กลุม คําสัง่ สําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
คําสัง่ ในกลุม คําสัง่ สําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุทเี่ กิดขึน้ ใหมมคี ําสัง่ JOIN เพียงคําสัง่ เดียว แตมหี ลายคําสัง่ ในกลุม นี้ ซึง่ ไดรบั การปรับปรุงเพิม่ ขีดความสามารถ อาทิ เชน คําสัง่ MOVE, COPY, OFFSET, ROTATE, SCALE, STRETCH, TRIM, EXTEND, CHAMFER สวนคําสัง่ อืน่ ๆ ในกลุม นีย้ งั คงมีการใชงานเหมือนเดิมทุกประการ ถึงแมวา แตละคําสัง่ ไดรบั การปรับปรุงเพิ่มเติมเพียงเล็กนอย แตกม็ ีประโยชนในการใชงานเปนอยางมาก เพราะจะชวยใหเราเสียเวลา ในการใชคําสัง่ ตางๆ ในการทํางานซ้ําๆ นอยลง ใน AutoCAD เรามักจะเรียกสิ่งทีเ่ ราสรางขึน้ จากคําสัง่ ตางๆ ทีไ่ ดอธิบายมาในบททีแ่ ลววา “วัตถุ” หรือ “ออฟเจกท” (Object) หากตองการทราบวาออฟเจกททถี่ กู สรางขึน้ เปนวัตถุประเภทใด ในเบือ้ งตนเราสามารถทราบไดจากคําสัง่ ที่ สรางออฟเจกทนนั้ ตัวอยาง เชน เสนตรงทีส่ รางจากคําสัง่ LINE เปนออฟเจกทประเภท Line เสนตรงทีส่ รางจากคําสัง่ PLINE เปนออฟเจกท Polyline เสนโคงทีส่ รางจากคําสัง่ ARC เปนออฟเจกท Arc วงกลมทีส่ รางจากคําสัง่ CIRCLE เปนออฟเจกท Circle จุดเล็กๆ ทีส่ รางจากคําสัง่ POINT เปนออฟเจกทประเภท Point อยางไรก็ตาม มีวตั ถุบางประเภท ซึ่งถูกสรางจากคําสัง่ พื้นฐานที่ถูกดัดแปลงมาจากคําสัง่ อื่น อาทิ เชน สี่เหลีย่ มผืนผาที่สรางจากคําสัง่ RECTANG ไมไดเปนวัตถุ Rectang เพราะคําสัง่ RECTANG เปนคําสั่งทีด่ ัดแปลงมาจากคําสัง่ PLINE สี่เหลี่ยมผืนผาจึงเปน ออฟเจกทประเภท Polyline รูปหลายเหลีย่ มทีส่ รางจากคําสัง่ POLYGON ก็เปนออฟเจกท Polyline เชนเดียวกัน เปนตน รูปที่ 4.1
Note
chap-04.PMD
วัตถุทั้งหมดที่เกี่ยวของกับการเขียนแบบ 2 มิติมีดังนี้คือ Line, Polyline, XLine, Ray, MLine, Arc, Circle, Spline, Ellipse, Point, Region, Text, MText, Field, Hatch, Block, Xref, Raster Image, Table และ Viewport ในเปอรสเปส วัตถุแตละประเภทมีคุณสมบัตติ ามประเภทของวัตถุนนั้ ตัวอยาง เชน เสนตรง Line ที่สรางดวยคําสั่ง LINE ในคราวเดียวแตมีการเขียนเสนหลายๆ สวนหรือหลาย เซกเมนต แตละเซกเมนตจะกลายเปนวัตถุแยกชิ้นเปนอิสระไมมีความหนา(Width) สวนเสนตรง โพลีไลนทถี่ ูกสรางจากคําสัง่ PLINE ในคราวเดียวแตมีการเขียนเสนหลายๆ เซกเมนต แตละเซกเมนต ยังคงเปนวัตถุชนิ้ เดียว ซึง่ สามารถกําหนดความหนา(Width)และมีสวนประกอบเปนเสนโคงได
93
13/10/2549, 1:26
94
กลุม คําสัง่ สําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุมปี ระโยชนตอ การเขียนแบบเปนอยางมาก เนือ่ งจากในการเขียนแบบจริงดวย AutoCAD เรามักไมนิยมใชคําสั่งในการเขียนภาพที่กลาวมาในบทที่แลวเขียนชิ้นงานใหเสร็จสิ้ นในคราวเดียว เพราะวาถาหากทําเชนนั้น เราจะสิ้นเปลืองเวลาในการเขียนแบบเปนอยางมาก ในทางปฏิบัติ การเขียนแบบดวย AutoCAD เรามักเขียนเสนชิน้ งานใหเปนเสนรางคราวๆ แลวจึงตัด(Trim)เสนรางสวนเกินทีย่ น่ื ออกไปใหพอดี ซึง่ คลาย กับการเขียนแบบดวยมือดังตัวอยางในรูปที่ 4.2 (บน-ขวา) เปนรูปที่เขียนเสร็จเรียบรอยแลว สังเกตุวารูปดังกลาว ประกอบไปดวยเสนตรง 5 เสนและเสนโคง 1 เสน หากเราใชคําสัง่ LINE เขียนสวนทีเ่ ปนเสนตรงและ ใชคําสัง่ ARC เขียนเสนทีเ่ ปนสวนโคง จะเสียเวลา เปนอยางมาก เพราะการกําหนดขนาดเสนแตละ เสนและการกําหนดจุดศูนยกลางของสวนโคงและ กอ นใชคําสั่ง หลังใชคําสั่ง รัศมีไมอํานวยความสะดวกในการทํางานมากนัก ในทางตรงกันขาม กลับเปนอุปสรรคทีท่ าํ ใหใชเวลา ในการเขียนชิน้ งานมากขึน้ แตถา เปลีย่ นวิธเี ขียนใหม โดยเขี ยนสี่ เหลี่ ยมผื น ผ าและเขี ยนวงกลมรั ศมี เทากับสวนโคงขึน้ มาแทน โดยใชกงึ่ กลางดานบน ของสี่เหลี่ยมผืนผาเปนจุดศูนยกลางของวงกลม กอ นใชคําสั่ง หลังใชคําสั่ง รูปที่ 4.2 ดังรูปที่ 4.2 (บน-ซาย) แลวใชคําสั่งในการแกไข วัตถุตดั เสน(Trim)ทีไ่ มตอ งการทิง้ ไป เราจะสามารถ สรางชิน้ งานชิน้ เดียวกันไดรวดเร็วกวาวิธีเดิมมาก อีกตัวอยางหนึง่ ซึง่ มีลกั ษณะคลายๆ กัน จากรูปที่ 4.2 (ลาง-ขวา) เปนรูปชิ้นงานที่เขียนเสร็จเรียบรอยแลว สวนรูปที่ 4.2 (ลาง-ซาย) เปนเสนตรงและวงกลมทีเ่ ขียนเปนรูปรางคราวๆ ของชิน้ งาน หากเราเลือกใชคาํ สัง่ LINE และ ARC โดยพยายามเขียนเสนใหมคี วามยาวและมุมทีต่ อ งการ จะทําใหเรา เขียนภาพไดชา กวาการเขียนเสนรางขึน้ มากอนซึง่ ประกอบดวยเสนตรงและวงกลม แลวจึงใชคําสัง่ ในการแกไขวัตถุ ตัดเสน(Trim)เสนสวนเกินตางๆ ทิง้ ไป เพือ่ ใหไดรปู ทรงของชิน้ งานทีต่ อ งการ วิธนี เี้ ปนอีกวิธหี นึง่ ทีเ่ รานิยมใชงาน เราจะ เห็นไดวา คําสัง่ สําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุทจี่ ะอธิบายตอไปอยางละเอียดในบทนีม้ เี ปนหัวใจสําคัญทีจ่ ะชวยใหเรา สรางชิน้ งานไดอยางรวดเร็ว โดยเฉลีย่ แลวในแบบแปลนหนึง่ เราจะใชคําสัง่ ในการแกไขปรับแตงวัตถุมากกวาคําสัง่ ในการเขียนวัตถุ ดังนัน้ เราจึงควรทีจ่ ะฝกฝนทักษะในการใชคําสัง่ ตางๆ ทุกคําสัง่ ในบทนีใ้ หสามารถใชงานไดอยางมี ประสิทธิภาพ คําสัง่ ทีใ่ ชในการแกไขปรับแตงวัตถุ มีรายละเอียดดังตอไปนี้
2D Drafting
4.1 Modify4Erase | ERASE | E | ใชสําหรับลบวัตถุออกจากแบบแปลน Command: _erase
{คลิกบนวัตถุหรือใชโหมดการเลือกแบบ Window หรือ Crossing แลวลอมกรอบวัตถุ ทัง้ หมดทีต่ อ งการลบ วัตถุทถี่ กู เลือกจะกลายเปนเสนประ} Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ยุตกิ ารใชคาํ สัง่ วัตถุทถี่ กู เลือกทัง้ หมดซึง่ ปรากฏเปน เสนประจะถูกลบทิง้ ไป} Select objects:
Note
chap-04.PMD
ในขณะที่ปรากฏบรรทัดขอความ Select objects: ของคําสั่งใดๆ เราสามารถใชตัวเลือก W, C, WP, CP, F, ALL, P, R, A และอื่นๆ ชวยใหเราเลือกวัตถุไดอยางรวดเร็ว (ดูรายละเอียดในหัวขอการเลือก วัตถุในบทที่ 2)
94
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
95
Note
อีกวิธีหนึ่งในการลบวัตถุ โดยไมตองเรียกคําสั่ง Erase ออกมาใชงาน ในขณะที่บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ เราสามารถคลิกบนวัตถุทตี่ อ งการลบ แลวกดปุม = (Delete) บนคียบ อรด วิธนี ี้ จะใชไดก็ตอเมื่อปรากฏเครื่องหมาย บนเช็คบอกซ Noun/verb selection ในคําสั่ง Tools4Options ð Selection ซึง่ ปกติ เปนคาที่โปรแกรมกําหนดมาใหอยูแลว
Note
เพื่อความรวดเร็วในการเลือกวัตถุในโหมด W (Window) และโหมด C (Crossing) เราไมจําเปนตอง พิมพตวั เลือก W หรือ C เขาไปในบรรทัดขอความ Select objects: เราสามารถใชเมาสคลิกบนพื้นที่วาด ภาพเพือ่ สรางกรอบสี่เหลีย่ มผืนผาชั่วคราวลอมรอบวัตถุ ถาเรากําหนดมุมแรกของสี่เหลี่ยมผืนผาจาก ทางซายและมุมทะแยงอยูทางขวาของวัตถุจะเปนการเลือกโหมด Window ถาเรากําหนดมุมแรกของ สี่เหลี่ยมผืนผาจากทางขวาและมุมทะแยงอยูทางซายของวัตถุจะเปนการเลือกโหมด Crossing
Note
หากเราไดลบวัตถุไปแลว ตองการเรียกวัตถุดังกลาวกลับคืนมา ใหคลิกบนปุมไอคอน
(Undo)
4.2 Modify4Copy | COPY | CO | ใชคําสัง่ นีส้ ําหรับคัดลอกวัตถุ(Objects)ดังรูปที่ 4.3
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.3
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.3 (ซาย) ใหแนใจวา OSNAP # อยูใ นสถานะเปด} Select objects: {คลิกตรงจุดที่ 1 และ 2 เพือ ่ เลือกวัตถุแบบ Window} Select objects: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ยุตกิ ารเลือกวัตถุ} Specify base point or [Displacement] : {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 3 แลว คลิกซายเมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือ เพือ่ กําหนดจุดฐานในการคัดลอก} Specify second point or <use first point as displacement>: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 4 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือ จะปรากฏดังรูปที่ 4.3 (ขวา)} Specify second point or [Exit/Undo] <Exit>: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 5, 6, 7 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือ เพือ่ กําหนดจุดแทนทีใ่ นการคัดลอก } Specify second point or [Exit/Undo] <Exit>: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ยุตกิ ารใชคาํ สัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.3 (ขวา)} Command: _copy
Note
chap-04.PMD
เนื่องจากชิ้นงานที่ตองการคัดลอกประกอบไปดวยเสนตรงและเสนโคงแยกอิสระตอกัน ดังนั้น ใน บรรทัด Select objects: เราจะตองเลือกเสนสวนประกอบตางๆ ของชิน้ งานใหไดทงั้ หมด แตการคลิกลง บนวัตถุครั้งละ 1 ชิ้นทําใหเสียเวลาในการเลือกวัตถุเปนอยางมาก ดังนั้น จึงมีการคลิกจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ เลือกวัตถุทงั้ หมดแบบ Window ในการเลือกแบบนี้ เราจะตองระวังไมใหกรอบสีเ่ หลีย่ มชัว่ คราวไป ครอบคลุมเสนที่ไมตอ งการเลือกทัง้ เสน แตสามารถพาดผานเสนทีไ่ มตอ งการบางสวนได เราจะตอง พยายามใหเสนทีไ่ มตอ งการเลือกไมสวนที่ยนื่ ออกไปนอกกรอบสี่เหลี่ยมชัว่ คราว
95
13/10/2549, 1:26
96
Note
สังเกตุวาในบรรทัดขอความ Specify base point or [Displacement] : จะมีตัวเลือก [Displacement] หากเราตองการทีจ่ ะคัดลอกวัตถุใหหา งจากตําแหนงเดิมตามระยะทีก่ ําหนด เราสามารถ คลิกขวาหรือ Q หรือพิมพ D เพื่อเลือก Displacement จะปรากฏขอความ Specify displacement <0.0000, 0.0000, 0.0000>: หากตองการคัดลอกวัตถุไปทางขวาในแนวนอนหางจากวัตถุตน ฉบับ 50 หนวย เราสามารถใชรเี ลทีฟคอรออรดเิ นท @50,0 หรือรีเลทีฟโพลารคอรออรดเิ นท @50<0 โดยไมตอ ง คลิกเพือ่ กําหนดจุด Base point หากตองการคัดลอกวัตถุลงดานลางในแนวดิง่ หางจากวัตถุตน ฉบับ 200 หนวย เราสามารถใชรเี ลทีฟคอรออรดเิ นท @0,-200 หรือรีเลทีฟโพลารคอรออรดเิ นท @200<270 โดยไม ตองคลิกเพื่อกําหนดจุด Base point ตัวเลือกนีเ้ ปนฟเจอรใหมของ AutoCAD 2006
2D Drafting
Note
จากรูปที่ 4.3 (ซาย) สังเกตุวา การระบุตาํ แหนงอางอิง(Base point)สําหรับการคัดลอกชิน้ งานบนบรรทัด ขอความ Specify base point or [Displacement] : เราจะตองใชจดุ ใดจุดหนึง่ บนชิน้ งาน ทีก่ าํ ลังจะคัดลอกเปนจุดฐาน ในทีน่ คี้ อื จุดที่ 3 แลวกําหนดจุดเดียวกัน ในทีน่ คี้ อื จุดที่ 4 ในบรรทัดขอความ Specify second point or <use first point as displacement>: การกระทําเชนนีเ้ พื่อใชระยะหางจากจุดที่ 3 และจุดที่ 4 เปนระยะหางของการคัดลอกวัตถุ รูปที่ 4.4
chap-04.PMD
Note
ในการคัดลอกวัตถุ เราจะตองมองใหออกวาจุดใดสมควรใชเปนจุด Base point จุดทีใ่ ชเปน Base point สวนมากจะอยูบนจุดใดจุดหนึ่งของชิ้นงานที่ตองการคัดลอกเสมอ แตก็ไมไดหมายความวา เราจะ สามารถใชจดุ ใดๆ บนชิน้ งานเปนจุด Base point ไดเสมอ เราจะตองพิจารณาตําแหนงทีจ่ ะนําวัตถุทตี่ อ ง การคัดลอกไปวางตรงเปาหมายดวยวามีจดุ ใดใหเราสามารถใชเปนจุด Second point แลวยอนกลับไป มองจุดเดียวกันบนชิน้ งานและพิจารณาวามีจดุ เดียวกันหรือไม ถามี แสดงวาจุดทีอ่ ยูบ นชิน้ งานนัน้ จะ ตองเปน Base point และจุดเดียวกันที่อยูใ นตําแหนงเปาหมายนั้นเปนจุด Second point เราจึงสามารถ คัดลอกชิน้ งานไปยังตําแหนงทีต่ อ งการไดอยางถูกตอง จากรูปที่ 4.4 ในการคัดลอกวัตถุ เราจะเห็นวาจุดที่ 1 จะตองแทนทีจ่ ุดที่ 5 ดังนัน้ เราสามารถเลือกใชจุดที่ 1 เปน Base point และจุดที่ 5 เปน Second point หากเลือกใชจุดที่ 4 เปน Base point เราจะตองใชจุดที่ 8 เปน Second point ในบางกรณี เราไมจําเปน ตองกําหนดจุด Base point บนชิ้นงานเสมอ หากชิ้นงานเปาหมายมีจุดอางอิงเดียวกันใหเลือกใชงาน เชน หากเรากําหนดจุดที่ 2 เปน Base point เราจะตองใชจุดที่ 6 เปน Second point หากเรากําหนดจุดที่ 3 เปน Base point เราจะตองใชจุดที่ 7 เปน Second point เราจะไมสามารถใชจุดที่ 9, 10, 11, 12 เปน จุด Base point ไดเนือ่ งจากไมมจี ุดเดียวกันทีส่ ามารถอางอิงไดในตําแหนงเปาหมายที่จะทําการคัดลอก ชิ้นงานไปวาง เมื่อเขาใจการกําหนดจุด Base point และ Second point แลว เราจะสามารถคัดลอกวัตถุ ไดอยางถูกตองและรวดเร็ว
Note
ในขณะที่ปรากฏบรรทัดขอความ Select objects: เราสามารถใชตัวเลือก W, C, WP, CP, F, ALL, P, R, A และอื่นๆ ชวยให เราเลือกวัตถุไดอยางรวดเร็ว (ดูรายละเอียดในหัวขอการเลือกวัตถุในบทที่ 2)
96
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
97
สังเกตุวา ใน AutoCAD 2006 ตัวเลือก Multiple ซึ่งใชสําหรับการคัดลอกวัตถุหลายๆ ชิ้นถูกยกเลิกไป แลวตัง้ แต AutoCAD 2005 เนือ่ งจากคําสัง่ Copy ของ AutoCAD 2006 เปนการคัดลอกแบบหลายๆ ชิน้ อยูแลวโดยอัตโนมัติ นอกจากจะคลิกขวา เพื่อยุตกิ ารใชคําสั่ง
Note
4.3 Modify4Mirror | MIRROR | MI | ใชคําสัง่ นีส้ ําหรับคัดลอกวัตถุแบบพลิกกลับในลักษณะกระจกเงาดังรูปที่ 4.5
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.5
หลังใชคําสั่ง MIRRTEXT = 0
หลังใชคําสั่ง MIRRTEXT = 1
{จากรูปที่ 4.5 (ซาย)} {คลิกตรงจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ ใชโหมด Window เลือกวัตถุทตี่ อ งการคัดลอกแบบพลิกกลับ} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q} Specify first point of mirror line: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 3 แลวคลิกซายเมือ่ ปรากฏมารคเกอร แตถา ไมปรากฏมารคเกอร แสดงวา OSNAP อยูใ นสถานะปด เราสามารถกดปุม # เพือ่ เรียก OSNAP ใหออกมาทํางานหรือกดปุม S คางไว แลวเลือก End point จากเคอรเซอรเมนู แลวเลือ่ นเคอรเซอร ไปบนจุดที่ 3 เพือ่ กําหนดจุดแรกของแนวพลิกกลับ} หรือคลิกบนปุม ไอคอน Specify second point of mirror line: {เปดโหมดออรโธ(Ortho)โดยกดปุม ฟงชัน่ คีย * เพือ่ บังคับ ใหเคอรเซอรเลือ่ นไดเฉพาะในแนวดิง่ เลือ่ นเคอรเซอรไปยังประมาณจุดที่ 4 หรือจุดใดๆ ในแนวดิง่ แลวคลิกซายหรือเลือ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 4 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือกดปุม แลวจึงเลือ่ น S คางไว แลวเลือก End point จากเคอรเซอรเมนูหรือคลิกบนปุม ไอคอน เคอรเซอรไปบนจุดที่ 4 เพือ่ กําหนดจุดทีส่ องของระนาบพลิกกลับ } Delete source objects? [Yes/No] : {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ใชตวั เลือก N โดยไมลบ วัตถุเดิม จะปรากฏภาพเหมือนแบบกระจกเงาดังรูปที่ 4.5 (ขวา)} Command: _mirror
Select objects:
chap-04.PMD
Note
ในการคัดลอกวัตถุแบบกระจกเงานี้ ระนาบพลิกกลับ(Mirror line)เปนสิง่ กําหนดทิศทางการพลิกกลับ ของวัตถุที่ถูกเลือก ในการกําหนดตําแหนงของระนาบพลิกกลับ เราสามารถใชเมาสคลิกบนพื้นที่ วาดภาพหรือพิมพคา คอรออรดเิ นทหรือใชออฟเจกทสแนป เพือ่ กําหนดตําแหนงบนบรรทัด Specify first point of mirror line: และบรรทัด Specify second point of mirror line: ได
Note
ในกรณีทตี่ อ งการคัดลอกแบบพลิกกลับชิน้ งานทีม่ ตี วั อักษรหรือขอความเปนสวนประกอบ หากไมตอ ง การใหตวั อักษรพลิกกลับตามชิน้ งานไปดวย ใหพมิ พตวั แปรระบบ MIRRTEXT ผานบรรทัด Command: แลวกําหนดคา 0 หากตองการใหตัวอักษรพลิกกลับแบบกระจกเงา ใหกําหนดคา 1 โดยที่โปรแกรม กําหนดมาให MIRRTEXT = 0 ไมมีการพลิกกลับตัวอักษร
97
13/10/2549, 1:26
98
4.4 Modify4Offset | OFFSET | O | ใชสําหรับสรางเสนคูข นานกับเสนตรง เสนโคง วงกลมหรือวงรีทมี่ อี ยูแ ลวดังรูปที่ 4.6
2D Drafting
รูปที่ 4.6 Before
After Command: _offset
{จากรูปที่ 4.6 ใหแนใจวา OSNAP # อยูใ นสถานะปด}
Current settings: Erase source=No Layer=Source OFFSETGAPTYPE=0
10 {กําหนดระยะหาง ของเสนคูข นานทีจ่ ะสรางหรือเลือกตัวเลือก T, E, หรือ L} Select object to offset or [Exit/Undo] <Exit>: {คลิกบนเสนตรงหรือเสนโคงตนฉบับ} Specify point on side to offset or [Exit/Multiple/Undo] <Exit>{คลิก ณ ตําแหนงใดๆ บน พืน้ ทีว่ าดภาพดานทีต่ อ งการใหปรากฏเสนคูข นานหรือพิมพตวั เลือก M หรือ U} Select object to offset or [Exit/Undo] <Exit>: {คลิกบนเสนตรงหรือเสนโคงทีต ่ อ งการสรางเสน คูข นานเสนตอไป} Specify point on side to offset or [Exit/Multiple/Undo] <Exit> {คลิก ณ ตําแหนงใดๆ บน พืน้ ทีว่ าดภาพดานทีต่ อ งการใหปรากฏเสนคูข นาน} Select object to offset or [Exit/Undo] <Exit>: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ยุตกิ ารใชคาํ สัง่ } Specify offset distance or [Through/Erase/Layer] :
เราสามารถใชตัวเลือก Through โดยการพิมพ T ในบรรทัด Specify offset distance or [Through] <0.0000>: จะ ปรากฏขอความ Specify through point: ใหคลิกตรงตําแหนงซึ่งเสนคูข นานที่ตอ งการจะลากผาน ซึง่ เราสามารถที่จะ สรางเสนคูขนานผานจุดใดๆ ก็ได หากตองการสรางเสนคูขนานใหม แลวลบเสนตนฉบับ ใหเลือกตัวเลือก Erase โดยพิมพ E จะปรากฏขอความ Erase source object after offsetting? [Yes/No] : ใหพิมพ Y หากตองการ เปลีย่ นเลเยอรของเสนคูขนานไปอยูใ นเลเยอรใหม กอนใชคําสั่งนี้ ใหกําหนดเลเยอรเปาหมายเปนเลเยอรใชงานใน แถบรายการควบคุมเลเยอร แลวเรียกคําสั่งนี้ออกมาใชงาน เลือกตัวเลือก Layer โดยพิมพ L เมือ่ ปรากฏขอความ Enter layer option for offset objects [Current/Source] <Source>: ใหพมิ พ C เพือ่ เลือกเลเยอรเปาหมายเปนเลเยอรใชงาน หากตองการใหคําสัง่ นี้ทํางานอยางตอเนื่องโดยเลือกเสนตนฉบับเพียงครั้งเดียวแตสามารถสรางเสนคูขนานหลายๆ เสนโดยไมตอ งเสียเวลาเลือกวัตถุตนฉบับใหมทกุ ครั้ง ใหเลือกตัวเลือก Multiple โดยพิมพ M
4.5 Modify4Array | ARRAY | AR | ใชสําหรับคัดลอกวัตถุ(Objects)คราวละหลายๆ รูป ซึง่ แบงการคัดลอกออกเปน 2 แบบคือแบบเปนแถวและคอลัมน (Rectangular array)ดังรูป 4.7 และแบบหมุนรอบแกน(Polar array)ศูนยกลางของวงกลมดังรูปที่ 4.11
4.5.1 การใชคาํ สัง่ Array แบบ Rectangular
เมื่อเรียกคําสั่ง Array ออกมาใชงาน จะปรากฏไดอะล็อค Array ดังรูปที่ 4.8 (ซาย) โดยที่โปรแกรมกําหนดให Rectangular Array เปนโหมดใชงาน ใหคลิกบนปุม ไอคอน Select objects แลวเลือกวัตถุทตี่ อ งการคัดลอกแบบ อะเรย ในทีน่ ี้คลิกบนสี่เหลี่ยมจัตรุ ัสตรงจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เพื่อกลับสูไ ดอะล็อค กําหนดจํานวนแถวในอิดทิ บอกซ Rows กําหนดจํานวนคอลัมนในอิดทิ บอกซ Columns ปอนระยะหางระหวางแถวเขาไปในอิดิทบอกซ Row Offset
chap-04.PMD
98
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
กอ นใชคําสั่ง
99
รูปที่ 4.7
หลังใชคําสั่ง
ปอนระยะหางระหวางคอลัมนเขาไปในอิดทิ บอกซ Column Offset ในทีน่ ี้ Row Offset = -45, Column Offset = 40 แลวคลิกบนปุม Preview เพือ่ ตรวจ สอบความถูกตอง จะปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 4.8 (ขวา) หากการคัดลอกแบบอะเรยปรากฏไมถกู ตอง ใหคลิกบนปุม Modify หากปรากฏอะเรยถกู ตอง แลว ใหคลิกบนปุม Accept เพือ่ ยอมรับ รูปที่ 4.8
Note
ในการกําหนดระยะหางระหวางแถว(Row Offset)และระยะหางระหวางคอลัมน(Column Offset) แทนที่เราจะพิมพคาระยะหางเขาไปในไดอะล็อค เราสามารถคลิกบนปุม ที่อยูบนแถวเดียวกับ Row Offset แลวคลิกจุดสองจุดบนพื้นที่วาดภาพ เพื่อกําหนดระยะหางระหวางแถวหรือคลิกบนปุม ที่อยูบนแถวเดียวกับ Column Offset แลวคลิกจุดสองจุดบนพื้นที่วาดภาพ เพื่อกําหนดระยะหาง ระหวางคอลัมนหรือคลิกบนปุม แลวคลิกจุดสองจุดบนพืน้ ทีว่ าดภาพ เพือ่ กําหนดระยะหางระหวาง แถวและคอลัมนไปพรอมๆ กันในคราวเดียว
Note
หากเราตองการสราง Rectangular Array ทีท่ ํามุมเอียงใดๆ เราสามารถปอนคามุมเอียงหรือคลิกบนปุม แลวคลิกจุดสองจุดบนพืน้ ทีว่ าดภาพ เพือ่ กําหนดมุมเอียงทีต่ อ งการดังตัวอยางรูปที่ 4.9 โดยกอนอืน่ ในขณะที่อยูบนไดอะล็อค Array คลิกบนปุม Select Objects แลวเลือกเสนขั้นบันไดโดยคลิกจุดที่ 1 และ 2 ตามลําดับเพื่อเลือกวัตถุแบบ Window แลวกําหนดมุมเอียง โดยคลิกบนปุม ของ Angle of array แลวคลิกตรงจุดที่ 3 และ 4 คาของมุมเอียงจะปรากฏบนไดอะล็อค กําหนดจํานวนแถว Row = 1 จํานวน Column = 5 แลวกําหนดระยะหางระหวางคอลัมน โดยคลิกบนปุม ของ Column Offset แลวคลิกตรงจุดที่ 3 และ 4 แลวคลิกบนปุม Preview จะปรากฏดังรูปที่ 4.9 (ขวา)
กอ นใชคําสั่ง
chap-04.PMD
99
รูปที่ 4.9
หลังใชคําสั่ง
13/10/2549, 1:26
100
4.5.2 การใชคาํ สัง่ Array แบบ Polar ในการคัดลอกวัตถุแบบหมุนรอบแกน เมื่อเรียก คําสั่ง Array ออกมาใชงาน จะปรากฏไดอะล็อค Array คลิกบนปุม เรดิโอ Polar Array เพือ่ เขาสูโ หมด การคัดลอกแบบ Polar Array จะปรากฏไดอะล็อค Select ดังรูปที่ 4.10 ใหคลิกบนปุมไอคอน objects แลวเลือกวัตถุทตี่ อ งการคัดลอกแบบอะเรย ในทีน่ ี้คลิกตรงจุดที่ 1 และ 2 ของรูปที่ 4.11 (ซาย) เพื่อเลือกวัตถุทั้งหมดแบบ Window แลวคลิกขวา เพือ่ กลับสูไ ดอะล็อค คลิกบน ปุม ของ Center point เพือ่ กําหนดจุดหมุนของอะเรย ในทีน่ คี้ ลิกตรง รูปที่ 4.10 จุดที่ 3 แลวกําหนดจํานวนนับในอิดทิ บอกซ Total number of items ในที่นกี้ ําหนดจํานวนนับเทากับ 8 นอกนั้นใชคา ที่โปรแกรมกําหนดมาให ตอไปลองคลิกบนปุม Preview เพื่อตรวจสอบความถูกตอง จะปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 4.8 (ขวา) หากการคัดลอกแบบอะเรยปรากฏ ไมถกู ตอง คลิกบนปุม Modify หากปรากฏอะเรยถกู ตอง คลิกบนปุม Accept จะปรากฏดังรูปที่ 4.11 (ขวา)
2D Drafting
โดยปกติ Polar Array จะถูกสรางขึน้ รอบ จุดศูนยกลางของวงกลม 1 รอบหรือ 360 องศา หากเราต องการสร า งอะเรย ไม ครบรอบของวงกลม เราสามารถระบุคา มุมทีต่ องการในอิดิทบอกซ Angle to fill คามุมเปนบวก อะเรยจะหมุนทวนเข็ม นาฬิกา คามุมเปนลบ อะเรยจะหมุนตาม รูปที่ 4.11 เข็มนาฬิกาดังรูปที่ 4.12 เรายังสามารถ เปลีย่ นวิธกี ารสรางอะเรยในแถบรายการ Method โดยเราสามารถเปลีย่ นจากจํานวนรวมและมุมรวม(Total number of items & Angle to fill)หรือจํานวนรวมและมุมของแตละชิน้ (Total number of items & Angle between items)หรือมุมรวม และมุมของแตละชิน้ (Angle to fill & Angle between items) Total number of items =8 Angle to fill = -90
Total number of items =8 Angle to fill = 180
Total number of items =8 Angle to fill = 90
Total number of items =8 Angle to fill = -180
รูปที่ 4.12
Total number of items =16 Angle to fill = 270
chap-04.PMD
100
Total number of items =16 Angle to fill = -270
Total number of items =16 Angle to fill = 360
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
101
4.6 Modify4Move | MOVE | M | ใชสําหรับเคลือ่ นยายวัตถุ(Objects)ไปยังตําแหนงใหมดงั รูปที่ 4.13
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.13
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.13 (ซาย) ใหแนใจวา OSNAP # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ ใชโหมดการเลือกวัตถุทตี่ อ งการเคลือ่ นยายแบบ Window หรือ คลิกบนจุดที่ 3 เพียงจุดเดียวก็ได เนือ่ งจากเสนสวนประกอบตางๆ ของอางน้าํ ถูกทําใหเปนบล็อค เสนสวนประกอบของอางน้าํ จึงถูกเลือกทัง้ หมด เมือ่ ใชเมาสคลิกบนเสนใดๆ ของอางน้าํ } Select objects: {คลิกขวาหรือ Q} Specify base point or [Displacement] : {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 4 แลว คลิกซายเมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือ เพือ่ กําหนดจุดฐานหรือจุดอางอิงในการเคลือ่ นยาย} Specify second point or <use first point as displacement>: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 5 แลวคลิกซายเมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือ หรือคลิกบนปุม แลวคลิกจุดที่ 5 เพือ่ กําหนด ระยะแทนทีจ่ ะปรากฏดังรูปที่ 4.13 (ขวา)} Command: _move
Select objects:
chap-04.PMD
Note
โดยปกติ หากเราตองการเคลือ่ นยายวัตถุไปยังตําแหนงใดๆ ในบรรทัด Select objects: เราจะเลือกวัตถุที่ ตองการเคลือ่ นยายทัง้ หมดเสียกอน แลวคลิกขวาเพื่อออกจากโหมด Select objects: จากนัน้ จึงกําหนด จุด Base point ณ ตําแหนงใดๆ ทีส่ ามารถใชเปนจุดอางอิง โดยปกติ จุด Base point มักจะตองอยูใกลๆ หรืออยูบ นจุดใดจุดหนึง่ ของวัตถุทตี่ อ งการเคลือ่ นยายเสมอ แลวจึงกําหนดจุด Displacement ณ ตําแหนง เปาหมายที่ตองการเคลื่อนยายวัตถุ
Note
จากรูปที่ 4.13 (ซาย) หากตองการเคลื่อนยายอางน้ําหางจากตําแหนงเดิมไปทางซายในแนวนอน 0.5 หนวย ในบรรทัดขอความ Specify base point or [Displacement] : ใหคลิกขวา เพื่อ ใชตัวเลือก Displacement จะปรากฏขอความ Specify displacement <0.0000, 0.0000, 0.0000>: ให พิมพแอบโซลุทคอรออรดเิ นท -0.5,0 หรือแอบโซลุทโพลารคอรออรดเิ นท 0.5<180
Note
จากรูปที่ 4.13 (ซาย) หากตองการเคลื่อนยายอางน้ําหางจากตําแหนงเดิมไปทางซายในแนวนอน 0.1 และลงดานลางในแนวดิ่ง 0.1 หนวย ในบรรทัดขอความ Specify base point or [Displacement] : ใหคลิกขวา เพือ่ ใชตวั เลือก Displacement จะปรากฏขอความ Specify displacement <0.0000, 0.0000, 0.0000>: ใหพิมพแอบโซลุทคอรออรดเิ นท -0.1,-0.1
101
13/10/2549, 1:26
102
4.7 Modify4Rotate | ROTATE | RO | ใชสําหรับหมุนวัตถุ(Objects)ใหเอียงทํามุมรอบจุดศูนยกลางทีก่ าํ หนดดังรูปที่ 4.14
กอ นใชคําสั่ง Command: _rotate
รูปที่ 4.14
2D Drafting
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.14 (ซาย) ใหแนใจวา OSNAP # อยูใ นสถานะเปด}
Current positive angle in UCS: ANGDIR=counterclockwise ANGBASE=0
{คลิกตรงจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ ใชโหมดการเลือกแบบ Window} Select objects: {พิมพ R เลือกนําวัตถุบางชิน ้ ออกจากกลุม การเลือก} Remove objects: {คลิกตัวอักษรตรงจุดที่ 3 และคลิกบนเสนตรงจุดที่ 4 เพือ ่ นําออกจากกลุม การเลือก} Remove objects: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ออกจากโหมดการเลือกวัตถุออกจากกลุม } Specify base point: {กําหนดจุดหมุน โดยเลือ ่ นเคอรเซอรไปตรงจุดทีต่ อ งการใชเปนจุดหมุน จนกระทัง่ ปรากฏมารคเกอร หรือ ตรงจุดที่ 5 แลวคลิกซาย หากไมปรากฏมารคเกอรดงั กลาว เรา สามารถคลิกบนปุม ไอคอน หรือ แลวเลือ่ นเคอรเซอรกลับไปยังจุดที่ 5 แลวคลิกซาย} Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: 215 {กําหนดคามุม 215 องศา เพือ ่ หมุน วัตถุทวนเข็มนาฬิกา แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่ 4.14 (ขวา)} Select objects:
Note
จากตัวอยางขางบนนี้ เราสามารถเลือกวัตถุทตี่ อ งการหมุนโดยใชโหมด Window แลวนําวัตถุบางชิ้น ที่ถกู เลือก แตไมตอ งการเลือกออกจากกลุม โดยใชตวั เลือก R หรือ Remove
Note
ในบรรทัด Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0>: เราสามารถพิมพ C เพื่อเลือกตัวเลือก Copy หากไมตอ งใหโปรแกรมลบวัตถุตน ฉบับ ตัวเลือก Copy เปนฟเจอรใหมใน AutoCAD 2006
กอ นใชคําสั่ง
chap-04.PMD
102
รูปที่ 4.15
หลังใชคําสั่ง
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
103
การหมุนวัตถุทไี่ ดแสดงตัวอยางไปแลวนัน้ เปนการหมุนโดยอางอิงจากคามุมเดิมของวัตถุทตี่ อ งการหมุน หากเราไม ทราบวาคามุมเดิมของวัตถุทตี่ อ งการหมุนทํามุมกีอ่ งศาดังรูปที่ 4.15 (ซาย) แตเราตองการหมุนวัตถุดงั กลาวใหชไี้ ปที่ 45 องศา จากแนวแกน X ดังรูปที่ 4.15 (ขวา) เราจะใชคา มุม 45 องศาในบรรทัดขอความ Rotation angle ไมได เนือ่ ง จากคามุม 45 องศาจะทําใหวตั ถุหมุนจากมุมเดิมเพียง 45 องศาทวนเข็มนาฬิกา แตมุมทีต่ องการนัน้ วัดจากแกน X (0 องศา) ทํามุม 45 องศา ดังนัน้ คามุมทีต่ อ งหมุนวัตถุจากการประมาณดวยสายตาคราวๆ ประมาณ 100 กวาองศา ถาเราจะระบุ Rotation angle เราตองใชคําสัง่ DIST วัดมุมปจจุบนั ของวัตถุเสียกอน แลวจึงนําคาดังกลาวมาใชเปน ตัวตัง้ แลวลบดวยคามุม 45 องศา จึงจะไดคา มุมทีน่ ําไปกําหนดในบรรทัด Rotation angle แตถา หากเราไมตอ งการเสีย เวลาวัดมุมและหักลบเพือ่ ใหไดคา มุมทีต่ อ งการ เราสามารถใชตวั เลือก Reference ในคําสัง่ ROTATE ดังขัน้ ตอนตอไปนี้ Command: _rotate
{จากรูปที่ 4.15 (ซาย) ใหแนใจวา OSNAP # อยูใ นสถานะเปด}
Current positive angle in UCS: ANGDIR=counterclockwise ANGBASE=0
{คลิกตรงจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ ใชโหมดการเลือกแบบ Window} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q} Specify base point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 3 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือ หรือ เพือ่ กําหนดจุดหมุน} Specify rotation angle or [Reference]: R {พิมพ R เพือ ่ เลือกตัวเลือก Reference} Specify the reference angle <0>: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 3 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร เพือ่ กําหนดจุดแรกของมุมอางอิง} Specify second point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 4 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร หรือ หรือ เพือ่ กําหนดจุดทีส่ องของมุมอางอิง} Specify the new angle: 45 {พิมพคา มุม 45 องศา ชิน ้ งานจะถูกหมุนไปเอียงทํามุม 45 องศากับ แนวแกน X ดังรูปที่ 4.15 (ขวา)} Select objects:
4.8 Modify4Scale | SCALE | SC | ใชสําหรับเปลีย่ นขนาดวัตถุ(Objects)หรืออีกนัยหนึง่ คือการเปลีย่ นสเกลแฟคเตอรใหกบั วัตถุ Scale factor = 1/5 หรือ 0.2
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.16
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.16 (ซาย) ใหแนใจวา OSNAP # อยูใ นสถานะเปด} Select objects: {คลิกตรงจุดที่ 1 เพือ ่ เลือกวัตถุทตี่ อ งการเปลีย่ นสเกล เนือ่ งจากวัตถุเปนบล็อคจึงไมจาํ เปน ตองเลือกวัตถุแบบ Window} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q} Specify base point: {คลิกบนปุม (Nearest) เลือ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 2 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏ มารคเกอร เพือ่ กําหนดจุดยึดในการเปลีย่ นสเกลใหอยูบ นเสนตรง ณ จุดทีใ่ กลเมาสคลิกมากทีส่ ดุ } Command: _scale
chap-04.PMD
103
13/10/2549, 1:26
104 {กําหนดคาสเกลแฟคเตอร 0.2 เพือ่ ลดขนาดของวัตถุลงจาก เดิม 5 เทาหรือ 20 เปอรเซนตของขนาดเดิม}
Specify scale factor or [Reference]:
2D Drafting
Note
ถาตองการเปลีย่ นสเกลใหวตั ถุมขี นาดใหญขนึ้ จากเดิมสองเทาจะตองใชสเกลแฟคเตอรเทากับ 2 ถาตอง การเปลี่ยนสเกลใหวัตถุมีขนาดใหญขึ้นจากเดิมหาเทาจะตองใชสเกลแฟคเตอรเทากับ 5 ถาตองการ เปลีย่ นสเกลใหวตั ถุมีขนาดเล็กลงจากเดิมสิบเทาจะตองใชสเกลแฟคเตอรเทากับ 0.1
จากการเปลี่ยนสเกลวัตถุขา งตนนี้ ใชในกรณีที่ตองการเปลี่ยนสเกลโดยอางอิงจากขนาดเดิมของวัตถุ หากเรา จําเปนตองเปลีย่ นสเกลวัตถุโดยทีต่ องการใหสว นใดสวนหนึ่งของวัตถุมีความยาวที่ตองการ เราจะตองใชตัวเลือก Reference แทน ตัวอยาง เชน สมมุติวาเราตองการเปลี่ยนสเกลของสัญลักษณบานประตูดังรูปที่ 4.17 (ซาย) เพือ่ ใหความกวางของประตูมขี นาดฟตพอดีกบั ชองประตูดงั รูปที่ 4.17 (ขวา) ในขณะนีเ้ ราไมทราบวาสัญลักษณบาน ประตูมขี นาดเทาใด แตเราทราบวา เมือ่ เปลีย่ นสเกลเสร็จเรียบรอยแลว สัญลักษณบานประตูจะตองมีขนาดฟตพอดีกบั วงกบผนัง ซึง่ มีระยะเทากับ 2 เมตร การเปลีย่ นสเกลในลักษณะนี้ เราไมสามารถกําหนดสเกลแฟคเตอรได (ถึงทําไดกจ็ ะ ตองกดเครือ่ งคิดเลข ซึง่ จะเสียเวลาพอสมควร) เราสามารถใชตวั เลือก Reference ในการแกไขปญหาไดดงั ตอไปนี้
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.17
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.17 (ซาย) ใหแนใจวา OSNAP # อยูใ นสถานะเปด} {คลิกตรงจุดที่ 1 และ 2 เพือ่ เลือกสัญลักษณบานประตูแบบ Window} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q} Specify base point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 3 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร } Specify scale factor or [Copy/Reference] <5.0000>: R {พิมพ R เพือ ่ เลือกตัวเลือก Reference} Specify reference length <1>:{เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 3 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร } Specify second point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 4 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏมารคเกอร } Specify new length or [Points] <1.0000>: 2 {พิมพ 2 เพือ ่ กําหนดความกวางใหมของบานประตู หรือเลือ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหคลิกซาย สัญลักษณบานประตูจะ ขยายพอดีระยะ 2 หนวยดังรูปที่ 4.17 (ขวา)} Command: _scale
Select objects: 1 found
chap-04.PMD
Note
เนือ่ งจากสัญลักษณบานประตูซงึ่ ประกอบไปดวยเสนตรงและเสนโคงตางๆ ไมไดถกู ทําใหเปนบล็อค จึงมีสว นประกอบเปนวัตถุหลายชิน้ ดังนัน้ ในบรรทัด Select objects: เราจึงเลือกวัตถุโดยลอมกรอบบาน ประตูแบบ Window
Note
ในบรรทัด Specify scale factor or [Copy/Reference] <0.0000>: เราสามารถพิมพ C เพื่อเลือกตัวเลือก Copy หากไมตอ งใหโปรแกรมลบวัตถุตน ฉบับ ตัวเลือก Copy เปนฟเจอรใหมใน AutoCAD 2006
104
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ Note
105
ในบรรทัด Specify new length or [Points] <1.0000>: หากเราไมตองการพิมพระยะ ตองการใชเมาส คลิกจุด 2 จุด เพื่อกําหนดความยาวใหม เราสามารถพิมพ P เพื่อเลือกตัวเลือก [Points] จะปรากฏ ขอความ Specify first point: คลิกตรงจุดใดๆ เพือ่ กําหนดจุดเริ่มตน จะปรากฏขอความ Specify second point: คลิกตรงจุดสิ้นสุดของระยะ New length ที่ตอ งการอางอิง
4.9 Modify4Stretch | STRETCH | S | ใชสําหรับยืดวัตถุใหขยายออกหรือหดวัตถุใหสั้นลงดังรูปที่ 4.18 คําสัง่ นีม้ ปี ระโยชนตอการเขียนแบบเปนอยางมาก เนือ่ งจากเมือ่ มีการกําหนดขนาดชิน้ งานผิดพลาด เราสามารถแกไขขนาดของชิน้ งาน โดยไมตอ งลบและสรางชิน้ งาน ขึน้ มาใหม หากตองการแกไขระยะหาง 50 หนวยในรูปที่ 4.18 (ซาย) ใหกลายเปน 70 หนวย เราสามารถใชคําสัง่ ดังนี้
กอ นใชคําสั่ง Command: _stretch
รูปที่ 4.18
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.18 (ซาย)}
Select objects to stretch by crossing-window or crossing-polygon...
{คลิกจุดที่ 1 และ 2 ตามลําดับ เพือ่ เลือกวัตถุในโหมด Crossing} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q} Specify base point or [Displacement] : {คลิกจุดที่ 3 หรือจุดใดๆ บนพืน ้ ที่ วาดภาพ เพือ่ กําหนดจุดอางอิง หรือคลิกขวา เพือ่ เลือกตัวเลือก Displacement} Specify second point or <use first point as displacement>: @20<0 {พิมพคารีเลทีฟ คอรออรดเิ นท @20<0 หรือเลือ่ นเมาสทางขวาในแนวนอน แลวพิมพ 20 แลวกดปุม Q เพือ่ กําหนดระยะหาง 20 หนวยไปทางขวา ระยะหางของชองวางทีเ่ ปดอยูจ ะเปลีย่ นจาก 50 หนวยเปน 70 หนวยดังรูปที่ 4.18 (ขวา)} Select objects:
chap-04.PMD
Note
ในการทําให Objects ยืดหรือหดดวยคําสั่ง Stretch เราจะตองเลือก Objects ในโหมด Crossing เทานั้น การใชเมาสคลิกเพือ่ กําหนดกรอบสีเ่ หลีย่ มชัว่ คราวลอมรอบสวนทีต่ อ งการทําใหยดื หรือหดจากขวาไป ทางซายเปนการกําหนดการเลือกแบบ Crossing โดยอัตโนมัติ
Note
ความยาวที่ยืดออกไปของชิ้นงานขึ้นอยูกับระยะทางจากจุด Specify base point or [Displacement] : ถึงจุด Specify second point or <use first point as displacement>: หรือจุดทีถ่ ูกแทน ที่ซึ่งเทากับระยะทาง 20 หนวยไปตามแนวแกน +X หรือ @20<0 องศา
Note
ในบรรทัดขอความ Specify base point or [Displacement] : เราสามารถคลิกขวา เพื่อใชตัวเลือก Displacement จะปรากฏขอความ Specify displacement <0.0000, 0.0000, 0.0000>: ใหพมิ พแอบโซลุทคอรออรดเิ นท 20,0
105
13/10/2549, 1:26
106
2D Drafting รูปที่ 4.19
Note
จากรูปที่ 4.18 (ซาย) หากตองการแกไขระยะ 45 หนวยใหกลายเปน 25 หนวย ในบรรทัดขอความ Select objects: ใหคลิกจุดที่ 4 และจุดที่ 5 เพื่อเลือกแบบ Crossing ในบรรทัด Specify base point... ใหคลิก ณ ตําแหนงใดๆ บนพื้นที่วาดภาพ ในบรรทัด Specify second point... พิมพ @20<180 จะปรากฏดังรูปที่ 4.19 (ซาย)
Note
จากรูปที่ 4.18 (ซาย) หากตองการแกไขระยะ 60 หนวยใหกลายเปน 30 หนวย ในบรรทัดขอความ Select objects: ใหคลิกจุดที่ 6 และจุดที่ 7 เพื่อเลือกแบบ Crossing ในบรรทัด Specify base point... ใหคลิก ณ ตําแหนงใดๆ บนพืน้ ทีว่ าดภาพ ในบรรทัด Specify second point... พิมพ @30<270 จะปรากฏ ดังรูปที่ 4.19 (ขวา)
4.10 Modify4Length | LENGTHEN | LEN | ใชสําหรับเพิม่ หรือลดความยาวของเสนตรง LINE, PLINE หรือเสนโคง ARC โดยไมตอ งมีเสน ขอบเขต(Boundary) มาชวยในการตอเสน เราสามารถกําหนดความยาวทีเ่ พิม่ ขึน้ หรือลดลง(Delta)เปอรเซนตทเี่ พิม่ ขึน้ หรือลดลง(Percent) ความยาวจริงของเสน(Total) หรือใชเมาสลากเสนใหยาวขึน้ ได(Dynamic)ดังรูปที่ 14.20 Percent = 50
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.20
หลังใชคําสั่ง
Command: _lengthen
{คลิกบนเสนทีต่ อ งการทราบความยาว} {โปรแกรมจะรายงานคาความยาวเสนปจจุบนั } Select an object or [DElta/Percent/Total/DYnamic]: DE {พิมพตวั เลือกเพือ ่ เลือกวิธใี นการ ตอเสน} Enter delta length or [Angle] <0.0000>: 50 {พิมพคา ของตัวเลือกในการตอเสน} Select an object or [DElta/Percent/Total/DYnamic]: Current length: 100.0000
DElta ใชสําหรับเพิม่ ความยาวเสน โดยกําหนดระยะทีเ่ พิม่ ขึน้ (Delta)ทีต่ อ งการ แลวคลิกปลายเสนดานทีต่ อ งการเพิม่
ความยาว การใชเมาสคลิกปลายเสนแตละครัง้ จะทําใหความยาวเพิม่ ขึ้นทุกครัง้ ตามทีร่ ะบุใน Delta เมื่อเลือกตัวเลือก DElta โปรแกรมจะใหเรากําหนดคาทีเ่ พิม่ ขึน้ หรือเลือกตัวเลือก Angle เพือ่ ใชกบั เสนโคงเพือ่ ระบุมมุ ทีเ่ พิม่ ขึน้ ของสวน โคง(หากกําหนดคา Delta เปนลบ จะทําใหเสนหดสัน้ ลง) Percent ใชสําหรับกําหนดความยาวโดยอางอิงจากขนาด เดิมของเสนที่ ถูกเลือก โดยมีหนวยความยาวเปนเปอรเซ็ นต ถาต องการลดความยาวเสนลงครึ่ งหนึ่งใหปอนคา
chap-04.PMD
106
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
107
เปอรเซ็นตเทากับ 50 ถาตองการเพิ่มความยาวเสนขึน้ เปนสองเทาจากความยาวเสนเดิม ใหปอ นคาเปอรเซนตเทากับ 200 Total ใชสําหรับกําหนดคาความยาวจริงทั้งหมดของเสน โดยปอนคาความยาวเสนที่ตองการเปลี่ยนแปลง แลวคลิกบนปลายเสนดานทีต่ องการใหเกิดการเปลี่ยนแปลง DYnamic ใชตวั เลือกนี้ในกรณีที่ตอ งการเพิ่มหรือลด ความยาวเสน โดยใชเมาสลากเสนที่ตอ งการเพิม่ หรือลดความยาว เมือ่ พิมพตวั อักษร DY เพื่อใชตวั เลือก DYnamic จะปรากฏขอความ Select an object to change or [Undo]: คลิกบนปลายเสนดานที่ตองการเพิ่มหรือลดความยาว แลวเลือ่ นเมาสเพื่อเพิ่มหรือลดความยาวเสน แลวคลิกเพื่อกําหนดความยาวทีต่ องการ
4.11 Modify4Trim | TRIM | TR | ใชสาํ หรับตัดเสนตรง เสนโพลีไลน เสนโคง วงกลม วงรีและวัตถุอนื่ ๆ เปนตน การใชคําสัง่ นีจ้ ะใชกบั เสนตัง้ แตสองเสนขึน้ ไปทีต่ ดั กันหรือพาดผานกัน อยางไรก็ตาม เราสามารถกําหนดตัวเลือกของคําสัง่ นีใ้ หใชกบั เสนทีไ่ มตดั กันจริงๆ ได ในการตัดเสนดวยคําสัง่ TRIM เราจะตองเลือกเสนทีใ่ ชเปนขอบเขตในการตัดหรือขอบตัด ซึง่ เราเรียกวา “cutting edge” และจะตองเลือกเสนทีจ่ ะถูกตัดเฉือน ซึง่ เรียกวา “object to trim” ดังนัน้ กอนทีจ่ ะทําการตัดเสน เราจะตองสามารถที่ จะแยกออกวาเสนใดทําหนาทีเ่ ปนขอบตัดและเสนใดทําหนาทีเ่ ปนเสนทีถ่ กู ตัดหรือเสนใดใชเปนจุดเริม่ ตนและจุดสิน้ สุด ในการตัด เมือ่ เราสามารถแยกหนาทีข่ องเสนออก เราก็สามารถใชคําสัง่ TRIM ตัดเสนไดอยางรวดเร็ว
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.21
หลังใชคําสั่ง
chap-04.PMD
107
13/10/2549, 1:26
108 Command: _trim
{จากรูปที่ 4.21 (บน)}
{โปรแกรมรายงานโหมดในการตัด} {โปรแกรมบอกใหเราเลือกขอบตัด} Select objects or <select all>: {คลิกบนเสนตรงจุดทีต ่ อ งการใชเปนเสนขอบตัดหรือคลิกขวา เพือ่ ใหโปรแกรมเลือกวัตถุทงั้ หมดเปนขอบตัด} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q เมือ ่ ไดเลือกเสนทีท่ ําหนาทีเ่ ปนขอบตัดทัง้ หมดแลว} Current settings: Projection=UCS Edge=None
2D Drafting
Select cutting edges ...
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/
{คลิกบนเสนตรงจุดตางๆ ทีต่ อ งการตัดหรือพิมพ F เพือ่ กําหนดโหมดการเลือก โหมด Fence แลวลากเสนพาดผานเสนทีต่ อ งการตัดหรือคลิกมุมลางดานขวา คลิกมุมบนดานซาย เพือ่ ลอมกรอบเสนทีต่ อ งการตัดแบบ Crossing} eRase/Undo]:
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/ eRase/Undo]:
{คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ยุตกิ ารใชคาํ สัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.21 (ลาง)}
Note
วิธีทงี่ ายที่สดุ ในการใชคําสั่ง TRIM ตัดเสนคือเราจะตองคลิกขวา ในบรรทัด Select objects or <select all>: เพือ่ ใหโปรแกรมเลือกวัตถุทั้งหมดเปนขอบตัด(Cutting edge)โดยอัตโนมัติ เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/eRase/Undo]: เราก็ สามารถใชเมาสคลิกบนเสน ณ ตําแหนงทีต่ อ งการตัดเสนทิง้ ไปไดทันที แตวธิ นี จี้ ะไมสะดวกในกรณีที่ ตองการตัดเสนที่มีเสนอื่นๆ พาดผานหลายๆ เสน เพราะจะทําใหเราตองเสียเวลาตัดเซกเมนตตางๆ ของเสนทีถ่ ูกเสนอื่นๆ พาดผานจนกวาจะเหลือเซกเมนตของเสนที่เราตองการ
Note
หากตัดเสนดวยคําสั่ง TRIM แลวพบวาไมสามารถตัดเสนนั้นตอไปไดอีก ในบรรทัด Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/eRase/Undo]: เราสามารถพิมพ R เพือ่ เลือกตัวเลือก eRase เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects to erase or <exit>: เราสามารถคลิกบนเสน ที่ตอ งการลบ แลวคลิกขวา โดยทีไ่ มจําเปนตองออกจากคําสั่ง TRIM
4.11.1 การใชคาํ สัง่ TRIM ตัดเสนทีไ่ มไดตดั กันจริง โดยทีโ่ ปรแกรมกําหนดมาใหคาํ สัง่ TRIM ไมสามารถตัดเสนทีไ่ มไดตดั หรือพาดผานกันจริง หากตองการตัดเสนทีไ่ มได พาดผานกันจริงดังรูปที่ 4.22 (ซาย) เราสามารถใชตวั เลือก Edge ของคําสัง่ TRIM เพือ่ ตัดเสนใหปรากฏดังรูปที่ 4.22 (ขวา) โดยมีรายละเอียดดังนี้
กอ นใชคําสั่ง Command: _trim
หลังใชคําสั่ง
รูปที่ 4.22 {จากรูปที่ 4.22 (ซาย)}
Current settings: Projection=UCS Edge=None
{สังเกตุวา Edge =None}
Select cutting edges ... Select objects or <select all>:
{คลิกขวาหรือ Q}
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/
chap-04.PMD
108
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ eRase/Undo]:
109
E {พิมพ E เพือ่ เลือกตัวเลือก Edge}
Enter an implied edge extension mode [Extend/No extend] :
เพือ่ เลือกตัวเลือก Extend เพือ่ ตัดเสนทีไ่ มไดตดั กันจริง}
E {พิมพ E
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/
{คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ } {คลิกขวาหรือ Q เพือ่ เรียกคําสัง่ TRIM ออกมาใชงานอีกครัง้ } Current settings: Projection=UCS Edge=Extend {สังเกตุวา Edge = Extend} eRase/Undo]:
Command: TRIM
Select cutting edges ...
{คลิกบนเสนโคงจุดที่ 1 และเสนตรงจุดที่ 2 เพือ่ เลือกเสนขอบตัด} {คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ออกจากโหมดการเลือกเสนขอบตัด}
Select objects or <select all>: Select objects:
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/ eRase/Undo]:
{คลิกบนเสนตรงจุดที่ 3 และจุดที่ 4 เพือ่ เลือกปลายเสนทีจ่ ะถูกตัด}
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/ eRase/Undo]:
{คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ยุตกิ ารใชคาํ สัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.22 (ขวา)}
Fence ใชสําหรับตัดเสนจํานวนมากโดยลากเสนพาดผานเสนที่ตองการตัดทั้งหมด เมื่อใชตัวเลือกนี้ จะปรากฏ
ขอความ Specify first fence point: คลิกเพือ่ กําหนดจุดเริ่มตนของเสน Fence เมือ่ ปรากฏขอความ Specify next fence point or [Undo]: คลิกเพือ่ กําหนดจุดตอไปของ Fence ใหพาดผานเสนตางๆ แลวคลิกขวา เสนที่ถกู Fence พาดผาน ทัง้ หมดจะถูกตัด Crossing ใชสําหรับตัดเสนจํานวนมากเชนเดียวกัน โดยสรางกรอบสีเ่ หลีย่ มชัว่ คราวลอมรอบหรือ พาดผานเสนที่ตองการตัดทัง้ หมด อันที่จริง เราไมจําเปนตองพิมพตวั เลือก C เพือ่ กําหนดโหมดการเลือกเสนแบบ Crossing หากเราคลิกจุดแรกเพื่อกําหนดกรอบสีเ่ หลี่ยมชัว่ คราวทางดานขวากอน แลวจึงคลิกเพื่อกําหนดจุดมุมตรง ขามของสีเ่ หลีย่ มชั่วคราวทางดานซาย โปรแกรมจะกําหนดโหมดการเลือกแบบ Crossing ใหโดยอัตโนมัติ Project เปนตัวเลือกทีใ่ ชในการตัดเสนในระนาบ 3 มิติ Edge ใชสําหรับกําหนดโหมดตัดเสนทีข่ อบตัดไมไดพาดผานเสนที่ ตองการตัด โดยพิมพ E เพื่อเลือก Edge mode ซึ่งแบงออก เปน 2 โหมดคือ Extend โดยพิมพ E เพื่อเลือกโหมด Extend ซึง่ จะทําใหเสนทีไ่ มไดพาดผานกัน จะถูกตัดเสนได No extend ใชสําหรับกําหนดใหเสนจะตองพาดผานกัน จริง จึงจะสามารถตัดเสนได โดยพิมพ N เพือ่ เลือกโหมด No extend โปรแกรมกําหนดใหตวั เลือกนีเ้ ปนตัวเลือกใชงาน โดยทีข่ อบตัดและเสนที่จะถูกตัดจะตองบรรจบกันจริงๆ จึงจะสามารถตัดเสนได Erase ใชสําหรับลบเสนทีเ่ หลือ จากการตัดหรือลบวัตถุอนื่ ๆ โดยทีไ่ มจําเปนตองออกจากคําสัง่ TRIM Undo ยกเลิกการตัดเสนครัง้ กอน สามารถยอน กลับไปจนถึงจุดที่เริ่มตัดเสนได ในการตัดเสนทีย่ นื่ ออกไปจํานวนมากดังรูปที่ 4.23 (ซาย) เราควรใชตวั เลือก F (Fence) หรือ C (Crossing) ชวยในการ เลือกเสนทีต่ อ งการตัด เพราะเราจะไดไมตอ งเสียเวลาในการใชเมาสคลิกปลายเสนแตละเสนทีต่ อ งการตัด หากเสนทีย่ นื่ ออกไปมีจํานวนมาก เราจะตองใชตวั เลือก Fence โดยมีวธิ ีการใชงานดังตอไปนี้
กอ นใชคําสั่ง Command: _trim
รูปที่ 4.23
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.23 (ซาย)}
Current settings: Projection=UCS Edge=Extend
chap-04.PMD
109
13/10/2549, 1:26
110 Select cutting edges ...
{คลิกบนเสนตรงจุดที่ 1 เพือ่ ใชเปนขอบตัด} {คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ออกจากการเลือกเสนขอบตัด}
Select objects or <select all>: Select objects:
2D Drafting
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/
F {พิมพ F เพือ่ เลือกโหมด Fence} Specify first fence point: {คลิกตรงจุดที่ 2 เพือ ่ กําหนดจุดเริม่ ตนของ Fence} Specify next fence point or [Undo]: {คลิกตรงจุดที่ 3 และ 4 เพือ ่ กําหนดจุดที่ Fence พาดผาน} Specify next fence point or [Undo]: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ยุตกิ ารใช Fence เสนทุกเสนทีถ่ กู Fence จะถูกตัดออกทัง้ หมด eRase/Undo]:
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/ eRase/Undo]:
{คลิกตรงจุดที่ 5 และ 6 เพือ่ กําหนดโหมดการเลือกแบบ Crossing}
Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/ eRase/Undo]: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ยุตกิ ารใชโหมด Crossing เสนทุกเสนทีถ่ กู กรอบ Crossing พาดผานจะถูกตัดออกทัง้ หมดดังรูปที่ 4.23 (ขวา)
Note
ในระหวางที่กําลังอยูในคําสั่ง TRIM และปรากฏขอความ Select object to trim or shift-select to extend or [Fence/Crossing/Project/Edge/eRase/Undo]: เราสามารถเปลีย่ นจากคําสั่ง TRIM (ตัดเสน) ไปเปนคําสัง่ EXTEND (ตอเสน) โดยเพียงกดปุม S บนคียบอรดคางไว แลวคลิกบนเสนทีต่ อ งการ ตอใหพุงไปชนเสนขอบเขตไดทันที หากปลอยปุม S จะกลับสูค ําสั่งและทําคําสั่ง TRIM ตอไป
4.12 Modify4Extend | EXTEND | EX | ใชสําหรับตอเสนตรงและเสนโคงใหพงุ ไปชนเสนขอบเขตทีก่ าํ หนดดังรูปที่ 4.24
รูปที่ 4.24
กอ นใชคําสั่ง
หลังใชคําสั่ง
Command: _extend
{จากรูปที่ 4.24 (ซาย)}
Current settings: Projection=UCS Edge=None
หลังใชคําสั่ง
{โปรแกรมรายงานโหมด Edge}
Select boundary edges ...
{คลิกบนเสนตรงจุดที่ 1 เพือ่ เลือกเสนขอบเขตหรือคลิกขวา เพือ่ ใหโปรแกรมเลือกวัตถุทงั้ หมดเปนขอบเขตในการตอเสน} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ออกจากการเลือกเสนขอบเขต} Select objects or <select all>:
Select object to extend or shift-select to trim or [Fence/Crossing/Project/Edge/
{คลิกบนเสนทีต่ อ งการตอตรงจุดที่ 2, 3, 4, 5 และจุดที่ 6} Object does not intersect an edge. {โปรแกรมรายงานวาไมสามารถตอเสนที่ 2 และเสนที่ 6 ได เพราะเสนไมตดั กันจริง เนือ่ งจากโหมด Edge ไมเทากับ Extend) Undo]:
Select object to extend or shift-select to trim or [Fence/Crossing/Project/Edge/ Undo]:
chap-04.PMD
110
{คลิกขวา หรือ Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.24 (กลาง)}
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
111
Note
การเปลี่ยนโหมด Edge ในคําสั่ง TRIM จะมีผลการเปลี่ยนแปลงโหมด Edge ในคําสั่ง EXTEND ดวย ในทํานองเดียวกัน การเปลี่ยนโหมด Edge ในคําสั่ง EXTEND จะมีผลการเปลี่ยนแปลงโหมด Edge ในคําสั่ง TRIM ดวย อนึ่ง ในแบบฝกหัดของคําสั่ง TRIM ที่ผานมา เราไดปรับ Edge จาก No Extend เปน Extend มากอนแลว ถาเรามิไดเปนโหมด Edge ในคําสัง่ TRIM กลับเปน No Extend เราจะสามารถ ตอเสนที่ 2 และ 6 ไดทนั ที แตถา มีการเปลีย่ นโหมด Edge ในคําสัง่ TRIM กลับไปเปน Extend เราก็จะไม สามารถตอเสนที่ไมไดตอ กันจริงได
Note
โดยปกติ การตอเสนจะทําไดกต็ อ เมื่อเสนทีต่ อ งการตอจะตองวิ่งไปชนกับเสนขอบเขตจริงๆ เพราะวา โดยที่โปรแกรมกําหนดให โหมด Edge = No Extend อยางไรก็ตาม เราสามารถตอเสนพุงไปยังเสนที่ ไมไดชนกันจริง โดยปรับโหมด Edge ใหเปน Extend
Note
ในระหวางที่กําลังอยูในคําสั่ง EXTEND และปรากฏขอความ Select object to extend or shift-select to trim or [Fence/Crossing/Project/Edge/Undo]: เราสามารถเปลี่ยนจากคําสั่ง EXTEND (ตอเสน) ไปเปนคําสั่ง TRIM (ตัดเสน) โดยเพียงกดปุม S บนคียบอรดคางไว แลวคลิกบนเสนที่ตองการ ตัดทีพ่ าดผานเสนขอบเขตไดทันที หากปลอยปุม S จะกลับสูค ําสัง่ และทําคําสัง่ EXTEND ตอไป
4.12.1 การใชคาํ สัง่ EXTEND ในกรณีเสนไมสมั ผัสกันจริง โดยปกติ โปรแกรมจะกําหนดให Edge อยูใ นสถานะ No extend ซึง่ ในโหมดนี้ เราจะไมสามารถตอเสนทีไ่ มสมั ผัสกัน จริงได แตถา เราเปลีย่ น Edgeใหอยูใ นสถานะ Extend เราจะสามารถตอเสนทีม่ ไิ ดสมั ผัสกันจริงได โดยมีขนั้ ตอนเหมือน กับการเปลีย่ นโหมด Edge ของคําสัง่ TRIM ดังนี้ Command: _extend
{จากรูปที่ 4.24 (กลาง)}
Current settings: Projection=UCS Edge=None
{โปรแกรมรายงานโหมด Edge}
Select boundary edges ... Select objects or <select all>:
{คลิกขวาหรือ Q}
Select object to extend or shift-select to trim or [Fence/Crossing/Project/Edge/ Undo]: E {พิมพ E เพือ ่ เลือกตัวเลือก Edge} Enter an implied edge extension mode [Extend/No extend] :
เพือ่ เลือกตัวเลือก Extend เพือ่ ตอเสนทีไ่ มไดสมั ผัสกันจริง}
E {พิมพ E
Select object to extend or shift-select to trim or [Fence/Crossing/Project/Edge/ Undo]: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ออกจากคําสัง่ } Command:
{คลิกขวาหรือ Q เพือ่ เรียกคําสัง่ EXTEND ออกมาใชงานอีกครัง้ } {โปรแกรมรายงานโหมด Edge}
EXTEND Current settings: Projection=UCS Edge=Extend Select boundary edges ...
{คลิกบนเสนตรงจุดที่ 1 เพือ่ เลือกเสนขอบเขต} {คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ออกจากการเลือกเสนขอบเขต}
Select objects or <select all>: Select objects:
Select object to extend or shift-select to trim or [Fence/Crossing/Project/Edge/ Undo]:{คลิกบนเสนทีต ่ อ งการตอตรงจุดที่ 2 และจุดที่ 6} Select object to extend or shift-select to trim or [Fence/Crossing/Project/Edge/ Undo]:
chap-04.PMD
111
{คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.24 (ขวา)}
13/10/2549, 1:26
112
Modify4Break | BREAK | BR |
2D Drafting
ใชสาํ หรับตัดเสนโดยไมตอ งมีเสนขอบเขตในการตัด เรานิยมใชคาํ สัง่ นีใ้ นการตัดเสนสวนเกินแบบคราวๆ โดยไมตอ งการ ความละเอียดและความแมนยํา อาทิ เชน เสนประเซ็นเตอร(Center)ทีย่ น่ื ออกไปนอกชิน้ งานมากเกินไปอาจจะดูแลวไม สวยงาม เราเพียงตองการตัดเสนใหสนั้ ลงเทานัน้ โดยไมสนใจเรือ่ งขนาดและความแมนยํา เปนตน คําสัง่ นีจ้ ะทํางาน ไดดใี นการตัดเสนโดยใชสายตากะระยะในการตัดแบบคราวๆ อยางไรก็ตาม คําสัง่ นีส้ ามารถตัดตามระยะทีก่ าํ หนด อยางแมนยําไดเชนเดียวกัน จากรูป 4.25 (ซาย) เราจะลองตัดเสนแบบคราวๆ โดยใชสายตากะขนาด โดยมีขนั้ ตอน ดังตอไปนี้
กอ นใชคําสั่ง
Command: _break Select object:
รูปที่ 4.25
หลังใชคําสั่ง
{ปด OSNAP # แลวคลิกบนเสนจุดที่ 1} {คลิกนอกปลายเสนตรงจุดที่ 2 ปลายเสน
Specify second break point or [First point]:
จะถูกตัดทิง้ } {คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ BREAK} BREAK Select object: {คลิกบนเสนจุดที่ 3} Specify second break point or [First point]: {คลิกนอกปลายเสนจุดที่ 4 ปลายเสนจะถูกตัดทิง้ ทําซ้าํ คําสัง่ BREAK แลวคลิกตอไปตรงจุดที่ 5-6 จะปรากฏดังรูปที่ 4.25 (กลาง)} Command:
Note
วัตถุที่สามารถใชกับคําสั่งนี้ไดคือ LINE, PLINE, SPLINE, ARC, CIRCLE, DONUT, ELLIPSE, RECTANG, POLYGON สวนวัตถุที่ไมสามารถใชกับคําสั่งนี้ไดคือ MLINE, 2D SOLID, REGION
Note
ในการใชคําสัง่ BREAK โดยการใชเมาสคลิกเพือ่ กําหนดตําแหนงลงบนเสนโดยตรง เราควรปดโหมด ออฟเจกทสแนป(OSNAP)ไวชวั่ คราวกอน โดยกดปุมฟงชั่นคีย # เพือ่ ปองกันมิใหกําหนดตําแหนง ผิดพลาด
จากรูป 4.25 (ซาย) หากตองการตัดเสน โดยการปอนคาระยะหาง เพือ่ ตัดปลายเสนทุกเสนใหมคี วามยาวยืน่ ออกจาก วงกลมดานละ 15 หนวย เราสามารถทําตามขัน้ ตอนดังตอไปนี้ {เปด OSNAP # คลิกบนเสนทีต่ อ งการตัดตรงจุดใดๆ บนเสน} Specify second break point or [First point]: F {พิมพ F เพือ ่ กําหนดจุดเริม่ ตนตัดเสนใหม} Command: _break Select object:
chap-04.PMD
112
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
113
{คลิกบนปุม หรือกดปุม S คางไวแลวคลิกขวา เลือกออฟเจกท สแนป From} _from Base point: {เลือ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 7 แลวคลิกซาย เมือ่ ปรากฏ มารคเกอร } : @15<180 {พิมพพก ิ ดั รีเลทีฟคอรออรดเิ นท @15<180 เพือ่ กําหนดระยะหางของจุดเริม่ ตัด} Specify second break point: {คลิกตรงจุดที่ 2 เสนตรงจะถูกตัดเหลือเพียงสวนทีย ่ นื่ ออกไปจาก วงกลมโดยมีระยะเทากับ 15 หนวย แลวใชวธิ เี ดียวกัน กับเสนทีเ่ หลืออยูท งั้ หมด จะปรากฏดังรูปที่ 4.25 (ขวา) สังเกตุวา ปลายเสนทีย่ นื่ ออกจากวงกลมทุกเสนจะมีความยาว 15 หนวยเทากันทุกเสน} Specify first break point:
จากรูป 4.26 (ซาย) หากตองการตัดเสนตรงกลางดานลางของชิน้ งานทิง้ ไป โดยกําหนดใหเหลือเสนดานขางยาวดานละ 50 หนวยเทาๆ กันทัง้ สองดาน เราสามารถทําตามขัน้ ตอนดังนี้
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.26
หลังใชคําสั่ง
{เปด OSNAP # แลวคลิกบนเสนตรงจุดที่ 1} Specify second break point or [First point]: F {พิมพ F เพือ ่ กําหนดจุดเริม่ ตนตัดใหม} Specify first break point: {คลิกบนปุม หรือกดปุม S คางไวแลวคลิกขวา เลือกออฟเจกท สแนป From} _from Base point: {เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 2 คลิกซาย เมือ่ ปรากฏ มารคเกอร ตรงจุดที่ 2 } : @50<0 {พิมพระยะออฟเซทรีเลทีฟคอรออรดเิ นท @50<0 เพือ่ กําหนดระยะหางของจุดเริม่ ตัด} Specify second break point: {คลิกบนปุม หรือกดปุม S คางไวแลวคลิกขวา เลือก ออฟเจกทสแนป From} Base point: {เลือ่ นเคอรเซอรไปยังจุดที่ 3 คลิกซาย เมือ่ ปรากฏ มารคเกอร ตรงจุดที่ 3 } : @50<180 {พิมพระยะออฟเซทรีเลทีฟคอรออรดเิ นท @50<180 เพือ่ กําหนดระยะหางของจุดสิน้ สุดการตัด จะปรากฏดังรูปที่ 4.26 (ขวา)} Command: _break Select object:
Note
อันที่จริง เราไมตองเสียเวลาพิมพรีเลทีฟโพลารคอรออรดิเนท @50<0 หรือ @50<180 เมื่อบรรทัด ขอความปรากฏ ของจุดเริ่มตัด เราสามารถเลื่อนเคอรเซอรยอนกลับไปยังจุดที่ 2 แลวเลื่อน เคอรเซอรออกไปตามทิศทางของจุดที่ 3 (สังเกตุวา จะตองปรากฏเครือ่ งหมาย + สีแดงคางไวตรงจุดที่ 2 ) เมือ่ ปรากฏ ใหปอ นคา 50 แลวกดปุม Q เมือ่ บรรทัดขอความปรากฏ ของจุดสิ้นสุดการตัด เราสามารถเลื่อนเคอรเซอรยอ นกลับไปยังจุดที่ 3 แลวเลือ่ นเคอรเซอร ออกไปตามทิศทางของจุดที่ 2 (สังเกตุวาจะตองปรากฏเครื่องหมาย + สีแดงคางไวตรงจุดที่ 3 ) เมื่อ ปรากฏ ใหปอนคา 50 แลวกดปุม Q
Modify4Join | JOIN | J | คําสัง่ นีส้ ามารถรวมเสนตรง LINE เขากับเสนตรง LINE หรือรวมเสน PLINE เขากับ PLINE , LINE และ ARC หรือรวมเสน โคง ARC เขากับเสนโคง ARC หรือรวมเสนโคง SPLINE เขากับเสนโคง SPLINE หรือรวมวงรีแบบเปด Elliptical Arc เขากับวงรีแบบเปด Elliptical Arc ดังรูปที่ 4.27
chap-04.PMD
113
13/10/2549, 1:26
114
2D Drafting
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.27
หลังใชคําสั่ง
{คลิกบนเสนตรงจุดที่ 1 } Select lines to join to source: {คลิกบนเสนตรงจุดที่ 2, 3, 4 } Select lines to join to source: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.27 (ขวา)} Command: _join Select source object:
Note
คําสั่งนี้ใชในกรณีที่มีการใชคําสั่ง Break at Point ตัดวัตถุเพื่อทําใหเกิดวัตถุชิ้นใหมหลายๆ ชิ้น แตวตั ถุชนิ้ ใหมหลายชิน้ เหลานัน้ ยังคงอยูใ นตําแหนงทีต่ ดิ กับวัตถุเดิม แตถา ตองการวมวัตถุเหลานัน้ กลับ เปนชิ้นเดียวเชนเดิม เราสามารถใชคําสั่งนี้เพื่อลดจํานวนวัตถุที่ไมจําเปน
Note
หากรวมเสนตรง LINE เขากับเสนตรง LINE ปลายเสนไมตอ งเชือ่ มตอกัน แตจะตองอยูใ นแนวเดียวกัน (Collinear) หากรวมเสนตรง PLINE เขากับ LINE และ ARC ปลายเสนจะตองเชือ่ มตอกัน และเซกเมนต ทีเ่ ชือ่ มตอจะตองอยูใ นแนวเดียวกัน(Collinear) หากรวมเสนโคง ARC เขากับ ARC ปลายเสนไมจําเปน จะตองเชือ่ มตอกัน แตสว นโคงจะตองอยูบ นวงกลมจินตนาการ(Imaginary circle)เดียวกัน ถาคลิกทวน เข็มนาฬิกาจะสวนโคงจะเชื่อมตอกัน ถาคลิกตามเข็มนาฬิกาสวนโคงจะเชื่อมตอกันเปนวงกลม หาก รวมเสนโคง SPLINE เขากับ SPLINE ปลายเสนจะตองเชื่อมตอกัน แตไมจําเปนตองสัมผัส(Tangent) ซึง่ กันและกัน หากรวมวงรีแบบเปด Elliptical Arc เขากับวงรีแบบเปด Elliptical Arc ปลายสวนโคงไม จําเปนตองเชื่อมตอกัน แตจะตองอยูบนวงรีจินตนาการ(Imaginary ellipse)เดียวกัน
Modify4Chamfer | CHAMFER | CHA | ใชสําหรับลบมุมตัดระหวางเสนตรงสองเสน โดยเราสามารถกําหนดระยะทางของมุมตัดที่ 1 (Distance 1)และ ระยะทางของมุมตัดที่ 2 (Distance 2) หรือกําหนดมุมไดตามตองการดังรูปที่ 4.28 นอกจากนี้ คําสัง่ นีย้ งั สามารถใชแทน คําสัง่ TRIM และ EXTEND เพือ่ ตัดหรือตอเสนใหบรรจบกันไดอกี ดวย
chap-04.PMD
114
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
กอ นใชคําสั่ง Command: _chamfer
115
รูปที่ 4.28
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.28 (ซาย) }
{โปรแกรมรายงานโหมดการ ตัดเสนสวนเกิน(Trim mode)และระยะทางมุมตัดที่ 1 (Dist1) และระยะทางมุมตัดที่ 2 (Dist2)} Select first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]: {พิมพ ตัวเลือก D เพือ่ กําหนดระยะทางหรือพิมพตวั เลือก A เพือ่ กําหนดมุมหรือพิมพตวั เลือก T เพือ่ เปลีย่ น โหมดการตัดเสนหรือคลิกบนเสนที่ 1 หรือเลือกตัวเลือกอืน่ ๆ ในทีน่ ใี้ หพมิ พตวั เลือก D} Specify first chamfer distance <0.0000>: 50 {กําหนดระยะหางที่ 1 เทากับ 50 หนวย Specify second chamfer distance <50.0000>: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ยอมรับคา 50 หนวยสําหรับระยะหางที่ 2} Select first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]: {คลิกบน เสนที่ 1 ทีต่ อ งการใชระยะทีก่ าํ หนดในบรรทัด first chamfer distance} Select second line or shift-select to apply corner: {คลิกบนเสนที่ 2 ทีต ่ อ งการใชระยะที่ กําหนดในบรรทัด second chamfer distance จะปรากฏมุมตัดดังรูปที่ 4.28 (ขวา) ตามระยะทาง ทีก่ าํ หนดบน Dist1 และ Dist2 หากตองการตัดหรือตอเสนใหบรรจบกัน โดยใชคา Dist1 และ Dist2 เทากับ 0 (ศูนย) ใหกดปุม S คางไวแลว คลิกบนเสนที่ 2} Command: _chamfer {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ทําซ้าํ คําสัง่ CHAMFER} (TRIM mode) Current chamfer Dist1 = 0.0000, Dist2 = 0.0000
(TRIM mode) Current chamfer Dist1 = 50.0000, Dist2 = 50.0000 Select first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]:
เพือ่ กําหนดระยะทางและมุม}
A {พิมพ A
30 {กําหนดคาความยาวของเสนแรก} 60 {กําหนดกําหนดคามุมทีก่ ระทํากับเสนแรก} first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]: {พิมพ ตัวเลือก M เพือ่ เลือกโหมดการสรางมุมตัดอยางตอเนือ่ ง โดยไมตอ งออกจากคําสัง่ }
Specify chamfer length on the first line <0.0000>: Specify chamfer angle from the first line <0>: Select
Select first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]:
{คลิกบนเสนที่ 3 เพือ่ ใชคา ความยาว 30 หนวย} Select second line or shift-select to apply corner:
{คลิกเสนที่ 4 ทีต่ อ งการใหมมี มุ 60 องศา}
Select first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]:
{ตอไปตัดเสนใหบรรจบกัน โดยคลิกบนเสนที่ 5 } Select second line or shift-select to apply corner:
{กดปุม S คางไวแลวคลิกบนเสนที่ 6}
Select first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]:
{ตอไปตอเสนใหบรรจบกัน คลิกบนเสนที่ 7 } Select second line or shift-select to apply corner:
{กดปุม S คางไวแลวคลิกบนเสนที่ 8}
Select first line or [Undo/Polyline/Distance/Angle/Trim/mEthod/Multiple]:
{คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.28 (ขวา)}
chap-04.PMD
115
13/10/2549, 1:26
116
Note
ในการกําหนดวาเสนใดจะใชระยะทาง Dist1 และเสนใดจะใชระยะทาง Dist2 นั้น เราพิจารณาดังนี้ ถาเราคลิกเสนใดกอน เสนนั้นจะใชระยะทาง Dist1 สวนเสนที่เราคลิกตอไปจะเปนระยะทาง Dist2
2D Drafting
Undo ใชตวั เลือกนีใ้ นกรณีทมี่ ีการเลือก Multiple เพื่อสรางมุมตัดอยางตอเนือ่ ง อาจเกิดการผิดพลาดในระหวางอยู ในคําสัง่ เราสามารถใชตวั เลือกนี้ เพื่อยอนกลับไปยังจุดที่ผดิ พลาด โดยที่ไมตองออกจากคําสัง่ Polyline เมือ่ เลือก
ตัวเลือกนี้ โปรแกรมจะบอกใหเราเลือกเสนโพลีไลน 2 มิติ (Select 2D polyline) ซึง่ จะทําใหเสน โพลีไลนที่ถกู เลือก เกิดมุมตัดขึน้ ทุกๆ มุมโดยอัตโนมัติ อาทิ เชน สีเ่ หลีย่ มผืนผาทีส่ รางจากคําสัง่ RECTANG หากใชตวั เลือกนี้ จะปรากฏ มุมตัดขึ้นพรอมๆ กันทั้ง 4 มุมโดยอัตโนมัติ Distance ใชตวั เลือกนี้ในการกําหนดระยะทางของมุมตัดที่ 1 (first chamfer distance) และระยะทางมุมตัดที่ 2 (second chamfer distance) Angle ใชตวั เลือกนีเ้ มือ่ ตองการระบุระยะทาง บนเสนแรกที่ถกู เลือก(chamfer length on the first line)และมุมที่วัดจากเสนแรกทีถ่ กู เลือก (chamfer angle from the first line) Trim ใชตวั เลือกนีใ้ นการกําหนดโหมดการตัดเสน(Trim) โดยทีโ่ ปรแกรมกําหนดมาให Trim mode เปน ตัวเลือกใชงาน โปรแกรมจะทําการตัดปลายเสนทีย่ ื่นออกจากมุมทิง้ ไปดังรูปที่ 4.29 (กลาง) หากเราตองการใชเสนใน การ Chamfer ครัง้ ตอไป โดยไมตอ งการใหมกี ารตัดเสน เราสามารถเปลีย่ นโหมดใหเปน Notrim ซึง่ โปรแกรมจะไมตดั ปลายเสนที่ถูกเลือก โดยจะปรากฏดังรูปที่ 4.29 (ขวา) เราสามารถทีจ่ ะใชคําสัง่ Modify4Trim ตัดเสนสวนเกิน ดวยตนเอง Method ใชตัวเลือกนี้ สําหรับเปลี่ยนโหมดจากการใชระยะทาง(Distance)ไปเปนโหมดมุม(Angle)หรือ เปลีย่ นจากมุมเปนระยะทาง Multiple ใชสําหรับกําหนดโหมดการทําซ้ําคําสัง่ Chamfer อยางตอเนือ่ งจนกวาจะมีการ คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ออกจากคําสั่ง
รูปที่ 4.29
Modify4Fillet | FILLET | F | ใชสาํ หรับลบมุมโคงระหวางเสนตรง เสนโคง วงกลมหรือวงรี โดยเราสามารถกําหนดรัศมี(Radius)ของสวนโคงระหวาง เสนทีถ่ กู เลือก ไดตามตองการดังรูปที่ 4.30 นอกจากนี้ คําสัง่ นีย้ งั สามารถใชแทนคําสัง่ TRIM และ EXTEND เพือ่ ตัดหรือ ตอเสนใหบรรจบกันไดอกี ดวย
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.30
หลังใชคําสั่ง
Command: _fillet Current settings: Mode = TRIM, Radius = 0.0000
mode) และรายงานรัศมีสว นโคงใชงาน}
chap-04.PMD
116
{โปรแกรมรายงานโหมดในการตัดเสน(Trim
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
117
Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]:
รัศมีของสวนโคงใชงาน}
R {พิมพตวั เลือก R เพือ่ กําหนด
30 {กําหนดคารัศมีสว นโคงใชงานใหมเทากับ 30 หนวย} M {พิมพตวั เลือก M เพือ่ เลือก โหมดการสรางสวนโคง Fillet อยางตอเนือ่ ง โดยไมตอ งออกจากคําสัง่ } Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: {คลิกบนเสนตรงจุดที่ 1 } Select second object or shift-select to apply corner: {คลิกบนเสนตรงจุดที่ 2 } Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: R {พิมพตวั เลือก R เพือ ่ กําหนด รัศมีของสวนโคงใหม} Specify fillet radius <30.0000>: 50 {กําหนดคารัศมีสว นโคงใชงานใหมเทากับ 50 หนวย} Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: {คลิกบนเสนตรงจุดที่ 3 } Select second object or shift-select to apply corner: {คลิกบนเสนตรงจุดที่ 4 } Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: R {พิมพตวั เลือก R เพือ ่ กําหนด รัศมีของสวนโคงใหม} Specify fillet radius <50.0000>: 60 {กําหนดคารัศมีสว นโคงใชงานใหมเทากับ 60 หนวย} Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: {คลิกบนเสนตรงจุดที่ 5 } Select second object or shift-select to apply corner: {คลิกบนเสนตรงจุดที่ 6 } Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: {ตอไปตัดเสนใหบรรจบกัน โดยคลิกบนเสนที่ 7 } Select second object or shift-select to apply corner: {กดปุม S คางไวแลวคลิกบน เสนที่ 8} Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: {ตอไปตอเสนใหบรรจบกัน โดยคลิกบนเสนที่ 9 } Select second object or shift-select to apply corner: {กดปุม S คางไวแลวคลิกบน เสนที่ 10} Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]: {คลิกขวาหรือกดปุม Q เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.30 (ขวา)} Specify fillet radius <0.0000>:
Select first object or [Undo/Polyline/Radius/Trim/Multiple]:
Undo ใชตัวเลือกนี้ในกรณีที่มกี ารเลือก Multiple เพือ่ สรางสวนโคง Fillet อยางตอเนื่อง แลวอาจเกิดการผิดพลาดใน ระหวางอยูใ นคําสั่ง เราสามารถใชตัวเลือกนี้ เพือ่ ยอนกลับไปยังจุดที่ผิดพลาด โดยทีไ่ มตองออกจากคําสัง่ Polyline
ในกรณีทเี่ รามีวตั ถุทสี่ รางจากเสนโพลีไลนแบบตอเนือ่ ง หากใชตวั เลือกนี้ แลวคลิกลงบนเสนโพลีไลน จะเกิดการลบ มุมโคงขึ้นบนมุมทุกมุมของวัตถุโดยอัตโนมัติดวยการคลิกเพียงครั้งเดียว Radius ใชตวั เลือกนี้เมื่อตองการกําหนด รัศมีสว นโคง(Fillet radius)ใหม Trim ใช ตัวเลือกนีใ้ นการกําหนดโหมดการตัดเสน (Trim) โดยที่โปรแกรมกําหนด มาให Trim mode เปนตัวเลือกใชงาน โปรแกรมจะทําการตัดปลายเสนที่ยื่นออกจากสวนโคง Fillet ทิ้งไปดังรูปที่ 4.31 (กลาง) หากเราตองการใชเสนในการ Fillet ครัง้ ตอไป โดยไมตอ งการใหมกี ารตัดเสน เราสามารถเปลี่ยนโหมด ใหเปน Notrim ซึ่งโปรแกรมจะไมตดั ปลายเสนที่ถกู เลือก โดยจะปรากฏดังรูปที่ 4.31 (ขวา) เราสามารถที่จะใชคําสั่ง Modify4Trim ตัดเสนสวนเกินดวยตนเอง Multiple ใชสาํ หรับกําหนดโหมดการทําซ้าํ คําสัง่ Fillet อยางตอเนือ่ ง จนกวาจะมีการคลิกขวาหรือ Q เพือ่ ออกจากคําสั่ง
รูปที่ 4.31
chap-04.PMD
117
13/10/2549, 1:26
118
Modify43D Operation4Align | ALIGN | AL
2D Drafting
ใชสําหรับเคลือ่ นยายวัตถุ(Objects)ไปยังตําแหนงใหมพรอมทัง้ หมุนวัตถุนนั้ ใหทํามุมเอียงตามตองการดังรูปที่ 4.32 ถึงแมวา คําสัง่ นีจ้ ะอยูใ นหัวขอเมนูทเี่ กีย่ วของกับ 3 มิติ แตเราสามารถนํามาใชกบั วัตถุ 2 มิตแิ ทนการใชคําสัง่ MOVE และ ROTATE คําสัง่ นีจ้ ะชวยใหเราเคลือ่ นยายและหมุนวัตถุไดอยางรวดเร็ว ซึง่ จะชวยลดขัน้ ตอนในการทํางาน
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.32
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.32 (ซาย)} Select objects: 1 found {คลิกบนวัตถุทต ี่ อ งการเคลือ่ นยายและหมุนตรงจุดที่ 1} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ออกจากโหมดการเลือก} Specify first source point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏมารคเกอร ใหคลิกซาย เพือ่ กําหนดจุดตนทางที่ 1} Specify first destination point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏ ใหคลิกซาย เพือ่ กําหนด จุดปลายทางที่ 1} Specify second source point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏ ใหคลิกซาย เพือ่ กําหนดจุดตนทางที่ 2} Specify second destination point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏ ใหคลิกซาย เพือ่ กําหนดจุดปลายทางที่ 2} Specify third source point or : {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏ ใหคลิกซาย เพือ่ กําหนดจุดตนทางที่ 3} Specify third destination point: {เลือ ่ นเคอรเซอรไปบนจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏ ใหคลิกซาย เพือ่ กําหนดจุดปลายทางที่ 3 วัตถุจะเคลือ่ นยายและหมุนไปอยูใ นตําแหนงและทิศทางทีถ่ กู ตองดังรูปที่ 4.32 (ขวา)} Command: _align
chap-04.PMD
Note
ถาตองการเคลือ่ นยายและหมุนฐาน โดยใหสกรูอยูก บั ที่ เมือ่ โปรแกรมบอกใหเรา Select objects: เราจะ ตองเลือกฐาน แลวสลับจุด ที่ 1 กับจุดที่ 2 จุดที่ 3 กับจุดที่ 4 และจุดที่ 5 กับจุดที่ 6
Note
อันที่จริงเราสามารถใชจุดในการอางอิงตําแหนงเพียง 2 คูก็เพียงพอที่จะเคลื่อนยายและหมุนวัตถุให อยูในตําแหนงที่ตองการได โดยกดปุม Q ในบรรทัด Specify third source point or : และกดปุม Q ในบรรทัด Scale objects based on alignment points? [Yes/No] : โปรแกรม จะจัดการเคลื่อนยายและหมุนโดยใชจุดอางอิง 2 คูที่กําหนด เหตุผลที่เราเลือกใชจุดอางอิง 3 คู เพื่อให แนใจวาวัตถุจะอยูใ นตําแหนงและทิศทางทีถ่ ูกตอง
118
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
119
Note
สังเกตุวา จุดอางอิงตนทาง(Source point)และจุดปลายทาง(Destination point)แตละคู หลังจากทีเ่ คลือ่ น ยายวัตถุเขาไปยังตําแหนงทีต่ อ งการแลว จุดอางอิงตนทางและจุดปลายทางจะตองอยูใ นตําแหนงทีต่ รง กันหรือทับกันพอดี ดังนัน้ กอนกําหนดจุดตนทางและจุดปลายทาง เราจะตองเปรียบเทียบกอนวาจุดใด บนวัตถุทตี่ อ งการเคลือ่ นยายจะไปทับกับจุดใดของวัตถุทอี่ ยูก บั ที่
Note
ในบรรทัดขอความ Scale objects based on alignment points? [Yes/No] : หากเราตอบ Yes โปรแกรมจะทําการเปลีย่ นสเกลของวัตถุทถี่ กู เลือก ใหพอดีจดุ อางอิงโดยอัตโนมัติ หากมีจดุ อางอิงตนทาง (Source)และจุดอางอิงปลายทาง(Destination)มีตําแหนงไมตรงกัน
Modify4Solid Editing4Union | UNION | UNI | ใชคําสัง่ นีส้ ําหรับสรางรีเจีย้ น(Region)รูปทรงใหม โดยการนํารีเจีย้ นทีถ่ กู สรางดวยคําสัง่ Draw4Region 2 ชิน้ ขึน้ ไปมารวม(Union)ใหกลายเปนรีเจีย้ นชิน้ เดียวกันดังรูปที่ 4.33
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.33
ตัง้ แต
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.33 (ซาย)} Select objects: {คลิกลงบน Region ทัง้ หมดทีต ่ อ งการรวมกันเปนชิน้ เดียว} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.33 (ขวา)} Command: _union
Note
ในการใชคําสั่ง UNION เราจะเลือก Region รูปใดกอนก็ได แตจะตองเลือก Regions ตัง้ แต 2 ชิน้ ขึน้ ไป ถารวม Regions มากกวา 2 ชิน้ โดยใชคําสั่ง UNION เพียงครัง้ เดียว ถึงแมวา บางชิน้ จะไมมีสวนทับกัน หรือเกยกันกับ Region ชิ้นอืน่ หลังจากใชคําสั่งนี้แลว Regions ทั้งหมดจะกลายเปนวัตถุชนิ้ เดียว
Note
หากตองการแปลง Region กลับเปนเสนตรงและเสนโคงธรรมดา ใหใชคําสัง่ Modify4Explode
Modify4Solid Editing4Subtract | SUBTRACT | SU | ใชสําหรับสราง Region รูปทรงใหม โดยการนํา Region ตั้งแตสองชิ้นขึ้นไปมาหักลบออกจากกัน รีเจี้ยน ตางๆ ที่ นํามาเปนตัวลบจะตองวางอยูใ นตําแหนงทีม่ พี น้ื ทีซ่ อ นทับกับพืน้ ทีข่ องรีเจีย้ นทีใ่ ชเปนตัวตัง้ ดังรูปที่ 4.34
chap-04.PMD
119
13/10/2549, 1:26
120
2D Drafting
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.34
หลังใชคําสั่ง
Command: _subtract Select solids and regions to subtract from ..
{คลิกบน Region หมายเลข 1 เพือ่ ใชเปนตัวตัง้ } Select objects: {คลิกขวาหรือ Q} Select objects:
Select solids and regions to subtract...
{คลิกบน Region หมายเลข 2, 3 , 4, 5 และ 6 ทีใ่ ชเปนตัวลบ} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 4.34 (กลาง) ตอไปลอง UNDO แลวทําซ้าํ คําสัง่ นี้ แลวลองสลับตัวตัง้ กับตัวลบ จะปรากฏดังรูปที่ 4.34 (ขวา)} Select objects: 1 found
Note
ในการใชคําสั่ง SUBTRACT เพื่อหักลบรีเจี้ยน รีเจี้ยนที่ใชเปนตัวตั้งหรือตัวลบอาจจะเลือกครั้งเดียว มากกวา 1 ชิน้ ก็ได เพียงแตจะตองเลือกกลุมตัวตั้งกอนเลือกกลุมตัวลบเสมอ
Note
กอนทีจ่ ะใชคําสัง่ นีไ้ ดจะตองแปลงวัตถุแบบปดใหเปนรีเจีย้ นดวยคําสัง่ Draw4Region
เสียกอน
Modify4Solid Editing4Intersect | INTERSECT | IN | ใชสําหรับสรางรูปทรง Region ใหม โดยจะไดรเี จีย้ นเฉพาะสวนทีท่ บั กันหรือเกยกันเทานัน้
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.35
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.35 (ซาย)} Select objects: {คลิกจุดที่ 1 และ 2 เพือ ่ เลือกรีเจีย้ นทีต่ อ งการนํามาหาพืน้ ทีท่ ตี่ ดั กันแบบ Intersect} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q เพือ ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏรีเจีย้ นดังรูปที่ 4.35 (ขวา)} Command: _intersect
Note
chap-04.PMD
Regions เปนรูปทรง 2 มิตทิ ที่ บึ ตัน เราไมสามารถแกไขปรับแตง Regions นอกจากจะใชคําสัง่ UNION, SUBTRUCT หรือ INTERSECT แตถา คําสัง่ ทัง้ 3 ไมสามารถปรับแตง Regions ใหเปนรูปทรงทีต่ อ งการ เราสามารถใชคําสั่ง Modify4Explode เพื่อระเบิด Regions ใหเปนเสนตรง LINE หรือเสนโคง ARC หรืออาจใชคําสั่ง BOUNDARY สรางเสน POLYLINE แลวจึงทําการปรับแตงไดเชนเดียวกัน
120
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
121
Modify4Explode | EXPLODE | X | ใชสําหรับระเบิดวัตถุตางๆ อาทิ เชน บล็อค(Block) เสนโพลีไลน(Pline) เสนคูข นาน(Mline) ลวดลายแฮทช(Hatch) รีเจีย้ น(Region) เสนบอกขนาด(Dimensions) ไวบเอาท(Wipeout)ใหกลายเปนเสนตรง เสนโคงธรรมดา ตัวอยาง เชน ถาใชคําสัง่ นีร้ ะเบิดบล็อค จะ ทําใหเสนตรงและเสนโคงทีป่ ระกอบขึน้ เปนบล็อคกลายเปนเสนตรงหรือเสนโคงธรรมดา ถาใชกับโพลีไลน โพลีไลนจะกลายเปนเสนตรง LINE ถาใชกับรีเจี้ยน (Regions) รีเจี้ยนจะกลายเปนเสนตรง หรือเสนโคงที่ ประกอบกันเปนรี เจี้ ยน ถาใช กับแฮทช ลวดลาย แฮทชจะกลายเป นเสนตรงยอยๆ หลายๆ เสน ถาใชกับเสนคูข นาน MLINE เสนคูข นาน MLINE จะกลายเปนเสนตรง LINE ซึง่ สามารถที่จะตัด(Break)หรือทริม (Trim)ได ถาใชคําสัง่ นีก้ บั เสนบอกขนาด(Dimension line) เสนบอกขนาดจะกลายเปนเสนตรงและตัวเลขบอกขนาด จะกลายเปนตัวอักษรธรรมดา ถาใชคําสัง่ นีก้ บั Table จะได Line, Mtext, 2D Solid ถาใชคําสัง่ นีก้ บั Field จะได Text ถาใชคําสั่งนีก้ ับ Raster Image กรอบรูปจะกลายเปน Line ถาใชคําสั่งนี้กบั Mtext ตัวอักษร Mtext จะกลายเปน Text เปนตน กอ นใชคําสั่ง
หลังใชคําสั่ง
{จากรูปที่ 4.36 (บน)} Select objects: {คลิกบนบล็อคหรือโพลีไลนหรือรีเจีย ้ นหรือแฮทชทตี่ อ งการระเบิดหรือเลือกวัตถุทงั้ หมด หลายๆ ประเภทพรอมกัน} Select objects: {คลิกขวาหรือ Q บล็อคหรือโพลีไลนหรือรีเจีย ้ นหรือแฮทชจะกลายเปนเสนตรง เสนโคงธรรมดา} Command: _explode
chap-04.PMD
Note
จะเห็นไดวา หลังจากการระเบิดวัตถุทั้งหมดไปแลว เราจะไมเห็นความแตกตางใดๆ เกิดขึ้นบนวัตถุ ตางๆ หลังจากที่เราไดระเบิดวัตถุออกเปนเสนตรงเสนโคงธรรมดา เราจะตองตรวจสอบเสียกอนวา วัตถุนนั้ ถูกระเบิดกลายเปนชิ้นเล็กชิ้นนอยแลวหรือไม เราสามารถตรวจสอบไดโดยในขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสั่งใดๆ ใหคลิกลงบนวัตถุที่เราไดระเบิดไปแลว หากปรากฏจุดกริ๊ปสและ เสนประเฉพาะเสนตรงหรือเสนโคงทีถ่ กู เลือก แสดงวาวัตถุนนั้ ไดถกู ระเบิดออกจากกันแลว หากปรากฏ จุดกริป๊ สและเสนประขึน้ บนวัตถุทงั้ ชิน้ แสดงวาวัตถุดังกลาวยังไมถกู ระเบิดออกจากกัน
Note
ในบางกรณี หากเราใชคําสั่ง EXPLODE ระเบิดวัตถุเพียงครั้งเดียว อาจจะไมเพียงพอที่จะระเบิดวัตถุ บางชิ้นใหแตกออกเปนเสนตรงและเสนโคงชิ้นเล็กทีส่ ดุ ตัวอยาง เชน บล็อคที่บรรจุเสนโพลีไลน เมือ่ ใชคําสั่ง EXPLODE กับบล็อคดังกลาว บล็อคจะถูกระเบิดออกเปนวัตถุยอยชิ้นเล็ก แตเสนโพลีไลน ทีม่ หี ลายเซกเมนตยงั คงเสนโพลีไลนอยูเ ชนเดิม หากเราตองการใหเสนโพลีไลนทงั้ หมดทีถ่ กู ระเบิดเปน เสนตรงธรรมดา เราจะตองใชคําสั่ง EXPLODE กับเสนโพลีไลนเหลานั้นซ้ําอีกครั้ง
Note
เราไมสามารถ EXPLODE เอกซเรฟ(Xref)ได ตองใชคาํ สัง่ Insert4Xref Manager และเราจะไมสามารถ EXPLODE ตัวอักษร Text และ Shape ไดเชนเดียวกัน
121
13/10/2549, 1:26
เลือก Bind แทน
122
Modify4Object4Hatch | HATCHEDIT | HE |
2D Drafting
ใชคําสัง่ นี้สําหรับแกไขลวดลายแฮทชทสี่ รางจากคําสั่ง Draw4Hatch และแกไขสีไลระดับที่สรางจากคําสั่ง Draw4Gradient เราสามารถเปลีย่ นลวดลายหรือเปลีย่ นสี แกไขรูปแบบในการระบายสี แกไขสเกลหรือปรับแตง มุมเอียงของแฮทชและสีไลระดับใหม
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.37
หลังใชคําสั่ง
Command: _hatchedit
{คลิกบนลวดลายแฮทชหรือสีไลระดับทีต่ อ งการปรับแตงแกไข ซึง่ จะปรากฏไดอะล็อค Hatch Edit ขึน้ มาบนจอภาพ ใหปรับแตงคาตางๆ ของแฮทชไดตาม ตองการ เมือ่ เสร็จเรียบรอยแลว คลิกบนปุม OK ดูรายละเอียดในคําสัง่ HATCH ในบทที่ 3}
Select associative hatch object:
Note
หากตองการเปลีย่ นจากลวดลายแฮชทเปนสีไลระดับหรือจากสีไลระดับเปนลวดลายแฮทช เมือ่ เขาไปยัง ไดอะล็อค Hatch Edit ใหคลิกบนแถบคําสั่ง Hatch หรือ Gradient แลวปรับคาตางๆ ไดตามตองการ
Note
หากไมตองการเสียเวลาเรียกคําสั่งนี้จากเมนูบ ารหรือจากปุมไอคอนบนทูลบาร ใหดับเบิ้ลคลิกบน ลวดลายแฮทชที่ตองการแกไข จะปรากฏไดอะล็อค Hatch Edit ใหเราไดแกไขลวดลายแฮทชเชน เดียวกัน
Modify4Object4Polyline | PEDIT | PE | ใชสําหรับแกไขปรับแตงคุณสมบัตติ างๆ ของเสนโพลีไลน(Polyline)หรือใชสาํ หรับแปลงเสนตรงและเสนโคงใหเปน เสนโพลีไลน
กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.38
หลังใชคําสั่ง
{คลิกบนเสนตรงเสนโคงหรือคลิกบน เสนโพลีไลน หรือพิมพตวั เลือก M เพือ่ เลือกเสนโพลีไลนหลายๆ เสนพรอมๆ กันในครัง้ เดียว}
Command: _pedit Select polyline or [Multiple]:
chap-04.PMD
122
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
123
{โปรแกรมรายงานวาวัตถุทถี่ กู เลือกไมใชเสนโพลีไลน} {ถาวัตถุทเี่ ลือกไมใชโพลีไลนอาจเปนเสนตรงหรือ เสนโคง โปรแกรมจะถามวา เราตองการจะแปลงเสนดังกลาวใหเปนเสนโพลีไลนหรือไม}
Object selected is not a polyline
Do you want to turn it into one?
Enter an option [Close/Join/Width/Edit vertex/Fit/Spline/Decurve/Ltype gen/Undo]:
{เลือกตัวเลือก Join เพือ่ เชือ่ มตอเสนโพลีไลนหลายเสนเขาดวยกันหรือเลือกใชตวั เลือกอืน่ ๆ ในการ ปรับแตงเสนโพลีไลนทตี่ อ งการ}
Note
สวนมากแลวในการเขียนแบบ 2 มิติ เราจะใชคําสั่ง PEDIT เพื่อแปลงเสนตรงและเสนโคงใหเปนเสน โพลีไลน เชื่อมตอ(Jion)เสนโพลีไลน เปลีย่ นความหนา(Width)ของเสนโพลีไลน ปรับเสนโพลีไลน เสนตรงใหเปนเสนโคงสไปลน(Spline)เทานั้น
Multiple ใชในกรณีที่ตองการเลือกเสนหลายๆ เสนพรอมๆ กันในครั้งเดียว เสนที่ถูกเลือกอาจจะมีทั้งเสนตางๆ ทีม่ ปี ลายเสนเชือ่ มตอกันและไมไดเชือ่ มตอกันจริงและอาจจะเปนเสนตรงและเสนโคงธรรมดาทีย่ งั ไมไดแปลงใหเปน เสนโพลีไลนหรืออาจจะเปนเสนโพลีไลนก็ได Close ใชสําหรับลากเสนเชื่อมตอหัวทาย เพือ่ สรางโพลีไลนแบบปด Join เชื่อมตอเสนโพลีไลนตั้งแต 2 เสนขึน้ ไปใหกลายเปนโพลีไลนเสนเดียว เมื่อใชตัวเลือกนี้จะปรากฏขอความ รูปที่ 4.39
Select objects: ใหเลือกเสนทีต่ องการเชื่อมตอเสนเดียวหรือหลายเสน เสนทีน่ ํามาเชือ่ มตอกันใหเปนเสนเดียวกันจะ ต องมีจุ ดปลายเส นเชื่ อมต ออยู ในตําแหน งพิ กัดคอร ออรดิ เนทเดียวกั นพอดี แต ถ ามีการใช ตั วเลื อก Multiple ปลายเสนไมจําเปนตองเชือ่ มตอกันจริง เนือ่ งจากเมือ่ ใชตัวเลือก Multiple จะปรากฏขอความ Enter fuzz distance or [Jointype] <0.0000>: เราสามารถระบุระยะทีน่ อ ยทีส่ ดุ ทีจ่ ะยอมใหปลายเสนเชือ่ มตอกันโดยอัตโนมัติ ถึงแมวา ปลาย เสนจะไมไดเชือ่ มตอกันจริง หากมีระยะนอยกวาทีก่ ําหนดใน Fuzz distance โปรแกรมจะเขียนเสนเชือ่ มตอใหโดย อัตโนมัตดิ ังรูปที่ 4.29 โดยทีโ่ ปรแกรมกําหนดมาให การเชือ่ มตอ(Jointype)เปนแบบ Extend โปรแกรมจะทําการตัด หรือตอปลายเสนที่ไมไดตอ กันจริงใหโดยอัตโนมัติดังรูปที่ 4.40 (ซาย) หากเลือก Jointype เปน Add โปรแกรม จะเขียนเซกเมนตเสนตรงเชือ่ มตอจุดปลายเสนใหโดยอัตโนมัติดังรูปที่ 4.40 (กลาง) หากเลือก Jointype เปน Both โปรแกรมจะทําการตัดหรือตอปลายเสนตามทีโ่ ปรแกรมเห็นวาเหมาะสม หรือจะเขียนเซกเมตเสนตรงเชือ่ มตอปลาย เสนตามที่โปรแกรมเห็นวาเหมาะสมดังรูปที่ 4.40 (ขวา) Width ใชตวั เลือกนีเ้ ปลี่ยนความหนาของเสน ซึ่งจะมีผล กอ นใชคําสั่ง
รูปที่ 4.40 หลังใชคําสั่ง
ความหนาเทาๆ กันในทุกๆ เซกเมนตของเสน Edit vertex ใชสําหรับเคลือ่ นยาย ลบ สอดแทรก แยกและปรับมุม สัมผัส(Tangent direction)ของจุดเวอรเทกซบนเสนโพลีไลน เมื่อเลือกตัวเลือกนี้ โปรแกรมจะแสดงเครื่องหมาย กากบาท X ไวที่ ปลายดานจุดเวอรเทกซจุดแรกของเสนโพลีไลน ถามีการกําหนดทิศทางของมุมสัมผัสไวกอน
chap-04.PMD
123
13/10/2549, 1:26
124
จะปรากฏหัวลูกศรชีไ้ ปในทิศทางของมุมสัมผัสทีจ่ ดุ เวอรเทกซน้ี Fit แปลงโพลีไลนทมี่ เี ซกเมนตเปนเสนตรงใหเปน เสนโคง โดยเชื่อมตอจุดเวอรเทกซตางๆ ดวยสวนโคงซึง่ ลากผานจุดเวอรเทกซทกุ จุดทิศทางสวนโคงจะขึ้นอยูกับ
2D Drafting
รูปที่ 4.41
กอนใชตัวเลือก
หลังใชตัวเลือก Fit
หลังใชตัวเลือก Spline
หลังใชตัวเลือก Decurve
มุมสัมผัสทีร่ ะบุในตัวเลือก Tangent ของ Edit vertex Spline แปลงโพลีไลนทมี่ เี ซกเมนตเปนเสนตรงใหเปนเสนโคง โดยใชจดุ เวอรเทกซตางๆ บนโพลีไลนเปนจุดควบคุมความโคงของเสน Decurve แปลงโพลีไลนทเี่ ปนเสนโคง Fit หรือ Spline ใหกลับเปนโพลีไลนทมี่ ีเซกเมนตเปนเสนตรง Ltype gen ใชตวั เลือกนี้กบั เสนประ เมื่ออยูในสถานะ Off โปรแกรมจะกําหนดแพทเทิรนของเสนโดยเริม่ จากจุด เวอรเทกซแรกไปยังจุดเวอรเทกซสดุ ทาย เมือ่ อยูใ นสถานะ On โปรแกรมจะกําหนดแพทเทิ รนของเส น โดยใช จุ ด เวอรเทกซ ทุ กจุ ด Undo ยกเลิ กสิ่ งที่ ได แก ไขปรั บแต ง Ltype gen = Off รูปที่ 4.42 Ltype gen = On ครัง้ ลาสุด เราสามารถยอนกลับไปยังจุดแรกที่เริม่ เขามาใน คําสัง่ นี้ โดยใช Undo ตอไปจนถึงจุดเริม่ ตน เมือ่ เลือกตัวเลือก Edit vertex จะปรากฏตัวเลือกยอยสําหรับปรับแตงจุดเวอรเทกซแตละจุดดังนี้ [Next/Previous/Break/Insert/Move/Regen/Straighten/Tangent/Width/eXit] :
Next ใชสําหรับเคลือ่ นยายเครื่องหมายกากบาท X ไปยังจุดเวอรเทกซตอ ไป Previous ใชสําหรับเคลื่อนยายเครือ่ ง หมายกากบาท X ไปยังจุดเวอรเทกซกอน Break ใชสําหรับแบงแยกเสนโพลีไลนออกจากกัน โดยใชเครื่องหมาย
X ในตําแหนงกอนเขาไปในตัวเลือก Break เปนจุดเริม่ ตนและใชเครือ่ งหมาย X ในตําแหนงทีเ่ ขามาในตัวเลือก Break แลว เปนจุดสิน้ สุดของการแบงเสน เมื่อเขามาในตัวเลือก Break จะปรากฏขอความ [Next/Previous/Go/eXit] : เราสามารถใชตัวเลือก Next หรือ Previous ในการเคลื่อนยายเครื่องหมาย X และใชตัวเลือก Go เพื่อแบงเสน โพลีไลนออกเปน 2 สวน Insert เพิม่ จุดเวอรเทกซบนเสนโพลีไลนถัดจากจุดเวอรเทกซที่มีเครื่องหมาย X Move ใชสําหรับเคลือ่ นยายจุดเวอรเทกซบนเสนโพลีไลนไปยังตําแหนงใหม Regen ใชสําหรับคํานวณเสนโพลีไลนใหม ที่มกี ารปรับแตงไปแลวใหม Straighten ใชแปลงเสนโพลีไลนทเี่ ปนเสนโคง Fit หรือ Spline ระหวางจุดเวอรเทกซ ที่ กําหนดใหเปนเสนตรง โดยใชเครื่ องหมาย X ในตําแหนงกอนเขาตัวเลือก Straighten เปนจุดเริ่ มตนและใช เครือ่ งหมาย X ในตําแหนงทีเ่ ขามาในตัวเลือก Straighten แลวเปนจุดสิ้นสุดของการ กําหนดเสนตรง เมื่อเขามาใน ตัวเลือก Straighten จะปรากฏขอความ [Next/Previous/Go/eXit] : เราสามารถใชตัวเลือก Next หรือ Previous ในการเคลื่อนยายเครื่องหมาย X และใชตัวเลือก Go เพื่อแปลงเสนโคงใหเปนเสนตรง Tangent ใชสําหรับกําหนด มุมสัมผัสของสวนโคง เมือ่ ใชตัวเลือกนี้กบั จุดเวอรเทกซใดๆ จะปรากฏขอความ Specify direction of vertex tangent: พรอมทั้งจะปรากฏเสนตรงชั่วคราวลากจากเครื่องหมาย X ไปยังตําแหนงของเคอรเซอรซึ่งแสดงทิศทางของมุม สัมผัสของสวนโคง เราสามารถคลิกในทิศทางที่ตองการใหเกิดมุมสัมผัส จะปรากฏหัวลูกศรแสดงทิศทางของมุม สัมผัสขึน้ มา เพื่อที่จะมีผลเมื่อมีการเรียกใชตัวเลือกที่สรางสวนโคงดวยตัวเลือก Fit ในครัง้ ตอไป Width เปลี่ยน ความหนาเสนของเซกเมนตซึ่งอยูถัดจากจุดเวอรเทกซที่มีเครื่องหมาย X กอนใชตัวเลือกนี้และความหนาใหมที่ กําหนดจะเปลี่ยนไปก็ตอเมื่อออกจากตัวเลือก Edit vertex แลว eXit พิมพ X แลวกดปุม Q เพื่อออกจาก ตัวเลือก Edit vertex
Modify4Object4Spline | SPLINEDIT | SPE | ใชสําหรับแกไขปรับแตงเสนโคงทีส่ รางจากคําสัง่ SPLINE และเสนโคง SPLINE ทีส่ รางจากคําสัง่ POLYLINE
chap-04.PMD
124
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
125
รูปที่ 4.43 Command: _splinedit Select spline:
{คลิกบนเสนโคง SPLINE ทีต่ อ งการแกไขปรับแตง}
Enter an option [Fit data/Close/Move vertex/Refine/rEverse/Undo]:
Fit Data ใชสําหรับเพิม่ ลบ เคลือ่ นยาย ปรับมุมสัมผัสของจุดเวอรเทกซ Close ลากเสนโคงเชือ่ มตอหัวทายของเสน สไปลน Move Vertex ใชสําหรับเคลื่อนยายจุดเวอรเทกซไปยังตําแหนงใหม Refine เพิ่มจุดควบคุมสวนโคง ปรับแตงน้ําหนักจุดควบคุมสวนโคง SPLINE rEverse กลับทิศทางของสไปลน Undo ยกเลิกสิง่ ทีไ่ ดแกไขปรับแตง ครั้งลาสุด
เมือ่ เลือกตัวเลือก Fit Data จะปรากฏตัวเลือกยอยสําหรับปรับแตงจุดเวอรเทกซแตละจุดดังนี้ [Add/Close/Delete/Move/Purge/Tangents/toLerance/eXit] <eXit>:
Add ใชเพิม่ เติมจุดเวอรเทกซ(Fit point)เขาไปยังเสนโคงสไปลน Close ลากเสนโคงเชือ่ มตอหัวทายของเสนสไปลน Open ใชสําหรับเปดเสนโคงสไปลนแบบปด โดยลบเซกเมนตของเสนโคงสไปลนเชือ่ มตอจุดเริม่ ตนไปยังจุดสุดทาย ของสไปลน Delete ใชสําหรับลบจุดเวอรเทกซ Fit points Move ใชสําหรับเคลือ่ นยายจุดเวอรเทกซ Fit point ไปยัง ตําแหนงใหม Purge ใชสําหรับลบจุดเวอรเทกซ Fit point ทั้งหมด เมื่อใชตัวเลือกนี้แลว ตัวเลือก Fit Data จะหายไป Tangents ใชสําหรับปรับแตงมุมสัมผัส(Tangent)เริ่มตนและสิ้นสุดของเสนโคงสไปลน เมื่อเลือกตัวเลือกนี้ จะ
ปรากฏ Specify start tangent or [System default]: ใหเลื่ อนเมาสเพื่ อปรับมุมสั มผัสของจุดเวอรเทกซเริ่ มตน คลิกเมื่อไดตําแหนงที่ตองการและจะปรากฏ Specify end tangent or [System default]: ใหเลื่อนเมาสเพื่อปรับ มุมสัมผัสของจุดเวอรเทกซเริ่มตน คลิกเมือ่ ไดตาํ แหนงที่ตองการ toLerance พิมพ L เพื่อกําหนดคาพิกัดความเผื่อ ของเสนโคงสไปลนที่ยอมได eXit พิมพ X แลวกดปุม Q เพือ่ ออกจากตัวเลือก Fit Data
Modify4Object4Multiline | MLEDIT ใชคําสัง่ นีส้ ําหรับแกไขปรับแตงจุดเชือ่ มตอของเสนคูข นานมัลติไลน ทีต่ ดั กันดังรูปที่ 4.44 เมือ่ ใชคําสัง่ นีจ้ ะปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 4.44 (ขวา) ซึง่ เราสามารถกําหนดรูปแบบในการเชือ่ มตอเสนมัลติไลนได ดังนี้
รูปที่ 4.44
chap-04.PMD
125
13/10/2549, 1:26
126
เมือ่ ตัดเสนโดยเลือกโหมดการตัดจากไดอะล็อค Multiline Edit Tools แล ว เส นมั ลติไลน ต างๆ จะปรากฏดั งรู ปที่ 4.45 หลังจากที่เราคลิกบนรูปไอคอนรูปใดรูปหนึ่งที่เกี่ยวของกับ รูปแบบที่เราสามารถทําการตัดเสนมัลติไลนที่ตองการ โดย ไอคอนแตละรูปมีความหมายและการใชงานดังนี้
2D Drafting
รูปที่ 4.45
Closed Cross เมื่ อเลือก Closed Cross โปรแกรมจะบอกใหเราเลือกเสนคูขนานเสนแรก Select first mline:
ใหคลิกบนเสนคูขนานที่จะถูกตัดผาน เมื่อปรากฏ Select second mline: ใหคลิกบนเสนที่จะตัดทับเสนคูขนาน เสนแรก เมือ่ เสร็จสิน้ การใชตัวเลือกนี้ เสนทุกๆ เสนของเสนคูข นานเสนทีส่ องจะตัดทับเสนทุกๆ เสนของเสนคูข นาน เสนแรกที่ถกู เลือก Open Cross เมื่อเลือก Open Cross โปรแกรมจะบอกใหเราเลือกเสนคูขนานเสนแรก Select first mline: ใหคลิกบนเสนที่จะถูกเสนอยูภายในของเสนที่สองตัดผาน เมื่อปรากฏ Select second mline: ใหคลิก บนเสนที่จะตัดทับเสนที่อยูภายในของเสนคูขนานเสนแรก เมื่อเสร็จสิ้นการใชตัวเลือกนี้ เสนที่อยูภายในของเสน คูข นานทีส่ องจะตัดทับเสนทีอ่ ยูภ ายในของเสนคูข นานเสนแรกทีถ่ กู เลือก สวนเสนนอกสุดของเสนคูข นานทัง้ สองของ สวนทีต่ ัดกันจะถูกลบทิง้ Merged Cross เมือ่ เลือก Merged Cross โปรแกรมจะบอกใหเราเลือกเสนคูข นานเสนแรก Select first mline: ใหคลิกบนเสนคูข นานเสนแรก เมือ่ ปรากฏ Select second mline: ใหคลิกบนเสนคูข นานเสนทีส่ อง เมือ่ เสร็จสิน้ การใชตัวเลือกนี้ เสนทุกๆ เสนทีอ่ ยูภ ายในของเสนคูข นานทัง้ สองจะตอชนกัน สวนเสนนอกสุดของเสน คูขนานทั้งสองของสวนที่ตัดกันจะถูกลบทิง้ Closed Tee เมื่อเลือก Closed Tee โปรแกรมจะบอกใหเราเลือกเสน คูข นานเสนแรก Select first mline: ใหคลิกบนเสนทีจ่ ะถูกตัดตรงสวนฐานของตัว T เมือ่ ปรากฏ Select second mline: ใหคลิกบนเสนทีจ่ ะเปนสวนหัวของตัว T เมือ่ เสร็จสิน้ การใชตวั เลือกนี้ เสนทุกๆ เสนของเสนคูข นานในสวนหัวของตัว T จะตัดทับทุกๆ เสนคูข นานเสนฐานของตัว T Open Tee เมื่อเลือก Open Tee โปรแกรมจะบอกใหเราเลือกเสน คูขนานเสนแรก Select first mline: ใหคลิกบนเสนทีจ่ ะถูกตัดตรงสวนฐานของตัว T เมื่อปรากฏ Select second mline: ใหคลิกบนเสนที่จะเปนสวนหัวของตัว T เมื่ อเสร็จสิ้นการใชตัวเลือกนี้ เสนที่อยู ภายในของเสนคูขนาน ในสวนหัวของตัว T จะตัดทับเสนทีอ่ ยูภายในของเสนคูข นานเสนฐานของตัว T Merged Tee เมือ่ เลือก Merged Tee โปรแกรมจะบอกใหเราเลือกเสนคูข นานเสนแรก Select first mline: ใหคลิกบนเสนทีจ่ ะถูกตัดตรงสวนฐานของตัว T เมือ่ ปรากฏ Select second mline: ใหคลิกบนเสนที่จะเปนสวนหัวของตัว T เมือ่ เสร็จสิน้ การใชตัวเลือกนี้ เสนทุกๆ เสนทีอ่ ยูภ ายในของเสนคูข นานในสวนหัวและในสวนฐานของตัว T จะตอชนกัน Corner Joint ใชสําหรับตัดหรือ ตอเสนคูขนานสองเสนใหทํามุมชนกัน ใหคลิกที่ปลายเสนคูขนานเสนที่ หนึ่งและปลายเสนคูขนานอีกเสนหนึ่ง โปรแกรมจะสรางมุมชนกันระหวางเสนคูข นานทัง้ สองเสน Add Vertex ใชสําหรับเพิม่ เติมจุดเวอรเทกซใหกบั เสน คูข นานในตําแหนงทีถ่ กู เลือก เมือ่ ปรากฏ Select mline: ใหคลิกบนเสนคูข นาน ณ ตําแหนงทีต่ อ งการเพิม่ จุดเวอรเทกซ เมือ่ เพิม่ จุดเวอรเทกซแลว เราอาจจะยังไมเห็นความเปลีย่ นแปลงใดๆ จนกวาจะมีการใชคําสัง่ STRETCH เคลือ่ นยายจุด เวอรเทกซนั้นไปยังตําแหนงใหม Delete Vertex ใชสําหรับลบจุดเวอรเทกซออกจากเสนคูขนานทีม่ ีจุดเวอรเทกซ ตัง้ แตสองจุดขึน้ ไป เมือ่ ปรากฏ Select mline: ใหคลิกบนจุดเวอรเทกซของเสนคูข นานทีต่ อ งการ Cut Single ใชสาํ หรับ ตัดเสนคูข นานเสนใดเสนหนึ่งที่ตองการ โดยใหคลิกบนเสนใดเสนหนึง่ ของเสนคูขนานตรงจุดจะเริม่ ตัดซึ่งบรรทัด แสดงขอความจะปรากฏ Select mline: ตอไปโปรแกรมจะบอกใหเราเลือกจุดที่สอง(บนเสนคูขนานเสนเดิม) Select second point: ใหคลิกบนจุดทีส่ อง Cut All ใชสําหรับตัดเสนทุกๆ เสนของเสนคูขนาน โดยใหคลิกบนเสนคูข นาน ตรงจุดจะเริม่ ตัด ซึง่ บรรทัดแสดงขอความจะปรากฏ Select mline: เมือ่ ปรากฏ Select second point: ใหคลิกบนจุดทีส่ อง เสนทุกๆ เสนของเสนคูขนานจะถูกตัดออก Weld All ใชสําหรับเชื่อมตอเสนคูข นานที่ถกู ตัดออกจากตัวเลือก Cut Single และ Cut All ซึง่ จะกลายเปนเสนคูข นานเสนเดิม
chap-04.PMD
126
13/10/2549, 1:26
กลุ มคําสั่งสําหรับการแกไขปรับแตงวัตถุ
127
Note
คําสั่งอื่นๆ ที่อยูในกลุมของคําสั่งในการแกไขวัตถุ ที่ยังไมไดอธิบายไวในบทนี้ไดถูกแยกออกไป ไวในบทตางๆ เนือ่ งจากบางคําสัง่ มีเนือ้ หามากและบางคําสัง่ ยังไมจําเปนตองทราบในขณะนี้ อาทิ เชน คําสั่ง Modify4Properties ถูกนําไปอธิบายไวในบทที่ 11 เนื่องจากมีรายละเอียดมากและยังไม จําเปนตองใชงานในขณะนี้ สวนคําสั่ง Tools4Xref and Block In-place Editing4Edit Reference In-Place ก็ไดถูกนําไปอธิบ ายไวในบทที่ 9 เนื่องจากเปนคําสั่งที่เกี่ยวของกับการแกไขบล็อคและ ก็ถูกนําไปอธิบ ายไวในกลุมคําสั่งสารพัด เอกซเรฟ สวนคําสั่ง Modify4Match Properties ประโยชนตางๆ ในบทที่ 12 เปนตน คําสั่งในการแกไขวัตถุที่เหลือสวนใหญจะอยูในบทที่ 12 กลุม คําสัง่ สารพัดประโยชน
Note
เพื่อตัดเสนหรือคําสั่ง Modify4 โดยปกติ เสนมัลติไลนจะไมสามารถใชคําสั่ง Modify4Trim Extend เพื่อตอเสนหรือคําสั่ง Modify4Break เพื่อตัดเสนได หากตองการใชคําสั่งดังกลาว กับเสนมัลติไลน เราจะตองใชคําสั่ง Modify4Explode เพื่อระเบิดเสนมัลติไลนใหเปนเสนตรง ธรรมดาเสียกอน แลวจึงใชคําสัง่ ดังทีก่ ลาวมาขางตนได อยางไรก็ตาม หากเสนมัลติไลนถกู ระเบิดกลาย เปนเสนตรงธรรมดาไปแลว เราก็จะไมสามารถใชคําสั่ง Modify4Object4Multiline เพื่อแกไขเสน เหลานัน้ ตอไปได
เปนอันวาเราไดศกึ ษาคําสัง่ พืน้ ฐานในการแกไขปรับแตงวัตถุมาพอสมควรแลว ยังมีคาํ สัง่ สําหรับแกไขปรับแตงวัตถุทยี่ งั ไมไดกลาวถึงอยูอ ีกจํานวนหนึง่ ซึ่งผูเขียนจะอธิบายการใชคําสัง่ เหลานั้นอยางละเอียดในบทตอๆ ไป ในเบือ้ งตนนี้ ขอใหผูอา นฝกฝนการใชคําสัง่ ตางๆ ในบทนี้เพื่อใหเกิดทักษะและความคลองตัวในการใชงานเสียกอน เมือ่ ผูอา น สามารถควบคุมการใชคําสัง่ เบือ้ งตนในการแกไขปรับแตงวัตถุไดเปนอยางดีแลว เราก็สามารถทีจ่ ะเริม่ ใช AutoCAD ไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึน้ ในบทตอไปเราจะเริม่ ศึกษาคําสัง่ ทีเ่ กีย่ วของกับการควบคุมคุณสมบัตขิ องวัตถุ
*********************************
chap-04.PMD
127
13/10/2549, 1:26
128
2D Drafting
chap-04.PMD
128
13/10/2549, 1:26