undo]: {คลิกจุดที่ 2} Specify next point or [Arc/Undo]: {คลิกจุดที่ 3} Specify next point or [Arc/Close/Undo]: {คลิกจุดที่ 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10} Specify next point or [Arc/Close/Undo]: C {พิมพตวั เลือก C เพือ ่ สรางผนังแบบปดไปยังจุดเริม่ ตน} Specify start point or [Object/Height/Width/Justify] : Enter justification [Left/Center/Right] :
72. จากรู ปที่ 12.32 (ซ าย) เขี ยนผนั งครั ว โดยคลิ กขวา เพื่ อทํา ซ้ํา คําสั่ ง Draw4 Modeling4Polysolid เปด # แลวคลิกจุดที่ 11 และ 12 แลวคลิกขวา 73. จากรูปที่ 12.32 (ซาย) เขียนผนังหองน้ํา โดยคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสั่ง Draw4 Modeling4Polysolid เปด # เปด ) แลวคลิกจุดที่ 13, 14 และ 15 แลวคลิกขวา 74. จากรูปที่ 12.32 (ซาย) เขียนผนังหองรับแขก โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Draw4 Modeling4Polysolid เปด # เปด ) แลวคลิกจุดที่ 16 แลวเลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ไปตามแนวแกน Y แลวพิมพคา 2.8 แลวกดปุม Q แลว คลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ 75. จากรูปที่ 12.32 (ซาย) เขียนผนังหองบันได โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Draw4 Modeling4Polysolid เปด # เปด ) พิมพตัวเลือก W แลว กําหนดความหนาของผนังเทากับ 0.2 แลวคลิกจุดที่ 17 และ 18 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.32 (ขวา) 76. กลับไปยังมุมมองเดิม โดยใชคําสั่ง View4Zoom4Previous หรือใชคําสั่ง View43D Views4SE Isometric จะปรากฏดังรูปที่ 12.33 (ซาย)
chap-12-1.PMD
271
12/10/2549, 21:50
272
2D Drafting
รูปที่ 12.33
77. จากรูปที่ 12.33 (ซาย) เคลือ่ นยายผนังขึน้ ในแนวดิง่ โดยใชคาํ สัง่ Modify4Move {จากรูปที่ 12.33 (ซาย) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนผนังจุดที่ 1, 2, 3, 4, 5 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point or [Displacement] : {คลิกจุดที่ 6} Specify second point or <use first point as displacement>: {คลิกจุดที่ 7 จะปรากฏดังรูปที่ 12.33 (ขวา)} Command: _move Select objects:
78. เริม่ สรางผนังชัน้ บน โดยละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “ผนังชั้นบน” , “เสาชัน้ บน” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “ผนังชัน้ บน” เพือ่ กําหนดให เปนเลเยอรใชงาน แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “พืน้ ชัน้ ลาง”, “ผนังชัน้ ลาง” , “เสาชัน้ ลาง” แลวคลิกบนชือ่ เลเยอร “ผนังชั้นบน” เพือ่ กําหนดให เปนเลเยอรใชงาน 79. แสดงมุมมองดานบน โดยใชคําสั่ง View43D Views4Top 12.34 (ซาย)
จะปรากฏดังรูปที่
รูปที่ 12.34
80. จากรูปที่ 12.34 (ซาย) เขียนผนังชัน้ บน โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Polysolid เปด # แลวพิมพตวั เลือก H แลวกําหนดความสูงของผนังเทากับ 2.6
chap-12-1.PMD
272
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
273
พิมพตัวเลือก W แลวกําหนดความหนาของผนังเทากับ 0.1 พิมพตัวเลือก J แลว กําหนดผนังใหชิดขอบซาย โดยพิมพตัวเลือก L แลวคลิกจุดที่ 8, 9, 10, 11, 12, 13 แลวพิมพ C เพือ่ สรางผนังแบบปด แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ 81. จากรูปที่ 12.34 (ซาย) เขียนผนังหองนอน โดยคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสั่ง Draw4 Modeling4Polysolid เปด # แลวคลิกจุดที่ 14 และ 15 แลวคลิกขวา 82. จากรูปที่ 12.34 (ซาย) เขียนผนังหองน้ํา โดยคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสั่ง Draw4 Modeling4Polysolid เปด # แลวคลิกจุดที่ 16, 17 และ 18 แลว คลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ 83. จากรูปที่ 12.34 (ซาย) เขียนผนังหองนอน โดยคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสั่ง Draw4 Modeling4Polysolid เปด # แลวคลิกจุดที่ 19 และ 20 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ 84. จากรูปที่ 12.34 (ซาย) เขียนผนังโถงบันได โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Draw4 Modeling4Polysolid เปด # แลวคลิกจุดที่ 21, 22, 23 และ 24 แลว คลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.34 (ขวา) 85. กลับไปยังมุมมองเดิม โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Previous หรือใชคาํ สัง่ View 43D Views4SE Isometric จะปรากฏดังรูปที่ 12.35 (ซาย)
รูปที่ 12.35
86. จากรูปที่ 12.35 (ซาย) เคลือ่ นยายผนังขึน้ ในแนวดิง่ สูงจากพืน้ 3.7 เมตร โดยใชคําสัง่ Modify4Move ตามวิธีในขอ 46 ใหแนใจวา อยูในสถานะเปด เมื่อ ปรากฏ Select objects: คลิกจุดที่ 25, 26, 27, 27, 28 และ 29 เพือ่ เลือกผนังชัน้ บน ทัง้ หมด แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิก ณ จุดใดๆ หรือคลิกจุดที่ 30 เมื่อปรากฏ Specify second point... พิมพคารีเลทีฟคอรออรดิเนท @0,0,3.7 แลวกดปุม Q หรือเลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ เมือ่ ปรากฏเวคเตอรแสดงคา +Z ใหพิมพ 3.7 แลวกดปุม Q ผนังทั้งหมดจะลอยขึน้ ใน แนวดิง่ ไปอยูใ นระดับทีถ่ กู ตองดังรูปที่ 12.35 (ขวา)
chap-12-1.PMD
273
12/10/2549, 21:50
274
Note
จากรูปที่ 12.35 (ขวา) เราจะเห็นวาหลังจากที่เคลื่อนยายผนังขึน้ ไปอยูในระดับความสูงทีถ่ ูกตองแลว เสน 2 มิตติ า งๆ ของผนังจะปรากฏอยูที่พื้น เราจะไมใชเสนตางๆ เหลานี้แลว ดังนั้น ควรลบเสน 2 มิติ ตางๆ ทิง้ ไป ในการลบ เราอาจจะเปลีย่ นพืน้ ทีว่ าดภาพเปน 4 วิวพอรท แลวเลือกวัตถุในวิวพอรท Front หรือ Left เนื่องจากเราสามารถใชโหมดการเลือกแบบ Window ในวิวพอรทดังกลาวได โดยไมตอง เกรงวาวัตถุทไี่ มตอ งการลบจะถูกเลือกดวย หรือถาไมตอ งการเปลีย่ นเปน4 วิวพอรท เราอาจจะใชคําสัง่ View4Orbit4Contrained Orbit ใหสามารถเลือกวัตถุในโหมด Window ไดอยางสะดวก ในทีน่ ี้ ผูเขียนจะยังไมแสดงวิธีลบเสน 2 มิติตางๆ ในขณะนี้ จนกวาเราจะขึ้นรูปโมเดลบานหลังนี้เกือบจะ เสร็จเรียบรอย จึงจะแสดงวิธีการลบเสน 2 มิติตางๆ ที่ไมตองการใชงาน
2D Drafting
87. ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิ ก บนไอคอน ของเลเยอร “พื้ น ชั้ นบน” , “พืน้ ชั้นลาง” , “ผนังชัน้ ลาง” , “เสาชัน้ ลาง” ปลดล็อคเลเยอร โดยคลิกไอคอน ของเลเยอร “เสาชั้นลางชัน้ บน” คลิกบนชือ่ เลเยอร “ผนังชัน้ ลาง” เพือ่ กําหนดให เปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.36 (ซาย)
รูปที่ 12.36
88. รูปที่ 12.36 (ซาย) ขยายภาพ โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Window และ 2 จะปรากฏดังรูปที่ 12.36 (ขวา)
คลิกจุดที่ 1
89. จากรูปที่ 12.36 (ขวา) วัดความสูงของชองวางระหวางผนังชัน้ ลางและผนังชัน้ บน โดยใชคําสัง่ Tools4Inquiry4Distance แลวคลิกจุดที่ 3 และ 4 โปรแกรมจะ รายงานความสูงเทากับ 0.7 เมตร 90. จากรูปที่ 12.36 (ขวา) เขียนผนั งปดชองวาง โดยใชคําสั่ ง Draw4 Modeling4 Polysolid เปด # แลวพิมพตวั เลือก H แลวกําหนดความสูงของผนัง เทากับ 0.7 พิมพตวั เลือก W แลวกําหนดความหนาของผนังเทากับ 0.1 พิมพตวั เลือก J แลวกําหนดผนังใหชดิ ขอบขวา โดยพิมพตวั เลือก R แลวคลิกจุดที่ 5, 3, 6 (สําหรับ จุดที่ 6 ใหแนใจวาปรากฏมารคเกอร ประมาณจุดที่ 6 แลวจึงคลิกซาย) แลว คลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.37 (ซาย) 91. กลับไปยังจอภาพเดิม โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Previous 12.37 (ขวา)
chap-12-1.PMD
274
จะปรากฏดังรูปที่
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
275
รูปที่ 12.37
92. แลวคลิกบนชื่อเลเยอร “ผนังชั้นลาง” เพื่อกําหนดให เป นเลเยอร ใช งาน แล ว แช แข็ ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิ กบนไอคอน ของ เลเยอร ทั้ งหมด ยกเว นเลเยอร “ผนั ง ชั้ น ล าง” เพี ยงเลเยอร เดี ยว แล วคลิ กบน ชื่อเลเยอร “ผนังชั้นลาง” เพื่อกําหนดให เปนเลเยอร ใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.38 (ซาย) รูปที่ 12.38
93. บันทึกสถานะเลเยอรเก็บไวใชงาน โดยใชคําสั่ง Format4Layer จะปรากฏ Layer States ไดอะล็ อค Layer Properties Manager คลิกบนปุ มไอคอน Manager จะปรากฏไดอะล็อค Layer States Manager ใหคลิกบนปุม New เมื่อ ปรากฏไดอะล็อค New Layer State to Save พิมพชอื่ สถานะ “ผนังชัน้ ลาง” แลวคลิก บนปุม OK คลิกบนปุม Close คลิกบนปุม OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อคทัง้ หมด 94. จากรูปที่ 12.38 (ซาย) รวมผนังชัน้ ลางทัง้ หมดใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 7 และ 8 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.38 (กลาง-ซาย) 95. ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “ผนังชัน้ บน” แลวคลิก บนชือ่ เลเยอร “ผนังชัน้ บน” เพือ่ กําหนดให เปนเลเยอร ใช ง าน แล ว แช แข็ ง (Freeze)เลเยอร โดยคลิ ก บนไอคอน ของเลเยอร “ผนั ง ชั้ น ล า ง” แล ว คลิ ก บนชื่ อเลเยอร “ผนั ง ชั้ น บน” เพื่ อกํ า หนดให เปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.38 (กลาง-ขวา) 96. บันทึกสถานะเลเยอรเก็บไวใชงาน โดยใชคําสั่ง Format4Layer จะปรากฏ ไดอะล็ อค Layer Properties Manager คลิกบนปุ มไอคอน Layer States
chap-12-1.PMD
275
12/10/2549, 21:50
276
Manager จะปรากฏไดอะล็อค Layer States Manager ใหคลิกบนปุม New เมื่อ ปรากฏไดอะล็อค New Layer State to Save พิมพชอื่ สถานะ “ผนังชัน้ บน” แลวคลิก บนปุม OK คลิกบนปุม Close คลิกบนปุม OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อคทัง้ หมด
2D Drafting
97. จากรูปที่ 12.38 (กลาง-ขวา) รวมผนังชัน้ บนทัง้ หมดใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน โดย ใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมื่อปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 9 และ 10 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.38 (ขวา) Note
เมื่อเรา Union โซลิดของผนังเขาดวยกันแลว เราอาจจะไมเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ บนโซลิด เรา สามารถตรวจสอบวาโซลิดผนังถูกรวมเปนชิน้ เดียวกันแลวหรือไม โดยในขณะที่บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ ใหเลือ่ นเคอรเซอรไปบนโซลิดผนังหรือคลิกบนโซลิดผนัง หากผนังทัง้ หมด ปรากฏ เปนเสนประพรอมๆ กัน แสดงวาผนังทั้งหมดถูกรวมเขาเปนชิ้นเดียวกันแลว
98. เริม่ เขียนหลังคาหองน้ําหลังบาน โดยกอนอืน่ กําหนดสถานะของเลเยอรใหปรากฏ เปนเลเยอรใชงาน ดังรูปที่ 12.39 (ซาย) แลวกําหนดให แล วใช คําสั่ ง View4 Orbit4 Contrained Orbit หมุ นมุมมองและใชคําสั่ ง View4Zoom4Realtime ขยายมุมมองหลังบานใหปรากฏดังรูปที่ 12.39 (ขวา) รูปที่ 12.39
99. จากรูปที่ 12.39 (ขวา) เขียนฝาปดหองน้ํา โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Box ใหแนใจวา ^ อยูในสถานะเปด แลวปด # แลวเลือ่ นเคอรเซอร ไปบนสันผนังตรงจุดที่ 1 เมื่อผิวหนาดานบนของผนังปรากฏเปนเสนประ เปด # แลวคลิกจุดที่ 2 คลิกจุดที่ 3 เมื่ อปรากฏขอความ Specify height... พิมพคาความสูง 0.02 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.40 (ซาย) Note
หากเลือ่ นเคอรเซอรไปบนผิวหนาแลวไมปรากฏเสนประบนผิวหนาทีต่ อ งการ เราจะตองขยายภาพให มีขนาดใหญมากขึน้
100. จากรูปที่ 12.40 (ซาย) รวมผนังฝาปดหองน้ําเขากับผนังชั้นลางใหกลายเปนชิ้น เดียวกัน โดยใชคําสั่ง Modify4Solid Editing4Union เมื่อปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 4 และ 5 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.40 (ขวา)
chap-12-1.PMD
276
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
277
รูปที่ 12.40
101. จากรูปที่ 12.40 (ขวา) เริ่มเขียนหนาตัดของหลังคาหองน้ํา โดยกอนอื่นๆ ปรับ ระนาบ XY ใหขนานกับผิวหนาดานขางของผนังหองน้ําเสียกอน โดยใชคําสั่ง Tools4New UCS4Face เมื่อปรากฏขอความ Select face of solid object: ใหคลิกประมาณจุดที่ 6 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ ระนาบ XY จะขนานกับผิว ผนาจุดที่ 6 102. จากรูปที่ 12.40 (ขวา) เขียนเสนโพลีไลน โดยใชคําสัง่ Draw4Polyline เมือ่ ปรากฏขอความ Specify start point: เปด ) เปด _ เปด # แลวคลิกจุดที่ 7 คลิกจุดที่ 8 แลวเลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 9 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหคลิกซาย หากไมปรากฏเวคเตอรดังกลาวแตปรากฏเวคเตอร แทน ใหพมิ พ 0.68 แลวกดปุม Q แลวเลือ่ นเคอรเซอร กลับไปยังจุ ดที่ 7 แลวเลื่อนเคอร ออกจากจุดที่ 7 มุ งไปยังจุดที่ 10 เมื่ อปรากฏ เวคเตอร ใหพิมพ 0.3 แลวกดปุม Q แลวกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.41 (ซาย)
รูปที่ 12.41
103. จากรูปที่ 12.41 (ซาย) คลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ ใชคําสั่ง Draw4Polyline เมือ่ ปรากฏขอความ Specify start point: ปด ^ แลวคลิกจุดที่ 11 เลือ่ นเคอรเซอร ลงไปยังจุดที่ 12 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.4 แลวกดปุม Q ตอไปกดปุม S คางไว แลวคลิกขวา เลือกออฟเจกทสแนปในโหมด (Perpendicular) เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 13 แลวคลิกซาย แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.41 (ขวา)
chap-12-1.PMD
277
12/10/2549, 21:50
278
104. จากรูปที่ 12.41 (ขวา) ตัดเสนสวนเกิน โดยใชคําสัง่ Modify4Trim Command: _trim
2D Drafting
{จากรูปที่ 12.41 (ขวา) }
View is not plan to UCS. Command results may not be obvious. Current settings: Projection=UCS, Edge=None Select cutting edges ...
{เลือกเสนขอบตัด}
{คลิกบนเสนตรงจุดที่ 14 } {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากโหมดการเลือกขอบตัด}
Select objects or <select all>: 1 found Select objects:
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/eRase/Undo]:
{คลิกบนเสนตรงจุดที่ 15 }
Select object to trim or shift-select to extend or
[Fence/Crossing/Project/Edge/eRase/Undo]: {คลิกขวาหรือกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่12.42 (ซาย)}
รูปที่ 12.42
105. จากรูปที่ 12.42 (ซาย) แปลงเสนโพลีไลนทงั้ สองใหเปน Region โดยใชคําสัง่ Draw เมื่ อปรากฏขอความ Select objects คลิ กบนเส นจุดที่ 1 และ 2 4 Region แลวคลิกขวา Region จะถูกสรางขึน้ ดังรูปที่ 12.42 (ขวา) 106. จากรูปที่ 12.42 (ขวา) ใหแนใจวา เปนเลเยอรใชงาน แลวเพิม่ ความหนาใน 3 มิติใหกบั Region โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects to extrude: คลิกบน Region จุดที่ 3 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height of extrusion... พิมพคา ความหนา -0.2 แลวกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.43 (ซาย) รูปที่ 12.43
107. ปรับระนาบ XY ของ UCS กลับไปที่ WCS โดยใชคาํ สัง่ Tools4New UCS4World 108. จากรูปที่ 12.43 (ซาย) หมุนมุมมองใหมองเห็นอีกดานหนึง่ โดยคลิกบนปุม ไอคอน
chap-12-1.PMD
278
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
279
3D Orbit with Rotation Center บนทูลบาร 3D Modeling เมือ่ ปรากฏ Specify orbit center point: คลิกจุดที่ 4 แลวหมุนมุมมองใหปรากฏดังรูปที่ 12.43 (ขวา) 109. จากรูปที่ 12.43 (ขวา) เขียนกลองสี่เหลี่ยมผืนผา โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling เปด ^ ปด # เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 5 เมือ่ ผิวหนาจุด 4Box ที่ 5 ปรากฏเปนเสนประ เปด # แลวเลื่อนเคอรเซอรตรงไปยังจุดที่ 6 ทันที แลวคลิกซาย เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 7 แลวกําหนดความกวาง โดยเลือ่ น เคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 8 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.2 แลวกดปุม Q เมื่ อปรากฏข อ ความ Specify height ใหพิมพ -0.1 แลวกดปุม Q เพือ่ กําหนดความหนา จะ ปรากฏดังรูปที่ 12.44 (ซาย) รูปที่ 12.44
110. จากรูปที่ 12.44 (ซาย) รวมโซลิดทั้ งสองใหกลายเปนชิ้นเดียวกัน โดยใชคําสั่ง Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 9 และ 10 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.44 (ขวา) 111. จากรูปที่ 12.44 (ขวา) คัดลอกโซลิดแบบพลิกกลับ โดยใชคําสั่ ง Modify4 3D Operations43D Mirror {จากรูปที่ 12.44 (ขวา) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนโซลิดตรงจุดที่ 11 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ}
Command: _mirror3d
Select objects: 1 found
Specify first point of mirror plane (3 points) or
YZ {พิมพตวั เลือก YZ เพือ่ ใชระนาบ YZ เปนระนาบในการพลิกกลับ เราสามารถดูระนาบไดจากยูซเี อสไอคอน} Specify point on YZ plane <0,0,0>: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย } Delete source objects? [Yes/No] : {คลิกขวาหรือกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.45 } [Object/Last/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>:
รูปที่ 12.45
chap-12-1.PMD
279
112. จากรูปที่ 12.45 เขียนกลองสี่เหลี่ยมผืนผา โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling 4Box เป ด ^ ป ด # เลื่ อ น เคอรเซอรไปยังจุดที่ 13 เมือ่ ผิวหนาจุดที่ 13 ปรากฏเปนเสนประ เปด # แลว เลื่ อนเคอร เซอร ตรงไปยั งจุ ดที่ 14 ทั นที แลวคลิกซาย เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 15 แล ว กํ า หนดความกว า ง โดยเลื่ อน
12/10/2549, 21:50
280
เคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 16 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.2 แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height ใหพมิ พ -0.1 แลวกดปุม Q เพือ่ กําหนดความหนา จะปรากฏดังรูปที่ 12.46 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.46
113. จากรูปที่ 12.46 (ซาย) รวมโซลิดใหกลายเปนชิ้นเดียวกันกับผนังชั้นลาง โดยใช คําสั่ง Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิก จุดที่ 1, 2, 3 และ 4 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.46 (ขวา) 114. รูปที่ 12.46 (ขวา) เขียนหลังคา โดยกอนอืน่ กําหนดทิศทางการหันเหของ UCS ^ เปด # เมือ่ โดยใชคําสัง่ Tools4New UCS43 Points ปด ปรากฏขอความ Specify new origin point <0,0,0>: คลิกจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏ Specify point on positive portion of X-axis คลิกจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏ Specify point on positiveY portion of the UCS XY plane คลิกจุดที่ 7 115. จากรูปที่ 12.46 (ขวา) เขียนหลั งคากลองสี่ เหลี่ ยมผืนผา โดยใชคําสั่ ง Draw4 Modeling4Box ปด ^ เปด # เปด ) เปด _ คลิกจุดที่ 8 เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 9 แลวเลือ่ นเคอรเซอรตอ ไปยังจุดที่ 10 ทันที ใหแนใจวาปรากฏ ในขณะเลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 10 แลวเลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 11 แลวเลื่อนกลับมาตัดกันตรงจุดที่ 10 เมื่อ ปรากฏเวคเตอร ใหคลิกซาย เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height ให พิมพ -0.05 แลวกดปุม Q หลังคาจะถูกสรางขึน้ 116. ปรับระนาบ XY ของ UCS กลับไปที่ WCS โดยใชคาํ สัง่ Tools4New UCS4World จะปรากฏดังรูปที่ 12.47
รูปที่ 12.47
chap-12-1.PMD
280
117. ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “หลั งคา” แล วคลิ กบนชื่ อเลเยอร “ผนั ง ชั้ นล า ง” เพื่ อกํ า หนดให เลเยอร เป นเลเยอรใช งาน แล วเปลี่ ยนเลเยอรให กั บโซลิ ด โดยในขณะที่ บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบน
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
281
โซลิดตรงจุดที่ 12 ใหปรากฏจุดกริ๊ปส แลวเลือกเลเยอร “หลังคา” จากแถบรายการ ควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D เพื่อยกเลิกการเลือกโซลิด โซลิดที่ถูกเลือกจะ ยายไปอยูในเลเยอร “หลังคา” Note
ตอไปเริ่มเขียนชายคากันสาดขางบาน พอดีชายคากันสาดขางบานเฉพาะสวนบนจะมีลักษณะและ ขนาดเหมือนกับหลังคาหองน้ําดังรูป 12.47 (แตดานลางไมเหมือน) ถาหากเรายังคงทํางานอยูในรูปที่ 12.46 (ซาย) เราก็สามารถคัดลอกสวนบนของชายคาไปแกไขเพิ่มเติมไดโดยงาย แตในขณะนี้ เราได Union ชายคาหองน้ําเขาเปนสวนเดียวกันกับผนังไปแลว ยกเวน แผนที่ใชเปนหลังคาดังรูปที่ 12.47 (จุดที่ 12) เทานัน้ ทีย่ งั มิได Union ดังนัน้ เราจึงไมสามารถทีจ่ ะคัดลอกชายคาหองน้ําไปใชงานในทันที ได เนือ่ งจาก ชายคาหองน้ําเปนเนือ้ เดียวกันกับผนังชั้นลาง เราจะตอง Slice ตัดหลังคาหองน้ํา เพื่อแยก ชายคาหองน้ําออกจากผนังชัน้ ลางเสียกอน แลวจึงคัดลอกและหมุนสวนที่ไดคัดลอก 90 องศา แลวจึง Union หลังคาหองน้ํากลับไปยึดติดกับผนังเชนเดิม แลวจึงนําหลังคาหองน้ําที่ไดคัดลอกออกมาไป ทําการแกไขใหเปนชายคากันสาดขางบานดังนี้
118. ใชคําสั่ง View4Zoom4Realtime
ขยายภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.48 (ซาย)
รูปที่ 12.48
119. จากรูปที่ 12.48 (ซาย) ตัดเฉือนชายคาหองน้ําออกจากผนัง โดยใชคําสัง่ Modify4 3D Operations4Slice {จากรูปที่ 12.48 (ซาย) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนวัตถุตรงจุดที่ 13 } Select objects to slice: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ}
Command: _slice
Select objects to slice:
Specify start point of slicing plane or [planar
ZX {ใหมองทีย่ ซู เี อสไอคอน เราจะสังเกตุวา ระนาบ XZ ของยูซเี อสไอคอนขนานกับระนาบทีเ่ ราจะแยกหลังคาหองน้าํ ดังนัน้ ใหพมิ พตวั เลือก ZX แลวกดปุม Q } Specify a point on the ZX-plane <0,0,0>: {เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 14 เมื่อปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เพื่อกําหนดจุดที่ระนาบตัดจะพาดผาน} Specify a point on desired side or [keep Both sides] : {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ใชตวั เลือก Both ซึง่ จะแบงโซลิดออกเปน 2 สวนโดยมิไดลบสวนใดสวนหนึง่ } Object/Surface/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>:
Note
chap-12-1.PMD
เราจะเห็นวาไมมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง จนกวาเราจะเลื่อนเคอรเซอรไปบนวัตถุ หาก Selection Preview อยูใ นสถานะเปด เราจึงจะเห็นเฉพาะหลังคาหองน้ําหรือผนังปรากฏเปนเสนประแยกอิสระตอกัน
281
12/10/2549, 21:50
282
120. จากรูปที่ 12.48 (ซาย) คัดลอกและหมุนหลังคาหองน้ํา โดยใชคําสั่ง Modify4 Rotate Command: _rotate
{จากรูปที่ 12.48 (ซาย) ใหแนใจวา
2D Drafting
# อยูใ นสถานะเปด}
Current positive angle in UCS: ANGDIR=counterclockwise ANGBASE=0
{คลิกบนวัตถุตรงจุดที่ 13 และ 15 } {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point: {เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 16 เมื่อปรากฏมารคเกอร คลิกซาย} Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: C {ใหพม ิ พตวั เลือก C แลวกดปุม Q } Rotating a copy of the selected objects. {โปรแกรมรายงานวาหมุนแบบคัดลอกวัตถุดว ย} Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: 90 {พิมพคา มุม 90 องศา แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.48 (ขวา)} Select objects:
Select objects:
121. จากรูปที่ 12.48 (ขวา) รวมโซลิดหลังคาหองน้ําและผนังชั้นลางใหกลายเปนชิ้น เดียวกันเชนเดิม โดยใชคําสั่ ง Modify4Solid Editing4 Union เมื่อปรากฏ ขอความ Select objects คลิกโซลิดจุดที่ 17 และ 18 แลวคลิกขวา 122. จากรูปที่ 12.48 (ขวา) เคลือ่ นยายหลังคาหองน้ําและแผนหลังคาออกไปวางยังพืน้ ที่ วางๆ หางออกมาจากเดิมเล็กนอย โดยใชคําสัง่ Modify4Move เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 19 และ 20 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิกประมาณจุดที่ 21 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... คลิกประมาณจุดที่ 22 จะปรากฏดังรูปที่ 12.49 (ซาย) รูปที่ 12.49
123. แชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน บนชือ่ เลเยอร “ผนังชัน้ ลาง” เพือ่ กําหนดให ใชงาน
ของเลเยอร “หลังคา” แลวคลิก เปนเลเยอร
124. จากรู ปที่ 12.49 (ซ าย) ตั ดเฉื อนหลั งคา โดยใช คําสั่ ง Modify43D Operations4Slice {จากรูปที่ 12.49 (ซาย) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนวัตถุตรงจุดที่ 1 } Select objects to slice: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Command: _slice
Select objects to slice: 1 found
Specify start point of slicing plane or [planar Object/Surface/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>:
chap-12-1.PMD
282
ZX{ใหมองทีย่ ูซเี อสไอคอน
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
283
เราจะสังเกตุวา ระนาบ XZ ของยูซเี อสไอคอนขนานกับระนาบทีเ่ ราจะตัดหลังคาหองน้าํ ดังนัน้ ใหพมิ พตวั เลือก ZX แลวกดปุม Q } Specify a point on the ZX-plane <0,0,0>: {เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย} Specify a point on desired side or [keep Both sides] : {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย อีกดานหนึง่ ของโซลิดจะถูกตัดทิง้ ไปดังรูปที่ 12.49 (ขวา) }
125. จากรูปที่ 12.49 (ขวา) เขียนกลองสีเ่ หลีย่ มผืนผา เพือ่ นําไปหักลบสวนทีไ่ มตอ งการ โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4Box เปด # เมื่อปรากฏขอความ Specify first corner or [Center]: คลิกจุดที่ 4 เมื่อปรากฏขอความ Specify other corner or [Cube/Length]: คลิกจุดที่ 5 โซลิดจะถูกสรางขึ้น แตจะจมอยูภ ายในผนัง ของโซลิดของหลังคา เราสามารถเลื่อนเคอรเซอรไปบนโซลิดเพื่อตรวจสอบได 126. จากรูปที่ 12.49 (ขวา) หักลบกลองโซลิดทีถ่ กู สรางในขอ 125 ออกจากโซลิดหลังคา โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกจุดที่ 7 จะปรากฏดังรูปที่ 12.50 (ซาย) รูปที่ 12.50
127. จากรูปที่ 12.50 (ซ าย) เพิ่ มความหนาใหกั บผนั ง โดยคลิ กบนปุ มไอคอน Presspull บนแดชบอรด เมือ่ ปรากฏขอความ Click inside bounded areas to press or pull. คลิกบนผิ วหนาตรงจุดที่ 8 แลวเลื่ อนเคอร เซอรเพื่ อดึ งผิ วหน าออกมา ดานนอก แลวพิมพ 0.1 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.50 (กลาง) 128. ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ชื่อเลเยอร “ผนังชั้นลาง” เพื่อกําหนดให ใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.50 (ขวา)
ของเลเยอร “หลังคา” แลวคลิกบน เปนเลเยอร
129. จากรูปที่ 12.50 (ขวา) เคลือ่ นยายหลังคาหองน้ําและแผนหลังคาออกไปวางใกลๆ กับผนังอีกดานหนึ่ง โดยใชคําสัง่ Modify4Move ปด # ปด ) เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 9 และ 10 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify base point ... คลิกประมาณจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... คลิกประมาณจุดที่ 12 จะปรากฏดังรูปที่ 12.51 (ซาย)
chap-12-1.PMD
283
12/10/2549, 21:50
284
2D Drafting
รูปที่ 12.51
130. รูปที่ 12.51 (ซาย) หมุนมุมมองใหมองเห็นอีกดานหนึง่ โดยคลิกบนปุม ไอคอน 3D Orbit with Rotation Center บนทูลบาร 3D Modeling เมื่อปรากฏขอความ Specify orbit center point: กําหนดจุดหมุน โดยคลิกจุดที่ 1 แลวหมุนมุมมองให ปรากฏดังรูปที่ 12.51 (กลาง) 131. รูปที่ 12.51 (กลาง) เขียนกลองสี่เหลี่ยมผืนผา เพื่อนําไปหักลบสวนที่ไมตอ งการ โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Box ปด ^ เปด # คลิกจุดที่ 2 เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 3 แลวเลื่อนเคอรเซอรยอนกลับไปตามทิศทางของ จุดที่ 4 ใหแนใจวาปรากฏ ในขณะเลื่อนเคอรเซอรไปยัง จุดที่ 4 แลวพิมพ 0.2 แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height ให พิมพ 0.9 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.51 (ขวา) 132. จากรูปที่ 12.51 (ขวา) หักลบกลองโซลิดทีถ่ กู สรางในขอ 131 ออกจากโซลิดหลังคา โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกจุดที่ 6 จะปรากฏดังรูปที่ 12.52 (ซาย)
รูปที่ 12.52
133. รูปที่ 12.52 (ซาย) เขียนกลองสี่เหลี่ยมผืนผา เพื่อนําไปหักลบสวนที่ไมตองการ โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Box ปด ^ เปด # คลิกจุดที่ 7 เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 8 แลวเลื่อนเคอรเซอรยอนกลับไปตามทิศทางของ
chap-12-1.PMD
284
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
285
จุดที่ 9 ใหแนใจวาปรากฏ ในขณะเลื่อนเคอรเซอรไปยัง จุดที่ 9 แลวพิมพ 0.4 แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height ให พิมพ 0.7 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.52 (กลาง) 134. จากรูปที่ 12.52 (กลาง) หักลบกลองโซลิดทีถ่ กู สรางในขอ 133 ออกจากโซลิดหลังคา โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกจุดที่11 จะปรากฏดังรูปที่ 12.52 (ขวา) 135. จากรูปที่ 12.52 (ขวา) สรางสวนโคง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Fillet Command: _fillet
{จากรูปที่ 12.52 (ขวา) }
Current settings: Mode = TRIM, Radius = 0.0000
{คลิกบนเสนขอบตรงจุดที่ 12 } 0.2 {ปอนคารัศมี 0.2 แลวกดปุม Q } Select an edge or [Chain/Radius]: {คลิกบนเสนขอบตรงจุดที่ 13 } Select an edge or [Chain/Radius]: {คลิกขวาหรือกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.53 (ซาย)} 2 edge(s) selected for fillet. {โปรแกรมรายงานวาเสนขอบ 2 เสนถูกสรางสวนโคงฟลเลท } Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]:
Enter fillet radius:
รูปที่ 12.53
136. จากรูปที่ 12.53 (ซาย) เคลือ่ นยายหลังคาหองน้ําและแผนหลังคาไปวางยังตําแหนง จริง โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด # เปด ) เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 14 และ 15 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิกจุดที่ 16 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 17 เมื่อปรากฏมารคเกอร แลวเลื่อนเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 18 เมื่อ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 1.25 แลวกดปุม Q จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.53 (ขวา) 137. จากรูปที่ 12.53 (ขวา) คัดลอกโซลิดแบบพลิกกลับ โดยใชคําสั่ ง Modify4 3D Operations43D Mirror
chap-12-1.PMD
285
12/10/2549, 21:50
286
{จากรูปที่ 12.53 (ขวา) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนโซลิดตรงจุดที่ 19 และ 20 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Command: _mirror3d Select objects:
2D Drafting
Specify first point of mirror plane (3 points) or
ZX {พิมพตวั เลือก ZX เพือ่ ใชระนาบ ZX เปนระนาบในการพลิกกลับ ดูระนาบจากยูซเี อสไอคอน} Specify point on YZ plane <0,0,0>: {กดปุม S คางไวแลวคลิกขวา เลือกออฟเจกทสแนปโหมด From} _from Base point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 21 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร แลวคลิกซาย} : @2.4<90 {ใหพม ิ พรเี ลทีฟคอรออรดเิ นท @2.4<90 แลวกดปุม Q (ดูมมุ จากยูซเี อสไอคอน)} Delete source objects? [Yes/No] : {คลิกขวาหรือกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.54 (ซาย) } [Object/Last/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>:
รูปที่ 12.54
138. แชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน บนชือ่ เลเยอร “ผนังชัน้ ลาง” เพือ่ กําหนดให ใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.54 (ขวา)
ของเลเยอร “หลังคา” แลวคลิก เปนเลเยอร
139. รูปที่ 12.54 (ขวา) เขียนแผนสี่เหลี่ยมผืนผาเชื่อมตอจากฝาเดิมของชายคาทั้งสอง ดาน โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4Box ปด ^ เปด # คลิกจุดที่ 1 และ 2 ฝาจะถูกสรางขึน้ เติมเต็มสวนทีข่ าดหายไป 140. รูปที่ 12.54 (ขวา) เขียนขอบสี่ เหลี่ ยมเชื่ อมต อชายคาทั้ งสองด าน โดยใชคําสั่ ง Draw4Modeling4Box เปด ^ ปด # เลือ่ นเคอรเซอรไปยัง จุดที่ 3 เมือ่ ผิวหนาจุดที่ 3 ปรากฏเปนเสนประ เปด # แลวเลือ่ นเคอรเซอร ตรงไปยังจุดที่ 4 ทันที แลวคลิกซาย เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 5 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height ใหพมิ พ -0.1 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูป ที่ 12.55 (ซาย) 141. จากรูปที่ 12.55 (ซาย) รวมโซลิดชายคาและฝาใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกโซลิด จุดที่ 6, 7, 8 และ 9 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.55 (ขวา)
chap-12-1.PMD
286
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
287
รูปที่ 12.55
142. ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ชือ่ เลเยอร “หลังคา” เพือ่ กําหนดให ปรากฏดังรูปที่ 12.56 (ซาย)
ของเลเยอร “หลังคา” แลวคลิกบน เปนเลเยอรใชงาน จะ
รูปที่ 12.56
143. จากรูปที่ 12.56 (ซาย) คัดลอกหลังคา โดยใชคําสัง่ Modify4Copy {จากรูปที่ 12.56 (ซาย) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนหลังคาจุดที่ 10 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point or [Displacement] : {คลิกจุดที่ 11} Specify second point or <use first point as displacement>: {คลิกจุดที่ 12} Specify second point or [Exit/Undo] <Exit>: {คลิ กขวาหรื อกดปุ ม Q จะปรากฏดั งรู ปที่ 12.56 (ขวา)} Command: _copy Select objects:
144. จากรูปที่ 12.56 (ขวา) รวมโซลิ ดหลังคาใหกลายเปนชิ้ นเดียวกัน โดยใชคําสั่ ง Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกโซลิด จุดที่ 13, 14 และ 15 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.57 (ซาย) รูปที่ 12.57
chap-12-1.PMD
287
12/10/2549, 21:50
288
145. เปดโหมดเปเปอรสเปคทีฟ โดยคลิกบนปุม ไอคอน Perspective Projection บน แดชบอรด แลวละลาย(Thaw)เลเยอรทั้งหมด แชแข็ง(Freeze)เลเยอร “ตัวอักษร กํากับพื้นชั้นบน”, “ตัวอักษรกํากับพื้ นชั้นลาง”,“ตัวอักษรกํากับพื้นนอกบาน”, ”เสนโครง”,”เสนบอกขนาด” แลวกําหนดใหเลเยอร 0 (ศูนย) เปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.57 (ขวา)
2D Drafting
146. บันทึกสถานะเลเยอรเก็บไวใชงาน โดยใชคําสั่ง Format4Layer จะปรากฏ ไดอะล็ อค Layer Properties Manager คลิกบนปุ มไอคอน Layer States Manager จะปรากฏไดอะล็อค Layer States Manager ใหคลิกบนปุม New เมื่อ ปรากฏไดอะล็อค New Layer State to Save พิมพชื่อสถานะ “แสดงรูปบาน” แลว คลิกบนปุม OK คลิกบนปุม Close คลิกบนปุม OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อคทัง้ หมด 147. บันทึกมุมมองดังรูปที่ 12.57 (ขวา) เก็บไวใชงาน โดยคลิกบนปุม ไอคอน บน ทูลบาร 3D Modeling คางไว แลวคลิกบนปุม ไอคอน เพือ่ บันทึกมุมมองที่ 3 หากตอไปเราตองการเรียกคืนมุมมองดังกลาวกลับมาใชงานอีกครั้ง เราสามารถ คลิกปุม ไอคอน ไดทนั ที ทดลองคลิกปุม ไอคอน และ ซึ่งเราไดบันทึก มุมมองไวในขอ 68 จะปรากฏดังรูปที่ 12.58 (ซาย) และ 12.58 (ขวา) ตามลําดับ
รูปที่ 12.58
Note
เมือ่ เราตรวจสอบโมเดลรูปบานแลว ปรากฏวามีจดุ ผิดพลาดอยู 1 จุดคือเสาระเบียงตนทีอ่ ยูด า นหนาไม อยูใ นตําแหนงมุมระเบียง เนือ่ งจากผิดพลาดมาจากแบบแปลน 2 มิติ แตเราสามารถแกไขใหถูกตองได อนึง่ การยายตําแหนงเสาใหอยูท มี่ มุ ระเบียงนัน้ ไมใชเรือ่ งทีย่ งุ ยาก แตการยายตําแหนงเสาจะไปกระทบ กับพื้น ดังนั้น เราจะตองแกไขพืน้ ดวยโดยมีขนั้ ตอนดังตอไปนี้
Parallel Projection บน 148. ป ดโหมดเปอรสเปคที ฟ โดยคลิ กบนปุ มไอคอน แดชบอรด แลวใชคําสัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมอง และ ใชคําสั่ง View4Zoom4Realtime ขยายภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.59 (ซาย) 149. จากรูปที่ 12.59 (ซาย) เคลือ่ นยายเสา โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด # เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิกจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... คลิกจุดที่ 3 จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.59 (ขวา)
chap-12-1.PMD
288
12/10/2549, 21:50
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
289
รูปที่ 12.59
150. จากรู ปที่ 12.59 (ขวา) ตั ดเฉื อนพื้ น โดยใช คําสั่ ง Modify43D Operations4Slice {จากรูปที่ 12.59 (ขวา) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบนพืน้ ตรงจุดที่ 4 เพือ่ เลือกวัตถุทตี่ อ งการตัด} Select objects to slice: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Command: _slice
Select objects to slice:
Specify start point of slicing plane or [planar
ZX {ใหพมิ พตวั เลือก ZX แลวกดปุม Q ใหสงั เกตุระนาบตัดจากยูซเี อสไอคอน} Specify a point on the ZX-plane <0,0,0>: {คลิกจุดที่ 5 เพือ่ กําหนดจุดทีร่ ะนาบตัดพาดผาน } Specify a point on desired side or [keep Both sides] : {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย อีกดานหนึง่ ของโซลิดจะถูกตัดทิง้ ไปดังรูปที่ 12.60 (ซาย) }
Object/Surface/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>:
รูปที่ 12.60
151. จากรูปที่ 12.60 (ซาย) วัดระยะหาง โดยใชคําสั่ง Tools4Inquiry4Distance เปด # คลิกจุดที่ 7 และ 8 โปรแกรมรายงานระยะหาง Delta Y = 0.4000 152. จากรูปที่ 12.60 (ซาย) เพิม่ ความหนาใหโซลิด โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing 4Extrude Faces เมือ่ ปรากฏ Select faces... คลิกบนผิวหนาตรงจุดที่ 9 และ 10 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify height of extrusion ... พิมพ 0.4 แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify angle of taper... กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.60 (ขวา) Note
chap-12-1.PMD
ขณะนีเ้ ราไดแกไขโมเดลบานไดถูกตองเรียบรอยแลว ตอไป เราจะสรางประตู หนาตาง วงกบ แลวเจาะ ชองบนผนัง แตเราจะไมสรางประตูหนาตางในไฟล .dwg ทีเ่ ก็บโมเดลบานหลังนี้ เราจะสรางประตูแยก ไปเก็บไวในไฟล .dwg อีกไฟลหนึง่ แลวสรางหนาตางไปเก็บไวในไฟล .dwg อีกไฟลหนึง่ หากมีประตู 6 แบบ เราจะแยกไฟล .dwg เปน 6 ไฟล หากมีหนาตาง 7 แบบ เราจะแยกไฟล .dwg เปน 7 ไฟล รวม ทัง้ สิน้ เปน 13 ไฟล แลวจึงนําไฟล .dwg ของประตูหนาตางมาสอดแทรกบนผนังแบบบล็อคหรือเอกซเรฟ ใน AutoCAD 2007 เอกซเรฟยังมีปญ หาทีร่ อการแกไขจาก Autodesk, Inc. ดังนัน้ เราจึงเลือกสอดแทรก ไฟลแบบบล็อคแทน ซึ่งก็สามารถอับเดท หากมีการเปลี่ยนรูปแบบไดเชนเดียวกันกับเอกซเรฟ
289
12/10/2549, 21:50
290
Note
ในทีน่ ผี้ เู ขียนจะแสดงวิธกี ารสรางไฟล .dwg สําหรับเก็บบานประตูแบบทีห่ นึง่ DoorType1 และหนาตาง WinType1 เพียง 2 แบบเทานั้น สวนประตูและหนาตางแบบอื่นๆ มีวิธีการสรางเหมือนๆ กัน ดังนั้น ผูเขียนจึงไดสรางไฟล .dwg เก็บประตู 6 แบบและหนาตาง 7 แบบซึ่งทั้งหมดเปน 3 มิติ บรรจุอยูใน โฟลเดอร \Exercise บนแผ น DVD-ROM เรี ยบร อยแล ว ไฟล รู ป ประตู คื อ DoorType1.dwg, DoorType2.dwg, ... , DoorType6.dwg ไฟลรูปหนาตางคือ WinType1, WinType2, ... , WinType7 ผูอานสามารถนําไปใชงานตอไปไดทันที เพื่อประหยัดหนากระดาษและไมตองการแสดงขั้นตอน ที่ซ้ําซาก แตถาหากผูอ านตองการทดลองสรางประตูหนาตางแตละแบบ โดยเริ่มจาก 2 มิตดิ วยตนเอง ก็สามารถทําได โดยผูเ ขียนไดบรรจุบล็อคประตูและหนาตาง 2 มิตทิ ุกแบบไวในไฟล House-2D.dwg ซึ่งอยูในโฟลเดอรที่ไดระบุไวขางตนอีกดวย ในการสรางประตู 3 มิติ DoorType1 และหนาตาง 3 มิติ WinType1 มีรายละเอียดและขัน้ ตอนดังตอไปนี้
2D Drafting
153. เปดไฟล House-2D.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื เลมนี้ จะปรากฏดังรูปที่ 12.61 (ซาย) รูปที่ 12.61
154. รูปที่ 12.61 (ซาย) คลิกบนบล็อคประตูตรงจุดที่ 1 จนกระทั่งบล็อคประตูปรากฏ จุดกริป๊ สและเสนประ เลือกคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: คลิกจุดที่ 1 เพือ่ กําหนดจุดสอดแทรก เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกบน บล็อคประตูตรงจุดที่ 2 แลวคลิกขวา 155. ใชคําสั่ง File4New เลือกเทมเพล็ทไฟล Acadiso3d.dwt จะปรากฏดังรูปที่ 12.61 (ขวา) เนือ่ งจากประตูจะตองตั้งขึ้นในแนวดิง่ และขนานกับวิวพอรท Front (มุมซายบน) ดังนั้ น เราจะตองคลิ กวิ วพอร ท Front แล วใช คําสั่ ง Edit4 Paste เมือ่ ปรากฏขอความ Specify insertion point: คลิก ณ ตําแหนงใดๆ ในวิวพอรท Front หรือคลิกจุดที่ 3 เราจะเห็นวาบล็อคที่ปรากฏในวิวพอรทมีขนาดเล็กมากแทบจะ มองไมเห็น ใหคลิกปุม ไอคอน Zoom All Viewports บนทูลบาร 3D Modeling จะปรากฏดังรูปที่ 12.62 Note
chap-12-2.PMD
หากตองการปรับสีของวิวพอรท 2D model space และ 3D parallel projection เราสามารถใชคําสั่ง Tools4Options แลวคลิกแถบคําสัง่ Display คลิกปุม Colors เลือก 2D model space จากชองหนาตาง Context แลวเลือกสีขาวหรือสีดําจากแถบรายการ Color เลือก 3D parallel projection จากชองหนาตาง Context แลวเลือกสีขาวหรือสีดําจากแถบรายการ Color แลวคลิกบนปุม Apply & Close แลวคลิกบน ปุม OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อคทัง้ หมด
290
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
291
รูปที่ 12.62
156. จากรูปที่ 12.62 ระเบิดบล็อคใหกลายเปนวัตถุธรรมดา โดยใชคําสั่ง Modify4 Explode แลวคลิกจุดที่ 4 แลวคลิกขวา แลวคลิกบนปุมไอคอน Save & Update Viewport Configuration เพือ่ บันทึกและปรับปรุงวิวพอรทใหม Note
ถาคลิกแถบรายการควบคุมเลเยอร เราจะเห็นวามีการแยกวัตถุไวใน 2 เลเยอรคือเลเยอร Frame สําหรับ วงกบและเลเยอร Door สําหรับบานประตู
157. จากรู ป ที่ 12.62 คลิ ก บนแถบรายการควบคุ ม เลเยอร เปลี่ ย นเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน แลวใชคําสัง่ Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็ อค Boundary Creation ให แน ใจว าปรากฏเครื่ องหมาย บน เช็คบอกซ Island detection แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบนพืน้ ทีว่ า งตรงจุดที่ 4 แลวคลิกขวา จะปรากฏขอความ BOUNDARY created 7 regions แสดงให ทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มา 7 ชิน้ 158. จากรู ป ที่ 12.62
คลิ ก บนแถบรายการควบคุ ม เลเยอร เปลี่ ย นเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน ใชคําสั่ง Draw4Boundary เมื่ อ ปรากฏไดอะล็ อค Boundary Creation ให แน ใจว าปรากฏเครื่ องหมาย บน เช็คบอกซ Island detection แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏ Pick internal point: คลิกจุดที่ 5 และ 6 แลวคลิกขวา จะปรากฏ BOUNDARY created 4 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มา 4 ชิน้ วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.63 (ซาย) วิวพอรท Perspective จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.63 (ขวา)
159. จากรู ปที่ 12.63 (ซ าย) หั กลบ Region โดยใชคําสั่ ง Modify4 Solid Editing4 Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select
chap-12-2.PMD
291
12/10/2549, 21:51
292
รูปที่ 12.63
2D Drafting
objects: คลิกจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกจุดที่ 2, 3, 4, 5, 6, 7 แลวคลิกขวา 160. จากรูปที่ 12.63 (ซาย) หักลบ Region ตอไป โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Modify4 Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกจุดที่ 8 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกจุดที่ 9 แลวคลิกขวา 161. จากรูปที่ 12.63 (ซาย) หักลบ Region ตอไป โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Modify4 Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกจุดที่ 10 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกจุดที่ 11 แลวคลิกขวา วิ วพอร ท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.64 (ซาย) วิวพอรท Perspective จะปรากฏดังรูปที่ 12.64 (ขวา) รูปที่ 12.64
162. จากรู ป ที่ 12.64 (ซ า ย) คลิ ก บนแถบรายการควบคุ ม เลเยอร เปลี่ ยนเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน แลวใชคําสัง่ Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Boundary Creation แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมื่อปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบน พืน้ ทีว่ า งตรงจุดที่ 12 ถึง 19 แลวคลิกขวา จะปรากฏขอความ BOUNDARY created 8 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มา 8 ชิน้
chap-12-2.PMD
292
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
293
163. จากรู ป ที่ 12.62
คลิ ก บนแถบรายการควบคุ ม เลเยอร เปลี่ ย นเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน ใชคําสั่ง Draw4Boundary เมื่ อ ปรากฏไดอะล็อค Boundary Creation แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏ Pick internal point: คลิกจุดที่ 20 ถึง 27 แลวคลิกขวา จะปรากฏ BOUNDARY created 8 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึ้นมา 8 ชิ้น วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.65 (ซาย) วิวพอรท Perspective จะปรากฏดังรูปที่ 12.65 (ขวา) รูปที่ 12.65
164. ตอไปเราจะเริม่ สราง Region สําหรับกระจก โดยสรางเลเยอรใหม 2 เลเยอร โดยใช คลิกบนปุม New Layer 2 ครัง้ เปลี่ยนชือ่ เลเยอร คําสั่ง Format4Layer Layer1 เปน Glass แลวกําหนดสีเหลือง Yellow เปลีย่ นชือ่ เลเยอร Layer2 เปน Solid แลวกําหนดสีเทารหัสสี 9 แลวกําหนดใหเลเยอร Glass เปนเลเยอรใชงาน Note
เลเยอร Solid เราสรางขึน้ มาเพือ่ ใชเก็บโซลิดกลองสีเ่ หลีย่ มที่มขี นาดเทากับชองประตู เพื่อนําไปใชใน การหักลบผนังเพือ่ เจาะชองบนผนัง
Note
ในการสรางกระจก เรานิยมสรางกระจกเปนแผนใหญๆ แผนเดียว ซึง่ จะคอนขางประหยัดหนวยความ จํามากกวา แตเราจะตองใชคําสั่ง Draw4Polyline เขียนหนาตัดกระจกใหม แลวแปลงใหเปน Region ดวยตนเอง เพราะในขณะนี้ เราไมสามารถใชคําสั่ง Draw4Boundary สรางกระจกแผน ใหญได เนือ่ งจากมีควิ้ กระจกขวางกัน้ อยู หรือเราอาจจะยายคิว้ กระจกไปไวในเลเยอรอนื่ ๆ ชัว่ คราวกอน แลวจึง Freeze เลเยอรนั้น เราจึงจะสรางกระจกแผนใหญได แตในที่นี้ เราจะสรางกระจกแยกอิสระ แตละแผนแบบเหมือนจริง ซึ่งเปนวิธีที่งายไมยงุ ยาก โดยทําตามขั้นตอนตอไปนี้
165. จากรูปที่ 12.65 (ซาย) ใหแนใจวา เปนเลเยอรใชงาน แลวใช คําสั่ง Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Boundary Creation แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบนพื้นทีว่ างตรงจุดที่ 28 ถึง 51 แลวคลิกขวา จะปรากฏ ขอความ BOUNDARY created 24 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มา 24 ชิ้น วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.66 (ซาย) วิวพอรท Perspective จะ ปรากฏดังรูปที่ 12.66 (ขวา)
chap-12-2.PMD
293
12/10/2549, 21:51
294
รูปที่ 12.66
2D Drafting
166. ลบเสน 2 มิตติ า งๆ ทัง้ หมดทีม่ ไิ ดใชงานอีกตอไป โดยใชคําสัง่ Tools4Quick Select เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Quick Select คลิกแถบรายการ Object type แลวเลือก Line ใหปรากฏในแถบรายการ เลือก Select All ในแถบรากการ Operator แลวคลิก บนปุม OK จะปรากฏจุดกริป๊ สสีน้ําเงินบนเสนตรงไลน 2 มิติทง้ั หมด ใหกดปุม = บนคียบอรด เพือ่ ลบเสนตรง 2 มิติทง้ั หมด แลวใชคําสัง่ Tools4Quick Select อีกครัง้ เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Quick Select คลิกแถบรายการ Object type แลวเลือก MLine ใหปรากฏในแถบรายการ เลือก Select All ในแถบรายการ Operator แลว คลิกบนปุม OK จะปรากฏจุดกริป๊ สสนี า้ํ เงินบนเสนมัลติไลน 2 มิตทิ ง้ั หมด ใหกดปุม = บนคียบอรด เพือ่ ลบเสนตรงมัลติไลน 2 มิตทิ ง้ั หมด เพือ่ กําหนด 167. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร คลิกชือ่ เลเยอร ใหเปนเลเยอรใชงาน แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร Glass แล ว คลิ ก ชื่ อเลเยอร เพื่ อกําหนดให เป น เลเยอรใชงาน 168. ขยายวิวพอรท โดยคลิกวิวพอรท Perspective (มุมลางขวา) โดยคลิกบนปุม บน ทูลบาร 3D Modeling แลวคลิกบนปุม Parallel Projection บนแดชบอรด จะ ปรากฏดังรูปที่ 12.67 (ซาย)
รูปที่ 12.67
chap-12-2.PMD
294
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
295
169. จากรูปที่ 12.67 (ซาย) เริม่ เพิม่ ความหนาใน 3 มิติใหกบั วงกบ โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมื่อปรากฏ Select objects to extrude: คลิกบน Region จุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify height of extrusion... พิมพความหนา 0.1 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.67 (ซาย-กลาง) 170. จากรูปที่ 12.67 (ซาย-กลาง) เพิ่มความหนาใน 3 มิติใหกับคิ้วกระจกของวงกบ เมื่อปรากฏ Select โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude objects to extrude: คลิก Region จุดที่ 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify height of extrusion... พิ มพ ความหนา 0.035 แลวกดปุ ม Q จะ ปรากฏดังรูปที่ 12.67 (กลาง-ขวา) 171. จากรูปที่ 12.67 (กลาง-ขวา) รวมโซลิดวงกบกับโซลิดคิ้วกระจกทั้งหมดใหกลาย เป นโซลิ ดชิ้ นเดี ยวกั น โดยใช คําสั่ ง Modify4 Solid Editing4 Union เมื่ อ ปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 10-11 และจุดที่ 12-13 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา เพือ่ กําหนด
172. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร คลิกชือ่ เลเยอร ใหเปนเลเยอรใชงาน
173. จากรูปที่ 12.67 (กลาง-ขวา) เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกับบานประตู โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมื่ อปรากฏ Select objects to extrude: คลิกบน Region จุดที่ 14-15 เพื่อเลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify height of extrusion... พิมพความหนา 0.04 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.67 (ขวา) 174. จากรูปที่ 12.67 (ขวา) รวมโซลิดบานประตูกับโซลิดคิ้ วกระจกเฉพาะของบาน ประตูดา นซายใหกลายเปนโซลิดชิน้ เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4 Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 16-17 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา 175. จากรูปที่ 12.67 (ขวา) รวมโซลิดบานประตูกับโซลิดคิ้ วกระจกเฉพาะของบาน ประตูดา นขวาใหกลายเปนโซลิดชิน้ เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4 Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 18-19 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา Note
chap-12-2.PMD
เหตุทเี่ ราไมรวมโซลิดบานประตูทงั้ ซายและขวาใหเปนชิน้ เดียวกันไปพรอมๆ กัน โดยแยกออกเปนบาน ประตูดา นซายและบานประตูดา นขวา ก็เพราะวาเรายังไมทราบวาจะเปดประตูนหี้ รือไม หากเรา Union บานประตูทั้งสองเขาดวยกัน ตอไปหากตองการเปดประตู เราจะไมสามารถทําได ดังนั้น เราจึงจะไม Union บานประตูทั้งสองเขาดวยกัน
295
12/10/2549, 21:51
296
176. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลายเลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Glass แลวคลิกบนชือ่ เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน แลว แชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Frame และแชแข็ง (Freeze)เลเยอร โดยคลิ กบนไอคอน ของเลเยอร Door แล ว คลิ ก บนชื่ อ เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงานจะปรากฏดังรูปที่ 12.68 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.68
177. จากรูปที่ 12.68 (ซาย) เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกับกระจกทัง้ หมด โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude เมือ่ ปรากฏ Select objects to extrude: คลิกจุดที่ 1-2 เพื่ อเลื อกวั ตถุ แบบ Crossing แล วคลิ กขวา เมื่ อปรากฏ Specify height of extrusion... พิมพความหนา 0.005 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.68 (กลาง) 178. จากรูปที่ 12.67 (กลาง) รวมโซลิดกระจกเฉพาะของวงกบใหกลายเปนโซลิดชิ้น เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 3-4 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Window คลิกบนวัตถุจดุ ที่ 5, 6 คลิกจุดที่ 7-8 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Window แลวคลิกขวา 179. จากรูปที่ 12.67 (กลาง) รวมโซลิดกระจกเฉพาะของบานประตูดานซายใหกลาย เปนโซลิดชิน้ เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 9-10 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา 180. จากรูปที่ 12.67 (กลาง) รวมโซลิดกระจกเฉพาะของบานประตูดานขวาใหกลาย เปนโซลิดชิน้ เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 11-12 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา 181. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลายเลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Frame ละลายเลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Door แลวคลิกบนชื่อ เลเยอร เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.68 (ขวา)
chap-12-2.PMD
296
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
297
182. จากรูปที่ 12.68 (ขวา) หมุนประตู 180 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เปด # เมื่อปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 13 และ 14 เพื่อเลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: คลิกจุดที่ 15 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 180 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 18.69 (ซาย) รูปที่ 12.69
183. จากรูปที่ 12.69 (ซาย) เคลือ่ นยายกระจกทัง้ หมดใหเลือ่ นเขาไปในวงกบและบาน ) เมือ่ ปรากฏ ประตู 0.005 เมตร โดยใชคําสั่ง Modify4Move เปด Select objects: คลิกโซลิดกระจกจุดที่ 16, 17 และ 18 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify base point ... คลิกประมาณจุดที่ 19 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 20 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.005 แลวกดปุม Q หาก Zoom ขึน้ มาตรวจสอบจะปรากฏดังรูปที่ 12.69 (กลาง) 184. จากรูปที่ 12.69 (ซาย) ใหแนใจวาเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน ปรับมุมมอง โดยใชคําสั่ง View43D Views4SE Isometric แลวปรับ UCS กลับไปที่ WCS โดยใชคําสั่ง Tools4New UCS4World แลวสรางโซลิดขนาด เทากับชองทีจ่ ะเจาะบนผนัง เพือ่ เก็บไวสําหรับหักลบ(Subtract)ผนัง โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Box ปด ^ เปด # เมื่อปรากฏขอความ Specify first corner or [Center]: คลิกจุดที่ 21 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify other corner or [Cube/Length]: คลิกจุดที่ 22 จะปรากฏดังรูปที่ 12.69 (ขวา) Note
chap-12-2.PMD
เหตุที่เราตองสรางโซลิดกลองสี่เหลี่ยมไวในเลเยอร Solid เก็บไวในไฟล DoorType1.dwg ก็เพราะวา เราสามารถนําโซลิดกลองสี่เหลี่ยมที่มขี นาดพอดีกบั ประตูไปใชในการเจาะชองผนัง เราจะไดไมตอ ง เสียเวลาสรางโซลิดประตูใหม เมื่อตองการเจาะชองประตูบนผนัง เมื่อเราสรางโซลิดกลองที่จะใช สําหรับเจาะผนังขึน้ มาแลว โซลิดจะซอนทับกับประตูพอดี เราสามารถแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Solid เพือ่ ซอนโซลิดกลองที่จะใชในการเจาะชองผนังได เมื่อยังไมตอ งการทีจ่ ะนําโซลิดไปใชงาน
297
12/10/2549, 21:51
298
2D Drafting
รูปที่ 12.70
185. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร คลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอร ใชงาน แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Solid แลวคลิกบน ชือ่ เลเยอร 0 (ศูนย) เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.70 (ซาย) Note
เปนอันเสร็จสิ้นการสรางโมเดล 3 มิตขิ องบานประตู แตเราจะตองสรางและกําหนดแมททีเรียลใหกับ ประตู กอนทีจ่ ะบันทึกลงในไฟล เพราะหากเรานําประตูไปสอดแทรกในไฟลโมเดลบานแบบเอกซเรฟ เราจะไมสามารถกําหนดแมททีเรียลใหกบั ประตูในไฟลหลักได เราจะตองเปดไฟลประตูออกมาแลวจึง กําหนดแมททีเรียลใหกบั ประตูโดยตรง ดังนัน้ เราจึงกําหนดแมททีเรียลใหพรอมในไฟลประตูนดี้ ว ยดังนี้
186. สรางแมททีเรียลใหมสําหรับวงกบและบานประตูเปนสีขาว โดยคลิกบนปุม Materials บนแดชบอรดจะปรากฏดังรูปที่ 12.70 (ขวา) แลวคลิกขวาบนพื้นทีว่ างๆ บนชองหนาตางแสดงตัวอยางแมททีเรียล เลือกคําสั่ ง Create New Material... เมื่อปรากฏไดอะล็อค Create New Material ตั้งชื่อแมททีเรียลวา “White Color” แลวคลิกบนปุม OK ใชเทมเพล็ททีโ่ ปรแกรมกําหนดมาให แลวคลิกตลับสี Diffuse กําหนดคาสีเปนสีขาว R,G,B = 255,255,255 แลวปรับ Self-Illumination = 10 นอกนั้ นใช ค าที่ โปรแกรมกํา หนดมาให สร างแมทที เรี ยลใหม สําหรั บกระจก โดยคลิกขวาบนพืน้ ทีว่ างๆ บนชองหนาตางแสดงตัวอยางแมททีเรียล เลือกคําสัง่ Create New Material... เมื่ อปรากฏไดอะล็ อค Create New Material ตั้ งชื่ อ แมททีเรียลวา “Clear Glass” แลวคลิกบนปุม OK เลือกเทมเพล็ท Advanced จาก แถบรายการ Template แลวคลิกตลับสี Diffuse กําหนดคาสีเปนสีขาว R,G,B = 250,250,250 ปรับคา Shininess = 75, Refraction Index = 1.13, Opacity = 2 แลวคลิก บนปุม Select Image ของ Reflection คนหารูปอิมเมจ Sky.jpg แลวคลิกบนปุม Open คลิกบนปุม ถัดจากปุม Select Image เลือก Meters จากแถบรายการ Units กําหนดคา Width = 1 , Height = 1 แลวคลิกบนปุม OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อค กําหนดคา Reflection = 50 นอกนัน้ ใชคา ทีโ่ ปรแกรมกําหนดมาให 187. จากรูปที่ 12.70 (ซาย) เริม่ กําหนดแมททีเรียล “White Color” ใหกบั วงกบและบาน ประตู โดยดั บเบิ้ ลคลิ กบนรูปตั วอย างแมทที เรี ยล “White Color” เมื่ อปรากฏ
chap-12-2.PMD
298
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
299
ขอความ Select objects: คลิกบนวงกบตรงจุดที่ 1 คลิกบานประตูดานขวาจุดที่ 2 และคลิกบานประตูดานซายจุดที่ 3 แลวคลิกขวา 188. จากรูปที่ 12.70 (ซาย) เริ่มกําหนดแมททีเรียล “Clear Glass” ใหกับกระจก โดย ดับเบิล้ คลิกบนรูปตัวอยางแมททีเรียล “Clear Glass” เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนกระจกตรงจุดที่ 4, 5, 6 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.71 (ซาย) รูปที่ 12.71
189. กําหนดหนวยวัดในการสอดแทรกวัตถุ โดยใชคําสั่ง Format4Unit เมื่อปรากฏ ไดอะล็อค Drawing Units ใหเลือก Meters จากแถบรายการ Units to scale inserted contents แลวคลิกบนปุม OK เพื่อออกจากไดอะล็อค 190. จากรู ปที่ 12.71 (ซ า ย) กําหนดจุ ดสอดแทรก โดยพิ มพ BASE ผ านบรรทั ด Command: เมือ่ ปรากฏขอความ Enter base point เปด # ใหคลิกจุดที่ 7 Note
ขอนีม้ คี วามสําคัญมากกับการนําโมเดลประตูนไี้ ปสอดแทรกในไฟลรปู บาน ซึง่ หนวยในการสอดแทรก วัตถุจะตองเปน Meters เหมือนกัน มิฉะนั้น เมื่อนําไฟลไปสอดแทรกจะไมไดขนาดที่ถูกตอง
191. บันทึกไฟลประตูแบบที่ 1 ลงดิสค โดยใชคําสั่ง File4Save As เมื่อปรากฏ ไดอะล็อค Save Drawing As ใหตั้งชื่อไฟล “DoorType1.dwg” ใหแนใจวาแถบ รายการ Files of type ปรากฏเปน AutoCAD 2007 Drawing (*.dwg) แลวเลือก โฟลเดอรเดียวกันกับไฟลบา นเดีย่ วทีเ่ รากําลังทํางานคางไว แลวคลิกบนปุม Save เปนอันเสร็จสิน้ การสรางไฟล .dwg สําหรับเก็บประตูแบบที่ 1 Note
กอนที่เราจะเริม่ สรางหนาตางแบบที่ 1 WinType1.dwg เราจะทําการนําแมททีเรียล White Color และ Clear Glass ที่เราไดสรางขึ้นในขอ 186 ออกไปเก็บไวในไลบรารี่ Tool Palettes -Materials เพื่อใหเรา สามารถนําแมททีเรียลทัง้ สองไปใชงานในไฟลแบบแปลนอืน่ ๆ รวมทัง้ ไฟลประตูหนาตางทีเ่ รายังไมได สราง รวมไปถึงไฟลบานเดียวที่เรากําลังทํางานคางอยู โดยมีขั้นตอนดังตอไปนี้
บน Materials control panel บนแดชบอรด จะปรากฏหนาตาง Tool 192. คลิกบนปุม palettes ดังรูปที่ 12.72 (ซาย) คลิกขวาบนหนาตาง แลวเลือกคําสัง่ New Palette ตั้งชื่อพาเลทเปน “House3D” จะปรากฏหนาตางทูลพาเลทเปลาๆ ดังรูปที่ 12.72
chap-12-2.PMD
299
12/10/2549, 21:51
300
2D Drafting
รูปที่ 12.72
(กลาง) ตอไปคลิ กขวาบนรูปตัวอย างแมททีเรียล “White Color” บนหนาตาง Materials ดังรูปที่ 12.70 (ขวา) แลวเลือกคําสัง่ Export to Active Tool Palette คลิก ขวาบนรูปตัวอยางแมททีเรียล “Clear Glass” บนหนาตาง Materials แลวเลือกคําสัง่ Export to Active Tool Palette แมทที เรี ยลทั้ งสองจะถูกคั ดลอกไปเก็ บไว ใน ไลบรารี่ Tool Palettes ดังรูปที่ 12.72 (ขวา) เราสามารถนําแมททีเรียลทัง้ สองไปใช งานกับไฟลแบบแปลนใดๆ ไดทันที Note
ตอไปเราจะเริ่มสรางหนาตางแบบที่ 1 WinType1 โดยมีขั้นตอนดังตอไปนี้
193. เปดไฟล House-2D.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื เลมนี้ จะปรากฏดังรูปที่ 12.73 (ซาย)
รูปที่ 12.73
194. รูปที่ 12.73 (ซาย) คลิกบนบล็อคหนาตางโคงตรงจุดที่ 1 จนกระทัง่ บล็อคหนาตาง โคงปรากฏจุดกริ๊ปสและเสนประ เลือกคําสั่ง Edit4Copy with Base Point เมื่อ ปรากฏขอความ Specify base point: คลิกจุดที่ 1 เพือ่ กําหนดจุดสอดแทรก เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกบนบล็อคหนาตางโคงตรงจุดที่ 2 แลวคลิกขวา 195. ใชคาํ สัง่ File4New
เลือกเทมเพล็ท Acadiso3d.dwt จะปรากฏดังรูปที่ 12.73 (ขวา)
196. เนือ่ งจากหนาตางโคงจะตองตัง้ ขึน้ ในแนวดิง่ และขนานกับวิวพอรท Front (มุมซายบน) ดังนัน้ เราจะตองคลิกวิวพอรท Front แลวใชคาํ สัง่ Edit4Paste เมือ่ ปรากฏขอความ Specify
chap-12-2.PMD
300
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
301
insertion point: คลิก ณ ตําแหนงใดๆ ในวิวพอรท Front หรือคลิกจุดที่ 3 เราจะเห็นวา บล็อคทีป่ รากฏในวิวพอรทมีขนาดเล็กมากแทบจะมองไมเห็น ใหคลิกปุม ไอคอน Zoom All Viewports บนทูลบาร 3D Modeling จะปรากฏดังรูปที่ 12.74 รูปที่ 12.74
197. จากรูปที่ 12.74 ระเบิดบล็อคใหกลายเปนวัตถุธรรมดา โดยใชคําสั่ง Modify4 Explode แลวคลิกจุดที่ 4 แลวคลิกขวา แลวคลิกบนปุมไอคอน Save & Update Viewport Configuration เพือ่ บันทึกและปรับปรุงวิวพอรทใหม Note
ถาคลิกแถบรายการควบคุมเลเยอร เราจะเห็นวามีการแยกวัตถุไวใน 3 เลเยอรคือเลเยอร Frame สําหรับ วงกบ เลเยอร Window สําหรับบานหนาตาง สวนเลเยอร Door มิไดใชงาน แตเราสามารถเปลีย่ นชือ่ เปน เลเยอร Solid เพื่อนําไปใชในการเก็บโซลิดสําหรับหักลบผนังได
198. จากรู ป ที่ 12.74 คลิ ก บนแถบรายการควบคุ ม เลเยอร แล ว เปลี่ ย นเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน แลวใชคําสัง่ Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็ อค Boundary Creation ให แน ใจว าปรากฏเครื่ องหมาย บน เช็คบอกซ Island detection แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบนพืน้ ทีว่ า งตรงจุดที่ 5 แลวคลิกขวา จะปรากฏขอความ BOUNDARY created 13 regions แสดงให ทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มา 13 ชิ้น วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.75 (ซาย) วิวพอรท Perspective จะปรากฏดังรูปที่ 12.75 (ขวา) 199. เปลี่ ยนชื่ อและสี ของเลเยอร โดยใชคําสั่ ง Format4 Layer คลิกบนเลเยอร “Door” แลวเปลี่ ยนชื่ อเปน “Solid” แลวเปลี่ ยนสีเปนสีเทารหัสสี หมายเลข 9 แลวคลิกบนปุม Apply และ OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อค 200. จากรูปที่ 12.75 (ซาย) คัดลอก Region เพือ่ นําไปใชในการเจาะชองหนาตางบนผนัง โดยใชคําสัง่ Modify4Copy
chap-12-2.PMD
301
12/10/2549, 21:51
302
รูปที่ 12.75
2D Drafting
{จากรูปที่ 12.75 (ซาย) ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกบน Region ทีอ่ ยูน อกสุดตรงจุดที่ 1 } Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากการเลือกวัตถุ} Specify base point or [Displacement] : {คลิกจุดที่ 2} Specify second point or <use first point as displacement>: {คลิกจุดที่ 3} Specify second point or [Exit/Undo] <Exit>: {คลิ กขวาหรื อกดปุ ม Q วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.76 (ซาย) วิวพอรท Perspective จะปรากฏดังรูปที่ 12.76 (ขวา)} Command: _copy Select objects:
รูปที่ 12.76
201. เปลีย่ น Region ทีถ่ ูกสรางในขอ 199 ใหยา ยไปอยูใ นเลเยอร “Solid” โดยในขณะที่ บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบน Region ตรงจุดที่ 4 ใหปรากฏจุด กริ๊ ปสสีน้ําเงิน แลวเลือกเลเยอร “Solid” จากแถบรายการควบคุมเลเยอร แลว กดปุม D เพื่อยกเลิกการเลือกวัตถุ 202. จากรูปที่ 12.76 (ซาย) เปลีย่ นเลเยอรใชงาน โดยเลือกเลเยอร จากแถบรายการควบคุมเลเยอร เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกบั Region ทีจ่ ะนําไปหักลบออกจากผนัง โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4 Extrude เมือ่ ปรากฏ Select objects to extrude: คลิก Region จุดที่ 4 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify height of extrusion... พิมพความหนา 0.1 แลวกดปุม Q วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.77 (ซาย) วิวพอรท Perspective จะปรากฏดังรูป ที่ 12.77 (ขวา) 203. ลบเสน 2 มิตติ า งๆ ทัง้ หมดทีม่ ไิ ดใชงานอีกตอไป โดยใชคําสัง่ Tools4Quick Select เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Quick Select คลิกแถบรายการ Object type แลวเลือก
chap-12-2.PMD
302
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
303
รูปที่ 12.77
Line ใหปรากฏในแถบรายการ เลือก Select All ในแถบรายการ Operator แลวคลิก บนปุม OK จะปรากฏจุดกริป๊ สสีน้ําเงินบนเสนตรงไลน 2 มิติทง้ั หมด ใหกดปุม = บนคียบ อรด 204. เพือ่ ลบเสน 2 มิตติ อ ไปโดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Tools4Quick Select ตามวิธใี น ขอ 203 เปลีย่ น Object type เปน Polyline 205. เพือ่ ลบเสน 2 มิตติ อ ไปโดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Tools4Quick Select ตามวิธใี น ขอ 203 เปลีย่ น Object type เปน Arc 206. เพือ่ ลบเสน 2 มิตติ อ ไปโดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Tools4Quick Select ตามวิธใี น ขอ 203 เปลีย่ น Object type เปน MLine เพือ่ กําหนด 207. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร คลิกชือ่ เลเยอร ใหเปนเลเยอรใชงาน แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร Solid แลวคลิกชือ่ เลเยอร เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอร ใชงาน 208. คลิกวิวพอรทไอโซเมตริก แลวคลิกบนปุม Parallel Projection บนแดชบอรด แลวคลิกบนปุม ไอคอน บนทูลบาร 3D Modeling วิวพอรท Front จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.78 (ซาย) วิวพอรท Isometric จะปรากฏดังรูปที่ 12.78 (ขวา) รูปที่ 12.78
chap-12-2.PMD
303
12/10/2549, 21:51
304
209. ¨ Ò¡ ÃÙ »· Õ è12.78 («é ÒÂ) ËÑ ¡ ź Region â´ Âãª é ¤ÓÊÑ § Modify4Solid Editing4 è Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน Region จุดที่5 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบน Region จุดที่ 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 แลวคลิกขวา วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.79 (ซาย) วิวพอรท Isometric จะ ปรากฏดังรูปที่ 12.79 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.79
210. ตอไปสรางเลเยอร Glass สําหรับกระจก โดยใชคําสัง่ Format4Layer คลิกบน ปุม New Layer 1 ครัง้ เปลีย่ นชือ่ เลเยอร Layer1 เปน Glass แลวกําหนดสีเหลือง Yellow แลวกําหนดใหเลเยอร Glass เปนเลเยอรใชงาน 211. จากรูปที่ 12.79 (ซาย) เปลีย่ น Region ใหยา ยไปอยูในเลเยอร “Glass” โดยในขณะที่ บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบน Region ตรงจุดที่ 1 และ 2 ให ปรากฏจุดกริป๊ สสีน้ําเงิน แลวเลือกเลเยอร จากแถบรายการ ควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D เพื่อยกเลิกการเลือกวัตถุ 212. จากรู ปที่ 12.79 (ซาย) คลิ กบนแถบรายการควบคุมเลเยอร แลวเปลี่ ยนเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน แลวใชคําสัง่ Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็ อค Boundary Creation ปลดเครื่ องหมาย ออกจากเช็คบอกซ Island detection แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมื่อปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบนพืน้ ที่วา งตรงจุดที่ 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 แลวคลิกขวา จะปรากฏขอความ BOUNDARY created 10 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มา 10 ชิน้ วิวพอรท Front จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.80 (ซาย) วิวพอรท Isometric จะปรากฏดังรูปที่ 12.80 (ขวา) 213. จากรู ปที่ 12.80 (ขวา) หั กลบ Region โดยใช คําสั่ ง Modify4 Solid Editing4 Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน Region จุดที่ 13 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบน Region จุดที่ 14 แลวคลิกขวา
chap-12-2.PMD
304
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
305
รูปที่ 12.80
214. จากรูปที่ 12.80 (ขวา) หักลบ Region โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน Region จุดที่ 15 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบน Region จุดที่ 16 แลวคลิกขวา วิวพอรท Front จะปรากฏดังรูปที่ 12.81 (ซาย) วิวพอรท Isometric จะปรากฏดังรูปที่ 12.81 (ขวา) รูปที่ 12.81
215. จากรูปที่ 12.81 (ซาย) เปลีย่ น Region ใหยา ยไปอยูในเลเยอร “Window” โดยใน ขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบน Region ตรงจุดที่ 17 และ 18 ใหปรากฏจุดกริป๊ สสีน้ําเงิน แลวเลือกเลเยอร จากแถบ รายการควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D เพือ่ ยกเลิกการเลือกวัตถุ 216. จากรูปที่ 12.81 (ซาย) ใหแนใจวา เปนเลเยอรใชงาน แลวใช คําสั่ง Draw4Boundary เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Boundary Creation ปลดเครือ่ ง หมาย ออกจากเช็คบอกซ Island detection แลวเลือก Region ในแถบรายการ Object type คลิกปุม Pick point เมือ่ ปรากฏขอความ Pick internal point: คลิกบน พืน้ ทีว่ า งตรงจุดที่ 19, 20 แลวคลิกขวา จะปรากฏขอความ BOUNDARY created 2 regions แสดงใหทราบวา Region ถูกสรางขึน้ มา 2 ชิน้ วิวพอรท Front จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.82 (ซาย) วิวพอรท Isometric จะปรากฏดังรูปที่ 12.82 (ขวา) 217. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร คลิกชือ่ เลเยอร เพือ่ กําหนด ใหเปนเลเยอรใชงาน แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Glass แลวคลิกชือ่ เลเยอร เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน
chap-12-2.PMD
305
12/10/2549, 21:51
306
รูปที่ 12.82
2D Drafting
218. ขยายวิวพอรท โดยคลิกวิวพอรท Isometric (มุมลางขวา) โดยคลิกบนปุม ทูลบาร 3D Modeling จะปรากฏดังรูปที่ 12.83 (ซาย)
บน
รูปที่ 12.83
219. จากรูปที่ 12.83 (ซาย) เริม่ เพิม่ ความหนาใน 3 มิติใหกบั วงกบ โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Extrude ตามวิธีในขอ 6 เมื่อปรากฏ Select objects to extrude: คลิกบน Region จุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify height of extrusion... พิมพความหนา 0.1 แลวกดปุม Q 220. บนแถบรายการควบคุ มเลเยอร คลิ กชื่ อเลเยอร กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน
เพื่ อ
221. จากรูปที่ 12.83 (ซาย) เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกบั บานหนาตาง โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude เมื่อปรากฏ Select objects to extrude: คลิก Region จุดที่ 2, 3 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify height of extrusion... พิมพความหนา 0.03 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.83 (กลาง) 222. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลายเลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Glass แลวคลิกบนชื่อ เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.83 (ขวา) 223. จากรูปที่ 12.83 (ขวา) เพิม่ ความหนาใน 3 มิตใิ หกับกระจกทัง้ หมด โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Extrude เมือ่ ปรากฏ Select objects to extrude: คลิกจุดที่
chap-12-2.PMD
306
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
307
4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify height of extrusion... พิมพความหนา 0.005 แลวกดปุม Q 224. จากรูปที่ 12.83 (ขวา) รวมโซลิดกระจกเฉพาะของวงกบใหกลายเปนโซลิดชิ้น เดียวกัน โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.84 (ซาย) รูปที่ 12.84
225. จากรูปที่ 12.84 (ซาย) หมุนหนาตาง 180 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เปด # เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 14 และ 15 เพือ่ เลือกวัตถุแบบ Crossing แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เลือ่ นเคอรเซอรไป ยังจุดที่ 16 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมือ่ ปรากฏขอความ Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 180 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 18.84 (กลาง) 226. จากรูปที่ 12.84 (กลาง) เคลือ่ นยายกระจกทัง้ หมดใหเลือ่ นเขาไปในวงกบและบาน หนาตาง 0.005 เมตร โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดกระจกจุดที่ 17, 18, 19 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิกประมาณจุดที่ 20 เมื่อปรากฏ Specify second point... เลื่อน เคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 21 เมื่อปรากฏเวคเตอร ให พิมพ 0.005 แลวกดปุม Q หาก Zoom ขึน้ มาตรวจสอบจะปรากฏดังรูปที่12.84 (ขวา) 227. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร ละลายเลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร Solid คลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.85 (ซาย) 228. จากรูปที่ 12.85 (ซาย) เคลือ่ นยายโซลิดทีจ่ ะใชสาํ หรับหักลบออกจากผนังใหซอ นทับ กับหนาตางพอดี โดยใชคาํ สัง่ Modify4Move เปด # เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... คลิกจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... คลิกจุดที่ 3 จะปรากฏดังรูปที่ 12.85 (กลาง)
chap-12-2.PMD
307
12/10/2549, 21:51
308
2D Drafting รูปที่ 12.85
229. จากรู ปที่ 12.85 (ซ า ย) กําหนดจุ ดสอดแทรก โดยพิ มพ BASE ผ านบรรทั ด Command: เมือ่ ปรากฏขอความ Enter base point เปด # ใหคลิกจุดที่ 4 230. บนแถบรายการควบคุมเลเยอร แชแข็ง(Freeze)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.85 (ขวา) Note
เปนอันเสร็จสิน้ การสรางโมเดล 3 มิตขิ องหนาตาง WinType1 เราไมตอ งเสียเวลาสรางแมททีเรียลใหม เนือ่ งจากเราสามารถนําแมททีเรียลจากทูลพาเลทไลบรารีท่ สี่ ง มาจากแมททีเรียลของประตู DoorType1 เราเพียงแตเปดทูลพาเลทไลบรารี่ออกมาใชงาน แลวกําหนดแมททีเรียลใหกับหนาตางไดดงั ตอไปนี้
231. จากรูปที่ 12.85 (ขวา) คลิกบนปุม บน Materials control panel บนแดชบอรด จะ ปรากฏหนาตาง Tool palettes ดังรูปที่ 12.72 (ขวา) คลิกบนรูปตัวอยางแมททีเรียล White Color เมื่ อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุ ดที่ 4, 5, 6 แลวคลิกขวา คลิกบนรูปตัวอยางแมททีเรียล Clear Glass เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 7, 8, 9 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.86 (ซาย) 232. กําหนดหนวยวัดในการสอดแทรกวัตถุ โดยใชคําสั่ง Format4Unit เมื่อปรากฏ ไดอะล็อค Drawing Units ใหเลือก Meters จากแถบรายการ Units to scale inserted contents แลวคลิกบนปุม OK เพื่อออกจากไดอะล็อค Note
ขอนี้สําคัญมากกับการนําโมเดลหนาตางนี้ไปสอดแทรกในไฟลรูปบาน ซึ่งหนวยในการสอดแทรก วัตถุจะตองเปน Meters เหมือนกัน มิฉะนั้น เมื่อนําไฟลไปสอดแทรกจะมีขนาดที่ไมถูกตอง
233. บันทึกไฟลหนาตางแบบที่ 1 ลงดิสค โดยใชคําสัง่ File4Save As เมือ่ ปรากฏ ไดอะล็อค Save Drawing As ใหตั้งชื่อไฟล “WinType1.dwg” ใหแนใจวาแถบ รายการ Files of type ปรากฏเปน AutoCAD 2007 Drawing (*.dwg) แลวเลือก โฟลเดอรเดียวกันกับไฟลบา นเดีย่ วทีเ่ รากําลังทํางานคางไว แลวคลิกบนปุม Save เปนอันเสร็จสิน้ การสรางไฟล .dwg สําหรับเก็บหนาตางแบบที่ 1 Note
chap-12-2.PMD
เปนอันวาเราไดศกึ ษาการสรางประตูหนาตางทัง้ สองแบบเสร็จเรียบรอยแลว ถึงแมวา ในโมเดลแบบบาน 3 มิตหิ ลังนี้จะมีประตูหนาตางรวม 13 แบบ แตทกุ แบบก็ใชหลักการเดียวกันในการสราง
308
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม Note
309
ตอไปเราจะกลับไปยังโมเดลบานตอจากรูปที่ 12.60 (ขวา) แลวจึงเริ่มนําประตูหนาตางไปสอดแทรก ประตูหนาตางดวยคําสัง่ Insert4Block ซึง่ อันทีจ่ ริงวิธที ถี่ กู ตองนัน้ เราควรใชคําสัง่ Insert4DWG สอดแทรกประตูหนาตางแบบเอกซเรฟ แตใน AutoCAD 2007 เอกซเรฟนั้นยังมีขอ Reference บกพรอง(Bug)ทีร่ อการแกไขจาก Autodesk, Inc. ซึง่ ทําใหเครือ่ งหยุดทํางาน(Not responding) เมือ่ เปด ไฟลที่มเี อกซเรฟ จะดังนัน้ เราจึงเปลี่ยนไปใชคําสัง่ Insert4Block แทนซึ่งสามารถอับเดบบล็อค ตามการเปลีย่ นแปลงในไฟลตน ฉบับไดเชนเดียวกัน แตจะไมเปนแบบอัตโนมัตเิ หมือนเอกซเรฟเทานัน้
234. เริม่ เจาะชองผนังประตู โดยกอนอืน่ กลับไปทํางานในไฟลแบบแแปลนบานเดีย่ ว แลวใชคาํ สัง่ View4Pan4Real Time เลือ่ นจอภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.86 (ซาย) รูปที่ 12.86
Note
เราจะเห็นวาเสาหนาบานอยูใ นตําแหนงทีป่ ด บังผนังบางสวน ทําใหเรามองไมเห็นผนังหนาบานชัน้ ลาง ซึ่งเปนที่ที่เราจะสอดแทรกประตู DoorType1.dwg ไมวาเราจะหมุนมุมมองไปในทิศทางใด เสาก็จะ ปดบังบางสวนของผนังอยูด ี หากเราปดเลเยอร “เสาชัน้ ลางชัน้ บน” เสาที่อยูในเลเยอรนี้ทงั้ หมดจะถูก ซอน แตเราตองการใหเสาที่อยูตดิ กับผนังหนาบานปรากฏในมุมมองดวย ดังนัน้ เราใชประโยชนจาก ระนาบตัด(Section Plane) เพื่อที่จะตัดบางสวนที่ยังไมตองการใหเห็นออกไปจากมุมมอง แตการใช Section Plane เขามาชวย เราจะตองพึงระวังไวเสมอวา หากเราตองการใชออฟเจกทสแนปบนวัตถุใด เราจะตองไมสราง Section Plane ผานวัตถุนั้น มิฉะนั้น เราจะไมสามารถใชออฟเจกทสแนปบนวัตถุ ทีถ่ กู ระนาบตัดพาดผานได
235. จากรูปที่ 12.86 (ซาย) เขียนระนาบตัด โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4Section Plane Command: _sectionplane
{จากรูปที่ 12.86 (ซาย) เปด
# ปด
^}
D {พิมพตวั เลือก D เพือ่ ลากเสนระนาบตัด} Specify start point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย } Specify next point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย } Specify next point or ENTER to complete: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากเขียนเสน} Specify point in direction of section view: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เพือ่ กําหนดดานทีต่ อ งการมองเห็น จะปรากฏระนาบตัดดังรูปที่ 12.86 (ขวา)} Select face or any point to locate section line or [Draw section/Orthographic]:
236. จากรูปที่ 12.86 (ขวา) คลิกบนระนาบตัดใหปรากฏจุดกริป๊ ส แลวคลิกบนจุดกริป๊ ส เมื่อปรากฏช็อทคัทเมนู ใหเลือก Section Plane แลวคลิกขวาบนระนาบตัด เมื่อปรากฏช็อทคัทเมนู คลิกใหปรากฏเครื่องหมาย หนาคําสั่ง Activate live sectioning จะปรากฏดังรูปที่ 12.87 (ซาย)
chap-12-2.PMD
309
12/10/2549, 21:51
310
รูปที่ 12.87
2D Drafting
Note
เราจะเห็นวาเสาหนาบานทั้งสองตนถูกซอนไมใหปรากฏบนพื้นที่วาดภาพ ทําใหเราสามารถมองเห็น ผนังหนาบานทีซ่ ึ่งเราจะสอดแทรกประตู DoorType1 ไดอยางชัดเจน อนึ่ง ในขณะนี้ เราจะเห็นวายังมี เสน 2 มิตติ า งๆ ทีม่ ไิ ดใชงานแลวปรากฏอยูบ นพืน้ ทีว่ าดภาพซึง่ เปนทีน่ า รําคาญ ดังนัน้ กอนทีจ่ ะเจาะชอง ประตู เราจะลบวัตถุ 2 มิตทิ งั้ หมดออกจากไฟลแบบแปลนบานเดี่ยวนี้เสียกอนดังนี้
237. ละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิ กบนไอคอน ของเลเยอร “ตั วอั ก ษรกํา กั บ พื้ น ชั้ นบน” , “ตั วอั กษรกํา กั บพื้ น ชั้ นล าง”, “ตั วอั ก ษรกํา กั บพื้ น นอกบ าน”, “เสนโครง”, “เสนบอกขนาด” จะปรากฏดังรูปที่ 12.87 (ขวา) 238. ลบเสน 2 มิตติ า งๆ ทัง้ หมดทีม่ ไิ ดใชงานอีกตอไป โดยใชคําสัง่ Tools4Quick Select เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Quick Select คลิกแถบรายการ Object type แลวเลือก Line เลือก Select All ในแถบรายการ Operator แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏจุด กริป๊ สสนี ้ําเงินบนเสนตรงไลน 2 มิติทง้ั หมด ใหกดปุม = บนคียบ อรด 239. เพือ่ ลบวัตถุ 2 มิตติ อ ไปโดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Tools4Quick Select ตามวิธใี น ขอ 238 เปลี่ยน Object type เปน Polyline, Rotated Dimension, MLine, Arc, MText, Point ตามลําดับ จะปรากฏดังรูปที่ 12.88 (ซาย) รูปที่ 12.88
240. จากรูปที่ 12.88 (ซาย) ปรับความโปรงของของระนาบตัดใหโปรงใสมากขึน้ โดยใน ขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบนระนาบตัดจุดที่ 1 ใหปรากฏ จุดกริ๊ปส แลวคลิกขวาบนระนาบตัด เลือกคําสั่ง Properties แลวปรับคา Plane
chap-12-2.PMD
310
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
311
Transparency = 100 แลวกดปุม D เพือ่ ยกเลิกการเลือก เราจะเห็นเฉพาะเสน ขอบของระนาบตัดเทานั้น 241. จากรูปที่ 12.88 (ซาย) เริ่มเจาะชองประตูบนผนัง โดยขยายภาพ ดวยคําสัง่ View4 Zoom4Window แลวคลิกจุดที่ 2 และ 3 จะปรากฏดังรูปที่ 12.88 (ขวา) 242. ใหแนใจวายูซเี อสไอคอนตรงกับ WCS โดยใชคําสัง่ Tools4New UCS4World
รูปที่ 12.89
Note
243. เปดไฟล DoorType1.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูมือฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.89 (ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Door, Frame, Glass, Knob แลวละลาย (Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.89 (กลาง-ซาย)
สังเกตุวา UCS Icon ในไฟลป ระตูและในไฟลบานเดี่ยวนั้นอยูในตําแหนงและทิศทางของ World Coordinate System เชนเดียวกัน
244. จากรูปที่ 12.89 (กลาง-ซาย) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใช คําสั่ง Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกตรงจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 6 แลวคลิกขวา โซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนังจะถูกคัดลอกไปเก็บในหนวย ความจํา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยัง ไฟลบา นดังรูปที่ 12.88 (ขวา) 245. จากรูปที่ 12.88 (ขวา) เริ่มสอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสั่ง Edit4 Paste เมือ่ ปรากฏขอความ Specify insertion point: ปด ^ เปด # คลิกจุดที่ 4 จะปรากฏดังรูปที่ 12.89 (กลาง-ขวา) 246. จากรูปที่ 12.89 (กลาง-ขวา) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิก บนโซลิดผนังจุดที่7 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 8 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.89 (ขวา)
chap-12-2.PMD
311
12/10/2549, 21:51
312
Note
หากสอดแทรกไฟลประตู DoorType1.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แบบ External Reference ดวยคําสั่ง Insert4DWG Reference แตกอนที่จะสอดแทรกไฟล DoorType1.dwg เราควรทีจ่ ะคัดลอกไฟล DoorType1.dwg ไปเก็บไวในโฟลเดอรเดียวกันกับไฟลแบบแปลนบานเดีย่ วที่ เรากําลังใช งานอยู เหตุ ผลที่ ต องทําเช นนี้ ก็ เพราะวาหากเรานําแผ น DVD-ROM ออกจากเครื่ อง คอมพิวเตอรรูปประตูที่เราไดสอดแทรกแบบเอกซเรฟจากแผน DVD-ROM จะหายไปดวย เนือ่ งจาก เอกซเรฟจะตองมีไฟล DoorType1.dwg ดวยเสมอ ดังนัน้ เราจึงควรคัดลอกไฟล DoorType1.dwg, ..., DoorType6.dwg, และ WinType1.dwg,..., WinType7.dwg ไปเก็บไวในโฟลเดอรเดียวกันกับไฟลรูป บานเดีย่ ว จะชวยใหโปรแกรมคนหาไฟลได งายกวา แตในทีน่ ี้ เราจะสอดแทรกไฟล DoorType1.dwg แบบบล็อคดวยคําสั่ง Insert4Block จึงไมจําเปนที่จะตองคัดลอกไฟลตางๆ ทั้งหมด
2D Drafting
247. กําหนดหนวยวัดในการสอดแทรกวัตถุ โดยใชคําสั่ง Format4Unit เมื่อปรากฏ ไดอะล็อค Drawing Units ใหเลือก Meters จากแถบรายการ Units to scale inserted contents แลวคลิกบนปุม OK เพื่อออกจากไดอะล็อค Note
หากตองการเรนเดอรแบบ Global Illumination ตองแนใจวา Drawing Units = Meters เทานั้น
248. จากรูปที่ 12.89 (ขวา) สอดแทรกรูปประตู DoorType1.dwg โดยใชคําสั่ง Insert4 Block จะปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล DoorType1.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนา เช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 9 จะปรากฏดังรูปที่ 12.90 (ขวา) Note
หากตอไปทาง Autodesk, Inc. ไดแกไขขอบกพรองในเอกซเรฟของ AutoCAD 2007 เราก็สามารถ แทนที่คําสั่ง Insert4Block ดวยคําสั่ง Insert4DWG Reference ในขอ 248 ไดทันที
รูปที่ 12.90
Note
chap-12-2.PMD
จากรูปที่ 12.90 (ขวา) เราจะเห็นวาโซลิดที่ใชสําหรับเจาะผนังปรากฏซอนทับกับประตู DoorType1 เนื่ องมาจากโซลิ ดดั งกลาวอยู ในไฟล DoorType1.dwg เมื่ อเราสอดแทรกไฟล DoorType1.dwg เขามาใชงานและเลเยอร Solid อยู ในสถานะเปด เราจึงมองเห็นโซลิ ดที่ ใช สําหรับ เจาะผนังดวย ในขณะนีป้ ลอยใหเปนเชนนั้นไปกอน เมื่อเราสรางประตูหนาตางเสร็จเรียบรอยหมดแลว เราเพียงแต แชแข็ง(Freeze)เลเยอร Solid โซลิดที่ใชสําหรับเจาะผนังทั้งหมดก็จะถูกซอน
312
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
313
รูปที่ 12.91
249. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังและสอดแทรกหนาตาง WinType1 โดยกอนอื่น ใชคําสั่ง View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.91 (ซาย) 250. เปดไฟล WinType1.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูมือฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.91 (กลาง-ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.91 (กลาง-ขวา) Note
สังเกตุวา UCS Icon ในไฟลหนาตางและในไฟลบานเดี่ยวนั้นอยูในตําแหนงและทิศทางของ World Coordinate System เชนเดียวกัน
251. จากรูปที่ 12.91 (กลาง-ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดย ใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: ปด ^ เปด # คลิกตรงจุดที่ 2 เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 3 แลวคลิกขวา โซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนังจะถูกคัดลอก ไปเก็บในหนวยความจํา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา นดังรูปที่ 12.91 (ซาย) 252. จากรูปที่ 12.91 (ซาย) เริ่มสอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสั่ง Edit4 Paste เมือ่ ปรากฏขอความ Specify insertion point: ปด ^ เปด # เปด ) เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 1 แลวเลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของ จุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.1 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.91 (ขวา) 253. จากรูปที่ 12.91 (ขวา) เคลื่อนยายโซลิดที่จะใชสําหรับหักลบออกจากผนังขึ้นใน แนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 6 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ใน แนวดิง่ ตาม ทิศทางของแนวแกน Z เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.2 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.92 (ซาย)
chap-12-2.PMD
313
12/10/2549, 21:51
314
2D Drafting รูปที่ 12.92
254. จากรูปที่ 12.92 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน โซลิดผนังจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.92 (กลาง) 255. จากรูปที่ 12.92 (ซาย) สอดแทรกโมเดลหนาต าง WinType1.dwg โดยใชคําสั่ ง Insert4Block จะปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล WinType1.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนา เช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 3 จะปรากฏดังรูปที่ 12.92 (ขวา) ตอไปเริม่ เจาะชองผนังและสอดแทรกหนาตาง WinType2 โดยกอนอื่น ใชคําสั่ง View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.93 (ซาย) Note
คําสั่ง Insert4Block และคําสั่ง Insert4DWG Reference มีวิธีการใชงานเหมือนกัน เพียง แตวา บล็อคไมมกี ารเชือ่ มโยงกับไฟลตน ฉบับ สวนเอกซเรฟนั้นเชือ่ มโยงขอมูลมาจากไฟลตน ฉบับ
รูปที่ 12.93
256. เปดไฟล WinType2.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูมือฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.93 (กลาง-ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) เพื่อกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.93 (กลาง-ขวา)
chap-12-2.PMD
314
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม Note
315
สังเกตุวา UCS Icon ในไฟลหนาตางและในไฟลบานเดี่ยวนั้นอยูในตําแหนงและทิศทางของ World Coordinate System เชนเดียวกัน
257. จากรูปที่ 12.93 (กลาง-ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใช คําสั่ง Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกตรงจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 6 แลวคลิกขวา โซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนังจะถูกคัดลอกไปเก็บในหนวย ความจํา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยัง ไฟลบา นดังรูปที่ 12.93 (ซาย) 258. จากรูปที่ 12.93 (ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคาํ สัง่ Edit4Paste เมือ่ ปรากฏขอความ Specify insertion point: เปด # เปด ) เลือ่ นเคอรเซอร ไปยังจุดที่ 4 แลวเลื่อนเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 7 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.6 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.93 (ขวา)
รูปที่ 12.94
259. จากรูปที่ 12.93 (ขวา) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน โซลิดผนังจุดที่ 8 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 9 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.94 (ซาย)
260. จากรูปที่ 12.94 (ซาย) สอดแทรกโมเดลหนาต าง WinType2.dwg โดยใชคําสั่ ง Insert4Block จะปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล WinType2.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 10 จะปรากฏดังรูปที่ 12.94 (กลาง) Note
chap-12-2.PMD
ในไฟล WinType2.dwg มีการใชคําสั่ง BASE เพื่อกําหนดจุดสอดแทรกใหอยูตรงจุดที่ 13 ของรูปที่ 12.93 (กลาง-ซาย) มาใหเรียบรอยแลว หากเราตองการเปลี่ยนแปลง เราจะตองพิมพคําสั่ง BASE ผาน บรรทัด Command: แลวกําหนดจุดสอดแทรกใหมไดตามความเหมาะสม แลวจะตองบันทึก(Save)ไฟล WinType2.dwg ดวย จึงจะมีผลเมื่อนําไฟลไปทําการสอดแทรกเปนบล็อคหรือเอกซเรฟ
315
12/10/2549, 21:51
316
261. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังและสอดแทรกหนาตาง WinType4 โดยกอนอื่น ใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมองเล็กนอยและใชคําสัง่ View4Pan 4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.94 (ขวา)
2D Drafting
รูปที่ 12.95
262. เปดไฟล WinType4.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.95 (ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) เพือ่ กําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.95 (กลาง-ซาย)
263. จากรูปที่ 12.95 (กลาง-ซาย) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใช คําสั่ง Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกตรงจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา โซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนังจะถูกคัดลอกไปเก็บในหนวย ความจํา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยัง ไฟลบา นดังรูปที่ 12.94 (ขวา) 264. จากรูปที่12.94 (ขวา) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคาํ สัง่ Edit4Paste เมือ่ ปรากฏขอความ Specify insertion point: เปด # เปด ) เลือ่ นเคอรเซอร ไปยังจุดที่ 11 แลวเลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 1.3 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่12.95 (กลาง) 265. จากรูปที่ 12.95 (กลาง) เคลือ่ นยายโซลิดที่จะใชสําหรับหักลบออกจากผนังขึ้นใน แนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 3 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 4 เมื่อปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ ตามทิศทางของแนวแกน Z เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.85 แลว กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.95 (ขวา) 266. จากรูปที่ 12.95 (ขวา) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน
chap-12-2.PMD
316
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
317
โซลิดผนังจุดที่ 5 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 6 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.96 (ซาย) รูปที่ 12.96
267. จากรูปที่ 12.96 (ซาย) สอดแทรกโมเดลหนาตาง WinType4.dwg โดยใชคาํ สัง่ Insert4 Block จะปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล WinType4.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 7 จะปรากฏดังรูปที่ 12.96 (ขวา) Note
ในไฟล WinType4.dwg มีการใชคําสัง่ BASE เพือ่ กําหนดจุดสอดแทรกใหอยูต รงจุดที่ 8 ของรูปที่ 12.95 (ซาย) มาใหเรียบรอยแลว หากเราตองการเปลี่ยนแปลง เราจะตองพิมพคําสั่ง BASE ผานบรรทัด Command: แลวกําหนดจุดสอดแทรกใหมไดตามความเหมาะสม แลวจะต องบันทึก(Save)ไฟล WinType4.dwg ดวยจึงจะมีผลเมือ่ ทําการสอดแทรกบล็อคหรือเอกซเรฟ
Note
ตอไปเราจะเจาะชองผนังอีกดานหนึง่ สําหรับหนาตาง WinType4.dwg แตสงั เกตุวา ผนังทีป่ รากฏในรูปที่ 12.97 (ซาย) นัน้ ทํามุมตัง้ ฉาก 90 องศากับหนาตาง WinType4.dwg ดังนัน้ เมือ่ เปดไฟล WinType4.dwg ออกมา เราจะตองหมุน เฉพาะโซลิดสวนทีจ่ ะนํามาหักลบออกจากผนัง แลวจึงจะใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point
268. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังสําหรับหนาตาง WinType4 โดยกอนอื่น ใชคําสั่ง View 4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.97 (ซาย) รูปที่ 12.97
chap-12-2.PMD
317
12/10/2549, 21:51
318
269. เปดไฟล WinType4.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.97 (กลาง) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.97 (ขวา)
2D Drafting
270. จากรูปที่ 12.97 (ขวา) หมุนโซลิด 90 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 12 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ ขอความ Specify base point: เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 13 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 90 องศา กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.98 (ซาย) รูปที่ 12.98
271. จากรูปที่ 12.98 (ซาย) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 1 เมื่อปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมื่อปรากฏ ขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา โซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนํา ไปหักลบผนังจะถูกคัดลอกไปเก็บในหนวยความจํา แลวปดไฟล โดยใชคําสั่ง File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา นดังรูปที่ 12.97 (ซาย) 272. จากรูปที่ 12.97 (ซาย) เริ่มสอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสั่ง Edit4 Paste เมือ่ ปรากฏขอความ Specify insertion point: ปด ^ เปด # กดปุม S คางไวแลวคลิกขวา เลือกออฟเจกทสแนป Mid Between 2 Points แลวคลิกจุดที่ 8 และ 9 แลวคลิกขวา เพื่อทําซ้ําคําสั่ง Edit4Paste เมื่อปรากฏ ขอความ Specify insertion point: ปด ^ เปด # กดปุม S คางไวแลวคลิกขวา เลือกออฟเจกทสแนป Mid Between 2 Points แลวคลิกจุดที่ 10 และ 11 โซลิดจะถูกสอดแทรกลงบนผนังดังรูปที่ 12.98 (ขวา) Note
เหตุผลที่ตอ งใชออฟเจกทสแนป Mid Between 2 Points ก็เพราะวาไมมีจุดกึ่งกลางบนผนังแตละดาน เราจึงตองใชจดุ กึ่งกลางระหวางมุมเสาชั้นบนทั้ง 3 ตนแทน
273. จากรูปที่ 12.98 (ขวา) เคลือ่ นยายโซลิดทัง้ สองที่จะใชสําหรับหักลบออกจากผนัง ขึน้ ในแนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมือ่ ปรากฏ
chap-12-2.PMD
318
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
319
Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 3 และ 4 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 5 เมื่อปรากฏ Specify second point... เลือ่ น เคอร เซอร ขึ้ นในแนวดิ่ งตามทิ ศทางของแนวแกน Z เมื่ อปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.99 (ซาย)
รูปที่ 12.99
274. จากรูปที่ 12.98 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน โซลิดผนังจุดที่ 6 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 7 และ 8 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.99 (ขวา) 275. จากรูปที่ 12.99 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคําสั่ง Insert4 Block จะปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) ใหเลือก WinType4 จากแถบ รายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏ เครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point ใหปรับ คามุม Angle = 90 แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 9 บล็อคหนาตาง WinType4 จะถูกสอดแทรกใน ตําแหนงและทิศทางทีถ่ กู ตอง แลวคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสั่ง Insert4Block ให เลือก WinType4 จากแถบรายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point ใหปรับคามุม Angle = 90 แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 10 บล็อคหนาตาง WinType4 จะถูกสอดแทรกดังรูปที่ 12.100 (ซาย)
รูปที่ 12.100
chap-12-2.PMD
319
12/10/2549, 21:51
320
276. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังสําหรับหนาตาง WinType4 บนผนังหองครัว โดยกอนอืน่ แชแข็ง(Freeze)เลเยอร “พื้นชั้นบน”, “เสาชั้นลาง” แลวกําหนดเลเยอร 0 (ศูนย) เปนเลเยอรใชงาน เพือ่ ใหเราสามารถมองเห็นผนังหองครัว แลวใชคําสัง่ View4 Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมองลงดานลางเล็กนอย แลวใชคําสัง่ View 4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.100 (ขวา)
2D Drafting
รูปที่ 12.101
277. เปดไฟล WinType4.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.101 (ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.101 (กลาง)
278. จากรูปที่ 12.101 (ซาย) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 1 เมื่อปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมื่อปรากฏ ขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา โซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนํา ไปหักลบผนังจะถูกคัดลอกไปเก็บในหนวยความจํา แลวปดไฟล โดยใชคําสั่ง File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา นดังรูปที่ 12.100 (ขวา) 279. จากรูปที่ 12.100 (ขวา) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคาํ สัง่ Edit4Paste เมือ่ ปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด # เลือ่ นเคอรเซอรไป ยังจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.101 (ขวา) 280. จากรูปที่ 12.101 (ขวา) เคลื่อนยายโซลิดทีจ่ ะใชสําหรับหักลบออกจากผนังขึน้ ใน แนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 3 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ น เคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ ตาม ทิศทางของแนวแกน Z เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.102 (ซาย) 281. จากรูปที่ 12.102 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน
chap-12-2.PMD
320
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
321
รูปที่ 12.102
โซลิดผนังจุดที่ 5 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 6 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.102 (ขวา)
รูปที่ 12.103
282. จากรูปที่ 12.102 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะ ปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) ใหเลือก WinType4 จากแถบรายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และ ใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่7 จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.103 (ซาย)
283. ตอไปเจาะชองผนังสําหรับประตู DoorType2 โดยเปดไฟล DoorType2.dwg จาก โฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทายหนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.103 (กลาง-ซ าย) แล วแช แข็ ง(Freeze)เลเยอร Door, Frame, Glass, Knob แลวละลาย (Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิก บนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.103 (กลาง-ขวา) 284. จากรูปที่ 12.103 (กลาง-ขวา) หมุนโซลิด 90 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 8 แลวคลิกขวา เมื่อ ปรากฏขอความ Specify base point: เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุ ดที่ 9 เมื่ อปรากฏ มารคเกอร คลิกซาย Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 90 องศา กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.103 (ขวา) 285. จากรูปที่ 12.103 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด
chap-12-2.PMD
321
12/10/2549, 21:51
322
# คลิกจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 11 แลวคลิกขวา
แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา น ดังรูปที่ 12.103 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.104
286. จากรูปที่ 12.103 (ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคาํ สัง่ Edit4Paste เมือ่ ปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด # เลือ่ นเคอรเซอรไป ยังจุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.104 (ซาย)
287. จากรูปที่ 12.104 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน โซลิดผนังจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.104 (กลาง) 288. จากรูปที่ 12.104 (กลาง) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะ ปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล DoorType2.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point ใหปรับคามุม Angle = 90 แลวคลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 3 จะปรากฏดังรูปที่ 12.104 (ขวา) Note
ในไฟล DoorType2.dwg มีการใชคําสั่ง BASE เพื่อกําหนดจุดสอดแทรกใหอยูตรงจุดที่ 13 ของรูปที่ 12.103 (กลาง-ซาย) มาใหเรียบรอยแลว หากตองการเปลี่ยนแปลง เราจะตองพิมพคําสั่ง BASE ผาน บรรทัด Command: แลวกําหนดจุดสอดแทรกใหมไดตามความเหมาะสม แลวจะตองบันทึก (Save) ไฟล DoorType2.dwg ดวยจึงจะมีผลเมื่อทําการสอดแทรกบล็อคหรือเอกซเรฟ
รูปที่ 12.105
chap-12-2.PMD
322
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
323
289. ตอไปเริ่มเจาะชองผนังสําหรับหนาตางบานเกล็ด WinType6 บนผนังหองครัว โดยใชคําสัง่ View 4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.105 (ซาย) 290. เปดไฟล WinType6.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.105 (กลาง-ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.105 (กลาง-ขวา) 291. จากรูปที่ 12.105 (กลาง-ขวา) หมุนโซลิด 90 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 4 แลวคลิกขวา เมื่อ ปรากฏขอความ Specify base point: เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุ ดที่ 5 เมื่ อปรากฏ มารคเกอร คลิกซาย Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 90 องศา กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.105 (ขวา) 292. จากรูปที่ 12.105 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 6 เมื่อปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมื่อปรากฏ ขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 7 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา นดังรูปที่ 12.105 (ซาย)
รูปที่ 12.106
293. จากรูปที่ 12.105 (ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคาํ สัง่ Edit4Paste เมือ่ ปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด # เลือ่ นเคอรเซอรไป ยังจุดที่ 8 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.106 (ซาย)
294. จากรูปที่ 12.106 (ซาย) เคลือ่ นยายโซลิดทีจ่ ะใชสําหรับหักลบออกจากผนังขึน้ ใน แนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 9 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ ตาม ทิศทางของแนวแกน Z เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.106 (ซาย-กลาง) 295. จากรูปที่12.106 (ซาย-กลาง) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน
chap-12-2.PMD
323
12/10/2549, 21:51
324
โซลิดผนังจุดที่ 11 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 12 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.106 (กลาง-ขวา)
2D Drafting
296. จากรูปที่ 12.106 (กลาง-ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล WinType6.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และ ใหแนใจวาปรากฏเครื่ องหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point ใหปรับคามุม Angle = 90 แลวคลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 13 จะปรากฏดังรูปที่ 12.106 (ขวา) Note
ในไฟล WinType6.dwg มีการใชคําสั่ง BASE เพื่อกําหนดจุดสอดแทรกใหอยูตรงจุดที่ 14 ของรูปที่ 12.105 (กลาง-ซาย) มาใหเรียบรอยแลว หากตองการเปลี่ยนแปลง เราจะตองพิมพคําสั่ง BASE ผาน บรรทัด Command: แลวกําหนดจุดสอดแทรกใหมไดตามความเหมาะสม แลวจะตองบันทึก (Save) ไฟล WinType6.dwg ดวยจึงจะมีผลเมื่อทําการสอดแทรกบล็อคหรือเอกซเรฟ
297. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังสําหรับหนาตางหองรับแขก WinType3 โดยกอนอืน่ ละลาย (Thaw)เลเยอร “พืน้ ชัน้ บน”, “เสาชัน้ ลาง” แลวกําหนดเลเยอร 0 (ศูนย) เปนเลเยอร ใชงาน แลวใชคําสัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมองไปยังทิศ ตะวันตกของตัวบาน แลวใชคําสัง่ View 4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏ ดังรูปที่ 12.107 (ซาย)
รูปที่ 12.107
298. เปดไฟล WinType3.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.107 (กลาง-ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.107 (กลาง-ขวา) 299. จากรูปที่ 12.107 (กลาง-ขวา) หมุนโซลิด 90 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมื่อ ปรากฏขอความ Specify base point: เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุ ดที่ 2 เมื่ อปรากฏ มารคเกอร คลิกซาย Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 90 องศา กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.107 (ขวา)
chap-12-2.PMD
324
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
325
300. จากรูปที่ 12.107 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 4 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา น ดังรูปที่ 12.107 (ซาย) 301. จากรูปที่ 12.107 (ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคาํ สัง่ Edit4Paste ^ เปด # เลือ่ นเคอรเซอรไป เมือ่ ปรากฏ Specify insertion point: ปด ยังจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.108 (ซาย) รูปที่ 12.108
302. จากรูปที่ 12.108 (ซาย) คัดลอกโซลิดที่จะใชสําหรับหักลบออกจากผนัง โดยใช คําสัง่ Modify4Copy เปด # เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 6 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify base point ... คลิกจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... คลิกจุดที่ 8 จะปรากฏดังรูปที่ 12.108 (ขวา) 303. จากรูปที่ 12.108 (ขวา) เคลื่อนยายโซลิดทีจ่ ะใชสําหรับหักลบออกจากผนังขึน้ ใน แนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 9 และ 10 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ใน แนวดิง่ ตามทิศทางของแนวแกน Z เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.45 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.109 (ซาย) รูปที่ 12.109
304. จากรูปที่ 12.109 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบน
chap-12-2.PMD
325
12/10/2549, 21:51
326
โซลิดผนังจุดที่ 12 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 13 และ 14 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.109 (ขวา)
2D Drafting
Note
หากเราไมสามารถเลือกผนังตรงจุดที่ 7 ได เราจะตองใชคําสั่ง View4Regen All เพื่อใหโปรแกรม คํานวณภาพใหมเสียกอน หรืออาจจะใชวธิ แี ชแข็ง(Freeze)เลเยอร “พืน้ ชัน้ ลาง” จึงจะสามารถเลือกผนัง ในขอ 304 ได
305. จากรูปที่ 12.109 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะ ปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล WinType3.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และ ใหแนใจวาปรากฏเครื่ องหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point ใหปรับคามุม Angle = -90 แลวคลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่15 หนาตาง WinType3 จะถูกสอด แทรกบนผนัง 306. หมุนมุมมองใหสามารถมองเห็นจุดสอดแทรกของหนาตางอีกบานหนึ่ง โดยใช คําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit ใหปรากฏดังรูปที่ 12.110 (ซาย) รูปที่ 12.110
Note
หนาตางอีกบานหนึ่ง เราจะใชวิธีการสอดแทรกบล็อคดวยคําสั่ง Insert4Block หรือจะคัดลอก ดวยคําสัง่ Modify4Copy แทนก็ได แตถา เราสอดแทรกวัตถุแบบเอกซเรฟ เราจะตองเปลีย่ นโหมด แสดงผลเปน 2D Wireframe เสียกอน เพราะในโหมดแสดงผล Conceptual ไมสามารถเลือกวัตถุทเี่ ปน เอกซเรฟได เมือ่ เปลีย่ นโหมดแสดงผลเปน 2D Wireframe แลวเราจึงจะสามารถเลือกเอกซเรฟในคําสัง่ Modify4Copy เพือ่ คัดลอกเอกซเรฟได
307. จากรูปที่ 12.110 (ซาย) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะ ปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) ใหเลือก WinType3 จากแถบรายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และ ใหแนใจวาปรากฏเครื่องหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ใหปรับคามุม Angle = -90 แลวคลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 1 หนาตาง WinType3 จะถูกสอดแทรกบนผนัง จะปรากฏดังรูปที่ 12.110 (ขวา)
chap-12-2.PMD
326
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม Note
รูปที่ 12.111
327
ในไฟล WinType3.dwg มีการใชคําสั่ง BASE เพื่อกําหนดจุดสอดแทรกใหอยูตรงจุดที่ 16 ของรูปที่ 12.107 (กลาง-ซาย) มาใหเรียบรอยแลว หากตองการเปลี่ยนแปลง เราจะตองพิมพคําสั่ง BASE ผาน บรรทัด Command: แลวกําหนดจุดสอดแทรกใหมไดตามความเหมาะสม แลวจะตองบันทึก (Save) ไฟล WinType3.dwg ดวยจึงจะมีผลเมื่อทําการสอดแทรกบล็อคหรือเอกซเรฟ
308. ตอไปเริ่มเจาะชองผนังสําหรับหนาตางหองนอน WinType5 โดยใชคําสั่ง View เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.111 (ซาย) 4Pan4Real Time
309. เปดไฟล WinType5.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.111 (กลาง-ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.111 (กลาง-ขวา) 310. จากรูปที่ 12.111 (กลาง-ขวา) หมุนโซลิด 90 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา เมื่อ ปรากฏขอความ Specify base point: เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุ ดที่ 3 เมื่ อปรากฏ มารคเกอร คลิกซาย Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 90 องศา กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.111 (ขวา) 311. จากรูปที่ 12.111 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 4 เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 5 แลวคลิก ขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสั่ง File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟล บานดังรูปที่ 12.111 (ซาย) 312. จากรูปที่ 12.111 (ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4 Paste เมื่อปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด # เลือ่ น เคอรเซอรไปยังจุดที่ 6 เมื่อปรากฏมารคเกอร เลื่อนเคอรเซอรไปตามทิศทาง ของจุดที่ 7 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.9 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.112 (ซาย)
chap-12-2.PMD
327
12/10/2549, 21:51
328
Note
รูปที่ 12.111 (ซาย) หากเลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 6 แลวไมปรากฏมารคเกอร เราจะตองใชคําสั่ง ZOOM ขยายภาพใหมีขนาดใหญมากขึ้น
2D Drafting
รูปที่ 12.112
313. จากรูปที่ 12.112 (ซาย) เคลือ่ นยายโซลิดทีจ่ ะใชสําหรับหักลบออกจากผนังขึน้ ใน แนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ ตาม ทิศทางของแนวแกน Z เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.112 (ขวา) 314. จากรูปที่ 12.112 (ขวา) คัดลอกโซลิดที่จะใชสําหรับหักลบออกจากผนัง โดยใช คําสัง่ Modify4Copy เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 3 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... เปด ) ปด # คลิกประมาณจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของ จุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 2.4 แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏขอความ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 4.7 แลวกดปุม Q แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.113 (ซาย) รูปที่ 12.113
315. จากรูปที่ 12.113 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิด ผนังจุดที่ 6 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 7, 8 และ 9 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.113 (ขวา) 316. จากรูปที่ 12.113 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block
chap-12-2.PMD
328
12/10/2549, 21:51
คลิก
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
329
บนปุม Browse แลวคนหาไฟล WinType5.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหปรับคามุม Angle = -90 แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 10 หนาตาง WinType5 จะถูกสอดแทรก 317. จากรูปที่ 12.113 (ขวา) คลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Insert4Block ตามวิธใี นขอ 316 เลือกบล็อค WinType5 จากแถบรายการ Name กําหนดมุม Angle = -90 องศา โดยใชจดุ ที่ 11 เปนจุดสอดแทรก
รูปที่ 12.114
318. จากรูปที่ 12.113 (ขวา) คลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Insert4Block ตามวิธใี นขอ 316 เลือกบล็อค WinType5 จากแถบรายการ Name กําหนดมุม Angle = -90 องศา โดยใชจดุ ที่ 12 เปนจุดสอดแทรก จะปรากฏดังรูปที่ 12.114 (ซาย)
319. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังสําหรับหนาตางดานหลังบาน WinType3 โดยกอนอืน่ ใชคาํ สัง่ View4Orbit4 Contrained Orbit หมุนมุมมองไปยังทิศเหนือหรือหลังบาน แลว ใชคาํ สัง่ View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.114 (กลาง-ซาย) 320. เปดไฟล WinType3.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.115 (กลาง-ขวา) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.115 (ขวา) 321. จากรูปที่ 12.115 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 13 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 14 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา น ดังรูปที่ 12.114 (กลาง-ซาย) 322. จากรูปที่ 12.114 (กลาง-ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสั่ง Edit4Paste เมื่อปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด ) เปด # เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 15 เมื่อปรากฏมารคเกอร เลื่อน เคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 16 เมื่อปรากฏเวคเตอร ให พิมพ 0.45 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.115 (ซาย)
chap-12-2.PMD
329
12/10/2549, 21:51
330
2D Drafting รูปที่ 12.115
323. จากรูปที่ 12.115 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิด ผนังจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.115 (กลาง-ซาย) 324. จากรูปที่ 12.115 (กลาง-ซาย) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะปรากฏไดอะล็ อค Insert ดั งรู ป ที่ 12.90 (ซ า ย) ให เลื อก WinType3 จาก แถบรายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏ เครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ใหปรับคามุม Angle = 180 แลว คลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 3 หนาตาง WinType3 จะถูกสอดแทรกดังรูปที่ 12.115 (กลาง-ขวา) 325. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังสําหรับหนาตางดานหลังบานของหองนอนชัน้ บน โดยใช คําสั่ง View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.115 (ขวา) 326. เปดไฟล WinType5.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.116 (ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.116 (กลาง-ซาย) รูปที่ 12.116
327. จากรูปที่ 12.116 (กลาง-ซาย) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดย ใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมื่อปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 5 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไป ยังไฟลบา นดังรูปที่ 12.115 (ขวา)
chap-12-2.PMD
330
12/10/2549, 21:51
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
331
328. จากรูปที่ 12.115 (ขวา) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4 Paste เมือ่ ปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด ) เปด # เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร เลือ่ นเคอรเซอร ไปตามทิศทางของจุดที่ 7 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.116 (กลาง-ขวา) 329. จากรูปที่ 12.116 (กลาง-ขวา) เคลือ่ นยายโซลิดทีจ่ ะใชสําหรับหักลบออกจากผนัง ) เมือ่ ปรากฏ Select ไปทางขวา โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด objects: คลิกโซลิดจุดที่ 8 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 9 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรไปทางขวาตามทิศ ทางของจุดที่10 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.1 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.116 (ขวา)
รูปที่ 12.117
330. จากรูปที่ 12.116 (ขวา) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิด ผนังจุดที่ 11 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 12 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.117 (ซาย)
331. จากรูปที่ 12.117 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคําสัง่ Insert4 Block จะปรากฏไดอะล็ อค Insert ดั งรู ป ที่ 12.90 (ซ า ย) ให เลื อก WinType5 จาก แถบรายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏ เครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ใหปรับคามุม Angle = 180 แลว คลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 13 หนาตาง WinType5 จะถูกสอดแทรกดังรูปที่ 12.117 (กลาง-ซาย) 332. ตอไปเริ่มเจาะชองผนังสําหรับหนาตางดานหลังบานของหองน้ําชั้นบน โดยใช คําสั่ง View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.117 (กลาง-ขวา) 333. เปดไฟล WinType7.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.117 (ขวา) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลว คลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.118 (ซาย)
chap-12-2.PMD
331
12/10/2549, 21:51
332
รูปที่ 12.118
2D Drafting 334. จากรูปที่ 12.118 (ซาย) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา น ดังรูปที่ 12.117 (กลาง-ขวา) 335. จากรูปที่ 12.117 (กลาง-ขวา) เริ่มสอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสั่ง ^ เปด ) Edit4Paste เมื่อปรากฏ Specify insertion point: ปด เปด # เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 14 เมื่อปรากฏมารคเกอร เลื่อน เคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 15 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 1.45 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.118 (กลาง-ซาย) 336. จากรูปที่ 12.118 (กลาง-ซาย) คัดลอกโซลิดแบบพลิกกลับ โดยใชคําสัง่ Modify4 3D Operations43D Mirror เปด # เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกบน โซลิดจุดที่ 3 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify first point of mirror plane (3 points) or [Object/Last/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>: พิมพตัวเลือก YZ เพือ่ ใชระนาบ YZ เปนระนาบในการพลิกกลับ เมือ่ ปรากฏ Specify point on YZ plane <0,0,0>: เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมือ่ ปรากฏ Delete source objects? [Yes/No] : ใหคลิกขวาหรือกดปุม Q จะ ปรากฏดังรูปที่ 12.118 (กลาง-ขวา) 337. จากรูปที่ 12.118 (กลาง-ขวา) เจาะชองผนัง โดยใชคําสัง่ Modify4Solid Editing4 Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิดผนังจุดที่ 5 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 6 และ 7 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.118 (ขวา) 338. จากรูปที่ 12.118 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคําสัง่ Insert4 Block คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล WinType7.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหปรับคามุม Angle = 180 แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 8 หนาตาง WinType7 จะถูกสอดแทรก 339. จากรูปที่ 12.118 (ขวา) คลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ Insert4Block
chap-12-2.PMD
332
12/10/2549, 21:51
ตามวิธใี นขอ
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
333
338 เลือกบล็อค WinType7 จากแถบรายการ Name กําหนดมุม Angle = 180 องศา โดยใชจดุ ที่ 9 เปนจุดสอดแทรก จะปรากฏดังรูปที่ 12.119 (ซาย) Note
ในไฟล WinType7.dwg มีการใชคําสั่ง BASE เพื่อกําหนดจุดสอดแทรกใหอยูตรงจุดที่ 16 ของรูปที่ 12.117 (ขวา) มาใหเรียบรอยแลว หากตองการเปลีย่ นแปลง เราจะตองพิมพคําสั่ง BASE ผานบรรทัด Command: แลวกําหนดจุดสอดแทรกใหมไดตามความเหมาะสม แลวจะต องบันทึก(Save)ไฟล WinType7.dwg ดวยจึงจะมีผลเมือ่ ทําการสอดแทรกบล็อคหรือเอกซเรฟ รูปที่ 12.119
340. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังสําหรับหนาตางดานหลังบานของหองนอนชัน้ บน โดยใช คําสั่ง View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.119 (กลาง-ซาย) 341. เปดไฟล WinType5.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.119 (กลาง-ขวา) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Window, Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของ เลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.119 (ขวา) 342. จากรูปที่ 12.119 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 11 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับ ไปยังไฟลบา น ดังรูปที่ 12.119 (กลาง-ซาย) 343. จากรูปที่ 12.119 (กลาง-ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสั่ง Edit4Paste เมื่อปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด ) เปด # เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 12 เมื่อปรากฏมารคเกอร เลื่อน เคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 13 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 1.4 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.120 (ซาย) 344. จากรูปที่ 12.120 (ซาย) เคลือ่ นยายโซลิดที่จะใชสําหรับหักลบออกจากผนังขึน้ ใน แนวแกน Z โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิ ก จุ ด ที่ 2 เมื่ อปรากฏ Specify second point... เลื่อนเคอรเซอรขึ้นใน
chap-12-2.PMD
333
12/10/2549, 21:52
334
แนวดิง่ ตามทิศทางของจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.120 (กลาง)
ใหพมิ พ 0.85
2D Drafting
รูปที่ 12.120
345. จากรูปที่ 12.120 (กลาง) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิด ผนังจุดที่ 4 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 5 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.120 (ขวา) 346. จากรูปที่ 12.120 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะ ปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) ใหเลือก WinType5 จากแถบรายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ใหปรับคามุม Angle = 180 แลวคลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 6 หนาตาง WinType5 จะถูกสอดแทรกดังรูปที่ 12.121 (ซาย)
รูปที่ 12.121
347. ตอไปเริ่มเจาะชองผนังสําหรับหนาตางครัวดานหลังบาน โดยกอนอื่น ใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมองไปยังทิศเหนือหรือหลังบาน แลว ใชคําสั่ง View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.121 (กลาง) 348. เปดไฟล WinType6.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.121 (ขวา) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิ กบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.122 (ซาย)
chap-12-2.PMD
334
12/10/2549, 21:52
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
335
รูปที่ 12.122
349. จากรูปที่ 12.122 (ซาย) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 8 แลว คลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา น ดังรูปที่ 12.121 (กลาง) 350. จากรูปที่ 12.121 (กลาง) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4 ^ เปด ) เปด Paste เมือ่ ปรากฏ Specify insertion point: ปด # เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 9 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร เลือ่ นเคอรเซอร ไปตามทิศทางของจุดที่ 10 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.122 (กลาง) 351. จากรูปที่ 12.122 (กลาง) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิด ผนังจุดที่ 11 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 12 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.122 (ขวา) 352. จากรูปที่ 12.122 (ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block จะ ปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) ใหเลือก WinType6 จากแถบรายการ Name ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ใหปรับคามุม Angle = 180 แลวคลิกปุม OK จะ ปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 13 หนาตาง WinType6 จะถูกสอดแทรกดังรูปที่ 12.123 (ซาย) รูปที่ 12.123
chap-12-2.PMD
335
12/10/2549, 21:52
336
353. ตอไปเจาะชองผนังสําหรับประตูครัวดานหลังบาน โดยเปดไฟล DoorType5.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทายหนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.123 (กลาง) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Door, Frame, Glass, Knob แลวละลาย (Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลวคลิก บนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.123 (ขวา)
2D Drafting
354. จากรูปที่ 12.123 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนที่จะนําไปหักลบผนัง โดยใช คําสั่ง Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 14 เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 15 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไป ยังไฟลบา นดังรูปที่ 12.123 (ซาย)
รูปที่ 12.124
355. จากรูปที่ 12.123 (ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4 ^ เปด # คลิกตรง Paste เมื่อปรากฏ Specify insertion point: ปด จุดที่ 16 จะปรากฏดังรูปที่ 12.124 (ซาย)
356. จากรูปที่ 12.124 (ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกบนโซลิด ผนังจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 2 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.124 (กลาง) 357. จากรูปที่ 12.124 (กลาง) สอดแทรกโมเดลประตู โดยใชคําสัง่ Insert4 Block จะปรากฏไดอะล็อค Insert ดังรูปที่ 12.90 (ซาย) คลิกบนปุม Browse แลวคนหาไฟล DoorType5.dwg แลวคลิกบนปุม Open ใหแนใจวา Unit = Meters, Factor = 1 และใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Specify On-screen ในฟลด Insertion point ใหปรับคามุม Angle = 180 แลวคลิกปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 3 หนาตาง DoorType5 จะถูก สอดแทรกดังรูปที่ 12.124 (ขวา) 358. ตอไปเริม่ เจาะชองผนังสําหรับหนาตางดานหลังบานของหองน้าํ ชัน้ ลาง โดยกอนอืน่ ใชคาํ สัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมอง แลวใชคาํ สัง่ View4Pan4Real Time เลือ่ นภาพใหปรากฏดังรูปที่ 12.125 (ซาย)
chap-12-2.PMD
336
12/10/2549, 21:52
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
337
รูปที่ 12.125
359. เปด ไฟล WinType7.dwg จากโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทาย หนังสือคูม อื ฯ จะปรากฏดังรูปที่ 12.125 (กลาง-ซาย) แลวแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Frame, Glass แลวละลาย(Thaw)เลเยอร โดยคลิกบนไอคอน ของเลเยอร “Solid” แลว คลิกบนเลเยอร 0 (ศูนย) จะปรากฏดังรูปที่ 12.125 (กลาง-ขวา) 360. จากรูปที่ 12.125 (กลาง-ขวา) หมุนโซลิด 90 องศา โดยใชคําสัง่ Modify4Rotate เมื่อปรากฏขอความ Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 4 แลวคลิกขวา เมื่อ ปรากฏขอความ Specify base point: เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุ ดที่ 5 เมื่ อปรากฏ มารคเกอร คลิกซาย Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: พิมพคา มุม 90 องศา กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.125 (ขวา) 361. จากรูปที่ 12.125 (ขวา) คัดลอกโซลิดเฉพาะสวนทีจ่ ะนําไปหักลบผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4Copy with Base Point เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 7 แลวคลิกขวา แลวปดไฟล โดยใชคําสัง่ File4Close แลวคลิกบนปุม No เพือ่ กลับไปยังไฟลบา น ดังรูปที่ 12.125 (ซาย)
รูปที่ 12.126
chap-12-2.PMD
362. จากรูปที่ 12.125 (ซาย) เริม่ สอดแทรกโซลิดสําหรับเจาะผนัง โดยใชคําสัง่ Edit4 Paste เมือ่ ปรากฏ Specify insertion point: ปด ^ เปด ) เปด # เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 8 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร เลือ่ นเคอรเซอร ไปตามทิศทางของจุดที่ 9 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 1.35 แลว กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.126 (ซาย)
337
12/10/2549, 21:52
338
363. จากรู ปที่ 12.126 (ซ าย) เคลื่ อนย ายโซลิ ดที่ จะใช สําหรั บหั กลบออกจากผนั ง ไปทางขวา โดยใชคําสัง่ Modify4Move เปด ) เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 10 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify base point ... ปด # คลิกจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เลือ่ นเคอรเซอรไปทาง ขวาตามทิศทางของจุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.2 แลว กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.126 (กลาง-ซาย)
2D Drafting
364. จากรูปที่ 12.126 (กลาง-ซาย) เจาะชองผนัง โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4 Subtract เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 13 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 14 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.126 (กลาง-ขวา) 365. จากรูปที่12.126 (กลาง-ขวา) สอดแทรกโมเดลหนาตางโดยใชคาํ สัง่ Insert4Block เลือกบล็อค WinType7 จากแถบรายการ Name แลวปรับคามุม Angle = 90 แลวคลิกบน ปุม OK จะปรากฏขอความ Specify insertion point or... เปด # คลิกจุดที่ 15 หนาตาง WinType7 จะถูกสอดแทรกดังรูปที่ 12.126 (ขวา) Note
ในขณะนี้ เราไดเจาะชองผนังและสอดแทรกประตูหนาตางภายนอกบานครบถวนเรียบรอยแลว ผูเ ขียน จะไมแสดงขั้นตอนการเจาะชองผนังและสอดแทรกประตูภายในบาน เนื่องจากมีขั้นตอนเหมือนๆ กันกับการเจาะชองผนังและสอดแทรกประตูหนาตางภายนอกบาน เพียงแตวา เราจะตองใชเลเยอร ควบคุมการปรากฏของวัตถุ เพือ่ ไมใหมีวตั ถุตา งๆ มาปดบังมุมมองที่เราตองการทํางาน เราอาจจะตอง แชแข็ง(Freeze)เลเยอรทงั้ หมด ยกเวนเลเยอรพนื้ ชัน้ ลางและผนังชัน้ ลาง ในกรณีทตี่ อ งการเจาะชองผนัง และสอดแทรกประตูชั้นลาง เปนตน เราไมสามารถใช Section Plane เพื่อสรางระนาบตัดเพื่อควบคุม การมองเห็นได เนือ่ งจากระนาบตัดจะทําใหเราไมสามารถใชออฟเจกทสแนปกับวัตถุทถี่ ูกระนาบตัด พาดผานได
Note
หากตอไปทาง Autodesk, Inc. ไดทําการแกไขเอกซเรฟใน AutoCAD 2007 ใหสามารถทํางานไดอยาง ถูกตองแลว เราสามารถเปลี่ยนการใชคําสั่ง Insert4Block เปนคําสั่ง Insert4DWG Reference แทนได อนึ่ง ถึงแมวาในแบบฝกหัดนี้ เราใชคําสั่ง Insert4Block ในการสอดแทรกประตู หนาตาง ถาหากเราตองการแกไขแบบประตูหรือแบบหนาตาง ยกตัวอยาง เชน หากตองการใหหนาตาง WinType4 ทุกบานแสดงภาพเปดหนาตางทํามุม 90 องศา ถึงแมวาเราไมไดใชเอกซเรฟ เราก็สามารถ เปลี่ยนแปลงหนาตาง WinType4 ทั้งหมดได โดยเพียงเปดไฟล WinType4.dwg ออกมา แลวหมุน (Rotate)บานหนาตางและกระจก 90 องศา แลวจึงบันทึก(Save)การเปลีย่ นแปลงลงในไฟล แลวใชคําสัง่ Insert4Block คลิกบนปุม Browse เพื่อคนหาไฟล WinType4.dwg เมื่อปรากฏไดอะล็อคแสดง ขอความ WinType4 is already defined. ใหคลิกบนปุม Yes แลวสอดแทรกหนาตางบนพื้นทีว่ าดภาพ ณ จุดใดๆ แลวจึงลบหนาตาง WinType4 ทีถ่ ูกสอดแทรกบนพื้นที่วาดภาพ บล็อคหนาตาง WinType4 ทั้งหมดจะแสดงภาพเปดหนาตางตามไปดวยโดยอัตโนมัติ
366. แชแข็ง(Freeze)เลเยอร “Solid” เพือ่ ซอนโซลิดทีใ่ ชสําหรับเจาะชองประตูหนาตาง ทัง้ หมด แลวกําหนดใหเลเยอร 0 (ศูนย) เปนเลเยอรใชงาน 367. เปลี่ยนมุมมอง โดยใชคําสั่ง View43D Views4SE Isometric แลวใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit ใหปรากฏดังรูปที่ 12.127 (ซาย) chap-12-3.PMD
338
12/10/2549, 21:53
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
339
รูปที่ 12.127
368. จากรูปที่ 12.127 (ซาย) ขยายภาพ โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Window จุดที่ 1 และ 2 จะปรากฏดังรูปที่ 12.127 (ขวา)
คลิก
เปนเลเยอรใชงาน 369. จากรูปที่ 12.127 (ขวา) เปลีย่ นเลเยอร เขียนขอบระเบียง โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Polysolid พิมพตวั เลือก H แลวกําหนดความสูง 0.2 พิมพตวั เลือก W แลวกําหนดความกวาง 0.2 พิมพตัวเลือก J แลวเลือกตัวเลือก L เพือ่ กําหนดใหจดั ชิดซาย แลวคลิกจุดที่ 3, 4, 5, 6 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.128 (ซาย)
รูปที่ 12.128
370. จากรูปที่ 12.128 (ซาย) รวมโซลิดใหกลายเปนชิ้นเดียวกันกับพื้นชั้นบน โดยใช คําสั่ง Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิก จุดที่ 7 และ 8 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.128 (ขวา) 371. ตอไปเราจะเริม่ เขียนขอบปูนปน ตกแตงบริเวณตางๆ รอบตัวบาน โดยกอนอืน่ ใช คําสั่ง Format4Layer สรางเลเยอรใหมชอื่ “ปูนปน ” แลวกําหนดสีแดง รหัสสี Red แลวกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน Note
chap-12-3.PMD
ในการเขียนขอบปูนปน เราจะใชคําสัง่ อยู 3 คําสัง่ คือ Draw4Polyline , คําสัง่ Draw43D Polyline และคําสั่ง Draw4Modeling 4Sweep เราใชคําสั่ง Draw4Polyline ในการเขียน หนาตัด(Profile) 2 มิติ แลวใชคําสั่ง Draw4Polyline หรือคําสั่ง Draw43D Polyline สําหรับเขียนทางเดิน(Path)ของปูนปน แลวจึงใชคําสัง่ Draw4Modeling4Sweep ในการแปลง หนาตัดใหวิ่งไปตามทางเดิน(Path)ใหเปน 3 มิติ
339
12/10/2549, 21:53
340
Note
ในการเขียนหนาตัด(Profile) เพื่อใชกับคําสั่ง Sweep เราไมจําเปนตองวางหนาตัดไวบน Path ใน ตําแหนงจริงก็ได เราสามารถทีจ่ ะวางหนาตัดในตําแหนงและหันเหไปในทิศทางใดก็ได อยางไรก็ตาม หากเราวางตําแหนงหนาตัด(Profile)บน Path เราจะสามารถมองวัตถุอยางเขาใจไดงายมากขึ้น
2D Drafting
372. จากรูปที่ 12.128 (ขวา) เริ่มเขียนเสน Path แบบ 2 มิตอิ ยางตอเนื่อง โดยใชคําสัง่ Draw4Polyline เปด ) เปด # แลวคลิกจุดที่ 9, 10, 11 แลว ขยายภาพ โดยใช คําสั่ ง View 4 Zoom4 Window คลิ กจุ ดที่ 12 และ 13 โปรแกรมจะนําเรากลับสูคําสัง่ เขียนเสนโพลีไลนตอ ไป จะปรากฏดังรูปที่ 12.129 (ซาย) เปด _ เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 1 เมื่อปรากฏมารคเกอร ให รูปที่ 12.129
เลือ่ นเคอรเซอรกลับไปตัดกันตรงจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏ ใหคลิกซาย แลวเลือ่ นเคอรเซอรกลับไปยังจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหคลิก ซาย แลวกลับไปยังจอภาพเดิม โดยใชคําสั่ง View4Zoom4Previous แลว ใชคําสั่ง View4Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูปที่ 12.129 (ขวา) โปรแกรมจะ นําเรากลับสูคําสัง่ เขียนเสนโพลีไลนตอไป เลือ่ นเคอรเซอรกลับไปยังจุดที่ 3 เมื่อ ปรากฏมารคเกอร ใหคลิกซาย แลวใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมองใหมองเห็นอีกดานของตัวบานดังรูปที่ 12.130 (ซาย) แลวคลิกขวา และเลือกคําสัง่ Exit โปรแกรมจะนําเรากลับสูคําสั่งเขียนเสนโพลีไลนตอไป ให คลิกจุดที่ 4 แลวคลิกขวาเพือ่ ออกจากคําสัง่ Polyline รูปที่ 12.130
373. ใชคําสั่ง View4Zoom4Previous จนกระทั่งมุมมองกลับไปปรากฏดังรูปที่ 12.128 (ขวา) แลวใชคําสั่ง View4Zoom4Realtime และ View4Pan4Real Time ใหปรากฏมุมระเบียงดังรูปที่ 12.130 (ขวา)
chap-12-3.PMD
340
12/10/2549, 21:53
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
341
374. จากรูปที่ 12.130 (ขวา) เขียนหนาตัด(Profile) โดยใชคําสัง่ Draw4Polyline เปด ) เปด # เปด ^ เปด _ เลือ่ นเคอรเซอรไปยัง จุดที่ 5 จนกระทัง่ ผิวหนาจุดที่ 5 ปรากฏเปนเสนประ แลวเลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหคลิกซาย (กอนคลิกซาย ตองแนใจวาผิวหนาจุดที่ 5 เปนเสนประ) เพื่อกําหนดจุดเริ่มตนของเสนโพลีไลนใหขนานกับผิวหนาจุดที่ 5 เลื่อนเคอรเซอรไปตรงจุดที่ 7 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.1 แลวกดปุม Q เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 8 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.1 แลวกดปุม Q เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทาง ของจุดที่ 9 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.05 แลวกดปุม Q เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 10 เมื่อปรากฏเวคเตอร ใหพิมพ 0.05 แลวกดปุม Q เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.05 แลวกดปุม Q แลวพิมพ C แลวกดปุม Q เพือ่ สรางเสนโพลีไลนแบบปด จะปรากฏหนาตัด(Profile)ดังรูปที่ 12.131 (ซาย) รูปที่ 12.131
Note
โดยปกติ เมื่อเราใชคําสั่ง Sweep ทั้งหนาตัด(Profile)และทางเดิน(Path) จะถูกลบทิ้งไปโดยอัตโนมัติ แตเราตองการเก็บหนาตัด(Profile)ไวใชในการสรางขอบปูนปนในตําแหนงอื่นๆ ตอไป เราสามารถ ทําไดดังนี้
375. ใชคําสัง่ Tools4Options คลิกแถบคําสั่ง 3D Modeling แลวเลือกตัวเลือก Retain defining geometry ในแถบรายการ Deletion control while creating 3D objects แลวคลิกบนปุม Apply และ OK Note
การเลือกตัวเลือก Retain defining geometry นี้จะมีผลในคําสั่งตางๆ ที่ใชวัตถุ 2 มิตใิ นการสรางวัตถุ 3 มิติ อาทิ เชนคําสั่ง Extrude, Revolve, Loft, Sweep
376. จากรูปที่ 12.131 (ซาย) แปลง Profile และ Path ใหเปน 3 มิติ โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Sweep เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects to sweep: คลิกหนาตัด จุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏ Select sweep path or ... คลิกทางเดินจุดที่ 13 จะปรากฏดังรูปที่ 12.131 (ขวา)
chap-12-3.PMD
341
12/10/2549, 21:53
342
รูปที่ 12.132
Note
377. เคลือ่ นยายหนาตัด Profile ทีส่ รางในขอ 374 ไปวางไวในตําแหนงใดๆ ใหใกลกบั เสาตนทีอ่ ยูด า นหนา โดยใชคําสัง่ Modify4Move
2D Drafting
ตอไปนีผ้ เู ขียนจะไมแสดงรายละเอียดของคําสัง่ พืน้ ฐานตางๆ เพือ่ ประหยัดหนากระดาษ หากผูอ า นตอง การศึกษารายละเอียด ใหเปดแผน DVD-ROM ออกมาดูวิธีการใชงาน ซึ่งจะแสดงใหเห็นวิธีใชคําสั่ง ทุกคําสั่งอยางละเอียดทุกขัน้ ตอน
378. จากรูปที่ 12.132 (ซาย) เขียนทางเดิน(Path) โดยใชคําสัง่ Draw4Polyline เปด ) เปด # ปด ^ ปด _ เลือ่ นเคอรเซอรไป ยังจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหเลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ ไปตามทิศทาง ของจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 1 แลวกดปุม Q เลือ่ น เคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 3 เมื่อปรากฏเวคเตอร ให พิมพ 0.68 แลวกดปุม Q เลือ่ นเคอรเซอรไปตามทิศทางของจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏ เวคเตอร ใหพมิ พ 0.68 แลวกดปุม Q แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.132 (กลาง) 379. จากรูปที่ 12.132 (กลาง) หมุนหนาตัด(Profile) 90 องศา โดยใชคําสั่ง Modify4 Rotate เมื่อปรากฏ Select objects: คลิกเสนจุดที่ 5 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point: เปด # คลิกจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏ Specify rotation angle... พิมพคามุม 180 องศา กดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.132 (ขวา) 380. จากรูปที่ 12.132 (ขวา) แปลง Profile และ Path ใหเปน 3 มิติ โดยใชคําสัง่ Draw4 Modeling4Sweep เปด # เมื่อปรากฏขอความ Select objects to sweep: คลิกหนาตัดจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏ Select sweep path or ... พิมพตวั เลือก B เพือ่ กําหนดจุดสอดแทรก แลวคลิกจุดที่ 8 เมือ่ ปรากฏ Select sweep path or ... คลิกทาง เดินจุดที่ 9 จะปรากฏดังรูปที่ 12.133 (ซาย) 381. ใชคําสั่ง View4Zoom4Realtime ดังรูปที่ 12.133 (ขวา)
chap-12-3.PMD
342
และ View4Pan4Real Time
12/10/2549, 21:53
ใหปรากฏ
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
343
รูปที่ 12.133
Note
หากปูนปน มีหนาตัดเปนสีเ่ หลีย่ มผืนผา และอยูบ นระนาบ 2 มิติ เราสามารถใชคําสัง่ Draw4Modeling แทนคําสั่ง Draw4Modeling4Sweep ได เพราะเราไมตองเสียเวลาเขียน หนาตัดรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผาดังนี้
4Polysolid
382. จากรูปที่ 12.133 (ขวา) เขียนปูนปน ตอไป โดยใชคาํ สัง่ Draw4Modeling4Polysolid Specify start point... พิมพตวั เลือก H แลวกําหนดความสูง 0.05 พิมพตวั เลือก W แลว กําหนดความกวาง 0.1 พิมพตวั เลือก J แลวเลือกตัวเลือก L เพือ่ กําหนดใหจดั ชิดซาย เมือ่ ปรากฏขอความ Specify start point... ปด # เปด ^ เลือ่ นเคอรเซอรไป บนผิวผนาตรงจุดที่ 10 เมือ่ ผิวหนาดังกลาวปรากฏเปนเสนประ ใหเปด # แลว เลือ่ นเคอรเซอรไปตรงจุดที่ 11 แลวคลิกซาย (กอนคลิกซาย ตองแนใจวาผิวหนาจุดที่ 10 เปนเสนประ) คลิกจุดที่ 12 และ 13 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.134 (ซาย) รูปที่ 12.134
383. จากรูปที่ 12.134 (ซาย) รวมโซลิดปูนปนใหกลายเปนชิ้นเดียวกัน โดยใชคําสั่ง Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects คลิกจุดที่ 14 และ 15 แลวคลิกขวา แลวใชคําสัง่ View4Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูป ที่ 12.134 (ขวา) 384. จากรูปที่ 12.134 (ขวา) คัดลอกปูนปนแบบพลิกกลับ โดยใชคําสั่ง Modify43D Operations43D Mirror เปด # เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกบนโซลิด จุดที่ 16 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify first point of mirror plane (3 points) or [Object/Last/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>: พิมพ ตัวเลื อก ZX
chap-12-3.PMD
343
12/10/2549, 21:53
344
เพือ่ ใชระนาบ ZX เปนระนาบในการพลิกกลับ เมือ่ ปรากฏ Specify point on ZX plane<0,0,0>: ¡ ´ »Ø Á S คางไว แลวคลิกขวา แลวเลือกคําสัง่ Mid Between 2 è Points เลื่ อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 17 เมื่อปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เลื่อน เคอรเซอรไปยังจุดที่ 18 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมือ่ ปรากฏ Delete source objects? [Yes/No] : ใหคลิกขวาหรือกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.135 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.135
385. ใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit
ใหปรากฏดังรูปที่ 12.135 (ขวา)
386. จากรูปที่ 12.135 (ขวา) ตัดเฉือนปูนปน สวนทีย่ นื่ เขาไปในครัว โดยใชคําสัง่ Modify 43D Operations4Slice เมือ่ ปรากฏ Select objects to slice: คลิกบนปูนปน ตรง จุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏ Specify start point of slicing plane or [planar Object/Surface/Zaxis/View/XY/YZ/ZX/3points] <3points>: ใหมองที่ ยูซีเอส ไอคอน เราจะสังเกตุวาระนาบ YZ ของยูซเี อสไอคอนขนานกับระนาบทีเ่ ราจะตัด ปูนปน ดังนั้น ใหพมิ พตัวเลือก YZ แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify a point on the YZ-plane <0,0,0>: เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมือ่ ปรากฏ Specify a point on desired side or [keep Both sides] : เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย ปูนปน สวนทีย่ นื่ เขา ไปในครัวจะถูกตัดทิง้ ไป รูปที่ 12.136
chap-12-3.PMD
387. ใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit
344
ใหปรากฏดังรูปที่ 12.136
12/10/2549, 21:53
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
345
388. จากรูปที่ 12.136 เขียนทางเดิน(Path)ของปูนปน โดยใชคําสัง่ Draw43D Polyline เมือ่ ปรากฏขอความ Specify start point of polyline: เปด ) เปด # ปด ^ เปด _ เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏ มารคเกอร ใหเลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ ไปตามทิศทางของจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏ เวคเตอร ใหพมิ พ 0.65 แลวกดปุม Q จะปรากฏจุดเริม่ ตนของ ปูนปน ตรงจุดที่ 6 เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหเลือ่ น เคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิ่งไปตัดกันตรงจุดที่ 8 เมื่อปรากฏ ให คลิกซาย คลิกจุดที่ 9 คลิกจุดที่ 10 เลือ่ นเคอรเซอรกลับไปยังจุดที่ 8 เมือ่ ปรากฏ ใหเลือ่ นเคอรเซอรไปตัดกันตรงจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏ ใหคลิก ซาย เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 12 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหเลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ เมือ่ ปรากฏ ใหพิมพ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏ เสนตรงจุดที่ 13 เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 14 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหเลือ่ น ใหพิมพ 0.85 แลวกดปุม เคอรเซอรขึ้นในแนวดิ่ง เมื่อปรากฏ Q จะปรากฏเสนตรงจุดที่ 15 คลิกจุดที่ 16, 17, 18, 19 เลือ่ นเคอรเซอรไปยัง จุดที่ 20 เมื่อปรากฏมารคเกอร ใหเลื่อนเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิ่ง เมื่อปรากฏ ใหพมิ พ 0.85 แลวกดปุม Q จะปรากฏเสนตรงจุดที่ 21 คลิกจุด ที่ 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29 เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 30 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหเลื่อนเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ เมือ่ ปรากฏ ใหพมิ พ 0.85 แลว กดปุม Q จะปรากฏเสนตรงจุดที่ 31 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่
รูปที่ 12.137
chap-12-3.PMD
389. จากรู ปที่ 12.136 เขี ยนหน าตั ด(Profile)สี่ เหลี่ ยมผื นผ า โดยใช คําสั่ ง Draw4 Rectangle เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first corner point or ... เปด ^ เลือ่ นเคอรเซอรไปบนผิวหนาตรงจุดที่ 32 เมื่อผิวหนาปรากฏเปนเสนประ ใหคลิก ซายตรงจุดที่ 32 เมื่อปรากฏขอความ Specify other corner point or... ใหพิมพ @0.05,0.1 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.137
345
12/10/2549, 21:53
346
390. จากรูปที่ 12.137 แปลง Profile และ Path ใหเปน 3 มิติ โดยใชคําสั่ง Draw4 Modeling4Sweep เปด # เมื่อปรากฏขอความ Select objects to sweep: คลิกหนาตัดจุดที่ 33 เมือ่ ปรากฏ Select sweep path or ... พิมพตวั เลือก B เพื่อกําหนดจุดสอดแทรก แลวคลิกจุดที่ 34 เมื่อปรากฏ Select sweep path or ... คลิกทางเดินจุดที่ 35 จะปรากฏดังรูปที่ 12.138
2D Drafting
รูปที่ 12.138
Note
ในการใชคําสัง่ Sweep หากใชคําสั่งแลวไมปรากฏผลตามทีต่ อ งการใหเปลีย่ นจุด Base point หรือหมุน หนาตัด เราจึงจะสามารถควบคุมทิศทางการหันเหของหนาตัดได
Note
เนือ่ งจากการเขียนปูนปน สวนทีเ่ หลือทัง้ สวนทีอ่ ยูข า งบานและหลังบานมีขนั้ ตอนเหมือนกับการเขียนขอบปูน ปน ทีอ่ ยูห นาบาน ดังนัน้ เพือ่ ประหยัดหนากระดาษ ผูอ า นสามารถศึกษาวิธีการเขียนปูนปน สวนทีเ่ หลือ ทั้งสวนที่อยูขางบานและหลังบานอยางละเอียดไดจากแผน DVD-ROM มัลติมีเดียชวยสอนที่แนบ หนังสือคูมือเลม AutoCAD เลมนี้ อยางไรก็ตาม ผูเขียนจะอธิบายการเขียนปูนปนขอบเสาหนาบาน ตอไปอีกเล็กนอย แตกอ นอืน่ เขียนโคงเชือ่ มตอเสาหนาบาน โดยมีขนั้ ตอนดังนี้
รูปที่ 12.139
391. ใชคําสั่ง View43D Views4SE Isometric
จะปรากฏดังรูปที่ 12.140 (ซาย)
392. จากรูปที่ 12.140 (ซาย) ลบระนาบตัด(Section Plane) ที่เราไดสรางไวในขอ 235 โดยในขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบนเสนขอบของระนาบ ตัดตรงจุดที่ 1 แลว กดปุม = บนคียบ อรด แลวใชคาํ สัง่ View4Orbit4Contrained
chap-12-3.PMD
346
12/10/2549, 21:53
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
347
Orbit หมุนมุมมองและใชคําสั่ง View4Zoom4Realtime Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูปที่ 12.140 (ขวา)
และ View4
รูปที่ 12.140
393. จากรูปที่ 12.140 (ขวา) เขียนกลองสีเ่ หลีย่ มผืนผา โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4 ^ เปด Box เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first corner or [Center]: เปด # เลื่ อนเคอร เซอรไปบนผิ วหน าตรงจุดที่ 2 เมื่ อผิวหนาปรากฏเปน เสนประ ใหเลือ่ นเคอรเซอรไปตรงจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหคลิกซาย (หากผิวหนาจุดที่ 2 ไมปรากฏเปนเสนประ ใหปด # ชัว่ คราว เมือ่ ผิวหนา ปรากฏเปนเสนประแลวจึงเปด #) เมื่อปรากฏขอความ Specify other corner or ... ใหพมิ พ @-1.7,-0.2 แลวกดปุม Q จะปรากฏขอความ Specify height or... ใหคลิกตรงจุดที่ 4 จะปรากฏดังรูปที่ 12.141 (ซาย) รูปที่ 12.141
394. จากรูปที่ 12.141 (ซาย) เขียนรูปทรงกระบอก โดยใชคําสั่ง Draw4Modeling4 Cylinder เมือ่ ปรากฏขอความ Specify center point of base or... เปด ^ เปด # เลือ่ นเคอรเซอรไปบนผิวหนาตรงจุดที่ 5 เมือ่ ผิวหนาปรากฏเปน เสนประ ใหเลือ่ นเคอรเซอรไปตรงจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหคลิกซาย เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base radius or ... คลิกจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify height or ... ใหพมิ พ -0.2 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.141 (ขวา)
chap-12-3.PMD
347
12/10/2549, 21:53
348
395. จากรูปที่ 12.141 (ขวา) หักลบโซลิด โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Subtract เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract from .. Select objects: คลิก บนโซลิดจุดที่ 8 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select solids and regions to subtract .. Select objects: คลิกบนโซลิดจุดที่ 9 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.142 (ซาย)
2D Drafting
รูปที่ 12.142
396. จากรูปที่ 12.142 (ซาย) เปลีย่ นเลเยอรใหกบั โซลิดโคง โดยในขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสั่งใดๆ คลิกบนโซลิดจุดที่ 1 แลวเลือกเลเยอร “เสาชั้นลางชั้นบน” จากแถบรายการควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D เพือ่ ยกเลิกการเลือก 397. จากรูปที่ 12.142 (ซาย) รวมโซลิดใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 1, 2 และ 3 แลวคลิกขวา แลว ใชคาํ สัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมอง แลวใชคาํ สัง่ View4Zoom 4Realtime และ View4Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูปที่ 12.142 (ขวา) 398. จากรูปที่ 12.142 (ขวา) คัดลอกขอบปูนปน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Copy เมือ่ ปรากฏ ขอความ Select objects คลิกโซลิดจุดที่ 4 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point... เปด # คลิกตรงจุดฐานของเสาตรงจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏ Specify second point or... คลิกตรงจุดฐานของเสาตรงจุดที่ 6 แลวคลิกขวา แลวใชคําสัง่ View4Orbit4 Contrained Orbit หมุนมุมมอง ใหปรากฏดังรูปที่ 12.143 (ซาย) รูปที่ 12.143
chap-12-3.PMD
348
12/10/2549, 21:53
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
349
399. จากรู ปที่ 12.143 (ซ าย) ตั ดเฉื อนปูนป นส วนเกิ น โดยใชคําสั่ ง Modify 4 3D Operations4Slice เมือ่ ปรากฏ Select objects to slice: คลิกปูนปน จุดที่ 7 แลว คลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify start point of slicing plane or... ใหพมิ พตวั เลือก YZ แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify a point on... คลิกจุดที่ 8 เมือ่ ปรากฏ Specify a point on desired side or... เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย ปูนปน สวนทีย่ นื่ จะถูกตัดทิ้งไป 400. จากรูปที่ 12.143 (ซาย) ตัดเฉือนเพื่อแบงปูนป นออกเปน 2 สวน โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสั่ง Modify43D Operations4Slice เมือ่ ปรากฏ Select objects to slice: คลิกปูนปน จุดที่ 7 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify start point of slicing plane or... ใหพิมพตวั เลือก YZ แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify a point on... คลิกจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify a point on desired side or... ใหกดปุม Q ปูนปน จะถูกแบงออกเปน 2 สวนดังรูปที่ 12.143 (ขวา) 401. จากรูปที่ 12.143 (ขวา) เคลือ่ นยายปูนปน ใหตรงแนวเสา โดยใชคาํ สัง่ Modify4Move เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 9 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point ... ปด _ ปด # คลิกจุดที่10 เมือ่ ปรากฏ Specify second point... เปด ) เลือ่ นเคอรเซอรไปทางขวาตามทิศทางของจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 0.08 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.144 (ซาย) รูปที่ 12.144
402. จากรูปที่ 12.144 (ซาย) รวมโซลิดใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 12 และ 13 แลวคลิกขวา 403. จากรูปที่ 12.144 (ซาย) คัดลอกปูนปนแบบพลิกกลับ โดยใชคําสัง่ Modify4 3D Operations43D Mirror เปด # เมือ่ ปรากฏ Select objects: คลิกโซลิดจุดที่ 13 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify first point of mirror plane ... พิมพตวั เลือก YZ เมือ่ ปรากฏ Specify point on ... กดปุม S คางไว แลวคลิกขวา เลือกคําสัง่ Mid Between 2 Points เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 14 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 15 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย เมือ่ ปรากฏ Delete source objects? ... ใหคลิกขวา หรือกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 12.144 (ขวา)
chap-12-3.PMD
349
12/10/2549, 21:53
350
404. ใชคําสั่ง View4Zoom 4Realtime ดังรูปที่ 12.145 (ซาย) รูปที่ 12.145
และ View4Pan4Real Time
ใหปรากฏ
2D Drafting
405. จากรูปที่ 12.145 (ซาย) เขียนปูนปน โดยใชคาํ สัง่ Draw4Modeling4Polysolid Specify start point... พิมพตวั เลือก H แลวกําหนดความสูง 0.05 พิมพตวั เลือก W แลว กําหนดความกวาง 0.1 พิมพตวั เลือก J แลวเลือกตัวเลือก L เพือ่ กําหนดใหจดั ชิดซาย เมือ่ ปรากฏขอความ Specify start point... ปด # เปด ^ เลือ่ นเคอรเซอรไป บนผิวหนาตรงจุดที่ 1 เมือ่ ผิวหนาดังกลาวปรากฏเปนเสนประ ใหเปด # แลว เลือ่ นเคอรเซอรไปตรงจุดที่ 2 แลวคลิกซาย (กอนคลิกซาย ตองแนใจวาผิวหนาจุดที่ 10 เปนเสนประ) คลิกจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify next point or [Arc/Undo]: พิมพตวั เลือก A แลวกดปุม Q แลวคลิกจุดที่ 4 พิมพตวั เลือก L แลวกดปุม Q แลวคลิกจุดที่ 5 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.145 (ขวา) Note
ในระหวางใชคําสัง่ นี้ เราจะตองใชคําสัง่ View4Zoom4Window ควบคูก บั คําสัง่ View4Zoom4 Previous เพือ่ ขยายจุดที่ตอ งการกําหนดใหมขี นาดใหญเพียงพอ เพือ่ ปองกันการคลิกผิดพลาด
406. จากรูปที่ 12.145 (ขวา) รวมปูนปน ใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 6, 7 และ 8 แลวคลิกขวา 407. ใชคาํ สัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมอง แลวใชคาํ สัง่ View4Zoom 4Realtime และ View4Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูปที่ 12.146 (ซาย) รูปที่ 12.146
chap-12-3.PMD
350
12/10/2549, 21:53
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
351
408. จากรูปที่ 12.146 (ซาย) ตัดเฉือนขอบปูนปนสวนเกิน โดยใชคําสั่ง Modify43D Operations4Slice เมือ่ ปรากฏ Select objects to slice: คลิกปูนปน จุดที่ 9 แลว คลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify start point of slicing plane or... ใหพมิ พตวั เลือก ZX แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify a point on... คลิกจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏ Specify a point on desired side or... เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 11 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร คลิกซาย ปูนปน สวนทีย่ นื่ จะถูกตัดทิง้ ไป จะปรากฏดังรูปที่ 12.146 (ขวา) 409. จากรูปที่ 12.146 (ขวา) ตัดเฉือนเพื่อแบงปูนปนออกเปน 2 สวน โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้ําคําสั่ง Modify43D Operations4Slice เมือ่ ปรากฏ Select objects to slice: คลิกปูนปน จุดที่ 12 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify start point of slicing plane or... ใหพิมพตวั เลือก XY แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify a point on... คลิกจุดที่ 13 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify a point on desired side or... ใหกดปุม Q ปูนปน จะถูกแบงออกเปน 2 สวน 410. ใชคาํ สัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมอง แลวใชคาํ สัง่ View4Zoom 4Realtime และ View4Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูปที่ 12.147 (ซาย) รูปที่ 12.147
411. จากรูปที่ 12.147 (ซาย) คัดลอกขอบปูนปน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Copy เมือ่ ปรากฏ ขอความ Select objects คลิกโซลิดจุดที่ 14 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify base point... ปด # คลิกจุดที่ 15 เมือ่ ปรากฏ Specify second point or... เปด ) เลือ่ นเคอรเซอรขนึ้ ในแนวดิง่ ตามทิศทางจุดที่ 16 เมือ่ ปรากฏเวคเตอร ใหพมิ พ 3.4 แลวกดปุม Q แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 12.147 (ขวา) 412. จากรูปที่ 12.147 (ขวา) รวมปูนปน ใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 17, 18 และ 19 แลวคลิกขวา Note
chap-12-3.PMD
เมือ่ เราเขียนปูนปน เสร็จทัง้ หมดแลว ตอไปเราจะยอนกลับไปเขียนสันครอบขอบหลังคาดังนี้
351
12/10/2549, 21:53
352
413. เปลี่ยนเลเยอร “หลังคา” เปนเลเยอรใชงาน แลวแชแข็งเลเยอรทั้งหมด รวมทั้ง เลเยอร 0 (ศูนย) แลวหมุนมุมมองใหปรากฏดังรูปที่ 12.148
2D Drafting
รูปที่ 12.148
414. จากรูปที่ 12.148 เขียนรูปทรงกระบอก โดยใชคาํ สัง่ Draw4Modeling4Cylinder # } {คลิกเมือ่ ปรากฏ ตรงจุดที่ 1} Specify base radius or [Diameter] <0.0000>: 0.075 {พิมพรศ ั มี 0.075 แลวกดปุม Q} Specify height or [2Point/Axis endpoint] <6.9080>: A {พิมพตวั เลือก A แลวกดปุม Q} Specify axis endpoint: {คลิกเมือ ่ ปรากฏ ตรงจุดที่ 2} Command: _cylinder
{จากรูปที่ 12.148 เปด
Specify center point of base or [3P/2P/Ttr/Elliptical]:
415. จากรูปที่ 12.148 เขียนรูปทรงกระบอกตอไป โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ Draw4 Modeling4Cylinder ตามวิธีในขอ 414 โดยใชจดุ ที่ 2-3, 2-4, 4-5, 5-6, 4-7, 6-8, 6-9, 10-11, 11-12, 11-13 จะปรากฏดังรูปที่ 12.149 รูปที่ 12.149
416. จากรูปที่ 12.149 เขียนรูปทรงกลม โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Sphere
chap-12-3.PMD
352
12/10/2549, 21:53
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
353
{จากรูปที่ 12.149 เปด # } {คลิกเมือ่ ปรากฏ หรือ ตรงจุดที่ 14} Specify radius or [Diameter] <0.0750>: 0.075 {พิมพรศ ั มี 0.075 แลวกดปุม Q} Command: _sphere
Specify center point or [3P/2P/Ttr]:
417. จากรูปที่12.149 เขียนรูปทรงกลมตอไป โดยคลิกขวา เพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ Draw4Modeling 4Sphere ตามวิธีในขอ 416 โดยใชจดุ ที่ 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 และ 25 418. จากรูปที่ 12.149 รวมเฉพาะรูปทรงกระบอกและรูปทรงกลมเฉพาะทีส่ รางในขอ 414 ถึงขอ 417 ใหกลายเปนชิน้ เดียวกัน (ไมรวมหลังคาและเชิงชาย) โดยใชคาํ สัง่ Modify4 Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกบนรูปทรงกระบอกและรูปทรง กลมทีส่ รางในขอ 414 ถึงขอ 417 ทัง้ หมด แลวคลิกขวา 419. ใชคาํ สัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมอง แลวใชคาํ สัง่ View4Zoom และ View4Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูปที่ 12.150 (ซาย) 4Realtime
รูปที่ 12.150
420. จากรูปที่ 12.150 (ซ าย) ตั ดเฉือนสั นครอบหลั งคา โดยใช คําสั่ ง Modify4 3D Operations4Slice เมือ่ ปรากฏ Select objects to slice: คลิกจุดที่ 26 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify start point of slicing plane or... ใหพิมพตวั เลือก XY แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify a point on... เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 27 เมื่อปรากฏ มารคเกอร ใหคลิกซาย เมื่อปรากฏ Specify a point on desired side or... ใช ออฟเจกทสแนป (Nearest) แลวคลิกจุดที่ 28 จะปรากฏดังรูปที่ 12.150 (ขวา) 421. จากรูปที่12.150 (ขวา) รวมเฉพาะสันครอบหลังคาและหลังคาเฉพาะสวนบนเขาดวยกัน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Solid Editing4Union เมือ่ ปรากฏ Select objects คลิกจุดที่ 29 และ 30 แลวคลิกขวา 422. จากรูปที่ 12.150 (ขวา) สรางสวนโคงฟลเลทระหวางสันครอบของหลังคากับหลังคา โดยใชคาํ สัง่ Modify4Fillet Command: _fillet
{จากรูปที่ 12.150 ใหแนใจวา
Current settings: Mode = TRIM, Radius = 0.0000
chap-12-3.PMD
353
# และ ) อยูใ นสถานะปด} {ใหแนใจวา Mode = Trim}
12/10/2549, 21:53
354
{คลิกเสนขอบจุดที่ 31} 0.04 {พิมพคา รัศมี 0.04 แลวกดปุม Q } Select an edge or [Chain/Radius]: {คลิกบนเสนขอบทีต ่ อ งการสรางสวนโคงฟลเลท ณ ตําแหนงอืน่ ๆ ตอไป แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 12.151} Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: Enter fillet radius <0.0000>:
2D Drafting
รูปที่ 12.151
423. ละลาย(Thaw)เลเยอรทั้งหมด ยกเวนเลเยอร “Solid” เพียงเลเยอรเดียว 424. ลบเสนโครงลวด 2 มิตแิ ละ 3 มิติตา งๆ ทัง้ หมดทีม่ ไิ ดใชงานอีกตอไป โดยใชคําสัง่ Tools4Quick Select เมื่อปรากฏไดอะล็อค Quick Select คลิกแถบรายการ Object type แลวเลือก Polyline เลือก Select All ในแถบรากการ Operator แลวคลิก บนปุม OK จะปรากฏจุดกริป๊ สสนี า้ํ เงินบนวัตถุ ใหกดปุม = บนคียบ อรด เพือ่ ลบ วัตถุทงั้ หมด แลวใชคําสัง่ Tools4Quick Select อีกครัง้ เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Quick Select คลิกแถบรายการ Object type แลวเลือก 3D Polyline เลือก Select All ใน แถบรายการ Operator แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏจุดกริ๊ปสสีน้ําเงินบนวัตถุ ใหกดปุม = บนคียบอรด เพือ่ ลบทีถ่ กู เลือกทั้งหมด จะปรากฏดังรูปที่ 12.152 รูปที่ 12.152
chap-12-4.PMD
354
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม Note
355
เมือ่ เราสรางโมเดล 3 มิตขิ องรูปบานเสร็จเรียบรอยแลว ตอไปเราจะเริม่ สรางและกําหนดแมททีเรียลให กับวัตถุ 3 มิตติ า งๆ โดยมีขั้นตอนดังตอไปนี้
425. คลิกบนปุม ไอคอน Materials บนแดชบอรด เพือ่ เรียกหนาตาง Materials จะ ปรากฏดังรูปที่ 12.153 เราจะเห็นแมททีเรียลทีถ่ ูกนําเขามาพรอมๆ กับบล็อคประตู หนาตาง ใหคลิกขวาบนพืน้ ทีว่ างบนชองหนาตาง แสดงตัวอยาง แลวเลือกคําสัง่ Create New Material เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Create New Material ใหตงั้ ชือ่ “Dark Pink” ในอิดิทบอกซ Name แลวคลิกบนปุม OK โปรแกรมจะสร างแมทที เรี ยลใหม โดยใช Realistic เปนเทมเพล็ท แลวคลิกบนตลับสี Diffuse เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Select Color ใหกําหนดคาสี โดยพิมพ 230,205,197 เขาไปในอิดทิ บอกซ Color รูปที่ 12.153 แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏลูกทรงกลมแสดง ตัวอยางของสีที่เราไดกําหนดบนชองหนาตางแสดงตัวอยางแมททีเรียล สวนคา พารามิเตอรอื่นๆ ไมตองเปลี่ยนแปลงแตประการใด 426. ทําซ้ําตามวิธีในขอ 425 สรางแมททีเรียลใหม โดยตั้ งชื่อ “Light Yellow” แลว กําหนดสี Diffuse = 253,250,241 Note
สําหรับตัวบานมีสีที่ตองใชงานอยูทั้งหมด 3 สีคือ “Dark Pink” , “Light Yellow”, “White Color” สี “White Color” เราไมตองสรางใหม เพราะสีนี้มาจากบล็อคประตูหนาตาง เราสามารถนําไปใชเปน สีของปูนปน ไดทนั ที
427. เริม่ กําหนดแมททีเรียลใหกบั โซลิด โดยกอนอืน่ เปลีย่ นโหมดแสดงผล โดยคลิกบน ปุม ไอคอน หรือใชคําสัง่ View4Visual Styles4Realistic เพือ่ เปลีย่ นโหมด แสดงผลในวิวพอรทใหแสดงภาพเหมือนจริง 428. เริม่ กําหนดสี “Dark Pink” ใหกบั วัตถุทงั้ หมดทีอ่ ยูใ นเลเยอร “พืน้ ชัน้ ลาง”, “พืน้ ชัน้ บน”, “ผนังชัน้ ลาง”, “เสาชัน้ ลาง”, “เสาชัน้ ลางชัน้ บน” โดยเลือกวัตถุดวยใชคาํ สัง่ Tools4Quick Select เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Quick Select แลวกําหนด Object type =Multilple, Properties = Layer, Operator = Equals, Value = “พืน้ ชัน้ ลาง”, How to apply = Include in new selection set แลวคลิกบนปุม OK พืน้ ชัน้ ลางจะถูกเลือก 429. คลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสั่ง Tools4Quick Select ใชวธิ ีในขอ 428 เปลีย่ น Value = “พื้นชั้ นบน” คลิกใหปรากฏเครื่ องหมาย บนเช็คบอกซ Append to current selection set เพือ่ เลือกวัตถุใหมเพิ่มเขาไปในกลุมวัตถุที่ถกู เลือกเดิม
chap-12-4.PMD
355
12/10/2549, 21:54
356
430. คลิกขวาเพื่ อทําซ้ําคําสั่ ง Tools4 Quick Select ใช วิธี ในขอ 429 กั บเลเยอร “ผนังชัน้ ลาง”, “เสาชัน้ ลาง”, “เสาชัน้ ลางชัน้ บน” จนกระทั่ งโซลิดที่ อยู ในเลเยอร ดังกลาวถูกเลือกจนปรากฏเปนเสนประทัง้ หมดดังรูปที่ 12.154 (ซาย)
2D Drafting
Note
เราอาจจะใชเลเยอรเขามาควบคุมการปรากฏของโซลิดทีเ่ ราตองการเลือกเพือ่ นําไปกําหนดแมททีเรียล จะคอนขางสะดวกและรวดเร็วกวา ไดเชนเดียวกัน แตการใชคําสั่ง Tools4Quick Select รูปที่ 12.154
431. กําหนดแมททีเรียล “Dark Pink” ใหกบั วัตถุทถี่ กู เลือกทัง้ หมด โดยคลิกขวาบนรูปทรง กลมตัวอยางของแมททีเรียล Dark Pink แลวเลือกคําสัง่ Apply Material to Selection 432. เริม่ เลือกวัตถุตอ ไป โดยใชคําสัง่ Tools4Quick Select เลเยอรเปน Value = “ผนังชัน้ บน”
ใชวธิ ีในขอ 428 เปลีย่ น
433. คลิกขวาเพื่อทําซ้ําคําสั่ง Tools4Quick Select ใชวิธีในขอ 428 เปลี่ยนเลเยอร Value = “เสาชั้นบน” คลิกใหปรากฏเครื่องหมาย บนเช็คบอกซ Append to current selection set เพือ่ เลือกวัตถุใหมเพิม่ เขาไปในกลุม ทีถ่ ูกเลือกเดิมจนกระทัง่ โซลิดที่ อยู ในเลเยอร ดังกล าวถูกเลื อกและปรากฏเป นเส นประทั้ งหมดดั งรูปที่ 12.154 (ขวา) 434. กําหนดแมททีเรียล “Light Yellow” ใหกบั วัตถุทถี่ กู เลือกทัง้ หมด โดยคลิกขวาบนรูปทรง กลมตัวอยางของแมททีเรียล “Light Yellow” แลวเลือกคําสัง่ Apply Material to Selection 435. เริม่ เลือกวัตถุทอี่ ยูใ นเลยอร “ปูนปน ” โดยใชคาํ สัง่ Tools4Quick Select ใชวธิ ใี นขอ 428 เปลีย่ นเลเยอรเปน Value = “ปูนปน ” ปูนปน ทัง้ หมดจะปรากฏเปนเสนประ 436. กําหนดแมททีเรียล “White Color” ใหกบั ขอบปูนปน ทีถ่ กู เลือก โดยคลิกขวาบนรูปทรง กลมตัวอยางแมททีเรียล “White Color” แลวเลือกคําสัง่ Apply Material to Selection 437. เริม่ สรางแมททีเรียลสําหรับหลังคา บนหนาตาง Materials ดังรูปที่ 12.153 ใหคลิกขวา บนรู ปตั ว อย าง แล ว เลื อกคําสั่ ง Create New Material ให ตั้ งชื่ อ “Roof” ใน อิดิทบอกซ Name แลวคลิกบนปุม OK โปรแกรมจะสรางแมททีเรียลใหม โดยใช Realistic เปนเทมเพล็ท ไมตองกําหนดสี Diffuse ในโซน Diffuse map ใหแนใจวา
chap-12-4.PMD
356
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
357
Texture map ปรากฏในแถบรายการ แลวคลิกบนปุม Select Image จะปรากฏ ไดอะล็อคสําหรับเลือกไฟล ใหคนหาโฟลเดอร C:\Documents and Settings\All Users\Application Data\Autodesk\AutoCAD รูปที่ 12.155 2007\R17.0\enu\Textures แล วค นหาไฟล รู ปภาพ อิมเมจ Thermal - Moisture.Roof Tiles.Spanish.Red.jpg ดั ง รู ป ที่ 12.155 คลิ ก ชื่ อไฟล แล ว คลิ กปุ ม Open แลวคลิกบนปุม ไอคอน Adjust scale/tiling, offset, and rotation values of bitmap จะปรากฏไดอะล็อค Adjust Bitmap ใหแนใจวาปุม เรดิโอ Scale ถูกเลือก และปรากฏเครือ่ งหมาย บนเช็คบอกซ Tile แลวเลือก Meters จากแถบรายการ Units กําหนดความกวาง Width = 2, ความสูง Height = 1.5 แลวคลิกบนปุม Close เพือ่ ออกจากไดอะล็อค เมือ่ กลับมายังหนาตาง Materials คลิกบนปุม Select Image ซึง่ อยูในโซน Bump map จะปรากฏไดอะล็อคสําหรับเลือกไฟล ใหคนหาไฟลรปู ภาพอิมเมจเดิม Thermal - Moisture.Roof Tiles.Spanish.Red.jpg ดังรูปที่ 12.155 คลิกชือ่ ไฟล แลวคลิกปุม Open แลวคลิกบนปุม ไอคอน Adjust scale/tiling, offset, and rotation values of bitmap จะปรากฏไดอะล็อค Adjust Bitmap ใหแนใจ วาปุม เรดิโอ Scale ถูกเลือก แลวเลือก Meters จากแถบรายการ Units กําหนดความ กวาง Width = 2, ความสูง Height = 1.5 แลวคลิกบนปุม Close เพือ่ ออกจากไดอะล็อค แลวปรับคา Bump map ประมาณ 300 แตไมจาํ เปนทีจ่ ะตองปรับแตงพารามิเตอรอนื่ ๆ 438. เริม่ เลือกวัตถุทอี่ ยูใ นเลยอร “หลังคา” ทัง้ หมด โดยใชคําสัง่ Tools4Quick Select ใชวธิ ีในขอ 428 เปลีย่ นเลเยอรเปน Value = “หลังคา” โซลิดหลังคาทัง้ หมดปรากฏ เปนเสนประ 439. กําหนดแมททีเรียล “Roof” ใหกบั หลังคาทีถ่ กู เลือกทัง้ หมด โดยคลิกขวาบนรูปทรง กลมตัวอยางแมททีเรียล “Roof” แลวเลือกคําสัง่ Apply Material to Selection จะปรากฏ ดังรูปที่ 12.156 440. จากรูปที่ 12.156 ใหเลื่อนเคอรเซอรไป คลิกบนเชิงชายตรงจุดที่ 1 จนกระทั่ง เชิ ง ชายปรากฏเป น เส น ประ แล ว กําหนดแมททีเรียล “White Color” ใหกบั เชิงชายทีถ่ กู เลือก โดยคลิกขวาบนรูปทรง กลมตัวอยางแมททีเรียล “White Color” แลวเลือกคําสัง่ Apply Material to Selection
รูปที่ 12.156
chap-12-4.PMD
357
12/10/2549, 21:54
358
441. จากรูปที่ 12.156 ใหเลือ่ นเคอรเซอรไปคลิกบนเชิงชายตรงจุดที่ 1 จนกระทัง่ เชิงชาย ปรากฏเปนเสนประ แลวเลือกเลเยอร 0 (ศูนย) จากแถบรายการควบคุมเลเยอร เพือ่ ยายเชิงชายไปอยูใ นเลเยอร 0 (ศูนย) แลวกดปุม D เพื่อยกเลิกการเลือก
2D Drafting
442. แลวเริม่ กําหนดแม็ปปง ใหกบั หลังคา โดยกอนอืน่ แชแข็งเลเยอรทงั้ หมด รวมทัง้ เลเยอร 0 (ศูนย) ยกเวนเลเยอร “หลังคา” แลวกําหนดใหเลเยอร “หลังคา” เปนเลเยอรใชงาน แลวใชคาํ สัง่ View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมองและใชคาํ สัง่ View4 Zoom4 Realtime และ View4Pan4Real Time ใหปรากฏดังรูปที่ 12.157 รูปที่ 12.157
443. จากรู ปที่ 12.157 กําหนดแม็ ปป งแบบ Planar โดยใช คําสั่ ง View4 Render4 Mapping4Planar Mapping เมือ่ ปรากฏขอความ Select faces or objects: แลวกด ปุม E คางไว เลือ่ นเคอรเซอรไปบนผิวหนาตรงจุดที่ 1 เมือ่ ผิวหนาปรากฏเปน เสนประ ใหคลิกซาย แลวคลิกขวา เมื่อปรากฏขอความ Accept the mapping or [Move/Rotate/reseT/sWitch mapping mode]: ใหพมิ พ T แลวกดปุม Q เพือ่ ปรับขนาดของ Mapping ไอคอนใหมขี นาดตามที่เราไดักําหนดไวในแมททีเรียล “Roof” จะปรากฏ Mapping icon ดังรูปที่ 12.158 (ซาย) เมือ่ ปรากฏขอความ Accept the mapping or... ใหคลิ กบนแกนสี เขี ยวที่ มุมซ ายล างตรงจุดที่ 10 จะปรากฏ เวคเตอรตามทิศทางของแกนสีเขียว ใหเลื่อนเคอรเซอรเพื่อเคลื่อนยาย Mapping icon ไปตามทิ ศทางของเวคเตอร เพื่ อให ขอบกระเบื้ องแผ นล า งสุ ดอยู ในแนว เดียวกันกับขอบหลังคาพอดี แลวคลิกซาย จะปรากฏดังรูปที่ 12.158 (ขวา) แลวกด ปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่
chap-12-4.PMD
358
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
359
รูปที่ 12.158
444. ทําซ้ําขอ 443 กับจุดที่ 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, และ 9 ดวยวิธีเดียวกัน หากมุมมองไมชดั เจน ใหใชคําสั่ง View4Orbit4Contrained Orbit หมุนมุมมองตามความเหมาะสม จะปรากฏดังรูปที่ 12.159 สังเกตุวา ทิศทางการหันเหของกระเบือ้ งจะถูกปรับทิศทางให ถูกตองโดยอัตโนมัติ รูปที่ 12.159
Note
chap-12-4.PMD
การกําหนดแม็ปปงเพื่อจัดทิศทางการหันเหของรูปบิทแม็ปดวยวิธีนี้จัดวาเปนวิธีที่งายที่สุด แตก็พบ ปญหาบางเนือ่ งจากความไมสมบูรณของโปรแกรม ปญหาที่พบคือเมื่อไดบันทึกไฟลแบบแปลนแลว เปดออกมาใชงานใหม แม็ปปง จะถูก Reset กลับไปใชทศิ ทางการหันเหเดิม หากพบปญหาในลักษณะ ดังกลาว เราสามารถแกไขได 2 วิธีคือวิธีแรกนั้น กอนที่จะกําหนดแม็ปปงใหกับหลังคา เราจะระเบิด โซลิดหลังคาใหกลายเปนรีเจีย้ น(Region)เสียกอน แลวจึงใชวิธเี ดียวกันกับขอ 443 และ 444 แตไมตอ ง กดปุม E เมื่อเลือกรีเจี้ยน สวนอีกวิธีหนึ่ง ไมตองระเบิดโซลิด แตจะตองสรางแมททีเรียล Roof ขึ้นมา 2 เวอรชั่น โดยในเวอรชั่นหนึ่ง กําหนด Rotation = 0 องศา ( Adjust scale/tiling, offset, and rotation values of bitmap) แมททีเรียลอีกเวอรชนั่ หนึง่ กําหนด Rotation 90 องศา แลวนําแมททีเรียล ที่มี Rotaion = 0 องศาไปกําหนดใหกับหลังคาทั้งชิ้น แลวนําแมททีเรียลที่มี Rotation = 90 องศาไป กําหนดใหกับผิวหนาหลังคาเฉพาะดานที่ทํามุมตรงกันขาม ในการสรางแมททีเรียล 2 เวอรชั่น เมือ่ ได สรางแมททีเรียลเวอรชนั่ หนึ่งแลว เราสามารถคลิกขวาบนแมททีเรียล แลวเลือกคําสั่ง Copy แลวคลิก ขวา เลือกคําสั่ง Paste เพื่อสรางแมททีเรียลเวอรชั่นใหม แลวจึงเขาไปแกไข Rotation ไดตามตองการ
359
12/10/2549, 21:54
360
Note
เมือ่ สรางแมททีเรียลหลังคาและกําหนดแม็ปปง เรียบรอยแลว ตอไปเราจะปูพนื้ กระเบือ้ งทัง้ หมด โดยใช รูปบิทแมท floor-map-1.jpg ถึง floor-map-7.jpg และ Grass_1024.jpg ซึ่งอยูในโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แนบทายหนังสือคูมือฯ จากรูปที่ 12.160 สังเกตุวารูปบิทแม็ป floor-map-1.jpg ถึง floor-map-4.jpg มีขนาดพอดีกบั พืน้ ทีจ่ ะปูกระเบือ้ ง รูปบิทแม็ป Floor-map-5.jpg, Floor-map-6.jpg, Floor-map-7.jpg และ Grass_1024.jpg นัน้ มีขนาดไมพอดีกบั พืน้ ทีจ่ ะปูกระเบือ้ ง เราจะตองกําหนดสเกล ทีเ่ หมาะสม อนึง่ การสรางรูปบิทแม็ป floor-map-1.jpg ถึง floor-map-4.jpg นัน้ สรางมาจากการใชกลอง ถายรูปกระเบื้องจริงที่นํามาปูพื้น แลวใชโปรแกรม Photoshop ตัดกระเบื้องแตละแผนและสงไป สอดแทรกบนพืน้ ทีว่ าดภาพของ AutoCAD ดวยคําสัง่ Insert4Raster Image แลวจึงปรับกระเบือ้ ง แตละแผนมีขนาดที่ถกู ตองตามสเกลจริงดวยคําสัง่ Modify4Scale โดยเลือกตัวเลือก Reference แลว จึงจัดเรียงกระเบือ้ งแตละแผนลงบนแบบแปลน 2 มิตขิ องบานตามรูปแบบทีต่ อ งการ แลวจึงแปลง ใหเปนรูปบิทแม็ปเพือ่ นํามาใชงานในแบบฝกหัดนี้
2D Drafting
รูปที่ 12.160
Note
ในการสรางแมททีเรียลสําหรับรูปบิทแม็ป floor-map-1.jpg ถึง floor-map-4.jpg เราจะตองเลือกปุม เรดิโอ Fit to object เพือ่ ใหแมททีเรียลฟตพอดีกบั พืน้ 3 มิตทิ เี่ ราไดเตรียมไว สวนในการสรางแมททีเรียล สําหรับรูปบิทแม็ป floor-map-5.jpg และ Glass_1024.jpg นั้นเราจะตองเลือกปุมเรดิโอ Scale แลว กําหนดหนวยวัด Meters และกําหนดขนาดจริงที่ตองการ
445. สรางแมททีเรียลสําหรับพืน้ หนาบาน บนหนาตาง Materials ดังรูปที่ 12.153 ใหคลิก ขวาบนรูปตัวอยาง แลวเลือกคําสัง่ Create New Material ใหตงั้ ชือ่ “Floor-map-1” ในอิดทิ บอกซ Name แลวคลิกบนปุม OK โปรแกรมจะสรางแมททีเรียลใหม โดยใช Realistic เปนเทมเพล็ทในโซน Diffuse map ใหแนใจวา Texture map ปรากฏใน แถบรายการ แลวคลิกบนปุม Select Image จะปรากฏไดอะล็อคสําหรับเลือกไฟล ใหคน หาโฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM แลวคนหาไฟลรูปภาพอิมเมจ Floor-map-1.jpg ดังรูปที่ 12.160 คลิกชือ่ ไฟล แลวคลิกปุม Open แลวคลิกบนปุม ไอคอน Adjust scale/tiling, offset, and rotation values of bitmap จะปรากฏ ไดอะล็อค Adjust Bitmap คลิกปุม เรดิโอ Fit to object ใหแนใจวาปรากฏเครือ่ ง หมาย บนเช็คบอกซ Tile ใหแนใจวา U Tile = 1, V Tile = 1 แลวคลิกปุม Close
chap-12-4.PMD
360
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
361
เพือ่ ออกจากไดอะล็อค เมือ่ กลับมายังหนาตาง Materials คลิกบนปุม Select Image ซึง่ อยูในโซน Bump map จะปรากฏไดอะล็อคสําหรับเลือกไฟล ใหคนหาไฟลรปู ภาพอิมเมจ Floor-map-1-b.jpg คลิกชื่อไฟล แลวคลิกปุม Open แลวคลิกบนปุม ไอคอน Adjust scale/tiling, offset, and rotation values of bitmap จะปรากฏ ไดอะล็อค Adjust Bitmap คลิกปุม เรดิโอ Fit to object ใหแนใจวาปรากฏเครื่อง หมาย บนเช็คบอกซ Tile ใหแนใจวา U Tile = 1, V Tile = 1 แลวคลิกปุม Close เพือ่ ออกจากไดอะล็อค แลวปรับคา Bump map ประมาณ 10 Note
ในการกําหนดคา Bump เราสามารถเลื่อนเคอรเซอรไปบนสไลเดอรของ Bump map เพื่อใหสไลเดอร ถูกไฮไลทเปนสีขาว แลวคลิกซาย แลวใชปุม R หรือปุม T เพื่อปรับคาไดอยางละเอียด
446. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “Floor-map-2” ใชรปู อิมเมจ Floor-map-2.jpg สําหรับ Diffuse map เลือกปุม เรดิโอ Fit to object และใชรปู อิมเมจ Floor-map-2-b.jpg สําหรับ Bump map เลือกปุม เรดิโอ Fit to object แลวปรับคา Bump map ประมาณ 10 447. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “Floor-map-3” ใชรปู อิมเมจ Floor-map-3.jpg สําหรับ Diffuse map เลือกปุม เรดิโอ Fit to object และใชรปู อิมเมจ Floor-map-3-b.jpg สําหรับ Bump map เลือกปุม เรดิโอ Fit to object แลวปรับคา Bump map ประมาณ 10 448. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “Floor-map-4” ใชรปู อิมเมจ Floor-map-4.jpg สําหรับ Diffuse map เลือกปุม เรดิโอ Fit to object และใชรปู อิมเมจ Floor-map-4-b.jpg สําหรับ Bump map เลือกปุม เรดิโอ Fit to object แลวปรับคา Bump map ประมาณ 150 449. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “Floor-map-5” ใชรปู อิมเมจ Floor-map-5.jpg สําหรับ Diffuse map เลือกปุม เรดิโอ Scale กําหนด Units = Meters, Width = 0.3, Height = 0.3 และใชรปู อิมเมจ Floor-map-5-b.jpg สําหรับ Bump map เลือกปุม เรดิโอ Scale กําหนด Units = Meters, Width = 0.3, Height = 0.3 แลวปรับคา Bump map ประมาณ 240 Note
เนื่องจากเราตองใหกระเบื้องที่ปรากฏในรูปอิมเมจ Floor-map-5.jpg ดังรูปที่12.160 ซึง่ เปนรูปกระเบือ้ ง แผนเดียว โดยเราตองการใหกระเบือ้ งปรากฏมีขนาดเทากับ 0.30x0.30 เมตร เราจึงไมสามารถใช Fit to object ได เนือ่ งจากเราตองการใหรปู บิทแมปมีขนาดทีแ่ นนอน ดังนัน้ จึงตองเปลีย่ นมาเลือก Scale แลวกําหนดหนวย Meters ใหตรงกับหนวยของโมเดล แลวจึงกําหนดขนาดใน Width และ Height ไดตามตองการ
450. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “Floor-map-6” เปลีย่ นเทมเพล็ทจาก Realistic เปน Advanced ในแถบรายการ Template เราจะใชรปู บิทแม็ปใน Diffuse map เทานัน้ โดย เลือกรูปอิมเมจ Floor-map-5.jpg แลวเลือกปุม เรดิโอ Scale กําหนด Units = Meters, Width = 1, Height = 1 แลวปรับคา Shininess ประมาณ 70 และ Reflection ประมาณ 25 เพือ่ สรางพืน้ ผิวทีแ่ สดงภาพสะทอน แบบกระจกเงา (ไมตอ งใช Bump map)
chap-12-4.PMD
361
12/10/2549, 21:54
362
451. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “Floor-map-7” ใชรปู อิมเมจ Floor-map-7.jpg สําหรับ Diffuse map เลือกปุม เรดิโอ Scale กําหนด Units = Meters, Width = 0.4, Height = 0.4 และใชรปู อิมเมจ Floor-map-7.jpg สําหรับ Bump map เลือกปุม เรดิโอ Scale กําหนด Units = Meters, Width = 0.4, Height = 0.4 แลวปรับคา Bump map ประมาณ 90
2D Drafting
Note
เนือ่ งจากกระเบือ้ ง Floor-map-7.jpg ดังรูปที่ 12.160 มีจํานวน 2 แผนในแนวนอนและ 2 แผนในแนวตัง้ ซึ่งกระเบื้องจะตองปรากฏมีขนาดจริงเทากับ 0.20x0.20 เมตร ดังนัน้ เราจึงตองกําหนด Width = 0.20x2 = 0.4, Height = 0.20x2 = 0.4 จึงจะไดขนาดจริงซึ่งไดสเกลที่ถูกตอง
452. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “Grass” ใชรปู อิมเมจ Grass_1024.jpg สําหรับ Diffuse map เลือกปุม เรดิโอ Scale กําหนด Units = Meters, Width = 4, Height = 4 และใชรปู อิมเมจ Grass_1024.jpg สําหรับ Bump map เลือกปุม เรดิโอ Scale กําหนด Units = Meters, Width = 4, Height = 4 แลวปรับคา Bump map ประมาณ 90 หนาตาง Materials จะปรากฏดังรูปที่ 12.161 (ซาย) รูปที่ 12.161
453. แชแข็ง(Freeze)เลเยอรทั้งหมด ยกเวนเลเยอร “พื้นชั้นลาง” และ “พื้นนอกบาน” แลวกําหนดให “พืน้ นอกบาน” เปนเลเยอรใชงาน จะปรากฏดังรูปที่ 12.161 (ขวา) 454. จากรูปที่ 12.161 เริม่ กําหนดแมททีเรียล “Floor-map-1” ใหกบั ผิวหนาตรงจุดที่ 1 โดยดับเบิล้ คลิกบนรูปตัวอยางของแมททีเรียล “Floor-map-1” เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects กดปุม E คางไว แลวเลือ่ นเคอรเซอรไปบนผิวหนาตรงจุดที่ 1 จนกระทั่ งผิวหนาเฉพาะดานบนปรากฏเปนเสนประ แลวคลิกซาย เมื่ อปรากฏ ขอความ Select objects or [Undo]: ใหคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ 455. จากรูปที่ 12.161 ทําตามวิธใี นขอ 453 ใชแมททีเรียล “Floor-map-2” กับผิวหนาจุดที่ 2 456. จากรูปที่ 12.161 ทําตามวิธใี นขอ 453 ใชแมททีเรียล “Floor-map-3” กับผิวหนาจุดที่ 3 457. จากรูปที่ 12.161 ทําตามวิธใี นขอ 453 ใชแมททีเรียล “Floor-map-4” กับผิวหนาจุดที่ 4 458. จากรูปที่ 12.161 ทําตามวิธใี นขอ 453 ใชแมททีเรียล “Floor-map-5” กับผิวหนาจุดที่ 5
chap-12-4.PMD
362
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
363
459. จากรูปที่ 12.161 ทําตามวิธใี นขอ 453 ใชแมททีเรียล “Floor-map-6” กับผิวหนาจุดที่ 6 460. จากรูปที่ 12.161 ทําตามวิธใี นขอ 453 ใชแมททีเรียล “Floor-map-7” กับผิวหนาจุดที่ 7 และ 8 461. จากรูปที่ 12.161 ทําตามวิธใี นขอ 453 ใชแมททีเรียล “Grass” กับผิวหนาจุดที่ 9, 10, 11, 12, 13 และ 14 จะปรากฏดังรูปที่ 12.162 (ซาย) รูปที่ 12.162
Note
เมื่อเราไดปูกระเบื้องบนพื้นทั้งหมดและปลูกหญาเสร็จเรียบรอยแลว ตอไป เราจะเริ่มสรางพื้นดิน สรางรูปหลังฉาก สรางดวงไฟ และสรางกลอง โดยมีขนั้ ตอนดังตอไปนี้
462. สรางพืน้ ดิน โดยกอนอืน่ ใชคําสัง่ Format4Layer สรางเลเยอรใหมชอื่ “พืน้ ดิน” แลวกําหนดรหั สสี 220,220,220 แล วกําหนดใหเปนเลเยอรใชงาน แลวละลาย (Thaw)เลเยอรทงั้ หมด แตแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Solid เพียงเลเยอรเดียว คลิกบน ปุม ไอคอน บนทูลบาร 3D Modeling เพือ่ เปลีย่ นไปทํางานใน 4 วิวพอรท แลว คลิกบนปุมไอคอน เพื่อขยายภาพในทุกๆ วิวพอรท แลวคลิกวิวพอรท Top (มุมซายลาง) เพือ่ กําหนดใหเปนวิวพอรทใชงาน แลวสรางทรงกระบอกกลมขนาด ใหญ เพือ่ ใชเปนพืน้ ดิน โดยกําหนดใหผวิ หนาดานบนมีระดับเสมอกับระดับพืน้ ดิน โดยใชคําสัง่ Draw4Modeling4Cylinder ปด เมือ่ ปรากฏขอความ Specify center point... คลิกประมาณจุดศูนยกลางของตัวบานในวิวพอรท Top เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base radius or... ปอนคารัศมี 40 หรือใหญกวา เมื่อปรากฏ ขอความ Specify height or... ปอนคาความสูงเทากับ -1 หนวย แลวคลิกบนปุม ไอคอน เพือ่ ขยายภาพในทุกๆ วิวพอรท แลวคลิกวิวพอรท Perspective (มุมขวา ลาง) แลวเรียกคืนมุมมองทีไ่ ดบนั ทึกไวในขอ 68 โดยคลิกบนปุม ไอคอน แลว ใชคําสั่ง View4Visual Styles4Realistic แลวคลิกบนปุมไอคอน เพื่อ บันทึกการเปลีย่ นแปลงรูปแบบวิวพอรท จะปรากฏดังรูป ที่ 12.162 (ขวา) 463. กําหนดภาพหลังฉาก เพือ่ ใชสําหรับเรนเดอรภาพนิง่ ดังนัน้ เราสามารถใชรปู อิมเมจ ทองฟาได โดยใชคําสั่ง View4Named Views เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค View
chap-12-4.PMD
363
12/10/2549, 21:54
364
Manager คลิกบนปุม New เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค New View พิมพชอื่ Sky เขาไปใน อิดทิ บอกซ Name แลวคลิกใหปรากฏเครือ่ งหมาย บนเช็คบอกซ Override default background จะปรากฏไดอะล็อค Background ใหเลือก Image จากแถบรายการ Type แลวคลิกปุม Browse คนหารูป Aero Bliss.jpg หรือ SkyHorizon.jpg จาก โฟลเดอร \Exercise บนแผน DVD-ROM ที่แนบมากับหนังสือคูม อื เลมนี้ คลิกบน ชือ่ ไฟลแลวคลิกบนปุม Open คลิกบนปุม Adjust Image แลวเลือก Stretch จากแถบ รายการ Image position แลวคลิกบนปุม OK คลิกปุม OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อค Background คลิ กปุ ม OK เพื่ อออกจากไดอะล็ อค New View คลิกบนปุ ม Set Current แลวคลิกบนปุม Apply และ OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อค View Manager
2D Drafting
Note
ในกรณีที่ตองการเรนเดอรภาพเคลื่อนไหว เราสามารถควรจะเลือก Gradient ในแถบรายการ Type แลวคลิกเพื่อปลดเครื่องหมาย ออกจากเช็คบอกซ Three color แลวคลิกบนตลับสี Top color จะ ปรากฏไดอะล็อค Select Color ใหพิมพรหัสสี 138,171,255 แลวคลิกปุม OK แลวคลิกบนตลับสี Top color จะปรากฏไดอะล็อค Select Color ใหพิมพรหัสสี 255,255,255 แลวคลิกบนปุม OK คลิกปุม OK เพื่อออกจากไดอะล็อค Background คลิกปุม OK เพื่อออกจากไดอะล็อค New View คลิกบนปุม Set Current แลวคลิกบนปุม Apply
464. เปดโหมดแสดงแสงอาทิตย โดยคลิกบนปุม ไอคอน Sun status บนแดชบอรด เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Viewport Lighting Mode .คลิกใหปรากฏเครือ่ งหมาย บน เช็คบอกซ Do not show me this again แลวคลิกบนปุม Yes เพือ่ ปดโหมดแสดงแสง ตามทีโ่ ปรแกรมกําหนดมาใหโดยอัตโนมัติ เปดโหมดแสดงเงาเต็มรูปแบบ โดย คลิกบนปุม ไอคอน Full shadows บนแดชบอรด (หากการดแสดงผลสนับสนุน) ใหแนใจวาปุม ไอคอน Viewport lighting mode อยูใ นสถานะ User light/sun light กําหนดโซนของดวงอาทิตย โดยคลิกบนปุม ไอคอน Geography location บนแดชบอรด แลวกําหนด Region = Asia, Nearest city = Bangkok, Thailand แลว คลิกบนปุม OK แลวกําหนดวันที่ Date:15/10/2549 เวลา Time:15:30 น. โดยคลิก และลากสไลเดอรหรือคลิกบนปุมไอคอน Edit the sun บนแดชบอรดแลว เลือกวันและเวลาที่กําหนด 465. จากรูปที่ 12.162 (ขวา) สรางดวงไฟ Point light 1 ดวง เพือ่ จําลอง Sky light โดยคลิก บนปุมไอคอน หรือใชคําสั่ง View4Render4Light4New Point Light คลิกวิวพอรท Top เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค ใหคลิกบนปุม Yes เมือ่ ปรากฏ Specify source location <0,0,0>: คลิกประมาณจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏ Enter an option to change [Name/Intensity/Status/shadoW/Attenuation/Color/eXit] <eXit>: ให พิ ม พ ตัวเลือก I เมือ่ ปรากฏ Enter intensity... ใหพิมพ .3 เพือ่ ลดความเขมแสง เมื่อปรากฏ Enter an option to change... ใหพิมพตวั เลือก W เมือ่ ปรากฏ Enter shadow settings... ใหพิมพตัวเลือก O เพือ่ ปดโหมดแสดงเงา แลวกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสั่ง จะปรากฏดังรูปที่ 12.163 (ซาย)
chap-12-4.PMD
364
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
365
รูปที่ 12.163
Note
เนื่องจากในขอ 68 เราไดใชคําสั่ง View4Named Views เพื่อบันทึกมุมมองถึง 2 มุมมองแลว ในการบันทึกมุมมองดวยคําสัง่ ดังกลาวนีโ้ ปรแกรมจะสรางกลอง(Camera)มาให 1 ตัวตอ 1 มุมมองโดย อัตโนมัติ ดังนั้น เราจึงไมจําเปนตองสราง Camera ขึ้นมาใหม เพราะจะทําใหจอภาพยุงเหยิงไปโดย เปลาประโยชน อยางไรก็ตาม หากเราตองการสรางกลองเพิ่มขึ้นมาใหม เราสามารถใชคําสั่ง View4 เพื่อสรางกลองใหมเพิ่มไดตามตองการ ในที่นี้ เราจะนํากลองที่ถูกสรางดวย Create Camera คําสั่งView4Named Views มาเปลี่ยนเลนซและจัดมุมมองใหมดังนี้
Note
เราสามารถตรวจสอบจํานวนกลองไดจากคําสัง่ View4Named Views หรือมุมมอง View ใน Model Views ที่ไดบันทึกไว
แลวตรวจดูรายชือ่ กลอง
466. แสดงกลองที่ถกู ซอน โดยใชคําสั่ง View4Display4Cameras จะปรากฏดังรูปที่ 12.163 (ขวา) 467. จากรูปที่ 12.163 (ขวา) ปด ) ปด # ปด ^ ปด _ ในวิวพอรท Top คลิกกลองจุดที่ 1 ใหปรากฏจุดกริป๊ ส แลวคลิกขวา เลือกคําสัง่ Properties เปลีย่ นเลนซเปน 35 ม.ม. โดยพิมพ 35 ในอิดทิ บอกซ Lens length (mm) แลวคลิกบนจุด กริป๊ สเพือ่ ปรับตําแหนงมุมกลองใหม เมือ่ มุมกลองใหมปรากฏในหนาตาง Camera Preview ตามตองการแลว ใหคลิกวิวพอรท Perspective (มุมขวาลาง) แลวคลิกขวา ในวิวพอรท เลือกคําสัง่ Set Camera View จะปรากฏดังรูปที่ 12.164 (ซาย)
รูปที่ 12.164
chap-12-4.PMD
365
12/10/2549, 21:54
366
468. เริม่ เรนเดอรทดสอบ โดยกอนอืน่ คลิกปุม ไอคอน Advanced Render Settings บนแดชบอรด จะปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 11.71 โดยทีโ่ ปรแกรมกําหนดมาให Global Illumination และ Final Gather จะอยูใ นสถานะปด ใหคลิกบนไอคอน ของ Global Illumination เพื่อเปดโหมดการเรนเดอรแบบ Global Illumination แลวลดคา Photon/Sample = 200, Use radius = On, Radius = 2 แลวใชคําสัง่ View4 Render4Render จะปรากฏดังรูปที่ 12.164 (ขวา)
2D Drafting
Note
ในการเรนเดอรทดสอบเพือ่ ตรวจสอบขอบกพรอง เราจะยังไมเปดโหมด Final Gather เพราะจะทําให โปรแกรมเรนเดอรเปนเวลานาน เราจะเปดโหมด Final Gather ในการเรนเดอรครัง้ สุดทายเทานัน้ อนึง่ การลดคา Photon/Sample จะทําใหคุณภาพลดลง แตจะทําใหโปรแกรมเรนเดอรเปนระยะเวลาสั้นลง แตเราเปดโหมด Use radius และกําหนด Radius เพือ่ ชดเชยคุณภาพดีขนึ้ เพียงพอทีจ่ ะใชเปนแนวทางใน การปรับแตงดวงไฟและแมททีเรียลได
469. จากรูปที่ 12.164 (ขวา) เราจะเห็นวาสวนโคงตางๆ ปรากฏเปนสันเหลีย่ ม ในขณะที่ บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ ใหพมิ พตวั แปรระบบ FACETRES แลวเปลีย่ น คา 0.5 ตามทีโ่ ปรแกรมกําหนดมาใหเปนคา 5 เพือ่ ปรับใหสว นโคงปรากฏราบเรียบ Note
เราไมจําเปนตองรอไปปรับตัวแปรระบบ FACETRES ในการเรนเดอรครัง้ สุดทาย เพราะการใชคา 0.5 หรือใชคา 5 จะใชเวลาแตกตางกันเพียงวินาทีเดียวเทานั้น
470. ตอไปเริม่ ปลูกตนไม โดยกอนอืน่ ซอนกลองและซอนดวงไฟ โดยใชคําสัง่ View4 Display4Cameras และ View4Display4Lights แลวเขียนสี่เหลี่ยมผืนผาขนาด ความกวางความสูงใกลเคียงกับขนาดของตนไมที่จะสราง โดยใชคําสั่ง Draw4 # Rectangle เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first corner point... ปด คลิกมุมซายลาง เมือ่ ปรากฏขอความ Specify other corner point... คลิกมุมขวาบน แลวใชคําสั่ง Tools4Options เลือกแถบคําสัง่ 3D Modeling เลือก Delete profile and path curves จากแถบรายการ Deletion control while creating 3D objects แลว ใชคําสัง่ Draw4Region แลวคลิกบนสีเ่ หลีย่ มผืนผา แลวคลิกขวา เพือ่ แปลง สีเ่ หลีย่ มผืนผาใหเปนรีเจีย้ น จะปรากฏดังรูปที่ 12.165 (ซาย) รูปที่ 12.165
chap-12-4.PMD
366
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
367
471. จากรูปที่ 12.165 (ซาย) เคลือ่ นยายรีเจีย้ นสีเ่ หลีย่ มผืนผาไปวางในตําแหนงทีต่ อ งการ โดยใชคาํ สัง่ Modify4Move เราควรปด # ในขณะใชคําสัง่ นีใ้ นการ เคลือ่ นยายรีเจีย้ น แลวคัดลอกรีเจีย้ นสีเ่ หลีย่ มผืนผา ไปวางอีกมุมหนึง่ ของภาพ โดยใช คําสัง่ Modify4Copy แลวใชคําสัง่ Modify4Rotate หมุนรีเจีย้ นสีเ่ หลีย่ มผืนผา ใหตงั้ ฉากกับมุมกลอง จะปรากฏดังรูปที่ 12.165 (ขวา) 472. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “TreeAmurCork01” เปลีย่ นเทมเพล็ทจาก Realistic เปน Advanced ในแถบรายการ Template แลวคลิกบนตลับสี Specular ปอนรหัสสี 0,0,0 ในโซน Diffuse map ใหเลือกใชรปู ภาพอิมเมจ TreeAmurCork01.jpg จากโฟลเดอร \Exercise โดยเลือกปุม เรดิโอ Fit to object สวนใน โซน Opacity map ใหใชรปู อิมเมจ TreeAmurCork01-o.jpg โดยเลือกปุม เรดิโอ Fit to object แลวใหแนใจวาคา Opacity map เปน 100 473. ทําซ้าํ ขอ 445 สรางแมททีเรียลชือ่ “TreeAmurCork02” เปลีย่ นเทมเพล็ทจาก Realistic เปน Advanced ในแถบรายการ Template แลวคลิกบนตลับสี Specular ปอนรหัสสี 0,0,0 ในโซน Diffuse map ใหเลือกใชรปู ภาพอิมเมจ TreeAmurCork02.jpg จากโฟลเดอร \Exercise โดยเลือกปุม เรดิโอ Fit to object สวนใน โซน Opacity map ใหใชรปู อิมเมจ TreeAmurCork02-o.jpg โดยเลือกปุม เรดิโอ Fit to object แลวใหแนใจวาคา Opacity map เปน 100 474. จากรูปที่12.165 (ขวา) บนหนาตาง Materials เริม่ กําหนดแมททีเรียล “TreeAmurCork01” โดยดับเบิล้ คลิกบนรูปตัวอยางของแมททีเรียล “TreeAmurCork01” เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects บนรีเจีย้ นตรงจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ 475. จากรูปที่ 12.165 (ขวา) เริม่ กําหนดแมททีเรียล “TreeAmurCork02” โดยดับเบิล้ คลิก บนรูปตัวอยางของแมททีเรียล “TreeAmurCork02” เมื่ อปรากฏขอความ Select objects บนรีเจี้ยนตรงจุดที่ 2 แลวคลิกขวา เพื่อออกจากคําสั่ง จะปรากฏดังรูปที่ 12.166 (ซาย)
รูปที่ 12.166
chap-12-4.PMD
367
12/10/2549, 21:54
368
476. เรนเดอรทดสอบ โดยใชคา Global Illumination เดิมทีไ่ ดกําหนดไวในขอ 468 โดย ใชคําสั่ง View4Render4Render จะปรากฏดังรูปที่ 12.166 (ขวา)
2D Drafting
Note
จากรูปที่ 12.166 (ขวา) ถาพิจารณาดูรูป เรนเดอรอยางละเอียด เราจะเห็นขอบกพรองตรงจุดแนว เสาชัน้ บน เนือ่ งจากผนังชัน้ บนและเสาชัน้ บนนัน้ มีสแี ตกตางกัน แตเสาและผนังซอนกันพอดี จึงเห็นสี ของเสาปรากฏอยูบนผนังชั้นบนบางสวน ซึ่งเราไมตองการใหเปนเชนนั้น ปญหานี้สามารถแกไขได โดยการตัดแบงเสาในเลเยอร “เสาชัน้ ลางชั้นบน” ออกเปน 2 สวน แลวจึงสามารถกําหนดแมททีเรียล ใหแตกตางกัน โดยมีขนั้ ตอนดังตอไปนี้
477. บันทึกมุมมองกลองในวิวพอรท Perspective โดยคลิกวิวพอรท Perspective (มุม ลางขวา) แลวคลิกบนปุม ไอคอน เพือ่ เก็บมุมมองไวเรียกกลับคืนมาใชงาน 478. กําหนดใหเลเยอร “เสาชั้นลางชั้นบน” เปนเลเยอรใชงาน แลวแชแข็ง(Freeze) เลเยอรอนื่ ๆ ทัง้ หมด ยกเวนเลเยอร “เสาชัน้ ลางชัน้ บน” , “เสาชัน้ ลาง” , “เสาชัน้ บน” และ ”เลเยอรพื้นชัน้ บน” 479. คลิกวิวพอรท Perspective (มุมขวาลาง) แลวคลิกบนปุมไอคอน เพื่อขยาย วิ ว พอร ท แล วป ดโหมดเปอร สเปคที ฟ โดยคลิ กบนปุ มไอคอน Parallel Projection บนแดชบอรด แลวใชคําสัง่ View43D Views4SE Isometric แลว คลิกบนปุม ไอคอน บนทูลบาร 3D Modeling จะปรากฏดังรูปที่ 12.167 (ซาย) รูปที่ 12.167
480. จากรูปที่ 12.167 (ซาย) ตัดเฉือนเพือ่ แบงเสาออกเปน 2 สวน โดยใชคําสัง่ Modify4 3D Operations4Slice เมือ่ ปรากฏ Select objects to slice: คลิกเสาจุดที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ Specify start point of slicing plane or... ให พิมพตัวเลือก XY แลวกดปุม Q เมือ่ ปรากฏ Specify a point on... คลิกจุดที่ 10 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify a point on desired side or... ใหกดปุม Q เสาจะ ทัง้ หมดทีถ่ กู เลือกจะถูกแบงออกเปน 2 สวน แตเราจะไมเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ จนกวาเราจะเลือ่ นเคอรเซอรไปบนเสาแตละตน เมือ่ เสาปรากฏเปนเสนประ เราจึง จะทราบวาเสาทัง้ หมดถูกแบงออกเปน 2 สวนแลวหรือไม
chap-12-4.PMD
368
12/10/2549, 21:54
แบบฝกหัดที่ 1 งานสรางภาพ เหมือนจริงในงานสถาปตยกรรม
369
481. จากรูปที่ 12.167 (ซาย) บนหนาตาง Materials กําหนดแมททีเรียล “Light Yellow” โดยดับเบิล้ คลิกบนรูปตัวอยางของแมททีเรียล “Light Yellow” เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects บนเสาตรงจุดที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ 482. ยายเสาจุดที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ใหไปอยูใ นเลเยอร “เสาชัน้ บน” โดยในขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบนเสาจุดที่1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ใหปรากฏจุดกริป๊ ส แลวเลือกเลเยอร “เสาชัน้ บน” จากแถบรายการควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D 483. เรียกสถานะเลเยอรเดิมกลับมาใชงาน โดยคลิกบนปุม ไอคอน Layer previous หรือ ละลาย(Thaw)เลเยอรทั้งหมด แตแชแข็ง(Freeze)เลเยอร Solid เพียงเลเยอรเดียว แลวกําหนดใหเลเยอร “พื้นดิน” เปนเลเยอรใชงาน 484. เรียกคืนมุมกลองที่ไดบนั ทึกไวในขอ 478 โดยคลิกบนปุม ไอคอน ดังรูปที่ 12.166 (ซาย)
จะปรากฏ
485. เรนเดอรทดสอบ โดยใชคา Global Illumination เดิมทีไ่ ดกําหนดไวในขอ 468 โดย ใชคําสั่ง View4Render4Render จะปรากฏดังรูปที่ 12.167 (ขวา) Note
จากรูปที่ 12.167 (ขวา) เราจะเห็นวาจุดบกพรองทีเ่ กิดขึน้ ระหวางเสากับผนังชัน้ บนไดหายไปเรียบรอยแลว เปนอันวา เราไดสรางภาพนิง่ เสร็จเรียบรอยแลว ในการเรนเดอรขนั้ สุดทาย ใหคลิกบนปุม ไอคอน Advanced Render Settings บนแดชบอรด กําหนดคา Photon/Sample = 500, Use radius = Off แลวเปด โหมด Final Gather โดยคลิกบนไอคอน ของ Final Gather โดยไมตอ งปรับแตงพารามิเตอรใดๆ ภาพเรนเดอรในขัน้ สุดทายจะสวางกวาภาพทีเ่ ราทดลองเรนเดอร เนือ่ งจากมีการสะทอนของแสงมากขึน้ ดังนั้น เราอาจจะตองยอนกลับไปลดคา Internsity ของดวงอาทิตย Sun light และดวงไฟ Point light ลงเล็กนอย เพื่อใหไดภาพที่สมบูรณ ไมมีแสงสวางจนเกินไป(Overexpose)ปรากฏใหเห็น
Advanced Render Settings บน 486. เรนเดอรขนั้ สุดทาย โดยกอนอืน่ คลิกปุม ไอคอน แดชบอรด แลวกําหนดคา Photon/Sample = 500, Use radius = Off แลวเปดโหมด Final Gather โดยคลิกบนไอคอน ของ Final Gather โดยไมตอ งปรับแตงพารามิเตอรใดๆ โดยใชคาํ สัง่ View4Render4Render จะปรากฏดังรูปที่ 12.168 (ซาย) รูปที่ 12.168
chap-12-4.PMD
369
12/10/2549, 21:54
370
Note
จากรูปที่ 12.168 (ซาย) เราจะเห็นวา เมื่อเปดโหมด Final Gather มีการสะทอนแสงภายในฉากขึ้นจน กระทั่งทําใหบางสวนของภาพนั้นมีแสงจา(Overexpose)มากเกินไป เราสามารถแกไขไดโดยลดคา Intensity ของดวงอาทิตยหรือลดคา Intensity ของดวงไฟ Point light ซึ่งเราใชในการจําลอง Sky light นอกจากคาลดคา Intensity แลว เรายังสามารถเคลือ่ นยายตําแหนงของดวงไฟ Point light ไปยังตําแหนง ใหมที่เหมาะสมมากกวา
2D Drafting
Edit the sun แลวลดคา 487. แกไขคาความเขมแสงของดวงอาทิตย โดยคลิกบนปุม Intensity ใหเหลือ 0.8 แลวเรนเดอรครั้งสุดทาย แลวเคลื่อนยายตําแหนงดวงไฟ Point light ไปทางดานซายบนเล็กนอยดังรูปที่ 12.168 (ขวา) โดยใชคําสัง่ View4 Render4Render โดยใชคา พารามิเตอรตา งๆ เดิมทัง้ หมด จะปรากฏดังรูปที่ 12.169 รูปที่ 12.169
เปนอันวาเราไดทําแบบฝกหัดนีม้ าครบถวนทั้งหมดแลว ผูเขียนมั่นใจวาหากผูอ านไดศึกษาขั้นตอน ต างๆ ในการสร างบ านในแบบฝ กหั ดนี้ แล ว ผู อานจะสามารถสร างโมเดลบ าน 3 มิ ติ แบบอื่ นๆ ดวยตนเองไดเชนเดียวกัน อยางไรก็ตาม ผูเ ขียนยังมิไดแสดงขัน้ ตอนการสรางบันไดและการสรางภาพ เคลือ่ นไหวแบบ Walk-through เนือ่ งจากเนือ้ ทีใ่ นหนังสือคูม อื เลมนี้มจี าํ กัด อีกทัง้ การแสดงขัน้ ตอน การสรางบันไดและการสรางภาพเคลือ่ นไหวในหนังสือจะสิน้ เปลืองหนากระดาษคอนขางมาก ดังนัน้ ผูเ ขียนจึงเลือกทีจ่ ะแสดงวิธกี ารสรางภาพเคลือ่ นไหวไวในแบบฝกหัดบนแผน DVD-ROM มัลติมเี ดีย ชวยสอนแทน ผูอ า นสามารถดูวธิ ีการและขัน้ ตอนในการสรางภาพเคลือ่ นไหว เพือ่ นํามาเปนตัวอยาง ในการสรางภาพเคลือ่ นไหวดวยตนเองได ******************************
chap-12-4.PMD
370
12/10/2549, 21:54