PAT 1 วัดศักยภาพทางคณิตศาสตร 6. กําหนดให U = {1, 2, 3, …, 100} และ X = {x∈U | หรม. (x, 100) = 1} ผลบวกของสมาชิกในเซต x เทากับขอใด 1. 1000 2. 2000 3. 3000 4. 5050 7. กําหนดให p, q และ r เปนประพจน ถาประพจน (p→q) → (p↔q) มีคาความจริงเปนเท็จ แลวประพจนใดตอไปนี้มีคาความจริงเปนจริง 1. (p∧q) → r 2. q → (p∧r) 3. P∧~q 4. p∨~q 8. เอกภพสัมพัทธในขอใดทําให ∀x [ x 2 + 2 x − 3 < 0 ] มีคาความจริงเปนจริง 1. (–∞, 3) 2. (–2, –1) 3. (0, 10) 4. (1, ∞) 9. กําหนดให n เปนจํานวนเต็มที่มีคามากที่สุด ซึ่งมีสมบัติวา n หาร 551 และ 731 เหลือเศษ r เทากัน และ n หาร 1093
ตอนที่ 1 ขอสอบปรนัยแบบ 4 ตัวเลือก จํานวน 55 ขอ 1. พิจารณาขอความตอไปนี้ ก. ถา ( p v q) r และ (q r) s ตางมีคาความจริง เปนเท็จ แลว ( p v q) (r v s) มีคาความจริงเปนจริง ข. การอางเหตุผลขางลางนี้สมเหตุสมผล เหตุ 1. ~ p ~ (q v r) 2. q ^ s 3. ~ r ผล s p ขอใดตอไปนี้ถกู 1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ถูก และ ข. ผิด 3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ผิด และ ข. ผิด 2. จงพิจารณาขอความตอไปนี้ ก. ใหเอกภพสัมพัทธคือเซตของจํานวนฉพาะบวกขอความ ∀x∃y[ x 2 + x + 1 = y ] มีคาความจริงเปนจริง ข. นิเสธของขอความ ∀x[ P( x) ⎯⎯ →[Q( x) ∨ R( x)]] คือ ∃x [ P( x)∧ ∼ Q( x)∧ ∼ R ( x)]] ขอใดตอไปนี้ถกู 1. ก. ถูกและ ข. ถูก 2. ก. ถูกและ ข. ผิด 3. ก. ผิดและ ข. ถูก 4. ก. ผิดและ ข. ผิด 3. กําหนดให A เปนเซตคําตอบของสมการ | x2 + x – 2 |≤ | x2 – 4x +3 | และ B = A – {1} ถา a เปนสมาชิกของ B ซึ่ง a – b ≥ 0 ทุก b ∈ B แลวพิจารณาขอความตอไปนี้ ก. 4 a เปนจํานวนคู 3
เหลือเศษ r + 2 แลว r − 1 มีคาเทากับขอใดตอไปนี้ n
1.
1 17
2.
1 18
3.
1 19
4.
1 20
10. วงกลมวงหนึ่งมีจุดศูนยกลาง อยูที่จุดศูนยกลางของวงรีทมี่ ี สมการเปน 9x2 + 4y2 – 36x – 24y + 36 = 0 ถาวงกลมนี้สัมผัสกับเสนตรงที่ผานจุด (1, 3) และ (5, 0) แลว รัศมีของวงกลมวงนี้เทากับขอใดตอไปนี้ 2. 4 1. 3
ข. 5 เปนจํานวนคู a
5
ขอใดตอไปนี้ถกู 1. ก. ถูกและ ข. ถูก 2. ก. ถูกและ ข. ผิด 3. ก. ผิดและ ข. ถูก 4. ก. ผิดและ ข. ผิด 4. กําหนดให A, B, C เปนเซตใดๆ และ n[(A∩B′) ∩ (B′∪C′)] = 4, n(B) = 5, n(A∩B) = 2, n(C) = 7 จงหาวา n(P(A)) – n(P(B)) เทากับขอใดตอไปนี้ 1. 1 2. 4 3. 16 4. 32 2 5. ให p(x) = x + 7 x + 3 เมื่อหาร p(x) ดวย x – p หรือ x + q จะไดคําตอบเทากัน โดยที่ p ≠ – q แลว p – q เทากับขอใดตอไปนี้ 1. 1 2. –5 3. –7 4. –9
5
3. 7
4. 9
8
13
11. ถา k, l, m เปนจํานวนจริงที่ทําใหวงรี kx 2 + ly 2 − 72 x − 24 y + m = 0
มีจุดศูนยกลางอยูที่จุด (4,3) และสัมผัสแกน Y แลวขอใดตอไปนี้ผิด 1. ความยาว แกนเอกเทากับ 12 หนวย 2. ความยาวแกนโทเทากับ 8 หนวย 3. ระยะหางระหวางจุดโฟกัสทั้งสองเทากับ 4 4. จุด (2, 6) อยูบนวงรี
86
5
หนวย
12. กําหนดให
18. กําหนดให U = {f |f เปนฟงกชัน และ f ⊂ {1, 2, 3, 4} × {a, b}} A = {f |f เปนฟงกชัน ซึ่ง R f = {a, b} และมีจํานวน-
r = {( x, y ) ∈ R × R | x 2 + y 2 = 16}
r = {( x, y ) ∈ R × R | xy 2 + x + 3 y 2 + 2 = 0}
เซตในขอใดตอไปนี้เปนสับเซตของ Dr – Ds 1. [ -4, -1] 2. [-3, 0] 3. [-2, 1] 4. [-1, 2] 13. กําหนดให f และ g เปนฟงกชันซึ่งนิยามโดย f (x) = x2 + 1 และ g(x) = ax เมื่อ a ∈ ( 0,1) ถา k เปนจํานวนที่ทําให (fog)(k) = (gof) (k) และ
สมาชิกในโดเมน = 3} จํานวนสมาชิกของเซต A เทากับเทาใด 1. 12 2. 14 3. 16 4. 24 19. กําหนดฟงกชัน f และ q ดังนี้ f(2x – 1) = 4x – a , a > 0 และ g −1 ( x ) = x + 1
( fog ) ⎛⎜⎝ k1 ⎞⎟⎠ มีคาเทากับขอใด -1
2
ตอไปนี้ 1. 1 3. 3
2. 2 4. 4
ถา ( f g )(a) = a 2 + 20 แลว f(a) มีคาเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 6 2. 7 3. 10 4. 17 20. ให u = ai + b j + 2k และ v = 2ai − 3b j โดยที่ a, b เปนจํานวนเต็มบวกและ θ เปนมุมระหวาง u
x | x | +1 และ g ( x ) = จํานวนเต็มซึ่งนอยทีส่ ุดที่มากกวาหรือเทากับ x ( เชน g ( 1.01 ) = 2, g ( - 6 ) = - 6, g ( - 7.99 ) = - 7 เปนตน) ถา F(x) = (fog)(x) และ G(x) = (gof)(x) แลวขอใดตอไปนี้เปนเท็จ 1. D F = (−∞ , ∞) 2. R F = (0 , 1) 3. G(x) = 1 เมื่อ x > 0 4. G( x) = 0 เมื่อ x < 0 15. ผลบวกของรากทั้งหมดของสมการ ⎛ ⎞ เทากับขอใดตอไปนี้ 1 log 3 + 27 = log 4 + 1 + 14. ให f , g : R → R กําหนดโดย f ( x ) =
3
⎜ ⎝
1 x
⎟ ⎠
3
2.
3 4
16. กําหนดให
3
1 x ∈ ( ,3) 3
ขอใดตอไปนีถ้ ูก 1. ก. ถูกและ ข .ถูก 2. ก. ถูกและ ข .ผิด 3. ก. ผิดและ ข .ถูก 4. ก. ผิดและ ข .ผิด 22. sin( arctn2 + arctan3) เทากับขอใดตอนี้ 1 1 2. 1. 2 2 1 3. 1 4. 2 2 23. ให u = i + 3 j , v = 2 i + j ถา θ เปนมุมระหวาง (u + v) และ (u − v) แลว cos θ มีคาเทากับขอใดตอไปนี้
1 2
x y
และ 6log( x − 2 y = log x3 + log y3} ผลบวกของสมาชิกทั้งหมดในเซต A มีคาเทากับขอใด ตอไปนี้ 1. 3 2. 4 3. 5 4. 6 17. กําหนดให f(x) = x + 1 , g f ( x ) = x + 1 R g f − R f g คือ เซตในขอใดตอไปนี้ 1. [–1, 1] 3. [0, 1]
และ cosθ = 1 แลว u × v มีคาเทา
5
4. 1 A = {z ∈ R | z =
u =3
กับขอใดตอไปนี้ 1. 6i + 8 j − 10k 2. −6i − 8 j + 10k 3. 12i + 4 j − 10k 4. −12i + −4 j + 10k 21. พิจารณาขอความตอไปนี้ ก. tan14๐ + tan 76๐ = 2cosec28๐ ข. ถา x > 0 และ sin(2arctan x) = 4 แลว
2x
1. 0 3.
และ v ถา
1. 1
5
2. [0, 1) 4. [–1, 1)
3.
87
1 5
2. 2
5
4. 2 5
24. กําหนดให | u − v | = 3 และ u ⋅ v = − 2 จงพิจารณาขอความตอไปนี้ ก. u + v เปนเวกเตอรหนึ่งหนวย
30. พิจารณาลําดับ an และ bn ซึ่ง ⎧ n2 ⎪ ⎪⎪ 2n + 1 an ⎨ ⎪ ⎪ ⎪⎩ 2
ข. | u | 2 + | v | 2 = 3 ขอใดตอไปนี้ถกู 1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ถูก และ ข. ผิด 3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ผิด และ ข. ผิด 25. ถา Z1 = cos 12 ° + i sin 12 ° และ Z 2 = − cos 16° − i sin 16° แลว
15
⎛ Z1 ⎞ ⎜⎜ ⎟⎟ ⎝ Z2 ⎠
3.
2.
1 + 3i 2
4.
− 3 −i 2
31. กําหนดให
⎢2 ⎣
3.
2 ⎥⎦
⎡ 2 1⎤ C=⎢ ⎥ ⎣ −1 4 ⎦
4.
x→0−
2
เมื่อ x < 0 เมื่อ 0 ≤ x < 1
เมื่อ x ≥ 1 f (1 − x ) เทากับขอใดตอไปนี้ ) + xlim →0 −
1. 0 3. 2
2. 1 4. 3 x2
32. ถา f ( x ) =
แลว
เมื่อ x > 1 x − 1 เมื่อ 0 < x ≤ 1 0 เมื่อ x ≤ 0
⎡ f ( x − 1) ⎤ เทากับขอใดตอไปนี้ lim f ( x 2 ) + lim ⎢ ⎥ x →1+ ⎣ x + 2 ⎦
x →0 −
1. − 4
2. - 1
3. 0
4. 1
3
0 ⎥⎦
โดยที่ x เปนจํานวนจริงถา det ( 2A = -76) แลวเมทริกซ C ในขอใดตอไปนี้ที่ทําใหคาของ det(BC) อยู ภายในชวง (-100, -50) 2. C = ⎡1 −1⎤ 1. C = ⎡1 −1⎤ ⎢1 ⎣
เมื่อ n > 100
⎧ x2 ⎪ ⎪⎪ f ( x ) = ⎨ 2 x −1 ⎪ ⎪ ⎪⎩ 3 x
lim f ( x
คาของ
1. เสนตรง 2. วงกลม 3. วงรี 4. ไฮเพอรโบลา 29. กําหนดเมทริกซ A และ B ดังนี้ ⎡ x 2 −2 2 ⎤ และ ⎡ −2 −4 X ⎤ B= A= ⎥ x ⎦⎥
เมื่อ n ≤ 100
ขอใดตอไปนี้ถกู 1. an และ bn เปนลําดับลูเขา 2. an และ bn เปนลําดับลูออก 3. an เปนลําดับลูเขา และ bn เปนลําดับลูออก 4. an เปนลําดับลูออก และ bn เปนลําดับลูเขา
26. กําหนดฟงกชั่นจุดประสงคและอสมการขอจํากัดเปนดังนี้ C = 40x + 32y 6x + 2y ≥ 12 2x +2y ≤ 8 4x + 12y ≥ 24 คาต่ําสุดของ C เทากับขอใดตอไปนี้ 1. 108 2. 112 3. 136 4. 152 27. จํานวนเซิงซอน α = 1 + i เปนคําตอบของสมการใน ขอใดตอไปนี้ 1. α 4 − 2α 2 + 4α = 0 2. α 4 − 2α 2 − 4α = 0 3. α 4 + 2α 2 − 4α = 0 4. α 4 + 2α 2 + 4α = 0 28. กราฟของจุด α ทั้งหมดในระนาบเซิงซอน ที่สอดคลอง สมการ (α + i ) (α − i ) = 1 เปนรูปใดตอไปนี้
⎢ ⎣⎢ 2 2
เมื่อ n > 100
⎧ 2 ⎪ ⎪⎪ และ bn = ⎨ ⎪ n2 ⎪ ⎪⎩ 2n +1
เทากับขอใดตอไปนี้
− 1 + 3i 2 − 3+i 2
1.
เมื่อ n ≤ 100
3
33. กําหนดให f เปนฟงกชันพหุนามกําลังสาม ซึ่งนิยามบน ชวง [-2, 2] โดยที่ f(0) = 1, f(1) = 0 และ f มีคาต่ําสุดที่ x = 1 มีคาสูงสุดที่ x = -1 พิจารณาขอความตอไปนี้ ก. f ( −2 ) ≤ f ( x ) ทุก x∈[ −2 , 2]
⎢1 2 ⎥ ⎣ ⎦ ⎡2 1 ⎤ C=⎢ ⎥ ⎣ 3 −1⎦
ข. f ( 2 ) ≥ f ( x ) ทุก x∈[ −2 , 2 ]
88
39. กําหนดตารางแสดงเงินคาอาหารกลางวันที่นักเรียนหองหนึ่ง ไดรับจากผูปกครองดังนี้ คาอาหารกลางวัน (บาท) จํานวนนักเรียน (คน) 29 - 31 1 32 - 34 4 35 - 37 5 38 - 40 5 41 - 43 5 คาเฉลีย่ เลขคณิต, คามัธยฐาน และสวนเบี่ยงเบนควอรไทล ตามลําดับ มีคาเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 37.35, 37.5 และ 3 2. 37.5, 37.5 และ 3 3. 37.35, 37.5 และ 3.5 4. 37.35, 37.0 และ 3 40. โรงงานแหงหนึ่งมีพนักงานจํานวน 40 คน และตารางแจกแจง ความถี่สะสมของอายุพนักงานเปนดังนี้
ขอใดตอไปนี้ถกู 1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ถูก และ ข. ผิด 3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ผิด และ ข. ผิด 34. กําหนดให z เปนจํานวนเชิงซอน พิจารณาขอความตอไปนี้ ก. z + z 2 + z − z ข. z =
2
=2z
2
+2z
2
3 i 50 2 + 2 แลว z = 3 + i
ขอใดตอไปนี้ถกู 1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ผิด และ ข. ผิด 3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ถูก และ ข. ผิด 35. กําหนดให พจนที่ n ของลําดับสองลําดับดังนี้ 4 1 an = 3 3 n + 3 1 + 2 + 3 + ... + n 3
b n = 4 x 2 + 1 + x 2 + 3x + 1 − 3x
lim (a n + b n ) มีคาเทากับขอใดตอไปนี้
n →∞
1. 2 3. 4.5 36. ให a เปนจํานวนจริง
2. 3.5 4. 5.5
⎧ 3x - 9 , x>3 ⎪ กําหนดให f(x) = ⎨ 3x - 3 ⎪ ax 2 - 6a , x ≤ 3 ⎩
38. กําหนดให f(x) = 3 x + 1 ถา g เปนฟงกชัน 2 ซึ่ง f g ( x ) = x + 1 ทุก x ∈ R แลว f′(1) + g′(1) มีคาเทากับขอใดตอไปนี้
12 3. 33 4
ความถี่สะสม
11-20 21-30 31-40 41-50 51-60
6 14 26 36 40
ถาผูจัดการมีอายุ 48.5 ปแลว พนักงานที่มีอายุระหวาง คามัธยฐานของพนักงาน และอายุของผูจัดการมีจํานวน ประมาณเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 31.5 % 2. 33.7% 3. 35.0% 4. 37.0% 41. จากตารางการแจกแจงความถี่ตอไปนี้
แลว f เปนฟงกชันตอเนื่องแลว f′(a) มีคาเทากับขอใด ตอไปนี้ 1. 2 2. 4 3. 8 4. 10 37. ถาจุด A บนเสนโคง y = 2x 3 − x 2 ทําใหเสนสัมผัส เสนโคงที่จุดนั้นตั้งฉากกับเสนตรง x + 4y = 10 แลว สมการเสนสัมผัสที่โคงนี้ ที่ผานจุด A ในควอดรันตที่ 1 มีระยะตัดแกน y ตรงกับ ขอใดตอไปนี้ 1. –2 2. –3 3. –4 4. 3
1. 41
อายุ (ป)
ชวงคะแนน
ความถี่
96 – 105 86 – 95 76 – 85 66 – 75 56 – 65 46 – 55
3 7 10 y x 4
ถาขอมูลชุดนี้มี Q1 = 65.5 และมีมัธยฐานเทากับ 75.5 แลว สวนเบี่ยงเบนควอไทลของขอมูลมีคาเทากับขอใด 1. 5 2. 10 3. 15 4. 20
2. 35
12 39 4. 4
89
42. นักเรียนหองหนึ่งเปนนักเรียนหญิง 20 คน นักเรียนชาย 30 คน มีคาเฉลีย่ ของน้ําหนักของนักเรียนหองนี้เทากับ 24.6 กิโลกรัม สมศรีเปนนักเรียนหญิงที่มีน้ําหนัก a กิโลกรัมคิดเปนคา มาตรฐานของน้ําหนักในกลุมนักเรียนหญิงเทากับ b สมชาย เปนนักเรียนชายทีม่ ีน้ําหนัก a กิโลกรัม คิดเปนคามาตรฐาน ของน้ําหนักในกลุมของนักเรียนชายเทากับ b ถา สัมประสิทธิ์ของการแปรผันเฉพาะกลุมนักเรียนหญิง เทากับ 0.125 สัมประสิทธิ์ของการแปรผันเฉพาะกลุมนักเรียนชาย เทากับ 0.16 สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานเฉพาะกลุมนักเรียนชายเทากับ 4 แลวขอใดตอไปนี้ถูก 1. a = 22, b = -1.1 2. a = 22, b = -1 3. a = 21, b = -1.1 4. a = 21, b = -1 43. จัดคน 8 คน ซึ่งมี สมชาย สมคิดและสมศรีรวมอยูดวยเขา นั่งเรียงกันเปนแถวตรงโดยที่สมศรีนั่งกลางติดกับสมชาย และสมคิดเสมอจํานวนวิธีการจัดที่นั่งดังกลางมีคาเทากับ ขอใดตอไปนี้ 1. 360 2. 720 3. 1080 4. 1440 44. กลองใบหนึ่งมีบัตร 10ใบ แตละใบมีเลข 0, 1, 2, ….,9 บัตร ละหนึ่งหมายเลข ถาหยิบบัตรจากกลองพรอมกัน 3 ใบความ นาจะเปนที่จะไดบตั รหมายเลขคูทุกใบ และมีแตมรวมกัน มากกวา 10 มีคาเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 1 2. 1 1 20
20 โดยมีสมบัติดังนี้ ∑ ( x i − b) 2
4.
70 28 3. 70
20
∑| xi − a |
i =1
20
มีคานอยที่สุดเมื่อ a = 5 และ ∑ ( x i − b) 2 i =1
มีคานอยที่สุดเมื่อ b = 8 ขอใดตอไปนี้ถกู ตอง 1. ขอมูลชุดนีม้ ีคาเฉลีย่ เลขคณิตนอยกวาคามัธยฐาน 2. ผลรวมของขอมูลชุดนี้ทั้งหมดเทากับ 100 3. สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของขอมูลชุดนี้มีคาเทากับ 5 4. สัมประสิทธิ์ของการแปรผันของขอมูลชุดนี้มีคาเทากับ 50 % 49. ขอมูลชุดหนึ่งมีการแจกแจงแบบปกติ โดยที่ คาสูงสุดของ ขอมูลมีคาเทากับเปอรเซ็นไทลที่ 97.5คาต่ําสุดของขอมูล มี คาเทากับเปอรเซ็นไทลที่ 33 ถาสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของขอมูลชุดนีเ้ ทากับ 10 แลว พิสัยของขอมูลชุดนี้เทา กับ ขอใด โดยกําหนดตารางแสดงพื้นที่ใตโคงดังนี้ Z 0.44 1.96 A 0.17 0.475 1. 25 2. 26 3. 27 4. 28 50. ราคาตอหนวยของคอรสเรียนในกรุงเทพในเวลาสามป ติดตอกันเปนดังนี้ ราคาคอรส(บาท) สถาบัน 2545 2546 2547 2000 a 2360 Genius 1500 1800 1875 NEO 1250 1250 1125 DAV’
1 30
45. มีเลข 8 จํานวนเปนเลขบวก 6 จํานวน ซึ่งเปนเลขคู 3 จํานวน จํานวนคี่ 3 จํานวน และมีจํานวนลบ 2 จํานวน ซึ่ง เปนจํานวน คู 1 จํานวนจํานวนคี่ 1 จํานวน ถาสุมตัวเลขดังกลาวมา 4 จํานวน แลว ความนาจะเปนที่ผลคูณของเลขทั้งสี่จะมีคานอยกวา 0 และเปนเลขคี่ มีคาเทากับขอใด 1. 14
= 500 ,
i =1
15
12
3.
3. 0.05 4. 0.75 47. คะแนนสอบของนักเรียนหองหนึ่งมีคาสัมประสิทธิ์สวนเบี่ยง เบนเฉลีย่ เทากับ 1.2 และสวนเบีย่ งเบนเฉลี่ยเทากับ 14.4 ถานักเรียนในหองนี้มี 10 คน และผลรวมกําลังสองของ คะแนนนักเรียนทั้งหองเทากับ 1530 คะแนนแลวสัมประสิทธิ์ การแปรผันของคะแนนสอบเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 0.1 2. 0.25 3. 0.3 4. 3 48. ขอมูลชุดหนึ่งประกอบดวย X1 , X 2 , X 3 , ... , X 20
2. 10
70 4. 1 70
46. กําหนดใหความนาจะเปนที่หลอดไฟฟาในหองน้ําเสียเทากับ 0.2 ความนาจะเปนที่หลอดไฟฟาในครัวเสียเทากับ 0.1 ความนา จะเปนที่หลอดไฟฟาในหองน้ําหรือหองครัวเสียเทากับ 0.25 แลวความนาจะเปนที่หลอดไฟฟาในหองน้ําและหองครัวเสีย พรอมกัน เทากับขอใดตอไปนี้ 1. 0.3 2. 0.1
โดยใชป 2545 เปนปฐาน ถาดัชนีราคาอยางงายแบบใช คาเฉลีย่ ราคาสัมพันธของราคาคอรสทัง้ สามสถาบันของ ป 2546 มีคามากกวา ป 2545 เทากับ 1 แลว a มีคาเทา กับขอใด 1. 2200 2. 2220 3. 2222 4. 2000 90
51. กลองใบหนึ่งมีลูกหินสีขาว 5 ลูก สีเขียว 3 ลูก สีน้ําเงิน 2 ลูก ถาหยิบลูกหินอยางสุม ครั้งละ 1 ลูก โดยไมใสคืน 3 ครั้ง แลว ความนาจะเปนที่จะหยิบไดลูกหินสีเดียวกันอยางนอย 2 ลูก มีคาเทากับขอใดตอไปนี้ 1.
1 24
3. 1 4
ตอนที่ 2 ขอสอบแบบอัตนัย (จํานวน 10 ขอ) 1. กําหนดให n เปนจํานวนเต็มบวกที่มีคานอยที่สุดซึ่งหาร ดวย 7 แลวมีเศษเหลือเทากับ 4 ถา 9 และ 11 ตางก็หาร (n-2) ลงตัวแลว n คือจํานวนใด
2. 23 24 4. 3 4
2. ถาเสนกํากับของไฮเพอรโบลา 16 x 2 − 9 y 2 + 32 x + 36 y = 164
ตัดแกน x ที่จุด x1 , x2 แลว ระยะระหวาง x1 , x2 ยาวกี่หนวย
52. ในโรงเรียนแหงหนึ่ง มีนักกีฬาฟุตบอลและนักกีฬาบาสเกตบอล รวมกัน 30 คน เปนนักกีฬาฟุตบอล 17 คน และนักกีฬาบาสเกตบอล 18 คน ถาจะเลือกประธานกีฬาของโรงเรียน 1 คน และ รองประธานกีฬา 1 คน จากนักกีฬากลุมนี้ โดยที่ประธานตอง เปนทั้งนักกีฬาฟุตบอลและนักกีฬาบาสเกตบอลแลว จํานวน วิธีการเลือกดังกลาวมีทั้งหมดเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 125 2. 130 3. 145 4. 150 53. ถาตองการเขียนจํานวนที่มี 7 หลัก โดยใชตัวเลขโดด 1 , 2 , 3, 4 , 5 , 6 , 7 และใหมีเลขโดด 3 , 4 , 5 อยูติดกันตรงกลาง ระหวางเลขโดดคูและเลขโดดคี่ โดยแตละจํานวนไมมีเลขซ้ํา แลวจะเขียนไดทั้งหมดเปนจํานวนเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 8 2. 16 3. 24 4. 48 54. โรงเรียนแหงหนึ่งมีนักเรียนชั้น ม. 6 จํานวน 300 คน สมชาย สมศักดิ์ และสมศรี เปนนักเรียนชั้น ม. 6 ของโรงเรียนนี้ โดยที่ เกรดเฉลี่ยของสมชายอยูในตําแหนงเดไซลที่ 8.15 เกรดเฉลี่ยของสมศักดิ์คิดเปนคามาตรฐานเทากับ 1 นักเรียนชั้น ม.6 ที่ไดเกรดเฉลี่ยมากกวาสมศรีมีจํานวน 50 คน ถาสมมติวาเกรดเฉลี่ยของนักเรียนชั้น ม. 6 มีการแจกแจง ปกติ ขอใดตอไปนี้เปนรายชื่อนักเรียนเรียงลําดับจาก คนที่ไดเกรดเฉลี่ยมากที่สุดไปนอยที่สุด (กําหนดพื้นที่ใตโคงปกติ Z = 0 ถึง Z = 1 มีคาเทากับ 0.3413) 1. สมชาย สมศักดิ์ สมศรี 2. สมศักดิ์ สมศรี สมชาย 3. สมศรี สมศักดิ์ สมชาย 4. สมศักดิ์ สมชาย สมศรี 55. ในการจัดคน 6 คน ซึ่งมี นาย ก และนาย ข รวมอยูดวย เขาพัก ในหอง 3 หอง โดยที่หองที่หนึ่งพักได 3 คน หองที่สองพักได 2 คน และหองที่สามพักได 1 คน ความนาจะเปนที่นาย ก และ นาย ข จะไดพกั หอง เดียวกันเทากับขอใดตอไปนี้
1 15 4 3. 15 1.
3.
กําหนดให
ถา 4.
f
−1
2 (a) = 3
กําหนดให โดยที่
⎧ −1 + 1 + 4 x 2 ⎪ 2x ⎪⎪ f ( x) = ⎨ ⎪ ⎪ 0 ⎪⎩
w
เมื่อ x ≠ 0
เมื่อ x = 0 แลว a มีคาเทากับเทาใด
ถา w = ai + b j มีทิศทางเดียวกันกับ u และ w =10 แลว u = 3i + 4 j
a + b เทากับเทาใด 5.
ถาขอมูลชุดหนึ่งมีสัมประสิทธิ์ของสวนเบี่ยงเบนเฉลีย่ เทกับ 0.12 สวนเบีย่ งเบนเฉลี่ยเทากับ 6 ละสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เทากับ 10 แลว สัมประสิทธิ์ของการแปรผันมีคาเทากับเทาใด
6. ให θ เปนจํานวนจริง ซึ่งสอดคลองกับสมการ 1 1 1 1 แลว tan 2 2θ มีคาเทาใด + + + =7 tan 2 θ
cot 2 θ
sin 2 θ
cos 2 θ
เปนอนุกรมเรขาคณิตซึ่งมีผลบวก 1 1 a a2 + + + + .... a 3 32 33 เทากับ 4 แลว a มีคาเทาใด 3
7. ถา
8.
กําหนดให
⎡ 3 x 3⎤ A = ⎢2 0 9⎥ ⎢ ⎥ ⎣⎢1 1 2 ⎥⎦
เมื่อ x เปนจํานวนจริง ถา ⎡ 3 x 3 1 0
0⎤ ⎢ 2 0 9 0 1 0⎥ ~ ⎢ ⎥ ⎢⎣ 1 1 2 0 0 1 ⎥⎦
3 15 5 4. 15 2.
แลว x มีคาเทากับเทาใด
91
5 −36 ⎤ ⎡1 0 0 9 ⎢ 0 1 0 −5 −3 21 ⎥ ⎢ ⎥ ⎢⎣ 0 0 1 −2 −1 8 ⎥⎦
9. ในการสอบวิชาคณิตศาสตรพบวาคะแนนของนักเรียนมีการ แจกแจงปกติสวนเบี่ยงเบนควอไทลเทากับ 6 สัมประสิทธิ์ ควอไทลเทากับ 0.6 คะแนนเฉลีย่ ของการสอบครั้งนี้มีคาเทา กับเทาใด 10. ถาความสัมพันธเชิงฟงกชั่นของขอมูลชุดหนึ่งระหวางตัวแปร x และ y มีกราฟเปนเสนตรงโดยที่ 8 8 8 ∑ X i = 32 , Y = 16 , ∑ X iYi = 65 ,
∑
i =1
8
∑X i =1
2 i
i =1
i =1
, = 140
8
∑Y i =1
i
i
2
= 34
ถา x = 8 แลวจะประมาณคา y ไดเทาใด (ตอบเปนทศนิยมสองตําแหนง)
92
เฉลย PAT 1 วัดศักยภาพทางคณิตศาสตร แสดงวามีคา x ในเอกภพสัมพัทธบางคาที่ทําให y ไม อยูในเอกภพสัมพัทธ ดังนั้น ∀x∃y ⎡⎣ x2 + x + 1 = y ⎤⎦ มีคาความจริงเปนเท็จ
ตอนที่ 1 ขอสอบปรนัย จํานวน 55 ขอ 1. ตอบ 3. แนวคิด ขอ ก กําหนดให ( pVp ) → r และ
( q → r ) → s ตางมีคาความจริงเปนเท็จ สามารถนํามาหาคาความจริงของประพจน p, q, r ได ดังแผนภาพตอไปนี้ ( p V p) → r (q → r ) →
เมื่อเอกภพสัมพันธเปนจํานวนเฉพาะบวก ขอ ข ถูก เพราะวา นิเสธของ ∀x ⎡ P ( x ) → ⎡Q ( X )V R ( x )⎤ ⎤ คือ
∃x ⎡⎣ ~ ( P ( x ) → ⎣⎡Q ( x ) V R ( x )
สมมูลกับ
∃x ⎡⎣( P ( x ) ∧ ~ ⎡⎣Q ( x ) V R ( x ) ]⎤⎦
สมมูลกับ
∃x ⎡⎣( P ( x ) ∧ ~ Q ( x ) ∧ ~ R ( X ) ⎤⎦
แนวคิด
จาก x 2 + x - 2 ≤ x 2 - 4x + 3
)⎦⎤
จะได ( x 2 + x − 2 )2 ≤ ( x 2 − 4 x + 3)2
(x (x (x
มีคาความจริงเปนเท็จ
2
+ x − 2 ) − ( x 2 − 4 x + 3) ≤ 0 2
2
2
+ x − 2 − x 2 + 4 x − 3)
2
+ x − 2 + x 2 − 4 x + 3) ≤ 0
( 5 x − 5 ) ( 2 x 2 − 3 x + 1) ≤ 0 5 ( x − 1)( 2 x − 1)( x − 1) ≤ 0 2 5 ( x − 1) ( 2 x − 1) ≤ 0 จะพบวา x = 1 อสมการดังกลาวเปนจริง
สรุป ขอ ก ผิด ขอ ข ใหเหตุทุกเหตุที่มีคาความจริงเปนจริง แลวหา คาความจริง และ ดังแผนภาพตอไปนี้ q ∧ s
⎦⎦
3. ตอบ 3.
สรุป p, q, r และ s มีคาความจริงเปน T , F , F , F ตามลําดับ ดังนั้น ประพจน ( p V q ) → ( r V s )
~ p → ~ (q V r )
⎣
⎣
s
ถา x ≠ 1 จะได
2x −1 ≤ 0
~ r
x≤
นั่นคือ เนื่องจาก
1 2
1⎤ ⎛ A = ⎜ −∞, ⎥ ∪ {1} 2⎦ ⎝
B = A − {1} 1⎤ ⎛ B = ⎜ −∞, ⎥ 2⎦ ⎝
นั่นคือ s เปนจริง และ p เปนจริง ดังนั้น ผล s → p มีคาความจริงเปนจริง การอางเหตุผลดังกลาวสมเหตุสมผล สรุป ขอ ข ถูก
จาก a ∈ B และ a − b ≥ 0 ทุกๆ b ∈ B แสดงวา a ∈ B และ a ≥ b ทุกๆ b ∈ ⎛ −∞, 1 ⎤ จะได a =
2. ตอบ 3. แนวคิด ขอ ก ผิด เพราะวา กําหนดให เอกภพสัมพัทธคือ เซตของจํานวนเฉพาะบวก จาก x 2 + x + 1 = y จะพบวา ถา x = 7 ซึ่งเปนจํานวนเฉพาะบวก จะได
⎜ ⎝
1 2
2 ⎦⎥
ดังนั้น ขอ ก ผิด เพราะวา 4 a = 4 ⎛⎜ 1 ⎞⎟ = 2 ไมเปนจํานวนคู 3
3⎝2⎠
3
ขอ ข ถูก เพราะวา 5 = 5 ⎛⎜ 2 ⎞⎟ = 10 เปนจํานวนคู a
4. ตอบ 4. 32 5. ตอบ 3. –7 6. ตอบ 2. 2000
72 + 7 + 1 = y y = 57 = 3 ×19
คา y ดังกลาวไมใชจํานวนเฉพาะบวก
93
⎝1⎠
7. ตอบ 1. (p∧q) → r 8. ตอบ 2. (–2, –1) 9. ตอบ 2. แนวคิด จากเงื่อนไข n หาร 551 และ 731 เหลือเศษ r เทากับ จะได 551 = nx + r
11. ตอบ 4. แนวคิด จากสมการวงรี kx + y − 72 x − 24 y + m = 0 เนื่องจาก จุดศูนยกลางอยูที่จดุ ( 4,3) 2
จะได
( 3 ) − (1)
ได
540 = n ( z − x )
( 3) − ( 2 )
ได
360 = n ( z − y )
180
m=0
จะได สมการวงรี คือ 9 x 2 + 4 y 2 − 72 x − 24 y + 36 = 0
ทําใหอยูในรูปแบบ 2 2 9 ( x − 4 ) + 4 ( y − 3) = 144 2 2 ( x − 4 ) + ( y − 3) = 1 16
18
b2 = 16 ⇒ b = 4 ⇒ 2b = 8
แสดงวา ความยาวแกนโทเทากับ 8 หนวย
แนวคิด จุดศูนยกลางวงกลมอยูที่จุดศูนยกลางวงรี จะไดวา จาก
c 2 = a 2 + b2 = 36 − 16 = 20 c = 2 5 ⇒ 2c = 4 5
9 x 2 + 4 y 2 − 36 x − 24 y + 36 = 0
แสดงวา ระยะหางระหวางจุดโฟกัสทั้งสองเทากับ 4 5 หนวย พิจารณาจุด ( 2, 6 )
จุดศูนยกลางวงรี ⎛ +36
+24 ⎞ , ⎜ ⎟ = ( +2, + 3) 18 8 ⎠ ⎝
= จุดศูนยกลางวงกลม สรางสมการเสนตรงที่มี (1,3) และ (5,0) เปนจุดผาน
ถานํา x = 2 และ y = 6 แทนในสมการ จะได 9 ( 2 )2 + 4 ( 6 ) − 72 ( 2 ) − 24 ( 6 ) + 36
0 − 3 −3 ∴ m= = 5 −1 4
แสดงวา จุด ( 2, 6 ) ไมใชจุดบนวงรี (ขอ 4 ผิด)
∴ y − y1 = m ( x − x1 )
12. ตอบ 4.
−3 ( x −1) 4 −3 3 y −3= x+ 4 4 3x + 4 y −15 = 0 y −3=
แนวคิด จาก r = {( x, y ) ∈ R × R x 2 + y 2 = 16} จะพบวา ความสัมพันธ มีกราฟเปนรูปวงกลมที่มีจุด ศูนยกลางที่จุดกําเนิด และมีรัศมีเทากับ 4 ดังนั้น Dr = [ −4, 4] ..... (1)
เสนตรงสัมผัสวงกลม Ax1 + By1 + C
จาก
A2 + B 2
; สูตรระยะทางตั้งฉากของเสนตรงกับจุด 3 ( 2 ) + 4 ( 3) + 5 3
=
3 +4 2
2
36
จะได a 2 = 36 ⇒ a = 6 ⇒ 2a = 12 แสดงวา ความยาวแกนเอกเทากับ 12 หนวย
10. ตอบ 1.
∴r =
2
36 − 72 + m = 0
จากรูปแบบดังกลาว แสดงวา n หาร180, 540 และ 360 ลงตัวเนื่องจากกําหนดใหเปนจํานวนเต็มบวกที่ มากที่สุด ดังนั้น คือ ห.ร. ม. ของ 180 , 540 และ 360 นั่นคือ n = 180 นําไป 180 ไปหาร 551 จะเหลือเศษ 11 ⇒ r = 11 ดังนั้น r − 1 = 11 − 1 = 1 n
และ
นั่นคือ 9 ( 0 ) + 4 ( 3 ) − 72 ( 0 ) − 24 ( 3) + m = 0 2
180 = n ( y − x )
k =9
24 =3 2 =4
ดังนั้น ( 0,3) เปนจุดบนวงรี
1091 = nz + r
ได
และ
ดังนั้น สมการคือ 9 x + 4 y 2 − 72 x − 24 y + m = 0 เนื่องจากวงรีสัมผัสแกน y ที่จุด ( 0,3)
731 + ny + r
( 2 ) − (1)
72 =4 2k 2
จากเงื่อนไข n หาร 1093 เหลือเศษ r +2 จะได 1093 = nz + ( r + 2 ) นั่นคือ
2
=
s=
{( x, y ) ∈ R × R xy
2
พิจารณา xy + x + 3 y + 2 = 0 2
2
xy 2 + 3 y 2 = − x − 2
5
( x + 3) y 2 = − x − 2
94
}
+ x + 3y2 + 2 = 0
−x − 2 x+3 −x − 2 ≥ 0 และ x ≠ −3
นั่นคือ
x+3 x+2 ≤0 x+3
แสดงวา ดังนั้น
ให A = 3 2 x , A2 = 3 x
A2 + 27 = 12 − A A2 − 12 A + 27 = 0
และ x ≠ −3
( A − 9 )( A − 3) = 0
−3 < x ≤ −2
A= 9
Ds = ( −3, −2]
..... ( 2 )
3 = 32
ผลบวกของรากทั้งหมด คือ แนวคิด
จาก
6
( x − 2y)
+ 1 = a ( k 2 + 1)
( x − 4 y )( x − y ) = 0 x = 4y , x = y x = 4 กรณีนี้ใชไมได y
a −1 a2 − a
z=4
a −1 1 = ( a ≠ 1) a ( a − 1) a
เนื่องจาก ( fog −1 ) ⎛ 1 ⎞ = f ⎛ g −1 ⎛ 1 ⎞ ⎞ ⎜ 2⎟ ⎜ 2 ⎟⎟ ⎜ k k ⎠
⎝
⎝
⎠⎠
เพราะวา g ( x ) = ax จะได g −1 ( ax ) = x ให ดังนั้น
ax =
17. ตอบ 18. ตอบ 19. ตอบ 20. ตอบ
1 1 ⇒x= 2 k2 ak
1 1 ⎛ 1 ⎞ g −1 ⎜ 2 ⎟ = 2 = =1 ⎛1⎞ ⎝ k ⎠ ak a⎜ ⎟ ⎝a⎠
นําไปแทนใน (1) จะได
เพราะทําใหจํานวนตามหลัง log เปนจํานวนลบ ดังนั้น สมาชิกในเชต A คือ 4 ผลบวกของสมาชิก ใน A เทากับ 4 3. [0, 1] 4. 24 2. 7 1. แนวคิด จาก u = ai + b j + 2k 2 จะได u = a + b2 + 4 จากที่กําหนดให
( fog −1 ) ⎛⎜⎝ k12 ⎞⎟⎠ = f (1) = 12 + 1 = 2 14. ตอบ 2. 15. ตอบ 3.
= xy
x 2 − 5 xy + 4 y 2 = 0
− a) k 2 = a −1
⎝
3
x − 4 xy + 4 y 2 = xy
a 2 k 2 − ak 2 = a − 1
k2 =
2
= ( xy )
2
a 2 k 2 + 1 = ak 2 + a
k2 =
6
( x − 2y)
f ( ak ) = g ( k 2 + 1)
2
6 log ( x − 2 y ) = log x 3 + log y 3
log ( x − 2 y ) = log ( x3 y 3 )
กําหนดให ( fog )( k ) = ( gof )( k ) จะได f ( g ( k )) = g ( f ( k ))
(a
1 1 3 + = 4 2 4
16. ตอบ 2.
จาก f ( x ) = x 2 + 1 และ g ( x ) = ax เมื่อ a ∈ ( 0,1)
2
หรือ 3 2 x = 31
1 1 = 2 หรือ = 1 2x 2x 1 หรือ x = 1 x= 2 4
13. ตอบ 2.
( ak )
หรือ A= 3 1
1 2x
จาก (1) และ (2) Dr − DS = [ −4, 4] − ( −3, 2] = [ −4, −3] ∪ ( −2, 4] จะพบวา [ −1, 2] ⊂ Dr − Ds แนวคิด
1
1
y2 =
ดังนั้น
R F = (0 , 1)
u =3
a 2 + b2 + 4 = 3
a 2 + b2 = 5 a 2 = 5 + b 2 ..... (1)
1 ⎛ 1 ⎞ log 3 ⎜ 3 x + 27 ⎟ = log 3 4 + log 3 3 + log 3 3 2 x ⎝ ⎠
จาก จะได
1 ⎛ 1 ⎞ log 3 ⎜ 3 x + 27 ⎟ = log 3 (4 ) (3) (3 2 x ) ⎝ ⎠
v = 2ai − 3b j
u i v = a ( 2a ) + b ( −3b ) + 2 ( 0 ) u v cos θ = 2a 2 + 3b 2 ⎛1⎞ 3 4a 2 + 9b 2 ⎜ ⎟ = 2a 2 − 3b 2 ⎝3⎠
1 ⎛ 1x ⎞ 2x ⎜ 3 + 27 ⎟ = (12 ) (3 ) ⎝ ⎠
95
2 tan = sec 2 A 5
4a 2 + 9b 2 = 2a 2 −3b 2
จาก ( 1 ) 4 ( 5 − b ) + 9b = 2 ( 5 − b ) − 3b 2
2
2
tan A =
2
นั่นคือ
20 − 4b 2 + 9b 2 = 10 − 2b 2 − 3b 2
2 (1 + tan 2 A) 5
x=
20 + 5b 2 = 10 − 5b 2
2 (1 + x 5
5x = 2 + 2 x2
2 x2 − 5x + 2 = 0 ( 2 x − 1)( x − 2 ) = 0
20 + 5b2 = 100 − 100b2 + 25b4
1 x = ,2 2
25b4 − 105b2 + 80 = 0 5b − 21b + 80 = 0 4
2
( 5b
2
b2 =
แสดงวา
− 16 )( b 2 − 1) = 0
16 5
b=±
b2 = 1
22. ตอบ 3. แนวคิด ให
b = ±1
16 5
⎛1 ⎞ x ∈ ⎜ ,3 ⎟ ⎝3 ⎠
sin ( arctan 2 + arctan 3)
arctan 2 = A + arctan 3 = B
⎛ 2 ⎞⎛ 1 ⎞ ⎛ 1 ⎞⎛ 3 ⎞ =⎜ ⎟⎜ ⎟+⎜ ⎟⎜ ⎟ ⎝ 5 ⎠ ⎝ 10 ⎠ ⎝ 5 ⎠ ⎝ 10 ⎠
กําหนดให และ เปนจํานวนเต็มบวก ดังนั้น b = 1 ⇒ a 2 = 4 (จาก(1)) a=2
ดังนั้น u = 2i + j + 2k และ v = 4i − 3 j u×v =
)
=
2 3 + 50 50
=
5 5 1 = = 50 5 2 2
23. ตอบ 1.
1 2 2 2 2 1 i− j+ k −3 0 4 0 4 −3
1 5
24. ตอบ 2. ก. ถูก และ ข. ผิด 25. ตอบ 1. − 1+ 3i
u × v = 6i + 8 j − 10k
21.ตอบ 1.
2
26. ตอบ 1.
แนวคิด ขอ ก ถูก เพราะวา
แนวคิด จากสมการขอจํากัด นํามาเขียนกราฟไดดังนี้ 6 x + 2 y ≥ 12, 2 x + 2 y ≤ 8 และ 4 x + 12 y ≥ 24 จะพบวา บริเวณทีเ่ ปนไปตามเงื่อนไข คือ บริเวณแรเงา PQR โดยมีจุดมุม 3 คือ ⎛ 3 3 ⎞ และ R ( 3,1) P (1,3) , Q ,
tan14° + tan 76° = tan14° + cot14° sin14° cos14° = + cos14° sin14° sin 2 14° + cos 2 14° sin14° cos14° 1 = sin14° cos14°
=
=
2 2sin14° cos14°
=
2 sin 28°
⎜ ⎟ ⎝2 2⎠
นําจุดทั้ง 3 ไปหาคาต่ําสุดของฟงกชันจุดประสงค C จาก C = 40 x + 32 y จุด P (1,3) ⇒ C = 40 (1) + 32 ( 3) = 136
= 2cos ec 28°
ขอ ข ถูก เพระวา 4 จาก sin ( 2 arctan x ) =
จุด
R ( 3,1) ⇒ C = 40 ( 3 ) + 32 (1) = 152
27. ตอบ 1. 28. ตอบ 2. 29. ตอบ 1.
arctan x = A ⇒ tan A = x 4 sin 2 A = 5 2sin A cos A =
⎛3 3⎞ ⎛3⎞ ⎛3⎞ Q ⎜ , ⎟ ⇒ C = 40 ⎜ ⎟ + 32 ⎜ ⎟ = 108 ⎝2 2⎠ ⎝2⎠ ⎝2⎠
จะพบวา คาต่ําสุด C เทากับ 108
5
ให ดังนั้น
จุด
4 5
แนวคิด
จาก
⎡ x A=⎢ ⎢⎣ 2 2 2
2 5cos A sin A 2 = cos A 5cos 2 A
sin A =
96
−2 2 ⎤ 3 ⎥ ⇒ det ( A) = x + 8 x ⎥⎦
กําหนดให
det ( 2 A ) = −76
จะได
4 det ( A ) = −76
det ( A) = −19
นั่นคือ
จาก(2) จะได a + c = −1
จาก(3) จะได 3a + c = 0 นําคา a, b, c และ d ที่หาไดไปแทนใน (1) จะได
x3 = −27 ⇒ x = −3
จาก
⎡ −2 −4 x ⎤ ⇒ det ( B ) = 8 x B=⎢ 0 ⎥⎦ ⎣2
ถา
det ( BC ) = det ( B ) det ( C ) = ( −24 ) det ( C )
ถา
กําหนดให det ( BC ) อยูในชวง ( −100,50 ) จะได
ถา
−100 < ( −24 ) det ( C ) < −50
⎡1 −1⎤ C=⎢ ⎥ ⇒ det ( C ) = 3 ⎣1 2 ⎦
จากขอ (2)
⎡ −1 2⎤ C=⎢ ⎥ ⇒ det ( C ) = −3 ⎣ 1 1⎦
จากขอ (3)
⎡ 2 1⎤ C=⎢ ⎥ ⇒ det ( C ) = 9 ⎣ −1 4⎦
จากขอ (4)
⎡2 1 ⎤ C=⎢ ⎥ ⇒ det ( C ) = −5 ⎣ 3 −1⎦
จะพบวา
det ( C )
2
24
จากขอ (1)
ถา
−
แนวคิด กําหนดให f เปนฟงกพหุนามกําลังสาม ดังนั้น f จะอยูในรูป f ( x ) = ax 3 + bx 2 + cx + d ..... (1) จาก f (0) = 1 ⇒ d = 1
จาก (1)
f
ดังนั้น f ( 2 ) ≥ f ( x ) ขอ ข ถูก 34. ตอบ 4. ก. ถูก และ ข. ผิด 35. ตอบ 4. 5.5 36. ตอบ 3. 8 37. ตอบ 2. –3 38. ตอบ 1. 41 12 39. ตอบ 1. แนวคิด จากขอมูลที่กําหนดใหแทนคาอาหารกลางวัน และ แทนความถี่ 1. คาเฉลีย่ เลขคณิต
33. ตอบ 1.
จะได
a+b+c+d = 0 a + b + c = −1 ( d = 1)
จุดกึ่งกลาง
29-31 30 1 32-34 33 4 35-37 36 5 38-40 39 5 41-43 42 5 2. f ( −1) และ f ( 2 ) เปนคาสูงสุดสัมบูรณ
ในขอ 1 เปนไปตามเงื่อนไขที่
f (1) = 0
x ∈ [ −2, 2 ] จะพบวาในชวงปดดังกลาว
x
4 3
จาก
2
1. f (1) และ f ( −2 ) เปนคาต่ําสุดสัมบูรณ ดังนั้น f ( −2 ) ≤ f ( x ) ขอ ก ถูก
กําหนด 30. ตอบ 3. 31. ตอบ 3. 32. ตอบ 1.
1 3 x = −1 ⇒ f ( −1) = − + + 1 = 2 2 2 1 3 x = −2 ⇒ f ( −2 ) = ( −8 ) − ( −2 ) + 1 = 0 2 2
ถา x = 2 ⇒ f ( 2 ) = 1 (8) − 3 ( 2 ) + 1 = 2
ดังนั้น เงื่อนไขคือ 50 < det ( C ) < 100 24
1 3 3 x − x +1 2 2 1 3 x = 1 ⇒ f (1) = − + 1 = 0 2 2 f ( x) =
แทนคา จะได det ( B ) = 8 ( −3) = −24 ดังนั้น
1 −3 ⇒ a = ,c = 2 2
x3 + 8 = −19
...... ( 2 )
f ' ( x ) = 3ax + 2bx + c 2
กําหนดให f มีคาต่ําสุดที่ x = 1 และ มีคาสูงสุดที่ x = −1 นั่นคือ f ' (1) = 0 และ f ' ( −1) = 0
=
30 (1) + 33 ( 4 ) + 36 ( 5 ) + 39 ( 5) + 42 ( 5 ) 1+ 4 + 5 + 5 + 5
=
747 = 37.35 20
2. จํานวนนักเรียนทั้งหมด 20 คน ตําแหนงของมัธยฐานอยูที่ N = 20 = 10
จาก f ' (1) = 0 ⇒ 3a + 2b + c = 0 ..... ( 3 )
2
จาก
2
ดังนั้น มัธยฐาน = 37.5 3. ตําแหนงของ Q = N ⎛ 1 ⎞ = 20 ⎛ 1 ⎞ = 5
f ' ( −1) = 0 ⇒ 3a − 2b + c = 0 ..... ( 4 )
1
(3)-(4) จะได 4b = 0 ⇒ b = 0 (นําไปแทนคา)
ตําแหนงของ
97
⎜ ⎟ ⎝4⎠
⎜ ⎟ ⎝4⎠
⎛3⎞ ⎛3⎞ Q3 = N ⎜ ⎟ = 20 ⎜ ⎟ = 15 ⎝4⎠ ⎝4⎠
43. ตอบ 4. แนวคิด จากที่กําหนดให ตองการให สมศรีนั่งตรงกลางติดกับสมชาย และสมคิด นําคนทั้ง 3 คนมานัด แลวนับเปนของ 1 สิ่ง ดังนั้น จะมีของอยู 6 สิ่ง (1 มัดกับ 5 คน) มาจัดเปนแถวตรง ซึ่งสามารถทําได 6! วิธี แตเนื่องจากภายในมัด สมชายและสมคิดสามารถสลับ ที่นั่งกันไดอีก 2! วิธี แสดงวา จํานวนวิธีที่จะจัดใหนั่งสามารถทําได 6!× 2! = 1440 วิธี 44. ตอบ 3. แนวคิด มีบัตร 10 ใบแตละใบหมายเลข 0,1, 2,3,.....9 บัตรละ 1 หมายเลข หยิบมา 3 ใบ จํานวนวิธีที่จะเกิดขึ้นได = C = 120 วิธี
ดังนั้น Q1 = 34.5 และ Q3 = 40.5 นั่นคือ สวนเบีย่ งเบนควอไทล = Q3 − Q1 2
40.5 − 34.5 = =3 2
40. ตอบ 3. 41. ตอบ 2. 10 42. ตอบ 4. แนวคิด พิจารณากลุมนักเรียนชาย จากขอมูลที่กําหนดให N = 30, σμ = 0.16 และ σ = 4 นั่นคือ μ =
σ 0.16
=
4 = 25 0.16
สมชายเปนนักเรียนชายที่มีน้ําหนัก a กิโลกรัม และคิดเปนคามาตรฐานเทากับ b จาก z = x − μ ⇒ b = a − 25 ..... (1) σ
10,3
4
เหตุการณที่ตองการคือ 3 ใบที่หยิบมาเปนหมายเลขคูทุกใบ (0, 2, 4, 6, 8) และมีผลรวมของแตมมากกวา 10 เหตุการณดังกลาวจะเกิดขึ้นได 6 วิธี ดังนี้
-------------------------------------เนื่องจากคาเฉลี่ยของน้ําหนักนักเรียนทั้งหอง เทากับ 24.6 นั่นคือ ผลรวมน้ําหนัก (ชาย)+ ผลรวมน้ําหนัก (หญิง) = 24.6 จํานวนนักเรียนทั้งหมด
( 0, 4,8 ) , ( 0, 6,8 ) , ( 2, 4, 6 ) , ( 2, 4,8 ) , ( 2, 6,8 ) , ( 4, 6,8 )
ดังนั้น ความนาจะเปนของเหตุการณดังกลาว = 45. ตอบ 4. 1
70
46. ตอบ 3. 0.05 47. ตอบ 2. 0.25 48. ตอบ 4. 49. ตอบ 1. 25 50. ตอบ 1. 2200 51. ตอบ 2. 23
30(25) + 20 (คาเฉลี่ยน้ําหนักหญิง) = 24.6 50 20 (คาเฉลีย่ น้ําหนัก (หญิง) ) = 24.6 ( 50 ) − 30 ( 25 ) = 1230 − 750
= 480
คาเฉลีย่ น้ําหนัก (หญิง) =
24
480 = 24 20
52. ตอบ 3. 145 53. ตอบ 4. 48 54. ตอบ 2. สมศักดิ์ สมศรี สมชาย 55. ตอบ 3. 4 15 ตอนที่ 2 ขอสอบอัตนัย จํานวน 10 ขอ 1. ตอบ 200 แนวคิด จงหา n ที่เปนจํานวนเต็มบวกและมีคานอยที่สุด เนื่องจาก n หารดวย 7 แลว มีเศษเหลือ 4 จะได n = 7 x + 4, x ∈ Ι ......(1) เนื่องจาก 9 และ 11 ตางก็หาร n − 2 ลงตัว เพราะวา ค.ร.น.ของ 9 กับ 11 คือ 99 ดังนั้น n - 2 = 99 (k), k ∈ I .....(2) จาก (1) 7 x + 4 − 2 = 99 ( k )
------------------------------------------พิจารณากลุมนักเรียนหญิง จากผลการคํานวนที่ผานมาจะได μ = 24, N = 20 โจทยกําหนดเพิ่มเติมวา σ = 0.125 ⇒ σ = 0.125μ μ
ดังนั้น σ = 0.125 ( 24 ) = 3 เนื่องจาก สมศรีมีน้ําหนัก a กิโลกรัม คิดเปนคา มาตรฐานในกลุมนักเรียนหญิงไดเทากับ b จาก z = x − μ ⇒ b = a − 24 σ
3
จาก ( 1) และ (2) จะได
..... ( 2 )
a − 25 a − 24 = 4 3
3a − 75 = 4a − 96
แทนคาใน (2) จะได
6 1 = 120 20
a = 21 21 − 24 b= = −1 3
7 x + 2 = 7 (14 ) k + k
98
7. ตอบ 1.5 8. ตอบ 4 9. ตอบ 10
7 x = 7 (14 ) k + ( k − 2 )
เพราะวา 7 หาร 7 (14 ) k ลงตัว ดังนั้น 7 ตองหาร k − 2 ลงตัว จะพบวา มีคานอยที่สุด คือ k = 2 นําไปแทนใน ( 2) จะได n − 2 = 99 ( 2 )
แนวคิด จาก สวนเบี่ยงเบนควอไทล เทากับ 6 จะได Q − Q = 6 3
1
2
n = 198 + 2
Q3 − Q1 = 12
จากสัมประสิทธควอไทล เทากับ 0.6 จะได Q − Q = 0.6
n = 200
2. ตอบ 2.09
3
แนวคิด จาก
( 2 × 2 )( 9 × 3 ) = ( 2 × 6 ) 2x
2x
12 = 0.6 Q3 + Q1
2x
18 ( 2 2 x × 33 x ) = 2 2 x × 6 2 x
18 ( 6 ) = 2 × 6 2x
2x
Q3 + Q1 =
2x
12 = 20 0.6
..... ( 2 )
เนื่องจากการแจกแจงของคะแนนเปนการแจกแจงปกติ ดังนั้น คะแนนเฉลีย่ = มัธยฐาน
18 = 22 x
ดังนั้น 2 x = log 2 18
=
2 x = log 2 9 + log 2 2
Q3 + Q1 20 = = 10 2 2
10. ตอบ 2.33
2 x = 2log 2 3 + 1
แนวคิด เนื่องจากความสัมพันธเชิงฟงกชันของขอมูล ระหวางตัวแปร และ มีกราฟเปนเสนตรง แสดงวา y = mx + c ..... (1)
1 2
x = log 2 3 +
1
Q3 + Q1
22 x +1 i32 x + 2 = 122 x
x = 1.59 + 0.5 = 2.09
3. ตอบ 0.5 4. ตอบ 14 5. ตอบ 0.2 6. ตอบ 8
ในการหาคา m และ c จะหาจาก
แนวคิด
จาก
1 1 1 1 + + 2 + =7 2 2 tan θ cot θ sin θ cos 2 θ
i =1
i =1
i =1
..... ( 2 )
..... ( 3 )
2 = 4m + c c = 2 − 4m
นําขอมูลที่กําหนดใหแทนคาใน (3) 65 = 140m + 32c 65 = 140m + 32 ( 2 − 4m )
2
2 tan θ − 5 tan θ + 2 = 0 2 θ − 1)( tan 2 θ − 2 ) = 0 4
2
65 = 140m + 64 − 128m
( 2 tan
tan 2 θ =
1 หรือ tan 2 θ = 2 2
1 = 12m ⇒ m =
...... (1)
tan 2 θ =
⎛1⎞ c = 2 − 4⎜ ⎟ ⎝ 12 ⎠
2
c=
)
4 (2)
(1 − 2 )
2
5 3
1 5 x+ 12 3 1 ถา x = 8 ⇒ y = ( 8) + 5 = 28 12 3 12
จาก (1) จะได y =
⎛1⎞ 4⎜ ⎟ 1 2 ⇒ tan 2 2 θ = ⎝ ⎠ = 8 2 ⎛ 1⎞ ⎜1 − ⎟ ⎝ 2⎠
tan 2 θ = 2 ⇒ tan 2 2 θ =
1 12
⇓
⎛ 2 tan θ ⎞ tan 2 2 θ = ⎜ ⎟ 2 ⎝ 1 − tan θ ⎠ 2 4 tan θ tan 2 2 θ = 2 1 − tan 2 θ
(
ถา
8
16 = 32m + 8c
2 + 2 tan θ = 5 tan θ 4
ถา
8
นําขอมูลที่กําหนดใหแทนคาใน (2)
2cot 2 θ + 2 tan 2 θ = 5 1 2 2 + 2 tan 2 θ = 5 tan θ
เนื่องจาก
8
i =1 8
∑ yi = m ∑ xi + 8 c
2 ∑ x1 yi = m ∑ xi + c ∑ xi
cot 2 θ + tan 2 θ + cos ec2θ + sec2 θ = 7 cot 2 θ + tan 2 θ + (1 + cot 2 θ ) + (1 + tan 2 θ ) = 7
นั่นคือ
8
i =1
y ≈ 2.33
=8
สรุป tan 2 2 θ = 8 99